ยุคก่อนมีพระพุทธรูป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 6 ธันวาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมมีหลักฐานพระพุทธเจ้าให้สร้างสถูปให้พระพาหิย คุณมีหลักฐานที่มาไหมครับ นอกจากคำพูดลอย คิดเอาเอง ผมมีหลักฐานครับ คุณว่าผมแถ แต่ผมมีหลักฐาน ของคุณมีอะไรมาแสดงบ้าง นอกจากลมปากเปล่า ๆ
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พิธีรีตองต่างๆที่เพิ่งเกิดขึ้น เกี่ยวเนื่องกันกับพระพุทธศาสนาเพียงเล็กๆน้อยๆ ก็ถูกนับ
    เข้าเป็นพุทธศาสนาไปด้วย พิธีรีตองต่างๆก็เกิดเพิ่มขึ้น อย่างที่เรียกว่าน่าสมเพช เช่นการจัด
    สำรับคาวหวานทำนองเซ่นวิญญาณพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าถวายข้าวพระอย่างนี้เป็นต้น
    ซึ่งเป็นสิ่งที่จะมีไม่ได้ในหลักของพุทธศาสนา การที่จะเซ่นวิญญาณของพระอรหันต์
    ให้บริโภคอาหารคาวหวาน ผลหมากรากไม้ หรืออะไรทำนองนี้ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่
    บางพวกพยายามจะเข้าใจว่านี่เป็นพุทธศาสนา และถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดในบางหมู่เหล่า


    ทั้งๆ ที่พุทธศาสนาไม่มีพระเจ้า ไม่อาศัยความเชื่อ
    ก็ยังเผลอเอาไข่ต้มกับปลาร้า ไปถวายพระพุทธรูปได้
    หรือไปบนบานขอลูก เมื่อขอกันไปหลายสิบรายมันก็มีฟลุคมีลูกขึ้นมาได้
    ก็เลยยกเป็น อานุภาพของพระพุทธรูป ความเชื่อก็เลยเฉไปในทาง
    ทำพระพุทธรูป ให้กลายเป็นเครื่องมือ ของไสยศาสตร์ไป
    เดี๋ยวนี้มันน่าละอาย หรือน่าอันตรายที่เราขลาดเขลามากเกินไป
    จนทำพุทธศาสตร์ให้เป็นไสยศาสตร์

    ธรรมโฆษณ์ ตุลาการิกธรรม เล่ม ๑ "พุทธศาสนา กับคนทั่วไป" ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๙๙
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พุทธศาสนาไม่ใช่วัตถุนิยม ไม่ได้มีท่าทีต่อวัตถุในฐานะปรปักษ์ต่อกัน หรือถึงกับสอน
    ให้ทำลายวัตถุเสีย เผาวัตถุเสีย ในฐานะเป็นศัตรูอย่างนี้ก็หาไม่
    พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้หลงโง่ไปรบกับวัตถุ เรามีจิตใจอยู่เหนือวัตถุก็พอแล้ว

    ธรรมโฆษณ์ ตุลาการิกธรรม เล่ม ๑ "พุทธศาสนา กับคนทั่วไป" ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๙๙
     
  4. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    และเนื่องจากพระพุทธเจ้าตรัสถึงบุคคล ๔ ประเภท ซึ่งเป็นผู้ควรแก่การสร้างสถูปไว้บูชา คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวกของพระพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ(ที่เป็นองค์ที่เป็นมหาราชมีคุณความดีมากๆๆ)

    ดั้งนั้นจึ่งพลอยเรียกสถูปที่สร้างก่อนหน้านั้น ของบุคคล ๔ ประเภท นี้ ในชื่อพระสถูปหรือเจดีย์ด้วย

    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพกล่าวไว้ในเรื่อง “ตำนานพุทธเจดีย์”(หน้า112)
     
  5. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ผมก็มีสิครับ นี่ผมอ้างสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพกล่าวไว้ในเรื่อง “ตำนานพุทธเจดีย์”(หน้า110-115)
    เลยนะครับ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยเรา
    คุณจะบอกท่านมั่ว คุณถูกหรือครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  6. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    อ่านหนังสือออกไหม?ครับ
    ผมมีหลักฐาน เรื่องสถูปของท่านพาหิยะ พระสารีบุตร พระสาวกคนสำคัญๆๆนะผมรู้แล้ว
    ผมพูดไปตั้งแต่กระทู้หน้าที่แล้วแล้ว
    ก่อนหน้านั้น คนในเมืองพระพุทธเจ้าเขาก็มีสถูปหมดแหละ(เฉพาะคนในเมืองพระพุทธเจ้าเท่านั้นนะ)
    ของวรรณะสูงๆๆ มันก็หรูหน่อย

    แต่ผมไม่ได้พูดถึงพวกนี้ผมพูดถึง พระสถูป หรือเจดีย์ที่เอาไว้ใส่พระบรมสารีริกธาตุ เขาใส่คำว่าพระก็เพื่อให้มันต่างจากหลุมศพ
    ชาวบ้าน จะได้เอาไว้บูชา ต่อมาเนื่องจากพระพุทะเจ้าให้รวมเอาพระอรหันต์ พระมหาราชที่มีคุณวิเศษมีธรรมเอาไว้ด้วย
    เขาก็เลยเรียกพระสถูปด้วยซึ่งเริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไป

    แปลไทยเป็นไทยอีกแล้ว เบื่อว่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    คุณบ้าเปล่าครับ
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ถ้าน้ำศักดิ์สิทธิ์จะทำคนให้หมดบาป หมดทุกข์ได้แล้ว พวกปลา เต่า ปู หอย ที่อาศัย
    อยู่ในแม่น้ำ หรือสระศักดิ์สิทธิ์นั้นก็จะหมดบาป หมดทุกข์ไปได้ด้วยน้ำนั้นเหมือนกัน
    ถ้าหากว่าความพ้นทุกข์จะสำเร็จได้ด้วยการบูชาอ้อนวอนเอาๆแล้ว ในโลกนี้ก็จะ
    ไม่มีใครที่มีความทุกข์เลย เพราะว่าใครๆก็บูชาอ้อนวอนเป็น ไม่ใช่ของทำยาก
    ทั้งๆที่ทำการบูชาหรือทำพิธีรีตองต่างๆอยู่ ก็ยังมีคนที่มีความทุกข์อยู่
    จึงถือว่ายังไม่เป็นหนทางที่จะเอาตัวรอดได้

    ธรรมโฆษณ์ ตุลาการิกธรรม เล่ม ๑ "พุทธศาสนา กับคนทั่วไป" ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๙๙
     
  9. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ยังไม่เลิก ปัญญาอ่อน คิดว่าคนที่กราบพระพุทธรูปคือคนโง่คนที่ยึดติดกับวัตถุอีก
    อธิบายไปก็เท่านั้น
    ว่าเขารู้เว้ย ที่ไม่ให้ยึดวัตถุนะ
    แต่เขาไม่บ้า ตัวเองไม่กราบแล้วพยายามจะไม่ให้คนอื่นกราบใครกราบก็ไปด่าเขาบ้าวัตถุ
    ยึดพระพุทธรูปเป็นพระพุทธเจ้า
     
  10. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    แล้ว มาเกี่ยวอะไรกับผมครับ ผมไม่ใช่คนอินเดีย
    อาการหนักนะเนี่ย
    พูดจาเหมือนคนบ้า
    เอาทิฏฐิตัวเองมายัดใส่คนนู้นคนนี้ไปทั่ว
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    นี่ทิฐิใครครับ
     
  12. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ทิฐิใครไม่รู้ ผมอ่านมาจากหนังสือ
    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
    คุณจะบอกว่าคุณดีกว่าพระองค์ท่านว่างั้น
    ประวัติศาสตร์ชาติไทย ประวัติศาสตร์อะไรต่ออะไรเราก็รู้จากงานเขียนของพระองค์ท่าน
    ทั้งนั้น
    คุณจะบอกว่าคุณเก่งกว่าว่างั้น

    ผมพูดไปตั้งแต่กระทู้หน้าที่แล้วแล้ว
    ก่อนหน้านั้น คนในเมืองพระพุทธเจ้าเขาก็มีสถูปหมดแหละ(เฉพาะคนในเมืองพระพุทธเจ้าเท่านั้นนะ)
    ของวรรณะสูงๆๆ มันก็หรูหน่อย

    แต่ผมไม่ได้พูดถึงพวกนี้ผมพูดถึง พระสถูป หรือเจดีย์ที่เอาไว้ใส่พระบรมสารีริกธาตุ เขาใส่คำว่าพระก็เพื่อให้มันต่างจากหลุมศพ
    ชาวบ้าน จะได้เอาไว้บูชา ต่อมาเนื่องจากพระพุทธเจ้าให้รวมเอาพระอรหันต์ พระมหาราชที่มีคุณวิเศษมีธรรมเอาไว้ด้วย
    เขาก็เลยเรียกพระสถูปด้วย ซึ่งเริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไป

    แปลไทยเป็นไทยอีกแล้ว เบื่อว่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    นี่ทิฐิใครครับ
     
  14. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    หลังจากนั้นมา สถูปของพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆๆก็เลยได้ชื่อว่าพระสถูปหรือเจดีย์ด้วย ตามพระพุทธประสงค์

    คัมภีร์พุทธวงศ์ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๓๓ มีข้อความระบุไว้ชัดเจนตามลำดับดังนี้ว่ามีรายนามที่นับรวมเข้าไปด้วยคือ


    ๑. พระทีปังกรพุทธเจ้า

    พระชินศาสดาพระนามว่า ทีปังกร เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ณ นันทาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระชินเจ้าพระองค์นั้น สูง ๓๖ โยชน์ ณ นันทารามนั้น พระสถูปบรรจุบาตร จีวร บริขาร และเครื่องบริโภคของพระองค์ผู้ศาสดา ที่โคนต้นโพธิ์ในกาลนั้น สูง ๓ โยชน์


    ๒. พระโกณฑัญญพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าพระนามว่า โกณฑัญญะ ผู้ทรงพระสิริ เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ นันทาราม พระเจดีย์ของพระองค์สูง ๗ โยชน์ ณ นันทารามนั้นแล


    ๓. พระมงคลพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าพระนามว่ามงคล เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ พระราชอุทยานชื่อเวสสระ พระสถูปของพระชินเจ้านั้นสูง ๓๐ โยชน์ ณ พระราชอุทานชื่อเวสสระนั้นแล


    ๔. พระสุมนพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ ผู้ทรงพระยศ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่อังคาราม พระสถูปของพระชินเจ้านั้น สูง ๔ โยชน์ ที่อังคารามนั้นแล

    ๕. พระเรวตพุทธเจ้า

    พระเรวตพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอัฏฐิธาตุแตกกระจัดกระจายไม่รวมเป็นแท่งเดียวกัน แผ่ไปประดิษฐานอยู่ในนานาอารยประเทศ


    ๖. พระโสภิตพุทธเจ้า

    พระโสภิตพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอัฏฐิธาตุของพระองค์กระจัดกระจายไม่รวมเป็นแท่งเดียวกัน แผ่ไปประดิษฐานอยู่ในนานาอารยประเทศ


    ๗. พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า

    พระชินศาสดาพระนามว่าอโนมทัสสี เสด็จดับขันธปรินิพพานที่ธรรมาราม พระสถูปของพระชินเจ้านั้นสูง ๒๕ โยชน์ ที่ธรรมารามนั้นแล


    ๘. พระปทุมพุทธเจ้า

    พระปทุมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอัฏฐิธาตุของพระองค์กระจัดกระจายไม่รวมเป็นแท่งเดียวกัน แผ่ไปประดิษฐานอยู่ในนานาอารยประเทศ


    ๙. พระนารทพุทธเจ้า

    พระชินพุทธเจ้าผู้ประเสริฐพระนามว่านารท เสด็จดับขันธปรินิพพานที่สุทัสสนนคร พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์ สูง ๔ โยชน์ ที่สุทัสสนนครนั้นแล


    ๑๐. พระปทุมุตตรพุทธเจ้า

    พระชินพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่นันทาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์ สูง ๑๒ โยชน์ ที่นันทารามนั้นแล


    ๑๑. พระสุเมธพุทธเจ้า

    พระสุเมธพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอัฏฐิธาตุของพระองค์กระจัดกระจายไม่รวมเป็นแท่งเดียวกัน แผ่ไปประดิษฐานอยู่ในนานาอารยประเทศ


    ๑๒. พระสุชาตพุทธเจ้า

    พระชินพุทธเจ้าผู้ประเสริฐพระนามว่าสุชาตะ เดส็จดับขันธปรินิพพานที่เสลาราม พระเจดีย์ของพระศาสดา สูง ๓ คาวุต ที่เสลารามนั้นแล


    ๑๓. พระปิยทัสสีพุทธเจ้า

    พระมุนีผู้ประเสริฐพระนามว่าปิยทัสสี เสด็จดับขันธปรินิพพานที่อัสสัตถาราม พระสถูปของพระชินเจ้านั้น สูงถึง ๓ โยชน์ ที่อัสสัตถารามนั้นแล


    ๑๔. พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า

    พระอัตถทัสสีพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอัฏฐิธาตุของพระองค์กระจัดกระจายไม่รวมเป็นแท่งเดียวกัน แผ่ไปประดิษฐานอยู่ในนานาอารยประเทศ


    ๑๕. พระธัมมทัสสีพุทธเจ้า

    พระมหาวีระพระนามว่าธัมมทัสสี เสด็จดับขันธปรินิพพานที่เกสาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์นั้น สูงถึง ๓ โยชน์


    ๑๖. พระสิทธัตถพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ ทรงเป็นมุนีผู้ประเสริฐ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่อโนมาราม พระสถูปดันประเสริฐของพระองค์ สูงถึง ๔ โยชน์ ที่อโนมารามนั้น

    ๑๗. พระติสสพุทธเจ้า

    พระชินพุทธเจ้าผู้ประเสริฐพระนามว่าติสสะ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่นันทาราม พระสถูปของพระองค์ สูงถึง ๓ โยชน์ ที่นันทารามนั้น


    ๑๘. พระปุสสพุทธเจ้า

    พระปุสสพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอัฏฐิธาตุของพระองค์กระจัดกระจายไม่รวมเป็นแท่งเดียวกัน แผ่ไปประดิษฐานอยู่ในนานาอารยประเทศ




    ๑๙. พระวิปัสสีพุทธเจ้า

    พระวีรพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ทรงเป็นนระผู้ประเสริฐ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่สุมิตตาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์ สูงถึง ๗ โยชน์ ที่สุมิตตารามนั้น


    ๒๐. พระสิขีพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี ทรงเป็นมุนีผู้ประเสริฐ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่อัสสาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์ สูงถึง ๓ โยชน์ ที่อัสสารามนั้นแล


    ๒๑. พระเวสสภูพุทธเจ้า

    พระเวสสภูพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอัฏฐิธาตุของพระองค์กระจัดกระจายไม่รวมเป็นแท่งเดียวกัน แผ่ไปประดิษฐานอยู่ในนานาอารยประเทศ


    ๒๒. พระกกุสันธพุทธเจ้า

    พระชินพุทธเจ้าผู้ประเสริฐพระนามว่ากกุสันธะ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่เขมาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์ สูงถึง ๑ คาวุต ที่เขมารามนั้นแล


    ๒๓. พระโกนาคมนพุทธเจ้า

    พระโกนาคมนพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอัฏฐิธาตุของพระองค์กระจัดกระจายไม่รวมเป็นแท่งเดียวกัน แผ่ไปประดิษฐานอยู่ในนานาอารยประเทศ


    ๒๔. พระกัสสปพุทธเจ้า

    พระชินศาสดาพระนามว่ามหากัสสปะ เสด็จดับขันธปรินิพพานที่เสตัพยาราม พระสถูปของพระชินพุทธเจ้านั้น สูงถึง ๑ โยชน์ ที่เสตัพยารามนั้นแล
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    คุณมหาวัดลบทิ้งไปหลายโพสต์ ลบไปมันก็ไม่หายไปไหนครับ
     
  16. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ทิฐิ คุณไง เถียงไม่ออกแล้วล่ะสิ

    ผมอ่านมาจากหนังสือ
    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
    คุณจะบอกว่าคุณดีกว่าพระองค์ท่านว่างั้น
    ประวัติศาสตร์ชาติไทย ประวัติศาสตร์อะไรต่ออะไรเราก็รู้จากงานเขียนของพระองค์ท่าน
    ทั้งนั้น
    คุณจะบอกว่าคุณเก่งกว่าว่างั้น

    ผมพูดไปตั้งแต่กระทู้หน้าที่แล้วแล้ว
    ก่อนหน้านั้น คนในเมืองพระพุทธเจ้าเขาก็มีสถูปหมดแหละ(เฉพาะคนในเมืองพระพุทธเจ้าเท่านั้นนะ)
    ของวรรณะสูงๆๆ มันก็หรูหน่อย

    แต่ผมไม่ได้พูดถึงพวกนี้ผมพูดถึง พระสถูป หรือเจดีย์ที่เอาไว้ใส่พระบรมสารีริกธาตุ เขาใส่คำว่าพระก็เพื่อให้มันต่างจากหลุมศพ
    ชาวบ้าน จะได้เอาไว้บูชา ต่อมาเนื่องจากพระพุทธเจ้าให้รวมเอาพระอรหันต์ พระมหาราชที่มีคุณวิเศษมีธรรมเอาไว้ด้วย
    เขาก็เลยเรียกพระสถูปด้วย ซึ่งเริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไป

    แปลไทยเป็นไทยอีกแล้ว เบื่อว่ะ
    เอามาให้อ่านก็แหกตาอ่านหน่อยสิว่ะ
     
  17. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ผมยังไม่ๆได้ลบเลย
    บ้าเปล่าครับ
    โรคจิตแล้ว
    เริ่มใส่ร้ายอะไรผมอีกครับ
     
  18. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    คุณมหาวัดตอบด้วยครับ นี่ทิฐิใครครับ
     
  19. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    สถูป เจดีย์ สร้างสำหรับพระอรหันต์ครับ ไม่ได้สร้างให้คนในเมืองพุทธทั่วๆ ไป คุณบ้าเปล่า
     
  20. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ผมตอบไปตั้งหลายหน้าแล้ว อ่านหนังสือไม่ออกหรือครับว่าผมอ้างมาจากไหน
    ไอ้ฟาย

    "คำว่า “เจดีย์” ในยุคดั้งเดิมมีนัยกว้างขวางครอบคลุมสิ่งที่ควรเคารพ นับถือ บูชาหลายอย่างดังที่กล่าวแล้ว โดยสรุปมี ๔ ประเภท

    ๑. ธาตุเจดีย์

    สิ่งก่อสร้างที่บรรจุพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิ

    ๒. บริโภคเจดีย์

    สังเวชนียสถาน อันเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า เช่น สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน หรือที่เรียกว่าสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล

    ๓. ธรรมเจดีย์

    ข้อความที่ว่าด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำ ประโยคทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง คัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา

    ๔. อุทเทสิกเจดีย์

    สิ่งของที่สร้างขึ้นอุทิศพระพุทธเจ้า เป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระพุทธเจ้า ไม่กำหนดว่าจะเป็นอะไร เช่น พระแทนวัชรอาสน์ที่เจดีย์ศรีมหาโพธิพุทธคยา พระพุทธรูป

    อันที่จริงโดยนัยนี้จะเห็นว่า “เจดีย์” มีความหมายกว้างครอบคลุมสิ่งที่ควรบูชาสักการะทุกอย่าง ไม่ได้หมายถึงพระสถูปอย่างเดียวด้วยซ้ำไป จะเรียกได้ว่าเป็นวิวัฒนาการมาอีกทีหลังพุทธปรินิพานไปอีกขั้น เจดีย์ที่มีความหมายเดียวกันกับ “พระสถูป” จึ่งเป็นได้แค่ ธาตุเจดีย์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ หรืออัฏฐิธาตุ เท่านั้น"


    พระมหาสมจินต์ สมมาปญโญ อดีตคณบดีบัญฑิตวิทยาลัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...