ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การเตรียมตัว เตรียมใจ รับมือกับภัยพิบัติ !!!

    <TABLE class=tborder id=post6690044 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px arial, verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247)" width=175>Aunyasit
    สมาชิก

    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_6690044 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239)">คุณjack999924 :- โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นความบังเอิญ ทุกอย่างล้วนเกิดแต่เหตุครับ สถานที่โดยรวมค่อนข้างปลอดภัยครับ แต่ต้องเตรียมอาหารตุนไว้ให้มากๆ ถึงเวลาที่มีภัยพิบัติอาหารจะขาดแคลนแน่นอน รวมทั้งเตรียมเชื้อเพลิงและเครื่องทำแสงสว่าง รวมทั้งเครื่องยังชีพให้ครบถ้วน ถ้าเป็นไปได้ให้ปลูกพืชผักกินได้ไว้ในบริเวณบ้านด้วยก็จะดีมาก ขอให้โชคดีครับ

    คุณsaychl anusonthi :- ตอนนี้มันสายกินแก้แล้วครับ ผู้ที่ทรงบุญญาบารมีที่พอจะช่วยชะลอภัยพิบัติของเมืองไทยได้ค่อยๆจากไปทีละคนๆ คนสุดท้ายที่เมตตาคอยช่วยพวกเราอยู่ท่านก็แจ้งมาว่าท่านจะก็จะไปแล้วในช่วงปลายปีนี้ครับ จากนั้นภัยพิบัติจะตูมตามมากกว่านี้ครับ

    คุณ roselas, คุณ Rasri :- ประเทศอเมริกาโดยรวม ต่อไปแทบล่มจมครับ เข้าใจว่าจะเจอภัยพิบัติหลายอย่าง ทำให้เหลือเป็นเกาะน้อยใหญ่ แต่ก็จะมีคนจำนวนหนึ่งรอดครับ เพราะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คนดีมีศีลธรรมนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในพุทธศาสนาเท่านั้น หากใครเป็นผู้มีเมตตา มีไมตรีจิต เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักการให้การแบ่งปัน ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ก็ถือว่าอยู่ในกฏเกณฑ์ของคนดีมีศีลธรรมทั้งนั้น

    อย่างไรก็ตามผมเข้าใจว่าในอนาคตอันใกล้บางส่วนของอเมริกา จะปกคลุมด้วยหมอกควันจากนิวเคลียร์ด้วยครับ ส่วนนิวยอร์กนั้นจะเหลือเป็นเกาะครับ ไม่รู้ว่าโดนภัยอะไร ตอนไหน อันนี้ผมไม่ทราบ


    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตรียมตัว-เตรียมใจ-ไปสู่ยุคภัยพิบัติ.330377/page-108
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2012
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "สาส์นเตือนภัย"จากเพื่อนชาวน้ำ

    [​IMG]

    จาก Crop Circle ข้างต้นในเยอรมัน เมื่อปี 2008 ชาวน้ำใน 4th และ 5th Density ได้กรุณามาส่งข่าวอนาคตเกี่ยวกับเหตุการณ์ของโลก ที่ดาวหาง Planet X ซึ่งกำลังโคจรใกล้เข้ามา และได้เลื้อยมาอยู่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ บังเส้นแรงสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ เกิดถ้วยเอ๊ดดี้ขนาดใหญ่ (ก้ามปูยักษ์) และเมื่อเดือน ธันวาคม 2010 โลก ดาวศุกร์ และดาวคู่แฝดโลก ได้โคจร ลงไปในถ้วยนี้ และไม่สามารถโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไปได้ จนกว่าจะพ้นออกมาจากคีมยักษ์ของ PX ที่ส่งสนามแม่เหล็กของตนบีบลงมาที่ดาวทั้ง 3 ดวงในถ้วยเอ๊ดดี้เพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา

    กราฟิคของชาวน้ำ บ่งบอกล่วงหน้าว่า จะเกิดเหตุรุนแรงโลกย้ายขั้ว ที่ตรงกับปลาย Trimester ที่ 2 เดือนสิงหาคม ซึ่งพยากรณ์ล่วงหน้าของคุณ Zeta กล่าวไว้ว่า โลกย้ายขั้วจะเกิดขึ้นก่อน 21 ธ.ค. 2012 เกิดขึ้นในปลาย Trimester ใด Trimester หนึ่ง

    Trimester ที่ 2 เป็นช่วงที่สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์รุนแรงกว่า Trimester อื่นๆอีก 2 ช่วง ปัจจุบัน ( 14 ก.ย. 2554) ล่วงเลยเวลาของเดือนสิงหาคม ที่โลกได้รับพลังงานสนามแม่เหล็กที่รุนแรงจากดวงอาทิตย์ และจาก PX ผสมกันไปแล้ว

    ดังนั้นเหตุการณ์โลกย้ายขั้วในปีนี้ก็มีโอกาสเกิดอีกที ในเดือน ธันวาคม 2011 แต่ก็ไม่ตรงกับเงื่อนไขของคุณ Zeta ที่ปลายเดือนธันวาคม สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์รวมกับ PX ไม่รุนแรงในรอบปี และอีกเงื่อนไขที่คุณ Zeta กล่าวไว้ ก่อนเกิดโลกย้ายขั้ว ยังมีเหตุการณ์แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัว ที่ชัดเจน เช่น
    • การขยับตัวของแผ่น อินโดนีเซีย-ออสเตรเลีย ดันแผ่นที่อินเดียทั้งประเทศตั้งอยู่ สอดเข้าไปข้างใต้แผ่นหิมาลัย และทำให้พื้นที่ประเทศอินโดนีเซียค่อยๆจมลง ปัจจุบันพื้นที่ชายฝั่งของเกาะต่างๆในอินโดนีเซียได้ทะยอยจมอยู่ใต้คลื่นมากยิ่งขึ้นทุกที
    [​IMG]
    • เกาะทางใต้ และทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น จะมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มากกว่า 7 ริกเตอร์เกิดขึ้น
    • หลังจากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ประเทศอเมริกาจะเกิดการปรับตัวของ นิวแมดริด ที่ค่อนข้างรุนแรง ปัจจุบันเริ่มเกิดแผ่นดินไหว 4-5.8 ริกเตอร์ ทะยอยเกิดขึ้นแล้ว ก่อนเกิดการย้ายขั้ว และนิวแมดริดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปอีกรอบหนึ่ง
    • ถัดจากนิวแมดริดแล้ว ท้องมหาสมุทรแอตแลนติคจะอ้าออก นำทวีปอเมริกาห่างออกจากยุโรปมากขึ้นอีกนับร้อยๆไมล์ และจะเกิดคลื่นสึนามิขนาด 200 ฟุตเข้าโจมตีประเทศกลุ่มยุโรป
    • ทางทวีปอเมริกาใต้จะปรับตัวเคลื่อนไปทางตะวันตกและมีภูเขาใหม่เกิดขึ้นด้านริมแปซิฟิคในบางประเทศ ส่วนแถบแคริเบียนเกาะต่างๆจะเริ่มจมน้ำ...ควรงดไปท่องเที่ยวแถบนี้ แม้จะได้เห็นภาพวิวสวยงามก็ตาม
    • ทางตะวันออกกลาง เปลือกโลกจะบิดตัว ทำให้แผ่นอารเบียขึ้นไปดันพื้นที่แหล่งน้ำมันอิรักแตกหักเกิดเพลิงลุกไหม้บ่อน้ำมันของที่นั่น
    • ทวีปอาฟริกาจะปรับตัวยืดไปทางแอตแลนติค ส่วนตะวันออกเคลื่อนตัวมาทางอินเดียเกิดรอยแยกแถบกลางทวีป
    • ทางใต้ของประเทศรัสเซียมีการปรับตัวทะเลแดงขยายตัวและรอยต่อแผ่นยูเรเซี่ยนทางด้านเหนือติดกับรัสเซียยืดตัว ยุบตัว
    เหตุใหญ่ๆเด่นๆเหล่านี้ คุณ Zeta พยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้านานแล้ว ว่าจะเกิดขึ้นก่อน ที่โลกจะย้ายขั้ว และเกิด Severe Wobble 9 วัน ต่อด้วยพื้นที่ทางซีกโลกด้านเหนือเส้นศูนย์สูตรมืด 3 วัน

    เมื่อกลับมาดูพยากรณ์ของ Crop Circle ที่เยอรมันอีกที หากพ้นเดือน ธันวาคม 2011 ไปได้ ก็ต้องคอยไปถึงปลายเดือนสิงหาคม 2012 ที่โอกาสโลกย้ายขั้วจะเกิดขึ้น โดยคุณ Zeta ให้สังเกตเหตุการณ์ต่างๆของโลกตามไปตลอดเวลา อาการจะรุนแรง และถี่ขึ้นไปตามลำดับ ในช่วงที่เกิด Severe wobble แกนโลกจะโยกไปมาวันละ 2 รอบ

    เกิดแผ่นดินไหวแผ่นดินเลื่อนมากขึ้น จะมีแผ่นดินยุบ หลุมยุบ ถนนหนทางแตกหัก สะพานพัง การบินหยุดชะงัก ซึ่งไม่ควรเดินทางใดๆในช่วงที่กำลังเกิด Severe wobble ควรเฝ้าระวังมาใช้รอยต่อก่อนเกิด Severe wobble ชิง การเดินทางไปสู่ที่หลบภัยต่างจังหวัดก่อนในช่วงนั้น เป็นโอกาสสุดท้ายของการเสี่ยงชีวิต ไปสู่ที่หลบภัย

    ขอขยายความชาวน้ำนิดหน่อย พวกเขาอยู่ใน Density สูงกว่าชาวมนุษย์ มีคลื่นความถี่สูงกว่า ใช้กายแสง ไม่ใช้กายเนื้อ แต่ไม่ใช้ยาน UFO อาศัยในทะเลของโลกนี้เอง เพื่อตอบแทนในน้ำใจไมตรีของพวกเขา ที่ห่วงใยความปลอดภัยของชีวิต มนุษย์ เมื่อเราสวดมนต์แล้วก็แผ่เมตตาให้แก่พวกเขาด้วย เป็นการตอบแทนสินน้ำใจ และทำให้พวกเขามีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น จะได้ส่งข่าวล่วงหน้ามาต่อเนื่อง ในระยะกระชั้นชิด เมื่อใกล้เวลาวิกฤตที่มนุษย์ทั่วโลกจะต้องเผชิญร่วมกัน เสมอหน้ากันทุกคน

    ที่มา http://ainews1.com/article769.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง
    ทางกายภาพโลกจากดาวถ่วงดุล (เนบิรุ) !!!

    [​IMG]

    องค์ความรู้ ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2555 นั้น มีรายละเอียดแทบทุกอย่างเหมือนกับความรู้ที่ปรากฏอยู่ในกระทู้ของคุณลุงคน เชียงใหม่ ในเว็บพลังจิต (เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม)

    ซึ่งให้ข้อมูลโดย “คุณวิกรม หลานของพระคุณลุง” และหลายท่านคงพร้อมที่จะเชื่อ เพื่อรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัว ฉะนั้น หากมีความเชื่อแล้วควรเจาะลึกลงไปในหลายๆ รายละเอียด หาข้อมูล เหตุ และผล ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสลาย ของแต่ละเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ

    องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้กล่าวถึงมหันตภัยโลกครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ว่า เป็นปรากฏการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อเวียนมาครบรอบ 13,000 ปี นั่นหมายความว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปประมาณ 13,000 ปี โลกเราจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกายภาพใหม่กันอีกครั้ง

    และเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ประหลาด และจำเพาะจะต้องเกิดขึ้นในยุคนี้เท่านั้น มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นเปรียบเหมือนกับการรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุ รั่ว เกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม การรื้อและสร้างใหม่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

    ผู้ที่จะก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในแต่ละครั้ง ต้องอาศัย “แสงสว่าง” ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด

    1. แสงแห่งธรรม หมายถึง การบรรลุธรรม บุคคลผู้สามารถเข้าถึงแสงสว่างของจิตได้แล้ว บุคคลผู้นั้นย่อมพ้นทุกข์ ก้าวผ่านมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน

    2. แสงสว่างที่ปลายทางรอด เป็นเทคนิคของการแสวงหาทางรอดของครู อาจารย์ ผู้รู้ แต่ละท่าน ที่จะช่วยเหลือลูกศิษย์ ด้วยการให้ปัญญา แนวทางเพื่อรักษาชีวิต และการอยู่รอด ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันตามความชำนาญ ความเป็นเลิศ ของแต่ละองค์ แต่ละท่าน สำหรับพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ท่านได้แนะนำการใช้ “พลังพีระมิด” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540

    นับเป็นเวลาร่วม 15 ปีแล้วที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้บอกถึง “เหตุ” การเปลี่ยนแปลงของระบบสุริยจักรวาลมาโดยตลอด และ “เหตุ” สุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดจากการเรียงตัวของดาวทุกดวงในสุริยจักรวาล รวมทั้งดาวอาคันตุกะ จากนอกระบบสุริยจักรวาล ซึ่งเดินทางมาเยือนในทุกๆ รอบ 13,000 ปี

    [​IMG]

    ดาวอาคันตุกะดวงนี้มีมวลขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าดาวพฤหัสหลายเท่าตัว เป็นดาวเคราะห์สีแดงลักษณะกลมรี คล้ายลูกรักบี้ และในอนาคตจะโคจรเข้ามาเรียงตัวอยู่ติดกับโลกของเราเลยทีเดียว

    ปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวงนี้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงาน แรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นสามารถทำให้แกนขั้วโลกจากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก

    ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจนถึงขั้นเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ได้นั้น ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 เพียงวันเดียว แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ระหว่างวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14ก.พ.56 (56วัน) กำหนดวันเกิดเหตุที่แน่นอน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จะติดตามและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถระบุวันเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง

    แต่ในอนาคตเมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญคือ หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่าตำแหน่งของดาวเหนือเปลี่ยน ราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลงด้วย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนขั้วโลกต่างหากที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่าขั้วโลกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วจากเหนือ-ใต้ เป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2012
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด


    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เผยแพร่ความรู้ของชาวแอตแลนตีสเกี่ยวกับการใช้พลังพีระมิด ด้วยจุดมุ่งหมายหลักที่สำคัญคือเป็นการเตรียมความพร้อม ให้มนุษย์รู้จักการปรับโครงสร้างเซลล์ เนื่องจากทั้งในภาวะก่อนจะเกิดมหันตภัยอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งเป็นช่วงการเกิดวิกฤตพลังงานจากพายุสุริยะ และ ช่วงเวลารับผลกระทบสูงสุดจากพลังงานย้อนกลับซึ่งเป็นพลังงานลบจาก กาแลคซี่อันโดรเมดาในวันที่เปลี่ยนชะตาดาวเคราะห์โลก ที่เปลี่ยนขั้วโลกจากทิศเหนือภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก เข้าสู่ขั้วโลกตะวันออกภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นเวลาประมาณ 13,000 ปี

    ในทั้งสองช่วงเวลาที่กล่าวมา มนุษย์จะได้รับพลังงานเสียเข้าสู่ร่างกายจากปริมาณน้อยไปหามากตามลำดับของ วิกฤตพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการย้อนกลับของพลังงานลบจากกาแลคซี่ อันโดรเมดาที่ส่งแรงปะทะอย่างมหาศาล พุ่งเข้าหาพลังงานบวกของดวงอาทิตย์ ทำให้จุดดับใน ดวงอาทิตย์เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง และ ทวีความถี่มากยิ่งขึ้นตามลำดับ โลกเป็นแหล่งรับมวลสารพิษและพลังงานแม่เหล็กโลกที่มีค่าเป็นลบซึ่งเกิดจาก ปฏิกิริยาดวงอาทิตย์ และส่งไปถึงดวงจันทร์ ตามลักษณะของแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวที่มีต่อกัน

    ในเส้นทางการย้อนกลับของแรงดึงดูดจากดวงจันทร์มายังโลกอีกครั้งเช่นนี้ โลกได้รับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ซึ่งมีมวลที่หนักกว่าน้ำใน โลก และโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้จะแทรกซึมลงในทุกส่วนของโลกที่มีน้ำเป็นองค์ ประกอบ เช่น ถ้ารวมตัวกับเมฆฝน จะทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแถบชายทะเล จนทำให้ฤดูกาลเปลี่ยน คือมีแต่ฤดูฝน ไม่มีฤดูหนาว ถ้าฝังตัวลงในน้ำ จะสามารถ ยก ดัน น้ำให้สูงขึ้น

    จึงเป็นสาเหตุทำให้พื้นที่ริมชายทะเลมีน้ำท่วมสูง ซึ่งการท่วมสูงเช่นนี้มิได้เกิดจากการหนุนของน้ำทะเล หากโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้แทรกซึมเข้าสู่เซลล์ที่ประกอบด้วย น้ำ เลือด และน้ำเหลือง ทำให้มนุษย์มีปัญหาด้านสุขภาพ เป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยที่รักษาได้ยากยิ่งขึ้น เริ่มจากอาการปวด เมื่อย ถ้าไปถึงสมองจะมีอาการมึนงง หากปริมาณโมเลกุลของน้ำเพิ่มมากขึ้น จะมีอาการท้องเสีย ท้องเดิน เรื้อรัง รักษาไม่หายขาด และในที่สุดเซลล์จะเน่า เป็นการเน่าจากภายในเนื้อเยื่อก่อนและเน่าลามออกมาที่ผิวหนังออกสีแดงอมม่วง

    (องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ แนะนำการใช้หลอดแกนพีระมิด ชนิดเจาะ 4 รู เพื่อดึงพลังปราณช่วยดันและละลายโมเลกุลน้ำสีแดงอมม่วงจากดวงจันทร์ออกจากร่างกาย) ยิ่ง ไปกว่านั้น หากโครงสร้างเซลล์ มืด ดำ คล้ำ ร่างกาย จะดูดซับสารพิษจากพลังงานเสียได้มากและรวดเร็วกว่า ทำให้เสียชีวิตได้เร็วเกินคาด สำหรับบุคคลที่เคยฝึกจิตเรียนรู้หลักธรรมของศาสนา (ทาน ศีล สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน) และรู้หลักการใช้พลังพีระมิดจะได้รับผลพลอยได้อย่างยิ่งยวด

    คือ ได้ทำความสะอาด ฟอก และซ่อมแซมเซลล์อยู่เป็นประจำ กระทั่งกลายเป็นเซลล์ใส จึงดูดซับสารพิษได้น้อย และยังสามารถพื้นฟูเซลล์ ดันสารพิษเหล่านั้น ออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว จึงยังคงรักษาชีวิตให้รอดอยู่ได้ และในครานี้มนุษย์บางคน บางกลุ่ม จะรู้ซึ้งถึงอานิสงส์ของแสงสว่างแห่งธรรม สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าถึง “ธรรม” คงต้องอาศัยแสงสว่างจากพลังมโนธาตุในพีระมิดของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

    ช่วยให้พลังดุจดังเกราะกำบังประคองจิตให้เป็นปกติ ไม่เสียสติไปกับความโหดร้ายรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนแต่ไม่เคยเจอมาก่อน เช่น แผ่น ดินไหวอย่างรุนแรง เสียงแผดร้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งของฟ้า ลมพายุ แผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ หล่นจากฟากฟ้า และในท้ายที่สุดคือ การเกิดน้ำท่วมใหญ่กวาดล้างสรรพสิ่งโสโครก ปฏิกูล ผลพวงจากโลกใบเก่าทิ้งไปกับน้ำ ถึงจุดสิ้นสุดวิวัฒนาการที่เกิดจากน้ำมัน หรือฟอสซิลดำ

    มนุษย์จะมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่มีการใช้อุปกรณ์ใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย “ไฟฟ้า” อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานดี จิตใจโอบอ้อมอารี แบ่งปันกันใช้ เงินตราหมดค่า และเริ่มมีวิวัฒนาการใหม่ไปตามลำดับ โดยเน้นเรื่องของ “จิต” เป็นหลัก กล่าวได้ว่าเป็นอีกยุคสมัยหนึ่งที่การฝึกปฏิบัติธรรมจะกลับมาเฟื่องฟู มนุษย์จะได้ศึกษา ปฏิบัติตามแก่นธรรมที่แท้จริงของพระพุทธองค์ เนื่องจากมีความเหมาะสมหลายๆอย่างเป็นองค์ประกอบ เช่น พลังงานปราณ พลังมโนธาตุ สมบูรณ์ เหลือแต่ผู้มีศีลธรรม ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาทรัพย์ อากาศเย็นสบาย เพราะขั้วโลกเปลี่ยนทิศ ประเทศไทยจึงอยู่ในเขตอบอุ่นไม่ใช่เขตร้อน ดังแต่ก่อน ฯลฯ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิธีป้องกันและแก้ไข

    มนุษย์มีหลายทางเลือกเพื่อรักษาชีวิต องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เสนออีกหนึ่งทางเลือก เพื่อถนอมรักษาชีวิตที่มีค่าไว้ด้วยวิธีปฏิบัติตัวตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน วาระแห่งการปรับโครงสร้างของโลก และสุริยจักรวาล ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุ 2 ประการ คือ การทำหน้าที่ของ ดาวถ่วงดุล และ การเรียงตัวของดาวทั้ง 12 ดวง ผนึกพลังงานบวกอัดแน่นเข้าด้วยกัน

    เมื่อพลังงานรวมตัวจนถึงอัตราสูงสุด จะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง พุ่งออกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงเข้าหาพลังงานลบของกาแลคซี่อันโดรเมดา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกหลายพันเท่าการ พุ่งปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ และการพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลในครั้งนี้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ของ แสง เสียง การสั่นไหว และน้ำในโลก ดังรายละเอียดต่อไปนี้

    1. ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้วให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตา ที่มีอานุภาพทำให้ตาบอดได้ทันที

    2. ถัดมาในตอนกลางคืนเวลาประมาณสามทุ่ม ( 21.00น. ) ถึงวาระที่ดาวอาคันตุกะหรือดาว ถ่วงดุลจะได้ทำหน้าที่ถ่วงดุลโดยมิได้ตั้งใจ หากแต่เป็นเพราะ ถึงเวลาต้องโคจรออกจากระบบ สุริยจักรวาลแล้ว ดาวถ่วงดุลจึงโคจรเคลื่อนที่ออกจากแนวเรียงตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่วงโคจรเดิม คือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้วยมวลขนาดมหึมาและเข้ามาเรียงชิดติดกับโลกซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด เล็กกว่ามาก จึงส่งอิทธิพลแรงดึงดูดอย่างมหาศาลต่อโลก สามารถ ดึง เบียด และ พลิกแกนขั้วโลกที่ชี้ทิศเหนือ ให้หันไปทางทิศตะวันออกได้ทันที

    กระบวนการ ดีดตัว พลิกตัว ของดาวถ่วงดุล และการพลิกเปลี่ยนทิศของแกนขั้วโลก ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัด เสียงคำราม แผดก้อง เขย่าขวัญ เกินประมาณดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น

    3. การปะทะกันของพลังงานบวกกับพลังงานลบ ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลและแกนโลก ทำให้มีอัตราความดังของเสียงอย่างไม่มีประมาณพุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้น บรรยากาศ แผ่นดิน ผืนน้ำ แผ่นหินเปลือกโลก เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง โลกตกอยู่ในความมืดสนิทอย่างไม่รู้วันรู้เวลา ถึงนาทีชีวิตที่ต้องพึ่งพลังพีระมิดจากหลอดแกนชนิดเจาะ 4 รู ซึ่งนอกจากช่วยขับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ออกจากร่างกายแล้ว ในวาระนี้ยังทำหน้าที่เป็นแกนพลังงานให้จิตเกาะเกี่ยว ไม่เสียสติไปในช่วงที่มีแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเกินมาตรวัด

    4. ถึงเวลาของคลื่นความถี่สูง ที่เกิดจากการปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งสามารถแก้ไขและป้องกันโดยใช้พลังพีระมิดจัดเรียงเป็น เครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.) ใช้ประโยชน์ได้ไกลในรัศมีโดยรอบประมาณ 5 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝนตก ฟ้าผ่า และการหล่นจากท้องฟ้าของแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ กระแทกกระหน่ำซ้ำเติม ทำให้การเผชิญสถานการณ์ของมวลมนุษยชาติเลวร้ายยิ่งขึ้นอีก

    5. เตรียมอาหารเสริมพลังพีระมิด รัดเก็บติดไว้กับตัวเพื่อประทังชีวิตยามรู้สึกหิว ทานอย่างน้อยวันละ 3 เวลา ตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน และดื่มน้ำให้มาก พลังมโนธาตุและพลังปราณในอาหารเสริมพลังพีระมิดเป็นพลังงานละเอียดที่จำเป็น ต่อการดำรงอยู่ของจิตและกาย ในภาวะคับขันเป็นอย่างยิ่ง หากเตรียมตัวพร้อมและปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้ มีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้งกับขั้วโลกตะวันออก

    ตลอดระยะเวลาประมาณ 13,000 ปี ในอนาคตข้างหน้า “พีระมิด” ซึ่งมีรากฐานมาจากอารยธรรมของชาวแอตแลนตีส จะถูกนำมาใช้เป็นวิชาหรือศาสตร์พื้นฐานที่สำคัญของวิวัฒนาการทางจิต หรือวิทยาศาสตร์ทางจิตอีกครั้ง และหากเมื่อถึงปลายยุคหน้า เมื่อวิทยาศาสตร์ทางจิตเริ่มก้าวสู่จุดอิ่มตัวและจุดเสื่อม เหตุการณ์การเรียงตัวของกลุ่มดาวในระบบสุริยจักรวาลจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และแกนขั้วโลกตะวันออกจะหันหลับไปหาขั้วโลกทางทิศเหนือ

    เป็นการรื้อบ้านหลังเก่าที่ผุพังทิ้งและสร้างบ้านหลังใหม่กันอีก สลับไปมาเช่นนี้เป็นรอบๆ ดังความรู้ที่ปรากฏเป็นหลักฐานในปฏิทินมายัน ซึ่งเป็นปฏิทินทางดาราศาสตร์ ที่บอกเล่ารายละเอียดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบบสุริย จักรวาลโคจรเคลื่อนที่ผ่านทั้ง 3 กาแลคซี่ในรอบเวลา 1 วันจักรวาล หรือ 26,000 ปี ตามเวลาของโลก

    มนุษย์ในยุคพลังงานน้ำมันนี้ มีโอกาสดีที่ได้ร่วมรับรู้ และมีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเรียบเรียงได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าแก่การจดจำ จารึก และจะกล่าวขานเป็นตำนานอีกครั้ง ตามกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน เฉกเช่นเดียวกับตำนานของมหาอาณาจักรแอตแลนตีส ที่ล่มสลายไปเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา และทุกท่านคงจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ตามกาละของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สลาย” วนไปมาเป็นรอบๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดไป

    องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ แสงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2554

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7-and-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C.51734/page-264
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2012
  6. saychl anusonthi

    saychl anusonthi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +350
    คุณอาคะแสดงว่าเราอยู่มาในรอบนี้พอดีใช้มั้ยคะ วันก่อนดูรายการอะไรไม่ทราบแต่มีท่าน ดร.สมิท(ไม่แน่ใจ)มาพูดเกี่ยวกัยการเปลี่ยงแปลงครั้งใหญ่และฟังๆๆดูเหมือนท่านจะบอกให้ทุกคนเตรียมตัวและเปิดใจรับฟังในสิ่งที่ท่านพูด เพราะท่านได้ศึกษามาดีแล้ว อยากถามคุณอาว่า คิดอย่างไรและ เราควรเตรียมตัวรึยัง(ไม่ได้ตกใจนะคะ แต่แค่กำลังสงสัยว่าทำมั้ยทุกอย่างมันเกิดพร้อมกัน)และขอโมทนากับบทความข้างบนด้วยนะคะ
     
  7. saychl anusonthi

    saychl anusonthi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +350
    ส่วนคุณคนที่ชื่อว่า JOHN LEEคราวหน้ากรุณาใช้คำให้สุภาพด้วยนะคะ หนูไม่รู้จักคุณและก็ไม่ใช้เพื่อนคุณ กรุณามีมารยาทกับผู้หญิงด้วยนะคะ (หนูเข้าอ่านบทความของคุณอาเกษมเพราะเห็นว่ามีประโยชน์และควรค่าแก่การอนุโมทนา)ส่วนคุณคุณJOHN LEEก็แค่.....................คิดเอาเองนะคะ(ขอโทษคุณอาด้วยที่ใช้พื้นที่นี้ แต่คนแบบนี้ เฮ้ย.... ช่างมัน)
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผมคิดว่าเราควรเตรียมความพร้อม ทั้งกายและใจด้วยความไม่ประมาทครับ เพราะเรื่องของความปลอดภัยของชีวิตเรา ไม่อาจจะเอามาเสี่ยงกับความเชื่อหรือไม่เชื่อครับ ดูอย่างการเตือนภัยสึนามิของทางการเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ที่แจ้งให้ประชาชนหลบภัยขึ้นที่สูงนั้น ถึงแม้จะเป็นเพียงการคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดสึนามิเท่านั้น แต่ก็มีคนอพยพตามคำเตือนนั้นแต่โดยดี เพราะพวกเขารู้ว่าโทษของการดื้อรั้นไม่ฟังคำเตือนนั้น มันอาจจะหมายถึงความตายของเขาเลยทีเดียว

    ถึงแม้ว่าในที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีสึนามิเกิดขึ้นแต่อย่างใดก็ตาม แต่ผมคิดว่าถ้าเขาเตือนมา 100 ครั้ง เราเชื่อเพียง 99 ครั้ง อีก 1 ครั้งที่เหลือเราไม่เชื่อและนอนอยู่กับบ้านเฉยๆ เพราะประมาทคิดว่าตัวเองก็อพยพตามคำเตือนมา 99 ครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย ครั้งนี้ก็คงไม่มีสึนามิเหมือนคราวที่แล้วๆมา แต่อาจจะเป็นคราวซวยของเราก็ได้ ที่ทำให้สึนามิเกิดขึ้นจริงใน 1 ครั้งที่เหลือนี้

    สรุปก็คือ ไม่ว่าจะเป็นคำเตือนของเด็กชายปลาบู่ หรือใครๆก็ตาม ควรรับฟังเอาไว้ก่อน ไม่ใช่พอเห็นว่าไม่เกิดตรงตามเวลาที่เตือนมา ก็คิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลคงจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ใครจะรับประกันได้ว่า คำเตือนของเด็กชายปลาบู่ จะไม่เป็นจริงในปีต่อๆไป เพราะพวกเรามัวแต่ไปติดกับดักเรื่องของเวลา โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ เกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัย เมื่อใดก็ตามที่มีเหตุและปัจจัยเอื้ออำนวยเหมาะสม ก็สามารถเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้เมื่อนั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2012
  9. okung3036

    okung3036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +183
    ภัยพิบัติส่วนมากจะมาแบบไม่รู้ตัวครับ
    ดึกดื่นยามคนหลับนอนหรือรุ่งสาง นี่ล่ะเป็นเวลาที่จะชำระล้าง
     
  10. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424
    555+
    ดีแล้วหนูเอ๋ย การให้อภัยทานก็ได้บุญกุศลสูงกว่าทานวัตถุ ยกเว้นธรรมทาน ดีแล้ว
    John Lee เขาพูดตรงไป ก็ต้องให้อภัยไปล่ะ
     
  11. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    ดีแล้วครับ แม้อายุยังน้อย แต่ก็มีวุฒิภาวะสูงกว่าวัย


    ควบคุมอารมย์ได้เป็นอย่างดี..พูดจาสุภาพ เคารพผู้อาวุโส

    สาธุ.. ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กันยายน 2012
  12. saychl anusonthi

    saychl anusonthi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +350
    ขอบคุณ คุณอาทั้งสองที่เข้ามาอ่านบทความของหนู และโมทนาให้ท่านทั้งสองมีอายุและสุขภาพแข็งแรงด้วย นะคะ หนูเป็นเพียงคนหนึ่งที่สนใจสิ่งต่างๆรอบๆตัว ความรู้ยังมีน้อยนิดยังต้องใฝ่อ่านและหาอยู่ตลอดคะ.
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การยับยั้ง"สงครามนิวเคลียร์"
    ให้หยุดลงเพียงกลางคัน
    [​IMG]

    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-2) Chayutt สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)

    นี่คือสาส์นแห่งความสุข คือการเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ชาติ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้คนจำนวนหมื่น หรือจำนวนแสน แต่มันหมายถึงผู้คนหลายล้านคน ที่จะถูกยกระดับขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขั้นและมีวิถีชีวิตในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากวิถีชีวิตเดิมอย่างสิ้นเชิง วิถีชีวิตที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง วิถีชีวิตที่มนุษย์จะรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต มันคือสิ่งที่พวกท่านก็ทราบแล้วว่ามันไม่เหมือนกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

    นับจากนั้นไป ทุกๆคนจะต้องรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต ตระหนักรู้ว่าชีวิตคืออะไร ใครคือผู้ที่ประทานชีวิตนี้มาให้ และนั่นจะทำให้เกิดการปรับปรุงตัวเองโดยความสมัครใจและเชื่อฟัง ชาวโลกหลายคนได้เคยอ่านเรื่องราวของดาววีนัสมาแล้ว บนดาววีนัสมีจิตสำนึกอยู่ในระดับสูงกว่าดาวเคราะห์โลก และเมื่อเรากล่าวถึงจิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกและดาววีนัส ก็ขอให้เข้าใจว่า หากพวกท่านนำเอาค่าเฉลี่ยของจิตสำนึกของมนุษย์โลกมา ก็จะได้จิตสำนึกของโลก

    จิตสำนึกของดาววีนัสอยู่ในระดับสูงกว่าของโลก หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ผู้คนบนดาววีนัสมีความเข้าใจ และดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎของพระผู้เป็นเจ้า สภาวะนี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่แตกต่างไป ในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ยังหมายถึง พวกเขาสามารถท่องอวกาศได้ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ท่องไปในอวกาศ ในขณะที่มนุษย์โลกยังไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่สามารถท่องไปในอวกาศได้ มนุษย์ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปได้แค่รอบๆชั้นบรรยากาศของโลกเท่านั้น แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปได้ไกลถึงในอวกาศ ในสภาวะทางจิตวิญญาณและศักยภาพเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

    ชาวดาววีนัสรู้ว่าจะปฏิบัติตนให้อยู่ภายใต้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร แต่กฎเดียวกันนี้ก็ถูกเขียนขึ้นสำหรับมนุษย์โลก ด้วยเช่นเดียวกัน หากแม้นเพียงแต่มนุษย์โลกเคารพเชื่อฟังกฎดังกล่าวนี้ มนุษย์โลกก็จะสามารถเป็นได้เหมือนสังคมของชาวดาววีนัสโดยไม่ยากเลย แต่อย่างไรก็ตาม เพียงแค่อ่านในคัมภีร์ไบเบิ้ลของพวกท่าน เพราะมันได้เขียนเอาไว้หมดแล้วว่าควรดำเนินชีวิตอย่างไร มันอยู่ในนั้นหมดแล้ว

    สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การทำให้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าบรรลุเป้าหมาย เราได้เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า มนุษย์โลกได้มาถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมความรู้ของตนเองด้วยสภาวะของระดับจิตวิญญาณที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ มนุษย์ได้มาไกลเกินไปแล้ว เกินกว่าที่จะสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางที่กำลังดำเนินอยู่นี้ได้อีก แบบที่มีชีวิตรอดอยู่ แต่มนุษย์ก็มีทางเลือกอิสระเป็นของตนเอง เพราะเหตุนี้มนุษย์จึงได้รับอนุญาตให้เดินมาไกลอย่างนี้ได้ และก็เพราะด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้เดินต่อไปไกลที่สุด

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ตนเองสร้างขึ้นมาด้วยความเข้าใจผิดของมนุษย์เอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้พุ่งความเกลียดชังมาสู่มนุษย์ด้วยกันเอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้ต้องได้รับความเจ็บปวดเพราะความเกลียดชังที่ต่างฝ่ายต่างก็สร้างมันขึ้นมาเอง ซึ่งสิ่งนี้เองจะนำไปสู่เหตุการณ์สยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ สิ่งนี้จะนำไปสู่ สงครามนิวเคลียร์ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้นไปอีก

    แต่เพราะว่ากฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวนจักรวาลได้ พวกเราจึงจะไม่ไปรบกวน แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเราจะมาช่วยเหลือมนุษย์ เพราะนอกจากเหตุผลอื่นๆแล้ว พวกเรายังมีเหตุผลที่ว่า มนุษย์เองได้ร้องขอให้พวกเราช่วยเหลือ เพราะว่ามีมนุษย์มากมายบนโลกที่ยินยอมให้พวกเรามาช่วย แต่การช่วยเหลือครั้งนี้ ก็จะเกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่ยินยอมให้พวกเราช่วยเหลือด้วยความสมัครใจเท่านั้น เมื่อความสิ้นหวังมาถึงจุดสูงสุด พวกเราจะลงมาจากอวกาศ ในลักษณะที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจได้ ชาวโลกจะเห็นพวกเรา ได้ยินเสียงพวกเรา และสัมผัสพวกเราได้

    พวกเราจะหยุดสงคราม(นิวเคลียร์) ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เร็วดุจสายฟ้าฟาด มันจะเกิดขึ้นเร็วมากแค่วินาทีเดียว

    แล้วต่อจากนั้นพวกเราก็จะอพยพชาวโลก ที่เหลือรอดชีวิตอยู่บนโลกขึ้นไปอยู่ในยานอวกาศขนาดใหญ่ ที่ลอยประจำการอยู่ในภารกิจนี้จำนวนมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในปฏิบัติการครั้งนี้ได้ถูกคำนวณและถูกวางแผนมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หลังจากการอพยพ โลกก็จะเริ่มกลับหัวลง ตอนนั้นโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พืนผิวโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงด้วย ชาวโลกจะจดจำสภาพของโลกของตนเองไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาจะทำได้แค่ต้องสร้างโลกใหม่เท่านั้น การกลับหัวของโลกจะเสร็จสิ้นภายในวินาทีเดียว มันรวดเร็วอย่างนั้นเลยหละ ประดุจฟ้าแลบ

    เมื่อการกลับหัวของโลกเสร็จสิ้นลงแล้ว มันก็จะชำระสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายที่มนุษย์โลกเป็นผู้ยัดเยียดให้กับมันออกไปจนสะอาด เพื่อให้มีสภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แล้วจากนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็จะถูกนำกลับลงมายังโลกใหม่อีกครั้ง พืชพันธุ์ต่างๆก็จะงอกในไม่ช้า สรรพสัตว์และนกต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาใหม่ และมนุษย์โลกก็จะได้รับความช่วยเหลือครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในการสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ภายในระยะ 6 เดือน งานซ่อมแซมส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้น จนเพียงพอและเหมาะสมที่จะใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์โลกได้แล้ว ในวิถีใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

    ในขณะเดียวกันมนุษย์จะได้รับอนุญาต ให้ท่องอวกาศได้และจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองยังไม่รู้ในปัจจุบันนี้ และมนุษย์จะได้รับสิ่งของต่างๆจาก”ภายนอกโลก”ที่มนุษย์ทุกวันนี้ยากที่จะเชื่อว่ามีตัวตนอยู่จริง การกลับลงมาจากยานอวกาศของมนุษย์โลก มนุษย์จะเลือกตั้งถิ่นฐานในที่ๆตนเองพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆในโลกก็ตาม ไม่ว่าในปัจจุบันนี้จะเคยอยู่ตรงจุดไหนบนโลกนี้ก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงจนแตกต่างจากเดิมไปหมด หรือไม่ว่าจะอ้างอิงด้วยเส้นรุ้งและเส้นแวงก็ตาม ในเวลานั้นมันก็จะไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว

    สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์โลกแต่ละคนต่างหากดังนั้น พวกท่านจะได้เห็นว่า สถานที่บนโลกที่ท่านจะได้กลับลงมาอยู่มันช่างมีความสำคัญน้อยนิดเหลือเกิน เพราะมันใหม่ไปซะทุกอย่าง

    ที่มา
    การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาเหตุที่ทำให้โลกมืดมิดถึง 49 วัน !!!

    [​IMG]

    ในช่วงเวลาในการชำระโลก อากาศจะหนาวเย็นมาก เพราะโลกจะคว่ำหัวลง ลูกเข้าใจไหม โลกจะคว่ำหัวตีลังกา และโลกนี้จะมีแต่ความมืดนั้น จะเกิดขึ้นจากหลายอย่าง

    1. เมฆมืด (คงจะหมายถึงเถ้าถ่านของภูเขาไฟ ที่ระเบิดพร้อมกันหลายๆลูก)
    2. ส่วนโค้งของโลกบังดวงอาทิตย์ไว้ (คงหมายถึงโลกจะหยุดหมุนรอบตนเองชั่วคราว)
    3. เกิดจากนิวเคลียร์บอมส์ มันมีเป็นดอกเห็ดห่อหุ้มโลกของเจ้าไว้ ทำให้มองอะไรไม่เห็น

    (คัดลอกบางส่วนมาจากเทปคำบรรยาย จิตจักรวาลอ่านโลก ครั้งที่ 76 โดย อ.ปริญญา ตันสกุล ณ.ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 15-16 กันยายน พ.ศ.2545 )

    เพราะโลกนี้กำลังจะหมดสิ้นคนดีมีศีลธรรม

    องค์อนุตตรธรรมมารดา ให้คำเตือนพุทธบุตรลูกแม่ทั้งหลาย แม่ขอเตือน ให้ตั้งใจบำเพ็ญวิถีอนุตตรธรรม ขอให้ลูกพึงกำหนดรู้ในเกณฑ์กำหนดแห่งกาลเวลา และเจตนาของฟ้าเบื้องบนในเวลานี้ว่า ต้องการให้ลูกๆบำเพ็ญธรรมเพื่อกลับสู่ความเป็นอริยะ เป็นปราชญ์ให้ได้โดยเร็วด้วยวิธีลัดที่ไม่มีมาก่อน

    ในกัปสุดท้ายนี้ สิ่งที่ลงมาสู่โลกมนุษย์พร้อมกันสองอย่าง คือธรรมะกับภัยพิบัติ อันที่จริงแม่มีเมตตาจิตต่อลูกๆ ได้จัดสรรทุกสิ่งทุกอย่างไว้อย่างเป็นระบบทั้งโลกมนุษย์ ทั้งลูกหญิง-ชาย ให้เรียบร้อยแล้ว แต่เหตุไฉนจึงกำหนดภัยพิบัติมาครอบงำกวาดล้างโลกมนุษย์ ขอให้ลูกลองคิดดู สมัยโบราณนานมาแล้วนั้น มีกษัตริย์จีนโบราณผู้ทรงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ ในสมัยห้าพันปีก่อนโน้น ทรงพระนามว่า เหยา ซุ่น อวี่ ผู้คนในยุคนั้นเป็นคนใจตรง ฟ้าเบื้องบนก็พลอยสงบไปด้วย ภัยพิบัติจึงไม่เกิด เมื่อใดที่ใจคนไม่ซื่อ มีเล่ห์เหลี่ยมกลโกง เมื่อนั้นจึงมีภัยพิบัติ

    โลกมนุษย์ในยุคนี้เลวลงสุดประมาณ จารีตประเพณีอันดีงามของอารยะชนกลับถูกหมางเมิน ผู้คนรู้ฝึกฝนกลโกง โลภโมโทสัน เป็นคนร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมโหดเหี้ยมดุร้าย หลอกลวง ไร้สิ้นคุณธรรมจริยธรรมไปทั่ว นายไร้สิ้นซึ่งคุณธรรม บ่าวข้าไม่สัตย์ซื่อ พ่อลูกขาดเมตตายำเกรงกัน ผัวไม่ซื่อสัตย์ต่อเมีย เมียไร้ซึ่งคุณธรรมหาเหตุทะเลาะตบตีกัน พี่น้องอาฆาตมาดร้ายต่อกัน เพื่อนฝูงต่างขาดสัจจะแก่กันและไม่ไว้วางใจกัน มีแต่เชือดเฉือนทิ่มแทงกัน คุณธรรม คุณสัมพันธ์ห้า และคุณธรรมแปดประการ เสื่อมถอยลง ยากแก่การฟื้นฟู

    นักวิชาการพูดแต่ทฤษฎี กล่าวหาว่าคนอื่นแต่ตนเองไม่ปฏิบัติ กสิกรชาวนาชาวสวนไม่มีคุณธรรมมุ่งหาแต่เงินทองหวังร่ำรวย กรรมกรหยาบกร้าน เกียจคร้านเห็นแก่ตัว ขาดความอดทน พ่อค้าวาณิชปลอมปนสินค้าตบตาคนซื้อ ดูถูกหาว่าโง่กว่าตน ขาดความจริงใจไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า พระสงฆ์องค์เณรลืมตรัยรัตน์และศีลห้า สาวกเต๋านอกลู่ทิ้งแนวเดิม ถือเอากระพี้เป็นเปลือกไม่ถึงแก่น ยึดเอาพิธีกรรมมากหลายมาสำคัญว่าเป็นทางหลุดพ้น สาวกศาสนาปราชญ์เรียนเพียงผิวเผินอวดรู้ว่าเป็นปราชญ์ แม่เห็นแล้วอดเศร้าใจไม่ได้ โลกถึงยุคที่จะเกิดภัยพิบัติ

    หากคราวนี้ไม่มีภัยพิบัติลงมากวาดล้างโลกนี้แล้ว โลกนี้จะหมดสิ้นคนดี หาคนเป็นปราชญ์เป็นอริยะเป็นหลักนำไม่ได้เลย จึงได้กำหนดภัยพิบัติแปดประการนี้ขึ้นมา คือ "ภัยจากน้ำ ลมพายุ ภัยจากไฟเผาผลาญ ภัยจากอาวุธมหาประลัย ภัยจากทหาร ความแห้งแล้งกันดาร น้ำหลากอดอยาก ขาดแคลน กำหนดภัยธรรมชาติทั่วไปในโลกกว้างถึงเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดภัยกับทั้งส่งรากษส และพญามารทั้งห้ามาก่อกวนโลกมนุษย์ ใช้หมื่นพันวิธีเพื่อกวาดเก็บคนชั่วเป็นระยะๆ


    บัดนี้!ถึงกาลเวลาสิ้นชะตาฟ้าดินแล้ว คนชั่วที่สั่งสมกรรมเวรมาในรอบหกหมื่นปีมานี้ จะถูกกวาดล้างใหญ่ในครั้งนี้ ทั้งจะเป็นการจำแนกแยกแยะคนดีคนเลวเหมือนแยกหินกับหยกออกจากกัน แม่มองลงมาด้วยน้ำตาที่ไหลริน เสมือนสายธารเลือดเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายปกคลุมคละคลุ้งกลบไปทั่วท้องฟ้า พิบัติภัยเกิดขึ้นทุกมุมโลกโดยฝีมือมาร โจรภัยเกิดไม่เว้นแต่ละวัน สงครามย่อยเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า เก้าในสิบคนต้องทนทุกข์ทรมาน น้ำท่วมฉับพลัน ฝนแล้ง น้ำแห้ง ลำคลองตื้นเขินเกิดโรคระบาดรุนแรงและโรคร้ายที่รักษายาก พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่งอกงามอุดมสมบูรณ์เช่นแต่ก่อน

    "ในที่สุด จะเกิดเหตุการณ์สยดสยอง ท้องฟ้ามืดสนิท ไร้เดือนดาวถึงสี่สิบเก้าวัน"

    ในวันนั้นประตูนรกเปิดออก ปล่อยให้ผีมาทวงหนี้คน หนี้ชีวิตเงินทองที่ค้างกันมา จะสะสางกันให้สิ้นในวันนั้น เป็นการล้างหนี้กันทั้งสามโลกในคราวเดียวจบสิ้น ไม่ค้างกันอีกต่อไป ลมพายุร้ายแรงเป็นมหาวาตภัยล้างโลก กวาดจักรวาลเป็นการชำระล้างทั้งสามโลก เปลี่ยนแกนกลางโลกเสียใหม่ ต่อให้ลูกมีร่างกายแข็งแกร่งปานเหล็กไหล มิอาจรอดพ้นมหันตภัยในครั้งนี้ได้ แม้ว่าภัยพิบัติครั้งนี้แม่เป็นผู้กำหนดขึ้นมาก็ตาม แต่แม่ก็ต้องร้องไห้ทุกวันคืน

    แม่มิอาจทำเป็นใจหินทำลายทุกอย่างทั้งดีทั้งชั่ว ทำลายทั้งหยกทั้งหินได้พร้อมกันในคราวนี้ แม่จึงได้หย่อนเส้นทางสายทองมาให้ลูกขึ้นกลับคืน เส้นทางอื่นใดมีเป็นพันเป็นหมื่นมิอาจพ้นได้ มีเส้นทางเดียวเท่านั้นที่จะรอดปลอดภัย คือ "เอกายนมรรค" ให้รีบขอรีบธรรมโองการสวรรค์ คือ วิถีอนุตตรธรรมเสีย นึกถึงลูกที่ลงมาเกิดกาย รับทุกข์ทรมานนานนักหนา

    แม่จึงสู้อุตส่าห์ขีดเขียนเพียรส่งสาสน์มาเตือนยังลูกๆทั้งหลาย ให้รีบบำเพ็ญเพื่อคืนกลับด้วยเกรงมหันตภัยจะทำลายล้างลูกที่แม่รัก ลูกที่ได้รับวิถีธรรมแล้ว อย่าลังเล ขอให้ลูกแม่รีบปฏิบัติบำเพ็ญเพื่อให้เกิดปัญญากล้า หากยังมัวหลงโลกโลกีย์นี้อยู่ ไหนเลยลูกจะรู้จักโลกอันเป็นสมมตินี้ได้ มองโลกมนุษย์ให้ละเอียดทุกจุดทุกมุม ในขณะนี้แล้วน่าเศร้ามากไหม

    เมื่อมหันตภัยมาถึง ต่อให้ลูกสามารถสร้างสิ่งป้องกันอันแข็งแกร่งใดๆก็ตาม ไม่อาจพ้นความวิบัติได้เลย ต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม "พลเมืองในโลกขณะนี้ ถ้าแบ่งออกเป็นสิบส่วน ในวันเกิดมหันตภัย คนจะตายเสียเจ็ดส่วน สามส่วนที่เหลือก็ต้องทนทุกข์ยากลำบากอยู่ระยะเวลาหนึ่ง กระดูกคนตายกองโตเท่าภูเขา เลือดท่วมไหลเป็นสายธาร"

    หากยังมัวหลงใหลอยู่ในลาภยศ มัวโลภมัวหลงอยู่ ไม่ปฏิบัติบำเพ็ญธรรม สิ่งที่แน่นอนคือ ภัยพิบัติทั้งปวงทั้งเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดภัยจะกระหน่ำให้ญาณจิตตกไปสู่ โลกันตร์มหานรก ถ้าอยากให้พ้นไปจากภัยพิบัติทั้งสิ้นนี้ ให้เร่งสร้างมหากุศล แม่จะดลจิตเทพให้คุ้มครองเจ้าให้ได้สุขขณะครองสังขารกายเนื้อนี้อยู่

    ใครรู้สำนึกตัว ตื่นขึ้นมาบำเพ็ญ ได้ตามแม่กลับไปนิพพานแน่นอน ใครเป็นคนดื้อรั้นว่ายากสอนยาก ไม่ปฏิบัติบำเพ็ญ จะพลอยถูกกวาดส่งลงสู่นรก คราวมหันตภัยกวาดล้างในครั้งนี้ด้วย บัดนี้!เทพทุกพระองค์ที่มาพร้อมแม่ จะกลับคืนสู่เบื้องบนแล้ว ลูกๆทั้งหลายจงพร้อมกันมากราบส่ง แม่ขอเว้นช่วงพักและหยุดการเขียนสักครู่ก่อน แล้วจะมาให้คำสอนใหม่ให้เหมือนดังหยกทอง...

    สาส์นจากองค์อนุตตรธรรมมารดา

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2012
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ดาวเนบิรุ"มาทำให้สงครามนิวเคลียร์ยุติลงกลางคันจริงหรือ ?

    ในความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า ดาวเนบิรุเป็นเครื่องมือ ที่เพื่อนจากต่างดาวใช้ทำให้สงครามนิวเคลียร์ยุติลงจริงครับ เพราะเขาเตือนเอาไว้มานานแล้วว่า ถ้ามีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์เมื่อใด พวกเขาจะต้องเข้าแทรกแซงทันที เพื่อให้สงครามนิวเคลียร์ยุติลง เพราะถ้าปล่อยให้สงครามดำเนินไปเต็มรูปแบบของมัน จะส่งผลกระทบกับดวงดาวอื่นๆในระบบสุริยะจักรวาลนี้ด้วยครับ

    แล้วมนุษย์ต่างดาวมีเทคโนโลยี่ที่บังคับการโคจรของดาวเนบิรุได้จริงหรือ?

    เรื่องนี้ผมก็คิดว่าเขาทำได้จริงครับ จะเห็นได้ว่าดาวดวงนี้โคจรไม่เป็นไปตามปกติของดาวหางโดยทั่วไป คือเดี๋ยวก็มีคนเห็นว่าไปโผล่ที่โน่นที่นี่บ้าง แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา จึงเป็นข้อถกเถียงกันจนถึงทุกวันนี้ว่ามันมีจริงหรือไม่ อีกทั้งข้อมูลจากคุณ Zeta เพื่อนต่างดาวของเราก็บอกว่าดาวเนบิรุมีมนุษย์อาศัยอยู่อีกด้วย และมนุษย์บนดาวเนบิรุนี้ก็มีเทคโนโลยี่ชั้นสูงกว่ามนษย์โลกเราหลายเท่าตัว จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่เขาจะสามารถบังคับการโคจรหลบหลีกการตรวจจับของมนุษย์โลกเราได้ครับ

    แล้วตกลงว่าจะมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ทำสงครามกันจริงๆหรือ?

    ถ้าดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ผมคิดว่ามันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ มาทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามกัน เพราะความขัดแย้งกันทางศาสนาที่ตัวเองนับถือ ถ้าดูจากคำทำนายทั้งจากทางพุทธ คริสต์ อิสลาม ก็ระบุไว้ตรงกันว่าจะมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์จริงๆครับ ในคำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล ก็บอกเอาไว้ว่าก่อนที่โลกมืดมิด 49 วันนั้น มีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์เข้ามาทำลายล้างกันในทวีปเอเซีย และถ้าดูจากคำทำนายของสำนักอนุตตรธรรม ในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกวินาศ ก็บอกว่าก่อนที่โลกจะมืดนั้น จะมีการยิงระเบิดนิวเคลียร์เข้าไปยังเมืองๆหนึ่ง แต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นเมืองของประเทศไหนนะครับ

    สรุปก็คือ เมื่อใดก็ตามที่มีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ ภายในไม่เกิน 3 วัน ก็จะเกิดเหตุการณ์โลกมืดมิด 49 วัน เพราะมนุษย์ต่างดาวจะใช้ดาวเนบิรุจะมาทำให้โลกหยุดหมุนครับ และเมื่อใดมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ ก็ถือได้ว่าเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ ให้ทุกๆท่านรีบอพยพเข้าที่หลบภัยได้ทันที แต่ทั้งหมดนี้ท่านผู้อ่านไม่ต้องมาเชื่อตามผมก็ได้นะครับ เพราะผมสรุปเอาตามข้อมูลที่ผมได้รวบรวมมา และผมไม่ได้มีตาทิพย์ที่จะรู้เห็นเหตุการณ์ในอนาคตแต่อย่างใดทั้งสิ้นนะครับ

    แล้วทำไมจึงต้องเป็น 49 วัน ทำไมไม่เป็น 3 วัน หรือ 7 วัน ตามคำทำนายอื่นๆ ?

    เรื่องนี้ผมคิดว่าถ้าโลกหยุดหมุนรอบตัวเอง 5.9 วัน ตามที่คุณ Zeta บอกมาจริง ย่อมจะมีผลกระทบอื่นๆ คือทำให้แกนแม่เหล็กโลกพลิกกลับขั้ว ทำให้ลาวาจากใต้โลกเกิดการปะทุขึ้นมาบนผิวเปลือกโลก ทำให้เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินยุบ และภูเขาไฟระเบิดพร้อมๆ กันไปเกือบทั้งโลก และเมื่อภูเขาไฟระเบิดก็จะพ่นละอองเถ้าถ่าน ฝุ่นผงกำมะถัน ขึ้นสู่ขั้นบรรยากาศของโลกเป็นจำนวนมาก เกิดเป็นกลุ่มควันมหึมาบดบังแสงอาทิตย์ ที่จะส่องลงมายังพื้นผิวโลก

    จึงทำให้แม้โลกจะกลับมาหมุนตามเดิมเมื่อผ่านพ้นช่วงเวลา 5.9 วันไปแล้ว แต่กลุ่มหมอกควันฝุ่นผงเถ้าถ่านจากภูเขาไฟระเบิดที่ยังอยู่ในขั้นบรรยากาศ ยังไม่สามารถจางหายไปได้ง่ายๆ คงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 เดือน กลุ่มหมอกควันดำนี้จึงสลายตัวมากับน้ำฝนที่จะตกติดต่อกัน 7 วัน 7 คืน เพื่อเป็นการชำระล้างโลกให้สะอาด หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาที่โลกมืดมิด 49 วันไปแล้ว รวมเวลาที่โลกมืดกับช่วงฝนตกหนัก ก็จะเป็นเวลา 56 วัน ตามที่ อ.ปริญญา ตันสกุล ได้แจ้งเตือนมานั่นเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2012
  16. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,064
    ค่าพลัง:
    +52,162
    <TABLE style="FILTER: progid:DXImageTransform.Microsoft.Gradient(startColorStr=#C0FFFFCC, endColorStr=#10FFFFFF, gradientType=0)" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT: gray 1px solid; BORDER-RIGHT: gray 1px solid" width="100%" colSpan=3 align=middle>[SIZE=+1]ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
    "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย"
    [/SIZE]
    ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 16 กันยายน 2555
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-LEFT: gray 1px solid; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-RIGHT: gray 1px solid; PADDING-TOP: 10px" width="100%" colSpan=3 align=left> บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลิ่มลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ส่งผล
    ทำให้ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 16-18 กันยายน 2555 ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในช่วงวันเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
    อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “ซันปา” (SANBA) บริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวเข้าสู่คาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 16-17 กันยายน 2555 พายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ประกาศ ณ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 05.30 น.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ดูแลสุขภาพกาย ดูแลสุขภาพใจ ดูแลสุขภาพจิต กันด้วยนะครับ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "โลกในอนาคต"ของคุณซิลเวอร์มูน
    (บทความนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ)

    [​IMG]
    เมื่อวิกฤตคลี่คลาย ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง แถมดีกว่าเดิมอีก

    ในระดับประเทศ หลังจากที่ประเทศไทยพังพินาศครั้งใหญ่ ทั้งสงครามกลางเมือง และ ภัยพิบัติน้ำท่วมภาคใต้ จมทะเลหายไปเป็นส่วนใหญ่แล้วนั้น ก็จะเกิดการก้าวกระโดดเป็นประเทศใหม่ โดยจะเกิดการปฏิวัติการปกครองครั้งใหญ่ คือ การรัฐประหารโดยคณะทหาร เปลี่ยนการปกครองจากระบบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (ที่ระบบประชาธิปไตยทุนนิยมเสรีแบบตะวันตก ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง การชุมนุมการจราจลแบบเดิม)

    ไปสู่ระบบสังคมนิยมแบบเสรี ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (ที่รัฐจะให้อิสระ ในการบริหารของเอกชน แต่่จะผูกขาดกิจการรัฐวิสาหกิจในประเทศเท่านั้น) เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ที่ฝังรากลึกในสังคมไทยแบบเดิม ให้หมดสิ้นไป เนื่องจากจะเกิดสงครามการจราจลรุนแรงมากมายอย่างต่อเนื่องไม่ยุติลงได้ เนื่องจากผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ได้ย้ายมาก่อเหตุร้ายไปทั่วประเทศแทน เนื่องจากภาคใต้ถูกทำลายไปแล้ว (เช่นเดียวกับในกรณีสงครามกลางเมืองในไทย ที่การชุมนุมในจุดศูนย์กลางของเมืองได้สลายไปแล้วนั้น ก็จะเกิดการจราจลรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศแทน) เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้เตรียมกำลังคน และกำลังอาวุธไว้ทั่วทุกจังหวัดไว้ก่อนนานแล้ว

    เมื่อแกนนำในภาคใต้สลายไป ก็จะเกิดการก่อการร้ายจราจล อย่างรุนแรงไปทั่วประเทศแทน ซึ่งต้องใช้การปกครองแบบสังคมนิยมของทหารเท่านั้น จึงจะสามารถให้กลุ่มก่อการร้ายเกรงขาม สามารถกำจัดกลุ่มก่อการร้ายสิ้นซากได้ โดยคนไทยจะยอมรับ และ เข้าใจการรัฐประหารครั้งนี้ เห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศไทยตอนนี้แล้ว ซึ่งการปกครองในระบบสังคมนิยมแบบเสรี ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของไทยนั้น จัดว่าเป็นระบบการปกครองแบบใหม่ของโลกเลยทีเดียว

    เพราะประเทศระบบสังคมนิยมทั่วไป จะรวมอำนาจศูนย์กลางสูงสุดไว้ที่ทหารแต่เพียงผู้เดียวแบบประเทศคอมมิวนิสต์ทั่วไป โดยไม่มีระบบกษัตริย์มาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ประเทศไทยมีการปกครองแบบกษัตริย์เป็นประมุขมายาวนาน ตั้งแต่สมัยอาณาจักรเชียงแสน พระเจ้าพรหมมหาราช และสมัยกรุงสุโขทัย ที่เป็นการปกครองระบบสมบูรณายาสิทธิราชย์ ที่เป็นแบบพ่อปกครองลูก ที่พระมหากษัตริย์ดูแลปกครองประชาชน แบบเหมือนเป็นพ่อลูกกัน ซึ่งจะเป็นระบบการปกครองพื้นฐานของไทย ที่ขาดไม่ได้ แม้จะเปลี่ยนเป็นการปกครองแบบระบบสังคมนิยมแล้วก็ตาม (ชาวไทยจึงผูกพันกับพระมหากษัตริย์มาก อย่างยาวนานเหมือนเป็นพ่อลูกกันไม่สามารถตัดกันขาดได้)

    ซึ่งจะทำให้สังคมไทยกลายเป็นระบบสังคมนิยม ที่จะปฏิเสธระบบทุนนิยมของต่างชาติ วิกฤตความพังพินาศของประเทศจะทำให้คนไทยหันกลับมารักกันเหมือนเดิม คนไทยหันมารักกันสามัคคีกัน สังคมไทยมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบน้ำใสใจจริง เหมือนแต่ก่อนอีก หันมาใช้ชีวิตแบบเศรษกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ตามพระราชดำรัสของในหลวง

    คนไทยกลับมาเป็นลูกที่ดีของพ่อเหมือนเดิม ความขัดแย้งทางการเมืองที่ฝังรากลึกมานานจะหมดไป ศาสนาศีลธรรมก็จะกลับมา ผู้คนจะหันมาสนใจพระสงฆ์องค์เจ้ากันอีก เพื่อบรรเทาความบอบช้ำทางจิตใจ จากการสูญเสียที่รุนแรงในอดีต ประเทศไทยจะเป็นประเทศปิด ที่ไม่สนใจระบบทุนนิยมจากต่างชาติอีก เพียงจะผูกขาด กิจการรัฐวิสาหกิจในประเทศไทยเท่านั้น

    ทำให้เป็นประเทศเหมือนตายไปแล้ว ที่น่ากลัว ไม่น่าอยู่น่าเที่ยว ไม่น่าลงทุนของคนต่างชาติชาวโลก (แต่จะเป็นการเกิดใหม่ น่าอยู่กว่าเดิม สำหรับคนไทย ด้วยกันแทน) และ ความเชื่อใหม่ความรู้ใหม่ ที่เกิดขึ้นจากประเทศไทยนั้น คนไทยจะไม่สนใจด้วย ตอนนี้คนไทยจะรักสามัคคีกันอย่างเหนียวแน่นสูงสุด จะสนใจแต่ศาสนาพุทธ อันเป็นศาสนาหลักของไทยอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ยอมรับความเชื่ออื่นๆเลย

    เนื่องจากจะมีผู้คนจำนวนมาก เมื่อจวนตัวระหว่างเกิดภัยพิบัติร้ายแรง ได้เห็นคุณของพระรัตนตรัย ช่วยให้รอดพ้นปลอดภัยมากับตนเอง โดยความเชื่อใหม่ ความรู้ใหม่ จะไปเป็นที่สนใจของคนต่างชาติชาวโลก หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่นิยมเล่นโยคะ และ อินเตอร์เน็ต อันเป็นมหาชนในมหานครต่างๆทั่วโลกแทน (เนื่องจากคนรุ่นใหม่เหล่านี้ จะได้รับทราบข่าวสารและข้อมูล ในภาคปฏิบัติ ในพระพุทธศาสนาในมิติใหม่ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงเตรียมการณ์ไว้บนแผ่นดินสุวรรณภูมิ ล่วงหน้า มา 2583 ปี แล้ว)

    นั่นคือ เมืองไทย หรือประเทศไทยที่เป็นประเทศครอบครัวรวม และ เมืองพุทธของโลก ก็จะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ในการปกครองระบบสังคมนิยม ที่ไม่เคยมีมาก่อน แถมคนไทยสังคมไทยยังรักสามัคคีกันยิ่งกว่าเดิม อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกด้วย ด้วยรู้ซึ้งถึงผลกระทบจากระบบทุนนิยมที่ทำลายประเทศพินาศย่อยยับมาแล้ว

    คนไทยจึงใชัชีวิตแบบสงบพอเพียง พออยู่ พอกิน กันอย่างแท้จริง ร่วมมือกันสามัคคีกันปฏิเสธระบบทุนนิยม บริโภคนิยมของต่างชาติกันทั้งประเทศ ทำให้ระบบทุนนิยม บริโภคนิยมของมหานครของคนต่างชาติ จึงขยายมายังประเทศไทยไม่ได้ อีกต่อไป แต่ความเชื่อใหม่ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จะขยายไปยังมหานครต่างชาติของชาวโลกแทน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2012
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ในระดับโลก หลังจากที่โลกสีน้ำเงินพังพินาศครั้งใหญ่ ทั้งสงครามกลียุคล้างโลก และ ภัยพิบัติน้ำท่วมโลกอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับที่นอสตราดามูส กล่าวทำนายเอาไว้ จนทำลายมหานครทั้งหมดพินาศหมดสิ้นแล้วนั้น ก็จะเกิดการก้าวกระโดดเป็นโลกใหม่ โดยจะเกิดการปฏิวัติอารยธรรมครั้งใหญ่ โดยมนุษย์ต่างดาวเปลี่ยนอารยธรรมเก่าจากระบบโลกาภิวัฒน์ (ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างชนบท และ มหานครแบบเดิม) สู่ระบบจักรวาลภิวัฒน์

    เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางอารยธรรมเก่า ที่ฝังรากลึกในโลกสีน้ำเงินแบบเดิมให้หมดสิ้น ซึ่งด้วยอารยธรรมที่สูงส่งสูงสุดของมนุษย์ต่างดาว ย่อมสามารถสร้างมหานคร อารยธรรมใหม่สากลจักรวาลภิวัฒน์ได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย อันจะเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่อลังการ ล้ำยุคที่เงียบสงบแบบชนบทแบบเมืองแม่ของมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง

    โดยจะสร้างจานบินเมืองแม่ ที่เคลื่อนไหวท่องเที่ยวในสากลจักรวาล ได้พามนุษย์ในโลกสีน้ำเงิน ท่องเที่ยวติดต่อกับมหาชนสากลจักรวาลมนุษย์ต่างดาว ในดวงดาวต่างๆที่มีมากมายหลากหลายชาติพันธุ์ในสากลจักรวาลต่างๆได้ ซึ่งจะทำให้สังคมโลกกลายเป็นระบบจักรวาลภิวัฒน์ ที่จะปฏิเสธระบบทุนนิยมระบบโลกาภิวัฒน์แบบเดิม มนุษย์โลกสีน้ำเงินกลับมามีความปิติสุข สนุกสบายในมหานครที่มีเทคโนโลยีทันสมัยล้ำยุคอลังการ ที่ติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนสากลมากมาย หลากหลายชาติพันธุ์ เหมือนแต่ก่อนอีก

    ความขัดแย้งทางอารยธรรม ที่ฝังรากลึกมานานจะหมดไป โลกสีน้ำเงินจะเป็นโลกเปิด ที่เปิดรับอารยธรรมใหม่สากลจักวาลภิวัฒน์ จากประเทศต่างๆในดวงดาวต่างๆ ในสากลจักรวาลต่างๆ ทำให้เป็นโลกที่เกิดใหม่ น่าสนใจน่าอยู่น่าเที่ยว สำหรับมนุษย์ต่างดาวในสากลจักรวาล (แต่จะเป็นโลกที่ตายไปแล้วที่น่ากลัวไม่น่าสนใจ ไม่น่าอยู่น่าเที่ยว ของมนุษย์ชาวโลกสีน้ำเงินด้วยกันในอารยธรรมเก่าแทน)

    นั่นคือ โลกสีน้ำเงินที่เป็นโลกครัวรวมของพี่น้องประเทศต่างๆ ที่มีประเทศต่างๆมากมาย หลากหลาย และมหานครที่ไฮเทคล้ำยยุคไฮเทคอลังการ ก็จะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ในการปกครอง ระบบจักรวาลภิวัฒน์ แถมมนุษย์จะมีอารยธรรม มหานครที่มีเทคโนโลยีไฮเทคยิ่งใหญ่อลังการยิ่งกว่าเดิม และ มีการติดต่อสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในดวงดาวต่างๆในสากลจักวาลมากมายกว่าเดิม อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกด้วย

    ด้วยรู้ซึ้งถึงผลกระทบจากระบบทุนนิยม ที่ทำลายโลกพินาศมาแล้ว มนุษย์ในโลกสีน้ำเงินที่รอดมาใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ต่างดาวได้นั้น จึงใชั ชีวิตแบบสงบพอเพียง พออยู่ พอกิน กันอย่างแท้จริงที่จะมีร่างกายใหม่ ที่เกิดจากการชุบชีวิตใหม่จากมนุษย์ต่างดาว ให้ไม่ต้องกินอาหารหยาบแบบเดิม ไม่ต้องขับถ่าย ไม่ต้องหายใจ ไม่ต้องหลับได้

    จึงไม่ต้องบริโภคอย่างมากมายเหมือนเดิมอีกต่อไป ทำให้ระบบทุนนิยม บริโภคนิยมของมหานครแบบเดิม จึงสูญสิ้น กลายเป็นระบบสากลจักรวาลภิวัฒน์ ในอารยธรรมใหม่แทน โดยจะขยายไปยังสากลจักรวาลต่างๆ ในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลต่อไป (ถ้ามนุษย์ในยุคพลังงานใหม่เปลี่ยนไปดังกล่าวแล้วข้างต้น แสดงว่าเมื่อสุริยะจักรวาลและโลก ย้ายไปสู่แรงดึงดูดของกาแลกซี่ไตรแองกุลัมเต็มตัว ทำให้ดีเอ็นเอ ของมนุษย์ในยุคนั้นเปลี่ยนแปลงไป กระเดียดไปคล้ายๆกับมนุษย์ชาวดาวอังคาร และการมีอายุยืนยาวมากขึ้น เนื่องจากความเข้มสนามแม่เหล็กจะเพิ่มขึ้น ในร่างกายจากเดิมประมาณ 2 เท่าตัวหรือเพิ่มเป็น 22 เกาซ์)

    (เท่าที่พอจะประมวลความเปลี่ยนแปลง ของยุคพลังงานใหม่ หรือชาวศิวิไล นั้น สิ่งแวดล้อมโลก จะคล้ายๆสมัยตอนต้นพุทธกาล ซึ่งศาสนิกชาวพุทธ สามารถบรรลุธรรมได้ง่าย หลวงปู่ประเสริฐ ก็ดี พระอาจารย์รัตน์ ก็ดี ท่านกล่าวไว้เป็นนัยๆ ให้บรรดาลูกหลานพยายามเอาชีวิตรอดไปสู่ยุคใหม่ให้ได้ โดยท่านเหล่านั้นยังไม่ได้ลงรายละเอียดเอาไว้ และในคัมภีร์โบราณ อายุ 2550 ปี ที่พระมหากัสสปะ และหลวงปู่มหาเทวจักร ได้บันทึกเอาไว้

    กล่าวถึงรายละเอียด ในคราวที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาเตรียมงานล่วงหน้าบนดินแดนสุวรรณภูมิ ได้กล่าวถึงจำนวนพระอริยะเจ้าที่เกิดใหม่ถึง 700,000 รูปพระศาสนาจะเฟื่องฟูเช่นเดียวกับยุค พ.ศ. 1-500 อีกวาระหนึ่ง นับว่าเป็นรายงานอดีตถึงผลที่จะเกิดในอนาคตที่น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง และเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ที่ได้เข้าถึง 'ทาง' ของตน หรือ 'มรรค' แล้ว ได้ใช้โอกาสนั้นทำมรรคให้สมบูรณ์..ให้ตนเองเป็นผู้หนึ่ง ในจำนวน 700,000 องค์นั้น จะเป็นสิ่งซึ่งน่าชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อการเกิดมาเป็นมนุษย์ในวาระนี้)

    ที่มา http://ainews1.com/article448.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2012
  19. JITDEEJING

    JITDEEJING เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +185
    ขอบคุณคุณเกษมมากสำหรับข้อมูลดีดี ที่ช่วยในเรื่องการเตรียมตัว ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้เตรียมภัยในระดับหนึ่ง แต่เป็นห่วงคนดีที่ไม่เชื่อ หรือไม่ทราบเรื่องเหล่านี้เลย มัวแต่ทำมาหากิน หากมีเหตุการณ์ทางการเมืองก่อนภัยพิบัติใหญ่ จะทำให้คนดีได้มีโอกาสหลีกลี้ไปในที่ปลอดภัยมากขึ้น ส่วนความช่วยเหลือจากเพื่อนต่างดาวในเรื่องการอพยพนั้น ถ้ามีก็ขอบคุณมากเพราะจะช่วยคนดีส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เตรียมอะไรเลยให้อยู่อย่างไม่ลำบาก แต่เคยอ่านข้อมูลจากคุณ MEAD ที่เคยpostไว้ว่าอาจจะไม่ต้องถึงกับอพยพ เพราะแนวโน้มที่จะเกิดไม่เลวร้ายขนาดนั้น คุณเกษมเห็นว่าอย่างไร?
     
  20. nattaphong8

    nattaphong8 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +30
    นิมิต เห็น.

    จากสมาธิ คืนวัพระ 15 กย 2555 เห็นอุกาบาต ก้อนใหญ่มาก 1 ก้อน ตามมา
    ด้วยก้อนเล็ก 1 ก้อน แต่ไม่ลุกเป็นไฟเห็นเป็นก้อนหิน บนท้องฟ้า ตอนที่ที่เห็น
    ท้องฟ้าใสสีฟ้ามีเมฆบางๆ แต่ตอนตกถึงพื้น ระเบิดน่ากลัวมากฝุ่นผงพุ่งกระจายน่ากลัวมาก ในนิมิตรู้สึกห่วงบ้านที่อยู่อีกที่หนึ่งมาก (มีบ้านในตัวเมืองอีกหนึ่งหลัง)
    ีรีบลงมาจะขับรถไปดูบ้านที่อยู่นอกตัวเมือง ลงมาถึงข้างล่างก็ยืนตกตะลึงมองเห็นท้องฟ้ามีแต่ควันสีดำ มีสีแดงคล้ายเปลวไฟเต็มไปหมดทั้งท้องฟ้า ในนิมิตผมกลัวมาก ทั้งที่ไม่เคยกลัวมาก่อนเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...