พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

แสดงว่าที่เคยเล่ามา เล่าไม่หมดอ่ะจิ อย่ากั๊กหนอ เล่ามาให้หมดหนอ..
(อย่าว่าแต่คุณ hastin ฝันว่า นราวดีขี้โม้เลย แม้แต่เธอเองก็ชอบฝันว่าจ้อไม่หยุดปากอ่ะ..หรือแม้แต่คนอื่นๆ ด้วย)

 

สวัสดีค่ะคุณวัสตุกา ยินดีต้อนรับสู่นครแห่งนี้คร้า..าา
ก่อนอื่นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นนิทานหรือเรื่องเล่า 1 เรื่องคร้า..าา รออ่านหนอ

 

เมื่อเช้า ประมาณตีห้า ฝันไปว่าเอาลุกแก้วไปล้างที่ห้องน้ำ เพราะว่าเมื่อวันอาทิตย์หลังจากกลับมาจากตักบาตรแล้วจึงนำลูกแก้วลงแช่น้ำ แล้วหล่นกระจายอยู่บนพื้น หนูเก็บขึ้นมา เหมือนมีเศษของลูกแก้วลูกหนึง่ อาจจะแตกหรืออะไรสักอย่าง ก็เก็บขึ้นมา แล้วเห็นลูกแก้วอีกลูก ที่ไม่ใช่ของหนู อยู่บนพื้น สีฟ้าใสๆ รีๆ สวยจัง ยังคิดอยู่เลยว่าของใคร ในฝันทุกอย่างเหมือนจริงมากๆจนคิดว่าเป็นเรื่องจริงซะด้วยซ้ำ



…..นิทานฝัน แก้ง่วงคร้าาาาาาาา

 

ขออนิสงค์ผลบุญที่ทำมาในอดีตและปัจจุบัน ส่งผลให้เทพเทวา ท่านสุชาวดี โปรดอนุญาตให้ท่านคุรุวาโรได้บำเพ็ญบารมีต่อด้วยเทอน

 

ขอบคุณค่ะ น้องรวัสสรร เดี๋ยวนี้ฉลาดในเรื่องความรักแล้วคร้า..าา

"อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร เข้าใจไหม ถ้าไม่รัก ไม่ต้องไปทำแบบนี้...ให้ใคร
อย่าทำอย่างนี้เพราะเขาจะมองว่าเธอน่ะใจร้าย ที่ทำเหมือนเธอให้ใจ แต่มันก็ไม่จริง"

ถ้ามองย้อนกลับมา...พี่สงสารฝ่ายชายมากกว่าค่ะ เพราะผู้ชายถูกตราหน้าว่าผู้นำ
ต้องทำทุกอย่างทุกด้านเพื่อให้ทุกคนภายในปกครองมีความสุข แม้ตัวเองต้องหวานอมขมกลืน
ต้องเก็บมันไว้ในใจ ด้วยภาพลักษณ์ที่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลา จะมีใครบ้างไหมที่มองเห็นมุม
อ่อนแอของผู้ชาย

 

ขอให้ท่านเทพธิดาเปลี่ยนใจนะคะ ท่านคุรุวาโร

 

:''( นู๋ตามอ่านไม่ทันอีกแล้ว

 

เจ้าสาวกลัวฝนเสียแระ

 

กลัวยังไงล่ะ คุณนุ้ย เราสงสารจริงๆ นะ มองกลับมุมแล้วทุกชีวิตล้วนมีเหตุมีผล
ในการกระทำทุกคนเลย เราก็เลยขอออกมาจากเรื่องโลกๆ ดีกว่า กลัวเผลอเข้าไป
มีส่วนร่วมกับทุกข์อีก มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงอ่ะ

 

ยามบ่ายๆแบบนี้ ต้องนิทานสักเรื่องหนอ... พอจะมีไหมหนอ อิอิ

สงสัยบางอย่าง เวลานั่งสมาธิค่ะ หลังๆมานี่ติดเล่นอินเตอร์เน็ต ทีแรกกะจะสสวดมนต์สักสี่ทุ่ม เผลอๆอีกที 5 ทุ่มอีกแล้ว :'( ไอ้เราก็เริ่มง่วง

พอสมาธิปุ๊บก็จะโงกเรื่อย แต่พอโงกไปปุ๊บ สติคืนมา มันจะมองเห็นภายในเปลือกตาตัวเอง (ไม่รู้จะอธิบายยังไง) เห็นเป็นภาพไกลๆ เหมือนเป็นโพรงๆ เหมือนว่า ถ้าเราเพ่งกำหนดไปน่าจะเห็นเป็นเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หนึ่ง แต่พอประคองตัวได้ ไอ้โพรงที่เห็นอยู่ลิบๆก็หายไปทุกที เป็นแบบนี้อยู่สองสามครั้ง ไม่รู้เพราะอะไรหนอ สงสัยคิดไปเองอีกแล้ว

ฟังขำๆ แก้ง่วงตอนบ่ายไปจ้ะ

 

ภาคบ่ายให้พักผ่อนได้คร้า..าา ตอนนี้ไม่ว่างงานเข้าจร้า..าา

 

ไม่ตั้งใจกลับเห็น พอตั้งใจกลับไม่เห็น

อ้าว ถ้ายังงั้นก็ไม่ต้องตั้งใจจิ หรือต้องตั้งใจไม่มาก

ใครรู้บอกหน่อยจ้า

 

วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังคะ เป็นเรื่องสมัยเด็กๆ 5-6 ขวบ ที่ไปเจออะไรแปลกๆบางอย่าง ที่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นภาพลวงตาจากการกลัวงู(กลัวจนขึ้นสมองเลยคะ) หรือ มีอะไรบางอย่างที่วัดนั้นจริงๆ ที่มาปรากฎให้เด็กหญิงคนนั้นเห็น

เราจำชื่อวัดไม่ได้นะคะ แต่แม่บอกว่าชื่อ

'วัดถ้ำอหิงสา จ.อุดรธานี'

แต่เราไม่แน่ใจว่าแม่กับเราหมายถึงวัดเดียวกันรึเปล่า? เพราะแม่ก็ไปหลายวัดเหลือเกินช่วงนั้น หากข้อมูลผิดพลาด ต้องขออภัยคะ

วันนั้นจำได้แค่ไปวัดถ้ำแห่งหนึ่ง ที่ จ.อุดรธานี บ้านเกิดของแม่ ก็ไปกับเพื่อนๆแม่หลายคน แต่มีเราเป็นเด็กคนเดียวในกลุ่ม ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยคะ เป็นเด็กที่ชอบเดินชอบเล่นชอบพูดคนเดียว ไม่กวนแม่มากเพราะชอบเล่นคนเดียวเงียบๆ แม่เลยปล่อยให้เดินในถ้ำซึ่งเป็นวัด คือวัดนั้นเขามีบริเวณที่ปลูกโรงเรือนบ้างนะคะ ไม่ได้เป็นถ้ำทั้งวัด ภายนอกจะมาลานหินธรรมชาติโล่งๆ ตอนนั้นวัดยังไม่มีสิ่งก่อสร้างมากนัก ถนนทางเข้ายังลำบากอยู่

วัดถ้ำแห่งนี้ บรรยากาศจะทึบๆซักหน่อย ตามผนังและเพดานถ้ำมีรูปภาพพระสงฆ์และงานบุญต่างๆมากมาย และมีของหลายอย่างบ้างแขวน บ้างห้อย ไว้ตามผนังถ้ำ ที่เราจำได้มีของคล้ายๆข้องจับปลาของคนอิสานที่มีผ้าแพรสีๆผูกไว้ด้วยคะ อ่อ...มีรูปหนึ่งที่เราจำแม่นเลย น่ากลัวมากแต่เราชอบดู เป็นรูปสังขารของพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ถูกแหวะอก ตั้งแต่ใต้ลำคอลงถึงท้องน้อย เผยเครื่องในมนุษย์ รูปนี้ตั้งอยู่หน้าอาสน์พระหรือโต๊ะหมู่บูชานี่แหละคะ จำไม่ได้ เรากลัวมากทีแรกแต่ก็ไปนั่งจ้องดูอยู่ตั้งนาน การเห็นสังขารพระสงฆ์ครั้งนั้นเป็นเหตุให้เราชอบสงสัยตัวเอง(ซึ่งเป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง เดี๋ยวจะเล่าอีกคะ)

สุดปลายถ้ำ เหมือนจะเป็นพระประธานองค์ใหญ่ และมีพระพุทธรูปอยู่เยอะพอสมควร ต่รงมุมนั้นมันเงียบมากเลย ต่างจากตรงทางเข้าถ้ำที่พระสงฆ์ท่านนั่งสนทนากับญาติโยม แต่ที่เราเห็นมากกว่านั้นคือ บนเพดานถ้ำเหนือองค์พระประธาน มีบางอย่างขดเป็นวงสงบนิ่งอยู่บนนั้น เหมือน...งูเหลือมขนาดใหญ่มาก มีตั้ง 2 ตัว นอนขดอยู่บนเพดานถ้ำ

ตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่ แปลกเหมือนกัน ปกตินี่คงชักไปแล้ว แต่ไม่ได้ทักหรือถามใคร แม้แต่แม่ ตอนนั้นรู้สึกเเหมือนตัวเรากำลังเตือนตัวเองว่าไม่ควรถาม ไม่ควรพูดออกมา อาจจะกลัวงูเลื้อยมาหาก็ได้ ก็มองๆดูๆ ทำอย่างอื่นบ้างแต่ก็ชำเลืองตลอด ก็ยังอยู่ที่เดิมคะ จนออกมาจากวัด

เลยถามแม่ว่า ทำไมที่วัดเลี้ยงงูยักษ์ด้วย แม่เรางงไปเลย บอกว่า...ไม่มีงูนะลูก เราก็ว่า..มีสิแม่ งูนอนอยู่ข้างบนพระใหญ่ แม่ก็คุยๆกับป้าๆเพื่อนแม่ เขาก็สรุปกันว่า...เราตาฝาด อาจเป็นคราบงูใหญ่ที่เขาเก็บมาถวายวัดก็ได้ เราก็เอ๋อๆ ไม่กล้าเถียงผู้ใหญ่ ยิ่งเอ๋อแม่ยิ่งแน่ใจ ว่าลูกคิดไปเองอีกแล้ว

จากนั้นมา ถ้าเราเห็นถ้ำ ไม่ว่าจะที่ไหน เห็นจริงหรือในรูปหรือในฝัน เราจะคิดไปเองตลอด ว่า...ในถ้ำต้องมีงูแน่เลย!!

ผ่านไปหลายปี เราอายุซัก 10 กว่าปีได้กลับไปอีกครั้งคะ ก็ไปถวายเพลพระ ก็จำขึ้นมาได้ว่า วัดนี้นี่นาทีเรามาเห็นงูบนเพดาน เลยเดินสำรวจถ้ำเลยคะรอบนี้ แต่ไม่มีอะไรคะ รู้สึกว่าวัดเปลี่ยนไป ถ้ำเปลี่ยนไป ดูสว่างกว่าเดิม เลยคิดว่า...เราต้องตาฝาดแน่ๆ แต่ที่ยังไม่เปลี่ยนคือรูปสังขารพระสงฆ์ที่เขาให้ดูเพื่อปลงสังขาร ก็เลยไปนั่งดูนานเลย ดูจนขึ้นสมอง กลับไปคิดแปลกๆกับตัวเองอีก

จบแล้วคะเรื่องงูในถ้ำ

...

ไม่รู้ว่าตาฝาด หรือ เห็นจริง นะคะ เล่าจากประสบการณ์ อยากรู้เหมือนกันคะว่าเป็นอะไรแน่? หากมีโอกาสก็อยากกลับไปวัดถ้ำนี้อีกคะ เป็นวัดที่บรรยากาศขมุกขมัวแต่เราชอบจัง!

 

หลักการปฏิบัติที่จะเห็นผลได้ต้องสายกลางค่ะ มัชฌิมาปฏิปทา

ส่วนหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต ท่านสอนว่า มัชฌิมา คือ กลาง กลางคือว่าง ว่างคือสูญ ไม่ต้องเลือก ซึ่งหลายๆ คนฟังแล้วก็ต้องอึ้ง บ้างก็อุทานในใจว่าคิดได้ไง (ฮา) หรือบางคนอาจจะคิดว่าหลวงพ่อฯ ตีความเอาเองแบบเฉโกเข้าข้างคำสอนตัวเอง หลวงพ่อฯ ท่านอธิบายความเพื่อสอนคนประเภทไหนกันแน่?

โดยความเป็นจริงแล้ว มัชฌิมาปฏิปทาก็หมายความอย่างที่หลวงพ่อฯ ท่านสอนนั่นแหละ

แล้วเพราะเหตุใดเล่าท่านถึงสอนแบบนี้?

มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลางนั้น "ไม่มีจริง" ในสังสารวัฏที่ยังหลงติดอยู่กับธรรมคู่ เพราะหากยังมีตัวตนอยู่ มันก็ต้อง "เลือก" คือเลือกว่าจะกลางหรือไม่กลาง ดังนั้นคำว่า "กลาง" ของปุถุชนก็คือเลือกข้างที่เป็นกลาง และผลักไสไม่ยอมรับข้างที่ไม่เป็นกลาง ซึ่งก็ถือว่าเป็นธรรมคู่อยู่ เหมือนสวิทซ์เปิดปิดไฟที่มีแค่สองสถานะคือเปิดกับปิด ในสังสารวัฏนี้จึงไม่มีอะไรที่เป็นกลางอย่างแท้จริงเลย เลือกเป็นกลางก็ต้อง "ทำ"เอา เลือกไม่เป็นกลางก็ต้อง "ทำ" เอา กรรมจึงต่อชาติหน้าไปเรื่อย มันจึงไม่กลางจริงๆ สักที กลางแบบนี้มีกลางได้ เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนเป็นไม่กลางได้เหมือนกัน พอจะประคองให้มันกลางๆ นานๆ หน่อยก็ไปฝืนสภาวะเป็นอัตตาขึ้นมาอีก ก็ทุกข์อีก อยู่ในสังสารวัฏก็แบบนี้แหละ เดินทางสายกลางก็ทุกข์ทั้งนั้น

ทางสายกลางจริงๆ จึงหมายความว่า ว่างจากการเลือก ว่างจากธรรมคู่ ว่างจากตัวตน หรือสุญญตา นั่นแหละ คือทางสายกลางแห่งอริยะจริงๆ เป็นทางสายกลางที่ไม่มีข้างซ้าย ข้างขวา ไม่ต้องต่อกรรม ไม่ต้องมีอัตตาตัวตนเข้าไปเดินบนทางสายกลาง เพราะมันว่างอยู่แล้วนั่นเอง

สัจธรรมของพระพุทธเจ้านั้นเป็นโลกุตรธรรมล้วนๆ ปราศจากตัวตนเข้าไปเจริญ เข้าไปดำเนิน แต่พอมาอยู่ในมือปุถุชน จึงถูกตีความให้เข้าใจและนำไปปฏิบัติใช้บนพื้นฐานแห่งโลกียวิสัยจนหมด ระบบการเรียนการสอนจึงเน้นไปที่การปฏิบัติซึ่งก็เป็นโลกียวิสัยคือต้องทำเอา เหมือนกัน

ทีนี้รู้หรือยังว่าหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะท่านสอนบุคคลประเภทไหน? 555

 

ขอบคุณค่ะสำหรับนิทาน ค่อยตาสว่างขึ้นมาหน่อยค่ะ อิอิ

แต่ฟ้ามุ่ยคิดเหมือนกันค่ะ ชอบคิดว่าในถ้ำ ต้องมีงู 555+

 

ติดตามอ่านจนทันแล้ว แฮ่กๆๆ(tm-love)(tm-love)

 

. ฝันตอนเช้ามืดค่ะว่ามดขึ้นบ้านค่ะเต็มไปหมดเลย. เลยซื้อเลขที่บ้านค่ะ. 139

 

นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง สมัยหอเก่าที่เราอยู่... เพื่อนมักจะแวะเวียนมาหาบ่อยๆ เพราะใกล้มหาวิทยาลัย ... ครั้งหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งมาหา และนั่งคุยด้วยสักพักก็กลับไป

ตกดึกเราก็ฝัน เห็นเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งเล่นกันอยู่ในห้องเรา แต่ไม่ได้มัดผมจุกแต่อย่างใด เป็นเด็กตัวเล็กๆธรรมดาๆนี่แหละ

วิ่งเสร็จหันมาถามเราว่า พี่จ้ะ ขอกินขนมหน่อยนะ ... เราก็ ได้จ้า เอาเลย เด็กทั้งสองก็วิ่งไปเปิดตู้เย็นหาของกิน หัวเราะคิกๆคักๆ กันสนุก เช้ามาเราก็เล่าให้พวกเพื่อนๆฟัง ว่าปกติไม่เคยฝันแบบนี้ ฝันเหมือนจริงมากๆ

เพื่อนคนที่ไปหา ถึงบางอ้อ ก็ตอบว่า ... แหม บอกแล้วไม่ให้ตาม ยังจะตามกันไป คือ น้องๆกุมารที่บ้านเขานั่นเอง 555+ มาขอขนมเรากินซะงั้น

*************************************

อีกเรื่อง เกี่ยวกับน้องกุมาร คือ ที่หอพักหญิงรวมที่เพื่อนเราอยู่นั้น ห้องข้างๆ พี่เขาจะเลี้ยงกุมารไว้ วันดีคืนดีก็ได้ยินเสียงเด็กวิ่งเล่นตามระเบียง เสียงปั่นจักรยานพลาสติกเด็กเล่นมั่ง อะไรมั่ง พอถึงคราวที่พี่คนนั้นกลับบ้านต่างจังหวัด ก็โทรมาว่า ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปแหกโค้ง แต่ไม่เป็นอะไรมาก ...

เพื่อนก็ตกใจ จากนั้นพี่เขาก็เล่าว่า ตอนไปดูดวง (เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะมีเคราะห์) หมอดูบอกว่า โชคดีมากนะ ตอนที่รถล้มนั่นน่ะ ช่วยดึงรถกันจุกตั้งเชียว ไม่งั้นเจ็บหนักแน่ๆ

แหะๆ... เห็นว่าน่ารักดี เลยเอามาเล่าสู่กันฟังจ้าาา แก้ง่วงๆ

 

กระทู้นี้พลาดแค่คืนเดียวก็หอบแล้วค่ะ ใครพลาดไปหลายวัน เหนื่อยแน่ๆ อิอิ

ขอให้ถูกนะคะ เราไม่ค่อยมีโชคทางด้านนี้ เล่นอย่างไรก็เสียค่าาาา

 

. ขอบคุณค่ะ. สาธุค่ะ