ใครยังไม่ได้ฌานสนใจเชิญ

อยู่หน้าห้องนี่เอง เอามาให้อ่านครับ

http://www.palungjit.org/smati/k40/smabat.htm

 

ถ้าคำสอนมาจากพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน
ต้องลงรอยเดียวกัน
ที่ไม่เข้ารอยกันเพราะคำสอนใน
เรื่องเดืยวกันแต่แยกไปตามสาย
อาจาริยะวาท มีการตัดต่อแต่งเติม
ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำนักๆ

ตัดต่อได้แต่เมื่อปฏิบัติแล้วจะบรรลุมรรค๔ผล๔
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หรือไม่
แล้วแต่บุญวาสนาบารมี ที่ได้เจอพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ดี
ก็เข้าทาง แต่ถ้าบุญไม่พาวาสนาไม่มีก็ได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา

 

ขอตอบแทนผู้ถูกถามโดยยังไม่ทราบว่าใครถูกถาม???
คำถามสั้นๆแต่ตอบได้ทั้งสั้นและยาวตามภูมิของผู้ตอบ
ที่ไม่มีคำตอบที่ผิดมีแต่ถูกมากถูกน้อย

อวิชชาคือ ความไม่รู้ ไม่เข้าใจในพระอริยสัจจะ
ที่เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

 

เมื่อรูปนามดับ อายตนะก็ดับ ลมจะมีได้อย่างไรลมอัสสาสะ ปัสสาสะย่อมดับด้วย ดั่งพระสูตรที่กล่าวกับพระราหุลว่าอานาปานสติบริบูรณ์

 

เรื่องสัญญาเวทยิตนิโรธ

[๕๑๐] วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็การเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นอย่างไร?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุผู้เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ มิได้มีความคิดอย่างนี้ว่า เราจัก
เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ว่าเรากำลังเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ว่าเราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว
ก็แต่ความคิดอันนำเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้น อันท่านให้เกิดแล้วตั้งแต่แรก.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ ธรรม คือ กายสังขาร วจี
สังขาร จิตตสังขาร อย่างไหน ย่อมดับไปก่อน?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ วจีสังขารดับก่อน ต่อจากนั้น
กายสังขารก็ดับ จิตตสังขารดับทีหลัง.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็การออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ เป็นอย่างไร?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุผู้ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ มิได้มีความคิดอย่าง-
*นี้ว่า เราจักออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ว่าเรากำลังออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติว่าเรา
ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว ก็แต่ความคิดอันนำเข้าไปเพื่อความเป็นอย่างนั้น อัน
ท่านให้เกิดแล้วแต่แรก.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็เมื่อภิกษุออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ธรรมคือกายสัง-
*ขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร อย่างไหน เกิดขึ้นก่อน.
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ เมื่อภิกษุออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ จิตตสังขารเกิด
ขึ้นก่อน ต่อจากนั้นกายสังขารก็เกิดขึ้น วจีสังขารเกิดขึ้นทีหลัง.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ผัสสะเท่าไร ย่อมถูกต้องภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ผัสสะ ๓ ประการ คือ ผัสสะชื่อสุญญตะ (รู้สึกว่าว่าง)
ผัสสะชื่ออนิมิตตะ (รู้สึกว่าไม่มีนิมิต) และผัสสะชื่ออัปปณิหิตะ (รู้สึกว่าไม่มีที่ตั้ง) ย่อม
ถูกต้องภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ.
วิ. ข้าแต่พระแม่เจ้า ก็ภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ. มีจิตน้อมไปใน
ธรรมอะไร โอนไปในธรรมอะไร เอนไปในธรรมอะไร?
ธ. ดูกรวิสาขะผู้มีอายุ ภิกษุผู้ออกแล้วจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ มีจิตน้อมไปใน
วิเวก โอนไปในวิเวก เอนไปในวิเวก.

�����ûԮ�������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ�������� �

 

แบบนี้ท่านก็เข้า นิโรธสมาบัติ ได้เลยสิครับไม่ต้องกิน นั่งดู เวทนา ความหิว ความทุกข์ ของ ขันธ์ ห้า นั่งพิจารณา กิเลส ตัณหา อุปาทาน ได้สบายเลยสิครับไม่ธรรมดา นะนิ

ลมอัสสาสะ ผมยังทำไมได้เลยครับ แล้วผมมิกล้าครับ ยังอีกไกล สำหรับผม

เพราะผมต้อง กิน ตาม ขันธ์ ทั้งห้า ได้แต่ทำหน้าที่ อินทรียสังวร พิจารณาธรรมที่อยู่ตรงหน้า สาธุ เจริญธรรม

 

สัญญาเวทยิตนิโรธนี้นั้นน่าจะพระอนาคามีและพระอรหันต์ที่ได้สมาบัติแปดเท่านั้นที่เข้าได้ หาบุคคลออื่นเข้าได้ไม่มีน่าจะประมาณนี้จากตำรา คงจะเป้นสภาเดียวกับพระนิพพานเพียงแต่ผู้ที่ประจักษ์พระนิพพานมีวิญญานจิตอยู่เพียงอย่างเดียวเป็นตัวรับรู้สภาวะนิพพาน ผมยังไม่ถึงอนาคามีเข้าไม่ได้ครับและต้องได้สมาบัติแปดด้วย

 

แล้วคุณนิวอยู่ใน สภาวะไหนละครับ แล้วมีใครรับรองครับ ไม่ใช่คิดเองรับรองเองนะครับ จะเป็น มิจฉาทิฏฐิ นะ

 

ในโลกนี้ไม่มีใครรับรองใครเรื่องความเป็นอริยะได้หรอกครับนอกจากตัวเราเอง พระพุทธองค์เป็นคนเดียวที่จะรับรองได้ แต่พระองค์ไม่อยู่แล้วใครจะรับรองใคร แต่ก็พอจะมีหลักฐานอยู่ว่าคุณสมบัติที่พระองค์กล่าวไว้คือโสตาปฎิยังคะ4นั้นเองที่เป็นคุณสมบัติเบื้องต้น และอริยบุคคลนั้นมือจะต้องชุ่มไปด้วยการให้

 

อวดอ้าง หรือป่าวครับไม่มีใครรองรับได้ แต่รองรับจากตัวเราเอง !!!!! ผมแค่คนธรรมดา ยังไม่กล้า อวดอ้างเลยครับ

ผม พิจารณา ธรรม โดย ใช่ อินทรียสังวร พิจารณา ดีกว่า ไป อวดอ้าง ว่า อยู่ ระดับไหน

สาธุเจริญธรรม

 

ตรงที่เน้นสีแดง คุณนิวใช้บทพยัญชนะว่า มีวิญญานจิต ซึ่งไม่ตรงกับพุทธวจน
เป็นเหตุให้เกิดข้อโต้แย้ง คุณนิวควรจะใช้คำว่า จิต หรือ วิมุตติญาณทัสสนะ หรือ อายตนะนิพพาน
(เลือกใช้ตามความเหมาะสม)

 

คุณสมบัติของ จิต หรือ วิมุตติญาณทัสสนะ หรือ อายตนะนิพพาน คือ
มีสภาพ รู้ อย่างเีดียว ไม่มีความรู้สึก นึกคิด

มันเกิดขึ้นขณะจิตเดียว
หลังจากนั้นจิตกับวิญญาณจะรวมเข้าหากันจึงจะเกิดความรู้สึกนึกคิด

คงจะเป็นประโยชน์กับคุณนิวไม่มากก็น้อย ขอให้โชคดีค่ะ

 

ในโลกของสมาธิ ของฤทธิ์ ฝั่งฌานฤาษี newamazing ยังเป็นแค่แบเบาะ อย่าพูดอะไรให้ขายหน้าตัวเองเลย

 

ที่จริงไม่รู้จะอวดอ้างไปทำอะไรหรอกครับไรสาระนะครับ ที่พูดคุยอยู่นี่ก็เพราะต้องการสนทนาให้เกิดประโยชน์ในการสนทนาเท่านั้นเอง พอสนทนาไปก็จะได้เห็นไส้เห็นพุงกัน ใครนิสัยอย่างไรเท่านั้นเองจะได้ไปปรับปรุงตัวกัน ผมจะมานั่งให้คนด่าผมทำไม ส่วนผมจะบรรลุหรือไมนั้นผมก็บอกไปแล้วว่าเจออย่างที่เจอนะครับ ไม่ยึดติดหรอกครับ

 

แสดงว่าที่ผมบอกว่ามีสภาพรู้อย่างเดียว นอกนั้นทุกอย่างดับหมดนั้นถูกต้องใช่มั้ยครับ แต่ที่ว่าขณะจิตเดียวนี่ประเด็นนี้ลองพูดคุยกันดูนะครับ ใครจะรับรูทันอะไรในสภาพรู้ว่าไม่มีอะไรไม่มีตัวตนเราเขา ไม่มีอะไรในนั้นเป็นสูญญตา ถ้าเป็นสภาพจิตเดียวจริงจริงใครจะรู้ได้ขนาดนั้นครับลองนึกดูดีๆนะครับ การรับรู้อาจจะทำกิจตั้งแต่ขณะจิตแรกนั้นก็ถูกแต่สภาวะที่สืบเนื่องของนิพพานไม่ดับไปชั่วขณะจิตแน่นอนครับ เพราะนิพพานเป็นธาตุดับกิเลสก็ต้องทำหน้าที่ดับกิเลสเท่าที่กำลังของนิพพานของแต่ละคนที่เข้าถึงหรือกำลังของมรรคจิตนั้นๆ

 

ผมอวดฤทธิ์สักครั้งหรือเปล่ามีแต่อวดปัญญาเรื่องลดละความตระหนี่ เพราะผมไม่รู้จะเอามาทำอะไรฤทธิ์ มีแต่จะทำให้คนอื่นสงสัยอย่างเดียว (ทำได้ไงวะงงว่ะ ) มันก็จะมีแต่ความงงกันไปไม่รู้จักจบอีกคนต่อไปอีกคนอย่างนี้ เอามาทำไรอินทรบุตร พระพุทธองค์ก็ทรงกล่าวว่า (เรารู้สึกอึดอัดขยะแขยงถึงการแสดงฤทธิ์เหลือเกิน ) ผมมีแต่ความหลุดพ้นมาอวด จร๊า!
์

 

ผมจะมานั่งให้คนด่าผมทำไม

คุณนิว ยึด การ สรรเสริญ ยกย้อง อีกหรอครับ นักปฎิบัติ

กิเลส ใน ตัว สุข มันจะหลอกเอานะครับ

ผมไม่ได้ด่าคุณนะครับ แค่ หยิบ หัวข้อ ธรรม ที่คุณเสนอ มาสนทนา เพื่อ แลกเปลี่ยน ข้อ ธรรม ในการปฎิบัติ ครับ

พิจารณาให้ดีนะครับ นักปฎิบัติ

สาธุเจริญธรรม