การจัดแสงมาตราฐานในการพิจารณา"พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์นิยม"

เรียนท่านสมาชิก lek_20 ข้าพเจ้าต้องขออภัย"พระสมเด็จ"สายนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้สะสม+ศึกษาจึงไม่มีความรู้พอที่จะตอบคำถามได้ และบังเอิญไปเข้าหลักที่ข้าพเจ้าใช้คัด"พระสมเด็จ"1 ข้อ คือ"แตกหน้า ไม่แตกหลัง"ครับ

 

เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับท่านสมาชิก ckj_tong1 ถ้าถามถึงประวัติความเป็นมาของ"พระสมเด็จวังหน้า"ก็อย่างที่เราๆท่านๆทราบกันดี ความหมายสำคัญสำหรับ"พระสมเด็จวังหน้า"ของข้าพเจ้า
1.เป็นการจัดสร้างไว้สำหรับ"เจ้าขุน มูลนาย"และชนชั้นสูงโดยแท้
-วัสดุที่ใช้สั่งจากเมืองนอก(จีน)
-ส่วนผสมที่เป็นมงคล และศักดิ์สิทธิ์ ตะไบทองคำแท้,ผงสมเด็จฯ,เหล็กไหล เป็นต้น
-แกะพิมพ์โดยช่างหลวงในยุคสมัยนั้นล้วนๆ(แม่พิมพ์ต้องสวยงาม)
หมายเหตุ ในยุคสมัยนั้นยังคงเป็น ยุคทาส,ไพร่ พึ่งมา"เลิกทาส"เมื่อปี 2448 คนธรรมดาไม่สามารถสร้าง"พระสมเด็จ"ได้อย่างแน่นอน ในยุคสมัยนั้น ข้าพเจ้าใช้ข้อมูลที่กล่าวมานี้ทั้งหมด รวมเป็นหนึ่งเดียวในการพิจารณาคำว่า"พระสมเด็จวังหน้า"ครับท่าน
"พระสมเด็จเบญจสิริ"(ยุคต้น)แม่พิมพ์วัดระฆังพิมพ์ใหญ่

 

..ขอบคุณมากครับ

 

เรามาวิเคราะห์"พระสมเด็จบางขุนพรหม"(กรุเก่า)ด้วยกัน
หัวข้อสำคัญประกอบการพิจารณา+วิเคราะห์
1.พระสมเด็จบางขุนพรหม นำบรรจุกรุในปี 2413
2.เริ่มทยอยออกจากกรุ(แตกกรุ)ถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะทำการเปิดกรุอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ.2500
-ครั้งที่1.ปีพ.ศ.2425 ระยะเวลาอยู่ในกรุ 12 ปี(มีความสมบูรณ์ และสวยงามมาก)
-ครั้งที่2.ปีพ.ศ.2436 ระยะเวลาอยู่ในกรุ 23 ปี(มีความสมบูรณ์ และสวยงามปานกลาง)
-ครั้งที่3.ปีพ.ศ.2459 ระยะเวลาอยู่ในกรุ 46 ปี(มีความสมบูรณ์ และสวยงาม)
3.การเลิกทาส ปลดไพร่ ในปีพ.ศ.2448
4.โรงไฟฟ้าสามเสน เริ่มปล่อยกระแสไฟฟ้าทั่ว"พระนคร"ในปีพ.ศ.2457
5.การเกิดสงครามโลกครั้งที่1.ในปีพ.ศ.2457-2461
6.การเกิดสงครามโลกครั้งที่2.ในปีพ.ศ.2482-2488
7.น้ำท่วมกรุงเทพฯในปีพ.ศ.2485 (มีผลกระทบต่อ"พระสมเด็จบางขุนพรหม"ที่แตกกรุอย่างเป็นทางการ ในปีพ.ศ.2500 เป็นอย่างมาก)
ข้าพเจ้าตั้งข้อสังเกตุ+วิเคราะห์ และสันนิษฐานว่าการ"ทยอย"ออกจากกรุครั้งแรกในปีพ.ศ.2425 และครั้งที่2ในปีพ.ศ.2436 น่าจะเป็นการยินยอมจากทางวัด ให้นำออกจากกรุ โดยเห็นว่ามีความจำเป็นในปริมาณไม่มาก จึงอนุญาตให้นำ"พระสมเด็จ"ออกจากกรุโดยวิธี"ตกเบ็ด"ได้ เพื่อนำมาสมนาคุณแก่"เจ้าขุน มูลนาย"ที่มาร่วมทำบุญในยุคสมัยนั้น และให้กระทำเฉพาะในเวลากลางวันเท่านั้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายใดๆต่อ"พระสมเด็จ"จำนวนมากที่บรรจุไว้ภายในกรุ เนื่องจากในเวลานั้น(ยังไม่มีไฟฟ้าใช้) ผู้ที่มาร่วมทำบุญ และได้รับ"พระสมเด็จบางขุนพรหม"กลับไป ก็ต้องไม่ใช่ประชาชนคนธรรมดา อย่างแน่นอน เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีการ"เลิกทาส"ส่วนการแตกกรุ ในครั้งที่3 ปีพ.ศ.2459 อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1 น่าจะเป็นการลักลอบนำ"พระสมเด็จบางขุนพรหม"ออกจากกรุอย่างจริงจังในช่วงนี้ เนื่องจากมีความเอื้ออำนวยในหลายด้านคือ มีไฟฟ้าใช้แล้ว มีการเลิกทาสเรียบร้อย และอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1 พอดี แต่ยังไงเสีย"พระสมเด็จบางขุนพรหม"ที่ออกจากกรุทั้ง 3 วาระนี้ต่างเรียกว่า"กรุเก่า"ทั้งสิ้น และมีลักษณะเป็น"คราบกรุแห้ง"(แห้งมาก,แห้งน้อย,หดตัวมาก,หดตัวน้อย,คราบกรุมาก,คราบกรุน้อย)แตกต่างกันไปตามระยะเวลา ข้าพเจ้าก็ขอตั้งข้อสังเกตุ และสันนิษฐานไว้แต่เพียงเท่านี้ ส่วนการแตกกรุอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ.2500 ขอให้ท่านสมาชิกติดตามข้อมูลที่ท่านอาจารย์ไพรพนา ศรีเสน ได้เขียนไว้ใน"พระสมเด็จเว็บบอร์ด"ครับ.
หมายเหตุ ผลวิเคราะห์นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ของข้าพเจ้ามิได้เป็นการนั่งเทียนเขียนเพื่อผลประโยชน์ ให้เกิดแก่ผู้หนึ่งผู้ใด เพียงอยากให้ทราบโดยทั่วกันว่า"พระสมเด็จบางขุนพรหม"กรุเก่า องค์สวยๆ สภาพดีๆ ยังมีอยู่ตามบ้านเรือนคนในตระกูลเก่าอยู่ ครับท่าน.

 

ขอบคุณท่าน pathommatash เป็นอย่างยิ่งครับ(f)

 

หนึ่งในความเคารพ ศรัทธาของข้าพเจ้ายังมี หลวงพ่อ"พระพุทธโสธร"อีกหนึ่งพระองค์ จากประสบการณ์จริงของข้าพเจ้า หลังจากกลับจาก"ทอดผ้าป่าสามัคคี"ที่จังหวัดเชียงราย และจะไปต่อที่เชียงใหม่ ในระหว่างทางลงเขาตลอดระยะทาง หลายกิโลเมตร มีการซ่อมแซมทาง สังเกตุจากทางที่ยังเป็น"ถนนลูกรัง"ข้าพเจ้าเกิดหลับใน และฝันไปว่ารถยนต์ของข้าพเจ้าแหกโค้ง ตกลงเหว ข้าพเจ้าได้ร้องขึ้นว่า"หลวงพ่อโสธร ช่วยด้วย"หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้สะดุ้งตื่นขึ้นทันที และได้มองเห็นข้างหน้าเป็น ถนนโค้งซ้าย ข้าพเจ้าพยายามควบคุมรถ เข้าไหล่ทางซ้าย และจอดสงบสติอยู่ครู่ใหญ่ พร้อมยกมือขึ้นสาธุต่อ"หลวงพ่อโสธร"แสดงความขอบพระคุณ ที่ได้ช่วยชีวิตลูกเอาไว้ นับได้ว่า"หลวงพ่อโสธร"ก็เป็นสุดยอดของความแคล้วคลาด เช่นกันครับ.
"หลวงพ่อโสธร"รุ่น80 ปีกรมตำรวจ พิมพ์นิยมมีเส้นคอ เนื้อเงิน(ชุบสามกษัตริย์)

 

จำนวนการสร้างเฉพาะเนื้อ3กษัตริย์ 100,000 องค์
"โค๊ตตัวเลขใต้ฐาน"

 

ก่อนที่จะลึกลงไปถึง"พระสมเด็จวัดระฆัง"ที่มีอายุเป็นร้อยปี เราลองมาพิจารณาดู"พระสมเด็จ"(สายวัดระฆัง)ที่มีอายุเพียง 20ปี ว่ามีเอกลักษณ์"พิมพ์ทรง+เนื้อหา"เป็นเช่นไร เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาหาความเก่าของเนื้อหา โดยการคำนวณเพิ่มอายุความเก่าบวกเข้าไปอีก 7เท่าครึ่ง(ประมาณ 150ปี)เป็นการฝึกจินตนาการของแต่ละท่าน ไปในตัวเป็น"พระสมเด็จวัดระฆัง"รุ่นเสาร์ห้า ปี2536 พิธีใหญ่ อีกรุ่นหนึ่งที่มีของปลอมมาก ถึงจะเป็น"พระใหม่"ก็ตาม
"พิมพ์นิยมเกศทะลุซุ้ม"

 

เรียนคุณ pathommatash ขอช่วยพิจารณาพระองค์นี้ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ

 

เรียนท่านสมาชิก minipal ข้าพเจ้าได้พิจารณา พิมพ์ทรง,เนื้อหา+มวลสาร และอายุ"พระสมเด็จ"ของท่านอย่างละเอียดแล้ว ยัง"ไม่เข้า"หลักมาตราฐานสากลนิยมครับท่าน

 

ขอนำ"หลวงปู่ทวด"วัดประสาทบุญญาวาส มาจัดแสงมาตราฐานในการพิจารณา เนื้อหาเท่าที่พอจะทำได้ ขอให้เพื่อนสมาชิกจดจำความแห้ง ของเนื้อหา,ลักษณะการฝังตัวของแร่ และชิ้นส่วนเล็กๆ ของ"พระสมเด็จบางขุนพรหม"ไว้เพื่อเป็นแนวทางการศึกษา"หลวงปู่ทวด"สายวัดประสาทฯได้มาจากรุ่นพี่(ปุ่น บางลำภู)เมื่อประมาณ 25ปีที่แล้ว พี่เค้าให้เลือกเอาหนึ่งองค์ ด้วยความเกรงใจ ข้าพเจ้าจึงหยิบองค์ที่ไม่สวย เพื่อไม่อยากให้พี่เค้าเกิดความเสียดายครับ.
"วัดประสาทบุญญาวาส ปี06"

 

"ภาพขยายด้านหลัง"ไว้พิจารณาองค์ประกอบ อย่างเช่น ชิ้นแร่,ชิ้น"พระสมเด็จบางขุนพรหม"ฯลฯ

 

ขอบคุณมากครับ จะได้เป็นแนวทางในการศึกษาพระสมเด็จครับ

 

ขออนุญาตนำ"พระสมเด็จ"(สายวัง)ซึ่งกำหนดความเป็น"ศิลปะเชิงช่าง"ที่บ่งบอกความเป็นฝีมือ"ช่างหลวง"ในยุคสมัย(รัชกาลที่ 5)ซึ่งไม่น่าจะทันองค์สมเด็จ"พระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี"โดยจัดให้แสงเข้าทางด้านมาตราฐานเช่นเดิม เนื้อหาของ"พระสมเด็จ"องค์นี้ พื้นเนื้อใช้(ปูนกังไส)เป็นหลักครับ.
"พระสมเด็จสายวัง"(หลัง จปร.)

 

"ด้านหลัง จปร."

 

ทีนี้เราลองมาดู"พระสมเด็จ"ที่มีอายุ 7ปีดูบ้างก็ยังคงจัดให้แสงเข้าทางด้านมาตราฐาน อีกเช่นเคย"พระสมเด็จบางขุนพรหม"(รุ่น ใหญ่,ด้าย,ดี)เป็นการสร้างย้อนยุค โดยเจตนาทำให้เก่าสร้างในปี 2549 ในเขตพัทธสีมาวัดบางขุนพรหม เป็นการร่วมกันระหว่างวัดใหม่ฯ และวัดอินทร์ฯโดยใช้สองโค๊ต ปั๊มหมึกของทั้ง 2วัด ที่ด้านหลังพระสมเด็จ เชิญชมครับท่าน.
หมายเหตุ เจตนาทำให้เก่า ถ้าไม่ได้ออกจากวัด ผ่านพิธีปลุกเสก มองรูปลักษณ์ภายนอกก็เหมือน"ของปลอม"นั่นเอง สามารถใช้เป็นกรณีศึกษาได้
"พระสมเด็จบางขุนพรหม"(รุ่น ใหญ่,ด้าย,ดี)ปี 2549

 

การวิเคราะห์"พิมพ์พระสมเด็จ"ที่น่าจะเกิดขึ้นจากแม่พิมพ์ที่สร้างโดยช่างหลวง(วิจารณ์ เจียรนัย)หรือ เฮง ท่านน่าจะเป็นคนที่ถนัดมือซ้าย โดยสังเกตุจากแนวเส้นตรงที่ลากจาก พระเกศ จนถึงปลายฐานชั้นล่างสุด เวลาแกะพิมพ์คนที่ถนัด"มือซ้าย"ซีกด้านซ้ายขององค์"พระสมเด็จ"จะมีความปราณีตบรรจง เป็นพิเศษ แต่เวลากดพิมพ์"พระสมเด็จ"ออกมาเป็นองค์พระแล้ว ด้านซ้ายก็จะมาอยู่ด้านขวาแทน(จากการมอง) จะสังเกตุได้จากภาพ"พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์นิยม"องค์ดัง ที่วงการให้การยอมรับ ได้ทุกองค์ ขอแสดงภาพตัวอย่างเพื่อความเข้าใจโดยทั่วกัน

 

"แต่ในทางกลับกัน"ช่างหลวงที่สร้างแม่พิมพ์"พระสมเด็จ"ที่ถนัดมือขวาไม่ว่าจะเป็น"กลุ่มช่างสิบหมู่"หลวงสิทธิการ หรือช่างหลวงท่านใด ท่านหนึ่ง ที่ถนัดมือขวา"พิมพ์พระสมเด็จ"ด้านขวา ก็จะมีความปราณีตบรรจง กว่าด้านซ้าย แต่เวลากดพิมพ์ออกมาเป็น"องค์พระ"แล้วจะเปลี่ยนมาอยู่"ด้านซ้าย"(จากการมอง)ตามภาพตัวอย่าง ที่ลากเส้นจากปลาย"พระเกศ"จนถึงปลายฐานชั้นล่างสุด

 

การพัฒนา"แม่พิมพ์"ต่อจากนี้เป็นการมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร ให้มีการพัฒนา"พิมพ์พระสมเด็จ"จากที่มีเส้นบังคับพิมพ์,ความโย้เอียง,ความไม่เท่ากันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา มาเน้นให้เกิดความสมดุลย์ โดยรวมทั้งหมดบนองค์พระ โดยหลวงวิจิตร นฤมล และช่างสิบหมู่ คาดว่าไม่น่าจะทันองค์สมเด็จ"พระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี"แล้ว ก็ขอแสดงภาพประกอบ เพื่อความเข้าใจโดยทั่วกัน
"พระสมเด็จวังหน้า"

 

สวัสดีครับ ท่าน pathommatash ช่วยดูองค์นี้ให้หน่อยครับ เป็นของที่ไหน ขอบคุณครับ