จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    หยดน้ำบนใบบัว​


    พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนกับพวกเราว่า ให้ทำตัวเหมือนกับน้ำบนใบบัวนั้น

    “เราก็หวังประโยชน์แก่โลก เราไม่ได้หวังอะไรเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเรา เราพอทุกอย่างแส้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของโลกของกิเลส พูดให้เต็มยศคือว่าใจเราไม่ใช่ใจโลกใจกิเลส ใจธรรมล้วน ฯ สิ่งเหล่านี้จึงเข้ากันไม่ได้กับเรา พอสัมผัสปั๊บมันจะปัดของมันเอง เหมือนกับน้ำตกลงบนใบบัว ใบบัวก็ไม่ตั้งใจสลัดน้ำ น้ำก็ไม่ตั้งใจจะซึมซาบใบบัว แต่ต่างอันต่างสัมผัสกันแล้วก็กลิ้งตกลงไป ฯ
    ระหว่างจิตวิมุตติจิตบริสุทธิ์กับความสัมมุติซึ่งเป็นเหมือนน้ำตกลงบนใบบัวก็กลิ้งตกลงไป ฯ อย่างนั้นเหมือนกัน…”


    By: ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  2. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    มารายงานตัว ว่ากำลังพยายามอยู่ค่ะ ทั้งคุณภูทยาน คุณเพ็ญ
    คุณดัชนี คุณคิม สู้อุตส่าห์ เสียสละเวลามาสอนมาแนะนำกันด้วยความเมตตา หวังดี ขอบคุณจริงๆค่ะpig_ballet
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    เปลี่ยนบรรยากาศ มาดูโคมไฟสวยๆกันบ้าง
    เดี๋ยวสมาชิกเบื่อกันหมด
    พยายามอย่าทำจิตให้เศร้าหมอง เพราะนั่นแสดงว่าท่านกำลังจะเบียดเบียนจิตตนเองแล้ว ผิดศีลละเอียดนะ
    พยายามทำให้จิตของตนผ่องใส สบายที่สุดเข้าไว้ก่อน
    เช่นนำจิตดูแต่สิ่งสวยงาม หรือสิ่งที่เป็นมงคล หรือนำจิตไปตั้งอยู่แต่ฝ่ายบุญ หรือกุศลเท่านั้น

    แต่ถ้าเราไม่พยายามพัฒนาจิตใจของตนเองให้สูงขึ้น
    เราก็อย่าไปทำให้จิตตกต่ำกว่านี้กันเลย

    ด้วยความปรารถนาดี
    ภู
     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    สุขสันต์วันสงกรานต์​


    ขอให้มีความสุขด้วยกันทุกๆท่านนะครับ
    อย่าไปวิตกกังวลกับเรื่องใดๆ
    แต่ถ้าไม่สบายใจกันก็ขอให้ไปทำบุญ ทำทาน หรือภาวนากันเยอะๆนะ
    ไปไหนมาไหน ทุกหนทุกแห่งให้นำพระติดตามดวงจิตของตนไปด้วยทุกครั้ง
    เพราะจะมีเรื่องแคล้วคลาดจากสิ่งที่ไม่ดี ให้กลับกลายเป็นดี

    ขอให้บุญรักษา มีพระคุ้มครองทุกๆท่าน
    ขอให้มีความสุขมากๆ
    โชคดี มีโชคลาภก้อนโตๆกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 เมษายน 2012
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ดอกบัว​


    เป็นดอกไม้ประจำพุทธศาสนา บัวเป็นดอกไม้ที่เราใช้บูชาพระและเมื่อย้อนไปในสมัยพุทธกาลจะพบว่ามีการ กล่าวถึงดอกบัวไว้หลายตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธองค์ก็ได้ทรงเปรียบบัวว่าเหมือนกันบุคคลที่จะรับ คำสั่งสอนของพระองค์

    [​IMG]

    ดอกบัวสี่เหล่า​



    ๑. อุคฆฏิตัญญู บุคคลที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที


    ๒. วิปัจจิตัญญู บุคคลที่มีสติปัญญาปานกลางเป็นสัมมาทิฏฐิเมื่อได้ฟังธรรม


    ๓. เนยยะ บุคคลที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว พิจารณาตาม และได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อท้อ มีสติมั่น ประกอบด้วยศรัทธาปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนซึ่งค่อย ๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง


    ๔. ปทปรมะ บุคคลที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าและปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน


    นำเอาดอกบัวมาเตือนใจของพวกเรากันก่อน เพราะเกรงว่าจะตกเป็นเหยื่อของเต่า และปลากันน่ะ_!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 เมษายน 2012
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]


    จิตอรหันต์ จิตปุถุชน



    คัดจากฐานิยปูชาปี ๒๕๔๑

    พระอรหันต์ก็ยังร้องไห้ได้ การร้องไห้มันเป็นกิริยาของกายต่างหาก ตัวร้องไห้มันก็ร้องไป ตัวที่นิ่งเฉยอยู่มันก็นิ่ง... พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระปถุชนโศกเศร้าเสียใจ พระอรหันต์ได้ธรรมสังเวช ธรรมสังเวชนี่แหละมันทำให้น้ำตาไหล ไม่ใช่ว่าพอสำเร็จอรหันต์แล้วมันจะไม่มีอะไร มันก็เหมือนกับปถุชนธรรมดานี่แหละแต่สิ่งที่ทำให้ท่านเกิดกิเลสเมื่อก่อนนี้มันหมดไป ความตื้นตัน ความปิติต่างๆ มันเป็นองค์ประกอบของสมาธิ มันก็ต้องมีอยู่เป็นเรื่องธรรมดา

    “หลวงปู่โกรธเป็นไหม” “โกรธเป็น แต่ไม่เอา” อันนี้คือคำตอบของหลวงปู่ดูลย์ ก็มันแสดงความรู้สึกขึ้นมาเฉยๆว่า โกรธ แล้วท่านก็ไม่เอา

    หลวงพ่อก็เคยร้องไห้มาแล้ว ไปสวดมนต์ในวัง พอไปถึงแก่งคอย ก็ไปนึกถึงว่าพ่อตายอยู่ตรงนั้น ไหนจะลองกำหนดจิตอุทิศส่วนกุศลให้พ่อสักหน่อย พอกำหนดไปพั๊บ มองไปข้างหน้าสายตามันพร่า แล้วก็เห็นตาแก่คนหนึ่งแบกเด็กน้อยลอยผ่านหน้าไป ทีนี้พอลับสายตาไปจิตก็มานึกว่า พ่อแบกเรามาตั้งแต่เด็ก แล้วมันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาทันที คนที่นั่งมาในรถเขาก็ถามว่า หลวงพ่อเป็นอะไรๆ ก็โบกมือ เฉยๆเดี๋ยวก็รู้ พออาการอย่างนั้นมันหายไป ก็เล่าให้เขาฟัง

    ปิติมันเกิดจากกายต่างหาก อย่างสมมติว่าเรามีเรื่องขำ เราหัวเราะเสียจนไส้ขดไส้แข็ง เราเมื่อยเกือบตาย เราไม่อยากหัวเราะแต่มันก็อดไม่ได้ นั่นคือความเป็นเองของร่างกาย อันนี้มันได้หลักมาว่า ภายในตัวของเรานี่สมองเป็นผู้สั่งการ กองบัญชาการในสมองที่มันสั่งออกมานี่ ให้ร่างกายมันเตี้ย ให้ร่างกายมันโต ให้ร่างกายมันสูงโย่ง อันนี้เป็นเรื่องของสมองทั้งนั้น คำสั่งของสมองอันนี้หรือจิตดวงนี้ ตามหลักของการสะกดจิตเขาเรียกว่า จิตอิสระ จิตอิสระดวงนี้จะคอยบังคับดูแลและใช้เครื่องจักรกลไกต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานให้แก่เราอย่างตรงไปตรงมา

    อาการปิตินี่เป็นอาการที่จิตดื่มรสพระสัทธรรม มันเหมือนกับว่าเราอยากได้อะไรมากๆ พอได้สมประสงค์ก็เกิดปิติเหมือนกัน แต่ทีนี้สมมติว่าผู้ที่เป็นพระอรหันต์จริงๆ นี่ เวลาท่านกำหนดจิตรู้อารมณ์ จิตมันก็ปรุงแต่งเหมือนคนธรรมดา ทีนี้ภายในสมาธิ มันก็เกิดนิมิตขึ้นมา ถ้าท่านรู้เรื่องอดีตชาติ ท่านก็แสดงอาการร้องไห้ ร้องไห้ในสมาธิ แต่ร้องไห้น้ำตาไม่ออก อย่างคนที่จิตยังไม่พ้นกิเลส พอได้นิมิตว่าชาติก่อนเราได้ไปเกิดเป็นอันนั้นๆ ได้ไปทะเลาะตบต่อยตีกันที่ตรงนั้น พอรู้สึกอย่างนั้นก็ลุกขึ้นมากระโดดขโมงโฉงเฉง ทีนี้ความรู้ของพระอรหันต์นี่ท่านรู้ว่าชาตินั้นท่านเป็นอย่างนั้น ได้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนนั้นคนนี้ มันก็แสดงอาการโกรธเคียดขึ้นมา แต่ความโกรธความเคียดกับจิตของท่านมันแยกกันไปคนละส่วน เหมือนๆ กับบางครั้งที่จิตของเรามีอารมณ์เกิดขึ้นๆๆ แต่มันเป็นกลางเฉย สิ่งรู้เป็นแต่เพียงอารมณ์จิต แล้วตัวเองไม่ได้ไปสวมสอดเข้าในเรื่องนั้น มันแยกเป็นคนละส่วน ทีนี้ผู้ที่รู้ยังไม่ถึงแก่นพอรู้เข้ามาพั๊บ ก็สำคัญว่าตัวเองอยู่ในปัจจุบันนั้น

    เช่นอย่างพระองค์หนึ่ง เป็นหัวหน้าพระ ๓๐ รูป อุบาสิกาคนหนึ่งเป็นอุปัฏฐากอยู่ ภายหลังอุบาสิกาฟังเทศน์ฟังธรรมจากพระเหล่านั้นแล้วได้สำเร็จโสดาบัน พอสำเร็จโสดาบัน ท่านก็ตรวจสอบดูพระว่าท่านองค์ไหนได้บรรลุคุณธรรมหรือเปล่า ก็รู้ว่ายังไม่บรรลุ ขัดข้องเรื่องอะไร ขัดข้องเรื่องรสอาหาร บางท่านชอบเผ็ดชอบมันอะไรไม่ได้ตามใจ ก็ไปข้องอยู่ที่ตรงนั้น ภายหลังมาเมื่อท่านรู้แล้วว่าองค์ไหนชอบอะไร ทำให้ถูกใจหมด พอนึกขึ้นมาตอนกลางคืนอยากฉันสิ่งนั้น ตื่นเช้าก็มาแล้ว หนักๆเข้าพระอาย พากันไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ถามว่าทำไมทิ้งอุบาสิกามาเสียเล่า พระก็ทูลว่าอยู่ด้วยไม่ได้หรอก คิดอะไรก็รู้หมด...อาย พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าเขาเป็นมารดาของเธอมาหลายภพหลายชาติแล้ว มาชาตินี้แหละเขาจะช่วยให้ท่านสำเร็จพระนิพพาน กลับไปอยู่กับเขา พระทั้งนั้นก็กลับไปอยู่กับอุบาสิกา พอกลับมา ก็ต้องมาสำรวมจิตสำรวมใจไม่ให้ยินดียินร้ายในรสอาหาร พิจารณาปัจจเวกขณะขจัดความชอบหรือไม่ชอบ ทำจิตให้เป็นกลาง แล้วลูกน้องได้สำเร็จพระโสดาบัน อุบาสิกาได้สำเร็จพระสกทาคามีไปๆ มาๆ พระทั้งหลายได้สำเร็จพระอรหันต์ อาจารย์ใหญ่ได้เพียงพระโสดาบัน อุบาสิกาก็พิจารณาดูว่าพระเราสำเร็จแล้ว แต่อาจารย์ใหญ่นี่สำเร็จหรือยัง... ยังไม่สำเร็จ อยู่มาวันหนึ่ง ภูมิจิตเริ่มจะก้าวหน้า จะได้บรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ ไประลึกขึ้นมาได้ว่า ชาติหนึ่ง ภพหนึ่ง อุบาสิกาคนนี้เป็นภรรยาของท่าน ไปคบกับโจร พอท่านไปรู้อย่างนั้นเข้า ท่านก็โกรธขึ้นมาอย่างแรง โกรธชนิดที่ว่าจิตกับอารมณ์แยกกันไม่ออก อุบาสิกาก็ส่งกระแสจิตไปเตือนว่า นึกต่อไปอีกชาติพระคุณเจ้า พอระลึกไปอีกชาติหนึ่งไปรู้ว่าชาตินั้นท่านผู้นี้ถูกโจรจับ มันจะฆ่า อุบาสิกานี่ก็เป็นภรรยาของโจร พอโจรมันจะฆ่า ภรรยาก็ขอร้องว่าอย่าไปฆ่าเขา เขาไม่มีความผิด แล้วก็ถูกปลดปล่อยไป ในเมื่อรู้อย่างนั้นก็มานึกถึงบุญคุณเขา ความโกรธมันก็ระงับลง ในที่สุดก็ได้สำเร็จพระอรหันต์

    เพราะฉะนั้น เราโกรธด่าตีกันธรรมดา ๆ นี่ไม่สำคัญหรอก โกรธในสมาธินี่มันร้ายแรงที่สุด ดีไม่ดีระงับไม่อยู่กรรมฐานแตก

    เรื่องอสีติมหาสาวก ๘๐ รูปนี่ หลวงพ่อเรียนนักธรรมโทอ่านไปๆๆ ร้องไห้ไป มันเกิดปิติ เช่นอย่างบางท่านนั่งทอหูกอยู่กำหนดสติรู้เรื่อยไป พอทอหูกจบสำเร็จอรหันต์ก็มี พระเถระบางท่านนั่งเทศน์สอนลูกศิษย์ พอเอวังลงไปสำเร็จอรหันต์ก็มี เพราะฉะนั้น การเทศน์การแสดงธรรมนี่ เราจึงถือว่าเราไม่ได้สอนคนอื่นแต่เรามานั่งให้คนอื่นสอบไล่เรา แล้วเราก็สอนเราเอง ถ้าไปคิดว่าเทศน์สอนคนอื่นแล้ว หลวงพ่อเทศน์ไม่เป็น ไม่รู้จะเอาอะไรไปสอนเขา เขาเก่งกว่าเราเสียอีก


    ปล.จงทำจิตของเราให้เหมือนหยดน้ำบนใบบัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 เมษายน 2012
  7. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ขอบคุณมากค่ะ เข้าใจดีแล้ว ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็ทำให้เค้าเห็นแบบอย่าง แล้วนำภาพพระให้เค้าดูบ่อยๆๆ บอกให้จำภาพพระไว้และให้เค้าพยายามถือศีลห้า ให้เค้าค่อยๆๆฝึกไปค่ะ
     
  8. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะ พี่ภู คุณเพ็ญและทุกท่าน มีเรื่องเล่าอีกค่ะ เมื่อตอนเช้ามืดนี่รู้สึกตัวขึ้นมาไม่ทราบว่ากี่โมง แต่ก็นึกถึงภาพสมเด็จองค์ปฐมเหมือนเดิม ใช้เวลาสักครู่รู้สึกจิตนิ่ง เพราะลมหายใจแผ่วเบา ก็ปล่อยไปเรื่อยๆๆ สามีที่นอนอยู่ข้างๆๆ เอื้อมมือมากอดแล้วรู้สึกว่าเราไม่หายใจ เค้าเลยคลำหาชีพจรที่มือไม่มี มือทั้งสองข้างชีพจรไม่เต้น ลมหายใจไม่มี แต่ตลอดเวลาที่เค้าจับนี่เรารู้สึกตัวตลอด จนเค้าเริ่มเห็นไม่ดียกแขนเราขึ้นสูง คงจะตกใจ เราเลยออกจากสมาธิแกล้งถามว่ามีอะไรเหรอ เค้าบอกว่าเมื่อกี้ หัวใจไม่เต้น ชีพจรก็ไม่เต้น แถมไม่หายใจอีกเค้าตกใจ เลยบอกเค้าไปว่าเราทำสมาธิอยู่ แต่ได้ความรู้ใหม่ว่าหัวใจไม่เต้นด้วย คิดว่าคงเต้นแต่แผ่วเบามากกว่าเหมือนลมหายใจที่แผ่วเบาจนจับไม่ได้ว่าเต้นอยู่ ใช่ป่าวค่ะ
     
  9. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    สู้ สู้ นะคุณ Linda2009
    พวกเราขอเป็นกำลังใจให้กับท่านที่เอาจริง วินาทีนี้เป็นวินาทีแห่งการเอาจริง
    ดชน ไม่อยากให้ท่านผู้เจริญทั้งหลายเป็นเหมือนผู้คนที่วิ่งหนีสุนามิกัน เห็นแล้วสงสารมากเลย(อยู่ในเหตุการณ์) มาลุยกะจิตเรา เออ..ถามนิดไปเข้ากระบวนการยกระดับจิตหรือยังคะ ถ้ายัง มีอีเมลล์ของครูเพ็ญในกระทู้ ด่วนเลยนะคะ
     
  10. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุการค่ะ 555 ไม่ต่างกันค่ะ บอกเขาไปว่าไม่ต้องห่วง ของ ดชน
    นี่เปิดไฟนั่งจ้องค่ะ
     
  11. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    สวัสดีปีใหม่สงกรานต์ไทย มีสุข มีสุข
    สำหรับ เราแล้วทุกวันเป็นปีใหม่ เดือนใหม่ วันใหม่ เอ๊า..ก้อเมื่อวานผ่านไปแร๊วววว อ่ะ
     
  12. สุนิสาsunisa

    สุนิสาsunisa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +42
    มาขอฝึกด้วยคนนะค่ะ เพราะสภาพจิตตอนนี้อยู่ในโลกความจริงจะไม่ไหวแล้ว มันเวียนคิดแต่ว่าตายไปพ้น ๆ จากปัญหาต่าง ๆ เสียทีดีไหม แต่ก็กลัวบาปอีก ขอมายึดเอาพระเป็นที่พึ่งด้วยคนนะค่ะ
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ตาเห็นนอก จิตเห็นใน
    ตาเห็นรูป จิตเห็นนาม
    ตาเห็นสมมุติ จิตเห็นของจริงคือ วิมุตติ

    จิตชั่วคราวคือ จิตออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ประเดี๋ยวก็กลับเข้ามาอีก หรือเข้าๆ ออกๆ
    จิตถาวรคือ จิตกลับเข้ามาข้างใน และไม่กลับออกไปอีก สุขอยู่ภายใน

    จงสนใจจิตของตนเถิด
    เพราะจิตเป็นของจริงๆ คือจิตไม่มีวันตาย
    เพราะกายเป็นของสมมุติ คือกายนี้จักต้องตายแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว

    ขอให้ทุกท่านจงสุขกาย สบายใจ ขอให้จิตตั้งอยู่แต่ฝ่ายบุญ กุศลขอให้ทุกดวงจิตเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ...
    โดยเพราะสมาคม " จิตเกาะพระ "

    สำหรับผู้ปฎิบัติใหม่นั้น แต่ถ้ามีผู้ใดผฎิบัติคืบหน้า หรือจิตยกแล้ว ขอให้ท่านมาแชร์กันบ้าง อย่าเก็บไว้แต่ผู้เดียว คือช่วยแบ่งปันกันบ้างเถิด จะได้เป็นธรรมาทานกับผู้อื่นๆ
    จะได้เป็นกำลังใจสำหรับผู้กำลังลังเล หรือสงสัย ว่ามันจะเป็นจริงที่กล่าวอ้างกันหรือ??
    เหลวไหลกันหรือ???

    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ โดยเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม แม้นกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ยังคงรอคอยให้ลูกหลานเหลนของท่านขึ้นไปบนพระนิพพานกันอยู่ทุกวัน

    ขอฝากวันสงกรานต์ขอให้ทุกท่านมีสติกันมากๆ ศีลจึงจะตามมาทีหลัง
    สติขาด ศีลก็ขาด
    จิตขาดภาวนา ก็เหมือนจิตขาดบุญ
    เมื่อชีวิตคนเราขาดบุญ กุศล
    แล้วชีวิตจะอยู่เป็นสุขกันได้อย่างไร

    รักและเมตตาทุกๆดวงจิต
    ภู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 เมษายน 2012
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วิธีทำจิตว่างจากความทุกข์


    กราบนมัสการองค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
    การปฏิบัติธรรมแบบต่าง ๆ ที่ทุก ๆ ท่านศาสนิกชนได้ปฏิบัติ ต่างก็มีเป้าหมายที่เหมือนกัน คือ พระนิพพาน แต่ละคน แต่ละจิต ก็ปฏิบัติตามแนวจริตของตน ตามอารมณ์จิตและบารมี คือ กำลังใจของแต่ละท่าน ที่ได้เคยปฏิบัติตามพระอาจารย์ของแต่ละท่าน ในภพชาติที่ผ่านมา นับชาติไม่ถ้วน และสิ่งสำคัญในการปฏิบัติ ให้จิตท่านเข้าถึงสภาวะพระนิพพาน จิตเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ไม่มีวันตาย จิตไม่มีวันแตกแยกสูญสลาย
    จิตของเรานี้ บริสุทธิ์มาตั้งแต่แรกเริ่มมาก่อนที่จะมาหลงวนเวียนเข้ามาอยู่ในวัฏฏสงสาร แต่ละภพแต่ละชาติ เวียนว่าย ตายเกิด แล้วลืมชาติกำเนิดก่อนเกิด แต่ละชีวิตก็ถูกกิเลส ครอบงำมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ ยึดมั่นในสิ่งสมมติในโลกที่เป็นอุปาทาน ทั้งคนสัตว์ วัตถุสิ่งของ มีเกิดมีดับ ตายหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ก็เลยไม่สามารถหลุดออกจากวัฏฏสงสาร จนกว่าจะขัดเกลาจิตให้บริสุทธิ์ ให้ว่างจากกิเลสทั้งปวง จึงจะเห็นจิตในสภาพที่แท้จริง
    ขอให้ทุกท่านอย่าได้ประมาทในชีวิต อย่าได้คิดว่าหาเงินหาทองลาภยศสรรเสริญไว้ก่อน จิตใจเอาไว้ปฏิบัติธรรมยามแก่เฒ่า วันเวลาชีวิตของมนุษย์สั้นมาก ตายกันได้ง่าย ๆ ไม่มีใครรู้ว่าความตายจักมาถึงเวลาไหน สภาพอย่างไร
    ถ้าจิตก่อนตายไม่ใสสะอาด จิตเศร้าหมองหรือตกใจ ก็ไปเกิดยังภพภูมิที่เศร้าหมอง เพราะมีแต่ทุกข์ ทรมานกายจิต ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าจิตสะอาด ปราศจากกิเลส โลภ โกรธ หลง ตัณหา อุปทาน ผิดศีล 5 ข้อ ไม่ติดใจในกายขันธ์ของใครทั้งสิ้น จิตก็หลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร อันเป็นต้นเหตุของความทุกข์ยากลำบากกายใจสารพัด จิตที่ยึดติดในกายเรา กายเขา ทรัพย์สมบัติอันเป็นที่รักใคร่พอใจ เรียกว่า จิตมีอุปาทาน คือ หลงยึดติดใจ

    วิธีขัดเกลาจิตของท่านให้จิตว่างจากกิเลสมีดังนี้
    1. สร้างกำลังใจของเราให้เต็มเปี่ยมไปด้วยการรักษาศีล 5 ทำบุญทำทาน บวชจิตทำจิตให้สะอาดไม่วิตกกังวล ไม่ติดใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นเนกขัมมบารมี มีปัญญา มองดูทุกสิ่งใด ๆ ในโลก พังสลายไม่คงทนทั้งหมด มีวิริยะเอาชนะอารมณ์ชั่ว อารมณ์เศร้าหมองเครียด ขจัดออกไปจากจิต ด้วยการภาวนากำหนดลมหายใจเข้าออก นึกถึงพระคุณความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ มีดีอย่างไร มีขันติบารมี คือ อดทนฝืนใจระงับอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ ไม่หวั่นไหวมีอารมณ์อดกลั้น ไม่โกรธตอบ ใช้น้ำเย็นระงับความหงุดหงิด ไม่พอใจด้วยการเมตตาสงสารขอให้เขาเป็นสุข เป็นเมตตาบารมี หน้าตาเบิกบานแจ่มใส
    มีความจริงใจที่จะทำจิตใจให้ว่างจากกิเลสด้วยการพิจารณาโลก คน สัตว์ทั้งหมด เป็นสุขจริงหรือทุกข์จริง มีความจริงใจพิจารณาร่างกายคน หอมหรือเหม็น ร่างกายเป็นคุณหรือเป็นโทษ ร่างกายอยู่ในความเชื่อฟังควบคุมของจิตหรือไม่ ร่างกายตายสุดท้ายเหลือแต่ความว่างเปล่า ทำจิตให้ว่างจากกายเรา กายเขา ทำแบบจริงจัง แต่ทำให้สบาย คิดเล่น ๆ แค่มีความจริงใจในการปฏิบัติ คือ สัจจะบารมี
    อธิษฐานบารมี สร้างกำลังใจ ว่าเราจะทำคุณงามความดี ทั้งทางกาย วาจา ใจ จนกว่าจะหมดลมหายใจ มีจิตมั่นคง ไม่สงสัย ในพระธรรม คำสอนขององค์พระชินวร ปฏิบัติตามพระพุทธองค์ จิตเราเข้าถึงพระนิพพานได้แน่นอน ในชาติปัจจุบันนี้ ไม่ต้องอธิษฐาน ไปนิพพานชาติหน้า ให้เสียเวลาเกิดเป็นคนอีกพบกับความทุกข์แบบนี้อีก
    ทำจิตให้มีกำลังใจในอุเบกขาบารมีครบถ้วน ด้วยการมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดาของโลกเป็นธรรมชาติ จิตสบายเฉย ๆ ไม่มียินดีหรือยินร้าย ทำใจนิ่งเฉยไม่วอกแวก
    บารมี 10 กำลังใจทั้ง 10 อย่างนี้สำคัญมาก ท่านจะเข้าใจสภาวะนิพพานในจิตใจของท่านเองทั้ง ๆ ที่ยังไม่ตาย กำลังใจ 10 อย่างนี้ สามารถตัดกิเลส สังโยชน์ 10 อย่างได้ ตามกำลังใจของท่าน ถ้าเข้มแข็งจริง ๆ ท่านก็เอาชนะกิเลสได้ง่าย ๆ สบาย ๆ เป็นทางลัดรวดเร็ว พยายามทำต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เคร่งเครียด ทำแบบสนุก จิตจะเป็นสุขไปด้วยพลังธรรม
    การพิจารณาขันธ์ 5 ร่างกายเรา เขา ว่าไม่เที่ยง มีภาระต้องดูแลเลี้ยงดู ทำความสะอาดกันทุกวัน และควบคุมไว้ก็ไม่ได้ เพราะร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ของเขาอยู่แล้ว เป็นของธรรมชาติ เป็นของโลก เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวของจิตเราท่าน ต้องพิจารณาจนเห็นเข้าใจว่า ไม่ใช่ของจิตจริง ๆ แม้ใครจะมาทำร้ายหรือตามมาฆ่าร่างกาย เราก็ไม่ตกใจหวั่นไหว เพราะจิตเราไม่ยืดติดในร่างกายชั่วครู่ชั่วคราวของโลกนี้
    การปฏิบัติเพื่อจิตไม่ยึดติดในร่างกายมีหลายข้อหลายวิธี มีถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ เช่น กรรมฐาน 40 แบบและ มหาสติปัฏฐานสูตร 4 อริยสัจ 4 มรรค 8 ศีล สมาธิ ปัญญา เลือกเอามาใช้พิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งใน 84,000 พระธรรมขันธ์ จิตก็จะเข้าถึงอริยมรรค อริยผลได้ง่าย ๆ อย่างเช่น ท่านพระพาหิยะ เพียงแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
    " พาหิยะ จิตเป็นของเบาบริสุทธิ์ จิตเธอเห็นรูปร่างกายขันธ์ 5 แล้ว จงทำจิตเพียงสักแต่ว่าเห็นรูป อย่าเอาใจที่เป็นของเบาไปยึดติดรูปร่างกายที่เป็นของหนัก มีแต่ทุกข์แต่โทษ เพียงเท่านี้ จิตของท่านพาหิยะ บรรลุอรหัตตผลทันที เป็นพระสาวกที่บรรลุธรรมได้รวดเร็วที่สุด

    2. แนวการปฏิบัติเข้าสู่พระนิพพาน ก็คือ ปฏิบัติด้วยการมีศีล 5 ข้อ บริสุทธิ์ วาจาจริงใจไพเราะมีประโยชน์ ใจในขันธ์ 5 ก็คือ อารมณ์ 108 ประการ เอาจิตที่ว่างสะอาด ปราศจากกิเลส ควบคุมอารมณ์ใจให้มีเมตตาอยู่เสมอ

    3. เอาจิตพิจารณามองทุกสิ่งทุกอย่างในโลก สัตว์ คน วัตถุสิ่งของ ลาภ ยศ สรรเสริญ เจริญสุขทางโลก ไม่มีอะไรเป็นของจริง เป็นของสมมุติ ทั้งหมด ไม่มีอะไรแน่นอน คงที่ ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง เป็นสาระแก่นสารได้ ย่อมสูญสลายหายสาบสูญไปหมดทั้งสิ้น
    เตือนจิตตนแบบนี้ตลอดเวลา จิตจะว่างจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา ว่างจากกายขันธ์ 5 ของตน ว่างจากกายขันธ์ 5 คนอื่น ไม่มีวิตกกังวลอยู่ในจิตในใจเราอีกต่อไป มองเห็นทุกสิ่งเป็นความว่างเปล่า

    4. จิตว่าง คือ จิตมีอยู่ แต่จิตเป็นกุศลฉลาด มองทุกสิ่งทุกอย่างในโลก จักรวาล นรกโลก เทวโลก พรหมโลก ในความเป็นจริงว่า เป็นเพียงภาพสมมุติ ภาพมายา มีจริง แต่ก็สูญสลายไปจริง ๆ เหลือแต่ความว่างเปล่า จิตไม่ไปยึดเกาะกับของว่างเปล่า เป็นจิตสะอาดบริสุทธิ์ดังเดิมเพราะไม่มีอุปาทาน ยึดติด ทั้ง 3 โลก ไม่ยึดติดทุกข์ คือ นรก ไม่ยึดติดสุข ในสวรรค์ พรหม
    จิตไม่ยึดติดในสรรพสิ่งใด ๆ ในโลกนี้ โลกหน้า สภาพจิตจะเบา เป็นอุเบกขา เป็นหนึ่งคือ เอกัตคตารมณ์ วางเฉยในทุก ๆ เรื่อง เป็นสังขารุเบกขาญาณ วางเฉยในร่างกายเขาและเรา

    5. จิตว่างจากกายเรา กายเขา แต่ถ้าจิตยังอยากเป็นพระอริยเจ้า อยากเป็นพระอรหันต์ อย่างนี้ ท่านทำได้ดีแล้ว แต่ดียังไม่ถึงที่สุด ควรวางจิตให้เป็นอุเบกขา ไม่ยึดติดในความดี ความชั่ว บุญบาป ไม่สนใจ ทำจิตให้นิ่ง วางเฉยแต่มองทุกสิ่งทุกอย่าง ว่างสลายไปหมดเหลือแต่อวกาศ สุญญากาศ มีแต่จิตสะอาดเบาว่างจากกิเลส ว่างจากความหลงเหลืออยู่

    6. จิตของคน สัตว์ เทพ พรหม ผีต่าง ๆ ถูกความว่างหุ้มห่อไว้ จิตมองเห็นตามความเป็นจริงว่า ทั้ง 3 โลก มีแต่ความแปรปรวนว่างเปล่าในที่สุด จิตจะหลุดจากการเกาะยึดสิ่งชั่วคราวสมมุติแล้วก็เหลือความว่างนั้น โดยเฉพาะขันธ์ 5 ร่างกายมนุษย์ สัตว์ ผี เทพ ก็มีแต่ความว่างเปล่า เพียรทำจิตให้ว่าง เหมือนแก้วในประการเพชร สว่างไปไกลไม่มีขอบเขต และวางเฉยแบบนี้ เป็นอุบายง่าย ๆ แบบลัด ๆ ได้ผลรวดเร็ว เป็นแบบพุทธจริต คือ จิตของท่านผู้ฉลาดมีบุญบารมี ปัญญา เฉียบแหลมคม
    ในที่สุด จิตท่านก็ถอนความเห็นเป็นตัวเป็นตนของร่างกาย ซึ่งเป็นของหนักเสียได้ อย่างง่ายดาย ดังเช่น ท่านโมฆราชได้บรรลุ พระอรหัตตผลแล้ว ท่านก็จะเข้าใจสภาวะพระนิพพาน ซึ่งมีอยู่ในจิตของทุกท่าน ที่องค์พระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระมหากรุณา เมตตาสั่งสอน และคอยสอดส่องดูแลเหล่าพุทธบริษัท เป็นกำลังใจให้พวกเราได้เข้าใจจิตเดิมแท้ของพวกเราตลอดเวลา ขอให้ทุกท่านรีบเร่งบำเพ็ญเพียรทางจิต อย่าได้คิดผัดผ่อน ทุกวินาที มีค่าสำหรับเราเพื่อพ้นทุกข์ ร่างกายเป็นครู เป็นพระธรรมให้เราเห็นทุกข์โทษ ถ้าจิตติดในร่างกายไม่มองกายในความเป็นจริง
    พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า ไม่ฉลาด ไม่มีความรู้จริง ขอให้ท่านช่วยตนเอง ทำจิตให้ฉลาดมีปัญญาตามพระธรรมคำสอนขององค์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ตั้งแต่สมเด็จองค์พระปฐมจนกระทั่งถึงสมเด็จองค์ปัจจุบัน

    7. ผู้ที่ฝึกมโนมยิทธิ สัมผัสพระพุทธเจ้าเบื้องบนพระนิพพานได้แล้ว ให้ขยันยกจิตเข้าไปฝากไว้ในจิตองค์สมเด็จพระประทีปแก้วตลอดเวลา เป็นการแยกจิตซึ่งเป็นของจริงของเบา ออกจากกายที่เป็นของหนักสกปรก
    จิตที่ยกไปฝากไว้กับพระผู้มีพระภาคเจ้าที่พระนิพพาน จะเป็นจิตสะอาด จิตเบิกบาน จิตว่างจากกิเลส เป็นจิตของพระอรหันต์ มีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจตลอดเวลา เป็นจิตที่มีปัญญา เข้าถึงพระนิพพานเพราะว่างจากกิเลส

    จิตที่พระนิพพานอยู่กับองค์สมเด็จพระพิชิตมารเป็นฌาน 4 ใช้งานเป็นของง่ายเป็นของจริง ถ้าไม่มีบารมีนึกอย่างไรก็ไม่ถึงเพราะสงสัยไม่เชื่อ

    ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ บารมีพระนิพพาน บารมีพระธรรม และบารมีพระอริยเจ้าทั้งหลายได้ดลบันดาล ดลจิตของทุกท่านได้รอดพ้นจากวัฏฏสงสาร สามารถก้าวล่วงสู่พระนิพพาน เป็นสุขยิ่งชั่วกาลนาน ทุกท่านด้วยเทอญ


    Untitled Document
     
  15. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ยินดีต้อนรับค่ะ อย่าลาขันธ์5 (ร่างกาย) ไปเลยนะคะ เกิดมาทั้งทีก็ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม มาเถิดคุณพี่ทำจิตเกาะพระกัน เกาะแล้วสบายกายสบายใจ

    สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกเป็นของไม่เที่ยง ทุกข์-สุขก็ไม่เที่ยง
    ปัญหาก็ไม่เที่ยง ตอนนี้ปัญหามันเกิดและตั้งอยู่แต่เดี๋ยวก็ดับไป ทำใจสบายๆ นะคะ กายทำงานทางโลกไป ใจก็คิดถึงพระตลอด แป๊บเดียวเดี๋ยวปัญหาก็ผ่านไป สู้สู้ค่ะ ลูกหลานพระพุทธเจ้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
     
  16. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    สวัสดีค่ะ พี่ภู(ขออนุญาติเรียกตามนี้นะค่ะ) ตอนนี้ฝึกจิตเกาะพระมาได้2วันแล้ว เพื่อนก็แอบตกใจค่ะ ที่เห็นรูปหน้าจอเปลี่ยนไปจากรูปดาราเกาหลีเป็นรูปท่านพระพุทธชินราช ฮ่าๆ(เพื่อน:อุ๊ย หน้าจอเป็นรูปพระด้วย>>แล้วก็ไหว้รูปท่าน บางคนก็:เดี๋ยวนี้ธรรมะธรรมโมเหมือนแคทเข้าไปทุกทีนะ(แคทคือเพื่อนในสาขาที่ธรรมะธรรมโมสุดๆค่ะ^^))

    ขอแชร์ประสบการณ์ระดับมือใหม่(สุดๆ) หัดฝึก จิตเกาะพระ นะค่ะ

    ก่อนไปทำงานกับเพื่อนที่คณะวันนี้ก็ไปไว้พระที่หอพระของมหาลัยค่ะ ตอนขาไปนี่รู้สึกว่าแดดยามบ่ายแรงเหลือเกินร้อนมากๆ แต่พอขากลับ หลังจากไหว้พระแล้ว ก็รู้สึกว่าขับรถลมเย็นสบายมากๆไม่ร้อนเหมือนขามา(คิดไปเองรึปล่าวก็ไม่รู้)

    ก่อนหน้านี้ก็โทรไปหาคุณแม่ที่มิสคอล์มา เราก็งงๆนะ ว่าท่านงอนเราอยู่แต่อยู่ดีๆก็โทรมา คิดว่าคงจะหายงอนเราแล้ว แต่ปล่าวเลยค่ะ ท่านวานให้น้องชายโทรมาด้วยเบอร์ของท่าน แล้วก็มาประชดเราว่า "เราไม่ได้อยากคุยกะท่านหรอก สองพี่น้องคุยกันเองเถอะ ไปคุยไกลๆแม่ก็ได้นะ" อารมณ์น้อยใจ+อาการงงๆก็ปะทุขึ้นมาเลยล่ะค่ะ พอน้องเราถือสายแทนคุณแม่ น้องเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ตัวหนูเองก็ไม่รู้จะคุยอะไรเหมือนกัน ได้แต่เออๆออๆกันไปมา แล้วก็วางสายไปค่ะ หลังจากนั้นหนูก็เลยโทรไปหาคุณพ่อ ไประบายให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อก็ปลอบใจให้ "ปล่อยวางเถอะลูก แม่เค้าก็เป็นแบบนี้แหละยังไม่ชินอีกเหรอ ไม่ต้องห่วงน้องนะ น้องคงจะเอาตัวรอดได้เองแหละ ส่วนเราก็ปล่อยวางได้แล้ว แม่เข้าไม่เข้าใจเราก็ไม่เป็นไร " ฟังคุณพ่อพูดไปน้ำตาไหลไป:'( (คิดถึงท่านมากๆเลยล่ะค่ะ ขนาดตอนพิมยังน้ำตาไหลเลยล่ะค่ะ Home sick จริงๆ:'() แต่เราก็สบายใจขึ้นเยอะ ยึ่งได้ทานน้ำหวาน ขับรถไปไหว้พระแล้วยิ่งปล่อยวางได้มากขึ้นหน่ะค่ะ

    พอถึงเวลาทำงานก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นค่ะลืมเรื่องน้อยใจก่อนหน้านี้ไปเลย อาจเป็นเพราะเรามีเพื่อนๆที่นั่งทำงานด้วยกันอยู่ข้างๆด้วย ทำให้เราสบายใจขึ้น (แต่ก็ยังละกิเลสไม่ได้ค่ะ เล่นไพ่สลาฟกับเพื่อนไปด้วยทำงานไปด้วยตลอดเลย ฟุ้งซ่านจริงๆ พรุ่งนี้จะต้องหักดิบ ละให้ได้ ฮ่าๆ)

    พอกลับมาจากทำงานก็กลับมาเข้าเว็บพลังจิตอ่านกระทู้นี้ต่อ ฮ่าๆ อ่านความเห็นต่างๆมาเรื่อยจนหน้าสุดท้ายของวันนี้ พร้อมกับฟังเทศของท่านอาจารย์ทิพพากรของปีทีแล้วด้วย เค้าสวดอะไรยังไงเราก็ทำตามหมด พยายามจินตนาการว่าเรานั่งอยู่ในที่แห่งนั้นด้วย ฟังเทศน์เสร็จแล้วก็มานั่งฝึกจิตเกาะพระ กับรูปพระหน้าจอของเราต่อ พยายามจ้อง/จดจำรายละเอียดของท่าน แล้วหลับตานั่งนึกถึงภาพท่านต่อ แต่ก็ยังเห็นหน้าท่านไม่ชัดค่ะ เห็นแค่เกศ/ลำตัวของท่าน แต่ยังไม่เห็นหน้าท่าน บางครั้งเหมือนมีเงาดำๆมาบังตรงหน้าท่านไว้หน่ะค่ะ แต่พอเราเห็นหน้าท่านพอลางๆก็ลองทำจิตปล่อยวางดูก็รู้สึกสบายขึ้นนิดนึงค่ะ แป๊ปเดี๋ยวก็หลุดออกมา แต่เราก็เริ่มนึกได้ตามที่พ่อปลอบเราเอาไว้หน่ะค่ะ เริ่มปล่อยวางเรื่องที่น้อยใจได้บางแต่ก็ยังมีติดอยู่ในใจบ้างนิดนึง ในใจก็เผลอคิดว่า เรื่องวันนี้มันคงเป็นสิ่งที่มาทดสอบใจของเรา วันนี้เรายังปล่อยวางไม่ได้ งั้นเราก็ควรจะพยายามให้มากกว่านี้อีก

    วันพรุ่งนี้คงต้องพยายามให้มากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ ^^:cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    จะหักดิบเลยทีเดียว ฮ่าๆ ใจเย็นค่ะกิเลสบางอย่างถ้าหักดิบเดี๋ยวมันดิ้นหลุดไปไกล เอาเป็นว่างดกิจกรรมที่เกี่ยวกับกิเลสไว้ ทำใจสบาย ทำจิตเกาะพระไปเดี๋ยวกิเลสก็หนีไปเอง ส่วนเรื่องHOME SICK จิตเกาะพระไปเดี๋ยวหายคิดถึงเองค่ะ
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ผู้ใดนำจิตเกาะพระแล้ว
    รู้สึกว่าลมหายใจของตนเองเบาขึ้น หายใจละเอียดขึ้น เพราะจิตเริ่มเป็นสมาธิเบื้องต้น
    เพราะจิตกำลังเข้าสู่ที่เรียกว่า ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิไปตามลำดับของจิตละเอียด

    จิตนิ่งเป็นบุญ เป็นกุศล แต่ถ้าผู้ใดทำเป็นประจำ ก็เท่ากับเรานำจิตไปเกาะอยู่แต่ฝ่ายบุญกุศลตลอดเวลา
    การเจริญกรรมฐานนั้นซึ่งถือเป็นการสร้างบุญภายใน และเกิดปิติสุขมากกว่าการทำบุญภายนอกเสียอีก
    เพราะบุญภายนอกจะได้ปิติสุขกันได้แป๊บเดียว ประเดี๋ยวเดียว หรือขณะที่ทำเท่านั้น แต่ก็เป็นบุญเหมือนกัน เราก็อย่าไปเลือกทำ
    แต่บุญจาการเจริญกรรมฐาน หรือทำจิตเกาะพระนี้ เปรียบเสมือนเราทำบุญได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเสียเวลา หรือเสียเงิน คือนึกได้เมื่อก็ทำได้เมื่อนั้น และได้บุญกันเมื่อนั้น

    สำหรับผู้ที่ทำจิตเกาะพระ และจะทราบกันได้อย่างไรว่า เราทำสำเร็จแล้ว จิตยกแล้ว
    เราก็สำรวจกันง่ายๆก็คือ เมื่อมีสิ่งใดมากระจิตของตน และเรารู้สึกอย่างไร?
    เช่น จะขอยกตัวอย่างสำหรับผู้มีจิตเกาะพระได้แนบแน่นแล้ว เมื่อมีสิ่งใดมากระทบจิตของตนแล้ว จะรู้สึกว่าเฉยๆ แต่ไม่ได้เฉยอย่างเดียวนะ นิ่งและรู้และวาง หรือจิตเป็นอุเบกขาญาณไปเลยสำหรับบางท่าน
    และจิตไม่ไปวิ่งตามกระแสโลก หรือกิเลสต่างๆ โดยเฉพาะกิเลสหยาบมักเห็นได้ชัด อันได้แก่ ความโกรธ

    เหตุผลก็เป็นเพราะ เมื่อจิตเกาะพระได้แนบแน่นแล้ว จิตจะนิ่งเป็นพิเศษ เพราะจิตกำลังทรงสมาธิ หรือทรงฌานอยู่ในขณะนี้นี่เอง

    อย่าลืมนะครับว่า ความปิติ หรือความสุขนั้นจะมาทีหลัง จิตนิ่งสงบ นั่นเอง

    ขอให้พวกเราทำกันได้แค่นี้ก่อน
    ทำง่ายที่สุดแล้วในจำพวกกรรมฐาน
    ทำตามได้ง่าย และผลดีก็คือ จิตเป็นสมาธิไว และที่สำคัญของนักภาวนาก็คือ ความต่อเนื่อง ตัวนี้แหล่ะสำคัญที่สุด คือตัวทำอุบายให้จิตของคนเรานิ่งสงบนี่แหล่ะ!
    นักภาวนาทั้งหลายที่กำลังตามหากันอยู่ ณ.ขณะนี้ฯ
    ทำยากนะ ทำให้จิตนิ่งสงบเนี๊ย_!!

    สำหรับผู้ที่กำลังวิ่งตามกิเลสหยาบ อันได้แก่ ความโกรธของตนนั้น วางยากมาก ถึงเราจะมีความพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่มีทางจะเอาชนะมันได้
    แต่มาลองทำจิตเกาะพระกันดูบ้าง แล้วท่านจะรู้ว่า
    ทำไม??? ความโกรธมันหายไปไหน

    แต่ถ้าจิตผู้ใดกำลังมีความโกรธกันอยู่ในขณะนี้ เวลานี้ นั่นก็หมายความว่า เราก็กำลังจุดไฟเผาตนเองทางอ้อม โดยเฉพาะผู้ที่ให้อภัยคนยาก
    เพราะจิตขาดความเมตตา
    ลองทำดูกันนะ
    เพราะจขกท.มิได้เรียกร้องเอาเงินเอาทอง เอาผลประโยชน์อื่นๆ หรือมาเรี่ยไรเงินไปทำบุญกันสักหน่อย
    เห็นแต่ท่านมีแต่ได้อย่างเดียวเลย


    ปล. น้ำช่วยชำระล้างร่างกาย แต่สมาธิ หรือฌานนั้นช่วยชำระล้างดวงจิิตของเราให้สะอาด บริสุทธิ์ ผุดผ่องอยู่เสมอ
     
  19. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    สวัสดี น้องพี่ครูบาร์อาจารย์ สงกรานต์ม่วนหลายกันเด้อ มีสุขถ้วนหน้า
    วันนี้จิตเกาะพระกันถ้วนหน้ามั้ยคะ
     
  20. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ยินดีต้อนรับด้วยอีกคนจ๊า คุณสุนิสา ท่านเป็นคนมีปัญญา คนเรากว่าจะเกิดมาได้นั้นแสนยากลำบาก คนที่จะให้กำเนิดก้อลำบาก พอโตมาเราเจอปัญหาแล้วจะมาคิดสั้นนั้นมันช่างน่าอดสู หาก ณ วันนั้นวันที่เราพยายามแย่งชิงกับดวงจิตอื่นเพื่อเข้าไปอยู่ในครรภ์มารดาได้นี่เราจำได้ ในตอนนั้น ดชน คิดว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์ปลิดชีวิตตัวเองในโลกนี้อย่างแน่นอนค่ะ มาถูกกระทู้จริงแท้แน่นอนค่ะ ลองจับภาพพระ นึกถึงพระเหมือนเรานึกถึงคนรักหรือใครก้อได้ที่เราติดตาติดใจในตัวเขา พลิกเอาภาพพระไปแทนได้ตลอดเวลา ไม่เข้าใจยังไง pm คุยกันได้นะคะ ขอเป็นกำลังใจ สูต่อไปค่ะ ขอพระคุ้มครองคุณสุนิสาค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...