ใครยังไม่ได้ฌานสนใจเชิญ

ผมจะเอาอานาปานสติเป้นตัวเข้าฌานเพราะว่าอานาปานสตินี้ทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกได้ เริ่มที่พระสูตรว่า เราจะระงับกายสังขารมีสติหายใจออก เราจะระงับการสังขารมีสติหายใจเข้า ตรงนี้จะต้องเข้าใจว่ากายสังขารนั้นหมายความว่าลมหายใจ
ฉะนั้นคำที่ว่าเราจะเป็นผู้ระงับกายสังขารหายใจออกมีสติหายใจออก เราจะระงับการสังขารมีสติหายใจเข้า นั้นก็คือเมื่อเรากั้นหายใจสักพักมีสติหายใจเข้ากั้นหายใจสักพักมีสติหายใจออก ยิ่งกั้นยาวได้มากยิ่งดีเพราะระหว่างเรากั้นหายใจนั้นความคิดเราจะหยุดไปด้วยตรงนี้จะช่วยให้จิตมีพลังมากขึ้นทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆท่านก็จะสำเร็จฌานแน่นอน ระบประกันได้ครับ เมื่อสำเร็จฌานแล้วจิตพอมีกำลังผมจะบอกวิธีเข้าสู่การเข้าถึงธรรมอย่างแท้จริงให้

 

นั้น ขยัน ตั้งกระทู้ล่อเป้ามากๆๆๆ พระพุทธเจ้าร้องไห้แล้ว .....ท่านคงจะบอกว่าเราตถาคตไม่ได้สอนแบบนี้ อานาปาที่ไปเรียกกะท่านพุทธทาสมาที่โม้ว่าไปนั่งตั้ง10ชั่วโมงนะ ท่านพุทธทาสสอนแบบนี้หรอ

 

ถ้าท่านไม่เคยก็ลองได้จะได้รู้ถึงรสชาติมัน อย่ามัวแต่กลางตำรานักเลย ลงมือดื่มแกงซะอย่ามัวดมกลิ่นอยู่เลยรสชาติมันอร่อยต่างกันต่างกัน คำว่าอร่อยกับรู้รสอร่อยด้วยลิ้นจริงๆมันต่างกัน อโศกกก

 

รู้อีก ผมลองสิถึงรู้ว่าคุณมั่ว งั้นผมจะกากตำราทำไมถ้าไม่เอาไปปฏิบัติ มันอ่านไม่สนุกหรอกตำราสอนคนฝึกสมาธิ

 

เคยลองแบบที่ผมว่าหรือเปล่า หรือลองแบบไหน

 

ก็ทำทุกวันแหละ ที่ไหนก็ได้เพราะไม่ต้องมีอุปกรณ์ รถติดนานๆๆผมก็ทำ แบบที่คุณว่านะมันมั่ว

 

เคยลองทำแบบผมบอกบ้างหรือยัง

 

การกำหนดลมหายใจยาว นะอานาปานสติครั้งหนึ่ง หรือ ขั้นหนึ่ง ได้ญาณได้ไง เขาซ้อมหายใจให้รู้จักการหายใจยาวกว่าปกติเป็นไงเป็นเพียงการกำหนดล้วนๆ ไม่เป็นการพิจารณาแต่ประการใด และยังไม่เกี่ยวกับความรู้หรือญาณ อย่ามั่วบักนิว ออร่าหันมัวใหญ่ๆๆๆ เลย

 

ที่จริงปัญญามันอยู่ทุกอณูอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องอานาปานหรอกแต่เราไม่มีทางรู้เองหรอกถ้าไม่ได้ฟังพระสัทธรรมของพระองค์ เรื่องอานาปานนั้นเป็นเรื่องของการทำสภาวะธรรมให้เกิดขึ้นเท่านั้นเองสภาวะที่เป็นธรรมเอกที่ยังไม่เคยเกิดมันก็จะเกิดขึ้น แล้วเมื่อเิกิดขึ้นพิจารณาธรรมเหล่านั้นนั้นแหล่ะมันถึงจะได้ผลเพราะธรรมเหล่านั้นจะเกิดขึ้นมาได้นั้นมันยากมากจิตตรงนั้นจึงมีพลังทั้งสติที่ระลึกตรงความเป็นจริงทำให้ปัญญามีพลังสูง

 

[ผิดทีไร แถทุกที ปรุงคำให้สวยหรู แต่ก็ฟั่นเฟือนอยู่ดี ชอบอวดว่าตัวเองปฏิบัติอานาปาน เข้าใจยังผิดๆๆถูกๆๆเลย แล้วจะปฎิบัติถูกได้ไง อย่าแถเลยบักนิว

ไปศึกษามาใหม่เถอะลุง โม้ว่าไปเรียนกับท่านพุทธทาสเจ้าแห่งอานาปานสติ ท่านพุทธทาสท่านร้องไห้ใหญ่แล้วลุงนิวอายุเท่าไหร่หว่า อยากรุ555++++]

 

ที่จริงแล้ว หายใจสั้นยาวอะไรนั้น หรือเราจะเป็นผู้พิจารณากายทั้งปวงหายใจเข้าออก เราจะเป็น้ผู้ระงับกายสังขารมีสติหายใจออกเข้าจะใช้อะไรก็ได้เป็นเพียงเทคนิคอย่างหนึ่งเท่านั้นที่จะทำให้เกิด ปิติ สุข เข้าสู่ฌานเท่านั้น เราจะใ้้ช้เทคนิคได้ก็ได้ไม่ได้เป็นสภาวะธรรมตามขั้นตอนที่จะเกิดหรอก สภาวะธรรมตามขั้นตอนที่เกิดคือปีติ สุข ต่างหากที่ไหลไปตามธรรม

 

ทำให้ตายก็ไม่ได้ญาณหรอกถ้าแค่หายใจเข้ายาวๆๆนะ มันเริ่มได้ญานตรงขั้นสามของอานาปานสติ ที่ว่า ภิกษุนั้น ย่อมทำในบทศึกษาว่า เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง จักหายใจเข้า ดังนี้ ; ย่อมทำในบทศึกษาว่า เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง จักหายใจออก ดังนี้”.

เพราะเรามีการกำหนดรู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง

นี้แหละพอมีการกำหนดรู้ก็เกิดญาณ รู้พร้อมเฉพาะ คือ รู้อย่างละเอียดชัดเจนไปทุกอย่างซึ่งในที่นี้ได้แก่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า กาย กล่าวคือลมหายใจนั้นเอง ว่ามีลักษณะอย่างไร มีพฤติอย่างไร มีเหตุและมีผลอย่างไร เป็นต้น

คำว่า กายทั้งปวง ในที่นี้ ได้แก่ลมหายใจ การรู้ก็คือรู้ลักษณะสั้นยาวของลมหายใจอาการแห่งการเคลื่อนไหวของลมหายใจ สมุฏฐานแห่งลมหายใจ คือความที่มีชีวิตยังเป็นไปอยู่ และผลจากลมหายใจคือความที่ลมหายใจนี้กำลังทำหน้าที่เป็นกายสังขาร หรือเป็นปัจจัยแก่ชีวิตส่วนที่เป็นรูปธรรมโดยตรงนี้อยู่

ถ้าไม่มีการหายใจเราก็ตาย กายก็แตกดับ

 

มั่วนิ่มอีกและ แถไปเรื่อยๆๆ ตามน้ำไปเรื่อยๆๆๆ หนุกหนานจริงลุง ไปนอนซักตื่นเถอะ ลุง อย่ามาทำให้คนไม่รู้เขาสับสนหนักกว่าเดิมเลย
เข้าใจหรือเปล่าที่พูดเองนะหรือ สักแต่กวนคำหรูๆๆไปงั้น ลุงเอ๋ย
ลมหายใจนะมันเป็นเทคนิคนะถูก แต่ในอานาปานสติสิบหกขั้นแต่ละขั้นเขามีความมุ่งหมาย ต้องเข้าใจก่อนว่าทำไปทำไม ถ้าไม่เข้าใจหายใจมั่วๆๆลงเดชไปงั้นก็ไม่ได้อะไรหรอก...ลุง


ส่วนข้อความหลุดโลกของลุงนิว ที่พยายามกวนให้มั่วนี่หยุดเถอะลุง
อย่าปล่อยไก่ เดี๋ยวก็หน้าแตกอีกหรอกลุง

 

ท่านจะพิจารณาตั้งแต่ตรงนี้นั้นก็ไม่ผิดอะไร เพราะปัญญาที่จริงแล้วเริ่มตั้งแต่หายใจเข้าออกครั้งแรกเลยก็ว่าได้แต่ใครจะมีปัญญารู้ถึงรู้ก็ยังเป็นปัญญาที่มีกำลังต่ำมาก และกว่าจะรู้ว่ากายทั้งกายตั้งแต่หัวจรดเท่านั้นไม่มีอะไรมีแต่แรงสั่นสะเทือนทั่วร่างกายมันเป็นแรงสั่นสะเทือนเบาๆตรงนี้กว่าจะรับรู้ได้ชัดเจนจนร่างกายทั้งร่างหลอมรวมกันเป็นสิ่งเดียวก็มีคนทำถึงได้น้อยมาก ตรงนี้ก็เป็นญานปัญญาที่มีกำลังสูงขึ้นมาอีก แต่ก็ยังไม่สุด

 

มัวอีก ....เอ้ามั่วเข้าไป อย่ามั่ว อย่าแต่งทฤษฏีใหม่
อย่าทำลายธรรมของพระพุทธเจ้าปาบหนักนะลุง อันนี้มีเจตนาชัดเจน เตือนด้วยความหวังดี
ผมรู้ล่ะทำไมลุงเพี้ยน ก็ลุงปฏิบัติส่งเดชทึกทักเอาเองแบบนี้นี่หว่า

 

ผมคงไม่ต้องยกพระสูตรนะ เรื่องลมอัสสาสะปัสาสะที่ดับดับไปนั้นในขณะที่อานาปานสติบริบูรณ์ที่พระองค์ตรัสกับพระอานนท์ ผมนะมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าท่านยังไม่ถึงก็ปฎิบัติต่อให้ถึง อย่าติดยึดกับความเคยชินเก่าๆ ออกมาจากความเคยชินเก่าๆเถอะแล้วท่านจะได้ลิ้มรสของอมตะธรรมซะที สิ่งที่ผมบอกมันพิสูจน์กันได้ มันไม่เสียตังค์

 

เอ้า แถอีก อะไรของคุณครับ คุณแต่งทฤษฏีใหม่ทำลาย ธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วยกพระพุทธเจ้ามาอ้างทำไมครับ
จะอ้างก็อ้างให้ถูก จะอนุโมทนา แต่อ้างมั่วตามใจฉันอย่างอ้างดีกว่า ไม่มีความเคารพในพระพุทธเจ้าเลย

ก็พูดขัดกับที่พระพุทธเจ้าสอนชัดๆๆ ยังจะมาว่าคนที่เขามาแย้งธรรมที่ถูกให้ฟัง ว่ายึดติด พระสูตร เอ้าชาวบ้านเขาก็ปฏิบัติแบบนี้ทั้งนั้น

เอ้าคนที่แต่งมั่วๆๆกล่าวตู่ธรรม นี่ไม่ยึดติดใช่ปะ

ใช้ศัพท์หรูอีก ลมอัสสาสะปัสาสะ เข้าใจหรือเปล่า
จริงๆๆมันก็คือการ หายใจเข้ายาวๆ และหายใจออก หายใจเข้า คือ อัสสาสะ หายใจออก คือ ปัสสาสะ

ทีนี้พอพูดติดกันว่า ลมอัสสาสะปัสาสะ ก็คือการ หายใจเข้ายาวๆ และหายใจออกแต่ให้ส่งกระแสไปทางอารมณ์หายใจ เรียก ลมอัสสาสะปัสสาสะ เหมือนเวลาเราแผ่เมตตา ส่งเมตตาออกไป

 

ผมนะไม่ได้คิดเองหรอกครับ ผมมีครูอาจารย์และสำนักที่ผมปฎิบัตินั้นเป็นสำนักที่ด้งมากในระดับสากลอาจารย์ผมระดับโลกครับ เคยไปหรือเปล่า http://www.thaidhamma.net/

 

ผมว่าท่านอาจารย์โกเอ็นก้า

เขาไม่ได้สอนแบบนั้น อย่าเอาเขามาแปดเปลื้อนเลยคุณ
เทปบรรยายเขาผมก็ดูอยู่
อ.ผมกล้าพูดนะ รู้จักเขาหรอเคยเจอหรอ เคยไปเข้าครอสกับเขาหรอ ผมว่าไม่หรอก ถ้าเคยจะมั่วขนาดนี้หรอ

เขาสอนยุบหนอ พองหนอนะ สายนี้ เพราะกำหนดลมมันเห็นไม่ชัด เลยให้ไปดูที่การยุบพองของท้องแทน

 

เทคนิคนี้ตามพระสูตรเลย ไม่มีนอกแนว แล้วแต่มครจะคิดได้แล้วกล้าที่จะลองทำเท่านั้นเองผมได้ผลแล้วมาบอกกันเป้นธรรมทานที่เกิดผลจริง ผู้ที่ได้แล้วโดยวิธีอื่นก็ไม่ต้องลอง ส่วนใครยังไม่เคยได้ก็นำไปปฎิบัติ อย่างตั้งใจคิดว่าไม่นาน จริงๆแล้วตรงนี้มีพระอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งที่นครสวรรค์เป็นผู้ที่สอน