สิ่งที่เป็นของโลก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 11 สิงหาคม 2012.

  1. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เห็นตรงไหนครับ มีหลักฐานไหม?
     
  2. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หลักฐานไม่มีครับ และ อธิบายในการเห็นก็ไม่ได้ครับ บอกได้แค่ว่าเห็นครับ

    สาธุครับ
     
  3. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เห็นคุณโอ๊ทธิเดชพูดเรื่องเวลาหลายครั้งแล้ว ผมจบวิศวะผมขยายความให้ท่านอื่นทราบ(ขออณุญาติครับ) เรื่องกาลเวลาคุรเคยได้ยินไหมไอน์สไตน์คิดอยู่ในห้องทำงานจนเกือบจะกลายเป็นบ้า เรื่องนี้เป็นวิสัยพระอรหันต์ขึ้นไปครับ คุณโอ๊ทเอาให้แน่สิ จะฟิสิกส์ จะวิศวะ จะธรรมะ เอาให้มันแน่นอนและให้รูจริงก็จะเป้นการดีครับ...
     
  4. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,500

    วิทยาศาสตร์ = หาสาเหตุ เรียนรู้ วิจัย ทดลองปฏิบัติ ทราบผล (สำเร็จ)
    พุทธศาสตร์ = หาสาเหตุ เรียนรู้ วิจัย ทดลองปฏิบัติ ทราบผล (รู้แจ้ง)


    องค์พระสัมมา ท่านรู้ เห็น กระทั้งจนเข้าใจในทุกสรรพสิ่ง
    แม้แต่ สิ่งที่ใหญ่กว่า เซลล์ และเล็กกว่า อะตอม
    หรือกระทั้ง สิ่งที่เร็วกว่า แสง เวลา ฯลฯ
    มาก่อนที่วงการทางวิทย์ จะก่อตั้งขึ้น ก็กว่า 2500 ปี มาแล้วครับ
     
  5. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อธิบายก็ไม่ได้ หาหลักฐานก็ไม่ได้
    แล้วจะบอกทำไมกันล่ะเนี่ยว่าเห็น มันจะก่อให้เกิดประโยชน์อะไร เพ้อเจ้อไปวันๆหรือเปล่า
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    บอกให้รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้น เป็นผลเสียที่ยิ่งใหญ่ และ เป็นการแนะนำให้รู้ว่า

    ควรเร่งรีบปฎิบัติ ส่วนใครจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ผมก็ไม่ได้ไปบังคับ ว่าจะต้องมาเชื่อผมครับ

    การบอกเตือน หากมองเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็จะเกิดประโยชน์ หากไม่เห็นว่าเป็นประโยชน์

    ก็ไม่อาจจะเกิดประโยชน์ได้ครับ ประโยชน์นั้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนครับ

    ผมมาอธิบายแล้ว ส่วนคุณจะหาเหตุถกเถียงก็เป็นสิทธิ์ของคุณครับ รู้ตนเองเป็นสิ่งที่ดีครับ

    สาธุครับ
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คุณลองวางการยึดมั่นในการเรียนรู้ที่คุณมีสิครับ ไม่ต้องกล่าวถึงการเรียนรู้

    แล้วหันมองระยะเวลาที่ผ่านมา และ ผ่านไป ตั้งแต่เด็กจนโตขึ้นมา ว่าเป็นอย่างไร

    ผมไม่สนใจฟิสิกส์ หรือ วิศวะ เพราะเมื่อตายไปแล้วก็ลืมหมด จำไม่ได้อยู่ดี

    แต่อาจจะมีผลบ้างเมื่อได้เรียนในสิ่งๆนั้นในชาติต่อไป คุณมัวแต่สงสัยอยู่

    คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่ากระแสแห่งกาลเวลาเป็นอย่างไร จากยุคหนึ่งสู่อีกยุคหนึ่ง

    ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย วนเวียนอยู่ไม่ไปไหน หนทางที่จะก้าวข้ามนั้น

    พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนไว้แล้ว ว่าให็ " หยุด " หยุดการปรุงแต่ง

    การปรุงแต่งก่อให้เกิดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก และ เป็นของๆโลก ก่อให้เกิดการยึดติด

    แม้แต่การศึกษานี้ก็เช่นกัน พอได้เรียนรู้ก็ยึดติด ให้วางลงก็ทำไม่ได้ หลงนึกคิดว่าตนนั้นรู้มาก

    แล้วได้อะไร สิ่งที่เรียนมาพอตายก็ลืมหมดอยู่ดี ดิ้นรนเพื่ออะไร

    สาธุครับ
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หลายสิ่ง หลายอย่าง ที่ได้พบเห็น ก็หลงยึดติดนึกคิดว่าตนเองเป็นเช่นนั้น

    ตนเองจะทำให้ได้อย่างนั้น เฝ้าฝันว่าจะต้องได้เช่นนั้น แสวงหาผู้ที่มีความสามารถเช่นที่ตนหวัง

    แต่พอตายไปแล้ว ก็จดจำอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว แต่ก็ยังจะยึดติดกันอยู่ แทนที่จะหาหนทางหลุดพ้นกัน

    อะไรในโลกนี้มีมากมายที่ยึด ล่าม กักขัง ทำให้ลุ่มหลง ถึงจะมีคนมาอธิบายมากเพียงใด จิตใจก็ยัง

    ลุ่มหลงไม่เสื่อมคาย ทั่งที่หนทางนั้น มีบอกกล่าวเอาไว้มากมาย แต่ก็ยังปรุงแต่งจนสงสัย

    นึกคิดว่าตนนั้นเป็นที่สุด รู้มากที่สุด เก่งที่สุด แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง

    ใครที่เป็นเช่นนี้อยู่ ย่อมรู้ตัวว่าที่เป็นทุกข์ เพราะอะไร เมื่อเห็นแล้วยังต้องการทุกข์อยู่ไหม

    สาธุครับ
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    นิทเทสแห่งไตรสิกขา เพื่อเปรียบเทียบ...พระวจนะ"ภิกษุทั้งหลาย สิกขาสามอย่างเหล่านี้มีอยู่ สามอย่างอย่างไรเล่า? สามอย่างคือ อธิสิลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา...........ภิกษุทั้งหลาย อะธิสิลสิกขา เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศิล สำรวมด้วยปาฎิโมกข์ สังวรณ์ สมบูรณ์ด้วยมรรยาทและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศีกษาในสิกขาบททั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่าอธิสิลสิกขา...............ภิกษุทั้งหลาย อธิจิตสิกขา เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลายในกรณ๊นี้ สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปิติสุขอันเกิดจากวิเวกแล้วแลอยู่ เพราะความที่วิตก วิจาร ทั้งสองสงบ ลง เข้าถึงทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใส ในภายในให้สมาธิอันเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก วิจาร มีแต่ปิติและสุขอันเกิดจากสมาธิแล้วแลอยู่ อนึ่งเพราะความจางคลายแห่งปิติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและ สัมปชัญญะ และย่อมเสวยสุขด้วย นามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปรกติสุข ดังนี้ เข้าถึง ตติยฌานแล้วแลอยู่ เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน เข้าถึง จตุตถฌานไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะ อุเบกขา แล้วแลอยู่ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า อธิจิตตสิกขา.......................ภิกษุทั้งหลาย อธิปัญญาสิกขา เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริง ว่านี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือของทุกข์ นี้ทางให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า อธิปัญญาสิกขา ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้แล สิกขา สามอย่าง:cool:............อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส
     
  10. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เวลา เป็นแกนที่สี่ เป็นแกนถัดต่อไป จาก กว้าง ยาว สูง
    เราอาศัยอยู่ในมิติที่ 3 เราไม่มีความสามารถในการควบคุมเปลี่ยนแปลงแกนเวลา

    ป.ล. ไม่ใช่พระอรหันต์
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    แม้แต่ผู้ที่ก้าวข้ามกระแสแห่งกาลเวลาไปแล้ว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาได้ครับ

    เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นมีผลให้เกิดความพินาศในกาลเวลาต่อไป และ จะเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวาย

    ที่ไม่มีที่สิ้นสุดครับ นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ผู้ที่สำเร็จมรรคผลไม่แสดงฤทธิ์

    สาธุครับ
     
  12. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เห้อ ยิ่งไปกันใหญ่แล้ว แม้แต่คำกล่าวก็กินตัวเอง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาได้
    แล้วทำไมจึงมีต่อว่า การเปลี่ยนแปลงมีผลทำให้เกิดความพินาศ
    แล้วตบท้ายด้วยผู้สำเร็จมรรคผลไม่แสดงฤทธิ์

    จากที่อ่าน บอกว่าคุณเห็นแล้วว่าผลของการเปลี่ยนแปลงเวลาเป็นอย่างไร เคยทำแล้วหรือคาดเดาเอา หรือเห็นเอา หลงเต็มๆแล้วครับ
    กลับเข้ามาฟังคำตถาคตดีกว่าครับ โทษของการกล่าวย่ำพระไตรปิฏก ก็มีผลต่อการเข้าถึงสัมมาทิฏฐิได้ครับ
     
  13. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    แหะๆๆ...ลุงตรงไปมั้ย 555









     
  14. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็แล้วแต่ครับ เมื่อผมได้อธิบายแล้ว

    เพราะเปลี่ยนแปแลงแล้วเกิดความพินาศ จึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงเวลา

    ผู้ที่ก้าวข้ามแล้ว เมื่อก้าวข้ามไปแล้วจะเหลือความเสียหายไว้ให้ทำได้หรือครับ

    ผมไม่เคยย่ำพระไตรปิฎกครับ แต่ผมบอกกล่าวไว้ว่ามีการเพิ่มเติมขึ้นมามากครับ

    คำว่า " หลง " นั้นไว้คุณถึงก่อนครับ ค่อยมาต่อว่าผมก็ยังไม่สายครับ

    ผมเข้ามาอธิบาย คงจะทำให้กระจ่างนะครับ ไม่ได้เข้ามาถกเถียงแต่อย่างใด

    สาธุครับ
     
  15. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การไม่กระทบโดยทางตรง แต่ยินดี ยินร้าย เป็นการกระทบโดยทางอ้อม

    สรุปว่าที่เข้ามานี้ เพื่ออะไรครับ บอกกล่าวกันชัดเจนไปแล้วว่าคนละทาง

    ไม่น่าจะยุ่งเกี่ยวกันในลักษณะนี้นะครับ ถึงผมจะอธิบายไปอย่างไร

    คนที่ไม่เชื่อ ก็ไม่มีทางเชื่ออยู่ดี ผมถอยให้แล้วหนึ่งก้าว เพื่อไม่ก่อการถกเถียง

    แต่นี่คือ ผู้ปฎิบัติหรือครับ ผมเข้าไปเตือนเรื่องการถกเถียงว่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์

    กลับเข้ามาหาเหตุถกเถียงกับผมอีก จะก่อให้เกิดประโยฃชน์อะไรครับ

    ผมพูดชัดเจน และ ตรงไปตรงมา คงจะเข้าใจในควาใหมายนะครับ

    สาธุครับ
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สิ่งที่เป็นของโลก ก็เป็นของโลกอยู่ดี แต่มนุษย์ยังยึดมั่นว่าตนนั้นจะเปลี่ยนแปลง

    แสดงออกว่าตนนั้นอยู่เหนือธรรมชาติ พยายามทำในสิ่งที่นึกคิดขึ้น และ ได้สร้างความเสียหายเอาไว้

    ต่อโลกใบนี้ อย่างที่มีผลมากมายที่เกิดขึ้นให้เห็น ไม่ว่าจะกลการทางวิทยาศาสตร์ หรือ

    ผู้ที่มีฤทธิ์ที่ทำไปโดยไม่รู้ แต่ก็ได้สร้างความเสียหายเอาไว้มากมาย ความจำเป็นบางประการ

    ที่ทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ คือ ผลแห่งกรรม ซึ่งมีผลต่อการนึกคิดเป็นอย่างมากสำหรับมนุษย์

    นี่จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่มองเห็นความเป็นทุกข์ หันมาปฎิบัติเพื่อ " หยุดการปรุงแต่ง "

    เพื่อก้าวข้ามกระแสแห่งกาลเวลา เพราะไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์ ให้ยึดติด ให้ลุ่มหลง

    สิ่งที่มีก็มีแต่ " ความเป็นปกติธรรมดา " เท่านั้น โลกก็เป็นไปตามธรรมดาของโลก

    สาธุครับ
     
  17. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เป๊ะเลย งวดนี้ถูกหวยแน่
    ธรรมของตัวเองชัดเจนที่เอามาสอนแข่งกับพระพุทธเจ้า
    ไม่ผิดกับครูทั้ง ๖ ในสมัยพุทธกาล ที่ลงนรกไปทั้งหมดแล้ว
    พระไตรปิฎกก็ไม่เอา ครูบาอาจารย์ก็ไม่มี ฝึกเอาที่บ้าน
    เขาเรียนธรรมของพระพุทธเจ้ากัน ไม่ใช่ไปเรียนธรรมของคนใดคนหนึ่ง
     
  18. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ยังไม่สายครับ ธรรม ย่อมไม่จำกัดกาล
     
  19. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ธรรมของพระพุทธเจ้า สอนให้หยุดการปรุงแต่ง ผมก็ปฎิบัติตามนั้น

    ผมไม่สนใจเรื่องหวยครับ การหวังที่จะถูกหวย หรือ กล่าวถึงด้วยใจมุ่งหวัง

    บ่งบอกว่ายังมีความอยาก ความต้องการอยู่ ผมนำธรรมมาสนทนาไม่เคยบังคับให้เชื่อ

    ไม่เหมือนกับผู้ที่ร่ำเรียนพระไตรปิฎก ที่บังคับให้ผู้อื่นเชื่อโดยไม่สนใจในเหตุ-ผล

    ศาสนาพุทธสอนให้เป็นคนมีเหตุ-ผล มากกว่าการหลงงมงายครับ

    สาธุครับ
     
  20. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ไม่มีคำว่าสาย หากยังมีลมหายใจ ควรที่จะปฎิบัติให้เห็นด้วยตนเอง

    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...