ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สวัสดีค่ะ คุณ ta2498

    ยินดีต้อนรับค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เปิดรองรับบุญกฐินค่ะ เดิมทีไม่ได้คิดว่า จะนำพระขรรค์หรือดวงแก้วพญานาคมาประมูลค่ะ

    บังเอิญได้พระขรรค์มา ๙ สี เดิมทีอยากจะเก็บไว้เอง แต่ได้ยินเสียงว่า เทวดาผู้เป็นเจ้าของพระขรรค์ ท่านอยากร่วมบุญกฐิน พระขรรค์ทั้งหมดนี้ มีเจ้าของอยู่ ให้นำมาประมูล

    ต่อมาก็ถูกปลุกขึ้นมาเวลา ตี ๓ กว่าบ้าง ตี ๔ บ้าง เพื่อจะมาฟังเรื่องเกี่ยวกับพระขรรค์ ตามประวัติที่ได้อ่านในภาคแรกค่ะ

    หลังจากนั้นก็ได้ดวงแก้วมา ๗ สี เป็นเรื่องแปลกที่ประวัติดวงแก้ว และพระขรรค์เป็นเรื่องเดียวกัน ท่านที่มาให้รายละเอียด ๒ ท่านคือ

    - ท่านอกนิฐยพรหม หรืออินทรปัตต์ฤษีในอดีต

    - ท่านที่สอง คือ พระนาคปุญญาโพธิสัตว์ หรือ ท่านสัตยาบรรณนาคราชในอดีตค่ะ

    ท่านที่ได้มโนมยิทธิ อธิษฐานจิตขอไปกราบท่าน หรือขอเรียนวิชาได้ค่ะ ท่านอนุญาต

    - อีกท่านที่อนุญาต คือ ท่านโภคเทพบุตร หรือพญาโภคนาคราช หากท่านใด สนใจเที่ยวชมเมืองบาดาลของท่าน สำหรับท่านที่ไม่ได้มโนมยิทธินั้น

    - ให้จุดธูป ๙ ดอก พร้อมดอกไม้หอม ๆ ระลึกถึงท่านโภคนาคราช

    - จากนั้นให้นั่งสมาธิ ทำใจเบา ๆ หากเห็นแสงสว่างเกิดขึ้น แม้เห็นภาพหรือไม่ก็ตาม ให้ทำใจว่าง ๆ แล้วค่อย ๆ ดูภาพที่เห็นโดยไม่ต้องสงสัย

    - ถ้าท่านมีจิตอยู่ในอุปจารสมาธิ ก็จะเห็นเป็นภาพอย่างเดียว และรู้จิตในจิต คล้ายการบรรยายด้วยภาพ

    - หากท่านที่เคยสร้างบุญเกี่ยวกับหูทิพย์นั้น จะได้ยินเสียง พร้อมเห็นภาพไปด้วย

    - ท่านใดที่ได้มโนมยิทธินั้น สามารถถามได้พูดคุยกับท่านได้ จำไว้ว่า หากเห็นของมีค่าใด ๆ ไม่ควรแตะ หรือนำมา ยกเว้นท่านมอบให้ แต่ของที่ได้จะได้เป็นของทิพย์ก่อนค่ะ สามารถใช้งานได้โดยการอธิษฐานจิต

    หากบุญเก่าหนุน จะได้ของเป็นของหยาบที่จับต้องได้ค่ะ

    ท่านโภคะจะส่งพญานาคชั้นเสนานาคมารับไปชมเมือง เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

    ยกเว้นท่านที่มีจิตไม่ดี หรือจิตไม่บริสุทธิ์จะติดต่อไม่ได้ค่ะ ต้องกลับมาดูที่ศีล ๕ หรือศีลอื่น ๆ ว่าพร่องตรงไหน ค่อย ๆ ปฏิบัติ เมื่อจิตดีขึ้นก็สามารถติดต่อได้เองค่ะ

    ผลบุญใดที่เกิดจากการให้ธรรมทานครั้งนี้ จงน้อมถวายเป็นเทวบูชา และเป็นเครื่องบูชาครูแด่ ท่านอกนิฐยพรหม หรืออินทรปัตต์ฤษี พระนาคปุญญาโพธิสัตว์ ท่านโภคเทวบุตร ตลอดทั้งปวงเทพยดา และเทพธิดาที่รักษาดวงแก้วมณีนาคราช พระขรรค๋นาคราช และธาตุกายสิทธิ์สายพญานาคทุกองค์เถิด สาธุ.

    ขออนุโมทนาบุญกับ คุณ ta2498 และทุก ๆ ท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมในกระทู้นี้ด้วยค่ะ

    Numsai
     
  2. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    อนุโมทนาสาธุ กับผู้ร่วมบุญทุกท่าน อนุโมทนากับผู้เป็นเจ้าของที่ได้ดวงแก้วไปบูชาครับ
     
  3. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญก้บน้องมุกด้วยค่ะ ก่อนจะลงประวัติตอนต่อไป พี่ขอนำเรื่องราวก่อนหน้านั้น เกี่ยวกับตระกูลของพญาโภคนาคราช มาให้อ่านก่อนนะคะ เพื่อเป็นธรรมทาน

    เพราะท่านโภคะนี้เป็นต่อเชื่อมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลพญานาคมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสี ต่อมาถึงพระสมณโคดมค่ะ เป็นเหตุให้พี่ต้องมาทำหน้าที่ส่งมอบดวงแก้วบรมจักรพรรดิ และธาตุกายสิทธิ์สายพญานาค บางส่วนค่ะ

    ความจริงแล้วท่านที่ทำหน้าที่นี้ มีหลายสาย แต่ส่วนใหญ่ที่เรารู้จักกัน จะเป็นสายของท่านพญาศรีสุทโธ พญาสัตตนาคราช พญาอนันตนาคราช พญามุจลินธ์ เป็นต้น ตามที่เราเคยอ่านประวัติ หรือมีอ้างอิงจากตำนานต่าง ๆ ตามที่ทราบมา

    ส่วนพญาโภคนาคราชนั้น เป็นพญานาคที่มีอายุยืนตนหนึ่งในภพพญานาค ซึ่งท่านได้เคลื่อนภพไปชั้นจาตุมหาราชไม่นานนี้เอง เนื่องจากได้ทำภารกิจส่งมอบของบางอย่างได้เสร็จสิ้น แต่ยังมีตำแหน่งในภพบาดาลอยู่ค่ะ

    จึงขออนุญาตนำเรื่องของท่านมาให้อ่านก่อน เพื่อเล่าเรื่องราวต่อไปจะได้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  4. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เรื่องของท่านพญาโภคนาคราช..หรือโภคเทวบุตร..ตอน ๑

    ท่องภพบาดาล ครั้งแรก

    avatar.jpg


    หลังจากหัดฝึกกสินน้ำจนคล่องแล้ว เมื่อเดือน ตุลาคม ๒๕๔๙ ดิฉันได้มีโอกาสไปทำบุญที่ซอยสายลม และเริ่มฝึกมโนมยิทธิครั้งแรก หลังจากผ่านหลักสูตรมโนมยิทธิแล้ว ก็ฝึกญาณ ๘ ต่อ จากนั้นดิฉันก็ไปฝึกมโนมยิทธิเป็นประจำทุกเดือนติดต่อกัน ๗-๘ เดือน แต่ผลปรากฏว่า ได้เฉพาะเวลาฝึกกับครูฝึกเท่านั้น กลับมาที่บ้านก็เหมือนเดิม ทำให้ท้อแท้ในการฝึกมาก คิดว่า ตัวเองคงไม่มีวาสนาด้านนี้ (ด้วยความไม่เข้าใจในการปฏิบัติหลายอย่าง ประกอบกับไม่ทราบจะไปถามใคร)

    จึงหันกลับมาฝึกอานาปานสติตามเดิม คือกำหนดลมหายใจเข้า "พุท" ออก "โธ" ทำมาเรื่อย ๆ คือไม่ได้ทำเฉพาะการนั่งสมาธิ แต่ตลอดเวลา จนลมหายใจเบา-ละเอียด วันหนึ่ง(เดือนมิถุนายน ๒๕๕๐) ขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน อยู่ ๆ ก็ปรากฏภาพหลวงพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง เป็นลักษณะสวมจีวร สีของจีวรสีส้ม เห็นด้วยตาเนื้อ
    ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร จึงตั้งจิตกราบท่าน เห็นภาพตัวเอง ใส่ชฏาเป็นชุดสีขาวประกายเพชรอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อ ท่านกล่าวว่า..
    "จำอารมณ์นี้ไว้นะลูก อารมณ์สบายนี้แหละทำให้ไปได้(หมายถึงมโนมยิทธิ) ที่ผ่านมาลูกตั้งใจมากไป อย่างนั้นตามพ่อมา" จากนั้น ภาพเดิมก็เปลี่ยนไปปรากฏที่วิมานของสมเด็จองค์ปัจจุบัน เป็นพระพุทธเจ้ากายเนื้อ ไม่ใช่กายพระวิสุทธิเทพ พร้อมพระอัครสาวก และพระอิติมหาสาวก อยู่รวมกันในวิมานนั้น
    หลวงพ่อให้กราบขอขมาพระพุทธองค์ และพระสาวกทุก ๆ พระองค์ จากนั้นท่านก็ให้กราบลา และกล่าวว่า "ต่อไปให้ลูกกำหนดจิตมาที่วิมานของพระพุทธเจ้าเลยนะ มาทุกวันนะลูก ท่านจะได้สอนวิชาให้"

    จากนั้นก็ได้ทำตามที่ท่านสอนคือ หลังสวดมนต์ตามปกติ ขอขมาพระรัตนตรัย และสมาทานพระกรรมฐาน (ตามแบบฉบับของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี)และเจริญพระกรรมฐานแบบมโนมยิทธิ และญาณ ๘ เรื่อย ๆ อันดับแรกก็อธิษฐานจิต ไปปรากฏที่วิมานสมเด็จพระสมณโคดม ทุกวัน

    อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ไปกราบสมเด็จพระสมณโคดมณ.วิมานของท่าน หลังจากได้ขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว พระองค์ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะนิ่มนวลว่า..
    ตามเรามา จึงกำหนดจิตตามท่าน เห็นภาพพระองค์ทรงประทับลอยไป ส่วนตนเองเป็นภาพนั่งสมาธิ และลอยไปที่กลางแม่น้ำโขง อยู่ ๆแม่น้ำโขงก็แยกออกจนเห็นแผ่นดินด้านล่างเป็นทรายสีขาวสะอาด คล้ายทรายแก้ว
    จากนั้นภาพสมเด็จ ฯ ท่านก็หายไปเห็นภาพตนเองลอยลงบนแท่นหินสีขาว มีประกายแวววาว งดงาม ที่นั้นประดับประดาด้วยบุปชาตินานาพรรณเมื่อลอยไปลงสู่อาสนะสัมผัสถึงความนุ่มของอาสนะนั้น
    ต่อมา เห็นนาคกัลยา(เทพธิดาสายนาค) ท่านหนึ่งเข้ามากราบและกล่าวว่า"พระแม่เจ้านางเรียกไป และก้มหน้าร้องไห้ไป ต่อมาเห็นภาพเหล่านาค แต่แสดงกายเป็นเทพบุตร เทพธิดาเต็มไปหมด นับจำนวนมิได้ ไม่ทราบว่ามาจากไหน
    นาคกัลยาผู้นั้น เริ่มตัดพ้อว่า..
    " พระแม่เจ้าเหตุใดท่านจึงลืมสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า.. คราวใดที่เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบธรรมท่านจะมาโปรดพวกเรา ไยท่านลืมสัญญา และยังทำพิธีการยกเลิกพันธนาการแห่งเราอีก

    พบพระธาตุ6.jpg ถ้ำพรสวรรค์.jpg


    (เมื่อต้นปี ๒๕๕๐ ได้ร่วมกลุ่มการอัญเชิญพระธาตุกับชมรมวัชรธาตุ ที่เริ่มก่อตั้งครั้งแรก หัวหน้าคณะได้เคยบอกให้จุดธูปยกเลิกการอธิษฐาน และยกเลิกพันธการใด ๆ ที่เกี่ยวกับพญานาคทั้งหมด จึงได้ทำตามไปโดยไม่รู้)
    หลังจากได้ยินนาคกัลยานางนั้นต่อว่า ความรู้สึกครั้งนั้น แม้ค่อนข้างประหลาดใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ได้ระงับนิวรณ์ และประคองสติจึงได้กล่าวจิตในจิต ตอบนางไปว่า..
    ท่านทั้งหลาย ภพชาติที่เราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน เราไม่ได้กลับมาสู่อัตภาพแห่งความเป็นพญานาคนานแล้ว และไม่ได้เกิดมาพบกันบ่อยนัก เราขออภัยหากไม่ได้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ มาวันนี้มาอยู่ต่อหน้าท่านทั้งท่านทั้งหลายแล้ว
    ขอผลบุญบริสุทธิ์ที่เราทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีเพียงใด ขอผลบุญจงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายเพียงนั้น ขอให้ท่านมีรัศมีกายที่สว่างไสว มีทิพยสมบัติมากมาย และสมความตามปรารถนาทุกประการ
    จากนั้นได้ยินเสียงโมทนาสาธุการว่า สาธุ..สาธุ..สาธุ.. ในเวลานั้นก็ได้ยินเพียงแต่พระสุรเสียงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (แต่ไม่เห็นภาพ) ที่นุ่มนวลและเปี่ยมล้นด้วยความเมตตาว่า...

    ทุกวันธรรมสวนะให้เธอจงมาที่นี่ เพื่อให้ข้อธรรม หรืออุทิศบุญให้แก่เหล่าพญานาค ผู้เป็นหมู่ญาติ และบริวารทั้งหลายตามที่เคยให้สัญญาไว้นะ

    ทันใดนั้น ก็เห็นภาพท่านโภคะนาคราช พร้อมมเหสีของท่าน คือ ท่านนิมมารตีเทวี มาปรากฏขึ้นตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่ได้พบพระมารดาในอดีตชาติ จึงได้ทราบว่า แท้จริง ภาพหญิงสาวที่เล่นน้ำ พร้อมบริวาร ที่เคยเห็นเมื่อครั้งปฏิบัติธรรมที่ถ้ำเชียงดาว เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน คือ ท่านแม่นั่นเอง รู้สึกปลื้มปิติใจมาก
    จึงได้ตั้งจิตก้มลงกราบแทบเท้าของท่านทั้งสอง ได้ตั้งจิตขอขมาและขออโหสิกรรมต่อท่านทั้งสอง จากนั้นกราบลาท่าน และเคลื่อนจิตออกจากสมาธิ

    จากนั้นก็ได้ตั้งใจสร้างบุญหลาย ๆ อย่าง เช่น เป็นเจ้าภาพกฐินทุกปี ถวายทองคำ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ถวายสร้อยคอทองคำ สร้างพระอุโบสถ เป็นเจ้าภาพบวชพระ เป็นต้น เพื่อแผ่เมตตาอุทิศบุญให้แก่พญานาคราช และเหล่าบริวารทั้งหลายเป็นเวลานานหลายเดือน

    ทราบภายหลังว่า เหล่านาคานาคีทั้งหลายได้เคลื่อนภพไปหมด รวมทั้งท่านอัคคีตาปะด้วย เหลือเฉพาะเหล่านาคราชที่ยังมีหน้าที่รักษาสมบัติจักรพรรดิเท่านั้น

    กุศลใด ๆ ที่เกิดจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ลูกขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านโภคะเทวบุตร ท่านนิมมารตีเทวี และท่านนารถลดา และบริวารแห่งนาคพิภพทั้งหลาย
    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  5. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เรื่องของพญาโภคนาคราช ตอน ๒..เทพธิดาแห่งสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี

    เทพธิดาแห่งสวรรค์ชั้น ๖ -ปรนิมมิตวสวัตดี

    ต่อมา เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐ เวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น. หลังจากได้ฝึกมโนมยิทธิได้ผลมาพอสมควร พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุงท่านได้สอนว่า ..ใครก็ตาม หากได้มโนมยิทธิหมั่นทำให้คล่องตัวโดย การจับภาพพระแก้วใส หรือดวงแก้วใส ๆ เพื่อให้เกิดความแจ่มใสมากขึ้น

    สำหรับตัวดิฉัน ถนัดการจับ(นึกถึง)ดวงแก้วกลมใส ๆ มากกว่า หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ ขอขมาพระรัตนตรัย และสมาทานพระกรรมฐานตามปกติ ก็มักจะน้อมใจนึกดวงแก้วใสไปเรื่อย ๆ จนเป็นประกายพรึก

    จากนั้นเห็นภาพตนเองเป็นกายใส ๆ จากนั้นจิตดับหายไป อยู่ ๆ ก็ปรากฏภาพตนเองอยู่สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อน ลักษณะเป็นห้องโถงคล้ายท้องพระโรงใหญ่ มีเสาต้นใหญ่ประกอบไปด้วยรัตนะทั้ง ๗ สวยงามมาก เสาแต่ละต้นห่างกันหลายเมตร

    ตรงกลางห้องมีแท่น ๆ หนึ่ง ลักษณะคล้ายบุษราคัมที่เจียระไนแล้วก้อนใหญ่มาก ด้านล่างก็เป็นรัตนะทั้ง ๗ สวยงามมาก แท่นนี้สามารถหมุนไปมาโดยรอบได้
    ขณะที่รู้สึกงง ๆ อยู่นั้น นึกว่า เอ..ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย ไม่เคยเห็น
    สักครู่ได้เห็นเทพธิดา ๒-๓ องค์ ลักษณะงดงามกว่าทุกทีที่เคยพบมา ลักษณะการแต่งกายก็แตกต่าง จากนาคกัลยา เธอเหล่านั้น แต่งกายคล้ายคนอินเดีย แต่เครื่องทรงงดงามตระการตากว่า เธอเคลื่อนกายเข้ามาหา พร้อมทำความเคารพแบบแปลก ๆ คือ นำมือขวามาแตะที่เท้าของดิฉัน แล้วนำมือนั้นไปแตะที่หน้าผากตนเอง เคยเห็นวิธีการแบบนี้ในภาพยนตร์อินเดีย

    จากนั้น เทพธิดาหัวหน้าได้กล่าวว่า พระแม่เจ้า ท่านไปอยู่ที่ใดมา พวกเรารอรับใช้ท่านอยู่ตั้งนานจึงถามเทพธิดาเหล่านั้นว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่ใด
    นางผู้เป็นหัวหน้ากล่าวว่า ที่แห่งนี้ คือ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี นางกล่าวต่อไปว่า ทุกครั้งที่พระแม่เจ้าสร้างบุญใหญ่คราใด ทิพยสมบัติมักปรากฏให้พวกเราตื่นตาตื่นใจเสมอ แต่พวกเราไม่เคยเห็นพระแม่เจ้า ขึ้นมาให้พวกเราได้อนุโมทนาบุญเลย

    สิ้นเสียงของนางได้ตัดพ้อต่อว่า จึงอธิษฐานจิตรวบรวมบุญทั้งหมดให้เทพธิดาเหล่านั้นได้โมทนาสาธุการปรากฏว่า มีเทพบุตร และเทพธิดามาจากที่ใดที่ก็ทราบปรากฏขึ้นมากมาย
    ขึ้นเต็มสถานที่แห่งนั้น นับเป็นหมื่น ๆ แสน ๆองค์ แต่เทพบุตรมีอยู่เป็นจำนวนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเทพธิดา จะแยกกันยืนเทพบุตรจะอยู่ด้านขวา เทพธิดาจะอยู่ด้านซ้ายมือ
    เมื่อเหล่าเทพบุตรเทพธิดาได้อนุโมทนาบุญแล้ว สังเกตได้ว่า เทพบุตรเทพธิดาชั้นนี้ มีรัศมีกายสว่างไสว และรูปร่างงดงามกว่าชั้นอื่น ๆ มาก

    เทพธิดาที่มาทัก ได้กล่าวว่า หม่อมฉัน คือ เปธกา เป็นหัวหน้าบริวารชั้นนี้ และนั่นคือ ท่านนรสีห์ เป็นหัวหน้าเทพบุตรขอพระแม่เจ้าคราวใดที่ได้สร้างบุญใหญ่ ได้โปรดระลึกถึงพวกเรา ให้พวกเราได้อนุโมทนาบุญกับพระแม่เจ้าด้วยเถิด

    จึงได้รับปากเธอไว้ จากนั้นจึงลาเหล่าเทพบุตรเทพธิดาทั้งหลาย และได้ได้ตั้งจิตเคลื่อนกายออกจากสมาธิ
    การไปได้ไปสวรรค์ชั้น ๖ นี้ รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ที่เห็นทิพยวิมานงดงามตระการตา ลักษณะของวิมานชั้นจะแตกต่างจากนาคพิภพ มีลักษณะสร้างเป็นโดม คล้าย ๆ ทัชมาฮาล ของอินเดีย แต่ประกอบไปด้วยรัตนะทั้ง ๗ ทั้งหลัง และมีดวงแก้วมณีประดิษฐาน ณ.ยอดโคมนั้น สว่างไสวมาก

    ต่อมาทุกครั้งที่มีการนั่งสมาธิ ผู้เขียนต้องกำหนดจิตไป ๒ สถานที่ที่ขาดไม่ได้ คือ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี และนาคพิภพเพื่อให้ท่านเหล่านั้นได้อนุโมทนาบุญที่กระทำมา

    ผลบุญใด ๆ ที่เกิดจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ลูกขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านโภคเทวบุตร ท่านนิมมารตีเทวี และท่านนารถลดา และบริวารแห่งนาคพิภพทั้งหลาย ท่านเปธกาเทพธิดา ท่านนรสีห์เทพบุตร และบริวารในสวรรค์ทุก ๆ ชั้น สาธุ..

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  6. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เรื่องของท่านพญาโภคะนาคราช..ตอน ๓ พบพญาสุนันโทนาคราช และพญาศรีสุทโธ....

    พบพญาสุนันโทนาคราช และพญาศรีสุทโธ


    หลังจากที่ได้มโนมยิทธิและได้ไปปรากฏที่นาคพิภพ และสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ในระยะนั้นทุกครั้งที่สร้างบุญใหญ่จะกำหนดจิต ให้ท่านเหล่านั้นอนุโมทนาบุญทุกครั้ง วันหนึ่ง(ในปี ๒๕๕๐) ขณะที่กำหนดจิตมายังนาคพิภพ หลังจากให้เหล่านาคทั้งหลายอนุโมทนาบุญแล้ว ท่านโภคะนาคราชได้กล่าวว่า..
    <O:p</O:p

    ขณะนี้มีมารศาสนามาก การเผยแผ่พระศาสนาจะทำได้ยากขึ้น พ่ออยากให้ลูกเขียนเรื่องราวของเราชาวนาคพิภพ และหน้าที่ของเราในการรักษาสมบัติจักรพรรดิ จนกว่าจะครบอายุพระศาสนา ๕๐๐๐ ปี และเพื่อรอการมาตรัสของพระศรีอารียเมตไตรย ท่านสุนันโทนาคราช เป็นอินทกะของท่านท้าววิรูปักษ์ มีหน้าที่รวบรวมเพื่อนพ้องและบริวารที่กระจัดกระจายมาช่วยกันสืบต่อพระศาสนา

    ครั้งนั้น ทำให้ดิฉันได้รู้จักพญานาค ผู้ยิ่งใหญ่อีกท่านหนึ่งนามว่า ท่านสุนันโทนาคราชท่านพญาสุนันโทนาคราช มีผิวกายสีขาวเหลือง มีรัศมีกายเป็นสีขาวนวล ท่านเป็นจอมกษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้งโดย

    ท่านพ่อโภคะ นั้น เป็น ๑ ใน ๗ เมืองที่ท่านทรงปกครองอยู่ ท่านสุนันโทเคยปรารถนาพระโพธิญาณ (คือผู้ปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต) และเคยเกิดเป็นมนุษย์ได้เคยบวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาลซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐานจะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาก่อนที่จะละสังขาร(ตาย)ลง

    ทุกครั้งที่มีการประชุมกษัตริย์ทั้ง ๗ เมือง พญาสุนันโทจะนั่งเป็นประธาน ส่วนท่านพญาโภคะนาคราชนั้น จะประทับด้านซ้ายมือของท่านพญาสุนันโทเสมอ ที่เหลือก็จะเป็นกษัตริย์เมืองอื่น ๆ

    หากเมื่อใดที่ท่านท้าววิรูปักษ์มาเป็นประธาน ท่านท้าววิรูปักษ์จะนั่งแท่นสูงสุด และท่านพญาสุนันโทจะประทับด้านขวามือ ท่านท้าววิรูปักษ์เสมอ ส่วนท่านพญาโภคะนาคราชจะอยู่ซ้ายมือตำแหน่งเดิม


    ส่วนท่านพญาศรีสุทโธนั้น เคยพบท่านช่วงที่มีประชุมใหญ่เพียง ๒ ครั้ง ตำแหน่งในที่ประชุมท่านจะนั่งในแท่นรองต่อมาค่ะ รูปร่างลักษณะกายของท่าน เป็นไปตามรูปปั้นที่คำชะโนดทุกประการ แต่มีลักษณะงดงามกว่ามาก ๆ ค่ะ ท่านมีเมตตาสูง

    ทราบว่าปัจจุบันท่านพญาศรีสุทโธ ก็ได้เคลื่อนภพไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชแล้ว ซึ่งบรรดาลูกหลานของท่านได้อุทิศบุญให้แก่ท่าน และพระมเหสีตลอดมา และท่านได้ฝากขอบคุณมาด้วยค่ะ


    ขณะที่ได้ทราบเรื่องนั้น ดิฉันไม่เคยได้รู้จักเพชรพญานาค หรือแม้แต่เรื่องราวของเพชรพญานาค ลูกแก้วพญานาคแม้แต่น้อย


    ต่อมาเมื่อได้ไปอัญเชิญเพชรพญานาคกับชมรมวัชรธาตุครั้งแรก เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๑ ได้เห็นปาฏิหาริย์ต่าง ๆ รวมทั้งการที่เพชรพญานาคเสด็จถึง ๓ ครั้ง จึงเชื่อว่า.. เพชรพญานาคมีจริง และเมื่อได้ค้นคว้าเรื่องราวของกำเนิดเพชรพญานาค ซึ่งมาทราบในภายหลังว่า ..

    แท้จริงแล้ว ท่านพญาสุนันโท เป็นผู้กำเนิดของตำนานเพชรพญานาคนั่นเอง จากนั้นทุกวันพระ ดิฉันก็ยังคงไปให้ข้อธรรม และให้เหล่าพญานาคทั้งหลายอนุโมทนาบุญ

    ต่อมาได้ทราบว่ามีชาวนาคส่วนหนึ่งได้จุติไปอยู่ภพภูมิที่สูงขึ้นตามกำลังบุญ บางพวกก็ไปจุติเป็นมนุษย์ บางพวกก็ไปจุติเป็นเทวดาชั้นต่าง ๆ เช่น สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนใหญ่เป็นนาคกัลยา (นาคเพศเมีย)จะมาเกิดในชั้นนี้ และสวรรค์ชั้นที่ ๖ คือ ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี (ดังมีเรื่องเล่าให้ตอนต่อไป) ยกเว้นเพียงท่านที่มีหน้าที่รักษาสมบัติจักรพรรดิ ตามการปวารณาตนมาตั้งแต่สมัยพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

    ผลบุญใด ๆ ที่เกิดจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ลูกขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่า ท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านพญาสุนันโท ท่านพญาโภคะนาคราช ท่านนิมมารตีเทวี ท่านพญาศรีสุทโธ และบริวารแห่งนาคพิภพทั้งหลาย และบริวารในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นสาธุ..

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  7. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เรื่องของพญาโภคนาคราช ตอน ๔..พญานาคจุติในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี.

    พญานาคจุติในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี



    หลังจากที่ได้อุทิศให้แก่เหล่าพญานาคทั้งหลายเป็นเวลานานหลายเดือน อยู่มาวันหนึ่งก็เหตุที่ทราบว่า มีเหล่านาค ไปจุติที่สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีนั้น เนื่องจาก วันหนึ่ง ขณะที่ขึ้นไปวิมานสวรรค์ชั้นปรนิมฯ พบว่า...

    <O:pมีเทพบุตรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วน และวิมานในวันนั้นสว่างไสวมาก เทพบุตรใหม่แต่ละองค์มีรัศมีกายสว่างไสวมาก ปกติวิมานในชั้นนี้จะอาณาบริเวณกว้างมาก ระยะจากเสาต้นหนึ่ง( เสาแต่ละต้นประกอบไปด้วยรัตนะทั้ง ๗) ไปยังอีกต้นหนึ่งไกลมาก แต่วันนั้นแน่นขนัดไปด้วยเทพบุตร รัศมีกายแต่ละองค์สว่างไสวมาก จากท่านเปธะกาเทพธิดาได้เข้ามารายงานว่า ..

    พระแม่เจ้า ท่านอุปปะมะเทพบุตร จะมาเป็นหัวหน้าใหม่ในชั้นนี้ เดิมทีเป็นท่านนรสีห์ แต่ว่าทิพยสมบัติ และรัศมีกายของท่านอุปปะมะนั้นรุ่งโรจน์สว่างไสวกว่าเทพบุตรองค์ใด จึงยกให้ท่านเป็นหัวหน้าแทนเจ้าค่ะ

    สำหรับท่านเปธะกาผู้นี้ เคยเนื่องกันมาหลายชาติ ล่าสุด เธอเคยเกิดเป็นหญิงบริวารคนสนิท สมัยพระพุทธกัสสปะ (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ ในภัทรกัป) ชาตินั้นได้เกิดเป็นภรรยาของท่านวิมุติเศรษฐี มีนามว่า นาฏลดา เมื่อละโลกแล้ว ท่านเปธกาจึงมาจุติที่สวรรค์ชั้น ๖ ด้วยผลแห่งบุญที่ปลื้มปิติในบุญอยู่ตลอดเวลา

    เมื่อได้รับ ทราบแล้วได้กล่าวอนุโมทนาบุญกับเทพบุตรองค์ใหม่ทุก ๆ องค์ จึงทราบว่า ท่านเหล่านี้มาจากนาคพิภพ ล้วนแต่เคยเป็นพญานาค ผู้มีฤทธิ์มาก และมีหน้าที่ช่วยกิจของพระศาสนาให้ครบ ๕๐๐๐ ปี

    เหตุที่เหล่าพญานาค มีกำลังบุญส่งผลไปยังสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีนั้น เหตุเนื่องจากท่านเหล่านั้น ปกติหากว่างเว้นจากกิจต่าง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้จะเข้าฌานสมาบัติเป็นปกติ รวมทั้งช่วงเข้าพรรษา ท่านก็จะพากันสมาทานศีล และถือบวชประพฤติพรหมจรรย์เป็นประจำ

    เมื่อได้ไปสู่ภพนาค เพื่ออุทิศบุญให้เหล่าพญานาคทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง บุญกุศลนี้ เมื่อถึงเวลาจุติ ท่านเหล่านี้จึงได้ไปจุติในสวรรค์ชั้น ๖ ดังกล่าว (หลายท่านอาจจะแปลกใจว่า ทำไมท่านไม่ไปจุติที่พรหมโลก เรื่องนี้ขอเว้นในการกล่าวถึงนะคะ เนื่องจากเป็นเรื่องเฉพาะกิจ)

    ผลบุญใดที่ได้จากธรรมทานครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่ท่านพญานาคราชทั้งหลายที่มีความเนื่องด้วยข้าพเจ้ามาแต่อดีต โดยมีท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านสุนันโท ท่านโภคะนาคราช ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์ ท่านนิมารตีเทวี ท่านปทมะนาคราช ท่านอุสเรนทร์นาคราช ท่านนาคะนาคราช ท่านนาคานาคีทั้งหลายที่ไม่ได้กล่าวนามมาก็ดี ตลอดทั้งเทพบุตร เทพธิดาทั้งหลายใสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี โดยมีท่านอุปะมะเทพบุตร ท่านนรสีห์ ท่านเปธะกาเทพธิดา ท่านภูมะเทพบุตร เป็นต้น ขอให้มีส่วนในกุศลผลบุญครั้งนี้ทุกประการเทอญ....สาธุ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เรื่องของพญาโภคนาคราช ตอน ๕..เรื่องตระกูลของพญาโภคนาคราช..

    suchada.jpg




    บางท่านอาจจะสงสัยว่า เหตุใดจึงสามารถเล่าเรื่องได้เป็นเรื่องราว หากท่านได้มโนยิทธิ หรือวิชชาธรรมกาย เพราะสามารถนำกายละเอียดท่องไปในนาคพิภพได้ โดยกำหนดจิตขออนุญาตท่านโภคะนาคราชก่อน ท่านจะส่งนาคบริวารมารับ และสามารถเห็นสถานที่ดังกล่าวได้ค่ะ

    ขอเล่าเรื่องราวต่อจากตอนเดิมที่แล้ว เหล่าพญานาคที่ไปจุติ ณ.สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีต่อค่ะ ..

    "ครั้งแรกที่เห็นรัศมีกายของเทพบุตรจากเคลื่อนภพมาจากนาคพิภพแล้ว รู้สึกแปลกใจว่า เหตุใดท่านจึงยอมที่จะเป็นบริวารคอยติดตามตนเอง เพราะเห็นอานุภาพของท่านปรากฏอัศจรรย์มาก จึงได้เรียนถามท่านเหล่านั้น ท่านสงเคราะห์ให้เห็นภาพอดีตที่ผ่านมา...พร้อมเรื่องราวว่า ....
    <O:p</O:p
    ย้อนไปในสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสี เมื่อ ๙๑ กัปที่ผ่านมา ท่านโภคะนาคราช มีพระโอรสและพระธิดาทั้งหมด ๘ องค์ คือ..

    องค์โต ชื่อ ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์ ปัจจุบันอยู่ชั้นดุสิต
    องค์ที่ ๒ - ท่านศศิมาณวิกา เพิ่งเกิดเป็นมนุษย์ อายุประมาณ ๓ ขวบกว่า
    องค์ที่ ๓ - ท่านตติมาณวิกา เกิดเป็นมนุษย์นานแล้ว
    องค์ที่ ๔ - ท่านอัครนาคราช เกิดเป็นมนุษย์นานแล้ว
    องค์ที่ ๕ -ท่านปัญจมาณวิกา เกิดเป็นมนุษย์
    องค์ที่ ๖ ท่านสัตยาสิทธิ์นาคราช-เป็นเทพบุตรอยู่ชั้นดุสิต
    องค์ที่ ๗ - ท่านสัตตมาณวิกา เกิดเป็นมนุษย์
    องค์ที่ ๘ - ปุญญมาณวิกา หรือรักขมาณวิกา-เกิดเป็นมนุษย์
    <O:p</O:p

    พญาโภคนาคราชยังอยู่ที่เมืองนามมาว่า สัตตรัตนมณี” ปัจจุบันเป็นเมืองบาดาลอาณาเขตอยู่กลางแม่น้ำโขง ฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือ และครอบคลุมถึงฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้ดูแลสมบัติจักรพรรดิ ใช้บำรุงพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระพุทธศากยมุนีโคดมพุทธเจ้าให้ครบ ๕๐๐๐ปี เพื่อมอบให้ผู้จะมาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในยุคพระศรีอาริยเมตไตรย

    ท่านอุปปมะเทพบุตรให้เห็นภาพพร้อมเสียงต่อไปว่า..
    <O:p</O:p
    พญาโภคนาคราชนั้น ปกครองเมืองสัตตรัตนมณีด้วยความสงบสุขตลอดมา ท่านปกครองบ้านเมือง คล้ายพ่อปกครองลูก เมื่อธิดาองค์สุดท้ายของท่านมาจุติ ด้วยความงามของนาง เป็นที่เลื่องลือไปไกล ทำให้บรรดากษัตริย์เมืองต่าง ๆ ปรารถนาจะได้นางมาเป็นคู่ครอง แต่นางก็ไม่ได้ปรารถนาการมีคู่ เนื่องจากนางต้องการประพฤติพรหมจรรย์


    จนกระทั่ง มีกษัตริย์นาคราช ตระกูลสีดำ นามว่า อัครนินทร์นาคราช ซึ่งมีพระมเหสีอยู่ก่อนแล้ว ปรารถนาจะได้ปุญญมาณวิกามาเป็นพระมเหสีองค์ที่ ๒ จึงส่งสาส์นมาให้พญาโภคนาคราช หลังจากพญาโภคนาคราชได้สอบถามนางแล้ว นางกล่าวว่า..."

    "ท่านพ่อก็ทราบว่า ลูกมิปรารถนาชายใดเป็นคู่ ยิ่งชายนั้น มีคู่อยู่ก่อนแล้ว ธรรมดาสตรีนั้น ย่อมมีความหึงหวง และริษยากัน การที่ลูกต้องไปอยู่ต่างเมือง ใครจะรับรองความปลอดภัยให้แก่ลูก ว่าลูกจะมีความสุข"
    <O:p</O:p

    พญาโภคนาคราชได้ฟังดังนั้น จึงได้ส่งสาส์นปฏิเสธการสู่ขอครั้งนั้น และได้คืนเครื่องบรรณาการณ์ต่าง ๆ คืนไป ทำให้พญาอัคคนินทร์นาคราชทรงพิโรธ จึงได้ส่งสาส์นมาท้ารบอีกที่หนึ่ง เพื่อไม่ต้องการให้ชาวเมืองทั้งสองฝ่ายล้มตาย
    หากพญาอัคคนินทร์นาคราช ทรงรบชนะ จะต้องยกพระธิดาปุญญมาณวิกาให้แก่พระองค์

    เมื่อเหล่าทหารหาญนาคทั้งหลายได้ไปร่วมรบ โดยในเมืองสัตตรัตนมณีนั้น มีแต่ผู้หญิง เด็ก และคนชรา(หมายถึงเหล่านาคทั้งหลาย) โดยมีพระมเหสี และพระธิดาทั้ง ๕ รวมทั้งปุญญมาณวิกาอยู่ด้วย
    <O:p</O:p

    ปุญญมาณวิกานั้น มีองครักษ์ซ้าย-ขวา คือ อุสเรนทร์นาคราช และปทมนาคราช เป็นผู้ดูแล เมื่อมีภัย ทั้งสองท่านก็ได้ออกรบไปด้วย คราวนั้นกระผม(ท่านอุปปะมะเทวบุตร) ได้นำทัพซ้ายไปรบ ส่วนท่านอัคคีตาปะนำทัพขวาไปรบ


    เหตุแห่งนางนาคกัลยาตนหนึ่ง นามว่า ปิ่นยามณี มาจากตระกูลสีดำ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของอุสเรนทร์นาคราช ได้เกิดหึงหวงคู่หมั่นของนาง คิดว่า คู่หมั่นนางไปหลงรักปุญญมาณวิกา เกิดคิดคบกับพญาครุฑด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพื่อให้ครุฑสอนมนตราเสน่หาให้แก่นาง จึงได้นำข่าวไปบอกแก่พวกครุฑ

    ทำให้ฝ่ายครุฑได้ทราบข่าว จึงยกทัพมาโจมตีเมืองสัตตรัตนมณี หวังจะให้เมืองพินาศไป ขณะนั้นเจ้าหญิงปุณณมาณวิกา ทราบว่า กองทัพครุฑ กำลังเข้าใกล้เมือง จึงได้รวบรวมกำลังพลนาคที่มีอยู่ทั้งหมด ป้องกันเมืองไว้

    เจ้าหญิงปุณณมาณวิกาพิจารณาดูแล้วว่า หากรบกัน พวกนางจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แก่พวกครุฑอย่างแน่นอน อีกทั้งอาจจะต้องสูญเสียเมืองไป นางจึงให้พระมารดา และพี่นางทั้ง ๔ อพยพเหล่านาคที่เหลือไปซ่อนยังที่ปลอดภัย

    ส่วนตัวนางได้อธิษฐานขยายกายให้ใหญ่โตป้องกันเมืองไว้ ดังนั้น เมื่อเหล่าครุฑบินมาโจมตี ก็จะถูกแต่ร่างของปุณณมาณวิกาแต่เพียงผู้เดียว นางได้อดทนต่อความเจ็บปวด เมื่อเห็นว่า พระพี่นางทั้ง ๔ ได้อพยพคนไปจนหมดแล้วจึงได้คลายฤทธิ์

    ขณะนั้น เหล่าแม่ทัพ และพญานาคที่ไปออกรบชนะฝ่ายตระกูลสีดำ ได้กลับมาได้ทันเวลา เจ้าหญิงได้รับการบอบช้ำเป็นอย่างมาก จึงมีชีวิตอยู่ได้เพียง ๗ วัน(เวลาของนาคพิภพ) ก็ขาดใจตาย (จุติ)

    ทำให้พญาโภคะนาคราช พระมเหสี และชาวเมืองอยู่ในความเศร้าโศก และนางได้สมญานามใหม่ว่า รักขมาณวิกา มีความหมายว่า หญิงผู้ปกป้องเหล่านาคให้พ้นภัย จากนั้นเป็นต้นมา

    ด้วยเหตุนี้ เจ้าหญิงรักขมาณวิกาจึงเป็นที่รักของพญานาคในเมืองนั้น เหล่าแม่ทัพทั้งหลาย ได้ตั้งสัจจ์ปฏิญาณที่จะติดตามนางไปทุกภพชาติ

    เมื่อรักขมาณวิกาได้เสียชีวิตไปจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บนวิมาณรัตนทั้ง ๗ ด้วยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

    หลังจากเจ้าหญิงได้จุติ ท่านพญาโภคะนาคราชได้สั่งการให้พระโอรสองค์โต คือ ท่านอัคคีตาปะ ออกตามหาพระธิดา ทราบว่านางได้ไปจุติเป็นธิดาแห่งอนุเศรษฐีในเมืองใกล้เคียงนั้นเอง

    เมื่อทราบเหตุแล้ว จึงได้อนุโมทนาบุญกับเทพบุตรใหม่ทุก ๆ องค์ และรู้สึกซาบซึ้งในความจงรักภักดีของท่านเหล่านั้นมาก จากนั้นก็ลาท่านออกจากสมาธิ หลังจากนั้นก็มาที่สวรรค์ชั้น ๖ เป็นประจำ

    หมายเหตุ เรื่องราวทั้งหมดนี้ เกิดก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า ขณะนั้นเป็นช่วงที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลกค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ด้วยค่ะ
    Numsai

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สำหรับเรื่องราวในยุคสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า ขอเว้นไว้ก่อนค่ะ เนื่องจากจะมีรายละเอียดให้ติดตามในประวัติของดวงแก้วบรมจักรพรรดิในยุคนั้นหลายดวง

    จึงขอนำกลับมาถึงก่อนยุคสมัยพุทธกาลของสมเด็จพระพุทธสมณโคดมอีกครั้งค่ะ ในช่วงบ่ายค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  10. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ท่านอัครนินทร์นาคราชนี่ใจร้ายจริงหนอ อิอิอิ
    ดีใจที่ได้อ่านประวัติแบบสมบูรณ์เจ้าค่ะ...
    ประวัติในตอนต่อ ๆ มาในสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสีก็อยากอ่าน...


    ประวัติพระขรรค์ภาคสองก็อยากอ่าน โอ๊ย อยากอ่านไปหมดเลย
    มาเร็ว ๆ นะคะ รอคอยด้วยใจจดจ่อ...
    อยากรู้ค่ะ ว่าพี่ชายครุฑจะทำอย่างไรต่อไป...
    และเทวดาแถวนี้ไปรบกะเขาอย่างไรบ้างค่ะ อิอิอิ

    ขอโมทนากับธรรมทานนะเจ้าคะ
     
  11. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    เค้ากะลังอินกับเรื่องของ เจ้าหญิงปุญญมาณวิกา (รักขมาณวิกา) ที่ยอมสละชีพม์ตัวเองเพื่อปกป้องเหล่านาคให้พ้นภัยอ่ะ

    รอติดตามเรื่องเล่าตอนต่อไปหนอ...:cool:
     
  12. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    เรื่องต่อมาในสมัยนั้นยาวมาก ๆ จ้ามิกกี้ เป็นหนังสือได้เล่มนึงเลย
    ไม่สปอยด์ดีกว่า...แต่บอกได้ว่าเกี่ยวเนื่องกับจักรและดวงแก้วหลายดวง
    ถ้าอยากอ่านก่อน ลองเข้าไปในกระทู้กองบุญดูนะ
    ถ้าอ่านดี ๆ จะเห็นถึงความเชื่อมโยงในเนื้อเรื่องทุกเรื่องจ้า

    โดยเฉพาะจักรแก้วของคุณเพชรซี่ก็ถือว่าเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ อิอิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  13. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    คุณน้ำตาล หึหึ
     
  14. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สาธุค่ะ น้องน้ำตาล กำลังเข้มข้นค่ะ พอดีท่านบอกว่า ต้องมีการโยงจากยุคของสมเด็จพระพุทธวิปัสสีมาก่อนค่ะ

    ได้มีเรื่องราวที่มีความต่อเนื่องกันมา แต่เป็นเรื่องในประวัติของดวงแก้วสัตตรัตนปราการ และแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์–ดวงแก้วนคเรศวร์มหิศร ของคุณ am12 และคุณ octt

    นำมาให้อ่านกันก่อน ในประวัติดวงแก้วสัตตรัตนปราการนี้ได้กล่าวถึงการรบระหว่างพญานาคตระกูลสีเขียว และตระกูลสีดำ

    ได้กราบเรียนถามท่านว่า มีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของพญาโภคนาคราชหรือไม่ ท่านบอกว่า ..เป็นสงครามครั้งเดียวกันค่ะ

    (เนื่องจากเรื่องที่ท่านอุปปมะเทวบุตร เล่าให้ฟังนั้น เป็นเรื่องเล่าโดยย่อ เมื่อหลายปีมาแล้ว)

    การรบคราวนั้น ท่านโภคนาคราชได้ขอความช่วยเหลือจากพญานาคโกสินทร์นาคราช ซึ่งภายหลังท่านได้มาจุติเป็นพญาปัญจเมศวร์ นั่นเองค่ะ


    นามพญานาคราชทั้งหลายในประวัติของพระขรรค์ ๙ สีนั้น เป็นเรื่องที่เกิดมาภายหลังค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
  15. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    โอ๊ยยยย...ชักกะแด่ว...กะแด่ว...อยากอ่านหนอ...pig_cryy
     
  16. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๑..

    ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๑

    2012-08-20 10.53.31.jpg


    ดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการปรากฏขึ้นครั้งล่าสุด ๑ พุทธันดร ก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสี นครหนึ่งนามว่า กัปปรักษ์นคร มีมหาเศรษฐีใหญ่คนหนี่งมีนามว่า สันตปุตต์เศรษฐีมีทรัพย์ถึง ๔๖๐ โกฏิ สันตปุตต์เศรษฐี มีบุตรเพียงคนเดียวนามว่า ศิลปัตร“ภรรยาของท่านเศรษฐีได้เสียชีวิตตั้งแต่บุตรชายอายุได้ ๗ ขวบ ท่านเศรษฐีได้ครองตนเป็นโสดตลอดมา จนกระทั่งบุตรชายอายุได้ ๒๐ปี สันตเศรษฐีนั้น ประกอบอาชีพค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าในต่างเมือง โดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกเครื่องประดับอัญมณีต่าง ๆ โดยมีบุตรชายช่วยเหลือการค้าให้ได้กำไรงาม
    ส่วนศิลปัตร บุตรเศรษฐีนั้น เป็นผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี และมีความกตัญญูต่อบิดาเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาสันตปุตต์เศรษฐี ปรารถนาที่จะให้บุตรชายครองเรือน จึงได้หาหญิงสาวที่มีฐานะ และชาติตระกูลดีมาให้บุตรชาย แต่ศีลปัตรก็ปฏิเสธตลอดมา โดยให้เหตุผลว่า ตนเองอยากจะช่วยงาน และดูแลบิดาอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะนับวันบิดาจะมีความแก่ชราลง แม้สันตปุตต์เศรษฐีมีความปลาบปลื้มใจในความกตัญญูของบุตรชาย แต่ก็ยังปรารถนาที่จะให้บุตรชายของตนเองครองเรือนอยู่นั่นเอง

    จนกระทั่งศิลปัตรนั้นมีอายุได้ ๒๖ ปี ได้ออกเรือเดินสมุทรเช่นทุกครั้ง แต่คราวนี้เมื่อเรือสักพัก เกิดคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ พัดเสากระโดงเรือหัก จนกระทั่งเรือแตกในที่สุด ผู้คนต่างหนีเอาตัวรอด สินค้าที่จะนำไปขาย และทรัพย์สินต่าง ๆ ได้จมหายไปในทะเลทั้งหมด ส่วนศิลปัตรนั้น เมื่อเรือแตกได้จมหายไปในทะเล ส่วนบริวารส่วนหนึ่งที่สามารถรอดชีวิตได้ และได้นำข่าวไปแจ้งแก่สันตปุตต์เศรษฐี ท่านเศรษฐีเศร้าโศกเสียใจมาก จึงได้เชิญสมณพราหมณ์ในยุคนั้นมาทำพิธีศพแก่บุตรชาย และบริวารที่เสียชีวิต โดยเข้าใจว่า บุตรชายเสียชีวิตไปแล้ว พบร่างผู้เสียชีวิตบางส่วนได้มาทำพิธี ยกเว้นร่างของบุตรชายเศรษฐี

    <O:pกล่าวถึงศิลปัตร บุตรเศรษฐีนั้น เมื่อคลื่นพัดร่างเขาจมทะเล ด้วยบุญกุศลที่เขามีความกตัญญูต่อบิดา และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่บริวาร และคนทั่วไป ทำให้บุญนี้ส่งผลให้นาคมาณวิกานางหนึ่ง นามว่า จุลนีย์มาณวิกาเป็นพระธิดาพญาสินธุนาคราชแห่งเมือง กัลล์ศัยนคร ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้สมุทรถึง ๑ โยชน์

    วันนั้น นางเกิดความร้อนรุ่มออกมาจากถ้ำใต้ทะเลได้ผุดขึ้นมาว่ายน้ำ ได้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ จนกระทั่งศิลปัตร บุตรเศรษฐีได้จมลงใต้ทะเล ด้วยบุพเพสันนิวาสที่เคยครองคู่กันมา นางจึงได้ให้ความช่วยเหลือ นำร่างของศิลปัตรไปยังที่อยู่ของนางทันที จากนั้นจึงได้ให้ยาอายุวัฒนะแก่ศิลปัตร บุตรเศรษฐีให้ร่างกายที่บอบช้ำหายสนิท รอเพียงบุตรเศรษฐี ฟื้นขึ้นมา

    ธรรมดาเวลาในนาคพิภพจะมีความแตกต่างกันกับเวลาของเมืองมนุษย์ แต่ละภพจะมีเวลาไม่เท่ากัน สำหรับเวลาของเมืองนี้ ๑ วันนาค เท่ากับ ๓ เดือนของมนุษย์ยุคนั้น ศิลปัตรได้สลบไปเป็นเวลา ๓ วันแล้วได้ฟื้นขึ้นมา เวลาจึงผ่านไปเกือบ ๑ ปี

    เมื่อศิลปัตรฟื้นขึ้นมาแล้ว พบจุลนีย์มาณวิกาก็ความรักขึ้นมาทันที แม้ทราบว่า นางเป็นนาคมาณวิกา ศิลปัตร บุตรเศรษฐีหาได้รังเกียจไม่ จุลนีย์มาณวิกานั้น มีพระดาบสที่เคารพนับถือนามว่า สัตตปราการดาบส เป็นผู้เชี่ยวชาญเล่นแร่แปรธาตุ นางได้นำผลไม้ทิพย์ และน้ำยาอายุวัฒนะไปถวายแด่ท่านเป็นประจำทุกวัน

    หลังจากศิลปัตรได้ฟื้นขึ้นมา นางจึงได้พาไปกราบพระดาบส พระดาบสได้ทราบด้วยญาณทัสสนะว่า อีกไม่นานศิลปัตรจะหมดอายุขัย จึงได้บอกให้ศิลปัตรนั้นสร้างบุญใหญ่ โดยไปงมเอาทรัพย์สมบัติของตนที่คราวเรือสำเภาล่ม และนำทรัพย์นั้นไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ ศิลปัตรจึงได้ชักชวนจุลนีย์มาณวิกา และบริวาร ร่วมกันหาสมบัติดังกล่าว เมื่อได้แล้วจึงลาจุลนีย์มาณวิกาขึ้นไปยังโลกมนุษย์

    ก่อนที่ศิลปัตรจะกลับเมืองมนุษย์ ได้เข้าเฝ้าพญาสินธุนาคราช เพื่อกราบลา ท่านได้ให้พรอันเป็นมงคล ๗ ประการ คือ..
    ๑.ขอให้เป็นผู้ที่มีกายงาม
    ๒.เป็นผู้ที่ไม่มีศัตราวุธใดทำลายได้
    ๓.เป็นผู้ที่ได้รับความเมตตาจากพญานาคราชทั้งหลาย
    ๔.ให้เป็นผู้ที่มีทรัพย์ไม่มีประมาณ
    ๕. เป็นผู้ที่มีวาทะศีลเป็นยอด
    ๖.เป็นผู้ที่มีสิริเป็นปกติ
    ๗. ขอให้ได้ครองคู่กับพระธิดาจุลนีย์ในทุกภพชาติ

    โปรดติดตามตอน ๒ ต่อไปค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออภัยด้วยนะคะ ที่พี่ยังไม่ลงเรื่องของพระขรรค์ต่อ เพราะว่า จะสะเทือนกันหลายคน เอาเรื่องอื่นมาให้อ่านก่อนค่ะ

    Numsai
     
  18. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๒ (คุณ am12 เป็นเจ้าของ)

    เมื่อกราบลาพญาสินธุนาคราชแล้ว จุลนีย์มาณวิกาได้พาไปกราบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ มีพระแม่ย่า ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน เคยกล่าวแก่เหล่านาคทั้งหลายว่า อีกไม่นานจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก ทำให้เหล่าพญานาคราชทั้งหลายต่างก็รอคอยที่จะได้เฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ส่วนจุลนีย์มาณวิกานั้น ได้จุติมาภายหลังได้ยินคำบอกเล่าจากพระบิดา นางก็รอคอยโอกาสนั้นเช่นกัน จึงได้พาศิลปัตรไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ ณ.เจดีย์สถานแห่งนาคพิภพ <O:p</O:p
    ศิลปัตร บุตรเศรษฐีเกิดความปลื้มปิติในบุญ จึงได้นำเครื่องประดับส่วนหนึ่ง บูชาพระบรมสารีริกธาตุ และพระเขี้ยวแก้วแห่งนาคพิภพด้วยจิตที่เลื่อมใส และอธิษฐานขอให้ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล<O:p</O:p
    <O:p</O:p



    จากนั้นศิลปัตร และจุลนีย์มาณวิกาอธิษฐานร่วมกันขอให้ได้ครองคู่กันในทุกภพชาติที่เกิดมา จากนั้นจุลนีย์มาณวิกาได้คลายฤทธิ์ และส่งศิลปัตรไปยังเมืองมนุษย์ ศิลปัตรนั้นได้อยู่เมืองนาค เทียบแล้วเป็นเวลาเกือบสองปีของเมืองมนุษย์ทำให้หลายสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก

    เขาได้นำทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ไปยังเรือนเศรษฐี จากนั้นได้เข้าไปหาเศรษฐี คนใช้ในเรือนต่างก็จำศิลปัตรได้คิดว่า ผีหลอก ต่างก็วิ่งหนี เมื่อศิลปัตรได้กล่าวว่า เขายังไม่ตาย ทุกคนต่างก็ปิติยินดีไถ่ถามทุกข์สุขของเขา และได้แจ้งข่าวแก่ท่านเศรษฐี ทำให้สันตปุตต์เศรษฐีดีใจที่ได้บุตรชายกลับมาอย่างไม่คาดฝัน

    ศิลปัตร บุตรเศรษฐีนั้นได้เล่าเรื่องราวทุกอย่าง คล้ายเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเมื่อวาน ได้เล่าถึงเมืองพญานาคใต้สมุทรที่งามดุจสรวงสวรรค์ หลายคนก็แปลกใจว่า เหตุใดเขาจึงสามารถอยู่นาคพิภพได้โดยไม่เป็นอันตราย เขาจึงได้กล่าวว่า ด้วยฤทธานุภาพของจุลนีย์มาณวิกา ๑ และด้วยบุญกุศลที่เขามีความกตัญญูต่อบิดา ค้าขายด้วยความสุจริต และมีความเอื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ บุญนี้จึงทำให้เขาพันภัยต่าง ๆ รวมทั้งได้กล่าวถึงการบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าในโลก สร้างความปลื้มปิติแก่ชามเมืองทั้งหลาย ชาวเมืองต่างแซ่ซ้องสรรเสริญความดีของศิลปัตร แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่ศิลปัตรไม่กล้าเอ่ยให้บิดาได้ยิน การที่เขาจะหมดอายุขัย และการมาครั้งนี้เป็นการมาสร้างบุญใหญ่ก่อนเสียชีวิตจริง

    หลังจากสนทนาปราศรัยแล้ว เขาจึงได้กล่าวแก่บิดาว่า จะนำทรัพย์สินที่จมทะเลไปนั้น มาแจกจ่ายแก่บริวารในเรือน และผู้ยากไร้ ท่านเศรษฐีได้สนับสนุน เนื่องจากคิดว่า หากมีทรัพย์ แต่ขาดบุตรชายท่านก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ จึงได้มอบทรัพย์อีกส่วนหนึ่งให้ทำโรงทาน และได้ร่วมสร้างทานบารมีครั้งใหญ่ จากนั้นจึงให้คนออกประกาศวันเวลาในการแจกจ่ายอาหาร และทรัพย์สินดังกล่าว

    เมื่อถึงเวลาศิลปัตรได้แจกจ่ายอาหารและทรัพย์ด้วยตนเอง ด้วยความปลื้มปิติใจ และมีความสุข จากนั้นเขาได้นิมนต์สมณะนักบวชทั้งหลาย มีรับภัตตาหารต่อเนื่องเป็นเวลา ๗ วัน หลัง ๗ วันอยู่ ๆ ศิลปัตรเกิดเป็นลมหน้ามืดกะทันหัน คล้ายหลับแล้วตื่นกลางวิมาน

    โปรดติดตามตอน ๓ ค่ะ

    Numsai
     
  19. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    วันนี้โชคดีจังพี่น้ำใสจัดเต็มแบบไม่ต้องตั้งตารอ

    ขอโมทนาบุญทุกๆบุญกับพี่น้ำใสด้วยนะคะ ขอให้มีสมบัติจักรพรรดิ์ตักไม่พร่องแบบนี้ตลอดไป ทั้งชาตินี้และชาติหน้า และทุกๆชาตินะคะ
     
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๔..

    เมื่อศิลปัตรรู้สึกตัว พบว่า ตนได้นั่งตรงกลางระหว่างพญาโกสินทร์นาคราช และพระนางสุมนทิพยมาลย์ ผู้ครองนครกัปป์นัยยบาดาล ซึ่งหากจากเมืองเดิม ๑๒ โยชน์ เมื่อจุติขึ้นมาแล้วได้มีดวงแก้วมณีผุดขึ้นบนตักทันที สร้างความปลื้มปิติแก่พญาโกสินทร์นาคราช และพระมเหสีเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านได้พระโอรสแรก แต่เป็นองค์ที่สามของพระโอรส-ธิดาทั้งหมดจึงตั้งพระนามว่า “สัตตสุทธิ์นาคราช

    เดิมพญาโกสินทร์นาคราช มีพระธิดาอยู่แล้ว ๒ พระองค์ นามว่า ญสุนทราเทวี และ“ณยามาลย์เทวีพระธิดาทั้งสองต่างก็มีสิริโฉมงดงาม ญสุนทราเทวี เป็นผู้มีวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ กล่าวสิ่งใดสิ่งนั้นจะเป็นจริง จึงทำให้พระธิดาญสุนทราเทวี ไม่ค่อยเจรจากับใคร มักจะเข้าฌาณสมาบัติเป็นส่วนใหญ่ ส่วน ณยามาลย์ นั้นมีทิพยจักขุญาณเป็นเลิศกว่าพญานาคองค์ใด
    ส่วนสัตตสุทธิ์นาคราช ที่เพิ่งจุตินั้น เป็นผุ้มีบุญญาธิการสูง คือ จุติมาพร้อมกับดวงแก้วมณี และปราสาทแก้วประกอบด้วยรัตตะ ๗ และมีปราการ ๗ ชั้นป้องกันภัย รอบเมืองสามารถป้องกันภัยจากเหล่าพญาครุฑได้ นอกจากนี้บนปราสาทแก้วนั้น สัตตสุทธิ์นาคราช จะมีความเป็นอยู่ดุจเทวดาบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสตี กล่าวคือ เมื่อนึกปรารถนาสิ่งใด จะมีบริวารที่เปี่ยมด้วยฤทธานุภาพมาบันดาลให้เสมอ

    เป็นธรรมเนียมว่า ปกติเมื่อมีพญานาคผู้มีบุญญาธิการสูงจะต้องทำพิธีชำระจิต รักษาศีลเป็นเวลาอย่างน้อย ๗ วัน เพื่อรวบบุญเก่าของตน สัตตสุทธิ์นาคราชก็เช่นกัน ได้เข้าสมาบัติเป็นเวลา ๑๕ วัน

    ส่วนท่านสันตปุตต์เศรษฐีนั้น เกิดความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่งในการเสียชีวิตของศิลปัตร บุตรชายอันเป็นที่รัก ท่านจึงได้มอบสมบัติแก่ผู้เป็นหลาน และสั่งเสียให้ดูแลกิจการค้าให้ดี จากนั้นท่านจึงได้ออกบวชเป็นพระดาบส และอธิษฐานขอให้เกิดมาพบกับศิลปัตรในทุกชาติไป

    กล่าวถึงนครกัปปนัยย์ ข่าวการจุติของสัตตสุทธิ์นาคราช ผู้ที่มีบุญญาธิการนั้น แพร่สะพัดไปยังเมืองนาคอื่น ๆ โดยรอบ จนกระทั่งได้ทราบถึงพญาสินธุนาคราช ซึ่งได้ทราบด้วยญาณทัสสนะว่า บัดนี้พรที่ท่านได้ให้แก่ศิลปัตรมีผลแล้ว ส่งผลให้เขาได้มาจุติในนาคพิภพ จึงได้ส่งสาส์นให้แก่พญาโกสินทร์นาคราช พร้อมได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปัตร และจุลนีย์มาณวิกา อันเป็นพระธิดาองค์เดียวของท่าน ท่านพญาโกสินทร์ได้ทราบเรื่องราว จึงได้ดูด้วยญาณทัสสนะว่า เป็นจริงดังที่พญาสินธุกล่าวไว้จึงได้ส่วสาส์นกลับไปว่า..

    ขณะนี้สัตตสุทธิ์นาคราชอยู่ระหว่างการเข้าฌานสมาบัติ ขอให้ออกจากสมาบัติมาก่อนจะไต่ถามเรื่องราว และหากสัตตสุทธิ์ปรารถนาที่จะอภิเษกกับพระธิดาจุลนีย์ทางเมืองนี้ก็ยินดี

    เมื่อครบกำหนดการเข้าสมาบัติแล้ว สัตตสุทธิ์นาคราชได้ทราบเรื่องการส่งสาส์นของพญาสินธุนาคราช จึงได้ใช้ทิพยเนตรตรวจดูทราบเรื่อง จุลนีย์มาณวิกาจึงปิติยินดียิ่งนัก จึงแจ้งพระบิดาให้ส่งสาส์นกลับไปว่า อีก ๓ วันจะนำขบวนไปสู่ขอจุลนีย์มาณวิกาเพื่อเป็นชายา สร้างความปิติใจแก่เหล่านาคทั้งหลาย

    หลังจากอภิเษกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้นึกถึงสันตปุตต์เศรษฐี จึงทราบว่า ท่านได้บวชเป็นพระดาบส และได้เสียชีวิตแล้ว ไปเกิดในพรหมโลก สัตตสุทธิ์รู้สึกเสียใจที่ตนไม่ได้ไปหาบิดาก่อนอภิเษก จึงอธิษฐานว่า..

    หากเกิดในชาติต่อไป ไม่ว่าอยู่ในสถานะใด ขอให้ตนอย่าได้พลัดพรากจากบิดาอีกเลย

    จากนั้น สัตตสุทธิ์นาคราชได้ชวนพระชายาไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ ณ.พระเจดียสถานแห่งนาคพิภพเสมอ ๆ และครองรักกันอย่างมีความสุข

    หลายปีต่อมา เกิดสงครามระหว่างพญานาคตระกูลสีดำที่เป็นมิจฉาทิฐิ และพญานาคตระกูลสีเขียวได้ทำสงครามกัน พญาโกสินทร์ได้ให้สัตตสุทธิ์นาคราชออกนำทัพไปรบ พร้อมกับพระธิดาญสุนทราเทวี การรบในครั้งนี้พญานาคสีเขียวเป็นฝ่ายชนะ

    แต่พญาโกสินทร์นาคราช ต้องสูญเสียพระโอรส คือ สัตตสุทธิ์นาคราช เนื่องจากทนพิษไฟที่พญานาคสีดำพ่นไม่ไหว จึงได้จุติทันที โดยเป็นพระโอรสของพญาปัญจปุญญานาคราช” มีพระมเหสีนามว่า“พระนางมายารัศมี”โดยจุติบนตักของพระองค์ พร้อมกับพรหมองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นสันตปุตต์เศรษฐีในอดีต โดยพญาปัจจปุญญานาคราชให้นามเจ้าชายทั้งสองว่า “เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช” และ เจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช

    <O:pรายละเอียดนำเอาประวัติดวงแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์–ดวงแก้วนคเรศวร์มหิศรมานำเสนอต่อไปค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai


    หมายเหตุ ขออนโมทนาบุญ กับ
    -พญาโกสินทร์นาคราช =พญาปัญจเมศวร์นาคราช
    - สันตปุตต์เศรษฐี- เจ้าชายนคเรศวร์ = คุณ Octt
    - สัตตสุทธิ์นาคราช-ศิลปัตร-เจ้าชายนครินทร์ = คุณ am12

    ญสุนทราเทวี = คุณ phuya

    ณยามาลย์เทวี = น้องน้ำตาล :cool::cool:ชาติเป็นชาติก่อนที่จะจุติมาเป็นพระธิดาของพญาศรีสรรเพชญ์ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...