เกิดก่อนเกิด..พรแปดประการ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย หัวใจ!, 18 กรกฎาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396

    นารีขี่ม้าขาว ตนนั้นคือ ท่าน

    แต่ไม่ใช่เวลานี่ ให้เวลาพิสูจน์ก่แล้วกัน

    เพราะท่านจะต้องชำระตนเองให้สะอาด เสียก่อน

    เพราะเหล่าญาติของท่าน ที่ยังวนเวียนอยู่รอบตัวท่าน

    ทำให้ท่านยังไม่บริสุทธิ์ที่จะรับพลังงานจากจักรวาลได้อย่างเต็มที่

    ----------------------------
    เมื่อไหร่ เมื่อหลังเปลี่ยนยุค เมื่อนั้นท่านจะรู้ว่าอะไรที่ท่านรู้มา ยังรู้ไม่หมด

    เพราะมันจะยังเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้อีก และเมื่อนั้นท่านจะรู้เองว่าควร

    ทำอย่างไร....

    แต่เมื่อท่านยังไม่สามารถชำระตนเองได้ พลังงานจักรวาล ที่รอท่าน

    ก่จะไม่ส่งมายังท่านได้เต็มที่ เพราะญาติของท่าน ยังอยู่กับท่านอยู่

    จึงทำให้ไม่บริสุทธิ์ และเป็นอันตรายต่อญาติ(ฝ่ายดี)
    ----------------------------------------------------------

    หลังจากที่ท่าน หรือนารีขี่ม้าขาว ได้จัดการวางระบบเสร็จเรียบร้อย

    หมดแล้ว ก่ถึงคิว พระศรีอาริย์ หรือตัวแทนฝ่ายมนุษย์ ปกครองต่อไป

    เพราะพระศรีอาริย์ คือผู้ที่ถูกเลือก ให้เป็นจักรพรรคิ์ ปกครองมนุษย์

    เป็นผู้นำฝ่ายมนุษย์.....

    ถึงเวลานั้น นารีขี่ม้าขาว ก่จะสบายหมดภาระกิจ

    ภาระกิจภายใน ระบบ Matrix ก่ต้องให้ตัวแทนภายใน Matrix ทำงานไป

    พลังงานที่มาต่อเชื่อมกับท่าน เล็กๆ ที่มีพลังงานมหาศาลรออยู่ ไม่ได้มาจาก

    พลังงานภายใน Matrix เป็นพลังงานที่ส่งผ่านเชื่อมโยงมาโดยตรง

    จากนอก Matrix ไม่มีใครได้รับพลังงานเหล่านี้ได้นอกจากผู้ที่ถูกกำหนด

    มาเท่านั้น พลังแห่งแผ่นดินผู้ค้ำชู ดูแล เหล่ามนุษย์ทั้งหลาย

    รีบชำระตนเองเสียเถอะครับ.....อยากรู้ปรึกษาผู้ชี้ทาง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2012
  2. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    รอท่านเจ้าของกระทู้เล่านิทานต่ออยู่นะ
    เชิญท่านเล่าต่อเถอะ
     
  3. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113
    เพลง แฟนเก็บ ตั๊กแตน ชลดา ฟังเพลง MV เพลงแฟนเก็บ

    .................(เป็นนิทานความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)................

    ....แฟนเก็บ....

    อย่าให้ใครรู้ว่าเราคบกัน
    คือคำที่เธอนั้น ย้ำเตือนฉันอยู่เสมอ
    เธอบอกว่างจากตัวจริง แล้วเธอจะรีบมาเจอ
    รู้ไหมน้ำตาฉันเอ่อ เมื่อเธอหันหลังจากลา

    ล่ามโซ่หัวใจฉันไว้ใช้งาน
    แต่ไม่ให้ความสำคัญ ยกย่องออกหน้าออกตา
    เป็นตุ๊กตาคลายเหงา อยู่ห้องเช่าคอยเธอโทรมา
    เมื่อเธอนึกอยากมาหา ฉันจึงมีค่าในฐานะแฟน

    แฟนเก็บ อยู่แบบเจ็บๆ อย่างคนเป็นน้อย
    มีหน้าที่คอย ช่วยเธอบรรเทายามเหงาอ้อมแขน
    ไม่ใช่ตัวจริง เป็นไม่ได้แม้แต่ตัวแทน
    แค่คนที่เธอหลบแฟน แอบมาหาเวลาใจเฉา

    หากใครสักคนเขาเดินเข้ามา
    คบฉันออกหน้าออกตา ให้เกียรติว่าฉันคือแฟนเขา
    อยากถามเธอดูสักคำ ปล่อยฉันไปได้หรือเปล่า
    หรือจะขังฉันไว้ในเงา ทำหน้าที่แฟนเก็บจนตาย

    แฟนเก็บ อยู่แบบเจ็บๆ อย่างคนเป็นน้อย
    มีหน้าที่คอย ช่วยเธอบรรเทายามเหงาอ้อมแขน
    ไม่ใช่ตัวจริง เป็นไม่ได้แม้แต่ตัวแทน
    แค่คนที่เธอหลบแฟน แอบมาหาเวลาใจเฉา

    หากใครสักคนเขาเดินเข้ามา
    คบฉันออกหน้าออกตา ให้เกียรติว่าฉันคือแฟนเขา
    อยากถามเธอดูสักคำ ปล่อยฉันไปได้หรือเปล่า
    หรือจะขังฉันไว้ในเงา ทำหน้าที่แฟนเก็บจนตาย

    อยากถามเธอดูสักคำ ปล่อยฉันไปได้หรือเปล่า
    หรือจะขังฉันไว้ในเงา เป็นแฟนเก็บของเธอจนตาย

    ................
    ล่ามโซ่หัวใจฉันไว้ใช้งาน
    แต่ไม่ให้ความสำคัญ ยกย่องออกหน้าออกตา
    เป็นตุ๊กตาคลายเหงา อยู่ห้องเช่าคอยเธอโทรมา
    เมื่อเธอนึกอยากมาหา ฉันจึงมีค่าในฐานะแฟน

    ....

    ....นี่แหละเพลง "ประจำตัว และจิต ของ"คลีโอพัตรา" ช่วงนั้นนะ และที่เราถูกล่ามโซ่

    ....แต่เมื่อไรที่คลีโอพัตรา ถูกปลดล๊อคแล้ว ตัวตนของเธอก็จะตื่น..

    ....(ช่วงที่เราทำกิจภาคจิตก็คือ วันที่ ๑ / ๑ /๑๑)

    .....และพอพระพ่อทั้งหลายได้เข้าไปเครียร์ปลดล๊อคแล้ว(แต่ไม่ง่ายเลยนะ ตั้งแต่เวลา สองทุ่มจนถึง เช้าอีกวันเลยละ เพราะผู้ที่ดูแลพระแม่ไม่ยอมบอกรหัส "เพราะเขาไม่อยากให้ใครไปรบกวนและปลุกพระแม่ตื่น เพราะเขารักและหวงไม่อยากให้พวกพระพ่อทำลายจิตใจพระแม่เหมือนแต่ก่อนมา (แต่เราก็ต้องประเลาะเขาให้บอกรหัส แต่คนที่มารับรหัสก็คือ พ่อแท้ๆ ภาคมนุษย์ของพระพ่อเหล่านั้นนั้นเอง..เดี๋ยวอนาคตก็จะรู้ว่า ใครคือ พ่อ และ ใครคือลูกชาย)คะ

    .....และพอคลีโอพัตรา ได้ถูกปลดล๊อคได้แล้ว ก็ได้เอ๋ยคำหนึ่งออกมาว่า..."จากกันนาน

    แสนนาน พึ่งพานพบ"


    .....และก็จะมีเสียงเพลงแฟนเก็บดังขึ้นมา "ล่ามโซ่ หัวใจ ฉันไว้ใช้งาน แต่ไม่ให้ความ

    สำคัญ ยกย่องออกหน้าออกตา"

    .....และคลีโอพัตราก็เอ่ย..."ไม่อยากเอื้อนเอ่ย สกุณาจะคืนถิ่น" ...ตอนนี้จะมีพลังแม๊กม่าออกมาแรงมากๆ

    "เทพีแห่งสันติภาพ ตื่นขึ้นแล้ว ที่ตามหากันทั่วโลก"

    ....และคลีโอพัตราประกาศเสร็จ ก็ได้ขึ้นไปข้างบนที่สูงมากๆ

    ....และลงมา เมื่อเวลา ..๑๑.๑๑

    .....และเอ่ยคำว่า.."ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา" (เพื่อนๆลองไปหาคำแปลเองนะคะว่าหมายถึงอะไร)

    ....(และจุดที่ เธอ ถูกล่ามโซ่ที่แท้จริง ก็คือ การทำพิธี ไว้ที่ "เทพีสันติภาพที่อยู่ทีอเมริกา"นั้นเอง คือ คำตอบสุดท้าย(เพื่อนๆลองไปเรียบเรียงดูว่า อเมริกานั่นอยู่ฝ่ายไหน ทำไหมต้องทำเช่นนั้น ..แต่..ธรรมะ ย่อม ชนะอธรรม.)

    ....ที่เราบอกไงคะ "ว่าทางฝ่ายพระพุทธเจ้านะ ตามหาตัวเราเจอก่อน..แต่ฝ่ายเทวฑัตนะนะ ยังไม่เจอเราเลย(ขนาดเล่นล่ามโซ่ไว้นะเนี๊ยะ ยังสู้ "พลังแห่งพุทธะมิได้เลย"


    ....เพื่อนๆ ช่วยไปปล๊ดล๊อคให้หน่อยสิ โซ่ที่ล่ามขาเทพีแห่งสันติภาพไว้ที่อเมริกานะ..


    ......หากใครสักคนเขาเดินเข้ามา
    คบฉันออกหน้าออกตา ให้เกียรติว่าฉันคือแฟนเขา
    อยากถามเธอดูสักคำ ปล่อยฉันไปได้หรือเปล่า
    หรือจะขังฉันไว้ในเงา ทำหน้าที่แฟนเก็บจนตาย

    อยากถามเธอดูสักคำ ปล่อยฉันไปได้หรือเปล่า
    หรือจะขังฉันไว้ในเงา เป็นแฟนเก็บของเธอจนตาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2012
  4. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113
    ...


    .....

    "ว้าวส์...เก่งจังเลย คุณราม อวตาร ..ช่วยมาเป็น ม้าขาว ให้ "นารี" ได้ไหมจ๊ะ...????
     
  5. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    หลังจากชำระตนเองแล้วจะมีพลังงานเข้่ามาเต็มที่

    การทำงานต่างๆ จะสะดวกขึ้น ไม่เหนื่อยเหมือนทุกวันนี้

    เวลาทำงานจะรู้สึกเหนื่อย เพราะ.... มีพลังงานที่สังขาร

    รับไม่ได้มาค่อยอยู่ช่วย ให้ภาระกิจสำเร็จ จึงเหนื่อยหมดแรง

    แต่เมื่อนอนพักก่หาย
     
  6. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ระวังกางเกงเปื้อนด้วยครับ

    ออ ต้องใส่เสือเกราะด้านหลังไว้ด้วยน่ะครับ

    ทางที่ดีไม่ควรขี่ด้วยซ้ำ
     
  7. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113

    .....

    ...เป็นไงบ้างคะ นิทานที่เราเล่า...สนุกตื่นเต้นเท่ากับ นิทานที่คนอื่นเล่าหรือเขียนหรือไม่....????

    """"และเราจะเปลี่ยนหน้าที่ เป็นคนไปเขียนเล่านิทานได้หรือปล่าวคะ...???
     
  8. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เราได้อ่านแล้ว นิทานท่านสนุกดี ตัวละครที่ท่านพูดมาแต่ละตัวท่าทางจะมีทุกข์เกิดขึ้นเป็นระยะๆ เนาะ

    ท่านล่ะเล่านิทานแล้วท่านรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2012
  9. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    อืม แล้วคนที่ช่วยผู้มีพลังลึกลับต้องทำอะไรบ้างครับ ช่วยกันสู้ใครยงัไง
     
  10. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113

    ...(เป็นนิทาน และความเชื่อส่วนบุคคล และโปรดพิจารณา)

    ...ช่วงที่เราทำกิจภาคจิตนั้น ตอนช่วงที่ต้องไปเครียร์ ตัวตนของคลีโอพัตรา นั้น หนักมาก

    ...เรานี่ร้องไห้ ตาบวมเป็นอาทิตย์ (ความรุ้สึกที่มันอยู่จิตลึกๆข้างในออกมามากมาย ทุกข์ เศร้า เจ็บปวดมาก )

    ....และคนที่มีหน้าที่ทำกิจกับเรา เปรียบเหมือนผุ้ที่ต้องดุแลและปกป้องพระแม่ กว่าเขานะจะยอมที่จะพาพวกพระพ่อไปหาและบอกรหัสได้ เรานะต้องประเลาะ และเขานะเล่นหนีเราเลย และเขาก็ต้องร้องไห้เยอะมาก

    ...เพราะเขานะรักพระแม่และหวงพระแม่เขามาก (จิตภาคหนึ่งเขาก็คือ ขันทกุมาร และก็ คิวปิด)

    ....และยิ่งตื่นขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกที่มันฝังในจิตลึกๆมันออกมาแบบสุดๆเลย อธิบายยากนะ.."ลองคิดดูสิ "

    ...ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกขังและซ๋อนและเก็บไว้ณ .จุดหนึ่งและก็ถูกทำลาย แต่พวกเขานะ ใช้ดวงจิตเราไปทำงานให้ด้วยนะ...(พูดแล้วเศร้า)..และเจ็บปวดแบบสุดๆ นะ..เราถึงบอกว่า

    ...เรานะไม่อยากเกี่ยวข้องกับอดีต อยากอยู่กับปัจจุบัน


    ...แต่"กรรม" ที่ภพนี้ ที่เราทุกคนต้องมาเครียร์และมาเจอกันและมาเพื่อ "อโหสิกรรม" นั้นเอง
     
  11. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113
    .............

    (เป็นนิทาน ความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)

    ..."ศรัทธาก่อให้เกิด..พลัง"


    ...."จงศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองทำ"


    ....อันดับแรกคือ ปลุกพลังศรัทธาตัวเองออกมาก่อน...เพื่อการ "ตื่นรู้"


    ....และระบบจะเป็นไปเองแบบอัตโนมัติคะ
     
  12. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    คงเป็นอย่างที่ท่านพูดมาล่ะว่า กลับมาเพื่อแก้ไข..

    ทุกข์ของอดีต ทุกข์ในอดีต ย้อนรอยกลับมาใหม่เพื่อแก้ไข อโหสิกรรมต่อกัน
    สัญญา ทุกตัวตน ที่เป็นอดีตทั้งหมด ย้อนรอยกลับมาเพื่อให้เราทุกคนได้แก้ไขด้วยปัจจุบันของเราเอง
    ขอเพียง..ปัจจุบันเรามีกำลังใจที่เข้มแข็งพอ ที่จะผ่านอุปสรรค ขวากหนามทุกอย่างไปให้ได้ เอาทุกอย่างออกจากใจ
    ความหมองเศร้าในอดีตทั้งหลาย เหลือเพียงใจที่เข้มแข็งในปัจจุบัน ที่จะกระทำอะไรต่างๆ
    ด้วยกำลังใจที่ดีและสดใสเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับตนเองและผู้อื่นต่อไป

    คงต้องทำอย่างที่พระพุทธเจ้าได้บอกไว้ คือ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงย่อมไม่ควรยึดมั่นถือมั่น (อาจใช้คำไม่ถูกเอาที่ความหมายแล้วกันนะ)
     
  13. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=_g6b5B62DRg]ไถ่รักแท้ด้วยศรัทธา - YouTube[/ame]

    (เป็นนิทานความเชื่อส่วนตัวโปรดพิจารณา)

    ..."ทุกสิ่งทุกอย่างขอน้อมรับด้วยใจจิต "

    " ผู้เป็นมิตรผูกพันธ์แต่ปางก่อน"

    "ถึงจะ"นอน" หลับไหลมาช้านาน"

    "อีกไม่นานพบโฉมงาม นามโฉมตรู"

    "ศรัตรูใดมิเคยกลัว ถึงดวงใจจะขุ่นมัว"

    "จะยืนยงโพธิญาณ ขอสัญญาด้วยสัตย์ จะยืนหยัดตั้งจิตนิมิตแม้น"

    .................

    ...ไถ่รักแท้ด้วยศรัทธา

    ตะวันส่งยิ้ม ทักทายวันใหม่อีกครั้ง
    หอบเอาความหวัง พารักมาพิงพักใจ
    แต่สายลมโชคชะตา ก็พาเธอลอยหายไป
    ความรัก ร่วมกันใช้แค่เพียงไม่นาน
    กี่ความคิดถึง เขียนลงตรงเส้นขอบฟ้า
    กี่หยดน้ำตา จารึกลงใจร้าวราน
    กี่เหงาที่ต้องเจอ กี่คืนที่ทรมาน
    กอดเธอในฝันไม่ห่างหัวใจ

    * พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ก็จะรักเธอเสมอ
    ขาดเธอ ฉันคงไม่อาจรักใคร

    ** ขอคืนเถิดฟ้า ขอเธอคืนมาสักครั้ง
    ฟ้าช่วยเปิดทาง ให้เรารักกันได้ไหม
    ไถ่รักแท้ด้วยศรัทธา โปรดเถิดฟ้าอย่าแกล้งใจ
    โลกคงเป็นดาวดวงสุดท้าย ให้เราพบกัน(รักกัน)

    เผ้าอธิฐาน ขอเธอข้ามผ่านภัยร้าย
    จะกอดเธอไว้ ในรักจนชั่วนิรันดร์
    เก็บคำวันเก่า ที่เรามีกันและกัน
    ศรัทธาจากฉัน จะห่มหัวใจ

    ไถ่รักด้วยศรัทธา
    ..................


    (อะไรเนี๊ยะ ตามหลักจริงๆ เรานะอยากจะเล่านิทานอีกแนวหนึ่ง แต่ทำไมวันนี้ระบบถึงให้ต้องมาเขียนเล่านิทานตอนพวกนี้นะ..ตามหลักจริงเราจะไม่อยากเล่าเรื่องนิทานสไตส์นี่หรอก แต่ระบบภายในบังคับเขียนและเปิดนะ)
     
  14. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    จริงอย่างที่ท่านพูด "ศรัทธา" ก่อให้เกิด ศรัทธาในความดี ศรัทธาต่อสิ่งที่ดีจริง สิ่งดีๆ ที่ตนเองทำและยืนหยัดที่จะทำให้ได้
    ด้วยศรัทธา..ของใจเราเองที่มีต่อความดี สิ่งดีงามทั้งหลาย เป็นพลังในการตื่นรู้ของตนเอง และไม่หวั่นไหวกับสิ่งทั้งปวงที่เกิดกับตนเอง

    เพื่อให้อุปสรรคทั้งปวงผ่านไปได้โดยเร็ว และด้วยดี เพราะเราทำดีก็คือดีแล้วที่เรา
    ดังนั้น..ตามความหมายที่ท่านพูดมา พลังเหล่านั้นจึงเป็นพลังแห่งความดี มาจากจิตใจที่ดี เป็นตัวขับเคลื่อน

    น่าจะหมายถึงพลังแห่งความสุข ที่ออกจากใจของผู้ขับเคลื่อนเอง เพราะเมื่อผู้ขับเคลื่อนมีความสุขแล้ว..ที่ตนเอง
    ไม่หมองเศร้าอีกแล้ว ปล่อยวางอดีตได้แล้ว เพราะเข้าใจแล้วว่ามันคืออดีตไม่ใช่ปัจจุบัน แล้วอยู่กับใจในปัจจุบันด้วยความสุข

    แล้วใช้ความสุขนั้น..ของตนเอง เป็นแรงขับเคลื่อนไปสู่ผู้อื่น (เราตีความได้แบบนี้ท่านคิดเห็นได้เช่นไร)

    ขอรอฟังนิทานท่านต่อแล้วกันจ้า
     
  15. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    มานานมาก เคลียร์ด้วยตนเอง อย่างไรก่ไม่จบสิ้น

    เพราะมากมายมหาศาล รอคิวมาให้เคลียร์

    เหนื่อยและหมดแรง

    วิธีการที่จะเคลียร์ให้หมดอย่างรวดเร็วทำได้ง่าย

    ปรึกษาผู้ชี้ทาง
     
  16. หัวใจ!

    หัวใจ! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,113
    ......


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=aYnOZ_bgfag&feature=related]เพลง ทรงพระเจริญ_อัสนี วสันต์ - YouTube[/ame]

    ...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนานหลายหมื่นล้านปี...

    ...หนึ่งลมหายใจ เพื่อพ่อและแผ่นดินไทย...

    (เป็นนิทานและความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)

    ..สุดยอดคะความคิดของท่าน

    ...จุดใหญ่ที่เราผ่านทุกอย่างมาได้จนมาถึงจุดนี้ก็คือ "ศรัทธา"..มุ่งมั่น..อดทน

    ...และมองถึงจุดที่เราต้องทำและไปให้ถึง

    ...และพึ่งนึก "รู้ตื่น" เสมอกับสิ่งที่ตั้งสัจจะ..(ก็คือธรรมะ)



    ...และมองที่ส่วนรวมมาอันดับหนึ่ง..แต่ตัวเราและครอบครัวมาอันดับสอง(อันนี้ความคิดเราจะขัดแย้งกับคนอื่นหน่อยนะ) เพราะที่จิตเราคิดเสมอ ว่า ตัวเรานะมิได้มีครอบครัว แค่สามสี่คน แต่มันคือ คนทั้งโลก

    ...และเราก็พึ่งคิดเสมอ ว่า ถ้าหากประเทศเราอยู่ไม่รอด ครอบครัวกิจการเราก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน(ความคิดของเรามันอาจจะสวนกระแสคนอื่นหน่อยนะ)

    ...และ(มีคนหนึ่งที่เป็น ตัวนำพา ให้เราขับเคลื่อน และเป็น"ตัวกำลังใจ และ พลังศรัทธา " โดยแท้จริงก็คือ...."พ่อแห่งแผ่นดินไทย"

    ...พระองค์ท่านคือผุ้ที่ทำให้เราสามารถ ผ่านและยืนมา และผ่านทุกอย่างมาได้ "กำลังใจ" และ แบบอย่างที่พระองค์ท่านได้ทำให้เราเห็น

    ...และเราก็พึงคิดอยู่ในใจเสมอว่า "เรานะอายุไม่เท่าไรเอง" และ "พ่อ" ละท่านอายุมากแล้วนะ และท่านก็เหนือยมามากแล้ว และเราจะไม่ช่วยและทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทน "พ่อ" และ ผืนแผ่นดิน ที่เราอาศัย หรือ...

    ...และเมื่อไรที่เราท้อ เราก็จะคิดถึง "พระพักต์ และแววตาของพระองค์ท่าน"..และเราก็มองเห็นถึงปัญหาของแผ่นดินไทย และความทุกข์ยากของรากหญ้า

    ..(ถ้าหากเราสามารถ ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้บ้าง และถ้าหากเราเสียสละ กับสิ่งที่เราทำและก่อประโยชน์กับส่วนรวมม เราก็คิดว่าคุ้มนะ "สำหรับชีวิตเรา แค่หนึ่งและแลกกับคนเป็นหมื่นเป็นล้านคนนะ)


    ..(นี่แหละจุดสำคัญที่เราสามารถเดินและผ่านมาแต่ระบบ ..และมายืนจุดนี้ได้ ถึงแม้นมันจะไม่ร้อยเปอร์เซ้นต์ แต่ทุกสิ่งที่เราบอกว่า ระบบภาคจิตและจักรวาลมันจัดจบแล้ว..ภาคมนุษย์..ก็จะเป็นไปตามระบบที่ถูกล๊อกตั้งไว้หมด มิมีเปลี่ยนแปลง..)


    ...เราถูกกระทำ และถูกด่า และ ว่า มาเยอะเช่น บอกว่าเรานะเพี้ยน และเรานะทะเยอทะยาน และว่าเราเป็นคนหลอกลวง ๑๐๘ มงกุฎ และที่เราเจอหนักก็คือ การที่บอกว่า ..ตัวเองยังตัวไม่รอดแล้วจะช่วยอะไรใครได้ (แต่เราไม่คิดโกรธพวกเขาหรอก เพราะพวกเขานั่นแหละคือตัวขับเคลื่อนที่ดี เพราะเขามิผิดหรอกที่พูดเช่นนั้นกัน..เพราะพวกเขามิได้รุ้ถึงตัวตนที่แท้จริง และสัจจะของเรานี้หนา ...(และที่สำคัญก็คือ "ตัวตนที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด")
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2012
  17. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    น้องหญิงถูกหลอก ให้ทำงาน เพื่อชาติบ้านเมือง
    แต่มีจิตศรัทธาตรงต่อสิ่งที่ดีงาม แม้ว่าจะถูกหลอก
    แต่บั้นปลายสุดท้าย จะดีได้


    ร่างที่ถวายดวงใจแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิง จะมีที่ว่าง
    มาก มีพลังดึงดูดพลังเข้ามาในตัวสูง และจะดึงดูด
    ได้แม้แต่จิตวิญญาณที่มีกำลังมากๆ นั่นคือ วิธีทำ
    ให้ได้เมตตรัยยะแบบสตรีเพศ ผลตามมาคือ ผู้ชาย
    เสียจิตวิญญาณ หมดฤทธิ์ หมดเดช นั่นคือ เจ้านาย
    เขาวางแผนหลอกใช้มาอย่างนี้ เลยให้น้องหญิงไร้
    ซึ่งหัวใจ ถวายดวงใจออกจากร่างไปก่อน ไงล่ะ หรือ
    กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาวางแผนใช้ผู้หญิงคนนี้มาทำ
    ลายเมตตรัยตัวจริง ด้วยวิธีเอาจิตวิญญาณจากร่าง
    กันเลยละ คนที่วางแผนน่ะ เขาใจร้ายแค่ไหนนะ?...
     
  18. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เมื่อท่านวางจิตไว้ดี ไว้ถูก ไม่เป็นไปเพื่อการเบียดเบียนใครๆ แม้ชีวิตท่านเจออุปสรรคและความทุกข์มามากมายเพียงใหนก็ตามท่านก็สามารถยืนหยัดได้ด้วยความดีของตนเอง เราขอชื่นชมในความเข้มแข็งของท่านจริงๆ
    แต่วิบากกรรมใช่ว่าจะหนีไปไหนได้ ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นกับเราได้หาใช่ว่าเป็นของผู้อื่น แต่เป็นของเราเองมันถึงเกิดกับเรา
    หากยิ้มรับกับมันได้ ยอมรับมันได้ด้วยใจเข้มแข็งแล้ว ทุกอย่างย่อมผ่านไปได้ด้วยดีเสมอ

    ด้วยใจที่ดีของผู้นั้นเอง...

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cVgosCRnO5U&feature=related]สักวัน มันก็ผ่านไป - YouTube[/ame]

    ขอนำเพลงนี้มาให้ฟังอีกครั้ง

    รอฟังนิทานท่านต่อจ้า
     
  19. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    นางวิสาขา (ผู้มีกำลังมาก แต่ปัญญาน้อย)

    <!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->
    <!-- /jumpto --><!-- bodycontent -->
    นางวิสาขา เกิดในตระกูลเศรษฐี ในเมืองภัททิยะ แคว้นอังคะ เป็นบุตรของ ธนญชัยเศรษฐี มารดาชื่อว่าสุมนาเทวี มีปู่ชื่อเมณฑกเศรษฐี <SUP id=cite_ref-0 class=reference>[1]</SUP> นางวิสาขามีอีกชื่อหนึ่งว่า นางวิสาขามิคารมารดา เป็นภรรยาของ ปุณณวัฒนกุมาร บุตรของมิคารมหาเศรษฐีในเมืองสาวัตถี ท่านเป็นผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า เป็นผู้ถวายบุพพาราม และโลหะปราสาทหลังแรกแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ยกย่องนางวิสาขาว่าเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลายในฝ่าย ผู้เป็นทายิกา นอกจากนั้นนางวิสาขายังมีน้องสาวคนหนึ่งที่เป็นบุคคลสำคัญในพุทธประวัติคือนางสุชาดา
    <TABLE id=toc class=toc><TBODY><TR><TD>
    เนื้อหา



    </TD></TR></TBODY></TABLE>[แก้] 7 ขวบบรรลุโสดาบัน

    เมื่อนางวิสาขา มีอายุได้ 7 ขวบ ท่านเมณฑกเศรษฐี (ปู่) ได้ทราบข่าวว่า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จำนวนมาก กำลังเสด็จมาสู่เมืองภัททิยะ ท่านเมณฑกเศรษฐี จึงได้มอบหมายให้เด็กหญิงวิสาขาพร้อมด้วยบริวาร ออกไปทำการรับเสด็จที่นอกเมือง เด็กหญิงวิสาขาพร้อมด้วยบริวาร ก็เข้าไปเฝ้ากราบถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่อันสมควรแก่ตน พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้พวกเธอฟัง เมื่อจบลงก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยกันทั้งหมด
    ส่วนเมณฑกเศรษฐี เมื่อพุทธองค์เสด็จมาถึงแล้วจึงรีบเข้าไปเฝ้าได้ฟังพระธรรมเทศนาก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันเช่นกัน และยังกราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ที่ติดตามเสด็จทั้งหมดเข้าไปรับอาหารบิณฑบาต ณ ที่บ้านของตนเป็นระยะเวลา 15 วัน
    สมัยนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล แห่งเมืองสาวัตถี และพระเจ้าพิมพิสาร แห่งเมืองราชคฤห์ ซึ่งต่างฝ่ายต่างอภิเสกสมรสน้องสาวของฝ่าย และเนื่องจากในเมืองสาวัตถีของพระเจ้าปเสนทิโกศลนั้น ไม่มีเศรษฐีตระกูลใหญ่ ๆ ผู้มีทรัพย์สมบัติมากเลย ได้ทราบว่าในเมืองราชคฤห์ของพระเจ้าพิมพิสารนั้น มีเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัติขนาดนับไม่ถ้วนอยู่ถึง 5 คน ดังนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงเสด็จมายังเมืองราชคฤห์ เข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสารแล้วแจ้งความประสงค์ที่มาในครั้งนี้ ก็เพื่อขอพระราชทานตระกูลเศรษฐีในเมืองราชคฤห์นี้ไปอยู่ในเมืองสาวัตถีสักหนึ่งตระกูลพระเจ้าพิมพิสารได้สดับแล้วตรัสตอบว่า “การโยกย้ายตระกูลใหญ่ ๆ เพียงหนึ่งตระกูลก็เหมือนกับแผ่นดินทรุด” แต่เพื่อรักษาสัมพันธไมตรีต่อกันไว้หลังจากที่ได้ปรึกษากับอำมาตย์ทั้งหลายแล้ว เห็นพ้องต้องกันว่าสมควรยกตระกูลธนญชัยเศรษฐี ให้ไปอยู่เมืองสาวัตถีกับพระเจ้าปพระเจ้าปเสนทิโกศล แล้ว ขณะที่พักค้างแรมระหว่างทางก่อนเข้าเมืองธนญชัยเศรษฐีเห็นว่าภูมิประเทศบริเวณที่พักนั้นเป็นชัยภูมิเหมาะสมดี อีกทั้งตนเองก็มีบริวารติดตามมาเป็นจำนวนมาก ถ้าไปตั้งบ้านเรือนภายในเมืองก็จะคับแคบ จึงขออนุญาตพระเจ้าปเสนทิโกศลก่อตั้งบ้านเมืองลง ณ ที่นั้น และได้ชื่อเมืองใหม่นี้ว่า “สาเกต” ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองสาวัตถี 7 โยชน์
    [แก้] ชน 4 พวกเมื่อวิ่งจะดูไม่งาม


    พวกพราหมณ์ก็ไปตามเมืองต่าง ๆ เรื่อยไป จนมาถึงเมืองสาเกต ได้เห็น นางวิสาขา พร้อมทั้งหญิงบริวารออกมาเที่ยวเล่นน้ำกันที่ท่าน้ำ เห็นนางมีลักษณะภายนอกถูกต้องตามตำราอิตถี ลักษณะครบทุกประการ และขณะนั้นเองฝนตกลงมาอย่างหนัก หญิงบริวารทั้งหลายพากันวิ่งหลบหนีฝนเข้าไปในศาลา แต่นางวิสาขายังคงเดินด้วยอาการปกติ ทำให้พวกพราหมณ์ทั้งหลายรู้สึกแปลกใจประกอบกับต้องการจะเห็นลักษณะฟันของนางด้วยจึงถามนางว่า “ทำไม เธอจึงไม่วิ่งหลบหนีฝนเหมือนกับหญิงอื่น ๆ” นางวิสาขาตอบว่า ชน 4 พวกเมื่อวิ่งจะดูไม่งาม ได้แก่
    • พระราชา ผู้ทรงประดับด้วยเครื่องอาภรณ์พร้อมสรรพ
    • บรรพชิต ผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์
    • สตรี ผู้ชื่อว่าเป็นหญิงทั้งหลาย
    • ช้างมงคล ตัวประดับด้วยเครื่องอาภรณ์สำหรับช้างlklklklk
    พวกพราหมณ์ได้เห็นปัญญาอันชาญฉลาด และคุณสมบัติ เบญจกัลยาณี ครบทุกประการแล้ว จึงขอให้นางพาไปที่บ้านเพื่อทำการสู่ขอต่อพ่อแม่ตามประเพณี เมื่อสอบถามถึงชาติตระกูลและทรัพย์สมบัติก็ทราบว่า มีเสมอกัน จึงสวมพวงมาลัยทองให้นางวิสาขาเป็นการหมั้นหมายและกำหนดวันวิวาหมงคลธนญชัยเศรษฐี ได้สั่งให้ช่างทองทำเครื่องประดับ ชื่อ มหาลดาปสาธน์ เพื่อมอบให้แก่ลูกสาว ซึ่งเป็นเครื่องประดับชนิดพิเศษ เป็นชุดยาวติดต่อกันตั้งแต่ ศีรษะจรดปลายเท้า ประดับด้วยเงินทองและรัตนอันมีค่าถึง 9 โกฏิกหาปณะ ค่าแรงฝีมือช่างอีก 1 แสน เป็นเครื่องประดับที่หญิงอื่น ๆ ไม่สามารถจะประดับได้เพราะมีน้ำหนักมาก นอกจากนี้ ธนญชัยเศรษฐี ยังได้มอบทรัพย์สินเงินทองของใช้ต่าง ๆ รวมทั้งข้าทาสบริวารและฝูงโคอีกจำนวนมากมายมหศาล อีกทั้งส่งกุฏุมพีผู้มีความชำนาญพิเศษด้านต่าง ๆ ไปเป็นที่ปรึกษาดูแลประจำตัวอีก 8 นายด้วย
    [แก้] คุณสมบัติพิเศษประจำตัวนางวิสาขา

    ในบรรดาอุบาสิกาทั้งหลาย นางวิสาขานับว่าเป็นผู้มีบุญสั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติมากเป็นพิเศษกว่าอุบาสิกาคนอื่น ๆ หลายประการ เช่น
    1. ลักษณะของผู้มีวัยงาม คือ แม้ว่านางจะมีอายุมาก มีลูกชาย-หญิง ถึง 20 คน ลูกเหล่านั้นแต่งงานมีลูกอีกคนละ 20 คน นางก็มีหลานนับได้ 400 คน หลานเหล่านั้นแต่งงานมีลูกอีกคนละ 20 คน นางวิสาขามีเหลนนับได้ 8000 คน ดังนั้น คนจำนวน 8420 คน มีต้นกำเนิดมาจากนางวิสาขา นางมีอายุยืนได้เห็นหลานได้เห็นเหลนทุกคน แม้นางมีอายุถึง 120 ปี แต่ขณะเมื่อนางนั่งอยู่ในกลุ่มของลูก หลาน เหลน นางจะมีลักษณะวัยใกล้เคียงกับคนเหล่านั้น คนพวกอื่นจะไม่สามารถทราบได้ว่านางวิสาขาคือคนไหน แต่จะสังเกตได้เมื่อเวลาจะลุกขึ้นยืน ธรรมดาคนหนุ่มสาวจะลุกได้ทันที แต่สำหรับคนแก่จะต้องใช้มือยันพื้นช่วยพยุงกาย และจะยกก้นขึ้นก่อน นั่นแหละจึงจะทราบว่านางวิสาขาคือคนไหน
    2. นางมีกำลังมากเท่ากับช้าง 5 เชือกรวมกัน ครั้งหนึ่งพระราชามีพระประสงค์จะทดลองกำลังของนาง จึงรับสั่งให้ปล่อยช้างพลายตัวที่มีกำลังมากเพื่อให้วิ่งชนนางวิสาขา นางเห็นช้างวิ่งตรงเข้ามา จึงคิดว่า “ถ้ารับช้างนี้ด้วยมือข้างเดียวแล้วผลักไป ช้างก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิต เราก็จะเป็นบาป ควรจะรักษาชีวิตช้างไว้จะดีกว่า” นางจึงใช้นิ้วมือเพียงสองนิ้วจับช้างที่งวงแล้วเหวี่ยงไปปรากฏว่าช้างถึงกับล้มกลิ้งแต่ไม่เป็นอันตราย ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้ชนทั้งหลายเมื่อจัดงานมงคลในบ้านเรือนของตนจึงพากันเชิญนางวิสาขาให้ไปเป็นประธานในงาน มอบให้นางเป็นผู้นำในพีธีต่าง ๆ แม้แต่อาหารก็ให้นางทานก่อน เพื่อความเป็นสิริมงคล จนนางวิสาขาไม่มีเวลาดูแลปฏิบัติพระภิกษุที่มาฉันในบ้านของตน ต้องมอบให้ลูก ๆ หลาน ๆ ดำเนินการให้
    [แก้] สร้างวัด

    โดยปกตินางวิสาขาจะไปวัดวันละ 2 ครั้ง คือ เช้า-เย็น และมีของไปถวายเสมอ ถ้าไปเวลาเช้าก็จะมีของเคี้ยวของฉันเป็นอาหารไปถวายพระ ถ้าไปเวลาเย็นก็จะถือน้ำปานะไปถวาย เพราะนางมีปกติทำอย่างนี้เป็นประจำ จนเป็นที่ทราบกันดีทั้งพระภิกษุสามเณร และอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย แม้นางเองก็ไม่กล้าที่จะไปวัดด้วยมือเปล่า ๆ เพราะละอายที่พระภิกษุหนุ่มสามเณรีน้อยต่างก็จะมองดูที่มือว่านางถืออะไรมา และก่อนที่นางจะออกจากวัดกลับบ้าน นางจะเดินเยี่ยมเยือนถามไถ่ความสุข ความทุกข์ และความประสงค์ของพระภิกษุสามเณร และเยี่ยมภิกษุไข้จนทั่วถึงทุก ๆ องค์ก่อนแล้วจึงกลับบ้าน
    วันหนึ่งเมื่อนางมาถึงวัด นางได้ถอดเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ มอบให้หญิงสาวผู้ติดตามถือไว้ เมื่อเสร็จกิจการฟังธรรมและเยี่ยมเยือนพระภิกษุสามเณรแล้ว ขณะเดินกลับบ้านนางได้บอกให้หญิงรับใช้ส่งเครื่องประดับให้ แต่หญิงรับใช้ลืมไว้ที่ศาลาฟังธรรม นางจึงให้กลับไปนำมา แต่สั่งว่าถ้าพระอานนท์เก็บรักษาไว้ก็ไม่ต้องเอาคืนมาให้มอบถวายท่านไปเลย เพราะนางคิดว่าจะไม่ประดับเครื่องประดับที่พระคุณเจ้าถูกต้องสัมผัสแล้ว ซึ่งพระอานนท์ท่านก็มักจะเก็บรักษาของที่อุบาสกอุบาสิกาลืมไว้เสมอ และก็เป็นไปตามที่นางคิดไว้จริง ๆ แต่นางก็กลับคิดได้อีกว่า “เครื่องประดับนี้มีประโยชน์แก่พระเถระ” ดังนั้นนางจึงขอรับคืนมาแล้วนำออกขายในราคา 9 โกฏิ กับ 1 แสนกหาปณะ ตามราคาทุนที่ทำไว้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดมีทรัพย์พอที่จะซื้อไว้ได้ นางจึงซื้อเอาไว้เอง ด้วยการนำทรัพย์เท่าจำนวนนั้นมาซื้อที่ดินและวัสดุก่อสร้างดำเนินการสร้างวัดถวายเป็นพระอารามประทับของพระบรมศาสดา และเป็นที่อยู่อาศัยจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์สามเณร พระบรมศาสดารับสั่งให้พระโมคคัลลานะ เป็นผู้อำนวยการดูแลการก่อสร้าง ซึ่งมีลักษณะเป็นปราสาท 2 ชั้น มีห้องสำหรับพระภิกษุพักอาศัยชั้นละ 500 ห้อง โดยใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 9 เดือน และเมื่อสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ได้นามว่า พระวิหารบุพพาราม
    [แก้] เป็นบุคคลแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝน

    ปกตินางจะให้สาวใช้ไปกราบทูลอาราธนาพระพระพุทธองค์และภิกษุสงฆ์ให้เสด็จไปยังบ้านของนาง เพื่อรับภัตตาหารอยู่เสมอ
    วันหนึ่ง สาวใช้ได้ไปที่วัดตามปกติเหมือนทุกวัน แต่วันนั้นมีฝนตกลงมาพระสงฆ์ทั้งหลาย จึงพากันเปลือยกายอาบน้ำฝน เมื่อสาวใช้มาเห็นเข้าก็ตกใจเพราะความที่ตนมีปัญญาน้อยคิดว่าเป็นนักบวชชีเปลือย จึงรีบกลับไปแจ้งแก่นางวิสาขาว่า
    “ข้าแต่แม่เจ้า วันนี้ที่วัดไม่มีพระอยู่เลย เห็นมีแต่ชีเปลือยแก้ผ้าอาบน้ำ กันอยู่”
    นางวิสาขาได้ฟังคำบอกเล่าของสาวใช้แล้ว ด้วยความที่นางเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน เป็นมหาอุบาสิกา เป็นผู้มีปัญญาศรัทธาเลื่อมใส มีความใกล้ชิดกับพระภิกษุสงฆ์ จึงทราบ เหตุการณ์โดยตลอดว่า พระบรมศาสดาทรงอนุญาตให้พระภิกษุมีผ้าสำหรับใช้สอยเพียง 3 ผืน คือ ผ้าจีวรสำหรับห่ม ผ้าสังฆาฎิสำหรับห่มซ้อน และผ้าสบงสำหรับนุ่ง ดังนั้นเมื่อเวลาพระภิกษุจะอาบน้ำจึงไม่มีผ้าสำหรับผลัดอาบน้ำ ก็จำเป็นต้องเปลือยกายอาบน้ำอาศัยเหตุนี้ เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จมาประทับที่บ้านและเสร็จภัตกิจแล้ว นางวิสาขา จึงได้เข้าไปกราบทูลขอพร เพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระภิกษุสงฆ์ พระพุทธองค์ประทานอนุญาตตามที่ขอนั้น และนางวิสาขาก็เป็นบุคคลแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระภิกษุสงฆ์


    นางวิสาขา - วิกิพีเดีย
     
  20. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ระวังคนที่ "อ้างชาติบ้านเมือง" เอาไว้
    เขาจะหลอกคนที่รักชาติบ้านเมืองไปทำงาน
    แบบอุทิศได้ทั้งจิตวิญญาณ แต่ไม่ใช่เพื่อชาติ
    จริงๆ หรอก มันเพื่อตัวเขาเองทั้งนั้นแหละ


    (การเมืองซับซ้อนลึกซึ้งกว่าที่น้องคิดนะน้องหญิงจ๋า)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...