ผมลองฝึกพลังจิตแล้วแปลกๆ

คือว่าผมได้อ่านถึงการฝึกพลังจิตมามากมายแต่ผมเองก็ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่
ผมเลยลองเอาน้ำใส่ขั้นต์แล้วเอาไม้จิ้มฟันลงไปรอให้น้ำนิ่ง(อยู่นานมากกว่าจะหายสั่นจะหายเคลื่อนไหว) แล้วผมก็ลองเพ่งไปที่ไม้จิ้มฟันแล้วเอามือข้างขวาไปไว้ทางขวาของขันต์ ผมเพ่งไปนานพอสมควรแล้วรู้สึกเหมือนมันขยับนิดหน่อยแล้วผมก็มีอาการหน้ามืดแต่ไม่ได้สนใจ ผมเลยยืนขึ้นมา ปรากฎว่าผมหน้ามืดคับแล้วก็ต้องหลับตาจับกำแพงไประยะหนึ่งกว่าจะหาย อาการนี้ใครเป็นมั่งหรอคับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่า หัวใจเต้นแรง แล้วก็ตรงขมับเต้นตุบๆ อยู่ ทั้งๆที่ไม่ได้ไปเล่นอะไรมาก่อน นอกจากนั่งอ่านเรื่องพลังจิตอยู่ ช่วยบอกรายระเอียดการฝึกและอาการที่ผมเป็นด้วยครับ ปวดหัวหน่อยๆละตอนนี้ มึนๆ

 

กรุณาตอบด้วยคับ
อยากได้คำตอบ

 

รายละเอียดการฝึกนั้นผมไม่รู้
รู้แต่ว่า ถ้าฝึกแล้วมีผลเสียต่อร่างกาย
ก็ไม่ควรไปฝึกนะครับ

 

แต่ผมสนใจในเรื่องนี้
แล้วก็ชอบมาก ฝึกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
มันรู้สึกทำให้เราสบายกายสบายใจดี
ผมเลยอยากฝึกอีก และให้ดีกว่าเดิมด้วยคับ
บอกที

 

น่าศึกษา ขอรู้หน่อย...รอ รอด้วยคน..จ้า

 

คับ
อย่างน้อยก็มีเพื่อนสนใจอีกคนแล้ว 555+
ผู้รู้ช่วยรีบมาตอบหน่อยนะคับ
^^

 

ไปฝึกกสิน ดิครับ ไอ่กว่าพลังจิตอีก เสกไฟ เสกดินได้ ลองไปศึกษาดู

 

ผมมองในแง่วิทยาศาสตร์ละกันนะ ละก็ ขอเอาสาเหตุของการเกิดอาการหน้ามืด มาแชร์ให้ฟังละกัน ......... อาการหน้ามืดที่จะกล่าวรายละเอียดต่อจากนี้ ไม่ใช่อาการหน้ามืด ที่มักจะใช้กล่าวอ้างว่าเกิดหน้ามืด จึงเป็นเหตุให้กระทำในสิ่งไม่บังควรต่างๆ ได้ แต่จะพูดถึงอาการที่มักจะเกิดขึ้นในบางขณะที่อยู่ดีๆ ก็เกิดความรู้สึกว่าใจหวิวๆ พร้อมๆ กับความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อแขนขา เริ่มอ่อนแรง แม้พยายามที่จะทรงตัวแล้ว ก็ยังไม่สามารถกระทำได้ ต่อจากนั้นความรู้สึกต่างๆ ก็จะวูบหายไป แล้วร่างทั้งร่างก็จะทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นได้ทันที หากไม่มีใครรับได้ทัน การหมดสติไม่รู้สึกตัวไปครู่หนึ่งคล้ายว่าหลับสนิท อาการเหล่านี้เรียกได้ว่า อาการหน้ามืด Syncope ซึ่งมักจะได้ยินเรียกใช้ควบคู่กันกับคำว่า เป็นลม Fainting ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ถ้าสังเกตก็จะพบว่า ก่อนหน้าที่จะมีอาการหน้ามืดหมดความรู้สึกไปนั้น มักจะมีอาการหน้ามืด มีเหงื่อออกเป็นเม็ดทั่วใบหน้าและตามตัว วิงเวียน บางครั้งมีอาการบ้านหมุน มือเท้าจะเย็นชื้น บางครั้งอาจมีความรู้สึกแน่น มีลมระบายออกมาจากท้องนำมาก่อน ซึ่งอาการเหล่านี้ จะเรียกกันโดยรวมว่า อาการเป็นลม หรือ Fainting นั่นเอง
โดยที่อาการหน้ามืดหมดสตินี้ อาจเกิดจากสาเหตุที่ไม่ร้ายแรง เช่น การขาดอาหารที่ทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำ หรือ เกิดจากอาการเครียด สำหรับที่เกิดจากสาเหตุที่ร้ายแรงได้แก่ โรคสมองหรือภาวะหัวใจขาดเลือด เกือบ 100% เกิดจากปฏิกิริยา Vasovagal หรือ Vasodepressor Syncope ซึ่งส่งผลทำให้เกิดอาการหมดสติในทันทีทันใด เมื่อเกิดการกระตุ้นจากสิ่งกระตุ้น จะเกิดกระแสประสาทไปที่สมอง และมีการสั่งการเพื่อเพิ่มกระแสประสาทที่มาจากประสาทแห่งความตื่นตัว Sympathetic ผลก็คือ หลอดเลือดเริ่มมีการขยายตัว ความดันโลหิตจะลดลง เลือดดำไหลกลับสู่หัวใจลดลง ทำให้เลือดแดงออกจากหัวใจน้อยลงเช่นกัน สมองเริ่มขาดเลือด และหมดสติลงได้ในที่สุด หากไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ถูกต้อง สำหรับการดูแลรักษาผู้ที่มีอาการหน้ามืดเป็นลมง่ายๆ ก็คือ
1. จัดให้นอนราบศีรษะต่ำ เพื่อให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองมากขึ้น
2. ปลดสิ่งรัดร่างกายที่ทำให้อึดอัด
3. พยายามทำให้บริเวณนั้น มีอากาศถ่ายเทสะดวก
4. ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามใบหน้า คอและแขนขา
5. ให้ดมแอมโมเนีย และสอนให้ผู้ป่วยหายใจช้าๆ ลึกๆ
6. ไม่ควรให้ผู้ป่วยลุกเดินจนกว่าจะรู้สึกสบายขึ้น
ในกรณีที่มีอาการหมดสตินาน ต้องไปพบแพทย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือ และทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เพราะอย่าลืมว่าอาการหน้ามืดเป็นเพียงอาการแสดงปลายทาง ที่มาจากสาเหตุในส่วนที่ร้ายแรงได้ ดังนั้น จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ หากมีอาการหน้ามืดนาน หรือมีอาการบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งไม่พบว่าตนเองมีสาเหตุของอาการที่ไม่ร้ายแรงชัดเจน เหล่านี้ควรไปพบแพทย์เช่นกัน อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญถือเป็นข้อสังเกต ก็คืออาการหน้ามืดมักจะเกิดแบบทันทีทันใด ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ถึงแม้โดยธรรมชาติส่วนใหญ่สักครู่อาการต่างๆ ก็จะดีขึ้นได้เอง จากการปรับตัวของร่างกายและการได้รับความช่วยเหลือ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ เมื่อเกิดอาการขึ้น อาจจะเกิดผลจากการหมดสติชั่วคราว เช่น อาจจะเกิดอุบัติเหตุล้มลงศีรษะฟาดพื้น หรือวัสดุแข็งใกล้ๆ ตัว หรือตกจากที่สูง หรือการได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน เมื่อเกิดอาการหน้ามืดขณะข้ามถนนหรือขับขี่ยานพาหนะ หรือ มีอาการสำลักเอาน้ำเข้าไปในปอด หากเกิดอาการหน้ามืดในระหว่างว่ายน้ำอยู่ หรือ อาจจมน้ำเสียชีวิต หากไม่มีผู้พบเห็นและให้ความช่วยเหลือ ก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทั้งสิ้น นั่นก็เป็นเพียงข้อสังเกต และที่จะขอฝากไว้สำหรับท่านผู้อ่าน ก็คือเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตนเองมีอาการผิดปกติ ไม่ว่าจะมีกิจกรรมใดอยู่ก็ตาม ควรที่จะหยุดพัก ไม่ควรฝืนกระทำกิจกรรมต่อไป และหาที่นั่งหรือนอนพักในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทดี สักครู่ ถ้าเป็นไปได้ก็บอกคนข้างๆ ด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ก็น่าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

Credit หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

สรุป...ถ้าคุณมองในแง่วิทยาศาสตร์ ก็คือ คุณอาจจะเครียด กับการ จดจ้องกับไม้จิ้มฟันนานเกินไป นั่นเอง .... (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

 

ครับๆ
ขอบคุณคับ
จะลองไปศึกษา เดี๋ยวนี้เลย

 

ไปดูมาแล้วการฝึก กสิณมันอยากมากเลยคับ
T^T
อยากกว่าใช้พลังจิตอีก

 

คับ
ขอบคุณสำหรับแนววิทยาศาสตร์ครับ
ได้ความรู้อีกทางหนึ่ง
แต่ถ้ามองในแง่ของผมผมคิดว่าใช้พลังจิตมากเกินไป ร่างกายเลยหมดแรง
แต่ผมไม่ได้หมดสตินะคับ ตอนนี้หายแล้ว

 

เพ่งหนักมากเกินไปรึเปล่าครับ เลยหน้ามืดเพราะสมองทำงานหนัก *-*

 

5555 น่าจะใช่คับ
คุณ jedicat แต่ผมอยากให้มีพลังจิตมากกว่านี้อ่ะคับ
คือมันขยับแค่นิ๊ดเดียวเอง

 

เป็นเด็กน้อย..ต้องค่อยเป็นค่อยไปเด้อ..เหมือนพี่ไงจ๊ะ

 

- .-
ผมก็พึ่ง 14 มาใหม่ๆ
แล้วพอดี ไปดูหนัง X-men มา เห็นเขามีพลัง
เลยไปนั่งสมาธิ ประมาณ 10 นาทีเลยมาคิดทบทวน
แล้วอยู่ๆก็นึกถึงพลังจิตขึ้นมาทันใดผมก็เลยหาข้อมูลมา
ทั้ง PSI Ball และอื่นๆ
ตอนนี้ผมก็เริ่มทำ PSI Ball ได้หน่อยหนึ่งแล้ว ไม่ทราบว่าถ้าเราอยากให้มีพลังจิตมากกว่านี้เราต้องนั่งสมาธิเยอะๆรึป่าวครับ เพราะในหนึ่งวันผมก็ว่างอยู่หลายอย่าง

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=buI0ITBCKP0]แกว่งแขนรักษาโรค - YouTube[/ame]

นี่ไงครับ ฝึกพลัง ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย ถ้าเราเริ่มจากฝึกไซบอลก่อน มันจะทำให้เราสิ้นเปลืองพลังภายในมากไปครับ 555+ เรามาเริ่มด้วยการทำร่างกายเราให้แข็งแรงก่อน
นะ นะ นะ ผ่อนคลาย สบายๆ ลั้นลาๆ

 

ขอบคุณครับ กับคลิปแกว่งแขน - .-

สงสัยต้องนั่งสมาธิบ่อยขึ้นซะแล้ว

 

นั่งสมาธิอย่างเดียวมากไปก็ไม่ดีนะจ๊ะ เดินเล่นออกกำลังกายด้วย เดินสบายๆ ก้าวเท้าให้มั่นคง ^0^ ลั้นลาๆ

 

อยากสำเร็จเมื่อไหร่ครับ ถ้ารอถึงชาติหน้ารอได้ไหมครับ

 

คับๆ
แต่แค่จะเพิ่มเวลาในการนั่งสมาธิให้มากขึ้นแล้ว
คุณ jedicat ละคับทำ PSI ball ได้เก่งหรือยัง
ผมได้แค่อ่อนๆสัมผัสอะไรไม่ได้มาก แม่เรียกบอลก็หายไปอ่า T^T