การจัดแสงมาตราฐานในการพิจารณา"พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์นิยม"

ถูกต้อง ตรงตามมาตราฐาน ภาพออกมาดูดีมากครับ งั้นต้องขออนุญาตถ่ายรูปทั้งกรอบ ตามท่านสมาชิก SURHASIT ดูบ้างครับ องค์นี้ได้ขออนุญาตต่อดวงวิญญาณ องค์สมเด็จ"พระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี"ตรวจจับ"พลังอิทธิคุณ"ในองค์พระมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5ครั้ง ผ่านทุกครั้ง จากท่านอาจารย์ผู้มีความสามารถสูงหลายท่านจนมีความมั่นใจ แล้วจึงอัญเชิญขึ้นคอ แขวนเดี่ยว อาราธนาด้วยพระคาถา"ชินบัญชร"ทุกครั้ง เด่นสุดๆคือ"แคล้วคลาด"ชนิดไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆหนักสุด ก็แค่เกือบ(เห็นภาพ เสียวแล้วก็ผ่าน)ไม่มีสูญเสียใดๆทั้งสิ้น เคยทดลองเปลี่ยนแขวน"พระสมเด็จ"องค์อื่นมีแคล้วคลาดไม่ถึงบาดเจ็บ,ไม่ถึงตาย แต่มีเสียเวลา,และเสียทรัพย์ครับ รองลงมาคือเมตตา ในขณะแขวนพระมักจะได้"พระเครื่อง"ชนิดต่างๆเข้ามาอย่างท่ีไม่เคยคิด ไม่เคยฝันมาก่อน และเป็นของหายาก แต่ได้มาในราคาถูก เหมือนมีแรงดลใจจาก"พุทธคุณ"ในองค์พระให้ได้ไปพบ และได้มาทุกครั้ง ทุกวันนี้"แขวนเดี่ยว"พร้อมดำเนินชีวิตไปตามปรกติ ด้วยความมั่นใจจริงๆครับ Mr.zeiss มีความภูมิใจ และพอใจในสิ่งท่ีตัวเองมีครับ
"พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่"

 

"หลังสังขยา"ปรากฏรอยปูไต่,หนอนด้น,และบ่อน้ำตา
ด้านหลัง"พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่"แท้

 

ขอบพระคุณพี่ Pathommatash มากๆครับ

 

"ยินดีครับ ท่านสมาชิก SURHASIT"
เรียนท่านสมาชิกทุกท่าน ร่วมกันอนุรักษ์"พระสมเด็จ"สายวัดสะพานสูง บางซื่ิอ ท่ีสร้างโดย พระอาจารย์เชื้อ หนูเพ็ชร พิธีดี พุทธคุณเยี่ยม เพราะมีส่วนผสมของผง"พระสมเด็จวัดระฆัง"อยู่ด้วย เมื่อ 30ปี ที่แล้วนิยมเล่นหาอยูที่หลัก พันกลางๆ(ประมาณ 5,000 บาท)แต่ปัจจุบันกำลังจะถูกลืม เก็บภาพไว้ศึกษาครับ
"สมเด็จฟ้าลั่น"พิมพ์พระประธาน เนื้อผงใบลาน(ยุคต้น)

 

ต่อเนื่องกันไปเลยครับ การสร้าง"พระสมเด็จ"เนื้อผงพุทธคุณ ของพระอาจารย์เชื้อ หนูเพ็ชร วัดสะพานสูง บางซื่อ เป็นการทยอยสร้างตั้งแต่ปี 2497-2505 มีบางส่วนบรรจุกรุไว้ท่ีวัดสะพานสูง ส่วนผสมได้มาจากวัดสุทัศน์ ซึ่งเป็นผง"พระสมเด็จวัดระฆัง"โดยหลวงพ่อสุพจน์ วัดสุทัศน์ ท่านเป็น"สหมิกธรรม"ของหลวงปู่นาค วัดระฆัง ในยุคนั้น หลวงพ่อเชื้อ ท่านก็อยู่สายวัดสุทัศน์ เช่นกัน
"พระสมเด็จหลังลายเซ็นต์"วัดสะพานสูง บางซื่อ กทม.

 

"ด้านหล้งลายเซ็นต์"ครับ

 

"ปืนแตก"ชื่อนี้คงไม่ต้องบรรยายถึงสรรพคุณ"ดังเงียบ"คนเดินตามเก็บกันจนแทบจะไม่มีให้เห็นตามแผงพระแล้ว บังเอิญข้าพเจ้าดันมีกับเขาเหมือนกัน โดยได้รับการชี้แนะจากท่านอาจารย์โอ๋ สะพาน แล้วนำมาต่อยอดดู จึงรู้ว่าเป็น"พิมพ์นิยมสนิมดำใหญ่"หายากอยู่พอสมควร จึงนำมาลงภาพให้เพื่อนสมาชิกที่มีความสนใจที่จะศึกษาไว้เพื่อเป็นแนวทาง ของการสะสมครับ.
"หลวงพ่อเงินบางคลาน"(พิมพ์นิยม สนิมดำใหญ่ ปี28)

 

"ปืนแตก"พิมพ์จิ๋ว อีกองค์หนึ่ง ที่สร้างขึ้นในวาระเดียวกันคือปี 2528 ปัจจุบันก็หายากมากเช่นกัน สำหรับพิมพ์นี้ครับ
"หลวงพ่อเงิน บางคลาน"(รุ่นปืนแตก พิมพ์แจกแม่ครัว)

 

เชิญชมภาพขยาย บริเวณฐาน 3ชั้นของ"พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่"องค์ของข้าพเจ้า ใช้เวลาปรับมือ และแขน ร่วมชั่วโมง(อายุมากแล้วมือมันสั่น)แต่ก็ได้พยายามจนมือนิ่งที่สุด ภาพออกมาชัดเจนพอสมควร หวังว่าเพื่อนสมาชิกคงได้ประโยชน์ในเชิงวิเคราะห์ ไม่มากก็น้อย ที่ข้าพเจ้าเน้นไปที่จุุดตรงกลาง เพื่อให้เห็นก้อน"ศิลาธิคุณ"(สีเทา มองดูเหมือนนิ่ม)และนี่ก็เป็นอีก1 ที่ต้องหาให้พบใน"พระสมเด็จวัดระฆัง"แท้.

 

เอกลักษณ์เฉพาะใน"พระสมเด็จวัดระฆัง"อีกจุดหนึ่ง ที่ใช้กำหนดความเป็น"พระสมเด็จวัดระฆัง"(พิมพ์ใหญ่)องค์แท้ เมื่อประมาณ 10 ปี ที่แล้ว ยังคงให้ความสำคัญที่ มุมฐานชั้นล่างสุด(ทางขวามือ)ขององค์พระ จะต้องมีเส้นแหลมวิ่งเข้ามุม เส้นซุ้ม และเส้นซุ้มจะ"สอดรับ"โดยมีลักษณะ"แตก,พับ"เข้ามุมเช่นกัน จุดนี้เปรียบเหมือน"โค๊ต"ประจำตัวช่างหลวง ที่แกะแม่พิมพ์ในสมัยนั้น จึงขอแสดงภาพเปรียบเทียบ เชิงวิเคราะห์ เพื่อเป็นความรู้อีก"แง่มุม"หนึ่งในการพิจารณา"พระสมเด็จวัดระฆัง"ที่เกิดขึ้นจากช่างแกะพิมพ์คนเดียวกัน
"พิมพ์วัดระฆัง"(ช่างหลวง)

 

"ลองเปรียบเทียบ จากภาพ"ดูนะครับ ข้าพเจ้ายังคงยึดมั่นในหลักการเดิม และยังคงให้ความสำคัญในการพิจารณา"ตำแหน่ง"ดังกล่าวที่ได้แสดงภาพเปรียบเทียบไว้
"พิมพ์วัดระฆัง"(ช่างหลวง)

 

ข้าพเจ้าจะไม่ขอกล่าวถึง ข้อมูลซ้ำๆ ที่บรรดาอาจารย์หลายท่านได้เคยกล่าวไว้ ไม่ว่าจะเป็นการอ้างอิงจากหนังสือเล่มใด ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงเฉพาะข้อมูลที่เป็นประสบการณ์จริง จากอดีตที่ไม่ค่อยมีผู้กล่าวถึง เพื่อความกระชับ และเข้าใจง่ายขึ้น ก็ขอสรุป"ฎีกา"ใน"พระสมเด็จวัดระฆัง"แท้ จะต้องมี"ตามด"(ลักษณะคล้ายปากปล่องภูเขาไฟ)ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และรอยปริแตก"รากผักชี"ซึ่งมีผลมาจากการระบายของเหลวภายในองค์พระ และการย่อยสลายของส่วนผสมในเนื้อพระตามกาลเวลา ข้าพเจ้าใช้มาตราฐานนี้ พิจารณาสรุปความเป็น"พระสมเด็จวัดระฆัง"แท้ ทุกองค์ครับ.
"เนื้อแท้ พระสมเด็จวัดระฆัง"

 

วิธีล้าง"รัก"เพื่อทำการเปิดผิว"พระสมเด็จวัดระฆัง"(องค์ลงรัก)มีขั้นตอนดังต่อไปนี้-
1.ตรวจดูความเก่าถึงยุค ด้วยวิธีการ"แช่น้ำร้อน"ในแก้วใส เพื่อดูฟองอากาศ จะต้องเป็นลักษณะพวยพุ่ง ขึ้นสู่เหนือน้ำอย่างช้าๆ จะเป็นกี่จุดก็ได้ ยิ่งมากจุดยิ่งเก่ามาก จะต้องเป็นฟองชนิดละเอียด และมีระยะเวลายาวนาน พอสมควร(เมื่อเข้าลักษณะเก่าได้อายุแล้ว จึงค่อยดำเนินการต่อไป)
2.ค่อยๆเทน้ำออก ด้วยความระมัด ระวังเป็นพิเศษ ถ้าเป็น"พระสมเด็จวัดระฆัง"แท้ จะต้องมีลักษณะดังนี้ -จะแห้งอย่างรวดเร็ว
-สี"รัก"จะไม่ละลาย(เหนียวติดผิวพระ ล้างยังไงๆก็ไม่ออก)
-จะไม่มีกลิ่นฉุนสารเคมี หรือกลิ่นใดๆ ถ้าจะมีก็เป็นเพียง กลิ่นอับๆ ตุๆ(กลิ่นเก่าอ่อนๆเป็นธรรมชาติ)
3.แช่ด้วย"น้ำยาล้างเล็บ"1วัน(24ชม.)ปัดด้วยภู่กันเบอร์10 ตัดสั้น
4.ลบด้วยยางลบหมึกให้ทั่วทั้งองค์(ขั้นตอนนี้ข้าพเจ้าใช้เวลา 7 วัน)
5.ล้างด้วยน้ำร้อน และตากแดดจนแห้งสนิท
หมายเหตุ ข้าพเจ้าทำการล้างผิว"พระสมเด็จ" ด้วยวิธีนี้ทุกครั้ง และทุกองค์ หากท่านใดจะนำไปใช้ก็ขอให้ท่านพึงระมัด ระวังให้มากเป็นพิเศษ ในครั้งต่อๆไปด้วยครับ.
(ก่อนการกระทำทุกครั้ง ข้าพเจ้าได้ขออนุญาตต่อดวงวิญญาณองค์สมเด็จ"พระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี"และครูบาอาจารย์ทุกท่าน ทุกพระองค์ ที่ร่วมกันจัดสร้าง ด้วยการขอขมา)
"พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่"แท้

 

ข้าพเจ้าได้เคยนำภาพ"พระสมเด็จเกศไชโย"พิมพ์ 7 ชั้น(เข่ายก)เข้าไปสอบถามท่านผู้รู้ในกระทู้"วิจารณ์ พระสมเด็จเกศไชโย"แต่ก็ยังไม่ได้รับคำยืนยัน ฟันธง ว่า"ทันหรือไม่"พิมพ์ทรงถูกต้องหรือไม่ เอาเป็นว่า ขอเสนอภาพไปก่อน หากเพื่อนสมาชิกท่านใด มีความรู้จริง รู้ชัดเจน ก็ขอความกรุณาด้วยครับ เพื่อเป็นประโยชน์ร่วมกัน พระองค์นี้เจ้าของเดิมเสียชีวิต ลูกหลานดูพระไม่เป็น ข้าพเจ้าโชคดี ได้เข้าไปคัดซื้อมาในราคาไม่แพง โดยสายตาส่วนตัวดูว่าเป็น"พระแท้"แต่ต้องการความชัดเจน เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาร่วมกันต่อไปครับ.
"พิมพ์ 7ชั้น" (เข่ายก)

 

ข้าพเจ้าได้เคยนำภาพ"พระสมเด็จเกศไชโย"พิมพ์ 7 ชั้น(นิยม)เข้าไปสอบถามท่านผู้รู้ในกระทู้"วิจารณ์ พระสมเด็จเกศไชโย"แต่ก็ยังไม่ได้รับคำยืนยัน ฟันธง ว่า"ทันหรือไม่"พิมพ์ทรงถูกต้องหรือไม่ เอาเป็นว่า ขอเสนอภาพไปก่อน หากเพื่อนสมาชิกท่านใด มีความรู้จริง รู้ชัดเจน ก็ขอความกรุณาด้วยครับ เพื่อเป็นประโยชน์ร่วมกัน พระองค์นี้เจ้าของเดิมเสียชีวิต ลูกหลานดูพระไม่เป็น ข้าพเจ้าโชคดี ได้เข้าไปคัดซื้อมาในราคาไม่แพง โดยสายตาส่วนตัวดูว่าเป็น"พระแท้"แต่ต้องการความชัดเจน เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาร่วมกันต่อไปครับ.
"พิมพ์ 7ชั้น" (นิยม) อยู่ในโซนเนื้อจัด(แก่น้ำมันตังอิ๊ว)

 

ยังมีสายวัดระฆัง ที่มีอายุครึ่งร้อยปี มาให้เพื่อนสมาชิกได้พิจารณา เชิงวิเคราะห์ สามารถใช้ฝึกคำนวณอายุ"พระสมเด็จ"เพื่อให้เกิดการจดจำ และมีความแม่นยำในการพิจารณาความเก่าได้อายุ ของ"พระสมเด็จ"ที่สร้างขึ้นในปีนั้นๆ อย่างองค์นี้น่าจะอยู่ราวๆ ปี2507 สร้างโดยเจ้าคุณเที่ยง มีส่วนผสมของ"ผงสมเด็จวัดระฆัง"อยู่มาก อีกรุ่นหนึ่ง ที่ยังพอหาได้ไม่ยากนัก
"พระสมเด็จข้างดาว"อ.เที่ยง วัดระฆัง

 

ขอบคุณมากครับ อธิบายแบบนี้ค่อยจะวิเคราะห์หรือเก็บเป็นข้อมูลได้
ถ้าสั้นห่วนผมไปไม่เป็นเลยงงไก่ตาแตก:'(

 

ก็ยังเป็นสาย"วัดระฆัง"อีกเช่นเดิม สวย สมบูรณ์สุดๆประมาณ ปี 2495 สร้างโดยหลวงปู่นาค วัดระฆัง ความพิเศษของ"พระสมเด็จ"องค์นี้อยู่ที่จารดินสอ ที่ด้านหลัง ได้มาทั้งเลี่ยมเดิมๆเลย ไม่กล้าเอากรอบออก ลองพิจารณาเปรียบเทียบเนื้อ"พระสมเด็จ"ที่มีอายุ 61 ปี เริ่มมีอาการม้วนตัวที่วงแขน และเส้นซุ้มครอบแก้ว แล้วครับ(ภาพนี้ไม่ได้จัดให้แสงเข้าทางด้าน มาตราฐาน เพราะทดลองดูแล้ว ให้แสงเข้าทางตรงกันข้าม ภาพออกมาดูแล้ว"สวยงาม"กว่าครับ.
"พระสมเด็จขาโต๊ะ พิมพ์เล็ก"หลวงปู่นาค

 

ด้านหลัง จะสังเกตุเห็นคราบแคลเซี่ยม(สีขาว)จะเริ่มปรกคลุมองค์พระ เนื่องจากไม่มีทางระบายอากาศภายในกรอบพระ แต่ก็ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ อีกแบบหนึ่งครับ.

 

ขอเปลี่ยนบรรยากาศด้วยวิธีดูเหรียญ"ทรงบัลลังค์"ปีกาญจนาภิเษก 2539 เนื้ออัลปาก้า บล็อคนิยมสุด ให้พิจารณาเส้นผม,ลูกตา,เครื่องทรง,นิ้วมือที่ประสานกัน ต้องมีความคมชัดสุดๆแล้ว จุดสำคัญอยู่ที่"กระบี่"ต้องยาวเกือบชิดตัวอักษร จะเป็น"บล็อคนิยม กระบี่ยาว"แต่ถ้ามีเนื้อเกินบริเวณใต้ฐานด้วยแล้ว จะเป็น"บล็อคนิยมสุด"ครับ จะเป็นเหรียญที่มีราคาสูงกว่าบล็อคธรรมดา และจะเป็นเหรียญที่มาแรงอีกรุ่นหนึ่ง ในอนาคต ตอนนี้ก็ยังพอหาได้
"เหรียญทรงบัลลังค์"(บล็อคกระบี่ยาว)นิยมสุด