จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ลูกขอกราบแทบเท้าหลางพ่อชา
    ขอโมทนาสาธุในธรรมของหลวงพ่อชา และน้องนกหญิงด้วยนะครับ
    ที่คนดี ที่นำธรรมะอันแสนจะมีค่ายิ่งมาฝากให้กับพวกเราได้ธรรมะดีๆ
    อ่านกันให้ชื่นใจ ได้กำลังใจ ได้บุญกันไปตามระเบียบ ทั่วหน้ากันไป

    ขอให้ท่านและครอบครัว จงมีแต่ความสุขกาย สบายใจ และขอให้เจริญในศีล ในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ
    สาธุๆ
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาบุญกับคุณแสงจันทรด้วยนะครับ ขอให้บุญนั้นกลับคืนไปหาคุณแสงจันทร เป็นแสนเท่าน ล้านเท่าด้วยเทอญ

    คุณแสงจันทร ธรรมะนั้นกำลังแสดงให้จิตคุณเห็นไตรลักษณ์ คือเห็นทุกอย่างเป็นธรรมดา
    เพราะเรามิอาจไปแก้ไขดวงจิตคนอื่นได้ แต่เราแก้ไขที่จิตของตนเองได้ เพียงอย่างเดียว
    เมื่อจิตคนเราฝึกมาดีแล้ว ในเมื่อสติตามทันจิตกันได้เมื่อไหร่
    แล้วจิตเราก็จะนิ่งกันได้เมื่อนั้น
    เมื่อจิตเรานิ่งได้ที่แล้ว จิตก็จะมองเห็นกิเลส มองเห็นทุกธรรม
    ถึงแม้นสิ่งที่มากระทบจิตไม่ดีก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายจิตของตนได้เลย
    ดั่งที่(จิต)คุณแสงจันทรได้พบมาแล้ว
    แต่ถ้าจิตมิได้ถูกฝึกมาดี ก็จะเฉกเช่น จิตผู้มีกิเลสทั่วๆไปแล้ว
    ก็คือ ว่ากันไป ด่ากันไป นินทากันไป ล้างแค้นกันไป โกรธตอบกันไปมาอยู่อย่างนี้ ไม่รู้จักจบสิ้นกัน
    เราผู้ปฎิบัติมาดีแล้ว เราเองนี้แหล่ะ! ที่จะต้องเป็นฝ่ายที่ต้องหยุดที่กรรมของตนเอง
    กิเลสเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น เกิดเมื่อไหร่ รู้ทันเมื่อไหร่ก็ให้ดับเดี๋ยวนั้นเลย
    หรือทุกขณะจิตเท่าที่จิตเรามีสติมากหรือน้อยกันละ
    รู้เมื่อก็ดับกันเมื่อนั้นนะ พวกเรา
    แต่ถ้าใครรู้แล้ว แต่ดับไม่เป็นด ับไม่ได้กันนะ ยิ่งใครดับช้า หรือโกรธคนอื่นๆหลายวัน หลายคืนละก้อ ท่านก็อยู่ไม่เป็นสุขเลย จนกว่าความโกรธนั้นจะหายตายไปจากจิตตนเอง จึงจะสุขกันได้

    และแล้วกิเลสนั้มัเฝ้าคิดถึง เฝ้าวนเวียนตนเองอยู่ทุกวัน ทุกคืน เพราะเรามีขันธ์5กัน เราจึงหลบหนีกับกิเลส หนีไม่ทุกขืกันเสียที
    จนกว่าเราจะไม่กลับมาเกิดกัน โน้นแหล่ะ!
    จบกัน
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาบุญกับจิตบุญน้องใหม่ไฟแรงด้วยนะครับ สาธุๆ
    อ๋อ! น้องล๊อบสเตอร์คิสคนนี้เองหรอ ถึงว่าหายไปไหนแล้ว ที่แท้ไปบ่มจิตกับครูนกชายนี่เอง
    ผมเป็นคนโยนไปให้ครูเพ็ญเองนิ นึกแล้วจิตแรงแซงทางโค้งไปเรียบร้อยแล้ว
    แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนา แข่งจิตเกาะพระกันไม่ได้จริงๆ

    ดีใจแทนทั้งศิษย์ ทั้งครูด้วยนะ
    ขอโมทนาสาธุเป็นล้านๆครั้งอีกครั้งนึง


    ปล. นิสิตจุฬาฯนำนิสิตธรรมศาสตร์ไปแล้ว
    แต่นิสิตขอนแก่นไวกว่าแฮ๊ะ!
    เอ่อ! ทำไมหมู่นี้ถึงได้มีนิสิต นักศึกษาทำกันเก่งมากเลย
    ท่านไปเห็นทุกข์กันตอนไหนละเนี๊ย!
    บุญเก่าของน้องมันเยอะ บุญเป็นผู้นำพาให้มาพบกันที่นี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2012
  4. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สุดขั้ว + สุดโต่ง .... ความคาดหวัง+ความอยาก

    สาธุ อนุโมทนาบุญกับธรรมทานชุดนี้ค่ะ อึมม์...อ่านแล้วทำให้นำมาพิจารณาตนเองค่ะ ว่าเรานี้ก็วางกำลังใจถูกเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะยังต้วมเตี้ยมอยู่ แต่เต่าตัวนี้ก็ยังเดินไม่หยุดนะค่ะ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>ขอรายงานผลอีกสักนิดว่า ตอนนี้คำภาวนาหลุดไปแล้วค่ะ (เฮ้อ..กว่าจะหลุดไปได้) และนึกถึงภาพได้บ่อยขึ้นเป็นลำดับ ถึงแม้จะยุ่งก็ยังแว๊บนึกถึงท่าน จะคอยถามขึ้นในใจเสมอๆว่า "ท่านพ่อฯยังอยู่กับลูกมั้ยค่ะ" เมื่อเห็นภาพท่านยังอยู่ถึงแม้จะยังไม่ชัดก็ตาม ก็จะพลอยทำให้เรายิ้มรับตอบท่านเสมอ ทำให้เรามีบุคลิกเปลี่ยนไป คือ ยิ้มเก่งมากขึ้นกว่าเดิม (เดิมทีก็ยิ้มเก่งอยู่แล้ว อิๆ) ส่วนใจตอนนี้ก็ ชิวๆ จริงๆ ค่ะ เป็น เย็นๆ เบาๆ สบายๆ ไม่รุ่มร้อน ขี้หงุดหงิดเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้มีสติมากขึ้นแล้วค่ะ วันนี้ก็มีบ่นนินทาลูกค้า ในขณะที่พูดนี้ก็รู้นะค่ะ 555 แต่ก็ยังอดไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะใส่อารมณ์เข้าไปมากกว่านี้ แต่นี้เหมือนเป็นการพูดถึงเฉยๆ ไม่ได้มีอะไร ตอนนี้เริ่มรู้เท่าทัน ถึงแม้ว่า จะตามมาทีหลังบ้างก็ตามที 555 (แค่ทุกวันนี้เราไม่ค่อยพูด คือพูดน้อยลงมาก ก็รู้สึกแปลกจากคนอื่นแล้วค่ะ คือพูดไปก็พูดเรื่องชาวบ้าน ก็กระทบคนอื่น คือ ถ้าไม่สร้างสรรค์ไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่อยากจะพูด เป็นขี้เกียจพูดไปซะงั้น) <o:p></o:p>
     
  5. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ดูตามความคิดนั้นว่ามันจะไปได้ถึงไหนค่ะ ส่วนมากพอเรามีสติรู้ทัน มันจะหยุด ถ้ามันไม่ยอมหยุดก็รอจนมันเหนื่อย หมดแรง แล้วเราก็จับมันมาพิจารณา คิดจะทำร้ายคนอื่น เราทุกข์หรือเขาทุกข์ ความคิดมันเที่ยงมั้ย ความคิดมีตัวตนมั้ย ตัวเรามีตัวตนมั้ย ตัวเขามีตัวตนมั้ย เมื่อรู้แล้วก็วาง เกาะพระต่อ

    พอมีความคิดไม่ดีเกิดขึ้นก็ทำวิธีนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ เป็นการฝึกสติ และลับปัญญาไปในตัว แล้วเราจะรู้เท่าทันความคิดค่ะ ต้องกราบ"ความคิดไม่ดี"งามๆ ที่ช่วยให้เราฝึกสติ และมีปัญญา ส่วนสมาธิก็ได้มาจากจิตเกาะพระงัยคะ<!-- google_ad_section_end -->

    สาธุ อนุโมทนาบุญกับคำตอบค่ะ เห็นตามนั้นจริงๆ แล้ว "ความคิดไม่ดี" และสิ่งที่เข้ามากระทบจิต กระทบใจ กระทบอารมณ์ เรานั้น ต้องขอบคุณเค้าจริงๆ ที่มาเป็นครูเรา เค้าขยันเข้ามาทดสอบเรา ฝึกจิตเราจริงๆ สาธุ
     
  6. preechaniy

    preechaniy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,356
    ผมขอร่วมอนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 29 ด้วยครับ.สาธุ สาธุ สาธุครับ
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ทางแห่งความหลุดพ้น

    เจ้าประคุณสมเด็จฯ
    มักจะกล่าวกับสานุศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอว่า...
    ชีวิตมนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีก็ต้องตายและถูกหามเข้าป่าช้า
    ดังนั้นจึงควรประพฤติปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
    ท่านเปรียบเทียบว่า มนุษย์อาบน้ำ ชำระกายวันละสองครั้งเพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งโสโครกที่เกาะร่างกาย
    แต่ไม่เคยคิดจะชำระจิตให้สะอาดแม้เพียงนาที

    ด้วยเหตุนี้
    ทำให้จิตใจของมนุษย์ ยุคปัจจุบันเศร้าหมองเคร่งเครียดและดุดัน
    ก่อให้เกิดปัญหาความพิการในสังคมความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จนกระทั่งเกิดความขัดแย้ง
    และกลายเป็นสงครามมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน

    คัดลอกจากหนังสือ เรียน ธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2012
  8. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Dhammanee [​IMG]
    วันนี้ผมได้ร่วมบริจาคสร้างองค์ปฐมที่วัดบางนมโค ผมขออุทิศบุญนี้ให้ทุกๆท่าน ขอให้ทุกๆท่าน(และผม)ได้เข้าสู่บ้านนิพพานทุกท่านเทอญ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[FONT=&quot]ขอเข้าสูนิพพานในชาตินี้เทอญ
    [/FONT]

    [FONT=&quot]สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ คุณวัฒน์
    [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอขอบพระคุณคุณDhammaneeด้วยครับ ที่pmไปหาผม ทำให้ผมได้เข้ามาที่นี่ครับ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[FONT=&quot]ขอเข้าสูนิพพานในชาตินี้เทอญ
    [/FONT]
    [FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]สาธุ ยินดีค่ะ นั่นแสดงว่า มันถึงเวลาของคุณแล้วต่างหากล่ะค่ะ ขออานิสงค์ผลบุญนี้ส่งผลให้พวกเราเดินถึงบ้านกันเร็วๆ ด้วยเถิด สาธุ:cool:
    [/FONT]<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ natthapatpun [​IMG]
    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา

    กับจิตบุญดวงที่ ๒๙
    ของกลุ่มจิตบุญเทอญ

    สาธุ สาธุ สาธุ
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมขอร่วมอนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 29 ด้วยครับ.สาธุ สาธุ สาธุครับ<!-- google_ad_section_end -->


    สาธุ ขออนุโมทนาบุญด้วยล้านครั้งกับจิตบุญดวงที่ 29 ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ๊
     
  10. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ watjojoj [​IMG]
    ตอนนี้ผมก็ยังไปไม่ถึงไหน แต่ที่ผมรู้ตัวเองและที่คนรอบข้างบอกเลยว่าผมใจเย็นลงแบบเห็นได้ชัด และโกรธแป๊บเดียวไม่เหมือนเดิมที่โกรธข้ามปีที่เดียว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โมทนาสาธุกับคุณวัฒนาอย่างยิ่งเลยครับ.. ดีมากๆเลยครับ

    ความโกรธ(โทสะ) นี้เป็นกิเลสที่น่ากลัวมากตัวนึง วิธีจัดการกับมันนะ คือ
    สิ่งที่คุณวัฒนาทำมาแล้วนั้นต้องถือว่าดีใช้ได้ในระดับนึงคือว่าสติตามมาสายไปหน่อยนึงแต่ก็ยังตามมารู้เท่าทันมัน
    Next step นะครับ:-
    - พยายามทำจิตให้นิ่งเข้าไว้ คุณพี่สติจะตามมาไวรวดเร็วขึ้น คือพอกระทบรู้ รู้ว่าเคืองโกรธแล้วนะ แต่ยับยั้งชั่งใจไม่ให้ ผลุสวาทพูดไม่ดีออกไป หรือลงไม้ลงมือแสดงกิริยาท่าทางไม่พอใจออกไป (คือหยุดมโนกรรมยังไม่ได้ แต่ว่าหยุดวจีกรรมและกายกรรมได้) ในขั้นนี้
    - พอจิตนิ่งถึงที่สุดแล้วนะครับ สติจะรู้เท่าทันจิตเลย.. พอมีปัจจัยมากระทบรับรู้ได้ที่อายะตนะทั้ง6 คุณพี่สติจะไวมากๆเลย คือ กระทบรู้ ปัญญาวิปัสสนาลง แล้วก็วางจบเลย (คือเกิดขึ้นที่ตรงไหนก็ดับที่ตรงนั้น..อันนี้นี่เรียกว่า advance shotเลย) คือว่ามันก็จะหยุดได้ตั้งแต่มโนกรรม วจีกรรมและกายกรรมทั้งหมดเลย

    ประเด็นก็มีอยู่ตรงที่ว่าจะทำอย่างไรให้จิตนิ่งถึงนิ่งมากที่สุด?
    ตอบ:ก็หมั่นทำจิตเกาะพระ ทรงสมาธิ(ฌาน)ให้ได้ตลอด จิตก็จะนิ่งมากขึ้น เมื่อจิตนิ่งมากขึ้นเราก็จะทรงสติได้รวดเร็วมากขึ้นเป็นเงาตามกัน และเมื่อนั้นแหล่ะ อย่าว่าแต่ความโกรธเลย.. ให้กิเลสมาพร้อมๆกันเลยทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง เขาก็มิอาจเข้าถึงตัวเรา(จิต)ของคุณวัฒนาได้
    แล้วเมื่อวาระนั้นมาถึง.. ที่คุณวัฒนาปราถนา "ขอเข้าสู่นิพพานในชาตินี้เทอญ" ก็จะเป็นจริง..

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป.. สาธุสวัสดี<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ความว่าง ก็คือ ความว่าง<!-- google_ad_section_end -->


    สาธุ อนุโมทนาบุญกับคำตอบค่ะ อาจารย์ลูกพลัง เราเลยพลอยได้อานิสงค์กับการเรียนรู้ การฝึกสติ ไปด้วยในตัวเลย เข้าใจมากขึ้นเป็นลำดับแล้วค่ะ ตอนนี้เกษก็รู้ตัวนะค่ะ แต่หยุดยังไม่ได้ หมายถึง การพูดที่เป็นลบนี้แหล่ะค่ะ ฉะนั้น ต้องนึกถึงพระให้บ่อยขึ้น ถี่ขึ้น ยิ่งกว่านี้ "ท่านพ่อยังอยู่กับหนูมั้ยน๊า":)
     
  11. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ
    ยังไม่มีโอกาสได้นั่งอ่าน คำสอน คำแนะนำสักเท่าไหร่เลยค่ะ

    วรรณมีแจ้งไปทางอีเมลล์คุณอัญญะมณีแล้วนะคะ ไม่รู้ว่าเป็นการส่งการบ้าน หรือให้การบ้านคุณครูกันแน่ อิอิ .. การเดินทางแม้จะมีอุปสรรคแต่ถ้าเรามีความเพียร แม้เป็นเพียงเต่าน้อยที่เดินได้ช้ากว่าเพื่อน ถ้าเราไม่ละความพยายามสักอย่าง เราก็ย่อมถึงจุดหมายเช่นเดียวกัน...แม้จะช้ากว่าคนอื่น แต่ยังดีกว่าไม่พยายามเลย..จะนำคำแนะนำมาปรับใช้กับตัวเองให้มากที่สุดค่ะ..
    @ พี่เกษ..เพราะพี่มีเมตตาค่ะ วรรณถึงได้เข้ามาที่ชุมชนนี้ได้..กราบขอบพระคุณมากค่ะ

    สาธุค่ะ น้องวรรณ มันถึงเวลาของหนูต่างหากล่ะค่ะ ถึงมีอะไรมาดลใจให้พี่เกษต้องทำอย่างนั้น รู้มั้ยพี่เกษนึกยังไงไม่รู้ค่ะ พี่เกษนั่งส่งพีเอ็มอยู่สองวันติดกัน ส่งไปวันละประมาณ 10 รายนี้แหล่ะค่ะ ก็เพราะรู้ว่าทางนี้ วิธีนี้ดีแน่นอน (ถึงแม้ว่าตัวเองจะยังฝึกอยู่ก็ตาม) ก็อยากจะบอกต่อเพื่อเป็นธรรมทาน รู้มั้ยมีคนตอบกลับมาเพียงแค่ 1/4 เท่านั้นเองค่ะ แถมในหนึ่งส่วนนั้นมีปฏิเสธกลับมาด้วย ก็ไม่ว่ากันค๊าาา มาม๊ะ เรามาเดินกลับบ้านไปพร้อมกัน (ขอยืมคำคมครูเพ็ญมาใช้หน่อยนะค่ะ ช๊อบจริงๆค่ะ ประโยคนี้ คิๆๆ) :)
     
  12. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    สาธุ โมทนาบุญกับน้องนอร์ทคะ
    โมทนาบุญคุณครูนก คุณครูจิตบุญทุกท่านคะ
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    ธรรมปฏิบัติ ๓๑ เรื่อง ลูกศิษย์แท้

    "กระผมปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อ แต่ว่าไม่ค่อยมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมหลวงพ่อ อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นลูกศิษย์สมบูรณ์หรือเปล่าขอรับ...?"
    คำว่าลูกศิษย์จริงๆ อยู่ใกล้หรืออยู่ไกลไม่สำคัญ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำถือว่าเป็นลูกศิษย์สมบูรณ์แบบ ถ้าอยู่ใกล้ดื้อก็ไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์

    ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสกับพระอานนท์ว่า
    "อานันทะ ดูก่อน อานนท์ ในสมัยที่ตถาคตมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือนิพพานแล้วก็ตาม บุคคลใดมีชีวิตอยู่ แล้วเกาะสังฆาฏิของตถาคตอยู่ แต่ว่าบุคคลนั้นไม่เคยเจริญพุทธานุสติ
    ก็ถือว่าบุคคลนั้นไม่เห็นตถาคตเลย ถ้าตถาคตมีชีวิตอยู่ หรือนิพพานไปแล้วก็ตาม ถ้าบุคคลใดเจริญพุทธานุสติกรรมฐานเป็นปกติ ตถาคตถือว่าบุคคลนั้นเกาะสังฆาฏิของตถาคตอยู่"

    คำว่าลูกศิษย์จริงๆ ก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ ไม่เกี่ยวกับการอยู่ใกล้อยู่ไกล ถ้าอยู่ใกล้ไม่ปฏิบัติตามก็ตามกันไม่ได้ คนหนึ่งอยู่นิพพาน คนหนึ่งอยู่อเวจี
    "มีเหมือกกันหรือครับ"
    เยอะเลย อย่างพระเทวทัตไงล่ะ
    "อย่างนี้ใครปฏิบัติไม่ดีก็...."
    ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะดีจะชั่วอยู่ที่การปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องของคนสอน คนสอนแล้วไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีผล ใช่ไหม อย่างพระเทวทัตเป็นพี่เขย เป็นพี่พระนางพิมพา
    บวชแล้วก็ได้อภิญญา ๕ เหาะเหินเดินอากาศได้ ในที่สุดปฏิบัติชั่วก็ไปอเวจีมหานรก

    ฉะนั้น การเป็นลูกศิษย์ลูกหาไม่ได้อยู่ใกล้หรืออยู่ไกล ไกลแสนไกลถ้าปฏิบัติตามก็เหมือนอยู่ใกล้ตัว คนที่อยู่ใกล้แต่ไม่ปฏิบัติตามก็เหมือนกับคนไม่เคยเห็นกันเลย.

    ที่มา
    ธรรมปฏิบัติ ๓๑ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(พระมหาวีระ ถาวโร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2012
  14. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    การจัดการกับ..นิวรณ์5

    ก่อนอื่นเราก็ต้องขอโมทนาบุญให้กับผู้ปฎิบัติท่านหนึ่งก่อน.. สาธุให้บุญนี้จงถึงแก่เจ้าตัวเขาให้เขาถึงมรรคผลนิพพานไวไวด้วยครับ..
    คือว่าช่วงนี้ตัวเราเองก็ทำวิปัสสนาอยู่ไม่น้อย สัญญาเลยตกกระป๋องคิดอะไรไม่ออก
    แต่พอดีว่าผู้ปฎิบัติท่านนี้ได้ยกหัวข้อปุจฉาธรรมขึ้นมา เราก็เลยถือโอกาสนำคำตอบของเขามาใส่ในกระทู้นี้ เพราะเห็นว่าจะพอเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้างไม่มากก็น้อย..
    ธรรมทานนี้เป็นบุญกุศลจากปุจฉา-วิสัสชนาธรรมกับเขา ก็ขอให้บุญกุศลนี้จงส่งถึงเจ้าตัวและผู้ปฎิบัติใหม่ทุกๆท่าน ให้ถึงฝั่งฝามรรคผลนิพพานโดยพลันเทอญ..
    --------------------------------------------------------------
    สวัสดีครับ
    หมั่น"แผ่เมตตาและอโหสิกรรม"อยู่บ่อยๆครับ โดยเฉพาะคนใกล้ตัวที่เขามิได้ปฎิบัติ ความเข้าใจของเขาจะมีน้อย และถ้ามีโอกาสตอนอารมณ์ดีๆก็ค่อยถ่ายถอดแนะนำเขาบ้าง แบบเบาๆก่อนห้าม"จัดหนัก"นะครับเดี๋ยวจะไปกันใหญ่..

    เรามีเทคนิคมาบอกกันในการทำสมาธิกรรมฐานให้ได้ประสิทธิผลมากๆ (สมัยที่เริ่มฝึกเองใหม่ๆ)คือ
    เรานำมาจากหลวงพ่อฤาษีท่านกล่าวว่าหลวงพ่อปาน(พระอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีน่ะ) ท่านสอนลูกศิษย์ให้ทำวิปัสสนากรรมฐานหน่อยนึงก่อนแล้วค่อยทำสมถะกรรมฐาน หลวงพ่อฤาษีก็กล่าวว่าแรกๆท่านก็ไม่เข้าใจแต่ก็ทำตาม ค่อยมาทราบภายหลังว่ามันดีอย่างนี้เองคือสมาธิตั้งมั่นรวมเป็นหนึ่งได้ดีมาก.. เราเองจึงประยุกต์มาใช้กับตนเองซึ่ก็ได้ผลดี ดังนี้คือ
    อุปสรรค์ในการทำสมถะกรรมฐาน นั่นก็คือ นิวรณ์5 เป็นตัวเหนี่ยวรั้งไม่ให้เราไปไหนได้ไกล เราจึงทำการวิปัสสนาก่อนโดยการโน้มนำ เจ้าตัวนิวรณ์นี้ขึ้นมาพิจารณาตอกยำ้จิตใจตนเองทุกวันๆๆ จนกระทั่งนิวรณ์5ถูกตัดออกไปได้อย่างง่ายดายเลย..
    การพิจารณานิวรณ์5 ทำอย่างไร? ให้เริ่มพิจารณาตัดนิวรณ์ไปเป็นข้อๆเลยนะครับ.. (พูดในใจกับจิตตนเอง บอกมันทุกวันๆ)
    ข้อที่1-กามฉันทะคือ ความพึงพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์
    ในขณะนี้ข้าพเจ้ากำลังเจริญสมาธิภาวนา ย่อมที่จะไม่มีความพึงพอใจในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสธรรมารมณ์ใดๆแต่อย่างใดเลย ดังนั้นนิวรณ์ข้อกามฉันทะจึงไม่ปรากฎและพึงมีแก่ข้าพเจ้าได้ เป็นอันว่า"ตัดนิวรณ์"ข้อนี้ออกไปได้
    ข้อที่2-พยาบาทคือ ความแค้นเคืองผูกพยาบาทแก่ผู้อื่น
    ก็ไม่ปรากฎว่ามีในจิตใจของข้าพเจ้าเพราะว่าข้าพเจ้าได้อโหสิกรรมให้แก่ทุกสรรพดวงที่ได้กระทำต่อข้าพเจ้า ไม่มีการผูกเวรต่อกรรมกันอีกต่อไป ดังนั้นนิวรณ์ข้อพยาบาทจึงไม่ปรากฎและพึงมีแก่ข้าพเจ้า เป็นอันว่า"ตัดนิวรณ์"ข้อนี้ออกไปได้
    ข้อที่3-ถีนมิทธะคือ ความง่วงเหงาหาวนอน
    ในขณะนี้ข้าพเจ้ากำลังเจริญสมาธิภาวนาและมีจิตใจที่ตั้งมั่นในการปฎิบัติอย่างสูงยิ่ง อันความง่วงเหงาหาวนอนย่อมที่จะไม่มีปรากฎหรือจะหยุดยั้งความตั้งมั่นในการเจริญสมาธิภาวนาของข้าพเจ้าได้ ดังนั้นนิวรณ์ข้อถีนมิทธะจึงไม่ปรากฎและพึงมีแก่ข้าพเจ้าได้ เป็นอันว่า"ตัดนิวรณ์"ข้อนี้ออกไปได้
    ข้อที่4-อุทัจจะกุกกุจะคือ ความฟุ้งซ่าน รำคาญใจ
    ในขณะนี้ข้าพเจ้ากำลังเจริญสมาธิภาวนาและมีจิตใจที่ตั้งมั่นในการปฎิบัติอย่างสูงยิ่ง อันความฟุ้งซ่านรำคาญใจย่อมที่จะไม่มีปรากฎหรือจะหยุดยั้งความตั้งมั่นในการเจริญสมาธิภาวนาของข้าพเจ้าได้ ดังนั้นนิวรณ์ข้ออุทัจจะกุกกุจะจึงไม่ปรากฎและพึงมีแก่ข้าพเจ้าได้ เป็นอันว่า"ตัดนิวรณ์"ข้อนี้ออกไปได้
    ข้อที่5-วิจิกิจฉาคือ ความลังเลสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ข้าพเจ้ามีความเคารพเลื่อมใสและศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ศาสดาเอกของโลกอย่างมากๆ รวมทั้งพระธรรมคำสั่งสอนท่าน อีกทั้งพระอริยสงฆ์เจ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วไซร้ อันตัวข้าพเจ้าก็ย่อมที่จะไม่มีในเรื่องความลังเลสงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ดังนั้นนิวรณ์ข้อวิจิกิจฉาจึงไม่ปรากฎและพึงมีแก่ข้าพเจ้าได้ เป็นอันว่า"ตัดนิวรณ์"ข้อนี้ออกไปได้
    สรุปรวมความว่า ข้าพเจ้าสามารถตัดนิวรณ์ทั้ง5ข้อนี้ได้แล้ว..
    จากนั้นก็ทำกรรมฐานของตนเองต่อไปตามสะดวก..

    ให้พยายามจำให้ได้แต่ไม่ต้องมาเสียเวลาว่าคำพูดคำจาจะต้องเหมือนตัวอย่างข้างต้น เอาเป็นหลักการและความเข้าใจให้ตรงกันเป็นพอ ส่วนที่เหลือสามารถไปออกแบบคำพูดคำจาของตนเองตามถนัดได้.. ให้เอาแก่นนั่นคือ วัตถุประสงค์ วิธีการและอานิสงค์เป็นหลัก

    ก็ลองไปทำดูเผื่อว่าจะถูกจริต แต่สำหรับตัวเราเองทำมาเยอะมากๆ สุดท้ายมาจัดการนิวรณ์5นี้ได้ด้วยการจับมันมาวิปัสสนาซะเลย ถึง"เอาอยู่"..

    จบข่าว..
    --------------------------------------------------------------

    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ..สาธุสวัสดี
     
  15. มะลิดำ

    มะลิดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +588
    เมื่อคืนนั่งสมาธิสักพักหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีแมลงไต่หลัง อุตส่าห์อดทนไม่เกา จนหายไป ต่อมาเหมือนมาไต่ใกล้ต้นคอ อยากเอามือไปปัดออก แต่กลัวเสียสมาธิ จนมันหายไปเอง / จบการบ้านครั้งที่ ๑ ค่ะ(rose)
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    "สมมติ" และ "วิมุตติ"

    ในวันสิ้นปีเมื่อหลายปีก่อน
    ผู้เขียนได้มาค้างคืนอยู่ปฏิบัติที่วัดสะแก และได้มีโอกาสเรียนถามปัญหาการปฏิบัติกับหลวงปู่
    เรื่องนิมิตจริงนิมิตปลอมที่เกิดขึ้นภายในจากการภาวนา
    ท่านตอบให้สรุปใจความได้ว่า


    ต้องอาศัยสมมุติขึ้นก่อน จึงจะเป็นวิมุตติได้ เช่น การทำอสุภะหรือ กสิณนั้น
    ต้องอาศัยสัญญาและสังขารน้อมนึกเป็นนิมิตขึ้น
    ในขั้นนี้ไม่ควรสงสัยว่านิมิตนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม
    มาจากภายนอกหรือมาจากจิต เพราะเราจะอาศัยสมมุติตัวนี้ไปทำประโยชน์ต่อ
    คือ ยังจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่ขึ้น แต่ก็อย่าสำคัญมั่นหมายว่าตนรู้เห็นแล้ว หรือดีวิเศษแล้ว

    การน้อมจิตตั้งนิมิตเป็นองค์พระ เป็นสิ่งที่ดี ไม่ผิด เป็นศุภนิมิต
    คือ นิมิตที่ดี เมื่อเห็นองค์พระ ให้ตั้งสติคุมเข้าไปตรง ๆ (ไม่ปรุงแต่ง หรือ อยากโน้นนี้)
    ไม่ออกซ้ายไม่ออกขวา ทำความเลื่อมใสเข้า เดินจิตให้แน่วแน่ สติละเอียดเข้า
    ต่อไปก็จะสามารถแยกแยะหรือพิจารณานิมิตให้เป็นไตรลักษณ์จนเกิดปัญญาสามารถจะก้าวเข้าสู่วิมุตติได้


    คัดลอกจากหนังสือ "คติธรรมคำสอน หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ" หน้า 29
    ที่มา : luangpudu.com / luangpordu.com
     
  17. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    นักศึกษาธรรมศาสตร์ขอมาคุยหน่อยค่ะ ฮ่าๆ ตอนนี้ก็ทำเรื่อยๆค่ะ ท่าทางอยากมากไปจะยิ่งช้าจริงๆ แหะๆ
    งานรุมเร้า เนื่อย เครียด คิดงานไม่ออกวิ่งไปหาพระอย่างเดียวเลย ฮ่าๆ
    บางที่อยู่ท่านก็มาเอง เอาซะจนหยุดมองไม่เป็นอันทำงาน จนเพื่อนต้องเค้ามากระทุ้งให้ทำต่อ
    เข้ามาอ่านกระทู้บ้างเป็นระยะ ระยะ แต่ก็ต้องรีบอ่าน แบบscaning เพราะต้องรีบไปทำงานต่อ ฮ่าๆ
    ไว้วันว่างๆจะมาไล่อ่านแบบละเอียดอีกทีนะคะ พ่อภู และชาวกระทู้ที่รักทุกคน:boo:
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    มาแล้วหรอลูกรักของพ่อภู...
    ลืมพ่อภูได้นะ แต่อย่าลืมครูน้องหนูนะ
    อันนี้ลืมบ่ได๊ เพราะครูน้องหนูเป็นคนถือกุญแจ นิพพาน
    พ่อภูพูดซะหนำใจเธอเลย

    นิสิตจุฬาฯ นิสิตธรรมศาสตร์ นิสิตขอนแก่น นิสิตมหาสารครามก็มาหมดแร๊ะ
    ยังเหลือนิสิตม.ช. ไม่มีบ้างหรอครูเพ็ญ? เห็นอยู่ใกล้ๆ
    หรือว่าทาเก็ตท่านกำลังไปที่วัดก่อน แม่ชีก็ได้แล้ว พระสงฆ์ท่านก็สนใจแล้ว นักบิน วิศวะ หมอ นักธุรกิจ ข้าราชการ พลเรือน พ่อบ้านแม่บ้าน และนักศึกษา มีเกือบจะครบทุกอาชีพแล้วนะครูเพ็ญ

    พอแร๊ะ! แค่นี้พรรคพวกก็เริ่มเหร่ผมแล้ว
    ปิดกระทู้หนีกันเห่อครูเพ็ญ ฮ่าๆ
    ล้อเล่นน่ะ คุณLinda2009 เดี๋ยวท่านว๊ากเอาอีก

    ระวังนะ ท่านที่กำลังเรือเกลือกันอยู่น่ะ
    ถ้าเน็ตล่มสลายเมื่อไหร่ จะไปตามหากันที่ไหน
    รีบเกาะพระให้ติดกันไวๆ
    หรือขอให้มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มากๆ (ให้เกียรติท่านหน่อย เดี๋ยวท่าจะน้อยใจ) สำหรับผู้ที่เกรงว่าจะปรามาสพระพุทธเจ้า
    ไม่ต้องไปถามใครหรอก ถามใจตนเองก็รู้ของแบบนี้น่ะ
    ยกเว้น ผู้ที่ยังไม่มีปัญญากันนะ
    แต่ในที่นี้มีปัญญากันหมดแล้ว คิดเอาเอง
    ผมชักชวนกันง่ายกันได้ที่ไหนเล่า

    ลูกทิวลิ๊ป งงจิเราน่ะ ไม่ต้องรู้สักเรื่องก็ได้นะ
    ว่าพ่อภูคุยไรหว๋า! ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย

    เดี๋ยวให้ครูเพ็ญ ครูนก ครูลูกพลัง ท่านสายปัญญามาตอบแทนดีก่า
    หัวข้อเรื่อง เจาะใจจิตเกาะพระ และคำว่า จิตเกาะพระนั้นเป็นคำปรามาสพระพุทธเจ้ากันกันหรือไม่ อย่างไร

    ว่าจะไม่เปิดประเด็นแล้วนะ ผมและครูเพ็ญมีอุเบกขาพอนะ แต่เกรงว่าผู้ที่กำลังทำจิตเกาะพระจะเขวได้
    แต่สำหรับผู้ที่มีปัญญาคิดเองได้ อันนี้ผมไม่เป็นห่วงท่านหรอก ท่านรู้ก็นิ่งได้
    แต่ผมนั้น นิ่งไม่ได้ แต่มิใช่จะพาลหาเรื่องทะเราะ เบาะแวงกับใครนะ
    อันนั้นไม่มี ความโกรธ ความพอใจ ไม่พอใจ อัตตา มานะ ความถือตัวตนนั้น
    ไม่มีหรอก ตั้งแต่ยกจิตแล้ว
    ตั้งแต่จิตยกขึ้นเหนือขันธ์5 ได้แล้ว
    กายกับจิตก็ทำหน้าที่ต่างวาระกรรมกันไปแล้ว สบายใจได้
    ใครไม่พอใจก็ให้มาลมที่ผมคนเดียวได้นะ ผมยินดีรับผิดชอบคนเดียว
    ผมผ่านร้อน ผ่านหนาวอายุมาป่านนี้แล้ว
    ผ่านความเป็นความตายก็ผ่านมาหมดแล้ว
    และกำหนดจิตเฝ้าพระพุทธเจ้าท่านก็ทำมาแล้ว ใครไดมโนยิทธิก็ให้ไปถามเอาเอง ว่าจริงหรือไม่
    ตรงนั้นผมไม่ติดใจ เพราะถึงมีฤทธิ์เดชทางใจ หรืออภิญยา ก็มิได้หมายถึงไปนิพพานกันได้ทุกคนนะ
    แต่ถ้าใครใช้อำนาจฌาน หรือมโยิทธิไปในทางที่ผิดๆ คนนั้นขอให้ระวังตัวให้ดีๆ ก็แล้วกัน
    ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมเอาตัวรอดได้
    ผมรู้แต่ปฎิบัติเพื่อพ้นทุกข์ เพื่อหลุดพ้นเท่านั้น ผมไม่บ้าบอคอแตกกับอำนาจฤทธิ์เดช
    เมื่อก่อนผมอยากได้นะ ฤทธิ์ทางใจน่ะ แต่พอจิตยก ทำไมมันกลับไม่อยากอะไรเลย จิตนะ ไม่เกี่ยวกับกายยหยาบนะ
    กายหยาบปล่อยเขาไป อย่างมากมันอยู่กับจิตไม่นานหรอก
    พวกเราก็อย่าไปหลงร่างกายตนเองนะ และก็อย่าหลงไปเพ่งโทษคนอื่นๆนะ

    ใครลูกหลานหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านสอนลูกศิษย์อย่างไร จำกันได้ไหม๊?
    บอกให้ก้ได้ว่า...
    ท่านสอนให้รักกัน เวลาปฎิบัติต้องมีวินัยตนเอง คือ
    ขณะปฎิบัติอย่าได้ส่งจิตออกนอก โดยเฉพาะไปแอบดูจิตคนอื่น ทั้งดีหรือไม่ดีก็ตาม ท่านมิให้ไปสนใจจิตคนอื่นๆ หรืออย่าไปเพ่งโทษ หาตะเข็ม หาความผิดให้จงได้
    แต่หลวงพ่อฯท่านให้ดูที่จิตตนเองนั้น ยังมีความชั่ว เลว หลงเหลืออยู่ภายในจิตของตนหรือไม่
    ผมนั้นรับมาเต็ม อ่านครั้งเดียว ผมทำตาม ปฎิบัติตามหลวงพ่อทันทีเหมือนกัน เริ่มหาความเลวของตนเองก่อน มากเข้าไปอีกก็ตัดสังโยชน์ โดยละสักกายทิฎฐิก่อนเลย
    สรุปแล้วเราก็อยากเป็นดี ก็เริ่มที่ศีลก่อน
    บอกตามตรงเมื่อก่อน ศีลผมไม่บกพร่อง ไม่ขาดหรอก แต่เกือบกระจุยหมด คือไม่สวดมนต์
    ไม่รักษาศีลด้วย ทำบุญก็ต่อเมื่อมีคนมาชวนจึงจะทำ แต่ยังดีที่จิตใจเบื้องลึกนั้น
    ผมไม่อยากพูด ไม่อยากเปรียบเทียบกับจิตคนอื่นๆ
    เพราะธรรมะของหลวงพ่อฯยังคงติดตา ติดตรึงใจผมอยู่ทุกเมื่อ เชื่อวัน

    วันนี้ขอยืมคำตอบลูกทิวลิปหน่อยนะ
    เหมือนคนระบายอย่างไร ก็แล้วแต่พวกเราคิดกัน
    ผมเชื่อคนอื่นไม่กล้าพูด ไม่กล้าถาม ผมจำเป็นต้องมาตอบก่อน
    ก่อนที่จะมีคนมาถาม
    แต่ผู้ไม่ได้อยู่ในเหตุ ก็ไม่ต้องถามกันนะ
    ทำทำทำไป ปฎิบัติไป เดี๋ยวดีเอง
    ถามว่างานนี้ใครได้ ตัวผู้ปฎิบัติเอง
    ผมหรือคุณครูได้อะไร ไม่ต้องถาม เขาไม่ต้องการอะไรเลย รู้จักป่ะ คำนี้

    ขอโทษนะครับที่วันนี้อาจจะดุสักหน่อย
    แต่ไม่มีความโกรธแน่นอน ไม่มีอัตตาแน่นอน
    สำหรับผมด่าได้ ว่าได้ ตำหนิได้นะ ผมรับฟังหมด
    อย่าได้ถือผมเป็นอะไรกับคุณนะ
    เพราะผมกำลังทำตนเองให้เป็น อนัตตา
    (จบ)


    ทางโลก..คิดเงินขอให้ได้เงิน คิดทองขอให้ได้ทอง คิดหาเรื่องก็จะได้แต่เรื่อง
    ทางธรรม..คิดแต่บุญก็ได้แต่บุญ คิดแต่เรื่องบาป-อกุศลก็จะได้แต่เรื่องบาป-อกุศล
    พวกเราพยายามคิดให้ถูกช่องกันนะ เพราะกรรมปัจจุบันนั้น คือตัวแปรสำคัญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2012
  19. lobsterkiss

    lobsterkiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +325
    ขอบคุณมากๆๆครับพี่ภู ขอบคุณอีกหลายๆๆๆๆครั้ง ที่มาตั้งกระทู้ ให้ธรรมะดีตลอด
    ถ้าไม่มีพี่ภู ผมก็ไม่มีวันนี้
    ขอบคุณพี่ๆจิตบุญทุกๆท่านด้วยนะครับ ที่ให้คอยส่งธรรมะดีๆให้อ่านตลอดเลย:cool:

    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่นกชาย กับพี่เพ็ญ ที่คอยเคี่ยวเข็ญ แนะนำ ให้ความรู้ ตลอด
    ผมรู้ว่าผมสร้างความลำบากให้ท่านเยอะแยะ ถามเยอะแยะ แต่ท่านก็มาตอบให้ความรู้ผมเสมอ

    แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำัลังทำ กำลังปฏิบัติอยู่ด้วยนะครับ พยายามเข้านะครับ:cool:

    ทุกๆท่านที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวล ผมขอบุญกุศลที่ผมได้ทำมาในอดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ และบุญกุศลที่ผมได้ทำจิตเกาะพระจนสำเร็จ ขอยกให้แก่ท่านทั้งหลายที่กล่าวมานี้
    ถ้าท่านใดยังปฏิบัติอยู่ขอให้บุญกุศลนี้ช่วยให้ทุกท่านจิตยกได้เร็วพลันนี้ด้วยนะครับ


    ปล1.มาแล้วววว ไม่ได้หายไปไหนนะครับพี่ภู มาอ่านตลอดแต่ไม่ได้ log in อิอิ

    ปล2.ขอขอบคุณทิวลิป เป็นการส่วนตัว ถ้าไม่ได้เธอถามเรื่องคุณพ่อคุณแม่ ข้าพเจ้าคงไม่เอะใจ จริงๆ ขอส่งกำลังใจให้ท่านได้ปฏิบัติจิตยกเร็วพลันนะครับ
     
  20. tom tana

    tom tana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +833
    รายงานตัวมีอดีตนักศึกษา ม.สงขลานครินทร์ด้วยค่ะ รับปริญญาก็นานมากแล้ว. จะได้ครบๆทุกมหาลัย. ลูกศิษย์ครูวิทย์ค่ะ. และก็ต้องขอโทษครูวิทย์อีกครั้งค่ะ. ที่ไม่ได้อ่านเมลของครูวิทย์เลย. ได้แต่ส่งการบ้านลูกเดียว. ก็เครื่องพวกทันสมัยนี่ต้องให้ลูกสาวสอนให้. ใช้เป็นก็เฉพาะที่ลูกสอน. ใช้เมลลูกสาวส่งการบ้านครูวิทย์อยู่ตั้งนาน. เลยหาเมลตอบของครูวิทย์ไม่เจอ. ถามลูกสาวว่าทำไมน้องไม่บอกหม่าม้าละคะว่าเป็นเมลน้อง. คำตอบก็คือ. ก็หม่าม้าไม่ได้ถาม. ก็เลยวันนี้มานั่งอ่านเมลตอบของครูวิทย์ค่ะ. เพิ่งหายโง่ค่ะ. แต่วันนี้กำลังใจดีค่ะ. ทำได้ดีกว่าทุกวัน. แล้วก็มีเรื่องให้ปลื้มใจอีก. เคยแนะนำให้คนรู้จักสวดอิติปิโส และแผ่เมตตาให้ลูกชายที่เกเร. เค้าทำมา2-3ปี. วันนี้เค้ามาบอกว่าลูกชายกลับตัวได้. และมาขอบวช. วันนี้เลยรู้สึกอิ่มบุญมากเลยค่ะ. ตอนเค้ามาบอกรู้สึกน้ำตาซึมเลยค่ะ มันปิติ. เลยเป็นแรงใจให้วันนี้จับภาพพระได้ดีค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...