ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เกษม · 15 กันยายน 2007

เรียนเว็บมาสเตอร์ และผู้ดูแลเว็บพลังจิต ที่นับถือ

ถ้าเห็นว่ามีข้อความไหนไม่เหมาะสม หรือล่อแหลม เป็นอันตรายกับเว็บ
ผมอนุญาตให้ลบข้อความได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องสอบถามความเห็นของผมแต่ประการใดครับ

เกษม · 15 กันยายน 2007

ระดับความรุนแรงแผ่นดินไหว ตามมาตราเมอร์คัลลี

<TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=8 width="100%" border=1><TBODY><TR borderColor=#ffffff><TD colSpan=2>

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD width="30%">ความรุนแรง </TD><TD width="70%">สภาพของแผ่นดินไหวความรุนแรง </TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
1
</TD><TD>
คนธรรมดาจะไม่รู้สึกแต่เครื่องวัดสามารถตรวจจับได้
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
2 (อ่อน )
</TD><TD>
คนที่มีความรู้สึกไวจะรู้สึกว่าแผ่นดินไหวเล็กน้อย
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
3 (เบา )
</TD><TD>
คนที่อยู่กับที่รู้สึกว่าพื้นที่สั่น
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
4 (พอประมาณ )
</TD><TD>
คนที่สัญจรไปมารู้สึกได้
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
5 (ค่อนข้างแรง )
</TD><TD>
คนที่นอนหลับก็ตกใจตื่น
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
6 (แรง )
</TD><TD>
ต้นไม้สั่น บ้านแกว่ง สิ่งปลูกสร้างบางชนิดพัง
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
7 (แรงมาก )
</TD><TD>
ฝาห้องแยกร้าว กรุเพดานร่วง
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
8 (ทำลาย )
</TD><TD>
ต้องหยุดขับรถยนต์ ตึกร้าว ปล่องไฟพัง
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
9 (ทำลายสูญเสีย )
</TD><TD>
บ้านพัง ตามแถบรอยแยกของแผ่นดินท่อน้ำท่อแก๊สขาดเป็นตอน ๆ
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
10 (วินาศภัย )
</TD><TD>
แผ่นดินแตกอ้า ตึกแข็งแรงพัง รางรถไฟคดโค้ง ดินลาดเขาเคลื่อนตัวหรือถล่มตอนชัน ๆ
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
11 (วินาศภัยใหญ่ )
</TD><TD>
ตึกถล่ม สะพานขาด ทางรถไฟท่อน้ำและสายไฟใต้ดินเสียหาย แผ่นดินถล่ม น้ำท่วม
</TD></TR><TR borderColor=#000000><TD>
12 (มหาวิบัติ )
</TD><TD>
ทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดินแถบนั้นเสียหายโดยสิ้นเชิง พื้นดินเคลื่อนตัวเป็นลูกคลื่น
</TD></TR></TBODY></TABLE>

สภาพความรุนแรงของแผ่นดินไหวแบ่งออกเป็น 12 ระดับ เริ่มจากความรุนแรงน้อยสุดคือ ระดับ 1 ไปจนถึงระดับ 12 เป็นระดับความรุนแรงสูงสุด แต่ถ้ารุนแรงระดับ 6 ขึ้นไปจะมีความเสียหายเกิดขึ้น เช่น เมื่อปี 2537 เกิดแผ่นดินไหวที่ อ.พาน จ.เชียงราย ขนาดประมาณ 5.6 ริกเตอร์ แต่มีความรุนแรงระดับ 6

เกษม · 15 กันยายน 2007

ข่าวแผ่นดินไหวในอินโดนีเซีย
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2549

โบโรพุทโธ หรือบรมพุทโธ เจดีย์สำคัญในพุทธศาสนา

เหยื่อสังเวยแผ่นดินไหว"อินโดนีเซีย"(27 พ.ค.49) ยอดกระฉูดกว่า 4,600 คน รัฐบาลวอนโลกช่วยเหลือผู้ประสบภัย คาดมีผู้ไร้ที่อยู่ 2 แสนคน ขณะที่เกิดเหตุอีก 2 จุดที่เกาะปาปัวนิวกินี-ตองกา ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีคลื่นสึนามิตามซ้ำ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้า เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง ครั้งล่าสุด ของอินโดนีเซีย ที่บริเวณจังหวัดย็อกยาการ์ตา บนเกาะชวา ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ราว 440 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ว่ายอดผู้เสียชีวิต เพิ่มจำนวนขึ้นถึง 4,285 รายแล้ว ส่วนยอดผู้ได้รับบาดเจ็บ ในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 ราย และ มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกราว 200,000 ราย หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหววัดแรง สั่นสะเทือนได้ 6.2 ริกเตอร์ ตอนเช้าตรู่เวลา 05.54 น. ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ในบริเวณจังหวัด ดังกล่าว ซึ่งอยู่ตอนกลาง ของเกาะชวา และยังอยู่ใกล้กับที่ตั้ง ของภูเขาไฟมาราปิซึ่งห่างออกไปทางทิศเหนือเพียง 80 กิโลเมตร

ก่อนหน้านี้ เป็นที่หวั่นเกรงกัน ว่าจะเกิดเหตุระเบิดขึ้น หลังมีลาวาไหลออก มาจากปากปล่องภูเขาไฟ เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน ขณะเดียวกัน ความช่วยเหลือจากนานาชาติ และองค์กรต่างๆ เริ่มหลั่งไหลเข้าไปบ้างแล้ว โดยชาติร่ำรวยหลายชาติ เช่น สหรัฐและอังกฤษ ได้เสนอเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน อีกครั้งนับล้านดอลลาร์สหรัฐ

พื้นที่หายนะใน จังหวัดย็อกยาการ์ตา เป็นอดีตเมืองหลวงในยุคโบราณ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรม สำคัญของอินโดนีเซีย และยังเป็นที่ตั้งของโบโรพุทโธ หรือบรมพุทโธ เจดีย์สำคัญในพุทธศาสนา องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) จัดให้เป็นมรดกโลก และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วย ล่าสุดมีรายงานว่า บรมพุทโธ ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้เพียง 40 กิโลเมตร ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว แต่อย่างใด อย่างไรก็ดี วัดพรหมพนันท์ วัดฮินดูโบราณอีกแห่ง ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก กลับได้รับความเสียหายอย่างหนัก และต้องปิดให้เข้าชมชั่วคราว

นอกจากนี้ ย็อกยาการ์ตายังเป็นที่ตั้งของชุมชน ที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น โดยเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากยังหลับใหลอยู่ภายในบ้าน จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากเนื่อง จากตึกถล่มทลายลงมา ส่วนเมืองในจังหวัดย็อกยาการ์ตาที่ได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุด คือเมืองบันทูล ซึ่งมียอดผู้เสียชีวิตแล้วถึงกว่า 2,400 ราย หรือคิดเป็น***ส่วนร้อยละ 80 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด ในย็อกยาการ์ตาในเวลานี้

เอพีรายงานอ้างสำนักงานอุตุนิยมและธรณีวิทยา อินโดนีเซีย ระบุว่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ได้เกิดเหตุอาฟเตอร์ช็อครุนแรงวัดแรง สั่นสะเทือนได้ 5.2 ริกเตอร์ ขึ้นอีกราว 450 ครั้ง ในบริเวณดังกล่าว โดยเกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ตอนเช้าราว 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ เหตุวิปโยคดังกล่าวทำให้เมื่อคืน วันเสาร์ที่ผ่านมาประชาชนนับหลายแสนคนต้องออกมานอนหลับกันนอกตัวอาคาร บนพื้นที่โล่งขณะที่บริการไฟฟ้า และโทรศัพท์ส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้การได้

ด้านผู้รอดชีวิตจำนวนหนึ่ง นับหลายพันคนซึ่งประสบกับความเหนื่อยล้า และโศกเศร้าสาหัสจากความสูญเสียได้พากันขุดหาร่างญาติ และผู้คนที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร ที่ถล่มลงมา รวมทั้งหาสิ่งของเครื่องใช้ประทังชีวิตที่ยังเหลืออยู่ เช่น เสื้อผ้า อาหาร โดยเหยื่อเคราะห์ร้ายหลายรายร้องเรียนว่ายังไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างใด เพราะขณะนี้พวกตนขาดแคลนทุกอย่าง ทั้งเสื้อผ้า อาหาร น้ำดื่ม ในขณะที่เดิมก็มีฐานะยากจนอยู่แล้ว

บีบีซีรายงานว่า เชื่อว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมากติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ขณะที่กาชาดอินโดนีเซียประเมินว่า หลังเหตุแผ่นดินไหวมีประชาชนที่ไร้ที่อยู่อาศัยราว 200,000 ราย

ประธานาธิบดีสุศีโล บัมบัง ยุทโธโยโน ของอินโดนีเซียได้ออกมาเรียกร้องทีมช่วยเหลือบรรเทาภัย เร่งทำงานแข่งกับเวลาในการขุดหาร่างผู้รอดชีวิตที่อยู่ภายใต้ซากอาคาร และยังได้มีคำสั่งให้กองทัพช่วยเหลือในการอพยพโยกย้ายเหยื่อผู้เสียชีวิตด้วย โดยล่าสุดนายยุทโธโยโนได้มายังพื้นที่และได้นอนหลับภายในเต๊นท์ที่พักร่วมกับผู้รอดชีวิตด้วย ส่วนบรรยากาศทั่วไปในเมือง บรรดาญาติผู้เสียชีวิตต่างพากันร้องไห้ระงมขณะนำร่างญาติ ที่กู้ขึ้นมาได้ไปฝังตามประเพณี

ด้านนายยูซุฟ คาลลา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์วิปโยคครั้งนี้ราว 10,000-20,000 ราย ขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งประสบกับปัญหาในการรองรับจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ ล่าสุดกาชาดได้เริ่มขอเงินบริจาคฉุกเฉินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (380 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนแล้ว ขณะที่ผู้นำทั่วโลกรวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ส่งสารแสดงความเสียใจ ผู้นำในบางประเทศให้คำมั่นว่าจะมอบเงินช่วยเหลือแล้ว เช่น สหรัฐเสนอเงินวงเงินช่วยเหลือขั้นแรกแล้ว 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 95 ล้านบาท) ออสเตรเลียเสนอเงินช่วยเหลือ 2.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จีนเสนอช่วย 2 ล้านดอลลาร์

เอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซียได้ออกแถลงการณ์ ร้องขอความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับเหยื่อผู้ประสบภัย จากแผ่นดินไหวจากนานาชาติแล้ว

ข่าวแจ้งว่า ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้น 2 จุด บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ คือที่ตองกา และปาปัวนิวกินี วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.7 และ 6.2 ริกเตอร์ตามลำดับ แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ทั้งนี้ เป็นเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ในเวลาใกล้เคียงกันราว 10 นาที และทำให้เกิดคลื่นสึนามิ

ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวของออสเตรเลียระบุว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้ง ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุแผ่นดินไหวบนเกาะชวา แต่นายแกรีบสัน ศาสตราจารย์ภาควิชาว่าด้วยการไหวของแผ่นดินแห่ง มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ของออสเตรเลีย ระบุว่า เชื่อว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 วัน รวมไปถึงการปะทุของภูเขาไฟเมราปี ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เชื่อมโยงกับแนววงแหวนแห่งไฟ หรือริง ออฟ ไฟร์ ของมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นแนวเขตรอยแยกของเปลือกโลก ที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด โดยแนววงแหวนดังกล่าวเหยียดยาวไปตามชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ เลยไปจนถึงชาติหมู่เกาะในแปซิฟิกใต้ และผ่านไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ข่าวแจ้งว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศหมู่เกาะ ที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตแนวรอยแยก วงแหวนแห่งไฟ หรือ "ริง ออฟ ไฟร์" ของมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเหตุแผ่นดินไหว ครั้งนี้นับเป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดนับจากเกิดเหตุธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิถล่มเอเชียเมื่อปี 2547 ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียรวมแล้วเกือบ 230,000 ราย และสูญหายอีกราว 43,000 ราย จากแรงสั่นสะเทือนที่ 9.15 ริกเตอร์

ที่มา มติชน 29 พ.ค.49
http://72.14.235.104/search?

เกษม · 15 กันยายน 2007

ประวัติพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซีย

โบโรบุดูร์ หรือ บรมพุทโธ

พระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียจะเป็นประเทศนับถือศาสนาอิสลาม แต่อดีตเคยมีพระพุทธศาสนาแบบมหายานเข้ามาประดิษฐานอยู่ พระพุทธศาสนาได้รุ่งเรืองมาก ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ มีโบราณสถานที่สำคัญ ๒ แห่งอยู่ในอินโดนีเซียคือ โบโรบุดูร์ หรือ บรมพุทโธ ตั้งอยู่ที่ราบเกตุ (kedu) ในภาคกลางของชวา ห่างจากเมืองยอกยาการ์ตา (Jogjagata) ในปัจจุบันทางเหนือประมาณ ๔๐ กิโลเมตร และพระวิหารเมนดุต (Mendut) ซึ่งอยู่ห่างจาก โบโรบุดูร์ไปทางทิศตะออก ๓ กิโลเมตร

<TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>
พระวิหารเมนดุต (Mendut)

</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
ต่อมาเมื่ออิสลามได้ขยายอำนาจ ครอบงำอินโดนีเซียในปีพุทธศักราช ๒๐๑๒ ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่ จึงเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

บรมพุทโธ

ขณะที่พระพุทธศาสนาตกอยู่ในภาวะเสื่อมโทรมตลอดระยะเวลาอันยาวนาน พุทธศาสนิกชนชาวอินโดนีเซียได้ใช้ความเสียสละอย่างสูงพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาไว้มิให้สูญสิ้นไป โดยปราศจากการสนับสนุนจากภายนอกเท่าที่ควร

ประเทศอินโดนีเซียปัจจุบันมีวัดพระพุทธศาสนาอยู่ประมาณ ๑๕๐ วัด ในจำนวนนี้ ๑๐๐ วัด เป็นวัดฝ่ายมหายาน อีก ๕๐ วัดเป็นวัดฝ่ายหีนยาน(เถรวาท) วัดเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในความดูแลของฝ่ายฆราวาส เพราะพระภิกษุมีจำนวนน้อย การปกครองดูแลพุทธศาสนิกชนขึ้นอยู่กับพุทธสมาคม ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองจากาตาร์ นครหลวงของอินโดนีเซีย และมีสมาชิก ๖ แห่ง ตั้งอยู่ตามเมืองต่างๆ รวมมีสมาชิกทั้งสิ้นประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน

การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาได้เริ่มขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อประมาณ ๑๐ กว่าปีมานี้ เป็นการริเริ่มโดยพระสงฆ์ชาวลังกาและพระสงฆ์ชาวพื้นเมืองที่ได้รับการอุปสมบทไปจากวัดบวรนิเวศวิหารและวัดเบญจมบพิตรในประเทศไทย

ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ คณะสงฆ์ไทยได้ส่งพระธรรมทูตจากประเทศไทย ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซียทั้งชวาภาคกลาง ภาคตะวันออก และตะวันตก ขณะนี้ยังมิได้สร้างวัดไทยขึ้นแต่ก็ได้เตรียมการที่จะสร้างวัดไทยขึ้นในสถานที่ไม่ห่างไกลจากมหาสถูปโบโรบุดูร์ไว้แล้ว

ปัจจุบันพระธรรมทูตจากประเทศไทยมีสำนักงานเผยแผ่เป็นศูนย์กลางอยู่ที่สำนักงานพุทธเมตตา ตั้งอยู่เลขที่ ๕๙ ถนนเตอรูซานเลมบังดี กรุงจาการ์ตา

ที่มา http://www.dhammathai.org/thailand/missionary/indonesia.php

เกษม · 16 กันยายน 2007

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คำทำนายของโหรโสรัจจะ นวลอยู่

กันยายน 2550
พม่าคงยังคุกรุ่นอยู่ภายใน ยังจะมีเรื่องโหดเหี้ยม อุบัติเหตุภายใน มีปัญหาการปฏิวัติที่เคยแสดงบทบาทในที่แจ้งอย่างฮึกเหิม ก็ถูกฝ่ายผู้ถืออาวุธปราบปรามอย่างอำมหิตจนต้องหลบไปเคลื่อนไหวกันใต้ดิน คราวนี้กลับรุนแรงยิ่งไปกว่าเดิม ผู้คนจะถูกกำจัด ถูกฝ่ายที่มีอำนาจทำลายล้างอย่างโหดเหี้ยมเลือดเย็นและสยดสยอง

โดย ผู้จัดการออนไลน์
28 ธันวาคม 2549 19:05 น.

------------------------------------------------------------------------
พระพม่าสุดทนกระชับจีวรท้าเผด็จการทหาร
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 กันยายน 2550 22:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>กลุ่มผู้ประท้วงถือป้ายเรียกร้องอิสรภาพให้แก่ชาวพม่า ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ซึ่งกำลังมีการจัดประชุมเอเปก (APEC) อยู่ในขณะนี้ (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>

พระสงฆ์ในพม่าได้กลับเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง โดยได้เข้าร่วมเดินขบวนประท้วงการขึ้นราคาน้ำมันกับประชาชนทั่วไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความหวั่นวิตกของทางการ ซึ่งได้แสดงออกถึงการประนีประนอม </B>

พระสงฆ์ที่เมืองปะก๊อกกู (Pakokku) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางตอนเหนือประมาณ 500 กม. ได้ก่อการเผชิญหน้ากับทางการทหารที่ตึงเครียดที่สุด นับตั้งแต่เกิดการเดินขบวนประท้วงตั้งแต่วันที่ 19 ส.

พระสงฆ์จุดไฟเผารถ 4 คัน และ ควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐบาลเป็นตัวประกันอยู่หลายชั่วโมง หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลแสดงการเหยียดหยาม เมื่อออกร่วมกับประชาชนประท้วงการขึ้นค่าน้ำมันอย่างมหาโหดของทางการ

ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งเข้าขอขมาต่อสงฆ์และไกล่เกลี่ย จึงได้มีการปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ที่ถูกควบคุมไว้เป็นตัวประกัน และ สงฆ์จำนวนมากได้เข้าร่วมเดินขบวนไปรอบเมืองและโจมตีร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งซึ่งผู้นำทหารท้องถิ่นเป็นเจ้าของ

กลุ่มสงฆ์โกรธแค้นมากขึ้น หลังจากทหารยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อสลายการเดินขบวนเมื่อวันพุธ (5 ก.ย.) ขณะที่สงฆ์ประมาณ 500 รูป กำลังเดินสวดมนต์บนถนนร่วมกับประชาชน หลังจากการขึ้นราคาน้ำมัน

หลังจากนั้น กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลทหารก็เข้าทำร้ายผู้เดินขบวนด้วยท่อนไม้ไผ่ ทั้งนี้เป็นคำให้การของผู้อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าว ซึ่งยืนให้การสนับสนุนการเดินขบวนของพระสงฆ์และการจับเจ้าหน้าที่เป็นตัวประกัน

รัฐบาลทหารและพระสงฆ์ถือเป็นสถาบันสำคัญที่สุดของพม่า และเป็นเพียง 2 กลุ่มเท่านั้นที่ช่วยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ

พระสงฆ์มีส่วนช่วยในการสนับสนุนการเดินขบวนประท้วงที่เกิดขึ้นในปี 2531 ซึ่งถูกกวาดล้างโดยรัฐบาลทหาร หลังจากกลุ่มทหารยิงปืนเข้าใส่ผู้ประท้วง เป็นเหตุให้ประชาชนหลายร้อยหรือนับพันๆ คนเสียชีวิต

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ในการเดินขบวนประท้วงต่อต้านการขึ้นราคาน้ำมันของรัฐบาลทหารพม่าเมื่อปลายเดือนที่แล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลเข้าปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วง (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>รัฐบาลทหารได้แสดงสนองตอบเหตุการณ์ในปะก๊อกกูอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันศุกร์ (7 ก.ย.) สื่อของทางการกล่าวหาว่ากลุ่มพระสงฆ์กำลังพยายาม "ปลุกระดมความไม่พอใจจากสาธารณชนเพื่อที่จะยุยงให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงเหมือนในปี 2531"

อีกเหตุการณ์หนึ่งทางการทหารพม่าแสดงท่าทีประนีประนอมโดยการยอมปล่อยตัวผู้เดินขบวนประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากได้รับแรงกดดันจากกลุ่มพระสงฆ์ซึ่งจับตัวเจ้าหน้าที่ทางการไปเป็นตัวประกัน

นายเย้เต็งนาย (Ye Thein Naing) ซึ่งได้รับบาดเจ็บขาหัก ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทางการเข้าจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารในกรุงย่างกุ้งเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ หลังจากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในตอนกลางคืน

กลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตยซึ่งถูกขังกับนายเต็งนายได้ประท้วงอดอาหารเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อเรียกร้องให้มีการรักษาพยาบาลนายนาย ก่อนยอมกลับไปรับประทานอาหารอีกครั้งหลังจาก ผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลเมื่อคืนวันพุธ (5 ก.ย.)

รัฐบาลทหารพม่า ซึ่งปกครองประเทศเป็นเวลากว่า 45 ปีแล้ว แทบจะไม่แสดงความวิตกกังวลต่อนักโทษทางการเมืองกว่า 1,000 คน ซึ่งเชื่อว่ากำลังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้

กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวประณามรัฐบาลทหารที่ปฏิเสธการรักษาพยาบาลแก่นักโทษ สภากาชาดไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมคุกพม่าเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว

"ครั้งนี้พวกเขาส่งตัวนักโทษไปยังโรงพยาบาลและปล่อยตัว ซึ่งถือเป็นการยินยอมที่เกิดขึ้นได้ยาก พวกเขาวิตกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตมากขึ้น (หลังจากเกิดเหตุการณ์จับตัวประกันที่วัด) เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ก.ย.) ที่ผ่านมา นายวินมิน (Win Min) นักวิเคราะห์ชาวพม่าที่อยู่ในประเทศไทยกล่าว

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ผู้เดินขบวนประท้วงบางคนถูกทำร้ายบาดเจ็บ ก่อนเจ้าหน้าที่ทางการพม่าจะจับตัวไป (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>การปราบปรามอย่างรุนแรงครั้งล่าสุดส่งผลให้เกิดเสียงคัดค้านจากนานาชาติ และเมื่อวันพฤหัสบดี (6 ก.ย.) แกนนำกลุ่มประท้วงคนหนึ่งเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ หรือ UN จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) กล่าวโจมตีทางการทหารพม่า ระหว่างเข้าร่วมประชุมเอเปก (APEC) ในนครซิดนีย์ โดยเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักโทษทั้งหมด

"พวกเราต้องกดดันรัฐบาลพม่าให้ยับยั้งการจับกุม การข่มเหง และการทำร้ายร่างกายกลุ่มนักรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยซึ่งจัดตั้งหรือมีส่วนร่วมในการเดินขบวนอย่างสันติภาพ" นายบุชกล่าวเมื่อวันศุกร์ (7 ก.ย.)

เพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของพม่าเริ่มไม่พอใจมากขึ้นต่อความล้มเหลวในการปฏิรูปของพม่า ทั้งๆที่ประเทศในภูมิภาคมีนโยบายสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับรัฐบาลทหารพม่า นายอัลแบร์โต โรมิวโล (Alberto Romulo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของฟิลิปปินส์ กล่าวระหว่างการประชุมเอเปก

"พวกเรากำลังรอคอยและขณะนี้ (ประเทศในกลุ่มอาเซียน) กำลังจะหมดความอดทนต่อความจริงที่ว่าสิ่งต่างๆไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่พวกเราต้องการให้เป็น" นายโรมb;โลกล่าวกับผู้สื่อข่าว.

</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9500000106437

เกษม · 16 กันยายน 2007

แผ่นดินไหวอินโดนีเซียทำอาคารบ้านเรือนพัง 15,000 กว่าหลัง

เคตาฮุน 15 ก.ย.- เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียแจ้งว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นหลายระลอกบนเกาะสุมาตราหลายวันที่ผ่านมา ทำให้อาคารบ้านเรือนต่าง ๆ พังเสียหายรวมแล้ว 15,000 กว่าหลัง

แผ่นดินครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันพุธทางฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา วัดความรุนแรงได้ 8.4 ริกเตอร์ และมีอาฟเตอร์ช็อกขนาดใหญ่เกิดขึ้นติดตามมาอีกหลายครั้ง จังหวัดเบงกูลูและจังหวัดสุมาตราตะวันตกเป็นจุดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด เจ้าหน้าที่ศูนย์บรรเทาภัยพิบัติจังหวัดเบงกูลูเผยว่า มีบ้านเรือนพังราบเกือบ 2,000 หลัง เสียหายหนักเกือบ 4,000 หลัง มีโรงพยาบาลและคลินิกเสียหายอีกราว 90 แห่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ศูนย์บรรเทาภัยพิบัติจังหวัดสุมาตราตะวันตกเผยว่า มีบ้านพังจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ 9,700 กว่าหลัง มัสยิด 100 กว่าแห่ง และโรงเรียน 20 โรงเสียหาย

ด้านเจ้าหน้าที่เมืองปาดังเผยว่า เครื่องบินลำเลียงพยายามนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปหย่อนตามเกาะต่าง ๆ นอกเกาะสุมาตรา ที่ได้รับความเสียหายเพราะแผ่นดินไหวและสึนามิขนาดเล็ก แต่ชาวบ้านบางเกาะแจ้งว่า ยังไม่ได้รับสิ่งของบรรเทาทุกข์และชาวบ้านหลายคนยังคงพักอยู่บนเนินเขาด้วยความหวาดกลัว.-สำนักข่าวไทย

[ 2007-09-15 : 17:23:08 ]

พม่าตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย

กรุงเทพฯ 15 ก.ย.

vichai2500 · 16 กันยายน 2007

(one-eye) ภัยเงียบ

Air pollution from smoke and various chemicals kills 3 million people a year, according to a new Cornell study. (Credit: iStockphoto)

Pollution Causes 40 Percent Of Deaths Worldwide, Study Finds

Science Daily

HONGTAY · 16 กันยายน 2007

UNESCO เตือนลาวหลวงพระบางเสื่อมหนัก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">15 กันยายน 2550 22:56 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> ภาพถ่ายวันที่ 7 มี.ค.2550 -- ในยามค่ำคืนเมืองเก่าหลวงพระบางเต็มไปด้วยแสงสี สะท้อนอาคารทรงสมัยใหม่ ที่สร้างทับลงบนสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่สร้างตั้งแต่ 80-100 ปีก่อน </center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>
องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ UNOESCO (UN Education, Science and Culture Organization) ได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับอนาคตของเมืองมรดกโลกหลวงพระบาง ที่กำลังเสื่อมโทรมลงทุกวันๆ จากการที่ทางการอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้าทำธุรกิจในเขตเมืองเก่า

หลายกรณีเจ้าหน้าที่ทางการไม่อาจจะอธิบายได้ว่า เพราะเหตุใดจึงอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าไปตั้งร้านอาหาร จำหน่ายเครื่องดื่มและให้บริการต่างๆ ในเขตตัวเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ภายใต้คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว (ขปล.)

"ผมอยากจะให้รัฐบาลลาวได้ทราบว่า เมืองมรดกโลกหลวงพระบาง ไม่ควรจะถูกครอบครองโดยนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้าไปทำธุรกิจ การกระทำดังกล่าวจะมีโอกาสอย่างสูงที่จะทำให้แหล่งโบราณวัตถุต่างๆ ถูกทำลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือนเก่า อาคารต่างๆ วัด รวมทั้งพระราชวังเก่าด้วย" นายฟรานซิส เอ็นเจลมานน์ (Francis Engelmann) คณะกรรมการมรดกโลกประจำหลวงพระบางกล่าว

เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวอีกว่า เรือนเก่าหลายหลังได้ถูกเปลี่ยนแบบไปทีละเล็กละน้อย จากรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณเป็นสถาปัตยกรรมยุคใหม่ ซึ่งจะไม่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวอีกต่อไป

ถ้าหากทางการไม่รีบออกกฎระเบียบให้ชัดเจนเกี่ยวกับการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าไปทำธุรกิจในเขตมรดกโลกความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็จะมากขึ้นทุกวันๆ และเมืองหลวงพระบางก็จะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="442"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="442"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> แผนที่ของการท่องเที่ยวลาวย่อส่วน แสดงที่ตั้งของธุรกิจต่างๆ ที่ล่วงล้ำเข้าไปในเขตตัวเมืองเก่ามรดกโลกหลวงพระบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณปลายแหลม (ในวงกลม) ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารอนุรักษ์ </center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> ภาพถ่ายทางแสดงปลายแหลมหลวงพระบางกับถนนสายกลางเมืองเก่ามาจรดปลายที่แม่น้ำคาน (ซ้าย) ไหลลงสู่แม่น้ำโขง (ขวา) ในหน้าล้ำหลาก เกิดอาณาบริเวณแม่น้ำ 2 สี </center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> ทุนกำลังบังคับให้อาคารเก่าจำนวนมากเปลี่ยนรูปแปลงโฉมไปตามชนิดของธุรกิจ สถาปัตยกรรมล้ำค่าถูกแทนที่ด้วยรูปแบบก่อสร้างสมัยใหม่ หลวงพระบางกำลังเสื่อมทุกวันท่ามกลางการพัฒนา</center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> ป้ายร้านค้า เกสต์เฮ้าส์ และ บริการอื่นๆ อีกจำนวนมาก กำลังผุดขึ้นสองฝั่งถนนกิลินทะลาด ที่พาดผ่านใจกลางเมืองเก่า ส่วนใหญ่เป็นกิจการของต่างชาติ</center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> ภาพถ่ายวันที่ 7 มี.ค.2550 -- ธุรกิจยามค่ำคืนในเขตเมืองเก่า ในรูปแบบของ "ตลาดมืด" คึกคัก มีชีวิตชีวา แต่ที่นั่นไม่มืดอีกแล้ว ปัจจุบันทุนต่างชาติกำลังไหลเข้าไป</center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> หรือว่าอีกไม่นานข้างหน้า การทำบุญตักบาตรตามประเพณีดั้งเดิม จะกลายเป็นเพียงฉากที่จัดขึ้นทุกเช้า เพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น? </center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="500"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline"><center> UNESCOได้เรียกร้องไม่ให้ชาวเมืองขายบ้านและที่ดิน ไม่เห็นแก่เงินแต่อย่างเดียว ให้ทุกคนอาศัยอยู่ถิ่นเดิม เพื่ออนุรักษ์ทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเมืองหลวงพระบางก็อาจจะถูกถอดถอนออกจากบัญชีมรดกโลกได้ </center> </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> ในปัจจุบันธุรกิจกำลังเฟื่องฟู เป็นเหตุให้ชาวเมืองจำนวนไม่น้อยพากันขายบ้านและที่ดินที่เคยอยู่ แล้วอพยพออกจากที่เคยอยู่อาศัยดั้งเดิม ชาวต่างชาติเข้าไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นแทน อาคารเก่าจำนวนมากกลายเป็นร้านอาหาร เกสต์เฮ้าส์ โรงแรม และ สถานบันเทิงต่างๆ

ธุรกิจที่เฟื่องฟูกำลังกัดกร่อนวิธีของชาวพุทธ ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดั้งเดิมต้องย้ายออกจากตัวเมือง คนที่ทำบุญตักบาตรในยามเช้าตามขนบธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมานานก็มีจำนวนลดลงทุกวัน สิ่งนี้เคยเป็นมนต์เสน่ห์ของเมืองหลวงพระบาง และ หาดูได้ยากในดินแดนอื่นๆ ของโลก

ปัจจุบันยังมีชาวเมืองเก่าจำนวนหนึ่งอดทนอาศัยอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม และก็ยังคงไปทำบุญตักบาตรเช้า ตามวิถีที่บรรพบุรุษปฏิบัติมาเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน

แต่การอนุญาตให้ต่างชาติเข้าทำธุรกิจในเขตเมืองเก่า โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรนั้น จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างลงอย่างง่ายดาย

เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการมรดกโลกยังเรียกร้องให้ชาวเมืองหลวงพระบางอยู่ในถิ่นฐานเดิมต่อไป เพื่ออนุรักษ์โบราณสถานอันล้ำค่าที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ มากกว่าจะเห็นแก่เงินเพียงอย่างเดียว.</td></tr></tbody></table>

HONGTAY · 16 กันยายน 2007

ในเมียนมาร์ การประท้วงใกล้จะกลายเป็นคลื่นมหาชน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย แลรี่ จากัน</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">15 กันยายน 2550 17:57 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> Myanmar protests verge on mass movement
By Larry Jagan
12/09/2007

กรุงเทพ – ตอนนี้ การประท้วงของผู้คนแพร่ระบาดไปทั่วเมียนมาร์แล้ว การประท้วงกดดันให้รัฐบาลเผด็จการทหารที่ครองอำนาจอยู่ ต้องเจอกับการทดสอบที่อ่อนไหวและสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่แรก ก็มีการชุมนุมประท้วงราคาน้ำมันที่แพงขึ้นของคณะรัฐประหารโดยสันติ แต่พอฝ่ายทหารปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรงอยู่ตอนนี้ มันก็กำลังจะกลายเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพลังประชามหาชนเต็มรูปแบบ

นักเคลื่อนไหวทางการเมืองจำนวนมากเริ่มคิดเปรียบเทียบระหว่างเหตุการณ์ในครั้งนี้ กับการชุมนุมสำแดงกำลังสนับสนุนประชาธิปไตย เมื่อปี 1988 ที่กดดันให้นายพลเนวิน ที่ยึดอำนาจมานานต้องลงจากตำแหน่ง การประท้วงในครั้งนั้น มีทั้งนักศึกษา ข้ารัฐการ กรรมกร และพระสงฆ์ในพุทธศาสนาเข้าร่วม และทำให้ประเทศต้องหยุดชะงักอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่งทหารที่ติดอาวุธพร้อม ได้ยกกำลังเข้าปราบปรามการเคลื่อนไหวครั้งนั้นอย่างป่าเถื่อน และต่อมาฝ่ายทหารก็ยึดอำนาจคืน โดยกระทำการรัฐประหาร

เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดเหตุแห่งโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น ที่กองทัพต้องพบกับการรวมตัวประท้วงของมวลชน ที่ลุกลามออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่า จะพลิกไปเป็นการเรียกร้องให้ทหารยุติบทบาทได้โดยง่าย สภาเพื่อการพัฒนาและสันติสุขแห่งรัฐ (The State Peace and Development Council -SPDC ซึ่งก็คือคณะรัฐประหารนั่นเอง) ได้เข็นมาตรการเสรีนิยมหลายอย่างออกมากระตุ้นการปฏิรูปเศรษฐกิจ รวมถึงเมื่อเดือนก่อน ก็ยกเลิกให้เงินอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ที่กำลังได้รับผลสะท้อนที่เลวร้ายอย่างที่เห็นนี้

การประท้วงของสาธารณชนในเมียนมาร์เป็นเรื่องหายากมาก เพราะรัฐบาลคอยควบคุมมวลชนอย่างเข็มงวด เห็นได้ว่าบรรดาผู้นำทางทหารไม่เคยวางแผน หรือวาดภาพว่าจะเกิดการประท้วงนโยบายรักษาโดยช็อตด้วยไฟฟ้าของตนแบบนี้ ความโกรธแค้นของมวลชนจะเป็นหิมะถล่ม กลายเป็นการเคลื่อนไหวของมวลชนแบบเต็มพิกัด อย่างที่เคยเกิดในปี 1988 หรือไม่ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า รัฐบาลจะ ‘อัด’ มวลชนให้เต็มข้อ เหมือนอย่างเคยหรือไม่เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ยุทธวิธีที่รัฐบาลใช้ควบคุมการชุมนุมเท่าที่แล้วมา ไม่ค่อยจะนำไปสู่เสถียรภาพสักเท่าไหร่ ความจริง การเดินขบวนประท้วงโดยสงบขนาดย่อม ๆ ในยานกอน (อดีตเมืองหลวง ปัจจุบันเป็นนครทางธุรกิจการค้า) ดำเนินมานานหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้แล้ว

ไม่นานนัก การประท้วงขนาดย่อยดังกล่าวก็ขยายออกไปยังส่วนต่าง ๆ ของประเทศ รวมไปถึงเมืองปาก๊อกกู (Pakokku) ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันเมืองมันฑะเลย์ ที่มีพระสงฆ์ราว 100 รูปเป็นหัวหอกในการก่อความไม่สงบที่ดำเนินต่อเนื่องมา รวมไปถึงการจับข้ารัฐการเป็นตัวประกัน (แล้วต่อมาก็ปล่อย) เผารถยนต์ของพวกเขา ในที่สุดทหารก็ต้องยิงขู่ขึ้นฟ้า มีพระสงฆ์ 1 รูปถูกตีบาดเจ็บสาหัสในระหว่างเกิดความวุ่นวาย

คณะทหารเหม็นเบื่อบรรดาพระสงฆ์ ที่บทบาททางการการเมือง แต่ได้รับความเคารพเลื่อมใสจากประชาชน และมีหลายองค์ให้ความเห็นอกเห็นใจผู้นำพรรคฝ่ายค้าน อย่างนางอองซานซูจีที่ถูกกักบริเวณในบ้านมานานแล้ว ตั้งแต่ต้นปี 1990s ฝ่ายทหารได้เข้าไปควบคุมสังฆมณฑล โดยการเกษียณและโยกย้ายบรรดาเจ้าอาวาทที่ยังกระด้างกระเดื่อง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงที่มีพระนำพา กับการตอบโต้ด้วยความรุนแรงของทหารในขณะนี้ ยังไปไม่ถึงขีดสุด (a watershed moment) บรรดาพระสงฆ์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลออกมากล่าวคำขอโทษ แต่จนเดี๋ยวนี้คณะทหารยังไม่ให้คำตอบใด ๆ ในระหว่างนั้น ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คือรัฐบาลได้ส่งตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัย ออกไปวางกำลังไว้ตามวัดวาอารามต่าง ๆ ทั้งในมันฑะเลย์และยานกอน เพื่อป้องกันไม่ให้พระสงฆ์ทำการประท้วงต่อ รวมถึงปาก๊อกกูด้วย

กระนั้นก็ดี บรรดาสงฆ์แสดงความกังวลเป็นการพิเศษ ต่อข่าวที่ว่ารัฐบาลจะใช้กลุ่มพลเรือนติดอาวุธ (armed civilian vigilante groups) ออกมาสู้ และควบคุมผู้ประท้วง นับตั้งแต่การประท้วงอุบัติขึ้นมาร่วมเดือนแล้ว ทางการจับประชาชนไปแล้วหลายร้อยคน คณะทหารมักใช้อันธพาลการเมือง ให้ใช้ความรุนแรงสลายฝูงชน รวมทั้งขับไล่นักข่าวที่เข้าไปบันทึกเหตุการณ์ด้วย

พลเรือนติดอาวุธเหล่านี้เป็นกลุ่มสนับสนุนรัฐบาล ที่อยู่ในชุมชนนั้น ๆ โดยใช้ชื่อว่า ‘สมาคมเพื่อการพัฒนาและเอกภาพ’ (Union Solidarity and Development Association –USDA*) และรัฐบาลก็มักใช้องค์การนี้เป็นเครื่องมือหาเสียงสนับสนุนตน สมาคมฯ สามารถจะกลายร่างไปเป็นพรรคการเมืองเต็มขั้นได้ทันที หากสัญญาของคณะรัฐประหารฯ ที่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยเป็นจริงขึ้น พวก USDA เคยทำการลอบสังหารนางซูจีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2003 และผู้สนับสนุนพรรคสันนิบาติชาติเพื่อประชาธิปไตย (National League for Democracy) ของนางหลายคน ก็ถูกสังหารในระหว่างมีการใช้ความรุนแรงต่อกัน
(*คล้าย ๆ ลูกเสือชาวบ้านในไทย)

มาตอนนี้ กองกำลังพิเศษของ USDA ที่รู้จักกันในชื่อ ‘ชอน อาร์ชิน’ (Swan Arrshin) เป็นตัวออกหน้าสู้กับฝ่ายประท้วง นักการทูตประเทศตะวันตกผู้หนึ่งในนครยานกอน บอกกับเอเชียไทมส์ว่า “สมาชิกในกลุ่มนี้ได้รับการฝึกมาเป็นพิเศษในการควบคุมฝูงชน สยบการประท้วงด้วยความรุนแรง เรารายงานเรื่องที่มันมีหน้าที่เป็นหน่วยรักษาความมั่นคง และทำหน้าที่ข่าวกรองนี้ ไปตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้ว”

จากแหล่งข่าวทางการทูตในยานกอน อดีตนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากคุกจำนวนมาก ถูกเกณฑ์เข้าร่วมในหน่วยนี้ ส่วนแหล่งข่าวของเราระบุว่า มีผู้ต้องโทษจำคุกในข้อหาอาชญากรอย่างน้อย 600 คน ที่ถูกปล่อยตัวออกจากคุกอินเส่งในช่วงหลายเดือนก่อน ถูกเกณฑ์เข้าร่วมกับหน่วยชอน อาร์ชินของ USDA แต่แหล่งข่าวฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยในยานกอน บอกต่างออกไปว่ามีเกือบ 2,000 คน

พระเถระรูปหนึ่งที่นครมันฑะเลย์ ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของเมียนมาร์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า “การใช้อันธพาลพวกนี้ทำให้บรรดาพระสงฆ์วิตกเป็นพิเศษ รัฐบาลไม่ควรใช้วิธีการนี้ และไม่ควรสนับสนุนมันด้วย”

ฝ่ายนำในการประท้วง

คณะทหารมีปัญหามากในการจัดการกับ ‘กลุ่มนักศึกษารุ่น 88’ (88 Generation Student group*) หัวหน้ากลุ่มเหล่านี้มีอาทิเช่น มิงโกเนียง (Ming Ko Naing) ปัจจุบันเป็นกวี โกโกจี (Ko Ko Gyi) ผู้ทรงบารมีระดับโลก ทั้ง 2 ถูกปล่อยออกจากคุกเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากต้องถูกคุมขังอยู่ในคุกเกือบ 14 ปีเต็ม และต่างก็ได้รับความนับถือจากประชาชนจำนวนมาก
(*หมายถึงขบวนการนักศึกษากลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลในเหตุการณ์ปี 1988 ปัจจุบันลงใต้ดิน ลี้ภัยไปอยู่ต่างแดน หรือไม่ก็จับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลในป่า)

ในการประท้วงวันแรกของปี 1988 จำนวนผู้ที่ถูกทางการควบคุมตัวไว้ทันที และนำตัวไปสอบสวนที่คุกอินเส่ง มีราว 20 คน มีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันว่า 1 ในผู้นำกลุ่มนี้คือจอมินอู (Kyaw Min Yu) รู้จักกันอย่างกว้างขวางในชื่อเล่นภาษาอังกฤษว่า ‘จิมมี่‘ ได้รับบาดเจ็บในระหว่างถูกกลุ่มลูกเสือชาวบ้านจับ จนไปตายในคุก

ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับสภาพและการสอบสวน คณะกรรมการกาชาดสากล (International Committee of the Red Cross) ได้ทำการตรวจสอบข่าวการจับกุมนักโทษเหล่านี้อย่างละเอียด รัฐบาลตระหนักดีความเห็นอกเห็นใจของสาธารณชนต่อพวกเขา ดังนั้น จึงปล่อยตัวพวกเขาออกมาคนหนึ่ง ที่ขาหักในระหว่างจับกุม ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ออกมาเตือนว่าคนอื่น ๆ ที่ถูกจับมาพร้อมกันนั้น หากมีคำพิพากษาออกมา จะต้องติดคุกถึง 20 ปี

นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่า การกระทำที่รุนแรงดังกล่าวอาจจะไปกระตุ้น โหมไฟให้ฝ่ายประท้วงก็ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่ชัดว่าการประท้วงในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการใหญ่ของกลุ่มต่อต้านพวกนี้ด้วยหรือเปล่า ผู้สนับสนุนกลุ่มดังกล่าวผู้หนึ่งกล่าวว่า ”พวกเขารู้ดีว่าจะถูกจับอีก และจะถูกขังคุกหนักกว่าเก่าอีก ดังนั้น พวกเขาจึงมีแผนออกมารองรับดังกล่าว”

นับแต่นั้นมา ทางการก็วางกำลังคอยจับตาดูครอบครัวของผู้นำกลุ่มเหล่านี้ทุกคน และออกค้นหาเทจี (Htay Kywe) สมาชิกคนสำคัญของกลุ่มที่หลบอยู่ใต้ดิน นับตั้งแต่ให้สัมภาษณ์กับ ‘วิทยุเสียงแห่งประชาธิปไตยในพม่า’ (Democratic Voice of Burma) ที่ออกอากาศที่ออสโล (เมืองหลวงนอรเวย์) และติดต่อกับสื่อมวลชนในสากลโดยใช้อี-เมล เทจีก็กลายเป็นโฆษกของกลุ่ม โดยอาศัยหลบหลีก ไป ๆ มา ๆ

เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เทจีใช้อี-เมลติดต่อกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ รวมทั้งเอเชียไทมส์ ตอบโต้ข้อกล่าวหาของรัฐบาลที่ว่า กลุ่มนักศึกษา 88 กำลังคิดจะโค่นรัฐบาลโดยอาศัยความรุนแรง และโอดครวญว่าไอ้คณะทหารเองนั่นแหละ ที่เป็นฝ่ายใช้ความรุนแรง เพื่อเป็นข้ออ้างในการขังบรรดาผู้นำกลุ่มเอาไว้

เทจีบอกในอี-เมลว่า “พวกเราเชื่อว่าไม่มีคนเมียนมาร์คนใด ... จะยอมรับการกระทำทางการเมืองแบบรุนแรงของรัฐบาลทหารเช่นนี้ได้ พวกเรา กลุ่มนักศึกษา 88 จะร่วมมือกับประชาชน พระสงฆ์ นักศึกษา กรรมกรและชาวนา ทำการโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการทหาร โดยจะคัดค้านการจับกุมคุมขังและการทรมานในทุก ๆ รูปแบบ”

เศรษฐกิจที่บีบคั้น

ขณะเดียวกัน ภาวะเงินเฟ้อที่คุมไม่อยู่ก็ทำให้เศรษฐกิจปั่นป่วน ดัชนีราคาผู้บริโภคอย่างไม่เป็นทางการ ที่ปรากฏในวารสารทางเศรษฐกิจที่ออกในยานกอน โดยอาศัยสินค้าจำเป็นสำคัญ ๆ จำนวนหนึ่ง (a basket) ชี้ว่าเมื่อราคาเชื้อเพลิงขึ้น สินค้าเหล่านั้นก็มีราคาเพิ่มขึ้นถึง 35%

จากการสำรวจของสหประชาชาติเมื่อเร็ว ๆ นี้ ประชากรเมียนมาร์กว่า 90% มีค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหาร อยู่ระหว่าง 60-70% ชาร์ล เปอตีร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหประชาชาติในเมียนมาร์ บอกกับเอเชียไทมส์ว่า “ราคาที่ว่าเพิ่มขึ้นนี้เป็นราคาจริง ไม่เกี่ยวกับการการเก็งกำไรหรือความตื่นตระหนก”

นักเศรษฐศาสตร์ยูเอ็นประจำยานกอนอีกหลายคน ก็ให้สัมภาษณ์โดยขอนิรนามว่า “ผมประเมินว่าตอนนี้ชาวพม่าส่วนใหญ่ใช้จ่ายเงินเดือนเพื่อซื้ออาหาร มากกว่า 80% แล้ว”

เงินเฟ้อควบห่างออกไป ถึงจะยังไม่ถึงจุดเดือด แต่ความไม่สงบก็แผ่กว้างไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ คนในยานกอนที่ไม่มีที่คุ้มหัวอย่างถาวร ต้องนอนกันบนถนน เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ นักธุรกิจญี่ปุ่นที่เดินทางมาเมียนมาร์เป็นประจำ กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า กรรมกรจำนวนมากได้งานที่ไม่สามารถเดินทางไป-กลับ บ้าน-ที่ทำงานได้

หลังจากรัฐบาลรื้อสลัมในนครยานกอน (ตอนนั้นยังเป็นกรุงอยู่) แล้วย้ายออกไปชานเมืองในปี 1988 เพื่อคุมจำนวนพลเมืองในยานกอน คนงานจำนวนมากในสลัมแห่งใหม่ ต้องเดินเท้าเข้าไปทำงานในเมือง ไม่กล้านั่งรถไป นักเศรษฐศาสตร์เมียนมาร์ผู้หนึ่งในยานกอนกล่าวว่า “กรรมกรหลายคนต้องเดินไปทำงานกว่าชั่วโมงครึ่ง บางคนถึงขนาดต้องเดินไปโรงงานถึง 3 ชั่วโมง”

เจ้าหน้าที่ยูเอ็นไม่น้อยที่เชื่อว่า นโยบายนี้จะลุกลามไปยังภาคสาธารณสุข ซึ่งงบประมาณของรัฐบาลก็ต่ำใต้บาดาล (abysmal) อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวว่า “ผลที่ตามมา คือจะเกิดโรคขาดอาหาร ถึงคนจะยังไม่ถึงกับอดตาย แต่จำนวนคนติดโรคตายด้วยโรคที่ไม่น่าตาย จะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นในเด็กและคนชรา”

ตอนนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ถึงกับสิ้นไร้ไม้ตอก จนต้องเข้าร่วมการประท้วง แต่ความตึงเครียดกำลังก่อหวอด เป็นฟองอยู่ใต้ผิวน้ำ พร้อมที่จะผลุดขึ้นได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้านี้ โดยเฉพาะหากราคาข้าวสารถีบตัวขึ้นอีก ปีนี้ในเมียนมาร์ฝกตกหนักและเกิดน้ำท่วม กระทบต่อเขตเพาะปลูกข้าว ชี้ให้เห็นว่าผลผลิตและอุปทานในปีนี้ (เมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ) ค่อนข้างขาดแคลน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อยิ่งสูงขึ้น

ขิ่น ออมาร์ (Khin Ohmar) นักเคลื่อนไหวตัวยงที่ปัจจุบันอยู่ในไทย แต่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้จัดการประท้วงในเมียนมาร์กล่าวว่า “การประท้วงในตอนนี้ ยังอยู่ในประเด็นทางเศรษฐกิจ” แต่เธอก็เชื่อว่า อีกไม่นานก็จะเปลี่ยนเป็นประเด็นทางการเมืองได้ไม่ยาก “ทุกคนต่างทราบกันดีว่า มูลเหตุของภาวะเงินเฟ้อมีรากเหง้ามาจากการบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของคณะทหาร การพูดจำเพาะเจาะจงลงไปยังชีวิตประจำวัน ที่ทุก ๆ คนใส่ใจ ประชาชนก็จะได้รับการเร่งเร้าให้มีส่วนร่วม (กับการประท้วง) และก็จะสร้างกระแสไปสู่การเปลี่ยนแปลง ดังที่เคยเกิดในปี 1988”

เหตุการณ์พลิกผันเมื่อเดือนสิงหาคม 1988 (ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาดเช่นเดียวกันนี้) กว่าจะพัฒนาขึ้นมาได้ ก็ใช้เวลานานหลายเดือน ในช่วงปลายปี 1987 ทหารสั่งปลดเงินจ๊าต ราคา 75 กับ 25 จ๊าตออกจากตลาด ทำให้ค่าเงินจ๊าตตกลงอย่างฮวบฮาบ พวกที่ออมเงินราคาดังกล่าวสูญเงินไปในชั่วพริบตา ทหารปราบปรามการเดินขบวนประท้วงโดยสันติวิธีด้วยความรุนแรง อีก 3 เดือนต่อมา พวกนักศึกษาก็จัดการชุมนุมประท้วง และกลายเป็นการประท้วงของมวลชนทั่วประเทศไปในเดือนสิงหาคม ปีนั้น

เกือบ 20 ปีต่อมา การจัดการเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของทหาร และการใช้ความรุนแรงทางการเมืองก็กำลังจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาอีกแล้ว

Larry Jagan previously covered Myanmar politics for the British Broadcasting Corp. He is currently a freelance journalist based in Bangkok.

HONGTAY · 16 กันยายน 2007

สิ่งมีชีวิตกว่าหมื่นชนิดขึ้นบัญชี “เสี่ยงสูญพันธุ์” <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">15 กันยายน 2550 10:41 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="right" height="1" valign="bottom" width="1"></td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="bottom"></td> <td align="left" height="1" valign="bottom" width="1"></td> </tr> <tr> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1"></td> <td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1"></td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1"></td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top"></td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">ลิงกอริลลาใกล้จะขึ้นแท่นการประเมินความเสี่ยงระยะสุดท้ายว่าจะสูญพันธุ์หรือไม่</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom"></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">กอริลลาและอุรังอุตังลดลงจำนวนมาก สาเหตุหลักๆ มาจากคน</td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">โลมาน้ำจืดแห่งลุ่มน้ำแยงซีกำลังอยู่ในภาวะขับคัน</td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">มีข่าวที่พอยินดีได้เพียงชิ้นเดียว โดยมีรายงานเร็วๆ นี้ว่าพบเสือโคร่งเบงกอลในภาคตะวันตกของอินเดียจำนวนกว่า 20 ตัว หลังจากที่เชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 30 ปีก่อน</td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165"></td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> ไลฟ์ไซน์ด็อทคอม – สมัชชาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกชี้พืชและสัตว์กว่า 16,000 ชนิดกำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ มากกว่าปีที่แล้วที่ประกาศขึ้นบัญชีไว้แค่เพียง 200 สายพันธุ์ ระบุ “กอริลลา –อุรังอุตัง” ติดร่างแหเสี่ยงสูญพันธุ์ระยะอันตรายในไม่ช้า

สมัชชาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก (World Conservation Union: IUCN) เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ระบุว่าในปีนี้ ทั่วโลกจะมีพันธุ์พืชและสัตว์ที่ขึ้นบัญชีเสี่ยงสูญพันธุ์ 16,306 สายพันธุ์ที่มีแนวโน้มอย่างน่ากลัว เทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งประกาศเพียง 200 สายพันธุ์ว่าจะหมดจากโลกภายในปีนี้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสิ่งมีชีวิตที่ขึ้นบัญชีแดงอันหมายถึงเสี่ยงสูญพันธุ์อย่างสูงมีถึง 41,415 สายพันธุ์ ส่วนการเก็บข้อมูลว่าสัตว์หรือพืชชนิดใดยังมีอยู่หรือไม่ ก็ยังไม่อาจทำได้เต็มที่นัก ซึ่งจริงๆ แล้วนักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตอีกมากที่มนุษย์ยังไม่รู้จัก การเก็บข้อมูลจึงจำกัดอยู่เพียงสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์รู้จักแล้ว และน่าจะมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สังเกตเห็นได้ง่าย เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

“ตัวเลขการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าความพยายามเพื่ออนุรักษ์ยังไม่เพียงพอ เราจึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดมันให้ได้” ยูลีอา มาร์ตอง ลีฟีฟร์ (Julia Marton Lefe’vre) ผอ.ใหญ่ไอยูซีเอ็น กล่าว ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

อย่างไรก็ดี ทางไอยูซีเอ็นยังเผยถึงตัวเลขสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ในเวลาอันใกล้นี้ว่ามีถึง 785 สายพันธุ์ และอีก 65 สายพันธุ์พบเฉพาะที่ตกอยู่ในการกักขังหรือในภาคการเกษตร โดยจากรายงานใหม่นี้ 1 ใน 4 ของสายพันธุ์ที่ขึ้นบัญชีแดงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 1 ใน 3 เป็นสัตว์เลื้อยคลาน และ 1 ใน 8 เป็นสัตว์ปีก ซึ่งนอกจากสัตว์แล้ว ยังมีพืชที่มนุษย์รู้จักแล้วอีก 70% ที่เข้าข่ายน่าจับตามอง

ขณะเดียวกัน ลิงกอริลลาก็กำลังเป็นสัตว์อีกสายพันธุ์ที่เริ่มเข้าข่ายน่าวิตก เพราะมีประชากรลดลงถึง 60% ในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา เหตุเพราะการฆ่าล้างของมนุษย์ การนำเนื้อไปขาย และการล้มตายจากเชื้ออีโบลา ขณะที่ลิงอุรังอุตังก็เป็นลิงอีกชนิดหนึ่งที่มีความเสี่ยงไม่แพ้กันเพราะผืนป่าอันเป็นบ้านของมันถูกมนุษย์ทำลาย ส่วนอีกตัวอย่างหนึ่งคือโลมาน้ำจืด "ไป๋จี" แห่งแม่น้ำแยงซีเกียงในจีน ตลอดจนปะการังก็กำลังอยู่ในภาวะคุกคามเช่นกัน
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

เกษม · 16 กันยายน 2007

ราคาทองคำในวันนี้ (16 ก.ย.50)

<TABLE class=small cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=middle><TD bgColor=#fedaba>ราคาทองคำ</TD><TD bgColor=#fedaba>รับซื้อ</TD><TD bgColor=#fedaba>ขายออก</TD></TR><TR vAlign=top align=middle bgColor=#ffe2b7><TD>ทองคำแท่ง</TD><TD>11,250 บาท </TD><TD>11,350 บาท </TD></TR><TR vAlign=top align=middle bgColor=#ffede1><TD>ทองรูปพรรณ</TD><TD>11,081.96 บาท </TD><TD>11,750 บาท </TD></TR></TBODY></TABLE>

เกษม · 16 กันยายน 2007

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อุตุฯ เผยแผ่นดินไหว 4.7 ริกเตอร์ ห่างระนอง 600 กม.ยันไม่มีผลกระทบ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 กันยายน 2550 11:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กรมอุตุฯ เผยเกิดแผ่นดินไหว 4.7 ริกเตอร์ ห่าง จ.ระนอง 600 กิโลเมตร ชี้ไม่มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ คาดอาจเกิดจากรอยเลื่อนในทะเลอันดามัน

นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 08.08 น.ที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.7 ริกเตอร์ ที่บริเวณทะเลในหมู่เกาะอันดามัน ห่างจากจังหวัดระนอง 600 กิโลเมตร เป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็กไม่รุนแรง และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ คาดว่าสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้น่าจะมาจากรอยเลื่อนในทะเลอันดามันมีการเคลื่อนตัว ขณะนี้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อใด ส่วนความรุนแรงที่ต้องมีการเฝ้าระวังนั้นอยู่ที่ระดับ 6 ริกเตอร์ขึ้นไป
</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000109222

หนุมาน ผู้นำสาร · 16 กันยายน 2007

*** สู่ทางพ้นกรรม ****

Falkman said: ↑

Click to expand...

*** สัจจะ ****

ผลจากการปฏิบัติสัจจะ... ของคนไทย
จะช่วย เบี่ยงเบน ...กรรมของประเทศ ไปได้มาก
เราทุกคนจึงต้องช่วยกัน

ทุกสรรพสิ่ง...อยู่ภายใต้หลักเดียวกัน.... คือ หลักสัจจะธรรม
ต้องรับ ผลจากการกระทำ ที่ได้ทำมาแล้ว ...คือ การกระทำเก่าๆ

มีเพียง โลกุตตระ และ สัจจะ ....ที่จะช่วยเบี่ยงเบนกรรมไปได้

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

Toutou · 16 กันยายน 2007

ผู้ว่าฯภูเก็ตคาด90%วันทูโกเที่ยวบินมรณะดับสยอง

โดยทีมข่าว INN News 16 กันยายน 2550 17:06:29 น.

สายการบินวันทูโก เที่ยวบินดอนเมือง - ภูเก็ต ไถลออกนอกรันเวย์ขณะลงจอด ล่าสุดยังไม่รู้ชะตากรรมผู้โดยสารนับร้อยชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้เกิดอุบัติเหตุ สายการบินวันทูโก เที่ยวบินที่ โอจี 269 ดอนเมือง - ภูเก็ต ซึ่งได้เดินทางถึงสนามบินเมื่อเวลา 16.00 น. แต่เมื่อล้อได้สัมผัสกับรันเวย์ ปรากฎว่าได้เกิดไถลออกนอกรันเวย์ทำให้เกิดไฟไหม้ที่บริเวณด้านหัวของตัวเครื่อง
และได้แยกออกเป็นสองท่อน ล่าสุดฝ่ายประชาสัมพันธ์สายการบินแจ้งว่า เที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารประมาณ 120 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เบื้องต้นผู้บาดเจ็บจำนวนมากเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงส่ง รพ.ภูเก็ต แล้ว และทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งดับเพลิงที่ลุกไหม้ ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ล่าสุดผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ตเปิดเผยว่าทางเจ้าหน้าตำรวจ และกู้ภัย ได้เข้าควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ได้เรียบร้อยแล้ว โดยเครื่องบินมีผู้โดยสารทั้งหมด 128 คน คาดว่ามีผู้เสียชีวิต 90 เปอร์เซ็นต์ และผู้บาดเจ็บสาหัสกว่า 10 ราย ได้นำส่งรพ.ภูเก็ตแล้ว โดยสภาพเครื่องบินเพลิงได้ลุกไหม้เสียหายทั้งลำ เครื่องขาดสองท่อน ส่วนสาเหตุมาจากทัศนวิสัยไม่ดี เนื่องจากฝนตกหนัก ขณะเครื่องได้ร่อนลงเกิดเสียหลักและลื่นออกนอกรันเวย์ทำให้ตัวเครื่องด้านข้างกระทบกับรั้วคอนกรีตซึ่งติดกับฝั่งทะเล หลังจากนั้นเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ติดภายในเครื่องบิน หลังเพลิงสงบเล่าว่าในเครื่องห้องผู้โดยสารมีผู้เสียชีวิต สภาพไหม้เกรียมนั่งติดกับเก้าอี้คาดเข็มขัดนิรภัย สภาพอนาถ

ด้านนายอุดม สันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าที่บริหารวันทูโก ระบุ กำลังเดินทางไปตรวจสอบถีงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต โดยคาดว่าจะไปลงที่ จ.กระบี่ โดยเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุคงต้องรอการสอบสวนอีกครั้ง ในเบื้องต้นยังไม่บุคคลสำคัญร่วมเที่ยวบินดังกล่าว พร้อมจะประสานตั้งศูนย์ติดต่อประสานงานและโทรศัพท์สายด่วน

ด้านนางกัลยา ผกากรอง กรรมการผูอำนวยการใหญ่ทอท.เปิดเผยว่า ได้มีการตั้งศูนย์ประสานงานสำหรับญาติผู้โดยสารที่เดินทางร่วมเที่ยวบินดังกล่าวที่สนามบินดอนเมือง พร้อมจะเดินทางลงพื้นที่ที่จ.ภูเก็ตโดยด่วนที่สุด

ล่าสุดศูนย์นเรนทร รายงานว่าสามารถลำเลียงผู้เสียชวิตออกมาได้แล้วจำนวน 25 ศพ
http://www.innnews.co.th/local.php?nid=61524

Toutou · 16 กันยายน 2007

<EMBED SRC="mms://203.147.62.140/nation_arc/archive/news/2007/09/16/20070916_p07.wmv" HEIGHT="300" WIDTH="400" AUTORUN="FALSE"></EMBED>

แม่นายมล · 16 กันยายน 2007

Falkman said: ↑

Click to expand...

เดือนนี้ แม่นแฮะ มีเครื่องบินประสบอุบัติเหตุ ตายเยอะด้วย

Toutou · 16 กันยายน 2007

'บินไทย'แจ้งเลื่อนเที่ยวบินไป'เกาหลีใต้' ไม่มีกำหนด เหตุ 'พายุ'

วันที่ 16 กันยายน 2550 - เวลา 11:31:19 น.

บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) แจ้งว่า เนื่องจากผลกระทบจากพายุ'นารี' ที่พัดสู่เข้าประเทศเกาหลีใต้ ทำให้เที่ยวบินที่จะมุ่งหน้าไปประเทศเกาหลีใต้ต้องถูกเลื่อนออกไป โดยเฉพาะเที่ยวบิน 654 สุวรรณภูมิ - ปูซาน ซึ่งเดิมมีกำหนดออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 11.00 น. ซึ่งถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ทั้งนี้ บริษัท การบินไทย แจ้งว่า ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ สามารถตรวจสอบตารางการเดินทางก่อนได้ หรือหากต้องการคืนตั๋วเครื่องบิน สามารถขอคืนตั๋วเครื่องบินได้ โดยโทรศัพท์มาที่ 0-2356-1111

http://www.matichon.co.th/news_detai...d=4586&catid=5

HONGTAY · 17 กันยายน 2007

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 คนในเหตุการณ์วางระเบิดและยิงต่อสู้อย่างรุนแรงที่อิรัค

At least 22 dead in Iraq violence

  <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="203"> <tbody><tr><td> At least 10 were killed outside a Baghdad bakery on Saturday

</td></tr> </tbody></table>   At least 22 people have been killed in a series of bombings and shootings in Iraq, security officials say. Fourteen people were killed in Diyala province, north of the capital Baghdad, when militants attacked two villages.
At least six people were killed by a bomb near the northern city of Kirkuk and two people were killed by a car bomb in Baghdad.
Meanwhile, a suspect in the killing of a Sunni tribal leader in Anbar province was seized, US forces said. 
Ramadan offensive
Sunday's violence comes a day after an al-Qaeda-affiliated group, the Islamic State in Iraq, said it would carry out a series of attacks over the holy month of Ramadan, which started last week.
About 100 militants attacked two villages in Diyala province, killing 14 people and setting fire to 12 shops.
The villagers belong to a Sunni tribe which has joined the Diyala Awakening Council, a group committed to pushing al-Qaeda militants out of the province.
At least six people were killed by a bomb at a cafe in the town of Tuz Khurmato near the northern city of Kirkuk.
The cafe was apparently serving food during the daylight fasting hours of Ramadan.
And at least two people were killed by a car bomb in Baghdad's Mansour district.
Reports quoting Iraqi police said nine more people were killed by either US troops or private military contractors who opened fire on a crowd after a sniper shot at them.
'Plot to kill leaders'
On Saturday, 10 people were killed when a car bomb exploded outside a bakery as people lined up to buy bread to break the Ramadan fast after sunset.
 <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="203"> <tbody><tr><td> Abdul Sattar Abu Risha led Sunni opposition to al-Qaeda in Iraq

</td></tr> </tbody></table> Meanwhile, the US military said it had captured a suspected al-Qaeda militant believed to have been behind the killing last week of Sunni tribal leader Abdul Sattar Abu Risha.
He was killed in a bomb attack near his home in the city of Ramadi, Anbar province, on Thursday.
Sheikh Abu Risha was the leader of the Anbar Salvation Council, also known as Anbar Awakening, an alliance of clans that had turned against al-Qaeda militants in Iraq.
He met US President George W Bush two weeks ago in Anbar.
The council has been working with Iraqi and US troops to push al-Qaeda fighters out of the province, once a hotbed of the Sunni insurgency against the US occupation.
A US military statement named the captured suspect as Fallah Khalifa Hiyas Fayyas al-Jumayli and said he was captured near the town of Balad, north of Baghdad, on Saturday.
"Intelligence reports indicate Jumayli is involved in a plot to kill key leaders in the Anbar Awakening," the statement said.
The US military statement said Jumayli was also responsible for "car bomb and suicide vest attacks in Anbar province, and is closely allied with senior al-Qaeda in Iraq leaders in the region".

เกษม · 17 กันยายน 2007

อ่านกันหรือยัง.....?
โดยคุณ zz

ให้ระวังสัญญาณเตือนภัยร้ายแรงกำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้

- ผู้เขียนได้รับแจ้งจาก

Falkman · 17 กันยายน 2007

แม่นายมล said: ↑

เดือนนี้ แม่นแฮะ มีเครื่องบินประสบอุบัติเหตุ ตายเยอะด้วย
Click to expand...

ใช่ๆ เมื่อวานอุบัติเหตุทางเครื่องบิน รู้ข่าวก่อนขึ้นเครื่องอีก (เสียวๆ เหมือนกัน) แล้วกลับมาเมืองไทย น้ำท่วม ที่บ้านน้ำท่วมเลยตาตุ่มมาอีก

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

ไฟล์ที่แนบมา:

osamakaeru05.jpg

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

ไฟล์ที่แนบมา:

earthquake.gif

earthquake_map.gif

feat_eq1.jpg

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

ไฟล์ที่แนบมา:

Borobudur-1.jpg

indo1.gif

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

ไฟล์ที่แนบมา:

ระนอง.JPG

หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

ไฟล์ที่แนบมา:

004321.jpg

Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา