การเดินทางและความคิดของกาขาว (เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ)

เรื่องที่หลวงปู่บอกตัดผมให้สั้นทั้งหญิงและชาย อยากรู้จังว่าทำไมค่ะ

 

การเดินทางและความคิดของกาขาว (เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ)

การเดินทางสิ้นสุดเพราะความพอใจที่จะหยุด
คิดเป็นคือคนดี คิดไม่เป็นคือพระอรหันต์



ธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตัวคิดนั่นก็คือตัวจิตสังขารในการปรุงแต่ง ถ้าหยุดตัวนี้ลงได้ ตัวอื่นก็หยุดหมด ดับหมด
ถ้าไม่มีน้ำมันใส่ลงไปซะอย่าง เครื่องยนต์ก็ไปไม่ได้หรอก พอเครื่องดับหมด ระบบการทำงานอื่น ๆ ก็ไม่ทำงาน....
ใช้ตัวเดียวเท่านั้น คือประคองสติให้อยู่เฉพาะหน้า อย่าให้ไปข้างหน้า(อนาคต) แล้วอย่าให้ไปข้างหลัง(อดีต)

การฟุ้งซ่าน ส่วนใหญ่การฟุ้งซ่านไม่ไปในอดีต ก็ไปอนาคต
เพราะฉะนั้น..ถ้าหยุดอยู่กับปัจจุบันได้ กิเลสทุกตัวตายเกลี้ยง..!


หยุดความคิด หยุดกิเลส อยู่กับปัจจุบัน - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

 

ลองค้นหาคำตอบดูที่นี่นะครับ หลวงปู่หงษ์ เมตตาเตือนเรื่องภัยพิบัติเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554



ข้อความต่อไปนี้ (ตัวอักษรสีน้ำเงิน) ทั้งหมดคัดลอกจาก Facebook หลวงปู่หงษ์ (จัดทำโดยคณะศิษย์)
http://th-th.facebook.com/LuangpuHong/posts/327895977222915

ตัดผมสั้น

ด้วยเป็นห่วงจากพระธรรมมารดา (พระแม่ธรณี)ต่อเหล่าเวไนยสัตว์เนื่องจากด้วยความสงสารสัตว์โลกพระแม่ จึงทรงมีนิมิต มายังองค์หลวงปู่ให้ช่วยแจ้งข่าว ต่อศิษยานุศิษ์ทั้งหลาย ว่านับเนื่องจากนี้ไปจะเกิด ภัยอันตราย มากมาย จึงทรงมีบัญชา ให้ทุกคนใม่ว่าชายหรือหญิงตัดผมให้สัน ประมาน2องคุลี หรือโกนผมใด้ยึ่งดี ถ้าใครตัดผมและรักษาศิลพระธรรมมารดาจะให้ความคุ้มครองให้พ้นจากอันตราย ถ้าใครใม่ทำก้แล้วแต่เวรแต่กรรม ท่านยังทรงบอกอีกว่า ถ้าใม่โกนตั้งแต่เดียวนี้ ต่อไปแม้จะอยากโกนผม มีดโกนก็จะหาใม่ใด้ ต้องใช้จอบและเสียม ถากผมแทน แม้จอบและเสียมก็ยังหายาก ถึงขั้นต้องแย่งกัน เพราะตอนนั้นทุกคนก็ยังรักตัวกลัวตาย เมื่อใด้รู้ดังนี้แล้ว จงรีบปฏิบัติเสีย ถ้าช้าแล้วจะใม่ทันการ เมื่อใด้รู้แล้วก็จงบอกต่อๆๆกันไปเอาบุญ หลวงปู่ท่านใด้ย้ำทุกวันด้วยความสงสารศิษ และท่านยังแอบร้องให้สงสารลูกศิษย์ที่ใม่ยอมเชื่อท่านจงเชื่อครูบาอาจารย์ เถิดท่านรักเรายิ่งนัก


อยากสอบถามเพิ่มครับ ว่ามีเหตุผลอะไร ท่านทำไมให้ตัดสั้นครับ
ไม่ได้ปรามาสนะครับ เพียงอยากทราบเหตุผลลึกๆ พอจะอนุเคราะห์ให้หายสงสัยได้ไหมครับ

ผมคิดว่าที่ท่านให้ตัดผมให้สั้นนั้น ก็เพื่อจะให้รอดพ้นจากอันตราย เพราะว่าต่อไป อันตรายจะเกิดมากมาย อาจจะเกิด ข้าวยากหมากแพง และโรคระบาด การที่ใว้ผมยาว เวลาเจออันตราย ถ้าเขาจับผมใด้ ท่านว่า ก็จะหนียาก และโดนฆ่าตายง่าย คนเราถ้าหิวมากๆๆเวลาใม่มีอะไรกินอาจถึงขั้นแย่งอาหารกันในสมัยที่อาหารขาด แคลนมากๆๆ(หลวงปู่เรียกสงครามกระเพาะ)ถึงขั้นต้องฆ่ากันตาย ในยุคสมัยที่คนต้องแย่งอาหารกันกิน ยิ่งแต่ผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่ถ้าจับผมใด้การหนีจากศัตรูก็ยาก โดนข่มขืนก็ง่าย โดนฆ่าก็ง่าย หรืออาจจะเป็นสัญลักษ์แห่งการที่จะใด้รับการคุ้มครองจากพระแม่ธรณีหลังจาก ที่ท่านใด้บอกกล่าวไปแล้ว นอกจากที่ถือศิลใด้แล้ว (หมายถึงการมี่เราจะใด้รับการช่วยเหลือจากใคร เราต้องช่วยตนเองก่อนคือปฏิบัติตามที่ท่านบอกกล่าวก่อน)

 

ขอบคุณค่ะ ที่เมตตาตอบ

 

เมื่อวาน...ก่อนออกจากบ้าน
ได้ดู The Matrix อีกครั้งด้วยความบังเอิญ (เคเบิ้ลทีวีเอามาฉายซ้ำ)
เลยได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง

" เธอไม่เคยทำนายผิด ?"
" พยายามอย่าคิดถึงมันในแง่ ถูก หรือ ผิด เธอเป็น ผู้นำทาง นีโอ "
" เธออาจช่วยคุณหาเส้นทางพบ "
​

​

แท็งค์นั่งหน้าจอเครื่องควบคุม,เชื่อมต่อสัญญาณ
คนที่เหลือนอนประจำตำแหน่งบนเก้าอี้ยาว เตรียมเดินทางทะลุมิติ
" ทุกๆท่านโปรดสังเกต สัญญาณคาดเข็มขัด กับห้ามสูบบุหรี่เปิดแล้ว
เชิญนั่งและหาความสุขกับการเดินทาง "
โทรศัพท์ดังกริ๊งๆๆ มอร์เฟียซรอรับที่ปลายทาง ส่งทุกคนไปตามสาย
" เข้ามาแล้ว อีกชั่วโมงนึงจะกลับ " มอร์เฟียซบอกเอพ็อค
ไซฟอร์(โล้น)โยนโทรศัพท์มือถือส่วนตัว
(เปิดเครื่องสแตนด์บายไว้ให้พวกสายลับดักฟัง)ลงถังขยะ ก่อนขึ้นรถออกเดินทางร่วมคณะ
" เหลือเชื่อเลยใช่มั้ย " มอร์เฟียซ
" พระเจ้าผมเคยกินข้าวที่นั่น " นีโอชี้นิ้วไปนอกกระจก
" ก๋วยเตี๋ยวเขาอร่อย ผมได้ความทรงจำเหล่านี้จากชีวิต ไม่ยักมีอะไรเกิดขึ้นจริงเลย "
" หมายความว่าไง เมทริกซ์ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณคือใคร " ทรินิตี้
" แต่เทพพยากรณ์บอกได้ " นีโอประชด
" มันไม่เหมือนกัน "
" คุณเคยพบเธอมั้ย เธอบอกคุณว่าไง "
" เธอบอกว่า.. " ทรินิตี้อมยิ้ม,ไม่กล้าสบตา

" ถึงแล้ว นีโอไปกับผม " มอร์เฟียซเดินไปขึ้นลิฟท์
ชั้นล่างมีชาวยิปซี(สายสืบของพวกสายลับ แกล้งตาบอดใส่แว่นดำอำพราง)เฝ้าสังเกตอยู่
" เขาเป็นเทพพยากรณ์คนเดียวกับที่ให้คำทำนายไว้หรือ? "
" ใช่ แก่มากแล้ว อยู่กับเรามาตั้งแต่เริ่มต้น "
" เริ่มต้นอะไร "
" ขบวนการต่อต้าน "
" แล้วเธอรู้อะไร ทุกสิ่งทุกอย่างเหรอ "
" เธอว่าเธอรู้พอ " ตาจ้องอยู่ประตูลิฟท์
" เธอไม่เคยทำนายผิด "
" พยายามอย่าคิดถึงมันในแง่ ถูก หรือ ผิด เธอเป็น ผู้นำทาง นีโอ "
" เธออาจช่วยคุณหาเส้นทางพบ "



คัดลอกจาก http://pichate1964.tripod.com/mt/matrix4.html

​

In Latin "Temet Nosce" translated to English means: " Know Thyself (Yourself) "
​

 

ท่านเขียนเตือนสติได้ดีครับ
อ่านแล้วชอบเลยคัดลอกไว้


<table class="tborder" id="threadslist" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%" align="center"><tbody id="threadbits_forum_178"> <tr> <td class="alt2">คัดลอกจากกระทู้ </td> <td class="alt1" id="td_threadtitle_341546" title=""> เราได้อะไรจากการรับรู้ว่าจะเกิดภัยพิบัติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต?
</td></tr></tbody></table>

<table id="post6195474" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">plypun
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2007
ข้อความ: 22
Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 77 ครั้ง ใน 12 โพส
พลังการให้คะแนน: 0


</td> <td class="alt1" id="td_post_6195474" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ได้รู้ว่า...คนต้องการทราบวันที่จะเกิดภัยพิบัิติ โดยมีอารมณ์ ประหนึ่งว่า อยากถูกหวย...

ทำไม ...คน....ถึงให้ความสำคัญ กับวันที่จะเกิด ภัยพิบัติ นัก...

แทนที่จะ ตระหนักถึง การศึกษา หรือ ให้ความรู้ ในการรับมือกับภัยพิบัติแบบต่างๆ

อย่างกรณี ที่คน ห่วงกันแต่เรื่องวันฟ้าดับ...ก็เก็งกันอย่างกับ หวยออก....ถ้าเราไปสนใจแต่กับเรื่องวันฟ้าดับ..(ซึ่งอาจจะต้องรออีกเป็นปีก็ ได้) ระหว่างนั้น...เราไม่ศึกษาข้อมูลใดๆ เตรียมแพ็คของไว้เพื่อรอวันฟ้าดับ จะหนีจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูง..ที่จะโถมเข้ามา...

ระหว่างรอใน ช่วงปีกว่าๆ เราอาจจะเจอ แผ่นดินไหวหนักๆ ก็ได้...แล้วเราศึกษาหรือเตรียมรับมือไว้บ้างหรือไม่...

คนทั่วไปคิดว่า กทม. เป็นแผ่นดินปากแม่น้ำ จะช่วยรับ แรงแผ่นดินไหว..
แต่ความจริงคือ...ดินเหนียวแบบ กทม. (Soft Mud) จะขยายแรงของแผ่นดินไหวใกล้เคียง ให้แรงขึ้นหลายเท่า..นักวิทยาศาสตร์ ที่ทำการจำลอง ทำนายว่า ตึกที่สูงกว่า 5 ชั้นใน กทม. จะถล่มหมด....

ความจริง หากเรา มองอย่างวิทยาศาสตร์ ไม่มองแบบ "คำทำนาย" จะมีโอกาสรอด หรือ จะทำให้เรารับมือกับภัยพิบัติได้อย่างถูกวิธี

อย่างเช่น...ดร.สมิธ ธรรมสโรช ทำนายว่า สึนามิจะเข้าทางอันดามัน...เมื่อปี 2002 ระหว่าง 2 ปีที่ยังไม่เกิดสึนามิ เราก็ไม่ไปเที่ยวทะเลสวยๆ ทางอันดามันงั้นหรือ...

ในกรณี สึนามิ เข้าที่อันดามัน ท่านคิดว่า

"ความรู้" ความเข้าใจ อย่างถ่องแท้ในปรากฏการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น...
หรือ
"คำทำนาย" อย่างไหน จะทำให้เรารับมือกับภัยพิบัติ ได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงทีมากกว่ากัน...

คนที่มีความรู้ เรื่องสำนามิ ก็จะไปเที่ยว ทะเลอันดามันอย่างสบายใจ..และมีความรู้ในการรับมือ..ในขณะที่คนที่เฝ้าแต่ อาศัย "คำทำนาย" อาจจะกลัว ไม่ไปเที่ยว ทะเลฝั่งอันดามันเลยก็ได้...

ในกรณีกลับกัน หากคนสองคน ต้องไปทำงานที่ทะเลฝั่งอันดามัน แล้วอยู่ๆ เกิดสึนามิขึ้น ท่านคิดว่า คนที่มี "ความรู้" ความเข้าใจในปรากฏการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติประเภทนี้(สึนามิ) กับคนที่อาศัยคำทำนาย ท่านคิดว่า คนแบบไหนจะรอด คนแบบไหนที่จะรับมือ กับภัยธรรมชาติได้อย่างถูกวิธี....

ผมคิดว่า ดีไม่ดี คนที่ฝังคำทายสึนามิเข้าทีอ่าวไทย นั่น อาจจะลงไปจับปลาที่ค้างอยู่ตามหาด ตอนที่น้ำมันลงฮวบๆ อย่างสนุกสนาน ก็เป็นได้...โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องตายในไม่กี่นาทีต่อมา....



หากเรามองอย่างวิทยาศาสตร์ ศึกษาอย่างวิทยาศาสตร์ เรามีความรู้ ว่าเมื่อเกิดแผ่นดินไหวในทะเล เราต้องเฝ้าระวังสึนามิ หรือหากน้ำลดกระทันหันที่ชายหาด คนที่มี "ความรู้" จะรู้ว่านี่กำลังจะเกิดสึนามิ....ก็จะรับมือได้ทัน ด้วยการหนีขึ้นที่สูง....

หากเรามีความรู้ เราจะรับมือกับ ภัยพิบัติ ประเภทต่างๆได้ทัน และถูกต้อง เช่น..

ดร.เสรี ได้จำลองการเกิดสึนามิที่จะเข้าทางอ่าวไทย...หากเราศึกษาข้อมูล เราก็จะไม่กลัวว่า..ถ้าเกิดแผ่นดินไหว บริเวณแถวฟิลิบปินส์ เรามีเวลาเตรียมตัวประมาณ 10-14 ชม.(หากเกิดสึนามิจากรอยต่อดังกล่าว สิ่งที่ยืนยันได้คือ เราจะได้ข่าวว่ามีสึนาิมิเข้าที่เวียดนามหลังแผ่นดินไหวประมาณ 2 ชม.) และคลื่นที่เข้าปะทะ จะไม่สูงนัก..แค่ 1-2 เมตร แต่เราไม่ควรปะทะคลื่นโดยตรงเพราะคลื่นประเภทนี้ ไม่สูงแต่ความเ็ร็วสูง มีการบันทึกไว้ว่า ชาวญี่ปุ่นตัวขาด เพราะคลื่นสึนามิที่ต่ำ แต่ความเร็วสูงแบบที่จะเข้าทางอ่าวไทย....

(ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ใช้ GPS ตรวจวัดบริเวณฟิลิบปินส์ปรากฏว่ามีแผ่นเปลือกโลกโดนกดลงไป 32 เมตร มันมีโอกาสดีดตัวกลับ แน่นอนสึนามิตามมา)

แล้ว กรณีเกิดแผ่นดินไหว เรา้ต้องปฏิบัติอย่างไร....หรือสามารถระวัง หรือตรวจจับสัญญาณก่อนหน้า ของภัยประเภทนี้ ได้หรือไม่...เช่น แผ่นดินไหวบริเวณใดจะมีผลกระทบ ถึง กทม. เราควรช่วยกันค้นหา ข้อมูลเหล่านี้มาเผยแพร่... และช่วยกันเฝ้าระวัง.....

การปฏิบัติตามคู่มือ แผ่นดินไหว ที่เผยแพร่มาจากญี่ปุ่นถูกต้องหรือไม่ ที่ให้เราไปอยู่ใต้โต๊ะ คู่มือเหล่านั้น บอกให้ปฏิบัติเช่นนั้นเพราะตึกในญี่ปุ่นออกแบบมาให้รับแรงแผ่นดินไหวได้หลาย ริกเตอร์ (เพราะญี่ปุ่นเจอแผ่นดินไหวบ่อยๆ ผังเมืองของเขาเลยเข้มงวดเรื่องนี้) การหลบไปใต้โต๊ะ เพื่อจะได้ไม่ต้องบาดเจ็บจากของที่ตกลงมา ในขณะที่ในประเทศไทย ตึกต่างๆ ไม่ได้ ออกแบบสำหรับแผ่นดินไหวหรือแรงเหวี่ยงและการโยกคลอน แต่ออกแบบรับแรงแนวตั้งเสียส่วนมาก การไปหลบใต้โต๊ะแบบญี่ปุ่น เราอาจจะแบน ไปกับตึกที่ถล่มลงมาก็ได้...

หรืออย่างคำแนะนำว่าควรอยู่ในตัวตึก จนแน่ใจว่า ไม่มีอาฟเตอร์ช๊อกแล้วค่อยออกมา..แต่สำหรับตึกเมืองไทย หากเรารอดจากจังหวะแรกที่แผ่นดินไหว แล้วเราก็อยู่รอในตัวตึก เราอาจจะตายในตึก เพราะตึกถล่มด้วยแรงอาฟเตอร์ช๊อกที่ตามมาก็ได้....

คู่ มือในการปฏิบัติที่หนึ่ง อาจจะไม่เหมาะกับอีกที่หนึ่ง เราควรช่วยกันหาคำตอบเรื่องนี้ ซึ่งผมก็ไม่ยืนยันว่า ข้อสังเกตุของผมถูก..อาจจะผิดก็ได้...


่ส่วนวันฟ้าดับนั้น....เท่าที่อ่านมาเห็นว่ามีสัญญาณเตือนมากมาย......แต่เรื่องแผ่นดินไหวนี่ เห็นมีคนให้ข้อมูลไม่มากนัก...
</td></tr></tbody></table>

 

ขออนุญาตโยงเรื่องไปเรื่อย ของกาขาวในอีกโลกทัศน์หนึ่งครับ (อย่าว่ากันนะ)


โฉมหน้าเครื่องบินของ NASA คือ P3-B, DC-8 ที่จะมาไทย

 

พอจะทราบไหมว่าในเครื่องบิน นั้น มีเครื่องมือใช้เกี่ยวกับอะไรบ้าง เทคโนโลยี่อเมริกัน ก้าวหน้าไปมากกว่าที่เราก็คิดก็ได้ อุปกรณ์บางอย่างใช้ได้หลายอย่าง มากกว่าที่เขาบอกหมายถึงการจารกรรมข้อมูลข่าวสาร ชี้เป้า ติดตามมความเคลื่อนไหวบุคคลได้ บริษัทผลิตโทรทัศน์ เขายังทำธุรกิจแฝงเบื้องหลังผลิตวิทยุสื่อสารทางทหาร อุปกรณ์จารกรรมให้ US เราอาจจะเชิญชวนผู้ที่คิดเป็นปรปักษ์เข้าบ้าน

 

ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2555 นี้
ผู้เขียนมีกำหนดเิดินทางไปเวียงกาหลง ถิ่นกาขาว








[ame="http://www.youtube.com/watch?v=K2bXycky6NY&feature=share"]????????????? - YouTube[/ame]


ตำนานกล่าวไว้ดังนี้ “ในสมัยต้นปฐมกัป มีพญากาเผือก 2 ตัวผัวเมีย
ทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อ ริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันเป็นธรรมชาติสถานที่รื่นรมย์
ในเวลาต่อมาพระโพธิสัตต์ ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือกพร้อมกันถึง 5 พระองค์

เมื่อครบทศมาส(10 เดือน)แม่กาเผือกก็เกิดออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อจำนวน 5 ฟอง
(สถานที่นี่ในกาลต่อมาเรียกชื่อว่า วัดพระเกิด )
แม่กาเผือกคอยเฝ้าฟักดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี
ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพญากาเผือกได้ออกไปหากินถิ่นแดนไกล
ได้ไปถึงสถานที่หนึ่งอันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธรรมชาติ พืชพรรณธัญญาหาร
แม่กาเผือกได้เพลิดหากินอาหาร ชื่นชมธรรมชาติอันรื่นรมย์จนมืดค่ำ
พอดีฝนตกฟ้าคะนองพายุใหญ่พัดกระหน่ำทำให้มืดครึ้มทั่วไปหมด
ทำให้พญากาเผือกหาหนทางออกไม่ถูกจึงหลงในบริเวณสถานที่นั้นๆ
(สถานที่นั้นต่อมา จึงได้ชื่อว่า เวียงกาหลง)
แม่กาเผือกได้พักอยู่ที่เวียงกาหลงคืนหนึ่ง
รุ่งอรุณเบิกฟ้า แม่กาเผือกจึงรีบถลาบินกลับสถานที่พัก ณ ที่รังต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำ
แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อ ที่ทำรังอยู่ได้ถูกลมพายุใหญ่พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ
แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกไข่ทั้ง ๕ ในแม่น้ำ แต่อนิจจาหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ
แม่กาเผือกพยามหาไข่ลูกของตนไปในทุกสถานที่ตามลำน้ำจนเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้า
ด้วยความโศกเศร้าเสียใจในความรักลูกอย่างสุดซึ้ง จึงไม่สามารถระงับความอาลัยทุกข์ได้
ในที่สุดก็สิ้นใจไปอย่างน่าสงสาร
ด้วยอานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์ กับทั้งทิ่ลูกของแม่กาเผือกเป็นโพธิ์สัตว์ถึง ๕ พระองค์
จึงเป็นบุญกุศลหนุนส่ง ให้แม่กาเผือกตายไปเกิดอยู่แดนพรหมโลกชั้นสุทธาวาส
มีวิมานทองคำสดใสบริสุทธิ์ งดงามตระการตา
ได้พระนามชื่อว่าฆติกามหาพรหม ส่วน ไข่ทั้ง ๕ ได้ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่างๆ
ไข่ฟองที่ ๑ มีไก่เก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๒ แม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๓ แม่เต่าเก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๔ แม่โคเก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๕ แม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา

ครั้งในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ทั้ง ๕
ปรากฏเป็นมนุษย์รูปร่างสวยสดงดงาม
ทั้ง ๕ พระองค์ในเวลาเดียวกัน ตามลำดับของแม่เลี้ยงทั้ง ๕ ที่นำไข่ไปเก็บดูแลรักษา
พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ได้เจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงดัวยความกตัญญูกตเวที
ทำหน้าที่ทุกอย่างทดแทนบุญคุณแม่เลี้ยงเป็นอย่างดีจนถึงอายุได้ ๑๒ ปี
ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่ง ก็มีจิตคิดที่จะออกบวชเนกขัมบารมีเป็นฤาษีอยู่ในป่า
จึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั่ง ๕ พระองค์

ฝ่ายแม่เลี้ยงถึงจะมีความรักความอาลัยในลูกสักเพียงใด
แต่ก็ไม่ขัดความประสงค์เจตนาที่เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของลูก
จึงได้อนุญาตให้ลูกไปบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความอนุโมทนา
ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของพระโพธิ สัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ ที่มุ่งมั่นจะบำเพ็ญทานมีพระโพธิญาณ
เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลก ให้พ้นจากกองทุกข์ภัยในวัฏฏะสงสาร

แม่เลี้ยงทั้ง ๕ เห็นปณิธานเช่นนั้นจึงฝากนามของแม่เลี้ยงไว้กับลูก
เพื่อเป็นอนุสรณ์ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาคหน้า
เมื่อพระโพธิสัตต์ได้ตรัสรู้เป็นพุทธเจ้า ๆ ที่ได้โปรดโลกในภัทรกัปป์แล้ว
ตามลำดับ ๔ พระองค์มีพระนามดังนี้
1. องค์ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่
2. องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
3. องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
4. องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
ส่วนองค์ที่ ๕ จะมาตรัสรู้ และโปรดสัตว์โลกหลังจาก พ.ศ.5000 ล่วงไปแล้วคือ พระศรีอริยเมตไตร ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นราชสีห์”



คลิกที่นี่...คำว่า ' ถิ่นกาขาว '

เวียงกาขาว แดนธรรมศรีวิไล

 

​

พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย ตาม มาตรา ๑๐

พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย ตาม มาตรา ๑๐
“มาตรา ๑๐ พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย”
ในอดีตตามธรรมเนียมนิยม ผู้เป็นประมุขของรัฐทั้งหลายพึงมีหน้าที่ปกป้องอาณาเขตของตนให้พ้นจากการ รุกรานของศัตรู ซึ่งพระมหากษัตริย์ของไทยก็ได้ทรงกระทำหน้าที่สำคัญนี้มาโดยตลอดตั้งแต่สมัย สุโขทัย อยุธยา และในยุคแรกเริ่มแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด้จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชก็ยังทรงนำทัพออกต่อสู้กับข้าศึก พม่าด้วยพระองค์เอง จวบจนสมัยปัจจุบันแม้การรบในลักษณะดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วก็ตาม แต่พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงเป็นมิ่งขวัญของเหล่าทหารหาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย
ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาราจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ได้บัญญัติว่า “พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพสยาม” และหลังจากนั้น รัฐธรรมนูญที่ตราขึ้นในภายหลังก็ได้มีบทบัญญัติทำนองเดียวกันนี้ปรากฎอยู่ ทุกฉบับ ซึ่งรวมถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วย



อ้างอิงจาก
พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย
จอมพล และจอมทัพไทย ในหลวงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารม้า หมวกเบเรต์แดง ของหน่วยรบพิเศษ เสด็จพระราชดำเนิน ทุ่งมะขามหย่อง


พระธรรมเทศนาหน้าพระที่นั่ง
ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงมีพระราชปุจฉาธรรมกับพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)






พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว : เขาพูดกันว่า ผมปรารถนาพุทธภูมิเป็นความจริงไหมครับ ?


หลวงพ่อฤาษีลิงดำ : เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ปรารถนามานาน แต่เวลานี้
บารมีเป็น "ปรมัตถบารมี" แล้ว ก็เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ
พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระองค์เป็น "วิริยาธิกะ"
วิริยาธิกะนี่ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป
นี่บำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว "แสนกัป" อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ


สมเด็จพระนางเจ้าฯ : พระเจ้าอยู่หัวก็ดี หม่อมฉันก็ดี ก็มีความเคารพในพระคุณ
พระราชวงศ์จักรีอยู่ตลอดเวลา ที่ท่านทรงสามารถจะทรงความเป็นเอกราชไว้ได้
ก็อยากจะทราบว่า ทั้งสององค์นี่จะทรงชาติกับศาสนาไว้ได้ไหม ?


หลวงพ่อฤาษีลิงดำ : ก็ได้ ประเทศเราไม่มีเกณฑ์จะต้องตกเป็นเหยื่อคอมมิวนิสต์


สมเด็จพระนางเจ้าฯ : ฉันทั้งสององค์นี่ ทั้งพระเจ้าอยู่หัวด้วยและฉันด้วย
จะต้องตายเพราะการที่เขามุ่งจะร้ายไหม ?


หลวงพ่อฤาษีลิงดำ : ก็เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่เป็นนักรบฝีมือดีมาจากสุโขทัย
และมาเกิดคราวนี้ต้องการจะเกิดเพื่อจรรโลงให้คงอยู่ ให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข
แล้วเรื่องอะไรที่ต้องตายเพราะคมอาวุธล่ะ ถ้าจะเจ็บตายเอง เป็นเรื่องธรรมดา
และต้องตายด้วยเรื่องคมอาวุธ อันนี้ไม่มี....

อ่านเพิ่มเติมได้จาก
แสดงกระทู้ - เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกลับชาติมาเกิดเป็นรัชกาลที่ ๙ &bull; ลานธรรมจักร

 

ผู้เขียนเชื่อว่าในหลวงจะปลอดภัยดี เชื่อว่าท่านจะมีพระชนมพรรษาเกินกว่า 100 พรรษา
บางท่านอาจกล่าวว่าเป็นเพียงการตรัสด้วยพระอารมณ์ขัน (พูดเล่น)
แต่ผู้เขียนเชื่อว่า "กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ" ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


“ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี จะอยู่จนฉลองพระราชพิธีครองสิริราชสมบัติครบ 100 ปี”
นั่นคือพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ
ระหว่างจัดถวายพระพรและขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตที่จะถวายพระพรว่า
ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมพรรษาเกินกว่า 100 พรรษา


พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล
ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
วันอาทิตย์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘
......... เพราะแต่ละคนก็ต้องพยายามที่จะหาพลังงานทดแทนทั้งนั้น
เราเชื่อว่าเวลาเราอายุร้อยสิบแปด นายกฯ ก็บอกว่าแก่แล้ว แต่เราไม่แก่ เพราะเราคิดทำพลังงานทดแทนอยู่เรื่อย.........


พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆที่เข้าเฝ้าฯถวายชัยมงคล ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๗ | สำนักข่าวเจ้าพระยา

มีข้อความตอนหนึ่งว่า....
[FONT=&quot]อายุ มีคนบอกอยากจะให้อายุ [/FONT][FONT=&quot]120 120 นี่ ถ้าจะ.. แต่มีคนเขามาบอกว่า คนเราอายุที่ได้ถึง 128 คนที่มาบอกนี่ 128 คงไม่นึกถึง 128 เพราะว่า 128 นั่น ต้องให้ร่างกายมันดี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้า 120 ก็ยอม เอา แค่ 120 แต่ว่า 120 นี่ก็ไม่เลว ถ้าได้ 120 ก็อีก 40 กว่าปี 40 กว่าปี ท่านทั้งหลายนี่ ง่อกแง่กๆ แต่ว่าถ้าทำให้ร่างกายดี อาจจะได้ ระมัดระวังให้ดี เพราะว่าบางคนเดี๋ยวนี้อายุ 70 ไม่ถึง 120 เรา 120 นะ เขาก็เท่าไร…เรา 120 เขา 110 ก็ เขาก็ทำงาน คงจะทำงานได้ ดูเหมือนผู้พิพากษา โทษ 70 นะ 70 นี่ยังทำงานต่อได้อีก 40 ปี [/FONT]

[FONT=&quot]ก็นับว่า แต่ท่านอาจจะง่อกแง่กๆ แต่ว่า ผู้พิพากษาอายุ [/FONT][FONT=&quot]70 ถ้าไม่ง่อกแง่กก็ทำงานได้ ให้ถึง 120 เลย แต่ก็สงสัย เพราะว่าเดี๋ยวนี้ใกล้ๆ 70 ก็ชักจะงอแง ยิ้มอย่างงอแงนะ ก็ ยังไง 70 ก็ไม่เลว แต่ 80 ก็น่าจะได้ เดี๋ยวนี้ สมัยนี้ คนอายุ 70 ก็ดูกระฉับกระเฉง 77 หย่อน 1 วัน ก็นับว่าไม่ถึงวันก็ 77 แล้ว เราเกิด 8 โมงเช้า ที่อเมริกา ยังไม่ทราบ 8 โมงเช้า ที่นี่เท่าไร สองทุ่ม สองทุ่มวันรุ่งขึ้น ไม่ใช่สองทุ่มวันนี้ พรุ่งนี้สองทุ่ม ก็หมายความว่าอีก 24 ชั่วโมงกว่าๆ เรา 77 ก็ระหว่างนี้ก็คงยังแข็งแรงดี [/FONT]

[FONT=&quot]นี่มาพูดพื้นๆ เลอะๆ เทอะๆ อย่างนี้ ก็ยิ่งอายุยืน ไม่ทราบท่านจะอายุยืนไหม บางคนอาจจะตรอมใจ แต่ว่าอย่างท่านผู้เฒ่าต่างๆ ต้องให้อายุยืน ส่วนเด็กเด็กก็ เขาไม่เชื่อนายกฯ สูบบุหรี่ เล่นเอาคาราโอเกะ อะไรๆ ไม่เชื่อ ก็เรียนอะไรไม่ได้ นายกฯ ต้องไปเจรจาให้เด็กๆ อายุ [/FONT][FONT=&quot]10 ขวบ ถึง 20 ขวบ เรียกให้เขาตั้งอกตั้งใจเรียน แล้วก็ต่อไปอีก 80 ปีข้างหน้า 70 ปี เขาก็จะได้ทำงานได้ดี.....

กระทู้ถวายพระพร ถวายอายุขัย
[/FONT]9 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> Aunyasit
สมาชิก



วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,372
Groans: 0
Groaned at 123 Times in 26 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,160 ครั้ง ใน 1,052 โพส
พลังการให้คะแนน: 858


</td> <td class="alt1" id="td_post_1270659" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> หลวงปู่เทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่)ท่านบอกว่าบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะอยู่ถึง 120 ปี หลวงปู่ใหญ่ท่านรู้เกี่ยวกับรหัสนัยของการมีอายุยืน เพราะท่านอยู่มา 2500 กว่าปีแล้ว หลวงปู่ใหญ่ท่านจึงลงมานำพาในการสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ถวายเป็นพระราช กุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเฉลิมพระชนพรรษา 80 พรรษา เมื่อหล่อพระเสร็จฯ ก่อนหลวงปู่ใหญ่กลับท่านก็บอกอีกว่าพระเจ้าอยู่หัวจะอยู่ถึง 120 ปี แน่นอน

ก่อนหล่อพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ หลวงปู่ใหญ่ท่านให้ผม เขียนพระนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จย่า รวมทั้งวันพระราชสมภพ ลงในแผ่นทองคำแท้ ขนาด 9 X 9 เซ็นติเมตร จำนวน 5 แผ่น แล้วนำไปให้หลวงปู่ใหญ่ ที่ จ. หนองคาย จากนั้นเมื่อหลวงปู่ใหญ่ท่านลงมาในวันพระ ตอนขากลับขึ้นข้างบน หลวงปู่ท่านก็นำแผ่นทองคำหายไปกับท่านในนภากาศ จนกระทั่งถึงวันหล่อผมก็ถามหลวงปู่ถึงแผ่นทองคำที่มีพระนามของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จย่า หลวงปู่ใหญ่ท่านบอกว่า หลวงปู่ได้นำไปหล่อในองค์พระทั้งห้าพระองค์เรียบร้อยแล้ว

หล่อพระฯเสร็จจึงถึงบางอ้อ ในความหมายที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านกล่าวไว้ว่า "การสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ในครั้งนี้สำคัญต่อพระเจ้าอยู่หัวและสำคัญต่อประเทศชาติ" ตอนนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าพระพุทธเจ้าห้าพระองค์สำคัญต่อพระองค์ท่านและประเทศชาติอย่างไร

ผมก็เคยคุยกับหลวงปู่ใหญ่หลายเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทย หลวงปู่ท่านบอกว่าพวก เทพเทวดา จะช่วยกันประคับประคองพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัวให้ท่านอยู่นานที่สุด ซึ่งจะเป็นการยืดเวลาของความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยด้วย เพราะประเทศไทยในเวลานี้ต้องพึงบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากไม่มีพระเจ้าอยู่หัว คนไทยเราจะไม่สามารถอยู่กันอย่างเป็นสุขได้ แผ่นดินสยามจะร้อนเป็นไฟ และจะแยกออกเป็นสามส่วน

ขอ พระบารมีแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ จงโปรดดลบันดาลให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สถิตย์เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

เคยถามหลวงปู่ใหญ่ท่านว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือใคร หลวงปู่ท่านตอบว่า ไปศึกษาดูนะว่าเทพองค์ไหนที่มีพญาครุฑเป็นพาหนะ ผมก็เลยสรุปเอาเองว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คงจะเป็นพระมหาโพธิสัตว์ องค์หนึ่ง

</td></tr></tbody></table>

 

นัดคนบุญ หนุนคนดี ที่สิบห้า
กราบวันทา วัดพระเกิด เทิดบุญคุ้ม
มิถุนา ห้าห้านี้ มีบุญรุม
ฤกษ์สามทุ่ม ชุ่มฉ่ำเย็น เห็นหลักธรรม
ดอกเตอร์ ปชา ภานุบุญ
ขอนัดคุณ บุญประเสริฐ เลิศสูงล้ำ
ตึกนิเทศ ห้าสิบปี ที่รวมธรรม
พาจิตข้าม นำนับหนึ่ง ถึงยอดบุญ

กราบมารดา มหาพรหม ร่มโพธิ์เจ้า
กราบองค์เท้า มติกา พาบุญหนุน
แดนพระเจ้า ห้าพระองค์ สงฆ์เทิดทูล
ธาตุค้ำคูณ บุญแม่กา พญาครอง
เป็นต้นธาตุ ต้นธรรม นำต้นโลก
คลายทุกข์โศก ยกแทนคุณ บุญสนอง
ห้าพระธาตุ ทรงจุติ ที่เรืองรอง
ร่มโพธิ์ทอง ของชาวพุทธ จุดสำคัญ

ภัทร กัปนี้ จึงมีพระ
องค์พุทธะ ห้าแผ่นดิน ถิ่นสวรรค์
ณ วังเหนือ เจือธรรมะ พระทรงธรรม์
ท่องวิมาน ฐานลือเลื่อง เมืองลำปาง
ชื่อพระธาตุ ถิ่นกาขาว เราควรรู้
ทรงตั้งอยู่ คู่แผ่นฟ้า พาสะสาง
พระอาจารย์ สงวน ชวนปล่อยวาง
แจ้งกระจ่าง ทางพุทธะ ชนะภัย

แหล่งที่สอง ครองธรรมา เวียงกาหลง
เรืองดำรง คงสถิต จิตมุ่งหมาย
กราบพระศรี อาริ ยเมตไตรย
ตำนานใหญ่ ให้ศึกษา พระทรงคุณ
เข้ากราบทรวง หลวงพ่อธรรม มะสาธิต
น้อมนำจิต ชิดพุทโธ โอ้บุญหนุน
ธรรมะแน่น แดนพระศรี ชี้แหล่งทุน
ตั้งกองบุญ หนุนนำให้ ใจเบิกบาน

แหล่งที่สาม ตามครูบา ศรีวิชัย
องค์ธาตุใหญ่ ได้นิมิต จิตสุขสันต์
ยอดบรรพต งดงามยิ่ง อิงบุญกัน
จุดสมาน ฐานสงบ พบแก่นธรรม
ชื่อว่าวัด พระเจ้าหลวง ห่วงสิงขร
อยู่บนม่อน พระเจ้าหลาย ให้เลิศล้ำ
สาธุชน คนบุญรู้ สู่แดนธรรม
บุญน้อมนำ ค้ำคูณผล พ้นทุกข์ตรม

อธิษฐาน จิตใฝ่ ได้ดังคิด
เทพสถิต คิดปล่อยวาง ทางหมักหมม
เข้าสู่ยุค ศรีวิไล ใจรื่นรมย์
เชิญท่านบ่ม บารมี ศรีแผ่นดิน
พระอาจารย์ ถวิล เฝ้าถิ่นพุทธ
บริสุทธิ์ หยุดกิเลส วิเศษสิ้น
ทั้งสามแหล่ง แจ้งนิพพาน ฐานภูมินทร์
ข้าแผ่นดิน ถิ่นพุทธะ ชนะมาร

แต่งโดย ดร.ปชา ภาณุบุญ เมื่อ 5 มิ.ย. 2555
สอบถามข้อมูล 085 251 9141

 

ขออนุโมทนาบุญกับข้อความต่่าง ๆ ที่ K.Karan 20 ได้เขียนเพื่อเป็นความรู้ให้มีสติ เมื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ และรออ่านข่าวสารต่าง ๆ ที่จะลงตลอดไป ขอบคุณมาก ๆ

 

คนบุญ คน(ห่ม)ขาว จะพากันหนี

คนขาว คนเขา (คนห่มขาวไปหลบตามวัดบนเขา) จะรอด

แรกๆเขาก็หาว่าเราเป็นพวกคนเขลา แต่พวกคนขาวจะรอดเพื่อบำรุงพระศาสนา

เตรียมชุดขาวไว้บ้าง ต่อไปจะต้องใช้ชุดขาว



ได้ยินมาว่า......ต่อไปคนจะหันมาปฏิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาวกันมาก
จึงเรียกว่า " ถิ่นกาขาว " เชื่อมต่อไปสู่ยุค " ชาววิไล "


<fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>



เราไม่ได้คัดค้านต่อต้านที่ตัวบุคคล
ดังนั้นบางข้อมูลเราอาจจะคัดค้าน แต่บางข้อมูลเราอาจจะสนับสนุน


<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%" align="center"><thead><tr><td class="tcat"> </td> </tr> </thead> </table> <table id="post6256558" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> วันนี้, 12:55 AM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #63 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> Aunyasit
สมาชิก



วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,383
Groans: 0
Groaned at 124 Times in 26 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,356 ครั้ง ใน 1,062 โพส
พลังการให้คะแนน: 869


</td> <td class="alt1" id="td_post_6256558" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> หวัดดีทุกท่านครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลด้านต่างๆจากทุกท่าน โดยเฉพาะเรื่องการรักษาพืชภัณฑ์ ธัญญาหาร ครับ

วันนี้วันพระ ครูบาอาจารย์ท่านลงมาสงเคราะห์ และก็เน้นย้ำให้เร่งสร้างอาคารที่ปฏิบัติธรรมที่หน้าองค์พระฯ ให้กับญาติธรรมที่จะมาปฏิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมากหลังภัยพิบัติ ท่านให้สร้างที่ปฏิบัติธรรมที่คนจำนวนมากสามารถนั่งปฏิบัติธรรมรวมกันได้ ช่วงบ่ายวันนี้ก็ได้สั่งงานช่างรับเหมาไปเรียบร้อยแล้ว พื้นที่ตรงนั้นน่าจะสร้างอาคารปฏิบัติธรรม ขนาด 7 x 24 เมตร ได้สัก 6 หลังหรือมากกว่านั้น โดยใช้เสาปูนมีหลังคาทำเป็นเพิง ส่วนพื้นนั้นใช้แคร่ไม้หลายๆอัน มาเรียงต่อกันครับ ก็น่าจะสร้างได้เสร็จเร็วทันใช้งานตามเวลาที่ท่านกำหนด

ท่านที่จะมาใช้พุทธสถานฯเป็นที่หลบภัยพิบัติ ให้ท่านเตรียมชุดขาวไว้เยอะๆหลังภัยพิบัติต้องใช้ชุดขาวบ่อยครับ สุภาพสตรีให้เตรียมผ้าถุงสีขาวไว้ด้วยครับ ต่อไปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะอนุญาตให้เฉพาะสุภาพสตรีที่ใส่ผ้าถุงเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าไปบริเวณฐานขององค์พระฯ โดยเฉพาะเมื่อจะทำการเวียนเทียนรอบองค์พระฯ ท่านจะอนุญาตให้สุภาพสตรีที่ใส่ผ้าถุงเท่านั้นจึงจะสามารถขึ้นไปเวียนเทียน บริเวณฐานพระและให้ทุกคนถอดรองเท้า เมื่อจะเข้าไปบริเวณฐานพระฯ
</td></tr></tbody></table>

 

นอกจากเตรียมอาหารแบบที่ไม่ต้องปรุงหรือไม่ต้องทำให้สุกไว้จำนวนหนึ่งแล้ว
ยังต้องเตรียมเสบียงอาหารอื่นๆให้เพียงพออย่างน้อย 6 เดือน - 1 ปี อีกด้วย
เนื่องจากการเพาะปลูกอาจจะมีปัญหา และเพื่อให้มีเวลาในการปรับตัว
เพราะในช่วงแรกเราอาจจะยังสับสนหรือเสียขวัญกับเหตุการณ์ต่างๆ
อาจไม่มีจิตใจคิดอยากจะเพาะปลูกหรือทำอะไรมากนัก
อีกทั้งสภาพอากาศอาจมีการเปลี่ยนแปลงทำให้การเพาะปลูกมีอุปสรรคไปช่วงระยะหนึ่ง

แต่การเตรียมเสบียงขนาดนั้นโดยการแบกเป็นเป้สะพายหลังย่อมแทบจะเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นการเตรียมการเราจะต้องเตรียมสถานที่ปลอดภัยไว้
แล้วนำเสบียงอาหารไป Drop คือเก็บไว้ยังสถานที่ที่เราเตรียมไว้ล่วงหน้า
ส่วนเป้ที่ติดตัวนั่นเน้นเฉพาะสิ่งสำคัญในระยะแรกหรือในเวลาฉุกเฉิน


เราไม่ได้คัดค้านต่อต้านที่ตัวบุคคล
ดังนั้นบางข้อมูลเราอาจจะคัดค้าน แต่บางข้อมูลเราอาจจะสนับสนุน
<ins style="display:inline-table;border:none;height:90px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:728px"><ins id="aswift_1_anchor" style="display:block;border:none;height:90px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:728px"></ins></ins> <table id="post6251241" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> 11-06-2012, 10:19 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #42 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> Aunyasit
สมาชิก



วันที่สมัคร: Aug 2005
ข้อความ: 1,383
Groans: 0
Groaned at 124 Times in 26 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 9,357 ครั้ง ใน 1,062 โพส
พลังการให้คะแนน: 869


</td> <td class="alt1" id="td_post_6251241" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากทุกท่านครับ

ผมก็กะว่าจะเก็บพวกเม็ดถั่วเขียว ถั่วขาว ถั่วแดง ถัวดำ ถั่วเหลือง และถั่วลิสง รวมทั้งลูกเดือย จำนวนหนึ่งครับ ไปติดต่อร้านขายส่งไว้แล้วที่ตลาดไทย เขาบอกว่าผลิตภัณฑ์การเกษตรนั้นหากจัดเก็บดีๆ สามารถเก็บได้นานถึง 6 เดือนครับ ก็กะว่าปลายเดือน ก.ค. จะจัดเก็บเม็ดถั่วพวกนี้ไว้จำนวนหนึ่งครับ

คุณ MissP ครับ มีวิธีการจัดเก็บพวกเผือก มัน ไว้ให้อยู่ได้นานๆไหมครับ ส่วนฟักทองนั้น เท่าที่ผมทราบมีเพื่อนคนนึงบอกผมว่า ฟักทองหากเราเลือกลูกที่แก่จัดๆสามารถนำมาวางเก็บไว้ได้นานครับ ส่วนพวกหัวหอม กระเทียม เท่าที่ทราบหากเป็นหัวหอมนา สามารถนำมาแขวนไว้ในร่ม เก็บไว้ได้นานเช่นกันครับ

เท่าที่คณะผมเตรียม การกันนั้น คาดว่า ฤดูกาลที่ตรงกับช่วงภัยพิบัตินั้น พืชที่เป็นอาหารหลัก เช่นข้าวและข้าวเหนียว จะหายไปจากระบบการผลิตหนึ่งฤดูกาลเนื่องจากผลจากภัยพิบัติ ดังนั้นเพื่อความสบายใจจึงวางแผนสะสมอาหารเพื่อให้สามารถอยู่กันได้ประมาณ 9 เดือน แต่ตอนนี้สะสมอาหารไว้สำหรับคนแค่ไม่เกิน 200 คนเท่านั้น

และเท่าที่ประมาณดูคร่าวๆ ที่พุทธสถานฯจะมีผู้มาพึ่งพิงยามภัยพิบัติประมาณ 1000 คน ดังนั้นการเตรียมการเรื่องอาหารก็ต้องเพิ่มขึ้นตามส่วน ก็ต้องมาคิดวางแผนในเรื่องอาหารกันต่อไป

ท่านใดมีข้อเสนอแนะก็เชิญนะครับ


สำหรับบางท่านที่จะถามเรื่องสถานที่ปลอดภัย ผมจะกลับไปตอบให้ในกระทู้เก่าก็แล้วกันครับ
</td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px"> </td> <td class="alt1" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px; border-top: 0px" align="right"> </td></tr></tbody></table>

 

เวียงกาหลง นึกถึงตำนาน นักรบเวียงกาหลง ที่มีจำนวนน้อย แต่สามารถต่อสู้กับกองทัพของเจงกีสข่านจำนวนมากหลายเท่าได้

 

ไม่แม่นก็คือไม่แม่น
จะว่าโกหกก็ไม่ได้ เพราะไม่มีเจตนา
เพียงแต่สิ่งที่คาดการณ์ไว้มันไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์

จะให้บอกว่าแม่นก็ไม่ได้ เพราะมันไม่แม่น
ไม่แม่นก็คือไม่แม่น แต่ไม่ได้ปรามาส

ต้องใช้วิจารณญาณให้มากๆ เพราะเราต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจและการกระทำของตัวเราเอง

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=d2_EA2VttAg"]28 5 54 ข่าวเที่ยงDNN พระดังทำนายดวง ยิ่งลักษณ์ - YouTube[/ame]

 

ทำนายไว้ตั้งแต่ปลายปี 2554


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=C5qlW4wAO-c&feature=related]ปีมะโรงดุ2555 - YouTube[/ame]

 

เยือนถิ่นกาขาว " วัดพระเกิด "

 

เยือนถิ่นกาขาว " เวียงกาหลง "