เรื่องจริง "คำถามเทวดา"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 4 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เทวดาทูลถาม
    อะไรหนอเป็นเพื่อนของคน
    อะไรหนอย่อมปกครองคนนั้น
    สัตว์ยินดีในอะไรจึงพ้นทุกข์ทั้งปวงได้

    พระพุทธเจ้าตรัสตอบ
    ศรัทธาเป็นเพื่อนของคน
    ปัญญาย่อมปกครองคนนั้น
    สัตว์ยินดีในพระนิพพานจึงพ้นทุกข์ทั้งปวงได้
     
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    นี่สามารถย้อนนำธรรม มาปรับใช้ทางการปกครองได้
    ประเทศที่รบชนะเขาแล้วปกครองเขาต่างๆนั้น ที่มีปัญหาฆ่ากันทุกวันเพราะ"ไร้ปัญญา"นี่เอง เช่น กบฏในฟิลิปปินส์ อาร์ไออีเอ ของ อังกฤษกับไอร์แลนด์เหนือ หรือ ภาคใต้ของไทย ฮา(ทุกรัฐบาล)
     
  3. eas

    eas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +40
    พระพุทธเจ้าตรัสตอบ
    ศรัทธาเป็นเพื่อนของคน
    ปัญญาย่อมปกครองคนนั้น
    สัตว์ยินดีในพระนิพพานจึงพ้นทุกข์ทั้งปวงได้
    -------------------------
    "ศรัทธา เป็นเพื่อนของคน"
    มีบางคนบอกว่า เรายังติดอยู่กับศรัทธา...
     
  4. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  5. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +14,168
    การทำให้แจ้งซี่งพระนิพพาน

    ๏ ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
    ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
    เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
    ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


    การทำให้แจ้งในพระนิพพาน

    นิพพาน คือ ภาวะของจิตที่ดับกิเลสได้หมดสิ้น หลุดจากอำนาจกรรม และไม่ต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏอีก ซึ่งก็คือพ้นจากทุกข์นั่นเอง

    ท่านว่าลักษณะของนิพพานมีอยู่ ๒ ระดับดังนี้คือ

    ๑.การดับกิเลสขณะที่ยังมีเบญจขันธ์เหลืออยู่ หรือการเข้าถึงนิพพานขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ -สอุปาทิเสสนิพพาน

    ๒.การดับกิเลสที่ไม่มีเบญจขันธ์เหลืออยู่เลย คือการที่ร่างกายเราแตกดับแล้ว ไปเสวยสุขอันเป็นอมตะในพระนิพพาน (ตรงนี้ไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างมากไปกว่านี้ได้) -อนุปาทิเสสนิพพาน

    การที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ ก็ต้องปฏิบัติธรรมและเจริญสมาธิภาวนาจนถึงขั้นสูงสุด

    ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์วิสุทธิมรรค ท่านเป็นพระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ
    ท่านอธิบายถึงการระลึกถึงคุณพระนิพพาน โดยท่านยกบาลี ๘ ข้อ ไว้เป็นแนวเครื่องระลึก ดังจะนำมา
    เขียนไว้เพื่อเป็นเครื่องอุปกรณ์ในการระลึกดังต่อไปนี้

    บาลีปรารภพระนิพพาน ๘

    ๑. มทนิมฺมทโน แปลว่า พระนิพพานย่ำยีเสียซึ่งความเมา มีความเมาในความเป็น
    คนหนุ่ม และเมาในชีวิต โดยคิดว่าตนจะไม่ตายเป็นต้น ให้สิ้นไปจากอารมณ์ คือคิดเป็นปกติเสมอว่า
    ชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน โลกนี้ทั้งสิ้น มีความฉิบหายเป็นที่สุด

    ๒. ปิปาสวินโย แปลว่า พระนิพพาน บรรเทาซึ่งความกระหาย คือความใคร่กำหนัด
    ยินดีในกามคุณ ๕ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส และการถูกต้องสัมผัส

    ๓. อาลยสมุคฺฆาโต แปลว่า พระนิพพาน ถอนเสียซึ่งอาลัยในกามคุณ ๕ หมายความ
    ว่า ท่านที่เข้าถึงพระนิพพาน คือมีกิเลสสิ้นแล้ว ย่อมไม่ผูกพันในกามคุณ ๕ เห็นกามคุณ ๕ เสมือน
    เห็นซากศพ

    ๔. วัฏฏปัจเฉโท แปลว่า พระนิพพาน ตัดเสียซึ่งวนสาม คือ กิเลสวัฏได้แก่ ตัดกิเลส
    ได้สิ้นเชิง
    ไม่มีความมัวเมาในกิเลสเหลืออยู่แม้แต่น้อย กรรมวัฏ ตัดกรรม อันเป็นบาปอกุศล วิปากวัฏ
    คือตัดผลกรรมที่เป็นอกุศลได้สิ้นเชิง

    ๕. ตัณหักขโย, วิราโค, นิโรโธ แปลว่า นิพพานธรรมนั้น ถึงความสิ้นไปแห่ง
    ตัณหา
    ตัณหาไม่กำเริบอีก มีความหน่ายในตัณหา ไม่มีความพอใจในตัณหาอีก ดับตัณหาเสียได้สนิท
    ตัณหาไม่กำเริบขึ้นอีกได้แม้แต่น้อย

    ๖. นิพพานัง แปลว่า ดับสนิทแห่งกิเลส ตัณหา อุปาทาน กรรมอำนาจทั้ง ๔ นี้ ไม่มีโอกาสจะให้ผล แก่ท่านที่มีจิตเข้าถึงพระนิพพานแล้วได้อีก ตามข้อปรากฏว่ามีเพียง ๖ ข้อ ความจริงข้อที่ ๕ ท่านรวมไว้ ๓ อย่าง คือ ตัณหักขโย ๑ วิราโค ๑ นิโรโธ ๑ ข้อนี้รวมกันไว้เสีย ๓ ข้อแล้ว ทั้งหมดจึงเป็น ๘ ข้อพอดี ท่านลงในแบบว่า ๘ ก็เขียนว่า ๘ ตามท่าน ความจริงเมื่อท่านจะรวมกัน ท่านน่าจะเขียนว่า ๖ ข้อก็จะสิ้นเรื่อง เมื่อท่าน เขียนเป็นแบบมาอย่างนี้ ก็เขียนตามท่าน

    ท่านสอนให้ตั้งจิตกำหนดความดีของพระนิพพาน ตามในบาลีทั้ง ๘ แม้ข้อใด ข้อหนึ่งก็ได้ตามความพอใจ แต่ท่านก็แนะไว้ในที่เดียวกันว่า บริกรรมภาวนาว่า "นิพพานัง" นั่นแหละดีอย่างยิ่งภาวนาไป จนกว่าจิตจะเข้าสู่อุปจารฌาน โดยที่จิตระงับนิวรณ์ ๕ ได้สงบแล้ว เข้าถึงอุปจารฌานเป็นที่สุด กรรมฐานนี้ ที่ท่านกล่าวว่าได้ถึงที่สุด เพียงอุปจารฌานก็เพราะ เป็นกรรมฐานละเอียดสุขุม และใช้อารมณ์ใคร่ครวญเป็นปกติ กรรมฐานนี้จึงมีกำลังไม่ถึงฌาน

    อานิสงส์

    อานิสงส์ที่ใช้อารมณ์ใคร่ครวญถึงพระนิพพานนี้มีผลมาก เป็นปัจจัยให้ละอารมณ์ที่คลุกเคล้าด้วยอำนาจกิเลส และตัณหา เห็นโทษในวัฏฏะ เป็นปัจจัยให้แสวงหาทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ อันเป็นปฏิปทาไปสู่พระนิพพาน เป็นกรรมฐานที่นักปฏิบัติได้ผลเป็นกำไร เพราะเป็นปัจจัยให้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้อย่างสบาย ขอท่านนักปฏิบัติจงสนใจกรรมฐานกองนี้ให้มาก ๆ และแสวงหาแนวปฏิบัติ ที่เข้าตรงต่อพระนิพพานมาปฏิบัติ ท่านมีโอกาสจะเข้าสู่พระนิพพานได้อย่างไม่ยากนัก เพราะระลึกนึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์นี้ เป็นองค์หนึ่งในองค์สามของพระโสดาบัน ชื่อว่าท่านก้าวเข้าไปเป็นพระโสดาบันหนึ่งในสามขององค์พระโสดาบันแล้ว เหลืออีกสองต้องควรแสวงหาให้ครบถ้วน

    พระนิพพานไม่สูญ

    ท่านนักปฏิบัติได้กำหนดกรรมฐานในอุปสมานุสสตินี้แล้ว ท่านอาจจะต้องประสบกับปัญหายุ่งสมอง ในเรื่องพระนิพพานอีกตอนหนึ่ง เพราะบรรดานักคิดนักแต่งทั้งหลาย ได้พากันโฆษณามาหลายร้อยปีแล้วว่า พระนิพพานเป็นสภาพสูญ แต่พอมาอ่านหนังสือของพระอรหันต์ท่านเขียน คือหนังสือวิสุทธิ- มรรค ท่านกลับยืนยันว่า พระนิพพานไม่สูญ ดังท่านจะเห็นตามบาลีทั้ง ๘ ที่ท่านยกมาเป็นองค์ภาวนา นั้น คือ มทนิมฺมทโน พระนิพพานตัดความเมาในชีวิต ปิปาสวินโย นิพพานบรรเทาความกระหายใน กามคุณ ๕ อาลยสมุคฺฆาโต พระนิพพานถอนอาลัยในกามคุณ วัฏฏปัจเฉโท พระนิพพานตัดวนสาม
    ให้ขาด ตัณหักขโย พระนิพพานมีตัณหาสิ้นแล้ว หรือสิ้นตัณหาแล้วเข้าสู่นิพพาน วิราโค มีความเบื่อหน่ายในตัณหา นิโรโธ ดับตัณหาได้สนิทแล้ว โดยตัณหาไม่กำเริบอีก นิพพานัง มีความดับสนิทแล้วจากกิเลส ตัณหา อุปาทานกรรม อันเป็นเหตุให้เกิดอีกในวัฏสงสาร

    อนุโมทนาสาธุการครับ
     
  6. vitsavakron

    vitsavakron Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +47
    อนุโมทนา สาธุ ครับ ศรัทธาคือความเชื่อมนุษย์เกิดมาไม่ว่าชนชาติใดย่อมมีความเชื่อ แตกต่างกันไป บังคับกันไม่ได้ ส่วนปัญญามี2อย่าง 1.ปัญญาเกิดขึ้นได้เพราะคนอื่น 2.ปัญญาเกิดขึ้นได้เพราะตัวเราเอง นิพพานผมเชื่อว่ามีอยู่จริง เพราะผมศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า ชีวิตนี้ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ที่พึ่งทางใจ คือ ไตรสรณคมน์ ครับ
     
  7. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    เข้าใจว่าคงตีความหมายผิด จากเวลาที่พระพุทธเจ้าท่านจะแสดงธรรมแล้วทรงตรัสว่า "จงปล่อยศรัทธามาเถิด....."

    ท่านคงไม่ได้หมายถึงให้ละทิ้งศรัทธา เพราะถ้าเราละทิ้งศรัทธาแล้วเราจะไปนั่งฟังธรรมจากท่านหาเหงือกอะไร จริงๆแล้วคำเต็มน่าจะหมายถึง "จงปล่อยให้ศรัทธานำพวกเธอมาเถิด" (คืออย่าทิฐิเลย อยากฟังก็มาฟังเถอะ อย่าเก๊ก) อะไรประมาณนี้ เข้าใจว่าคนแปลคงจะแปลย่อเกินไปจนความหมายมันเพี้ยน (ถ้าไม่มีศรัทธาแล้วจะปฏิบัติไปทำไม ที่เข้าใจกันผิดแล้วพยายามละทิ้งศรัทธาก็เพราะมีศรัทธานั่นแหละ มันก็เลยงงๆไม่ไปไหน เพราะขัดแย้งในตัวเอง...)
     
  8. โอม อุดมชัย

    โอม อุดมชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +2,527
    ศรัทธา
    คือ ความเชื่อ หมายถึงเฉพาะ ศรัทธาที่เชื่อด้วยปัญญา เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ เชื่อด้วยเหตุผล ถ้าเชื่อโดยปราศจากปัญญา เรียกว่า อธิโมกข์ ( ความน้อมใจเชื่อ หรือ เชื่อตามเขา )
    ประเภทของศรัทธา มี ๔ ประเภท คือ
    ๑. กัมมสัทธา เชื่อกรรม
    ๒. วิปากสัทธา เชื่อผลของกรรม
    ๓. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่สัตว์โลกมีกรรม เป็นของ ๆ ตน
    ๔. ตถาคตาโพธิสัทธา เชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
    ปัญญา
    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถานี้ไว้ดังนี้ว่า ภิกษุผู้ฉลาด มีความเพียร มีปัญญารักษาตนดำรงมั่นในศีล อบรมจิตและปัญญาให้เจริญอยู่ จะพึงถางชัฏนี้ได้ (ส. ส. 15/61820).
    [คำว่า ชัฏ ในที่นี้ หมายถึง ตัณหาซึ่งเกี่ยวสอดตรึงรัดใจไว้อย่างเหนียวแน่นมั่นคง ยากหนักหนาที่จะละทิ้งไปได้ เพราะมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จิต ด้วยอำนาจแห่งอารมณ์ ๖ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์].
    แนวทางการศึกษาสัมมาปฏิบัติ ในส่วนที่ว่าด้วย ศีลและสมาธิ มีปริยายดังได้แสดงมาแล้วโดยลำดับ ต่อไปนี้จะแสดงว่าด้วย ปัญญา
    คำว่า ปัญญา คืออะไร?
    คำว่า ปัญญา ในที่นี้ ได้แก่ วิปัสสนาญาณอันสัมปยุตด้วยกุศลจิต มีอธิบายว่า เพราะว่าปัญญามีหลายอย่างต่างประการ ครั้นจะตอบคำถามชี้แจงปัญญาไปทุกอย่าง จะไม่พึงยังประโยชน์ให้สำเร็จ ทั้งจะพึงเป็นไปเพื่อความสงสัยมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น จะขอกล่าวมุ่งหมายเฉพาะปัญญาที่ประสงค์ในที่นี้ ว่าคือ วิปัสสนาญาณอันสัมปยุตด้วยกุศลจิต เท่านั้น
    คำว่า ปัญญา หมายความว่า ความรู้ชัด หรือ ความรู้แจ้งโดยประการต่างๆ ที่พิเศษยิ่งกว่าความหมายรู้ทั่วไปที่เกิดจากสัญญาคือความจำ เป็นต้น
    อธิบายว่า ปัญญา คือ ความรู้ชัด หรือ ความรู้แจ้ง พิเศษยิ่งกว่า ความหมายรู้ ที่แปลมาจากคำบาลีว่า สัญญา และ ความรู้แจ้ง ที่มาจากคำบาลีว่า วิญญาณ นี้ เพราะคำว่า สัญญา วิญญาณ และปัญญา ต่างก็เป็นธรรมชาติที่มีลักษณะเหมือนกันคือความรู้ด้วยกัน แต่ สัญญา เป็นอาการสักแต่ว่าความหมายรู้อารมณ์ เช่น รู้จักว่าสีเขียว สีเหลือง เป็นต้นเท่านั้น ยังไม่อาจรู้ทั่วถึงลักษณะที่ว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาได้ ส่วน วิญญาณ ย่อมรู้ทั้งอารมณ์ที่ว่าสีเขียวสีเหลืองเป็นต้นด้วย และยังให้รู้ตลอดถึงลักษณะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาได้ แต่ยังไม่อาจจะให้ก้าวล่วงไปถึงความปรากฏแห่งมรรคได้ ส่วน ปัญญา นั้น ย่อมรู้แจ้งอารมณ์มีสีเขียวสีเหลืองเป็นต้น ตลอดถึงรู้แจ้งลักษณะของสังขาร ตามนัยดังกล่าวแล้ว ทั้งให้ก้าวหน้าไปถึงอริยมรรคได้ด้วย

    ปัญญา เป็น ความรู้ทั่ว คือรู้ทั่วถึงเหตุถึงผล รู้อย่างชัดเจน, รู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ, รู้สิ่งที่ควรทำควรเว้น เป็นต้น เป็นธรรมที่คอยกำกับศรัทธา เพื่อให้เชื่อประกอบด้วยเหตุผล ไม่ให้หลงเชื่ออย่างงมงาย
    อานิสงส์การสร้างพระ
    http://palungjit.org/threads/อานิสงส์การสร้างพระ.428765/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2013
  9. eas

    eas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +40
    -ขอบคุณนะคะ ตอบได้ตรงประเด็น.. แบบจริงใจเลยเชียว...
     
  10. nonsuwan

    nonsuwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +48
    เป็นคำตอบที่ประเสริฐสุดแจ้งแล้วเห็นแล้วมีค่ากว่าทองคำ สาธุสาธุๆ
     
  11. king938

    king938 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +1,103
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนา ล้วนแต่สุดยอด ทั้งหมดทั้งมวล ได้ปัญญามากครับ
     
  12. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    อนุโมทนานะคะ ทุกคำตอบล้วนเป็นคำตอบที่ซาบซึ้งจริง ๆ

    มีพระพุทธเจ้าในใจมาก ๆ คะ
     
  13. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    อนุโมทนา สาธุครับ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คือตัวแทนของพระพุทธองค์ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นได้เข้าเฝ้าพระองค์
     
  14. punch51

    punch51 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +60
    เรื่องจริง คำถามเทวดา

    เทวดาทูลถาม
    อะไรหนอเป็นเพื่อนของคน
    อะไรหนอย่อมปกครองคนนั้น
    สัตว์ยินดีในอะไรจึงพ้นทุกข์ทั้งปวงได้

    พระพุทธเจ้าตรัสตอบ
    ศรัทธาเป็นเพื่อนของคน
    ปัญญาย่อมปกครองคนนั้น
    สัตว์ยินดีในพระนิพพานจึงพ้นทุกข์ทั้งปวงได้

    เราสามารถตอบอีกอย่างหนึ่งได้ว่า
    ความทุกข์เป็นเพื่อนของคน
    สติย่อมปกครองคนนั้น
    ความพ้นทุกข์ทั้งปวง :z16
    (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ)
     
  15. Kunanop

    Kunanop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +218
    แสดงว่า ยังไม่เข้าใจ
    สู้ต่อไปนะครับ(f)(f)(f)
     

แชร์หน้านี้

Loading...