ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ประเทศจีนเคยช่วยเราทางอ้อมครั้งหนึ่ง เมื่อเวียตนามเริ่มเคลื่อนกำลังทหารบุกเขมร และมีเป้าหมายตีภาคอีสานให้แตก ใช้ ยุทธการดอกบัวบาน กำลังทหารจะทะลวงแนวป้องกันเราให้แตกเป็น 2 ส่วน แล้วเวียตนามจะบุกตีถึง กทม. แต่จีนได้เข้าโจมตีภาคเหนือของเวียตนาม ทำให้กองทัพเวียตนามต้องแบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปต้านทานการโจมตีของจีน โดยเฉพาะกองพลเสือบิน ที่ได้ชื่อว่าเป็นกองพลที่รบได้เก่งที่สุดของเวียตนาม มิฉะนั้นเราอาจจะพบความสูญเสียมากกว่านี้ แต่จีนสูญเสียทหารและยุทโธปกรณ์ไปจำนวนมากพอดู
     
  2. izeberry

    izeberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    340
    ค่าพลัง:
    +1,482
    ขอเสริม ว่า อันนี้เป้นความจริงเพียงนิดเดียว

    หากศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว ความจริง มันเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนมากกว่า ว่า

    1.จีน ต้องการคงอำนาจในอินโดจีน จึงไม่ต้องการให้เวียดนามเข้ามามีอิทธิพล

    2.ไทย ต้องจ่ายค่่าตอบแทนครั้งนี้ ด้วยการซื้ออาวุธเก่าๆ ล้าสมัย จากจีน
    แต่ไทยต้องยอม ไม่เช่นนั้น ไทยเสียเอกราชแน่นอน

    3.ผู้ที่ช่วยเหลือ ไทย จริงๆ คือ พ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ยอมสละชีวิต เพื่อรักษาประเทศ รักษาพระพุทธศาสนา โดย มีพระสุปฎิปันโน สละชีวิต 5 รูป ที่โดยสารกับเครื่องบินที่ตกในช่วงเวลานั้น ซึ่งพระทุกรูปรู้ว่า ต้องเสียชีวิต แต่ท่านยอม......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2012
  3. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ครับ...ดังนั้นพวกเราทุกคนจะต้องช่วยกันดำรงรักษาชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน อย่างปล่อยให้ภัยทั้งหลายทั้งภายในและภายนอกเข้ามาบ่อนทำลายเราได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ในปัจจุบันนี้เราถูกกระทำดังที่กล่าวไว้ เพียงแต่เราถูกทำให้รับรู้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่น่าจะเกิด ทำให้ถูกกฏหมายบ้าง หรือถูกบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น แก้ต่างแทนผู้ที่ไม่ประสงค์ดีกับพระพุทธศาสนา ผลประโยชน์บ้าง รวมหัวกันกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อพระพุทธศาสนาบ้าง สนับสนุนกลุ่มผู้ไม่หวังต่อพระพุทธศาสนาบ้าง และอื่น ๆ อีกมากมาย ตัวอย่างมีให้เห็นในสังคม ลองสังเกตุดี ๆ สิครับ เพื่อน ๆ จะพบข้อเท็จจริงที่แฝงไว้ในสังคม เช่น โรงเรียน.....(เต็มเองโรงเรียนอะไรที่บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา แต่ไปสนับสนุนอื่น และใครเป็นคนทำ โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ) ธนาคาร.........(เต็มเองธนาคารอะไรที่บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา แต่ไปสนับสนุนอื่น และใครเป็นคนทำ โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ) แต่ในที่สุดก็จะถูกแก้ตัวผ่านสื่อ...

    -------------------------------------------------
    พระพุทธศาสนาจะอยู่รอดปลอดภัยก็ต่อเมื่อพุทธบริษัททั้งหลายเข้มแข็งต่อสู้ปกป้องรักษา จรรโลงไว้ และเผยแพร่ให้กว้างไกล และรู้จักวิเคราะห์แยกแยะอย่างถูกต้อง เหมาะสม ดีงาม และสังเคราะห์อย่างถูกต้อง เหมาะสม ดีงาม รวมทั้งใช้สติปัญญาอย่างรอบคอบ เลือกคบมิตรที่ดีที่เกื้อกูลกันอย่างจริงใจ รวมถึงจะต้องมีมาตรการในการดำรงรักษาพระพุทธศาสนาทั้งทางโลกและทางธรรมไปพร้อมกัน ยังมีรายละเอียดอีกมากที่จะต้องกล่าว ขออภัยที่อาจจะกล่าวตรง ๆ ไปบ้าง ลองพิจารณาดูครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2012
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    เท่าที่ทราบมาก็เป็นการเจรจาต่างตอบแทนกัน น่ะครับ

    ตอนนี้จีนกำลังทำสงคราม "สั่งสอน" เวียตนามอยู่เช่นกัน
    เพราะเวียตนามรุกกินแดนเรื่อยๆ น่ารำคาญ

    จีนตกลงกับไทยว่าจะบุกเวียตนามทางเหนือ
    แต่ให้ไทยส่งกำลังบำรุงให้เขมรแดง เพื่อให้เวียตนามรบศึก 2 ด้าน
    ในที่สุดเวียตนามก็ต้องถอนกำลังออกไปตามที่คาดการณ์ไว้
    เพราะจีนบุกอีก 60 ก.ม. ก็จะถึงฮานอย นายฟาม วัน ดง ต้องไปเจรจาสงบศึก

    ไทยเราก็เลยไม่ต้องเหนื่อย

    ทุกเรื่องในโลกนี้ ต่างมีความลับที่ไม่เปิดเผยด้วยกันทั้งสิ้น
    แม้หลายคนยังจะเชื่อว่าสหรัฐอเมริการบแพ้เวียตกง
    แต่เบื้องหลังรัฐบาลสหรัฐ แพ้ความตะกละของพวกเดียวกันเอง
    จนปธน. เวียตนามใต้ทนไม่ได้ เลยสติแตกสั่งการแบบคาดไม่ถึง
    ทำให้ประเทศชาติล่มสลายอย่างที่เห็นกัน

    บ้านเมืองเราแม้จะยุ่งเหยิงและขาดระเบียบมีปัญหามาตลอด
    แต่ด้วยเป็นดินแดนที่พุทธศาสนามาเจริญที่นี่ อีกทั้งยังมีพระสุปฏิปัณโนอีกมาก
    ด้วยกำลังแห่งพระรัตนตรัยยังเฝ้ารักษาอยู่ทุกวันคืน

    อีกไม่นานคนดีมีฝีมือจะมีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่นำพาประเทศของเรา
    ขอให้หมดทุรยุคนี้ไปก่อน คงจะได้เห็นฟ้าสีทองกันบ้าง ล่ะครับ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาส์นเตือนภัยปี ค.ศ.2012-2013 จากเพื่อนต่างดาว !!!

    [​IMG]

    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตมาจาก ผู้บัญชาการ Sohin แห่งยานอัลฟ่า (Alpha Spaceship) วันที่ 11 มีนาคม 2010 ผู้รับการสื่อสาร: นาย Kris-Won สถานที่: ประเทศสเปน

    ขอกล่าวสวัสดีทุกๆคนมาจากยานอัลฟ่า (Alpha Spaceship) พวกเราได้มาลงเรือลำ เดียวกันแล้ว ในโครงการที่เสี่ยง ในการผจญภัยที่ไม่มีครั้งใดๆในประวัติศาสตร์ของโลกมนุษย์จะเทียบเท่าได้ ชาวโลกหลายคน ได้กล่าวว่า พวกเรากำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับ สถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต สมัยแอตแลนติส แต่มันไม่ใช่เลย เพราะว่าการก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งใหญ่ (Quantum leap) ที่พวกคุณกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ จะนำพาพวกคุณตรงไปสู่มิติที่ 5 อย่างที่เราเคยอธิบายไว้แล้ว ในข้อความที่สื่อสารมาก่อนหน้านี้

    สรรพชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ (ไกอา) ยังไม่เคยเลื่อนระดับขึ้น (Ascend) ไปสู่มิติที่สูงขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะฉะนั้น เราถึงได้บอกกับคุณว่า พวกคุณกำลังอยู่ในชั่วขณะแห่งการเผชิญกับอะไรบางอย่าง ที่พิเศษสุดๆอย่างแท้จริงอยู่ และมันก็เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโอกาสพิเศษ เฉพาะกับโลกใบนี้ เป็นครั้งแรกด้วย มันไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนเลย เพราะฉะนั้น มันจึงไม่มีใครเคยทำเป็นตัวอย่างให้เห็น ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถที่จะนำไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ใดๆ ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตได้

    มันเป็นความสุขอย่างมากสำหรับพวกเรา ที่ได้มามีส่วนร่วมกับพวกคุณ ในเหตุการณ์ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งใหญ่ครั้งนี้ และพวกเราก็ขอขอบคุณ และขอสวดสรรเสริญแด่พระผู้สร้าง ผู้เป็นต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง ที่ประทานวโรกาสให้แ่ก่พวกเรา ได้มีชีวิตอยู่ และได้มาร่วมมีประสบการณ์ในครั้งนี้ ร่วมกับพี่ๆน้องๆชาวดาวเคราะห์โลกของพวกเราด้วย พวกเราได้แบ่งปันข้อมูลทั้งหมดนี้ให้กับพวกคุณ พร้อมๆกับสิ่งอื่นๆด้วย เพื่อให้พวกคุณมีความสุขกับการมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานี้ อย่างมีความรู้ และอย่างตระหนักรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

    ถ้าหากว่าพวกเรา ซึ่งเป็นผู้มาเยือนและเป็นรุ่นพี่ของพวกคุณ ไม่คอยมาบอกข้อมูลต่างๆให้พวกคุณได้ทราบว่า มันกำลังมีอะไรเกิดขึ้นอยู่หลังฉากบ้าง หรือกำลังมีอะไรที่อยู่หลังม่านมายาที่ฝ่ายมืดสร้างขึ้นมาบ้าง พวกคุณก็คงจะไปจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องที่ทำให้สะเทือนใจ และกับเหตุการณ์ที่ทำให้ช็อกมากที่สุดเป็นแน่ เช่น แผ่นดินไหว และสึนามิ เป็นต้น หรือบางทีอาจจะไปจดจ่ออยู่กับเรื่องวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจ หรือข่าวอาชญากรรม และการปล้นสะดมต่างๆ ที่กำลังมีมากขึ้นทุกวันๆ

    แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเหตุการณ์ร้ายๆเหล่านี้ จะสร้างความทุกข์ยากให้กับชีวิตของพวกคุณมากแค่ไหนก็ตาม ในระหว่างที่มันเกิดขึ้น เช่นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเฮติ และในชิลีเมื่อเร็วๆนี้ เป็นต้น แต่พวกเราก็อยากจะขอให้พวกคุณ อย่าไปจดจ่ออยู่แต่กับด้านที่เป็นความทุกข์ยาก และด้านที่เป็นลบมากที่สุดของพวกมัน จงจดจ่ออยู่กับแต่สิ่งที่ดีๆ และกับด้านที่เป็นบวก ซึ่งจะทำให้พวกคุณสามารถอดทนต่อความทุกข์ยากเหล่านั้นได้

    เมื่อมีคนป่วยคนใด ที่มีเนื้อร้ายอยู่ที่แขนหรือที่ขาของเขา และเพื่อที่จะรักษาชีวิตของผู้ป่วยคนนั้นเอาไว้ หมอก็จำเป็นจะต้องผ่าตัดเอาอวัยวะส่วนนั้นทิ้งไปเสีย ถึงแม้ว่า มันอาจจะสร้างความเจ็บปวด ให้แก่ผู้ป่วยมากเพียงใดก็ตาม หากผู้ป่วยเอาแต่คิดว่า เพราะการสูญเสียแขนหรือขาไป อย่างไม่มีวันได้กลับคืนมาในครั้งนี้ จะทำให้เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก จิตใจของเขาก็จะจมปรักอยู่กับความสิ้นหวังและทุกข์ทรมาน

    แต่ถ้าในทางตรงกันข้าม หากเขาคิดว่า จากนี้ไป เขาจะให้ความร่วมมือกับนักกายภาพบำบัด เพื่อที่จะพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ในสภาวการณ์ใหม่นี้ เขาก็จะมีชีวิตใหม่ได้ และสามารถมีความสุขและมีความคิดที่เป็นบวกได้ เขาจะสำนึกในบุญคุณของการมีชีวิตรอดจากการผ่าตัด แม้ว่าจะต้องสูญเสียแขนขาไปบ้างก็ตาม และเขาก็จะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข กับบุคคลที่เขารัก

    อย่าไปสนใจภาพยนตร์ทั้งหลาย ที่นำเสนอแต่ด้านลบเพียงอย่างเดียว เพราะว่าภาพยนตร์เหล่านั้น เน้นให้เห็นเฉพาะแต่ขั้นตอนของการเปลี่ยนรูปแบบ ที่พวกคุณจะต้องผ่านพ้นไปเท่านั้น มีชาวโลกเป็นจำนวนมาก ที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความกลัว เพราะสาเหตุจากภาพยนตร์เหล่านี้ ที่ฝ่ายมืดดลใจให้ผู้เขียนบทภาพยนตร์, ผู้กำกับ, และผู้ผลิตภาพยนตร์สร้างมันขึ้นมา เพื่อให้แผนการครอบงำชาวโลกของพวกเขาดำเนินต่อไปได้ ด้วยการกระตุ้นให้จิตใจอันบอบบางของผู้คนทั้งหลาย เกิดความหวั่นวิตกและหวาดกลัวต่ออนาคตที่กำลังจะมาถึง

    มันเป็นความจริงที่ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น แต่พวกคุณแต่ละคนที่จะไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้น ในเวลานั้นๆ ก็เพราะว่าพวกคุณได้เลือกที่จะให้มันเป็นไปแบบนั้นไว้ก่อนแล้ว เพื่อที่พวกคุณจะได้มีประสบการณ์จากแรงผลักดันของสถานการณ์พิเศษนั้นๆ มันไม่มีความบังเอิญอยู่หรอก และทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็ย่อมมีสาเหตุของมันเองเสมอ แม้ว่าในขณะนี้ พวกคุณจะยังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ และยังไม่เข้าใจอะไรเลยอยู่ก็ตาม

    ถ้าวันใดวันหนึ่ง คุณเกิดพบว่า ตัวเองกำลังอยู่ตรงใจกลางของพื้นที่ๆ กำลังเกิดแผ่นดินไหว หรือกำลังเกิดสึกนามิอยู่ จงอย่าลังเลสงสัย เพราะว่าคุณไปอยู่ที่นั่น ก็เพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หรือว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น แต่ว่าพวกคุณรู้แล้ว เพราะว่าพวกคุณคือผู้ที่ตื่นแล้ว และรู้ว่ามันเป็นกระบวนการหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบ(Transition) ที่มนุษย์โลกทุกคน กำลังอยู่ท่ามกลางกระบวนการของมัน

    พวกคุณจะรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ พวกคุณจะรู้ว่าพวกคุณต้องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง เพราะความเหนือกว่าของพวกคุณ ดังกล่าวมานี้ มันไม่ใช่ความบังเอิญแต่อย่างใด ที่มีบางคนรู้ แล้วบางคนก็ไม่รู้ และมันก็ไม่ใช่เหตุบังเอิญ ที่ทำให้คุณต้องมาอ่านข้อความนี้ด้วย แต่ว่าการที่คุณได้รับรู้ข้อมูลมากกว่าคนอื่นๆ ก็หมายถึง การที่ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่นๆตามไปด้วย

    ดังนั้น คุณจึงกำลังถูกเรียกตัว เพื่อให้มาช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าใจว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น พวกเขายังไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น แม้ว่ามันจะไม่น่าพึงปรารถนาก็ตาม แต่มันก็เป็นไปเพื่อเยียวยารักษาดาวเคราะห์โลกหรือไกอาดวงนี้ เพื่อให้เธอหายจากอาการบาดเจ็บ แล้วเลื่อนระดับขึ้นไปสู่ระดับที่พวกคุณยังไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งที่ระดับนั้น จะเปลี่ยนรูปแบบของเธอ ให้กลายเป็นดาวเคราะห์สมาชิกดวงหนึ่ง ของสหพันธ์แห่งกาแล็กซี่ ตามระดับคุณงามความดีที่เธอมีอยู่

    ชาวโลกที่รักทั้งหลาย แล้วพวกคุณจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อที่จะให้ตัวเองคู่ควรที่จะอยู่ในโลกยุคใหม่แห่งแสงสว่างนี้ได้ พวกคุณต้องรู้จักขวานขวย ที่จะนำพาตัวเองให้เดินไปบนเส้นทางแห่งวิวัฒนาการ และเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จเหล่านั้น มันต้องอาศัยคุณงามความดีของพวกคุณเองก่อน ก่อนที่จะไปหวังพึ่งความช่วยเหลือจากพระบิดาของพวกคุณ ซึ่งจะเติมเต็มความสุขและความเบิกบานใจอันลึกซึ้ง แก่พวกเราจริงๆ

    จงทำแบบที่พวกคุณกำลังทำอยู่นี่แหละต่อไป เพราะเราจะบอกให้พวกคุณทราบความจริงว่า พระบิดา-มารดาร่วมของพวกเรา กำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข กับกระบวนการก้าวกระโดด ทางวิวัฒนาการครั้งใหญ่ของพวกคุณ ซึ่งพวกคุณกำลังจะไปถึงจุดหมายปลายทางอยู่นี้ ในครั้งนี้มากๆ ซึ่งต้องขอขอบคุณความพยายามและความตั้งใจของชาวโลกหลายพันคน

    มีชาวโลกที่เริ่มหูตาสว่างและเริ่มเข้าใจแล้วว่า ตัวเองได้ถูกหลอกลวงมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลาแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในมิติที่ 3 แห่งนี้ มานานนับร้อยนับพันปีชาติแล้ว ซึ่งจำนวนของชาวโลกดังกล่าวนี้ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ มันถึงเวลาที่จะ ต้องตื่นกันแล้ว! มันถึงเวลาที่จะต้องโตกันได้แล้ว! มันถึงเวลาที่ทุกๆคนจะต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้ชาวโลกทั้งหลาย รับรู้และเข้าใจความจริงดังกล่าวนี้และเพื่อให้พวกเขาสามารถที่จะร่วมโดยสารไปกับขบวนรถไฟแห่งโลกหลากมิตินี้ได้ จำนวนมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ

    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงบอกกับพวกคุณว่า “จงขึ้นรถไฟมาเถิด แล้วร่วมเดินทางไปกับเรา สู่จุดหมายปลายทางแห่งการยกระดับขึ้น (Ascension) !” เราขอโอบกอดพวกคุณด้วยความรัก และความนับถืออย่างลึกซึ้ง

    ด้วยรักและสันติ
    ผู้บัญชาการ Sohin แห่งยานอัลฟ่า

    วันที่ 18 มีนาคม 2010 ผู้รับการสื่อสาร: นาย Kris-Won สถานที่: ประเทศสเปน

    ขอกล่าวสวัสดีทุกๆคน มาจากยานอัลฟ่า พวกเราได้เฝ้าสังเกตดูมานานแล้ว และก็รู้สึกแปลกใจกับความวิตกกังวลของชาวโลก เพราะความไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2012 ว่ามันจะเป็นไปตามคำทำนายของชนเผ่ามายาหรือไม่ ชาวมายา คือผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวแอตแลนติสโดยตรง และพวกเขาก็มีการติดต่อแบบพิเศษมากๆ กับรูปธรรมชีวิตต่างพิภพจากอวกาศอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadians) และกลุ่มดาวหงส์ (Swan หรือ Cygnus)

    ซึ่งรูปธรรมชีวิตต่างพิภพที่พวกเขาติดต่อด้วยนี้ ได้บอกข้อมูลแก่พวกเขาอย่างมากมาย เกี่ยวกับการแบ่งเวลาออกเป็นวันและเดือน, เกี่ยวกับต้นกำเนิดของมนุษย์บนโลกใบนี้ และเกี่ยวกับวัฏจักรของเวลา ที่เหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตในแต่ละอาณาจักร (Kingdom) มักจะวนเวียนเกิดขึ้นซ้ำๆแบบเป็นวัฏจักร ดูเหมือนว่าชาวมายาจะถูกสอนมาให้สามารถพยากรณ์อนาคตได้ด้วย ซึ่งพวกเขาก็เคยพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้อย่างถูกต้องแม่นยำอย่างมากมาแล้ว

    หนึ่งในคำพยากรณ์ของพวกเขา ซึ่งอาจจะเป็นคำพยากรณ์ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของชาวโลกในขณะนี้ เพราะว่ามันเหตุการณ์ที่มีความสำคัญ และเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกๆชีวิตบนโลก กำลังจะเผชิญ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ซึ่งมันก็จะเกิดขึ้น ตามคำพยากรณ์ของพวกเขาจริงๆ

    คำพยากรณ์ของเหตุการณ์นี้ ได้สร้างความวิตกกังวล และความตื่นกลัวให้แก่ชาวโลกเป็นจำนวนมาก เพราะว่าพวกเขาคิดว่า วันนั้นมันจะเป็นวันสิ้นโลก ตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์ไบเบิ้ล โดยจอห์น สาวกรุ่นแรกของพระเยซูคริสต์ พี่น้องชาวโลกที่รักทั้งหลาย มันไม่ใช่แบบนั้นเลย จงอย่าตื่นกลัว และจงเข้าใจเสียใหม่ เพราะว่ามนุษย์โลก และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย, พืช, แร่ธาตุ, น้ำ,และอากาศที่สามารถใช้หายใจได้ จะไม่สูญพันธุ์ หรือสาบสูญไปจากโลก

    ผู้สร้างภาพยนตร์ทั้งหลาย ก็ชอบที่จะสร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับภัยพิบัติโลก หรือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดภัยพิบัตินั้นๆ โดยที่พวกเขาจะนำเสนอเกี่ยวกับหายนะจากสงครามนิวเคลียร์, จากการถูกกระตุ้นตามธรรมชาติของชายฝั่งทวีป หรือจากการพุ่งชนของเทหะวัตถุ เป็นต้น มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนั้นหรอก ทั้งดาวเคราะห์โลก และสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลกจะไม่ถูกทำลาย

    แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงๆก็คือ จะมีการเปลี่ยนรูปแบบ หรือการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ของสภาวะเลวร้ายที่ทำให้มนุษย์โลกและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ต้องทนทุกข์ทรมานมานานแสนนานแล้วเท่านั้น นั่นเพียงเพราะว่า สภาวการณ์เหล่านั้น มันไม่สามารถถูกปล่อยไว้ต่อไปได้อีกแล้ว ไกอา(โลก)ไม่สามารถที่จะทนทุกข์ทรมาน จากการกระทำทารุณกรรมและการทำลายล้างของมนุษย์โลกได้อีกต่อไปแล้ว

    มนุษย์ไม่เคยไตร่ตรอง หรือคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนๆที่สร้างมลพิษ และก่อความเสียหายให้แก่ชั้นบรรยากาศ หรือมหาสมุทร และแม่น้ำเลย เพียงเพื่อต้องการสนองตอบความเห็นแก่ตัว และเพื่อกอบโกยผลกำไรทางเศรษฐกิจเข้ากระเป๋าของมนุษย์โลกเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเอง นอกจากนี้ มนุษย์บนดาวเคราะห์โลกแห่งนี้ ยังได้กระทำผิดร้ายแรงต่อดาวแม่ของตนเองมาเป็นเวลาช้านานด้วย (โดยการเพิ่มกรรมชั่วของพวกเขาเอง ซึ่งพวกเขาจะต้องเป็นผู้ชดใช้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง) และยังได้กระทำทารุณกรรมกับสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเสมือนน้องเล็กของตนเองในอาณาจักรสัตว์ด้วย

    ด้วยความที่มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการเหนือกว่าเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย มนุษย์จึงได้ใช้ความเฉลียวฉลาดของตัวเองเพื่อเสาะหาและสร้างวิธีการใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถฆาตกรรมหมู่ และทรมานสัตว์ชั้นสูงในอาณาจักรสัตว์ให้ได้ ซึ่งด้วยความไร้เดียงสา และน่าสงสารของสัตว์เหล่านั้น จึงไม่อาจต่อกรกับพี่ใหญ่ของพวกมัน ซึ่งก็คือมนุษย์ที่มีระดับสติปัญญาสูงกว่าได้

    องค์กรพิทักษ์ สัตว์องค์กรหนึ่งมีสโลแกนว่า “ถ้ากำแพงของโรงฆ่าสัตว์โปร่งใส มนุษย์โลกทุกคนจะเป็นมังสวิรัติ” ความโหดร้ายป่าเถื่อนของสิ่งมีชีวิต ที่ดูเหมือนว่าจะ “มีสติปัญญา” ที่ได้กระทำต่อสัตว์ทั้งหลาย เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมากๆ สำหรับสิ่งมีชีวิตใดๆที่คิดเป็น เพราะมันไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมพวกเขาถึงได้สร้างความเจ็บปวดให้กับสัตว์เหล่านั้น ได้ทุกเมื่อเชื่อวัน อย่างหน้าตาเฉย ไม่ว่าจะเป็นไก่, กระต่าย, ห่าน, หมู, ม้า, และวัว เป็นต้น

    ซึ่งบางครั้งพวกมันก็ถูกขังไว้ในคอกแคบๆ จนไม่สามารถกระดิกตัวได้เลย แล้วก็บังคับให้พวกมันกินอาหารจนพุงกาง จนไม่สามารถกินต่อไปได้อีกแล้ว หรือไม่ พวกมันก็จะถูกขังอยู่ในสถานที่ๆมีแสงสว่างเทียม จนทำให้พวกมันแยกแยะไม่ออก ระหว่างกลางคืนกับกลางวัน เพื่อที่จะหลอกพวกมันให้สับสนและทั้งหมดนี้ก็จะเพื่ออะไรซะอีกหละ? ก็เพื่อสนองตอบต่อความพึงพอใจในรสชาติของชาวโลกหลายล้านคน ที่รับประทานเนื้อสัตว์ยังไงหละ

    เพราะว่าชาวโลกเหล่านั้นถูกวงการแพทย์บอกให้เชื่อว่า ถ้าพวกเขาไม่รับประทานเนื้อสัตว์ พวกเขาจะขาดสารอาหารบางอย่าง ที่จำเป็นต่อร่างกายไป นั่นมันช่างโกหกสิ้นดี!! เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมถึงมีชาวโลกมากมาย ผู้ซึ่งสามารถยกระดับจิตสำนึกของตนเองขึ้นมาได้แล้ว และมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์ จึงยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข และมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่หละ

    เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้น รับประทานแต่ผัก ผลไม้ พืชตระกูลถั่ว ผลไม้แห้ง และอาหารมังสวิรัติชนิดอื่นๆ และ พวกเขาก็มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงมาก ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และปัญหาเกี่ยวกับเส้นโลหิต อันเนื่องมาจากการรับประทานเนื้อของสัตว์ที่ตายแล้ว นอกจากนี้ จิตใจของผู้ที่รับประทานแต่อาหารมังสวิรัติ เมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็จะมีความผ่องใสและตื่นตัวมากกว่าอีกด้วย

    ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของพวกเขา ก็จะตื่นตัวมากกว่า และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด กับปัญญาของพวกเขาเองได้มากกว่า และปัญญาของพวกเขา ก็จะเชื่อมต่อกับจิตใจของพวกเขาเองได้ดีกว่า เพราะฉะนั้น จึงทำให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับตัวตนที่สูงส่ง (Higher self) ของพวกเขาเองได้ง่ายกว่า พวกคุณที่ตื่นรู้แล้ว หรือกำลังจะตื่นรู้ พวกเขาขอร้องว่า พวกคุณอย่าไปเล่นตามเกมของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเนื้อสัตว์, บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าขนสัตว์, หรือห้องปฏิบัติการที่ใช้สัตว์เป็นตัวถูกทดลองทั้งหลาย

    จงแสดงออกมาให้เห็นว่า พวกคุณได้ตื่นขึ้นแล้ว จนสามารถมีความเมตตากรุณา และมีความรักต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย แล้วพวกคุณก็จะเป็นสาเหตุให้ กรรมชั่วทั้งหลายของมนุษยชาติลดน้อยลงไปได้ นอกจากนี้ ส่วนตัวของพวกคุณเอง ก็จะมีสุขภาพกายและจิตที่ดี, มีอายุยืน,เพราะว่าร่างกายของพวกคุณไม่ต้องเผชิญกับกระบวนการแห่งการเสื่อมสภาพและการเสื่อมสลาย เพราะว่าพวกคุณไม่ได้รับประทานเอาสารอดรีนาลีน (adrenaline) ที่สัตว์หลั่งออกมา เวลาตกอยู่ในความหวาดกลัว เพราะรู้ตัวว่ากำลังจะถูกฆ่าเข้าไป

    ขอพระผู้เป็นเจ้า จงประทานพรให้พวกคุณมีความบริสุทธิ์ และมีความรัก และมีความเมตตากรุณา ต่อน้องเล็กของพวกคุณเอง ซึ่งก็คือสรรพสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง เพราะว่าพวกมันไม่ได้เกิดมา เพื่อที่จะเป็นอาหารให้แก่พวกคุณ แต่พวกเขาเกิดมาเพื่อดำเนินต่อไป บนหนทางแห่งวิวัฒนาการของพวกเขาเองบนโลกใบนี้

    ด้วยรักและสันติ
    ผู้บัญชาการ Sohin แห่งยานอัลฟ่า

    Chayutt แปลและเรียบเรียง

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-5-a.246190/page-3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  6. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    10 ก.ค. 55 วัฏฏสงสาร

    ผู้ที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เพื่ออะไร? จึงดำรงค์ความเป็นอยู่ด้วยความประมาท เขาไม่เชื่อ นรกสวรรค์ มีจริง มนุษย์ยังต้องเวียนเกิดเวียนตายในสามโลก

    ทุกชีวิตต้องเวียนเกิดเวียนตายในภพภูมิของ มนุษย์ เทวดา สัตว์ เปรต อสูรกาย ไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยผ่านภพภูมิเหล่านี้

    นอกจากจะขัดเกลานิสัยตัวเองให้หลุดพ้นเข้าสู่ภพพระจึงจะหลุดจากภพที่ว่า

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2012
  7. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    10 ก.ค. 55 กระดุมเม็ดแรก

    กระดุมเม็ดแรก ถ้าถูกกลัดผิด เม็ดต่อๆมาก็จะผิดตาม การตัดสินใดๆ การเชื่อใดๆที่อยู่บนพื้นฐานที่คิดว่าถูกเมื่อกระดุมกลัดผิดแล้วการตัดสินหรือการเชื่อที่คิดว่าถูกก็ยังอยู่บนพื้นฐานที่ผิด

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2012
  8. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ในบางครั้ง การสื่อความก็ต้องอาศัยการขยายความด้วยเช่นกันครับ....ต้องขอโทษที่อาจจะไม่ได้ขยายความไป บางทีอาจทำให้เกิดสับสนใจ ไม่เข้าใจความหมายก็สามารถถามมาได้นะครับ แต่เห็นด้วยกับที่คุณ k 97 กล่าวไว้ทั้ง 2 โพสครับ !

    อย่างไรก็ดี ! การที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็ยังต้องเสวยภพชาติไปเรื่อย ๆ จนพัฒนาก้าวสู่การหลุดพ้นเข้าสู่สูงสุดคือนิพพาน (ของพระพุทธศาสนา) ข้อความที่โพสไว้ของผมอธิบายได้ชัดดีถึงภัยของพระพุทธศาสนา มีบางข้อความที่มีนัยสำคัญแฝงไว้ (ไม่บอกตรง ๆ เพราะสื่อถึงภัยจากคนนอกพระพุทธศาสนา) ใครมีปัญญาลองพิจารณาดู

    ช่วยกันปกป้องรักษา และจรรโลงพระพุทธศาสนาไว้นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  9. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    10 ก.ค. 55

    สองบทความที่ลงไม่ได้ลงเพื่อคนใดคนหนึ่ง เป็นบทความทั่วๆไปที่เกิด

    บทแรกเกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์ ถ้าไม่รู้ที่มาที่ไปก็จะสร้างปัญหาให้กับตัวเอง ครอบครัวและผู้อื่นไม่รู้จักจบสิ้นข้ามภพข้ามชาติก็ไม่รู้จักจบ ถ้ารู้จัก ตัวหยุด ตัวพอก็จะเกิดสิ่งที่ดีกับตัวเองและผู้อื่น

    อีกบท ถ้าไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจริงๆก็ไม่ควรพูด ไม่เข้าข้าง อย่าเชื่อในสิ่งที่เล่ากันต่อๆมาจะถูกหรือผิดก็ไม่มีใครรับรอง ยืนตรงกลาง จะถูกหรือผิดความจริงก็คือความจริงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่มีทั้งจริงและไม่จริง

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
  10. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ประเทศไทยเสียเอกราชทุกครั้ง
    สาเหตุล้วนเกิดจากขาดความสามัคคี
    แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ลุ่มหลงในอำนาจ

    ฤาเหตุการณ์จะซ้ำลอย???
     
  11. Power of earth

    Power of earth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1,105
    ผมเชื่อว่าตราบใดที่มีในหลวง พระบารมีของท่านจะช่วยปัดเป่าภัยอันตราย เพราะบารมีของท่านมากมายเหลือเกิน ไม่มีบุคคลใดหรือกลุ่มใดๆ จะมาทำลายได้...
     
  12. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    และคนไทยบางคน ก็ทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้เสียเองค่ะ
    เพราะเห็นแก่อำนาจ ความร่ำรวย ถึงกับขายชาติขายแผ่นดิน
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ในช่วงเวลาที่โลกมืด คนที่กินเนื้อสัตว์จะทุกข์ทรมานมาก !!!

    [​IMG]

    วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ ช่วงที่หนึ่ง วันที่ 24, 25, 26, ของช่วง “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” เพราช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อความหนาวเหน็บ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะทรมานมาก ช่วงที่สอง ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ 50 ถึง 70 เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสีซากศพเกลื่อนกลาด คนเคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ คนที่กินเจจะมีกำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงได้ประทานพระโอวาทคำเตือนไว้นานมาแล้วว่า “หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์” เป็นคำเตือนที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดทีเดียว
    (คัดลอกบางส่วนมาจากหนังสือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ)

    อันตรายจากการกินเนื้อสัตว์ ในแง่มุมทางวิทยาศาสตร์

    จากการสำรวจอายุเฉลี่ยและสุขถาพอนามัยของประชากรในแต่ละส่วนของโลกพบว่า ในกลุ่มประชากรที่กินเนื้อเป็นอาหารหลัก ไม่พบผักเลยหรือกินแต่น้อย จะมีอายุสั้นมากแก่เร็วและเต็มไปด้วยโรคภัยร้ายแรงคุกคามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับกลุ่มประชากรที่กินแต่อาหารพืชผักเป็นหลัก พบว่ามีอายุยืนร่างกายแข็งแรง และปราศจากโรคภัยร้ายแรงใดๆ ฉะนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่า " การกินเนื้อสัตว์เป็นเหตุบั่นทอนอายุให้สั้นลง ทำลายสุขภาพให้เสื่อมโทรม และก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆขึ้น " จากผลการวิเคราะห์เนื้อสัตว์ของสถาบันโภชนาการ พบอันตรายที่สำคัญยิ่ง 5 ประการดังนี้คือ

    1. เลือดและเนื้อของสัตว์เป็นพิษ ก่อนที่สัตว์จะถูกฆ่าโดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ๆ ซึ่งมีจิตสำนึกค่อนข้างสูงเช่น วัว ควาย หมู สัตว์เหล่านี้จะเกิดความกลัวสุดขีดและพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ในช่วงเวลานั้นชีวะเคมีในตัวสัตว์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายเกิดขึ้น ฮอร์โมนที่เป็นพิษจำนวนมากจะถูกขับออกมาโดยเฉพาะ สารแอดรีนาลิน พิษของฮอร์โมนนี้จะแพร่กระจายแทรกซึมเข้าไปในเส้นเลือดและเนื้อทุกส่วน แม้ว่าสัตว์นั้นจะตายไปแล้ว แต่ว่าพิษนั้นยังคงอยู่ต่อไป

    สารแอดรีนาลินนี้สามารถพบได้ในร่างกายของคนเราด้วยเช่นกัน มันจะหลั่งออกมามากในขณะที่บุคคลผู้นั้นเกิดอารมณ์โกรธเกลียด เครียดแค้น หรือตกใจกลัวสุดขีด เพราะฉะนั้นคนที่อารมณ์รุนแรงและตึงเครียด โมโหร้าย เจ้าอารมณ์ มักมีสุขภาพร่างกายไม่ดี ใบหน้าหมองคล้ำ ป่วยเป็นโรคต่างๆเสมอ แก่เกินวัยและตายเร็ว ตรงกันข้ามกับคนที่มีจิตใจดี อารมณ์ดี จะมีใบหน้าสดใส ร่าเริง แก่ช้า อายุยืน และสุขภาพอนามัยดี สถาบันโภชนาการประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า " เนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าตาย เต็มไปด้วยเลือดที่เป็นพิษและสารพิษอื่นๆมากมาย " พบว่าหลังจากที่สัตว์ตายไป 2-3 ชั่วโมงเนื้อสัตว์จะเป็นกรดมากขึ้นทุกขณะ

    กรดนี้คือน้ำเนื้อซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทรับรสอยู่ที่บนลิ้น ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเนื้อมีรสชาดอร่อย ฉะนั้นผู้ที่ปรุงอาหารเนื้อจึงไม่นิยมนำเนื้อไปล้างน้ำ เพราะจะทำให้มีรสจืด แต่กรดในน้ำเนื้อมีฤทธิ์กระตุ้นสมอง กระตุ้นจิตใจ และอารมณ์ ให้มีความรุนแรง ฉะนั้นชนชาติที่นิยมกินแต่เนื้อสัตว์จะมีความก้าวร้าวรุนแรง จ้องประหัตประหารล้างผลาญ คิดสร้างสรรอาวุธขึ้นมาทำลายล้างซึ่งกันและกัน นับวันยิ่งทวีความโหดร้ายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้วิจัยพบว่าในเนื้อสัน 1 กิโลกรัม จะมีกรดยูริคอยู่ถึง 30 กรัม กรดยูริคในเนื้อมีสารยูเรีย ซึ่งเข้าไปสะสมในร่างกาย สารนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ยากแก่การขับถ่ายและไม่สามารถสลายตัวได้ง่าย ส่วนที่ตกค้างก็ถูกส่งไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย

    โดยจับเป็นผลึกอยู่ตามกล้ามเนื้อไขข้อและกระดูก ทำให้เป็นโรคไต โรคเก๊า โรคไขข้ออักเสบ ฯลฯ แพทย์พบว่าไตของคนกินเนื้อ ต้องทำงานมากกว่าคนกินผักถึง 3 เท่า เพื่อขับสิ่งสกปรกและสารพิษในเนื้อที่กินเข้าไป แม้ว่าขณะอยู่ในวัยหนุ่มสาวจะไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่พออายุมากขึ้น ไตที่ต้องทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ย่อมไม่อาจจะทนไหว อาการเจ็บป่วยจึงเริ่มปรากฏให้เห็น เช่น โรคไตพิการ ไตวาย นิ่วในไต โรคเก๊า และโรคไขข้อ

    ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการจับเป็นผลึกของกรดยูริค ภายในส่วนต่างๆของร่างกายนั่นเอง ทุกวันนี้คนเราตกอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ กินอาหารประเภทเนื้อสัตว์และอาหารดัดแปลงต่างๆ เมื่อร่างกายสะสมพิษเข้าไว้มากๆ ในที่สุดก็ต้องเจ็บป่วย ครั้นแล้วก็กลับพากันกินยาซึ่งสกัดจากสารเคมีเข้าไปรักษาความเจ็บป่วยนั้น บางครั้งยาที่คิดว่าจะช่วยรักษาความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น กลับให้ผลแทรกซ้อนข้างเคียง ทำให้อาการของโรคย่ำแย่ลงไปอีก บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันมาปฎิบัติตนกันใหม่ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

    2. สารเคมีในเนื้อสัตว์ นับตั้งแต่สัตว์ถูกฆ่า ตัดชำแหละเป็นชิ้นๆ แยกประเภทนำบรรจุเข้าตู้แช่แล้วขนส่งไปยังตลาดจำหน่าย เนื้อสัตว์ต้องตกค้างอยู่เป็นเวลาหลายวัน เพื่อรอผู้บริโภคมาซื้อไป กว่าจะถูกปรุงเสร็จเป็นอาหารก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ตามธรรมดาเนื้อสัตว์จะคงความสดอยู่ได้ไม่นานก็จะแปรสภาพ สีจะกลายเป็นสีเทาอมเขียว ดังนั้นในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ จึงมีการใช้สารเคมีช่วยยืดอายุการเน่าเสีย และเจือสารรักษาสีให้เนื้อมีสีแดงดูสดนาน สารเคมีเหล่านี้ทางการแพทย์พบว่าเป็นตัวการทำให้เกิดโรคมะเร็งขึ้นได้

    ปัจจุบัน ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ใช้สารเคมีและฮอร์โมน ผสมลงในอาหารสัตว์เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ทำให้สัตว์อ้วนท้วนโตเร็ว เนื้อสัตว์ที่ได้จะมีสีสรรน่าซื้อแต่การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคได้รับสารพิษต่างๆมากมาย เมื่อบริโภคเนื้อนั้นเข้าไปเป็นประจำ มีการฉีดเซรุ่มและยาปฎิชีวนะต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาดสัตว์ ผู้ที่รับประทานเนื้อเป็นประจำร่างกายมักมีการต้านยา เมื่อเจ็บป่วยยาที่กินจึงไม่ค่อยได้ผล เช่นเดียวกับการใช้ยาฆ่าแมลงศัตรูพืชมากๆ แมลงเหล่านั้นก็จะมีความต้านยามากขึ้นเรื่อยๆ ยาที่มีความรุนแรงในขนาดเดิมจะใช้ไม่ได้ผล แมลงกลับจะทวีจำนวนมากขึ้นๆ

    ปัจจุบันได้พบข้อผิดพลาดนี้จึงมีการเสนอให้ป้องกันและกำจัดศัตรูพืช โดยวิธีการรักษาสมดุลย์ของสัตว์ที่กินแมลงศัตรูพืชนั้นๆ เป็นอาหาร นักวิทยาศาสตร์อังกฤษและอเมริกาพบว่า คนกินเนื้อเป็นประจำทำให้แบคทีเรียในลำไส้เล็กจะทำปฎิกริยากับน้ำย่อยของร่างกายทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในลำไส้ โรคนี้พบมากในกลุ่มคนที่กินเนื้อสัตว์เป็นประจำ เช่นแถบอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตก แต่แพทย์ไม่พบเลยในกลุ่มคนที่รับประทานแต่อาหารพืชผักผลไม้ หรืออาหารมังสวิรัติ เช่น ในประเทศอินเดีย เป็นต้น ในอเมริกาคนเป็นมะเร็งลำไส้มาก เพราะต่างนิยมบริโภคเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก ส่วนคนใน สก๊อตแลนด์กินเนื้อมากกว่าคนประเทศอังกฤษ 20 % สถิติการป่วยเป็นโรคมะเร็งในลำไส้ของคนในสก๊อตแลนด์ก็มากกว่าคนในอังกฤษเป็นอัตราส่วน 20% เช่นกัน

    แม้แต่น้ำมันจากสัตว์ เมื่อได้รับความร้อนจะเกิดสารแมททิลคอลเรนทีน สารนี้ทำให้เกิดโรคมะเร็งในคน แต่ไม่พบสารนี้ในน้ำมันพืชเลย ปัจจุบันจึงไม่นิยมเอาน้ำมันจากสัตว์มาปรุงอาหารรับประทาน ในเนื้อย่าง 1 กิโลกรัม จะมีสารโซไพรินเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ถึง 600 มวน ซึ่งทำให้คนเป็นมะเร็งได้เช่นเดียวกัน มีการพิสูจน์พบว่าในเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าที่ฉีดพ่นด้วย ดี.ดี.ที ก็จะพบสาร ดี.ดี.ที อยู่ด้วยในเนื้อวัวนั้นเป็นปริมาณที่ก่อให้เกิดอันตราย ซึ่งสาร ดี.ดี.ที นี้สามารถทำให้เป็นหมัน มะเร็ง และโรคตับ จากการทดลองของมหาวิทยาลัยไอโอวายืนยันว่า "สาร ดี.ดี.ที ในร่างกายของคนส่วนใหญ่ได้รับมาจากเนื้อสัตว์ นักวิทยาศาสตร์พบว่าเนื้อสัตว์สามารถเก็บกักสาร ดี.ดี.ที ไว้ได้ในปริมาณมากกว่าพืชผักผลไม้ ใบหญ้าถึง 13 เท่า"

    ปัจจุบันเกษตรกรใช้ยาฆ่าแมลงในปริมาณที่มาก ฉะนั้นผักที่มีใบห่อหุ้มเป็นชั้นๆ เช่น ผักกาดขาว ผู้ปรุงควรดึงเปลือกชั้นนอกออกทิ้งไปสัก 2 - 3 ใบ ส่วนกระหล่ำปลีดอกควรนำไปล้างในน้ำที่ละลายด้วยเกลือป่นเล็กน้อย ผักที่เก็บกักปริมาณยาฆ่าแมลงไว้มาก ควรล้างให้นาน โดยปล่อยน้ำให้ไหลตลอดเวลา เพื่อล้างยาฆ่าแมลงออกให้หมดก่อนนำไปปรุงอาหาร ขอแนะนำว่าควรเลือกซื้อผักที่ปลูกโดยวิธีธรรมชาติและปลอดสารพิษมาปรุงอาหาร (Organized Grown And Non-Pesticide) หนังสือพิมพ์ชิคาโคทรีบูน (Chicago Tribune) ได้ตีพิมพ์เรื่องการเลี้ยงดูอย่างผิดธรรมชาติใน อุตสาหกรรมปศุสัตว์ว่า "เป็นการทำทำลายสมดุลย์ชีวเคมีในร่างกายของสัตว์ เช่นอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่ ลูกไก่ ที่เกิดใหม่จะถูกฉีดกระตุ้นด้วยยาอาหารและสารเคมีต่างๆ เพื่อเร่งการเจริญเติบโต สัตว์จำนวนนับหมื่นๆ ชีวิตถูกจำกัดให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คับแคบ

    ชีวิตที่น่าสงสารทั้งหมดอยู่ในกรงขนาดจิ๋ว เป็นการเลี้ยงในระบบขั้นบันได เมื่อสัตว์มีขนาดโตขึ้นก็จะเลื่อนลงมาตามชั้นที่จัดวาง สัตว์ถูกเลี้ยงให้อยู่ในพื้นที่จำกัด เพื่อให้ตัวโตไขมันมากมีเนื้อเยอะ ทุกชีวิตไม่มีโอกาสได้เห็นแสงอาทิตย์แสงจันทร์ ไม่ได้รับอากาศบริสุทธิ์หรือการออกกำลังกายเลย ไก่จึงขาดความแข็งแรงตามธรรมชาติ จะพบว่าไก่จำนวนมากที่เลี้ยงโดยวิธีดังกล่าวมีรูปร่างวิปริตผิดธรรมดามีเนื้องอกขั้นร้ายแรงเกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ การเลี้ยงสัตว์ในลักษณะเช่นนี้เป็นการเลี้ยงดูที่ผิดธรรมชาติอย่างยิ่ง เนื้อสัตว์ที่ได้จึงเต็มไปด้วย สารเคมีที่เป็นพิษเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้บริโภค"

    3. โรคจากสัตว์ มนุษย์มีความรู้เรื่องสุขอนามัย แต่ยังคงเจ็บป่วยเป็นโรคได้ สัตว์เลี้ยงต่างๆ หากินคลุกคลีอยู่กับพื้นดินกินอาหารไม่เลือก จึงมักติดเชื้อและโรคต่างๆ เสมอ ในชนบทเมื่อหมู ไก่ วัว สัตว์เลี้ยงตายลงก็ยังนำไปปรุงอาหารโดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าสัตว์นั้นตายด้วยโรคอะไร เชื้อโรคบางชนิดไม่อาจถูกทำลายด้วยความร้อน ผู้บริโภคจึงได้รับเชื้อโรคจากสัตว์ที่ป่วยนั้นเข้าไปโดยตรง ในโรงงานอุสาหกรรมชำแหละเนื้อสัตว์ จะพบสัตว์ที่มีเนื้องอกผิดรูปร่างอยู่เป็นจำนวนมาก เนื้อสัตว์สำเร็จรูปบางประเภททำมาจากส่วนต่างๆของสัตว์ โดยนำมาบดรวมกันแล้วผสมสีเจือกลิ่นเครื่องเทศ แล้วบรรจุเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร

    ปรากฎว่านักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองเอาตับของสัตว์ที่เป็นโรคไปเลี้ยงปลา ปลาเหล่านั้นก็เกิดเป็นโรคเช่นกัน ชาวอเมริกาบริโภคเนื้อสัตว์มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก พบว่าประชากร 1 คนในจำนวนทุกๆ 2 คนจะต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจและที่สำคัญไขมันคลอเลสเตอรอลจากสัตว์ ไม่สามารถสลายตัวในร่างกายของมนุษย์ เมื่อสะสมมากขึ้นจะจับเป็นก้อนแข็งตัวในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแคบลง เป็นเหตุให้เส้นเลือดตีบ หัวใจจึงทำงานหนักในการสูบฉีดโลหิต หากมีไขมันอุดตันในเส้นเลือดเมื่อเส้นเลือดสูบฉีดแรง จะทำให้เส้นเลือดในสมองแตก และเป็นอัมพาต

    ในปี พ.ศ. 2504 วารสารทางการแพทย์อเมริการายงานว่า อาหารธัญญพืชทั้งหมดสามารถป้องกันโรคหัวใจได้ 90 ถึง 97% นักวิทยาศาสตร์และนักโภชนาการกล่าวว่ากากและเส้นใยของอาหารพืช ช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดลงได้ ด๊อกเตอร์ยูดี รีจีสเตอร์ หัวหน้าภาควิชาโภชนาการแห่งมหาวิทยาลัยโรมาลินดา ในรัฐแคลิฟอเนียร์ได้ทดลองให้ผู้ป่วยรับประทานแต่อาหารประเภทถั่วและธัญญพืชต่างๆ ปรากฏว่าระดับไขมันคลอเรสเตอรอลลดลง ทั้งๆที่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังกินเนยในปริมาณมากอยู่ก็ตาม การบริโภคเนื้อซึ่งไขมันสูงก็มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจสูงขึ้นด้วย

    นักวิจัยท่านหนึ่งได้พบว่า หากจำนวนคลอเรสเตอรอลในเนื้อสัตว์ลดลง 1 % อัตราการเป็นโรคหัวใจในประชากรจะลดลงถึง 2 % คลอเรสเตอรอลในไขมันสัตว์ไม่สามารถละลายได้ง่ายในร่างกายของมนุษย์ มันจะสะสมอยู่ตามผนังของเส้นเลือดนานๆเข้าจะทำให้ภายในเส้นเลือดเล็กแคบ เป็นเหตุให้เลือดไหลผ่านได้น้อย ภาวะอันตรายคือ เส้นโลหิตอุดตัน หรือ เส้นโลหิตเกิดแข็งตัว หัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดเป็นเหตุให้ความดันโลหิตสูง ป่วยเป็นโรคหัวใจ และหัวใจวายได้ อาหารและไขมันจากพืชไม่มีสารคลอเรสเตอรอลอยู่เลย

    ปัจจุบันจึงนิยมประกอบอาหารด้วยน้ำมันพืชเทานั้น ในเนื้อสัตว์ยังมีธาตุโซเดียมสูง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ โรคหมดกำลังวังชา โรคกระเพาะ โรคเบาหวาน ผัก ผลไม้สดๆ ซึ่งเก็บมาใหม่ๆ เป็นอาวุธที่มีอานุภาพ จะต่อสู้โรคต่างๆได้หลายชนิด การออกกำลังกายประกอบกับการหายใจ การนอนหลับพักผ่อน ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ดื่มน้ำสะอาดและรับแสงแดดดีๆ สิ่งเหล่านี้ประกอบกันทั้งหมดจะทำให้สุขภาพดีขึ้นได้

    4. การเน่าเสียเร็ว ในทันทีที่สัตว์ตายลง ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย สารโปรตีนในตัวสัตว์จะจับกันเป็นก้อน พร้อมกับปล่อยเอ็มไซม์ที่มีพิษออกมาทำให้เนื้อเน่าเสียอย่างรวดเร็ว ต่างไปจากพวกพืชผักซึ่งมีโครงสร้างของผนังเซลล์ ไม่สลับซับซ้อนมีความมั่นคงทำให้ขบวนการเน่าเสียเป็นไปอย่างช้ามาก หากนำเนื้อสัตว์มา 1 จานและผักสด 1 ต้น นำมาตั้งวางไว้ ภายในวันเดียวเนื้อจะเริ่มบูดเน่า แต่ผักแม้จะทิ้งเป็นเวลาหลายวันก็จะเพียงเฉาลง ผักเหล่านี้เมื่อนำไปแช่น้ำก็จะกลับฟื้นสดขึ้นดังเดิม

    เนื้อสัตว์ใหญ่หากทิ้งไว้จะพบตัวพยาธิและมันจะโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายของคนพร้อมกับแพร่พันธุ์ทวีจำนวนมากขึ้นจนน่ากลัว เช่น พยาธิไส้เดือน พยาธิตัวตืด พยาธิใบไม้ พยาธิตัวจี๊ด พยาธิปากขอ ฯลฯ ส่วนผักผลไม้เราจะพบตัวหนอนที่เป็นศัตรูพืชบ้าง แต่ตัวหนอนเหล่านี้เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ ก็จะกลายเป็นผีเสื้อ แมลงวันทองหรือแมลงอื่นๆ ไม่ใช่พยาธิอย่างในเนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์ต้องผ่านขั้นตอนที่ยาวนานเริ่มจากสัตว์ถูกฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ แล้วนำไปชำแหละแยกประเภทส่วนต่างๆ นำเข้าแช่ในห้องเย็นเพื่อจัดลำเลียงส่งไปยังตลาด ตามห้างร้าน ขณะที่วางขายก็จะต้องอยู่ในตู้แช่แข็งตลอดเวลาเพื่อยืดอายุการเน่าเสียให้นานที่สุด

    เมื่อแม่บ้านซื้อไปแล้วใช้ไม่หมดก็ต้องเก็บเข้าตู้เย็นไว้อีก ลองนึกดูว่าเนื้อสัตว์ที่ปรุงอาหารให้เรารับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อจะอยู่ในสภาพเช่นไร แน่นอนที่สุดทันทีหลังจากที่เรารับประทานอาหารเข้าไปแล้ว เนื้อก็จะเริ่มบูดเน่าอยู่ภายในร่างกายของเรา ร่างกายต้องใช้เวลา 3 - 5 วันเนื้อสัตว์ที่กินเข้าไปจึงจะถูกขับถ่ายออกมาได้หมด

    ซึ่งต่างจากกากใยของพืชที่จะถูกขับออกจากร่างกายได้ภายในเวลาครึ่งวัน ในระหว่างที่เนื้อสัตว์ตกค้างในลำไส้ เนื้อซึ่งกำลังบูดเน่าได้สัมผัสกับอวัยวะย่อยอาหารของเราอยู่ตลอดเวลา ทำให้ลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กทำงานผิดปกติ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคลำไส้และโรคอื่นๆติดตามมา นายแพทย์ท่านหนึ่งได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับอาหารเนื้อสัตว์ว่า " เป็นการดีที่จะรับประทานอาหารผักด้วยความโล่งใจ สบายใจ โดยไม่ต้องเป็นกังวลว่าอาหารนั้น ปรุงมาจากเนื้อสัตว์ประเภทไหน "

    5. การขับถ่ายไม่สะดวก เนื้อสัตว์เป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีกากหรือเส้นใย ทำให้เคลื่อนตัวไปตามทางเดินอาหารได้ช้ากว่าอาหารประเภทพืชผักถึง 4 เท่า อาหารเนื้อใช้เวลายาวนานมากกว่าจะถึงระบบขับถ่าย ในระหว่างการย่อยที่ยาวนาน กากอาหารจะถูกดูดเอาน้ำไปมาก ทำให้ผู้ที่นิยมรับประทานแต่อาหารเนื้อมีอุจจาระแข็ง แห้ง ถ่ายลำบาก มักป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบขับถ่ายหลายอย่างเช่น โรคท้องผูกเรื้อรัง โรคริดสีดวงทวารเป็นต้น

    ดังกล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่าเนื้อสัตว์เป็นบ่อเกิดของโรคในทุกระบบของร่างกาย เริ่มตั้งแต่ระบบย่อยอาหาร ระบบทางเดินอาหารรวมไปถึงระบบขับถ่าย ล้วนมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆมากมาย เมื่อกินเนื้อทุกๆวัน ก็เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ทุกๆวัน อาหารพืชผักผลไม้มีกากและเส้นใยมาก เมื่อรับประทานเป็นประจำก็จะช่วยป้องกัน และยับยั้งโรคริดสีดวง โรคมะเร็งลำไส้ โรคไส้ติ่ง โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ไม่ให้เกิดขึ้น จากการสำรวจเราจะไม่เจอโรคเหล่านี้ในประชากรที่รับประทานอาหารที่มีกากใยกันมากๆเลย

    ในปัจจุบันนี้ชาวตะวันตกทั้งหลาย หันมารับประทานอาหารพืชผักผลไม้กันมาก ก็เพราะเหตุผลของสุขภาพอนามัยร่างกายมากกว่าเรื่องศีลธรรมความเชื่อและจิตใจ ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์แพทย์พบวิธีรักษาที่เป็นธรรมชาติที่สุดในการรักษาโรคทั้งหลายคือ เลิกกินเนื้อสัตว์โดยเด็ดขาด ท่านเคยคิดบ้างไหมว่า การรักษาเมื่อเจ็บป่วยแล้วเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เป็นการสูญเสียเงินทองที่หามาด้วยความยากลำบากไปอย่างน่าเสียดาย

    ไม่ว่าใครก็อยากมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืน เพราะสิ่งเหล่านี้เงินทองซื้อไม่ได้ คนเราทุกคนสร้างบ้านเรือนของเราด้วยไม้ ด้วยวัสดุอย่างดี ก็เพื่อให้มีความคงทนแข็งแรง จะได้อาศัยอยู่อย่างมีความสุข ฉะนั้นเราก็ควรสร้างร่างกายของเราด้วยอาหารที่เป็นธรรมชาติอันแท้จริงของมนุษย์ เพื่อให้ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ได้มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขเช่นเดียวกัน

    บทความโดยคุณ ชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1322203906.jpg
      1322203906.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.6 KB
      เปิดดู:
      6,434
    • the_road02.jpg
      the_road02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.7 KB
      เปิดดู:
      72
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์"
    อาจจะไม่สามารถควบคุมการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีได้เพราะ....

    [​IMG]

    <TABLE class=tborder id=post6292946 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Aunyasit<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6292946", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2005
    ข้อความ: 1,442
    Groans: 0
    Groaned at 137 Times in 32 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 10,406 ครั้ง ใน 1,130 โพส
    พลังการให้คะแนน: 929 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    </TD><TD class=alt1 id=td_post_6292946 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ในช่วงแรกๆของการเกิดภัยพิบัติ ให้ญาติธรรมทุกท่านหลีกเลี่ยงหรืออย่าเข้าใกล้ สถานที่ที่เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้าย่อย หรือแม้กระทั่งพวกหม้อแปลงขนาดต่างๆ

    เท่าที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกมาก็คือฟ้าจะผ่าลงตรงโรงไฟฟ้าหรือสถานที่แหล่งกำเนิดไฟฟ้าต่างๆ และจะเกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่และเสียงดังมาก และเข้าใจว่าการที่ประจุไฟฟ้าแรงสูงลงตามสถานีไฟฟ้าต่างๆ

    รวมทั้งแหล่งกำเนิดไฟฟ้าบริเวณบริเวณเขื่อนต่างๆ ซึ่งแรงระเบิดนั้นจะทำให้มีผลกระทบกับเขื่อน อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้เขื่อนร้าวหรือแตกได้ครับ<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://palungjit.org/threads/กระทู้...ธิ์-ขอเชิญเข้ามาสอบถามได้ที่นี่.344425/page-4
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012
  15. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    เดี๋ยวนี้ ทวยเทพเทวดา บรรพบุรุษของไทย สิ่งศักดิ์ทั้งหลายที่ปกป้องคุ้มครองประเทศชาติท่านเริ่มออกมาช่วยเหลือแล้วคะ คัดจัดสรรคะ พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ท่านก็ทรงมีพระพลามัยแข็งแรงขึ้นคะ แต่ต้องจับตาดูในปลายเดือนตุลาคม จะมีอะไรเกิดขึ้นคะ บุญรักษาคะ
     
  16. numphol aryupha

    numphol aryupha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,156
    ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน มีเรื่องพิพาทชายแดนกับเขมร นายกปูยังบินไปหาไอ้ฮุนเซงอีก คิดได้ไงพี่น้อง หรือเจรจายกดินแดนถวายมัน เสียศักดิ์ศรีจริงๆ
     
  17. numphol aryupha

    numphol aryupha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,156
    ทหารหาญผู้รักชาติ รู้สึกสำนึกบ้างหรือยัง ในหลวงทรงเสด็จออกมาฉลองพระองค์เต็มยศ ไปอยุธาทรงยศทหารบก เสด็จไปปากเกร็ดทรงทหารเรือ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เทอญ
     
  18. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    ประเทศไทยเสี่ยงต่อการเสียดินแดนและทรัพยากรทางทะเลเป็นอย่างมากค่ะ

    แทบไม่เหลือทางสายกลาง? | ไทยโพสต์
     
  19. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949

    15 ก.ค. 55
    พระองค์เสด็จจังหวัดราชบุรี
    ทางเฮลิคอปเตอร์
    ไม่รู้ว่าพระองค์ทรงฉลองพระองค์ชุดทหารอากาศรึเปล่า

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     
  20. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    [​IMG]

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...