พระอาจารย์รัตน รัตนญาโณ แจ้งเตือน..ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ลุงไชย, 10 ธันวาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    อีกหนึ่งตัวอย่างครับ ที่สอนเราให้เห็นความคิดของผู้ปฏิบัติธรรม

    "ความรับผิดชอบต่อสังคม" :cool:

    มีแบบนี้สักร้อยคนในประเทศ คงสนุกน่าดูเน๊อะ
     
  2. ืืืืืืnalunta

    ืืืืืืnalunta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +203
    อ้อเกือบลืม อย่าตกใจเกินเหตุนะครับ โทษมีทั้งปรับและจำ นะครับ บางที ไม่ติดคุก แต่เสียเงินนะครับ เตรียมเงินไว้ด้วยนะครับ ทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้ส่อเสียด หรือว่าอะไรนะครับ ก็อย่างว่านะครับ งานใครงานมัน ผมเป็นตำรวจ เห็นอะไรที่มันไม่ชอบมาพากล ผมก็ต้องเหล่มอง เป็นเรื่องธรรมดา อ้อ เกือบลืมไปอีกแล้วครับ ผมเป็นตำรวจ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ในเรื่อง สารสนเทศ ก็เกี่ยวกับข่าวสาร คอมฯ อะไรอย่างนี้นะครับ
     
  3. Mikas

    Mikas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +342
    ขอให้ดูที่เจตนาด้วยนะครับ การที่คนโทรมาแจ้งโน้น แจ้งนี้ กุเรื่องขึ้นมา นั้นเค้ามีเจตนาก่อกวน สร้างความวุ่นวายโดยตรง แต่ในกรณีนี้เจตนาไม่เหมือนกันนะครับ
     
  4. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    อยากให้ทั้งจำ ทั้งปรับครับ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับสำนักที่มักง่ายในการสร้างเรื่อง:cool:
     
  5. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ๑. เรื่องทุกเรื่องในโลกล้วนแล้วแต่เป็นกฎของกรรมทั้งสิ้น จงอย่าวิตกให้เกินกว่าเหตุ สิ่งที่ตถาคตบอกให้พวกเจ้ารู้ รู้แล้วพึงวางเฉยกับเรื่องราวทั้งหมด อย่าตีตนไปก่อนไข้ อะไรมันจักเกิด มันก็ต้องเกิด เพราะเป็นกฎของกรรมอันฝืนไม่ได้ อันเลี่ยงไม่ได้ ไม่ควรที่จักกังวล ให้หมั่นดูแลรักษาจิตของตนเองเอาไว้ดีกว่า

    ๒. เรื่องของการพ้นทุกข์อยู่ที่จิต ไม่ใช่เรื่องของร่างกาย เพราะหากร่างกายนี้ไม่มีจิตอยู่แล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกแต่อย่างไร ให้พิจารณา จุดนี้ให้ดีๆ แล้วจึงจักวางอารมณ์ลงได้ด้วยเห็นกฎของความเป็นจริง และจงอย่าฝืนใจใคร ให้วางกรรมใครกรรมมันให้จงหนัก เมตตาได้เฉพาะคนที่ควรจักเมตตาเท่านั้น และควรมีกำหนดขอบเขตของความเมตตาด้วย มิใช่เมตตาจนเป็นที่เบียดเบียนตนเอง ถ้าทำอันใดไปแล้วคิดว่าเป็นเมตตา แต่สร้างความหนักใจและทุกข์ใจให้กับตนเอง จุดนั้นไม่ใช่เมตตา จับทางปฏิบัติให้ถูกแล้วจักถึงมรรคถึงผลได้ง่าย

    ๓. ไม่ว่าอะไรจักเกิดขึ้นก็ไม่พ้นกฎของธรรมดาไปได้ แต่ที่ไม่เห็นก็เพราะโมหะมันบดบังจิตอยู่ จุดนี้สำคัญมาก จักต้องใช้ปัญญาจึงจักเห็นได้ชัด และเมื่อลงกฎธรรมดาได้แล้ว จิตก็จักเป็นสุขและสงบ เนื่องจากไม่ฝืนในกฎของธรรมดานั้นๆ

    ๔. จงอย่าไปเดือดร้อนกับกรรมของบุคคลอื่น ให้ทำใจอยู่ในขอบเขตกรรมของตนเองก็พอ อะไรมันผ่านมากระทบ แล้วก็ให้มันผ่านไปเลย แยกแยะให้ออกว่า สิ่งเหล่านี้มิใช่เรื่องที่เป็นสาระอันพึงจักยึดถือ มิใช่เป็นปัจจัยนำจิตให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด โดยรักษากำลังใจในการทำหน้าที่ของตนให้เต็มเท่านั้น ผลจักเป็นอย่างไรได้แค่ไหนก็พอใจแค่นั้น แม้จักถูกตำหนิในบางครั้ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกคนมีโอกาสผิดพลาดได้ มีแต่พระตถาคตเท่านั้นที่จักไม่พลาดเลย ดังนั้น เมื่อมีการผิดพลาดขึ้นครั้งใด แม้จักทำด้วยกำลังใจเต็มที่แล้ว ก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เหตุอันใดแก้ไขได้ก็แก้ไข แก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องแก้ ยึดเอาธรรมดาเป็นที่ตั้ง แล้วจิตจักได้เป็นสุข สงบเยือกเย็นขึ้น

    ๕. อะไรมันจักเกิด มันก็ต้องเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกฎของธรรมดา เรื่องภัยธรรมชาติภัยจากสงคราม แม้แต่เรื่องใดๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย กับวัด ก็ล้วนเป็นกฎของธรรมดา อย่าไปวิตกกังวล วางจิตให้ยอมรับธรรมดาก็จักไม่เป็นทุกข์ การฝืนโลกฝืนธรรม ฝืนสังขารร่างกาย ล้วนเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ ทุกอย่างต้องเดินสายกลางทั้งทางโลกและทางธรรม ทำใจให้ยอมรับกฎของธรรมดา (กฎของกรรม) ตั้งใจชดใช้กรรมไปเรื่อยๆ ตายเมื่อไหร่ก็มุ่งสู่พระนิพพานเมื่อนั้น การหมดภาระของขันธ์ ๕ ย่อมเป็นสุขอย่างยิ่ง ขอให้พวกเจ้ามุ่งหวังเข้าไว้ อย่าทำอารมณ์ใจให้พร่องไปกับอุปสรรคที่เข้ามาทดสอบจิตใจของแต่ละคน ให้เอาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกรรมฐาน แล้วจักเกิดประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม

    ๖. วางอารมณ์ให้เป็น ปล่อยเหตุที่ทำให้เกิดความร้อนใจทั้งหมด อย่าไปยึดเอามาเป็นทุกข์ ทุกสิ่งล้วนเป็นของธรรมดา พิจารณาด้วยปัญญาเข้าสู่มรรคผล อย่าให้เป็นโทษ ธรรมภายนอกอย่าไปแก้ แม้ร่างกายตนเองก็แก้ไม่ได้ ให้ปล่อยวางไปตามกฎของธรรมดา ให้แก้ธรรมภายในที่จิตของตนเท่านั้น ทุกสิ่งในโลกไม่เที่ยง ยึดถืออะไรเป็นที่พึ่งไม่ได้ เช่น ปล่อยวาง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ, วางกาย - เวทนา - จิต - ธรรม ซึ่งไม่เที่ยงเกิดดับ ๆ อยู่เป็นธรรมดา, วางอุปาทานขันธ์ ๕ วางอารมณ์โลภ โกรธ หลง จุดนี้ไม่มีใครช่วยใครได้ มีแต่คำแนะนำเท่านั้นที่ให้กันได้ การตัดกิเลสจักต้องใช้กำลังใจเต็มตัดด้วยตนเอง และตั้งใจทำจริงๆ จึงจักทำได้

    ๗. การกระทำทุกอย่างให้พิจารณาว่า ทำเพื่อความพ้นทุกข์ เพื่อพระนิพพานหรือเปล่า อย่าทำด้วยอารมณ์อยากทำอย่างเดียว จุดนั้นเป็นความเร่าร้อนของจิต เป็นกิเลส เป็นตัณหา ผิดหลักของการปฏิบัติธรรมเพื่อพระนิพพาน อย่าลืมจักละกิเลส จักต้องรู้จักหน้าตาของกิเลสด้วย เช่น จักละรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ก็ให้รู้จักมันด้วย หรือจักละรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ต้องให้รู้จักด้วย รู้แค่สัญญาละไม่ได้ ต้องรู้ด้วยปัญญา จึงจักละได้

    ๘. การพิจารณา มรณา และอุปสมานุสสติไว้เสมอ ยังจิตให้เข้าถึงพระนิพพานได้ง่าย และหากจับกองที่ถูกกับจริตนิสัย และกรรมของตนเองมาพิจารณาแล้ว จักได้มรรคผลคืบหน้าได้ง่าย อย่าทำแบบจับจด หรืออะไรๆ ก็จำได้หมด แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเดียวจักไม่ได้ผล ให้กำหนดบทใดบทหนึ่งขึ้นมาที่จิตมันชอบ แล้วทำอย่างจริงๆ จังๆ จุดนั้นก็จักได้ผล และหากมีปัญญาบารมีดี ก็จักได้กองอื่นๆ หมดเช่นกัน อย่าท้อแท้ ร่างกายมันจักเป็นอย่างไร ก็เรื่องของร่างกายมัน อารมณ์นี้แหละคืออารมณ์ช่างมัน หรืออุเบกขาของร่างกายในบารมี ๑๐ ที่แท้จริง

    ๙. ให้เข้มแข็งและอดทน กับอุปสรรคที่เข้ามากระทบทั้งปวง และฝึกจิตของตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าท้อถอย เนื่องด้วยในโลกนี้ไม่มีใครอยู่เป็นที่พึ่งของใครได้ไปตลอดชีวิต ดังนั้นการฝึกจิตของตนเอง เพื่อไม่ให้ฝืนกฎของความเป็นจริง จักต้องพิจารณาให้จิตยอมรับกฎของความเป็นจริงอยู่เสมอ จิตจักได้เข้มแข็งไม่อ่อนแอ มีความสงบสุขเนื่องด้วยไม่ฝืนความเป็นจริงนั้น ที่กล่าวมาเหล่านี้เป็นการปฏิบัติยาก แต่จักต้องทำให้ได้ ถ้าหากมุ่งหวังจักไปพระนิพพานในชาติปัจจุบัน

    ๑๐. หามัชฌิมาของร่างกายให้พบ กายเป็นสุข จิตผู้อาศัยอยู่ก็เป็นสุข การปฏิบัติธรรมจักต้องอาศัยทางสายกลาง จุดนี้จักต้องสำรวจกายและจิตของตนเอง โดยหาความจริงของกายและจิตให้ชัดเจน แล้วตรงจุดนั้นนั่นแหละจักควรค่าแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง อย่าเบียดเบียนกายและใจของตนเอง ก็จักพบความสุขของมรรคผลปฏิบัติอย่างแท้จริง

    ๑๑. ให้พยายามปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามากระทบจิตใจ คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่าฝืนใจใครเพราะยากที่จักแก้ไขบุคคลอื่นได้ และเป็นกฎของธรรมดา เนื่องด้วยต่างคนต่างที่ความคิดเป็นของตัว แล้วก็มักจักยึดความคิดเห็นของตัวเองว่าถูกต้องอยู่เสมอ ซึ่งจุดนี้เป็นเหตุของความกระทบกระทั่งจิตใจ แล้วก็เป็นการยึดมั่นถือมั่นในอัตตา คือสังขารปรุงแต่งว่าเป็นเราเป็นของเรา ซึ่งเป็นกิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม อันจิตของเราสร้างขึ้น พิจารณาให้รอบคอบแล้ว จักเห็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ อันเกิดจากสังขารที่ปรุงแต่งนี้ ให้ถอยออกมาพิจารณาให้ละเอียดอีกขั้นหนึ่ง แล้วจักเห็นอัตตาที่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสังขารปรุงแต่งอย่างชัดเจน จักเห็นโทษของการยึดสังขาร (อารมณ์ปรุงแต่ง) อย่างมากมาย แล้วเมื่อจิตยอมรับ ก็จักรู้จักปล่อยวางอย่างแท้จริง

    ๑๒. การเจ็บป่วยเป็นของธรรมชาติไม่มีใครฝืนมันได้ ธรรมะของตถาคตเจ้ามีแต่ธรรมดาทั้งหมด จิตจักพ้นทุกข์ได้ก็ต้องพิจารณาถึงตัวธรรมดาให้มาก เนื่องด้วยที่ทุกข์อยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะจิตไปฝืนธรรมดา ไม่อยากให้เป็นไปตามธรรมดา (ตัณหา ๓ ครองโลก หรือเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ใจ) กฎของกรรมที่เกิดกับชีวิตของแต่ละคนทุกวันนี้ก็เช่นกัน เป็นธรรมหรือกรรมที่มาแต่เหตุทั้งสิ้น ซึ่งเป็นอริยสัจไม่ควรไปฝืน พยายามสอนจิตให้ไปรับธรรมหรือกรรม จิตก็จักไม่ทุกข์ไปกับกฎของกรรมเหล่านั้น (อย่าฝืนโลก อย่าฝืนธรรมหรือกรรม) การเกิด แก่ เจ็บป่วย ความปรารถนาไม่สมหวัง การพลัดพรากจากของรักของชอบใจล้วนเป็นทุกข์ แม้แต่ในที่สุดความตายเข้ามาถึงก็เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะจิตไปยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา ในปัญจขันธ์นี้ (ขันธ์ ๕) ไม่มีในเรา ไม่ใช่ของเรา เป็นอริยสัจ ผู้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า จักยอมรับนับถือสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นของจริง จิตผู้ไม่ฝืนความจริง จึงไม่ทุกข์ไป กับปัญจขันธ์ที่แปรปรวนไปตามสภาพนั้น ๆ เนื่องด้วยท่านเห็นเป็นของธรรมดาเสียแล้ว จิตเป็นสุขมีพระนิพพานเป็นที่ตั้งมั่นอยู่ในจิต ตายเมื่อไหร่ก็พ้นทุกข์เมื่อนั้น ให้สังเกตจุดนี้เอาไว้ให้ดีๆ แล้วเพียรปฏิบัติตาม เพื่อจักได้พ้นทุกข์ ของปัญจขันธ์ เข้าถึงพระนิพพานได้ในชาติปัจจุบัน

    ๑๓. ร่างกายของใครก็ไม่สำคัญเท่ากับร่างกายของตนเอง ให้พิจารณาร่างกายของตนเองเป็นหลักใหญ่ จักได้รู้ความจริงของร่างกาย แล้วจักเห็นชัดว่า ความโลภ โกรธ หลงทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากการมีร่างกายนี้ ค่อยๆ คิดพิจารณาให้เห็นอย่างชัดเจน แล้วจักผ่อนคลายการติดในร่างกายลงได้

    ๑๔. จงอดทนต่ออุปสรรคทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิต ย่อมมีแพ้บ้าง ชนะบ้างเป็นธรรมดา จงอย่ากังวลใจ ผิดพลาดไปบ้างก็เป็นของธรรมดา จำไว้ความสุขของใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ร่างกายจักเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องธรรมดาของร่างกายมัน ห้ามไม่ให้แก่ ไม่ให้ป่วยไม่ได้ แล้วที่สุดร่างกายนี้ก็ต้องตายเป็นธรรมดา การรักษาใจต้องพยายามรักษาอารมณ์ให้ผ่องใสอยู่เสมอ

    ๑๕. อย่ากังวลใจกับเหตุการณ์ใดๆ ทั้งปวง ให้รักษาอารมณ์อย่าให้ดิ้นรนเร่าร้อน จงพอใจ หรือมีความพอดีกับสถานการณ์ทุกๆ อย่าง ไม่ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จักมีผลบวกหรือผลลบก็ตาม จงอย่าได้เดือดร้อนใจไปตาม ให้ค้นหาเหตุให้พบ (ให้ใช้อริยสัจ) จิตจักต้องรู้เท่าทันกฎของกรรมทุกเมื่อ แล้วจิตก็จักไม่ดิ้นรนเร่าร้อนไปกับสถานการณ์ทุกรูปแบบ การติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ กับข่าวต่างประเทศ ก็จักเห็นความไม่เที่ยง แปรปรวน รุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ ของสภาวะของดิน - น้ำ - ลม - ไฟ และอารมณ์อันไม่เที่ยงของผู้นำประเทศต่างๆ มากมาย อันเป็นชนวนในการนำไปสู่สงครามใหญ่ได้ทั้งสิ้น จึงควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพของร่างกายให้ดีด้วย เพราะกายนี้ก็ประกอบด้วยดิน - น้ำ - ลม - ไฟ ซึ่งไม่เที่ยง แปรปรวนอยู่เสมอเหมือนกับโลก จงอย่าประมาทในชีวิต ซึ่งสั้นลงทุกขณะจิต ให้หมั่นซ้อมตายและพร้อมตายไว้เสมอ กายพังเมื่อไหร่ จิตก็พร้อมไปพระนิพพานเมื่อนั้น

    ๑๖. อย่าท้อแท้ในผลของการปฏิบัติ ถึงแม้บางครั้งอารมณ์จักเฉื่อยชาไปบ้าง ก็ถือว่าเป็นของธรรมดา เพราะมีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่ท่านหมดอารมณ์ขี้เกียจ ซึ่งเป็นอารมณ์หลงละเอียด พระระดับต่ำกว่านั้นยังมีอารมณ์ขี้เกียจ จักมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการรักษากำลังใจ หรือดูบารมี ๑๐ ด้วยความขยันหมั่นตรวจสอบ ข้อไหนบกพร่องก็เพียรทำข้อนั้นให้เต็ม และหากท้อถอยเมื่อไหร่ ก็พึงยกเอา มรณานุสสติขึ้นมาเตือนจิต พิจารณาให้เห็นชีวิตของร่างกายนั้นก้าวไปสู่ความตายทุกๆ ขณะจิต ความประมาทในการปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์จักน้อยลงไปได้ ทุกคนที่เห็นทุกข์แล้วย่อมปรารถนาเพื่อจักพ้นทุกข์ แต่สำหรับความตายไม่ต้องปรารถนา ชีวิตก็ล่วงเข้าไปสู่ความตายทุกรูปทุกนาม สำคัญว่าจิตจักพ้นทุกข์ได้ก่อนร่างกายตายหรือไม่ ให้ดูความโลภ - โกรธ - หลง ที่เกาะจิตอยู่นั้นมันลดน้อยลงหรือยัง กิเลสในใจตน จงอย่าไปถามคนอื่น ตนย่อมต้องโจทย์จิตของตนเองอยู่เสมอหากยังมีอยู่ครบ แล้วขยันหมั่นเพียรเอากรรมฐานมาแก้อารมณ์จิตหรือเปล่า ถ้ายังเพียรทำอยู่ ก็ได้ชื่อว่า ไม่อยู่รอความตายโดยเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าหากไม่ได้ทำก็ประมาทอย่างยิ่ง ให้คิดไว้เสมอว่าขณะนี้ใกล้ตายแล้ว ถ้าหากตายในขณะนี้ ใครที่ไหนเล่าจักช่วยเราได้ จงจดจำคำสอนของตถาคตเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ตถาคตเป็นเพียงผู้บอก การปฏิบัติอยู่ที่ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนโดยแท้จริง ให้พิจารณาจุดนี้เข้าไว้ เพียรหรือไม่เพียรก็อยู่ที่พวกเจ้าพึงจักปฏิบัติกันเอาเอง ตามแนวทางแก้กิเลสที่พระตถาคตเจ้าสอนไว้ ให้เลือกมากมายตั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ชอบใจบทไหน ให้จับบทนั้นจนถึงที่สุด แล้วจักเป็นมรรคผลได้เร็ว

    ๑๗. จิตมีอารมณ์ ก็จักต้องหาสาเหตุให้พบ ปล่อยวางที่ต้นเหตุแล้วจักพ้นทุกข์จากจุดนั้นไปได้ การตรวจสอบจิตจักต้องมีอยู่เสมอ แล้วจงอย่าสนใจกับจริยาของบุคคลอื่น ไม่ว่าบุคคลนั้นจักเป็นที่พอใจ หรือไม่พอใจก็ดี ให้ปล่อยวางบุคคลอื่นออกไปจากจิตเสียก่อน ทางนี้เป็นทางของบุคคลผู้เดียว ใครที่ไหนอื่นใดไม่สำคัญเท่ากับจิตตนเอง รักษาความดีให้ขังอยู่ในจิตให้ได้ ปล่อยวางความชั่วอย่าให้ขังอยู่ในจิตนาน อย่าขาดทุนให้มากนัก เจริญพระกรรมฐานทั้งที ให้รู้จักเก็งกำไรเอาไว้ด้วย

    ๑๘. ร่างกายจักเป็นอย่างไร ก็ห้ามมันไม่ได้ การให้ปัจจัย ๔ แก่ร่างกาย เป็นเพียงการระงับเวทนาชั่วคราวเท่านั้น ปัจจัยใดๆ ก็ไม่สามารถห้ามความแก่ - ความป่วย - ความตายได้ พิจารณาให้จิตยอมรับความจริงของร่างกาย และทราบชัดว่าเราคือจิต จึงจำเป็นต้องรักษาจิตให้ดี ให้จิตอดทนต่อสิ่งที่มากระทบ เพราะกฎของกรรมนั้นเที่ยงเสมอ กรรมใดที่เราไม่เคยทำไว้ วิบากกรรมนั้นย่อมไม่เกิดกับเราอย่างแน่นอน อย่าเอาความเลวไปแก้เลวของผู้อื่น ให้คิดว่าไม่ช้าต่างคนต่างก็ตายแล้ว หันกลับมารักษาอารมณ์จิตของตนเองดีกว่า โดยฝึกจิตให้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเคารพในกฎของกรรม ทำทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน จำไว้อย่าไปแก้ไขผู้อื่น ให้แก้ที่ใจของตนเอง ให้พิจารณาถึงกฎของกรรมให้มาก ๆ แล้วสรุปลงว่า ถ้าเราไม่มีร่างกายเสียอย่างเดียว เหตุการณ์กระทบกระเทือนใจเหล่านี้ก็ไม่มี มีแดนเดียวที่พ้นทุกข์ได้อย่างถาวร คือพระนิพพาน ให้ตั้งกำลังใจไว้อย่างนี้เสมอ แล้วจักไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง

    ๑๙. พิจารณากรรมฐานให้ระมัดระวังมารหลอก มารแปลว่าผู้ฆ่าความดี จิตจักถูกดลให้คิดผิด - เห็นผิด ขาดความยับยั้งชั่งใจ ยังอุปาทานให้เกิดไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งผิด จึงต้องสังเกตอารมณ์ของจิตให้ดีๆ รู้ขั้นตอนของการทำงานของจิต รู้ขั้นตอนของกิเลสที่เกิดขึ้นในอารมณ์ แล้วจักมีหนทางแก้ไขในเหตุที่เกิดนั้นๆ เห็นจิต - มองจิต - พิจารณาจิต ย่อมรู้ในเหตุที่ทำให้จิตมีความเปลี่ยนแปลงไปทุกครั้ง

    ๒๐. ในคนๆ หนึ่งย่อมมีการกระทำได้ทั้งดีและเลว กรรมคือการกระทำทั้งกาย - วาจา - ใจจัดเป็นกรรมทั้งสิ้น คนเลวหมดตลอดชีวิตไม่มี คนดีหมดตลอดชีวิตก็ไม่มี คนๆ หนึ่งจึงทำกรรม ๒ ประเภทนี้ขึ้นมา บัญชีบุญและบัญชีบาปจึงแยกออกจากกัน ไม่ปนกัน มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่ท่านหมดเลว ท่านเคารพในกฎของกรรม ใครดีท่านรู้แต่ไม่สนใจ หรือข้องแวะในกรรมของเขา ใครเลวท่านก็รู้ แต่ไม่สนใจ กรรมใครกรรมมัน พระอรหันต์ท่านวางหมด ยกเว้นแต่ผู้ที่มีกรรมผูกพันอยู่กับท่าน ท่านก็ต้องสอน - อบรม - ชี้แนะทางให้ตามหน้าที่ แต่จักทำได้หรือไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของเขา ท่านไม่ทุกข์ไม่เดือดร้อนไปในกรรมใดๆ ทั้งปวง เห็นเป็นธรรมดาของโลก มีแต่พระนิพพานเท่านั้นที่คนเลวไม่มีอยู่เลย ที่ตรัสมานี้เพื่อให้สังเกตอารมณ์ของใจคน มักจะโจทย์เลวมากว่าโจทย์ดี ใครทำอะไรไม่ดี ใจมัน ปากมันทั้งจำทั้งพูด ไม่รู้จักลืม มันเป็นความเลวของจิตที่ จำเอาแต่อกุศลกรรม สำหรับเรื่องความดี คำสอนของพระพุทธเจ้า สอนเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักจำ ไม่รู้จักทำ ให้มันเกิดมรรคเกิดผลเสียบ้าง ใจมันมักลืมดี แต่จำเลว ต่อไปให้รู้จักแก้ใจเสียบ้าง จำดีแล้วลืมเลวเข้าไว้บ้าง จึงจะพอเริ่มดีกับเขาได้บ้าง สรุปว่า พระอรหันต์ท่านมี พุทธานุสสติและอุปสมานุสสติเป็น เอกัตคตารมณ์ พอๆ กับการไม่ลืมขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา ไม่มีในเรา และมีอริยสัจ ๔ พร้อมอยู่ในจิต เห็นทุกข์ - สมุทัย - นิโรธ - มรรคพร้อมอยู่ตลอดเวลาเหล่านี้เป็นองค์ของพระอรหันต์


    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  6. dol_by

    dol_by เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +430
    ถ้ามันไม่เกิดเหตุการณ์ดังที่พระอาจารย์กล่าวมา แล้วพระอาจารย์จะผิดศีลข้อมุสาฯรึป่าวอ่ะคับ...สงสัยๆ
     
  7. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    คำว่า "ไม่ตั้งใจ" "ไม่มีเจตนา" "บอกไปด้วยความสุจริต" "เป็นความเชื่อส่วนบุคล" คำเหล่านี้สามารถ ลบล้าง ความผิดได้หมดครับ:cool:
     
  8. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ศีลต้องมีเจตนานะครับ
    มันไม่เกี่ยวกับจะเกิดภัยพิบัติหรือไม่

    เช่นเราบอกพรุ่งนี้เราจะทำอย่างนั้นอย่างนี้
    พอถึงวันพรุ่งนี้จริงๆ เราเปลี่ยนใจ ไม่ทำที่บอกแล้ว
    มันไม่ผิดศีลนะครับ

    กรณีมีการทำนายทายทักต่างๆ
    ถ้าผู้ทำนาย มีเจตนาโกหก โดยตนไม่เชื่อว่าจะเกิด
    แต่พูดโกหก ก็ถือว่าผิดศีล
    แม้จะเกิดภัยพิบัติจริงๆก็ตาม เพราะศีลขาดตั้งแต่ตอนโกหก

    ทำนองเดียวกัน
    หากผู้ทำนาย เชื่อว่าจะเกิดภัยพิบัติจริง แล้วออกมาบอกกล่าว
    แม้ว่าจะไม่เกิดภัยพิบัติขึ้นมาตามที่ทำนายไว้ ก็ไม่ผิดศีลครับ
     
  9. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ที่ตอบนี่ไม่ใช่กรณีพระคุณเจ้ารูปไหนทั้งนั้น แต่เป็นกรณีคนทั่วไป ที่บอกว่าตัวเองมียานมีหย่อนมีตึง เห็นอนาคต ล่วงรู้อดีต แล้วออกมาบอกกล่าวกับสาธารณะ ก็แล้วกันว่า

    ที่จริงเขาอาจเห็นจริงในมโนของเขา

    แต่ภาพที่เห็น จะเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต รึกำลังจะเกิดในอนาคต จริงหรือไม่ นั่นมันเป็นอีกเรื่อง เพราะกระบวนการทำงานของจิตมันละเอียดซับซ้อน

    ลองดูหนังเรื่องนี้ปะไร เห็นจริงเห็นจัง A Beautiful Mind

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=aS_d0Ayjw4o]A Beautiful Mind Trailer - YouTube[/ame]
     
  10. ยามา

    ยามา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2005
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +484
    ตั้งแต่เรื่องปลาบู่ชนเขื่อนละเมื่อปีที่แล้ว หาคนรับผิดชอบไม่เจอสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง แบบว่าไม่น่าทำนะ
     
  11. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    A Beautiful Mind สร้างมาจากเรื่องจริง
     
  12. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436

    ให้เราท่านทั้งหลายพึงฝึกสติของตน จะได้เป็นเกราะ ป้องกันอารมณ์เข้ามาสู่จิตใจของเรา

    ธรรมชาติทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป อารมณ์ทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เป็นของที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป แต่สิ่งที่มันยังคงอยู่ แล้วมันไม่ค่อยจะดับ นั่นคือจิตที่เข้าไปยึด จิตที่เข้าไปข้องเกี่ยว ไปพัวพันอยู่กับอารมณ์หลายอย่างที่เข้ามากระทบเรา บางครั้งกระทบยามเช้า แล้วก็ยังกระเทือนถึงยามค่ำคืน บางครั้งกระเทือนไปสองวันสามวัน ให้หวนให้นึกถึงอารมณ์เหล่านั้น กลายเป็นว่าจิตนี้หลงอารมณ์ เป็นทาสอารมณ์เหล่านั้นไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    ให้เราท่านทั้งหลายพึงฝึกสติของตน จะได้เป็นเกราะ เป็นเครื่องกำบัง ต้านทาน ป้องกันอารมณ์ทั้งหลายที่เข้ามาสู่จิตสู่ใจของเรา อารมณ์ที่ยินดีก็ตาม อารมณ์ที่ยินร้ายก็ตาม ทั้งสองอย่างนี้ก็เป็นโลกธรรมทั้งคู่ เป็นของที่นำมาซึ่งความทุกข์ เมื่อเราเข้าไปเสพความสุขในโลกธรรมแล้ว มันก็ติดความสุขเหล่านั้น วิ่งแสวงหาดิ้นรนด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อต้องการสุขในโลกนี้ แท้ที่จริงมันเป็นยาเสพติด เมื่อเสพเข้าไปแล้วก็จะหลงงมงาย เป็นเบี้ยรับใช้โลก หาแต่ความสุขในโลกนี้ ทั้งๆ ที่โลกนี้แท้ที่จริงแล้วไม่มีความสุขเลย มีแต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้น แล้วดับไป ความดับไปของความทุกข์จึงเรียกว่าสุข

    แต่ความเป็นจริงแล้ว โลกนี้มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป เหมือนอย่างว่าเราหิวข้าวเรากินข้าวก็เพื่อดับความหิว แล้วความหิวนั้นดับไปตลอดไหม ก็ไม่ตลอด สุดท้ายเราก็กินกัน กินจนหมดเนื้อหมดตัวก็ยังไม่อิ่ม ก็ยังไม่หยุดในการกิน จึงว่าความอิ่มในโลกไม่มี มีแต่ความหิวเท่านั้นที่เกิดขึ้น ความหิวเท่านั้นที่ดับไป แล้วก็เกิดขึ้นอีก ไม่มีความอิ่มในโลก...

    ฉะนั้นเราจะหาความสุขในโลกได้อย่างไร มันไม่มี ถ้าเราต้องการความสุขต้องหาที่ใจของเรานี้


    ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา เรื่อง อิ่มใดในโลก
    โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เรื่องพวกนี้ต้องกลางๆ พอดีๆ คือรู้แล้วตระหนักว่าธรรมชาติมันไม่เที่ยง มีขึ้นมีลง ก็ศึกษาหาข้อมูลไว้บ้าง พอให้มีความรู้คุยกับใครเขารู้เรื่อง หาทางหนีที่ไล่ได้ ถ้ามันเริ่มส่งสัญญาณไม่ชอบมาพากลชัดๆ เอาแบบชัดจริงๆ ไม่ใช่อุปาทาน

    แล้วก็ไม่ใช่ค้านหัวชนฝา ว่าไม่มี๊ ไม่มี โลกนี้จะต้องเที่ยง ต้องแท้ ต้องทนชั่วนิรันดร์กาล อย่างนั้นก็ประมาทเกิน รึไม่ก็หลอกตัวเองเกิน

    สรุปเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ก็แล้วกัน ว่าโลกนี้มันไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ภัยต่างๆ ทั้งภัยคน ภัยธรรมชาติ ภัยอุบัติเหตุ ภัยสงคราม มันเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ก่อนจะเกิด มันจะมีเค้าลางก่อนเสมอ ไม่ใช่ปุบปับก็มาตูมเดียว

    และอีกทางหนึ่ง เพราะการที่โลกไม่เที่ยง ภัยต่างๆ ที่รุนแรงหนักหนาสาหัส มันก็อาจจะไม่เกิดเลยก็ได้ จาก พศ. 2555 ไปอีก สามพันปี แต่อาจจะมีภัยขั้นเล็กน้อยถึงปานกลางอยู่เป็นระลอกก็ได้

    อีกเรื่อง คนที่ยังไม่หมดอายุขัย อยู่ไหนก็รอด (ถ้าไม่มีกรรมหนัก ประเภทเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มาตัดรอน)
     
  14. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ครูของผมท่านหนึ่ง ได้เมตตาส่งข้อความ เพื่อเตือนเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะมาถึง ผมไม่ขอเปิดเผยชื่อท่าน..
    ขอให้ทุกท่านที่สนใจอ่านแล้วพิจารณาด้วยปัญญาของท่านเอง...ท่านใดไม่ชอบข้อความการเตือนภัยในแนวนี้
    ขอให้ผ่านๆ ไปอ่านเรื่องราวที่ท่านชอบเถอะครับ..รักกันไว้ เมตตากันไว้ให้มากๆ สาธุครับ...


    ..................................................................................

    อนาคตังสญาณ บอกว่า

    เหตุปัจจัยที่ทำให้โลกเราเกิดการเปลี่ยนแปลง อันก่อให้เกิดมหาภัยภิบัติ นั้นมี

    1 เหตุจากแรงดึงดูดของระบบสุริยะจักรวาล และจักรวาลน้อยใหญ่ที่มีอิทธิพล ต่อจักรวาลของเราเกิดการเปลี่ยนแปลง
    ทำให้เสียสมดุลย์ แต่กลไกของระบบพลังงานในจักรวาล และพลังงานในระบบสุริยะจักรวาล เกิดการปรับสมดุลย์ใหม่
    ส่งผลให้สนามแม่เหล็กของโลกเปลี่ยนใหม่เกิดการปรับสภาวะใหม่เพื่อรักษาสมดุลย์

    2 เหตุ จากปัจจัยภายใน ของโลกเราเอง ด้วยมวลธาตุของเหลวและของแข็งที่หมุนเวียนบนพื้นภิภพหรือผิวเปลือกโลกเกิด
    การเปลี่ยนแปลง และมวลของเหลวและของแข็งในใจกลางหรือในแกนโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้พลังงานสนามแม่เหล็ก
    ของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไป

    จากข้อ1. จะส่งผลกระทบหลายด้าน เพราะเกี่ยวข้องทั้งระบบสุริยะจักรวาล และจักรวาลน้อยใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อสุริยะจักรวาล
    ส่งผลให้พลังงานต่างๆแรงดึงดูดต่างๆเปลี่ยนไป การหมุนเวียนของ ของดาวต่างๆรอบดวงอาทิตย์เปลี่ยนไป การหมุนรอบตัวเอง
    เปลี่ยนไป และโลกเราก็เช่นกัน โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากที่สุด
    [ลองคิดดูนะครับว่าหากเกิดตรงนี้วงจรชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างจะเปลี่ยนไปด้วยครับ น่ากลัวมากครับ]

    จากข้อ2 หากเกิดลักษณะแบบนี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเฉพาะโลกของเราเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับสุริยะจักรวาล
    หรืออื่นๆ ในสภาวะที่เกิดการเปลี่ยนสนามแม่เหล็ก การถ่ายเทมวลสารและพลังงานในช่วงที่เกิดสภาวะที่ผิดปกติ
    นี้จะส่งผลให้ มวลธาตุต่างๆ เกิดความไม่สมดุลย์ การหมุนเวียนของโลกรอบดวงอาทิตย์ยังปกติ แต่การหมุนเวียนของ
    โลกรอบตัวเอง ในช่วงเวลาดังกล่าวอาจจะช้าและเร็วสลับกันเล็กน้อย เพราะการถ่ายเทมวลธาตุและพลังงานของโลก
    เกิความผิดปกติ ไม่สมดุลย์ แต่เมื่อผ่านไปไม่นาน มวลธาตุและพลังงานกลับสู่สภาวะสมดุลย์ ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ
    แต่ส่วนที่ไม่ปกติ เพราะสภาพของพื้นผิวโลก ได้เปลี่ยนใหม่ ไม่สามารถตอบได่้ว่าส่วนใดจะต่ำลง ส่วนใดจะสูงขึ้น มวลน้ำใน
    มหาสมุทรจะถูกถ่ายเทไปยังจุดใดบ้าง สิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้มตายมากน้อยแต่ละพื้นที่ตอบไม่ได้ สภาพอากาศและฝุ่นผง
    น้ำฝนเปลี่ยนไป สภาพท้องฟ้าเปลี่ยนไปหมอกเมฆที่ปกคลุมผิวโลกเปลี่ยนไป

    ทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาวะปกติบางอย่างอาจใช้เวลานาน บางอย่างก็ไม่นาน

    นิมิตเห็นว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ จะมีปรากฏการณ์ทางพื้นดิน มหาสมุทร และทางอากาศท้องฟ้าที่ผิดปกติซึ่งจะเตือนให้ทราบ
    ล่วงหน้าเพียง1-3วันเท่านั้น

    วันเวลาที่จะเกิดยังไม่สามารถกำหนดได้เพราะมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อความไม่ประมาทจึงควรระวังและเตรียม
    ความพร้อมไว้ด้วยก็จะดีครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. malangpong

    malangpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +813
    ขอถามง่ายๆแบบชาวบ้านชาวบ้านเช่นกันนะคะ ในทางกลับกัน
    สมมุติ - แค่สมมุตินะ
    ถ้าเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ตามวันเวลาสถานที่ ที่กล่าวมาข้างต้น
    แล้วทุกๆคนเป็นแบบที่คุณต้องการ คือไม่ให้ฟังไม่ให้คิดไม่ให้รู้เห็นข้อมูลที่คุณไม่ต้องการให้รู้
    แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไงคะ


    ข้อมูลต่างๆ สื่อต่างๆ ในโลกนี้มีทั้งจริง ไม่จริง แอบแผง และ ตรงๆ ด้วยกันทุกรูปแบบ
    ไม่ว่าจะแค่ตัวต่อตัว ตัวต่อกลุ่ม หรือกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ หรือระดับโลก

    เป็นการดีที่มีบางท่านมาติงให้คิดพิจารณา
    แต่การที่คัดค้าน ห้ามทำ ห้าม ๆ ๆ ก็ดูว่าเป็นการเผด็จการต้องการควบคุมความคิดของผู้อื่นอยู่หรือเปล่า


    ส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ามาในเวปนี้เขามีความคิดเป็นของตนเองนะคะ ไม่มีใครเขาคิดไม่ได้นะคะ

    ดู ฟัง คิด พูด เป็น เหมือนคุณละคะ

    ขอบคุณนะคะที่มาติงเตือนผู้อื่น เคารพสิทธิตัวเอง ก็เคารพสิทธิซึ่งกันและกันนะคะ
     
  16. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    กรรมไม่ขึ้นกับอาชีพ ไม่ขึ้นกับหน้าตา ไม่ขึ้นกับวาทะหรือความฉลาดในการพูดแต่อย่างใด ต้องดูให้ดีๆกฏแห่งกรรมนั้นอยู่เหนือทุกกฏ กฏหมายก็เป็นกรอบเป็นระเบียบ เพื่อสร้างความเรียบร้อยสวยงามอันเป็นเหตุให้คนหมู่มากอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุขครับ แต่ก็เป็นเพียงสมมุติเท่านั้นไม่ควรนำไปใช้ในทางเสื่อม เพราะแต่เดิมก็ไม่มีกฏหมายใดๆนอกจากกฏแห่งกรรมมาก่อนเลย ทั้งมาตั้งสมมุติกันไม่กี่พันปีนี่เอง(โดยคร่าวๆ) ประโยชน์มีโทษมี อยู่ที่การนำไปใช้ด้วยเจตนาเช่นไร ส่วนผมเองคิดว่ากฏหมายนี่สมมุติ แต่เป็นสมมุติที่ทำให้คนที่นำไปปฏิบัติร่วมกันนำไปใช้ร่วมกันได้ และก่อให้เกิดความผาสุขโดยรวมๆครับ แต่ไม่ควรนำมาสมองทิฏฐิตน ตามที่ตนต้องการเพราะบิดเบือนไปจากเจตนารมย์ของกฏหมาย (เช่น เอามาขู่กันไปขู่กันมา) เพราะก็เห็นว่ายังคงแก้ไขกันอยู่มากในส่วนของกฏหมายนี่นะ ... ขอให้คิดดี ทำดี พูดดี ชีวิตจะดีแน่นอน ทั้งถูกต้องงดงามไปในกฏทุกกฏครับ ไม่ขัดกับกฏใดๆเลย อนุโลมไปตามกฏทุกกฏในแง่บวกทั้งสิ้น ท้ายสุดทำตามกฏแบบไม่ยึดกฏและปล่อยวางให้ได้ครับ นั่นล่ะดี ... ท่านใดชอบรึไม่แล้วแต่ท่าน ผมไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยนะ ท่านใดๆอ่านแล้วสดชื่นและเข้าใจดี ผมขออนุโมทนาทุกๆประการเชียว สาธุ ...

    ... ทำสิ่งใดๆให้พิจารณาว่า 1.ไม่เกินศีล ไม่ผิดไปจากธรรมะที่ดีงาม 2.ทำแล้วจิตใจไม่เศร้าหมอง 3.เป็นประโยชน์ไปในสาธารณะ ก็สามารถพิจารณาทำไปได้เลยครับ ...

    ... ไม่มีใครใหญ่ไปกว่ากรรมครับ ...


    ปรารถนาดียิ่ง

    ประทีป
    ^_^
    _/\_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  17. neoReloaded

    neoReloaded เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +675

    ครับรับแซ่บ ในกรณีคนโทรมาก่อกวน "เขาก็หัวหมอนะ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง" อันนี้ไม่ใช่แบบที่ผมบอกแล้วนะครับ อันนี้แจ้งโทรความเท็จโจ้งแจ้งมีเจตนาก่อกวนโดยตรง ส่วนที่โพสต์ในบอร์ดนี้เหมือนเป็นการบอกกล่าวเฉพาะกลุ่ม แต่อย่างว่าครับผมไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้านกฏหมาย อาจจะเข้าข่ายสร้างความตื่นตระหนกก็กฏหมายมนุษย์เขียนนี่เนอะ พระอาจารย์รัตน รัตนญาโณท่านคงไม่ได้มีนักกฏหมายส่วนตัวเหมือนพวกนักธุรกิจพันล้าน คอยให้คำปรึกษา ไม่งั้นคงแนะนำได้ว่าให้บอกเล่าเหตุการณ์แต่อย่าเจาะจงวันที่ ในกรณีไม่เกิดขึ้นจริงๆ จะได้ไม่มีความผิดเหมือนพวกหมอดูชื่อดังต่างๆ แต่พระอาจารย์ท่านออกมาบอกกล่าวด้วยความบริสุทธิ์ใจ (ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระอาจารย์รัตน รัตนญาโณ ในทุกกรณีนะครับ ผู้รู้จักพระอาจาย์ท่านแบบผิวเผินจากเว็บนี้ เด๋วจะหาว่าปกป้อง ผมพูดถึงทุกกระทู้ที่โพสต์เตือนด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกกระทู้ด้วยครับ)



    อีกอย่าง แล้วรายการทีวีดังทางช่อง 5 ไปล่าผีตอนดึกๆ ต้องไปตรวจสอบด้วยไหมครับ ว่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือเปล่า???
    สถานที่เดียวกัน อีกรายการฮา อีกรายการเจอผี(พิสูจน์ไม่ได้) แถมหลอกลวงออกสื่อโทรทัศน์ทั้งประเทศอีกตาหาก​
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=9SV1tks_4o8]iScream ล่าผีโรงแรมเฮี้ยน1 - YouTube[/ame]
    อีกรายการ(ที่เจอผี)หาคลิปดูเอาเองนะครับ เจอตั้งแต่ทางเข้า แต่รายการนี้ฮาตั้งแต่ทางเข้า​



    ฝากไว้สุดท้ายครับ พวกโฆษณาเกินจริงตามโทรทัศน์น่ะ ไปตามจับด้วย ถ้าไม่ใช่หน้าที่คุณ ก็บอกพวกเพื่อนๆ คุณให้ทำหน้าที่ด้วย ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  18. sutanee

    sutanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +3,248
    ใช่แล้วยังคิดว่าท่านต้องเชื่อของท่านอย่างแน่นอนว่าจะเกิดอย่างนี้
    แล้วท่านมาบอกมาเตือนแบบนี้ถ้าไม่เกิดท่านก็เสียชื่อเสียงที่สร้างมาหลายๆปี
    แต่ถ้าเกิดจริงแล้วคนไม่เตรียมไว้เลยอนาจกว่านะ
    เราไม่อยากให้เกิดเพราะไม่แน่ใจว่าบุญที่ทำไว้มากพอพ้นนรกได้
    แต่เท่าที่ฟังมาท่านให้พิสูจน์ด้วยตนเองได้รอดูกันไปละกัน
    ใครไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ เราถือคติรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
    เตรียมตัวเตรียมใจเป็นดีที่สุด ท่านเน้นให้คิดถึงมรณานุสสติ
    ให้แยกกายแยกจิตเอาจิตไว้ที่สูงและเอากายไว้ในที่ปลอดภัย
    ถ้าอยากอยู่ต่อ เรากะว่าจะขออยู่ในร่มบารมีพระพุทธเจ้า
    ลูกศิษย์ท่านพจอ.รัตน์คนหนึ่งที่ป่วยแล้วตั้งใจทิ้งสังขาร
    ไปเจอแดนพระนิพพานมาแล้ว
    ท่านเรียกมงคลจักรวาลหรือนันตจักรวาลที่ๆพ้นจากแรงดึงดูดทั้งปวง
     
  19. ผู้มาใหม่

    ผู้มาใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +618
    กฏหมายมีไว้บังคับใช้ควบคุมคนไม่ดีแต่บางทีกฏหมายก้เป็นช่องทางที่ให้คนหลายคนได้ทำชั่วบิดเบือนสิ่งต่างๆได้ดีเพราะคำว่ากฏหมายนั่นเองโปรดแยกแยะให้ออกนะครับว่าสิ่งที่เตือนถ้าเชื่อถึงขนาดขายบ้านขายรถก็คงโดนนกเอี้ยงจับหลังแล้วแต่ถ้าฟังแล้วคิดวิเคราะห์นั่นแหละถึงจะเป็นเหมือนคนแต่ไม่ได้จูงควายนะครับ
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เขียนได้ฮา
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...