การยึดมั่นถือมั่นเป็นส่วนหนึ่งของกรรมที่ต้องรอวาระให้หมดลงเองหรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 7 สิงหาคม 2013.

  1. จอมยุ่ง

    จอมยุ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +196
    ดิฉันนึกถึงคำโบราณที่ว่าศาสตร์ว่าด้วยเรื่องจิตนี้เป็นของที่ต้องรู้เองเห็นเองตามที่พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้ ถ้าเอาเรื่องนี้มาพูดให้ผู้ที่ไม่เคยฝึกฟังก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันไม่ได้เลยทีเดียว โบราณท่านว่าไว้ว่าถ้าฝึกกรรมฐานให้แตกเสียกองหนึ่งก็จะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างถูกต้อง (ถ้าฝึกมาถูกต้อง) และเป็นของที่แม้แต่ผู้เป็นเลิศอย่างพระพุทธก็ยังบอกให้ฝึกให้รู้เองให้ได้ไม่ใช่หรือคะ โบราณท่านยิ่งว่าไว้ด้วยว่ายิ่งรู้ยิ่งเงียบ ยิ่งไม่รู้ก็ยิ่งพูด เส้นทางที่จะต้องเดินเพื่อพิสูจน์ศาสตร์นี้ จริง ๆ แล้วพระพุทธท่านกล่้าวไว้หมดแล้ว กรรมฐานหนึ่งกองที่ฝึกจนแตกหรือเปล่าคะ คุณดัชเชสจะไปหาข้างนอกหรือคะ
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ดิฉันว่าเขาเอามาเปิดเผยมันจะเป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมาก ถ้ามันเป็นเรื่องจริงนะคะ ดิฉันได้ข่าวที่อเมลิกาว่า นักธุรกิจชั้นนำทั่วโลกเสนอจะจ่ายเงินตั้ไม่รู้กี่ล้านเหรียญให้กับคนที่ สามารถนำศาสตร์ลึกลับมาตีแผ่ ว่าเป็นเรื่องจริง จนขนาดที่ว่า หนังสือเรียนต้องเปลี่ยน หลักสูตรวิทยาศาสตร์ใหม่ แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครได้เงินนี้ และวิทยาศาตร์ก็ยังไม่เปลี่ยน เพราะไม่มีใครผ่านเกณฑ์ทดสอบที่ว่า
     
  3. จอมยุ่ง

    จอมยุ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +196
    แล้วถ้าเขาเอาไปใช้ด้านร้ายล่ะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติเป็นประโยชน์และเป็นโทษได้พอ ๆ กัน แบบไม่ต้องจินตนาการไปไกลเลยก็เอาพวกฝึกจิตนี่แหละค่ะ ดิฉันเจอมาเยอะที่เขาเอาจิตเขามาแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตนอย่างโหดร้ายเลือดเย็นด้วย คนฝึกจิตไม่ใช่คนหมดกิเลสทุกคนแล้วถ้าท่านกำหนดให้ผู้ที่กิเลสเบาบาง (อันเป็นผลมาจากการฝึกกรรมฐานที่ทำให้ละกิเลสได้) เท่านั้นที่มีสิทธิรู้ล่ะคะ ลำพังวิทยาศาสตร์ของโลกตะวันตกทุกวันนี้ก็ยังเกิดการนำมาใช้เพื่อเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นด้วยซ้ำไปนะคะ แล้วจิตมนุษย์ในความเห็นดิฉันนะ ถ้าไม่รู้ด้วยตนเองให้แตกเขาจะสงสัยอยู่ร่ำไป แต่เรื่องจิตนี้ถ้าแตกเมื่อไหร่เป็นรู้ได้ด้วยตัวเองได้ทันทีด้วยว่าอธิบายให้ใครไม่ได้ ของรู้เองมันจะเหมือนของที่กระแทกจิตเราเองให้เกิดความรู้สึก (ภาษาฝรั่งก็บอกว่าต้อง "ฟีล อิท" นั่นแหละค่ะ) และเกิดอานุภาพถึงขั้นเปลี่ยนแปลงตัวเองได้่น่ะค่ะ ดิฉันเห็นพวกฝึกจิตที่รังแกคนอื่นทุกวันนี้แล้วดิฉันเลยไม่อยากรู้อย่างที่คุณดัชเชสคิดน่ะค่ะ มนุษย์จะมีความรู้มากเท่าใดก็ตามทีแต่ถ้ากิเลสหนาก็นำสิ่งที่ตนรู้มาใช้เป็นพิษน่ะค่ะ ดิฉันไม่ได้กล่าวเกินจริงนะที่ว่าพวกนี้เลือดเย็นมากค่ะ ดิฉันยังเคยนึกเล่น ๆ เลยนะว่าฟรอยด์มีการกั๊กสิ่งที่เขารู้ไว้กับตัวบ้างหรือเปล่า เขาได้ค้นพบสิ่งที่เขาคิดว่าเขาไม่ควรหรือไม่สามารถอธิบายให้คนทั่วไปเข้าใจได้ด้วยหรือเปล่า แต่ก็เป็นการสงสัยเล่นสนุก ๆ ค่ะ เพราะดิฉันคิดว่าสภาวะที่ไม่มีสิทธิจะนำมาอธิบายหรือไม่สามารถจะอธิบายให้เข้าใจได้มีอยู่เสมอ บางทีดิฉันก็นั่งนึกเล่น ๆ ว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเราเองเราจะสรุปด้วยคำคำหนึ่งให้ได้ด้วยคำว่าอะไร ดิฉันก็พบว่ามันเหนือตัวหนังสือในความรู้สึกของดิฉัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องรู้เองและกราบพระพุทธผู้เป็นเลิศและพระธรรมและพระสงฆ์ของพระองค์เท่านั้นแหละคะ คุยกับคุณดัชเชสสนุกดี ขอบคุณค่ะ
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ทั้งหมดเรื่มต้นที่ "กรรมฐาน" แต่เวลาจบ จบลงที่ "กรรม-ฐาน"

    คำตอบนี้อาจมีประโยชน์ต่อ "สาธารณะ" อยู่บ้าง แต่จะใช้การตอบแบบ "ปุจฉา-วิสัชชนา" นะครับ

    ดิฉันทราบดีว่า การยึดมั่นถือมั่นเป็นเหตุแห่งทุกข์

    +++ จากกฏเกณฑ์การทำงานของจิต การยึดมั่น เป็นผลลัพธ์ของจิตส่งออก (จิตส่งออก เป็นสมุทัย มีผลเป็นทุกข์ ธรรมะจาก หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) ย่อมมีผลเป็นทุกข์ ตรงนี้ ถูกต้องแล้้วครับ

    แต่แม้จะพิจารณาแล้วก็ยังไม่สามารถ บรรลุการจะยุติความทุกข์แห่งการยึดมั่นถือมั่นในผู้ตายลงได้

    +++ คำว่า "พิจารณา" ของคุณ ตรงกับอาการที่เรียกว่า "ความปรุงแต่ง" (คิดแหลก แจกแถม) ทางจิต ตรงนี้ "เป็นการเพิ่มทุกข์" ไม่ใช่หนทางในการ "ออกจากทุกข์" ลักษณะการทำงานทางจิตแบบนี้ เป็นการ "ฝังตัวให้ลึกลงไปในทุกข์" และเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ดิฉันจึงอยากจะทราบว่า ที่ดิฉัน และเชื่อว่าอีกหลายๆคนที่มีจริตเช่นนี้ ไม่สามารถยุติความทุกข์นี้ได้เพราะเป็นกรรมที่ต้องชดใช้ใช่ไหม

    +++ ใช่ครับ แต่มันเป็น "กรรมใหม่" ที่ถูกสร้างมาจาก "สัญญา-ความจำ" ของผู้ที่ไม่สามารถ "อยู่ในปัจจุบันขณะ" ได้

    และเราทำได้อย่างเดียวคือการอวาระที่กรรมจะหมดลงใช่ไหมคะ?

    +++ ไม่ใช่ครับ การกระทำที่ดีที่สุดคือ ทำให้ตนเอง "ไม่เป็นผู้หลง กาลเวลา" ไปกับ "อดีตที่ ย้อนกลับไปจริง ๆ ไม่ได้" รวมทั้ง "อนาคตที่ ความเป็นจริงยังไม่ปรากฏ" โดยการ "อยู่กับปัจจุบัน" ซึ่งเป็น "ศูนย์รวมแห่งความเป็นจริง"

    +++ "สัจจธรรมมีอยู่ในปัจจุบันธรรมเท่านั้น" ซึ่ง "ความพ้นทุกข์เป็นองค์ประกอบหนึ่งของสัจจธรรม" รวมไปถึง "สภาวะแห่ง ตน ที่แท้อันเป็นส่วนของ ฐาน ที่ไม่ใช่ส่วนของ กรรม แต่อย่างใดทั้งสิ้น"

    "ดำรงค์ สติ มั่น รู้ ธรรม เฉพาะหน้า" คืออาการของการ "อยู่" กับปัจจุบันธรรม นั่นเอง

    เมื่อมีขีดความสามารถในการทำตรงนี้ได้แล้ว ก็จะพบได้เองว่า "สรรพสิ่งที่ ถูกรู้ ล้วนเป็น กรรม ทั้งสิ้น มีแต่ สภาวะรู้เท่านั้น ที่เป็นฐาน" เมื่อประจักษ์์แจ้งได้เมื่อใด ก็จะเข้าใจได้ทั่วถึงซึ่งคำว่า "กรรม-ฐาน" เมื่อนั้น

    ภาษาบาลีที่เรียกว่า "สังขตะธรรม-อสังคตธรรม" หากเป็นภาษาอังกฤษก็คือ ""Dynamic Stage - Static Stage" และภาษาไฮเทคคือ "สภาวะจล-สภาวะเสถียร"ทั้งหมดนี้ภาษาไทยเรียกมันว่า "กรรม-ฐาน"

    ทั้งหมดเรื่มต้นที่ "กรรมฐาน" แต่เวลาจบ จบลงที่ "กรรม-ฐาน" โดยส่วนของ กรรมแม้จะอยู่กับส่วนของฐาน แต่ก็อยู่ส่วนใครส่วนมัน "รวมทั้ง ทุกข์ ที่เป็นส่วนของ กรรม" ด้วยนะครับ
     
  5. จอมยุ่ง

    จอมยุ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +196
    เฮ้อ เป็นคำตอบที่อ่านแล้วดีใจที่ได้อ่านจังเลย ขอบคุณผู้ตั้งกระทู้และคำตอบนี้ อนุโมทนาด้วยค่ะ ดีจัง
     
  6. จอมยุ่ง

    จอมยุ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +196
    ฮิฮิ คุณดัชเชสมีคนรุมห่วงเยอะนะ รู้ตัวป่าวคะ เห็นกระทู้อื่นก็เต็ม ฮิฮิ ดีจัง ฮุฮุ น่าอิจฉา
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    ท่านธรรมชาติคะ แล้วอย่างนี้จะห้ามยังไงไม่ให้นึกคิดได้คะ พอไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้คิดมันก็ห้ามไม่ได้อีก อย่างเช่นเข้าไปในสถานที่ในอดีต ดูรูป เห็นของใช้เก่าๆของผู้ตาย กลิ่นน้ำหอม ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2013
  8. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ห้ามไม่ให้คิด ยากมากๆ

    เคยพยายามห้ามเหมือนกัน แต่ทำไม่ได้

    หลังๆมา มาอ่านเรื่อง เจตสิก เริ่มรู้มากขึ้นว่า จิตแบบไหนเป็นกุศล แบบไหนเป็นอกุศล

    ก็เลยพยายามเท่าที่จะทำได้ แบบว่า เอาแค่พยายามรู้ให้ทันว่า ตอนนี้เป็นกุศล หรือ อกุศล

    ถ้าเป็นอกุศลจิต ก็ไม่คิดต่อ หรือคิดน้อยลง

    แบบว่าผมจะสังเกตตัวเองไปด้วย แต่ก็จะไม่ให้เคร่งเครียดเกินไป ทำเท่าที่ทำได้
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ดิฉันเห็นด้วยกับคุณจอยุ่งเรื่องจุดนี้คะ ชาวตะวันตกต่างจากชาวเอเชีย ตรงที่โหดเงียบ ดิฉันอยู่ตรงนั้นดิฉันเห็นเข้าใจ การทำงานของจิตใจพวกเขา แต่ในณะเดียวกันคนเอเชียก็ใช่จะจิตใจสูงส่ง ทุกคน ถ้าโหดก็จะออกมาในแนว ป่าเถื่อนเลย ทำในสิ่งที่ชาวตะวันตกไม่ทำ หรือ มองว่าป่าเถื่อน อย่างในข่าว เด็กกะเหรี่ยงโดนจับมาทรมาน เอาน้ำร้อนรก และตัดใบหู หนีออกไปได้แต่ก็โดนตำรวจจักลับมาส่งให้คนที่ลักพาตัวเด็ก แถมปัจจุบันนี้ สองผัวเมียที่ทารุณเด็กกลับไม่ได้รับโทษใดๆทั้งสิ้น

    และก็ข่าวสองแม่ลูกชาวเวียดนาม แค้นที่สามีไม่ชอบผู้หญิงอายุน้อกว่า ทั้งที่ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ได้เล่นด้วย และหลีกตลอด แต่ ภรรยาก็แค้นี่สามีไปหลงผู้หญิงคนนั้นมากกว่าจึงวางแผนกันกับลูกชายดัก จับผู้หญิงคนนั้นมาทำอนาจารณ์ โดยการจับถอดผ้าและถ่ายคลิป ผู้หญิงคนนั้นก็พยามหนีแต่พอต่อสู้ก็โดนฝ่ายลูกชายต่อยตี คนที่มาดูแทนที่จะช่วยกลับไม่ทำอะไรเลย อันนี้ดิฉันคิดว่าป่าเถื่อนมา

    อีกข่าว เป็นที่ประเทศจีน ผู้หญิงคนนึงไปขโมยของกินในร้านขายของชำโดนจับได้ พวกชาวบ้านจึงรุมกะทืบและจับแก้ผ้าประจารณ์รอบเมือง

    อีกข่าวนึงเป็นที่ประเทศอินเดีย หญิงชาวบ้านมากมายแค้นรัฐบาลจึงออกมาประท้วงการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลส่งทหารและตำรวจออกมาปราบปาม คงไม่ต้องเล่าว่าเป็นอย่างไร แต่ พวกทหารตำรวจ และพวกผู้ชายแถวนั้นที่มามุงดูกลับ กระทำอะไรทุเรศๆ


    หรือที่อัฟกานีสถาน วัยรุ่นหญิงชายสองคนรักกัน แต่ผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกับคู่ที่จับให้ทั้งสองจึหนีออกจากบ้านจะไปด้วยกัน แต่โดนจับได้ ตาลีบัน จึง รุมประชาทัณ เอาก้อนหินเขวี่ยงจนตาย ลองจินตนการดูว่ากว่าสองคนนั้นจะตายจะทรมานสักแค่ไหนคะ สิ่งเหล่านี้เราไม่เคยเจอในโลกตะวันตก
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ท่านธรรมชาติคะ แล้วอย่างนี้จะห้ามยังไงไม่ให้นึกคิดได้คะ

    +++ ความคิดนั้น ไม่ใช่ของต้องห้าม เพียงแต่ต้องพึงระวัง เพราะสภาวะของความคิดนั้น เป็นสภาวะของการสมมุติ (จริงหรือเท็จ ลองสังเกตุดูก็รู้ได้) หากยึดความคิดเมื่อไร เมื่อนั้นเป็น บัญญัติ และถ้าหาก บัญญัตินั้น ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง บัญญัตินั้น ๆ ย่อมทำให้เกิดทุกข์ ตรงนี้เป็นกระบวนการของสิ่งที่เรียกว่า สมมุติ-บัญญัติ รวมทั้ง บัญญัติในสภาด้วย เพียงแต่มันเป็นวงจรที่ใหญ่กว่า วงจรของส่วนบุคคล

    +++ พระพุทธศาสนากล่าวเรื่อง สมมุติ-บัญญัติ ไว้มากมาย แต่สรุปได้ว่า มันมีได้ แต่ อย่าไปหลงมัน ให้รอบคอบเข้าไว้ นะครับ

    พอไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้คิดมันก็ห้ามไม่ได้อีก อย่างเช่นเข้าไปในสถานที่ในอดีต ดูรูป เห็นของใช้เก่าๆของผู้ตาย กลิ่นน้ำหอม ฯลฯ

    +++ การระลึกถึง หากอยู่ในปัจจุบันขณะ ย่อมไม่มีผลเสียหายแต่ประการใด (พระพุทธเจ้า ท่านระลึกชาติได้นับไม่ถ้วน แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังในหมู่สงฆ์ เพียงแต่ท่าน อยู่ในปัจจุบันขณะ เท่านั้น) การอยู่ในปัจจุบันขณะ ย่อมสามารถทำการระลึกได้ชัดเจนกว่า การระลึกแล้วเกิดอารมณ์เข้ามาแทรกแซงจิต เพราะเป็นการระลึกของสติ และ สัมปะชัญญะ การระลึกชนิดนี้ เป็น การใช้ขันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถนำมาฝึกฝนได้ในขณะที่ยังครองขันธ์อยู่ นะครับ
     
  11. ผ่อนกรรม

    ผ่อนกรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +400
    ทุกข์ที่เป็นทุกข์(ไม่ชอบใจ) คนเรามักวิ่งออกได้โดยง่าย

    ทุกข์ที่เป็นสุข(ที่ชอบใจ) คนเรามักวิ่งเข้าหา (ยึด)ทิ้งยาก

    ความจริงทั้งทุกข์และสุข เกิดจากสังขาร (ความคิดปรุงแต่ง) ทั้งสิ้น

    ถ้าเราสังเกตให้ดี ทั้งทุกข์และสุขนั้นไม่ได้ตั้งอยู่ตลอด

    ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

    ค่อยๆ ปล่อย ค่อยๆ วาง และอยู่กับปัจจุบัน

    ถ้าหลงคิดเข้าไปในอดีตสุข จงเก็บมันออกมาให้กำลังใจตัวเอง

    เพื่อสู้กับวันนี้ อยู่กับวันนี้ เมื่อวานเป็นอดีตไม่สามารถเรียกลับมาได้

    พรุ่งนี้เป็นอนาคต ต่อให้รู้ล่วงหน้าก็ใช่จะแก้ได้ อยู่กับวันนี้และมีสติ

    ตามรู้อาการของกายและจิต (ใจ)ไม่เผลอ

    พ้นทุกข์ได้ด้วยปัญญาทางธรรม(โลกุตระ)ยากหน่อยที่ต้องทวนกระแส
     
  12. ผ่อนกรรม

    ผ่อนกรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +400
    ไม่ทราบว่าตอบแบบนี้ได้ยังไงค่ะ แล้วทราบมั้ยค่ะว่า Like กดได้ครั้งเดียว

    พระธรรมไม่ว่าภาษาไหนก็ความหมายเดียว Like x ๑๐๐ ^^
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ภาษาบาลีที่เรียกว่า "สังขตะธรรม-อสังคตธรรม" หากเป็นภาษาอังกฤษก็คือ ""Dynamic Stage - Static Stage" และภาษาไฮเทคคือ "สภาวะจล-สภาวะเสถียร"ทั้งหมดนี้ภาษาไทยเรียกมันว่า "กรรม-ฐาน"

    +++ ก่อนที่จะตอบแบบนี้ได้นั้น ต้องผ่านการ "ทำสติให้เป็นสมาธิ" มาก่อน แล้วจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า "ดำรงค์สติมั่น รู้ธรรมเฉพาะหน้า" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาวะรู้ กับ สภาวะธรรม มันแยกกันอยู่ จึงชัดเจนได้ว่า สภาวะธรรมทั้งหมด เป็นสภาวะกรรม (มีการกระทำ) มีการเคลื่อนไหวแปรปรวนที่เรียกว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ดับไป แล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่ และสรรพสิ่งที่ถูกรู้นั้น ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สภาวะรู้ ที่มีอยู่แล้ว เป็นอยู่อย่างนี้มานานแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น และเป็น ตน ที่แท้จริง หากสติมีอยู่อย่างต่อเนื่องเมื่อไร เมื่อนั้น ฐาน แห่งการปฏิบัติธรรม ย่อมยังมีอยู่เมื่อนั้น จนกว่า ฐาน จะเรียนรู้และเดินทางผ่าน วงจรของกรรม จนถึงจุดกำเหนิดของมัน จากนั้นจึงวางเอาไว้ตรงนั้น ก็จะกลายมาเป็น กรรมอยู่ส่วนกรรม และ ฐานอยู่ส่วนฐาน แล้วจะเข้าใจ กรรม-ฐาน และทุกคำศัพท์ที่บ่งชี้ได้ถูกต้องตรงตามอาการของมัน ได้เองนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...