ใครยังไม่ได้ฌานสนใจเชิญ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 20 สิงหาคม 2013.

  1. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    มันเป็นปัจจัตตังนะครับเรื่องแบบนี้จะใช่ไม่ใช่นิพพานนั้นคงไม่ใช่ปัญหาแล้วครับ ผมจะเล่าสิ่งหนึ่งให้ฟังนะครับสนุกๆ ผมเดินมาไกลมาก จนบางครั้งถามตัวเองว่าที่ไปเรามีมั้ย หาที่ไปไม่ได้จริงๆ วันที่ผมเห็นจิตกับร่างกายหลุดออกจากกัน เมื่อหลุดจากกันก็ปรากฎมิติความว่างที่จิตรับรู้ได้ ปัญญาในขณะนั้นเข้าใจในคำที่ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรแน่แท้ เปลี่ยนแปลง ว่างไม่มีอะไรเลยจักรวาลทั้งจักวาลมีเท่านี้ ชีวิตเท่านี้เอง มันเป็นภาพที่เกิดขึ้นในมโนทวารทั้งหมด และเมื่อผมเลิกนั่งแล้วสักสามชั่วโมงเกิดแสงสว่างปรากฎในมโนทวารต่อมาสว่างมากมีจุดศูนย์กลางเหมือนการอ๊อกเหล็ก ไม่ใช่แสงขาวๆที่ปรากฎในกระบอกตาเหมือนตอนนั่งสมาธิที่ได้ฌาน มันปรากฎสักพักตอนนั้นมีสติอยู่เพราะกำลังฟังธรรมบรรยาย ตื่นเช้ามาสิ่งที่ไม่เคยปรากฎมันก็ปรากฎผมมองไปที่ดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันที่เห็นอยู่ทุกวัน มันไม่ใช่ดวงเดิมซะแล้ว มันใหญ่มาก มากจนรู้ว่ามันไม่ปรกติ และแปลกมากว่าวันที่ฝ้าสดใสไม่มีทางที่จะมีก้อนเมฆได้เลย แต่ก้อนเมฆสีดำก็ลอยอยู่ตรงกลางพระอาทิตย์นั้นเพียงก้อนเดียวในท้องฟ้า มันเป็นเครื่องหมายอะไร อีกหลายปีต่อมาก็ฝึกนั่งสมาธิต่อมา เพราะรู้ว่ากิเลสยังไม่หมด นั่งได้บ้างความสงบเล็กๆน้อย แต่ไม่เคยเจอสิ่งนั้นอีกเลยนั่งขนาดไหนเจ็บขนาดไหนก็ไม่เจอสภาวะนั้นอีก จนมาวันหนึ่งความคิดเดิมก็ปรากฎอีกว่าถ้าเราจะเข้าถึงสภาพนั้นเราคงต้องยอมตายเหมือนครั้งก่อน เริ่มตั้งใจปฎิบัติ ใช่ครับเหมือนครั้งก่อนไม่มีผิดเลยมันช่างเจ็บอะไรขนาดนี้ หัวจะระเบิดแล้ว จะไปต่อหรือจะหยุดเริ่มกลัวเหมือนกัน ถามตัวเองว่าถ้าหยุดก็ต้องเริ่มใหม่ถ้าไปต่อเราจะตายมั้ยแต่เพราะเราเคยผ่านจุดความตายมาแล้วครั้งหนึ่งก้ต้องเดินต่อ และแล้วสิ่งที่ปรากฎนี้เหมือนกันคือรูปนามแยกกันแต่ไม่เป็นภาพเห็นว่าแยกกันเป็นความรู้สึกที่รับรู้ได้เท่านั้นว่าว่างไม่มีร่างกาย อายตนะดับหมดมีแต่ตัวรู้รับรู้แต่ความว่างนี่คือครั้งที่สองที่ผ่านความเจ็บปวดที่แสนรุนแรงหลุดเข้าสภาวะอื่น (ที่หมายความว่าไม่ใช่สภาวะร่างกายธรรมดาเหมือนเราอยู่ปรกติคือมีแต่จิตไม่มีร่างกายทั้สองครั้ง) ท่านอาจมีประสบการณ์
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    newamazing รู้หรือยังหละ ว่าหมวดไหน

    ไม่ใช่หมวดที่ newamazing พูดออกมาหรอกนะ
     
  3. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อิทรบุตร มานะๆๆๆๆๆๆๆ วางบ้างไม่รู้ก็บอกไม่รู้ ผลาดไปก็บอกผลาดไปอย่าดื้อๆๆๆๆ ปิติที่เกิดขึ้นะเข้าจัดอยู่ในหมวดเวทนา
     
  4. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    มันเป็นปัจจัตตังนะครับเรื่องแบบนี้จะใช่ไม่ใช่นิพพานนั้นคงไม่ใช่ปัญหาแล้วครับ
    ตอบ 1 : นั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะบอกกับตัวเอง มันจะใช่หรือไม่ใช่คงไม่ใช่ปัญหา วางมันลงเสีย
    ถ้ายังเพลินอยู่ ยังยึดติดอยู่ เอามาพูดผิดๆถูกๆ ภพชาติมันเกิดทั้งกับตัวเองและผู้อื่นยืดยาวออกไป
    มันจะเสียโอกาส อาจปิดกั้นสิ่งที่เราควรจะได้รู้ได้เห็นที่ยิ่งใหญ่กว่า อย่าพึ่งด่วนสรุป
    แค่รู้ว่ามันเกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ มันเป็นสัญญาไปแล้ว ดูให้ทันสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันดีกว่า
    ………………………………

    ผมจะเล่าสิ่งหนึ่งให้ฟังนะครับสนุกๆ ผมเดินมาไกลมาก
    ตอบ 2 : ความสำคัญมั่นหมายที่ว่า ผมเดินมาไกลมาก ไกลเกินกว่า... ฯลฯ อะไรประมาณนี้นะ
    ยิ่งเข้าไปรู้มากเห็นมาก ยิ่งเกิดความสำคัญมั่นหมายมาก วางไม่ลง เพลิน ทำให้พองโตขึ้นเรื่อยๆ
    วางสิ่งหนึ่งได้แต่ไปยึดมั่นอีกสิ่งหนึ่งอย่างเหนียวแน่น ภพชาติเกิดต่อได้อีกยืดยาว
    หลวงตามหาบัวเรียกสิ่งที่เข้าไปรู้ว่า ต่อมรู้ ต่อมรู้เกิดที่ไหนอวิชชาเกิดที่นั่น
    ………………………………

    จนบางครั้งถามตัวเองว่าที่ไปเรามีมั้ย หาที่ไปไม่ได้จริงๆ
    ตอบ 3 : คุณจะใช้วิญญาณความคิดเข้าไปรู้เรื่องกรรมไม่ได้หรอกค่ะ ว่าที่ไปของคุณจะเป็นเช่นไร
    เพราะมันเป็นไปตามกรรม กรรมไหนจะส่งผลตอนไหนก็ไม่มีใครทราบได้
    กรรมเป็นอจิณไตย มีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะบอกได้
    ………………………………

    วันที่ผมเห็นจิตกับร่างกายหลุดออกจากกัน เมื่อหลุดจากกันก็ปรากฎมิติความว่างที่จิตรับรู้ได้ ปัญญาในขณะนั้นเข้าใจในคำที่ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรแน่แท้ เปลี่ยนแปลง ว่างไม่มีอะไรเลยจักรวาลทั้งจักวาลมีเท่านี้ ชีวิตเท่านี้เอง มันเป็นภาพที่เกิดขึ้นในมโนทวารทั้งหมด
    ตอบ 4 : ปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นนิมิตเกิดจากกำลังของฌานสี่ เกิดได้ทั้งในส่วนของวิชชา
    ส่วนของภพภูมิและอภิญญาต่างๆ มีของแถมให้อีก มันจะมีปรากฏการณ์ต่างๆมาให้เห็นไม่จบไม่สิ้น
    สิ่งที่เข้าไปรู้ไปเห็นนั้น ถ้าบุคคลนั้นอบรมวิปัสสนามาแล้วก็จะเกิดปัญญา เข้าใจได้ถึง
    ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จิตจะเกิดความเป็นกลางต่อสังขารทั้งปวง
    ความยินดี ยินร้าย ความพอใจ ไม่พอใจ จะจางคลายๆไปเรื่อยๆ สู่ความสงบ ว่าง
    เป็นอารมณ์อุเบกขาสัมโพชฌงค์ (สังขารุเปกขาญาณ) อารมณ์ตรงนี้แหละให้จดจำไว้ ให้ดีๆ
    ทรงสภาวะนี้อารมณ์นี้ให้เกิดขึ้นบ่อยๆ มันเป็นอนิจจสัญญา ที่เป็นส่วนของวิชชา ทางหลุดพ้น
    ทำให้เกิดขึ้นเนืองๆ ทำให้มาก เจริญให้มาก กระทำประดุจเป็นฌาณ
    ขอเน้นว่า ต้องทำให้มาก เจริญให้มาก ธรรมจะไหลไปสู่ธรรมเอง
    เมื่อศักยภาพ ของสมถะพละ กับ วิปัสสนาพละ มันสมดุลกัน สมังคีกัน
    มันจะทำให้เกิดวิปัสสนาญาณ เป็นทางแห่งความหลุดพ้น
    ………………………………

    และเมื่อผมเลิกนั่งแล้วสักสามชั่วโมงเกิดแสงสว่างปรากฎในมโนทวารต่อมาสว่างมากมีจุดศูนย์กลางเหมือนการอ๊อกเหล็ก ไม่ใช่แสงขาวๆที่ปรากฎในกระบอกตาเหมือนตอนนั่งสมาธิที่ได้ฌาน มันปรากฎสักพักตอนนั้นมีสติอยู่เพราะกำลังฟังธรรมบรรยาย
    ตอบ 5 : กำลังของฌานสี่ยังทรงตัวอยู่ ปรากฏการณ์ต่างๆก็เกิดขึ้นได้ เป็นอาการของจิต
    หลังจากนั่งสมาธิแล้วตอนที่ถอยออกจากฌาน ตอนนี้แหละที่ควรทำการเจริญวิปัสสนา
    พิจารณาธรรม เพราะกำลังของฌานสี่ยังทรงตัวอยู่ จะทำให้สามารถเข้าถึงธรรมได้ง่าย
    ถ้าคุณนิวปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ มีวินัย ทำจนเป็นนิสัย ให้กำลังฌานสี่ทรงตัวอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง
    เป็นวันเป็นเดือน เป็นปี จุดหมายปลายทางที่หวังก็อาจจะอยู่ไม่ไกลก็ได้นะค่ะ
    ………………………………

    ตื่นเช้ามาสิ่งที่ไม่เคยปรากฎมันก็ปรากฎผมมองไปที่ดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันที่เห็นอยู่ทุกวัน มันไม่ใช่ดวงเดิมซะแล้ว มันใหญ่มาก มากจนรู้ว่ามันไม่ปรกติ และแปลกมากว่าวันที่ฝ้าสดใสไม่มีทางที่จะมีก้อนเมฆได้เลย แต่ก้อนเมฆสีดำก็ลอยอยู่ตรงกลางพระอาทิตย์นั้นเพียงก้อนเดียวในท้องฟ้า มันเป็นเครื่องหมายอะไร
    ตอบ 6 : เวลาฟ้ากระจ่างสดใส รัศมีของดวงอาทิตย์มันส่องสว่างออกมาได้เต็มที่
    ไม่มีอะไรมาบดบังรัศมีที่แผ่กระจายออกมา มันเลยทำให้ดวงอาทิตย์ดูใหญ่ผิดปกติ
    บนชั้นบรรยากาศมันมีแรงลมแรงกดอากาศ เมฆมันก็ถูกพัดพามาได้ทั้งนั้นแหละ
    อย่าไปปรุงแต่งเมฆที่มันไม่เที่ยงเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ให้มันพิเศษ เข้าทางกิเลสเลย
    ………………………………

    อีกหลายปีต่อมาก็ฝึกนั่งสมาธิต่อมา เพราะรู้ว่ากิเลสยังไม่หมด นั่งได้บ้างความสงบเล็กๆน้อย แต่ไม่เคยเจอสิ่งนั้นอีกเลยนั่งขนาดไหนเจ็บขนาดไหนก็ไม่เจอสภาวะนั้นอีก จนมาวันหนึ่งความคิดเดิมก็ปรากฎอีกว่าถ้าเราจะเข้าถึงสภาพนั้นเราคงต้องยอมตายเหมือนครั้งก่อน เริ่มตั้งใจปฎิบัติ ใช่ครับเหมือนครั้งก่อนไม่มีผิดเลยมันช่างเจ็บอะไรขนาดนี้ หัวจะระเบิดแล้ว จะไปต่อหรือจะหยุดเริ่มกลัวเหมือนกัน ถามตัวเองว่าถ้าหยุดก็ต้องเริ่มใหม่ถ้าไปต่อเราจะตายมั้ยแต่เพราะเราเคยผ่านจุดความตายมาแล้วครั้งหนึ่งก้ต้องเดินต่อ และแล้วสิ่งที่ปรากฎนี้เหมือนกันคือรูปนามแยกกันแต่ไม่เป็นภาพเห็นว่าแยกกันเป็นความรู้สึกที่รับรู้ได้เท่านั้นว่าว่างไม่มีร่างกาย อายตนะดับหมดมีแต่ตัวรู้รับรู้แต่ความว่างนี่คือครั้งที่สองที่ผ่านความเจ็บปวดที่แสนรุนแรงหลุดเข้าสภาวะอื่น (ที่หมายความว่าไม่ใช่สภาวะร่างกายธรรมดาเหมือนเราอยู่ปรกติคือมีแต่จิตไม่มีร่างกายทั้สองครั้ง) ท่านอาจมีประสบการณ์

    ตอบ 7 : เพราะคุณปฏิบัติไม่ต่อเนื่อง คุณจึงต้องใช้พละกำลังมากมายในการนั่งแต่ละครั้งเพื่อให้เห็นผล
    ก็เหมือนทางเดินนั่นแหละถ้าคุณถากถางทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เพียงพอ มีวินัย ทำจนเป็นนิสัย
    ก็ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ทุกๆการกระทำ มันเกิดผลทั้งนั้นเพียงแต่เรามองไม่เห็นในเวลานั้น
    จึงทำให้ขี้เกียจมีข้ออ้างต่างๆนาๆ พอเจอทุกข์อยากพ้นทุกข์จึงฮึดขึ้นสู้ ก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา
    ต้องเสียเวลาถากถางสิ่งกีดขวาง มัวแต่ทุ่มแรงฟาดฟัน เลยไม่ทันเห็นอาการของสิ่งที่เข้าไปฟาดฟัน
    บางครั้งอาจเห็นกายแยกแล้วสลายไปกับดิน กายระเบิดละเอียดสลายหายไปกับอากาศ
    บางคนเห็นแยกเป็นส่วนๆ เป็นธาตุ ฯลฯ มันจะมีปรากฏการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นให้เห็นไม่จบไม่สิ้น
    ปรากฏการณ์ต่างๆที่ปรากฏนั้นก็เป็นความหมายเดียวกันกับที่ได้กล่าวไว้ในคำตอบ 4
    ………………………………
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2013
  5. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    จะเล่าประสบการณ์ตอนหนึ่งให้ฟัง

    ตอนนั้นอยู่ ม.3 กำลังของฌานสี่ทรงตัวมาเป็นปีแล้ว แต่ไม่เคยรู้เรื่องว่ามันคืออะไร
    น้อมไปคิดวิชาคณิตศาสตร์ได้ทุกขณะ เวลาเรียนจะตั้งใจฟังจำหน้ากระดานที่ครูเขียนและคำสอนได้เกือบหมด
    จดแต่หัวข้อแล้วมาขยายเอาทีหลัง เวลาทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ต้องวิธีทำอย่างละเอียดทุกขั้นตอนและ
    สูตรก็ต้องยกมาทุกสูตรจนจำสูตรเพื่อให้เพื่อนที่มาลอกได้เข้าใจโดยที่เราไม่ต้องอธิบายซ้ำ จนจำสูตรได้แม่นยำ
    มันเลยเป็นวสีให้กับฌานสี่ จึงนำมาใช้กับวิชาคณิตศาสตร์ได้

    แต่ไม่เคยน้อมไปใช้ด้านอื่นเพราะไม่รู้เรื่องว่าสิ่งที่อยู่ในตัวเราคืออะไร
    เวลาปรากฏการณ์ต่างๆเกิดขึ้นจึงได้แต่ดูได้แต่รู้เฉยๆ ไม่เคยทำซ้ำ เห็นแล้วก็ผ่านไป
    กำลังของฌานสี่จะทำให้เราปราศจากนิวรณ์ จิตจะสงบลุ่มลึกสุขเย็นภายใน
    มีอยู่วันหนึ่งไปเที่ยวต่างจังหวัดนั่งรถไปกับญาติๆ มองดูข้างทางเพลินๆ
    จิตมันรู้ตัวทั่วพร้อมมันรู้ขยายไปยังล้อรถนับได้ว่าล้อมหมุนกี่ลอบแล้ว
    รู้ลงไปยังพื้นดิน รู้ลงไปยังแผ่นดินแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ยังต้นไม้ใบหญ้า
    ประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใบไม้หล่นก็รู้สึกได้ ต้นไหนหล่นก็รู้
    ซูมเข้าไปดูได้ด้วย ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมเดิมมันรู้แค่ตัวเราเอง
    แต่นี่มันรู้สึกรวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังฌานไปถึงมารวมเป็นรู้สึกอยู่ในตัวเรา
    สิ่งใดเคลื่อนไหวรู้ได้หมด พอมองดูท้องฟ้าเราก็เป็นส่วนเดียวกับท้องฟ้า
    มองลงมาเห็นหมดฟ้าไปถึงไหนเราก็รู้ได้ไปถึงนั่นด้วย มันตราตรึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    มันสงบเย็นลุ่มลึกยิ่งกว่าสัมผัสอากาศตอนเช้าแล้วมีน้ำค้างลงมันสุขหาสิ่งเปรียบไม่ได้ ฯลฯ
    แล้วก็เข้าสู่สภาวะปกติ ก็ได้แต่รู้ ได้แต่ดู มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นกับชีวิตมากมาย

    วันหนึ่งคนที่ตายไปแล้วเขามาหา ไม่เคยนั่งสมาธิ และนอนก็ไม่ค่อยฝัน เขาเลยมาให้เห็น
    ต่อหน้าต่อตา พอเราเห็นเขาด้วยตาเปล่าจิตเราจะเข้าสู่ภพภูมิของเขาแล้วคุยกันทางจิตแล้วเขาก็ไป
    แล้วเข้าสู่สภาวะปกติ ก็ได้แต่อึ้ง เออนะอย่างนี้ก็มีด้วย
    ตอนนั้นยังไม่เคยศึกษาธรรมะ ถ้าศึกษาธรรมะก็คงจะว่าคิดว่าตัวเองนิพพานไปแล้วแน่นอนเลย

    แล้วต่อมาอีก มีคนทำให้เราตายแต่ฟื้นขึ้นมา ยังไม่เคยโกรธเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะกำลังฌานยังอยู่
    แต่พอผ่านไปหลายปีกำลังฌานเริ่มเสื่อมถอยคนที่ทำให้เราตายที่ไม่โกรธเขาเลย เรากลับมาโกรธเขาขึ้นมาซะงั้น
    ความโกรธแค้นกลับมาปรากฏเพราะใช้ชีวิตยากขึ้น กำลังฌานอ่อนแรง นิวรณ์จึงเข้ามาแทนที่ได้ง่ายดาย
    ความทุกข์ความโศกจึงโหมเข้ามา หลังจากนั้นจึงได้ทำวิปัสสนา ระลึกถึงความตายความไม่เที่ยง
    จนความรู้สึกว่าไม่เที่ยงมันเข้าถึงจิตเข้าถึงใจ คลายออกๆ จนเป็นฌานขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านไปประมาณ 7 ปี
    จึงเกิดวิปัสสนาญาณ จึงเห็นความแตกต่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2013
  6. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ท่านจะเห็นได้ว่าฌานสี่นั้นรูปนามยังไม่ดับเลย ส่วนที่ผมเจอนั้นแตกต่างตรงที่ว่าผมเรียนรู้การวิปัสนาและในขณะนั้นผมกำลังพิจารณารูปนามอยู่เห็นการเกิดดับของรูปและนามอยู่ในขณะนั้นแต่ความเจ็บ ปวดถึบแข็งตึงนี่เองที่ไม่สามรถทำให้ตัวธาตุคงสภาพเดิมได้ กายจึงแยกจากจิตปรากฎภาพในมโทวาร เห็นสภาวะสูญญตาเิกดตามมาทันที

    ตรงนี้กิจการงานที่ผมกระทำอยู่แตกต่างจากท่าน ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำไปจริงมั้ยว่าอะไรเกิดกับท่านในขณะนั้นตอนที่ท่านยังเด็ก เพราะท่านไม่ได้เรียนรู้สิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย สมาธิที่เกิดกับท่านนั้นจึง้ป็นแค่มิจฉาสมาธิ ซึ่งบริบทที่แตกต่างจากผมสิ้นเชิงที่ผมกำลังทำกิจการงานอยู่คือวิปัสนาผลออกมาจึงแตกต่างกัน และในบรบทนี้คือทำให้ผมหายสงสัยในการเกิดของรูปนามคืออนิจจังทุกขังอนัตตา

    นี่คือปัญญา ปัญญาที่รู้จักความจริงตลอดสาย ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ปรากฎกับคุณนั้นเป็นเพียงสมาธิซึ่งไม่ได้ให้พุทธปัญญาในขณะนั้นกับคุณ ส่วนผมได้ทำลายความสงสัยในคำสอน จึงทำให้ชีวิตเกิดความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการปฎิบัติอย่างแท้จริง และทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ผมได้เิดนบนเส้นทางนี้ ด้วย ทาน ศิล ภาวนา มาตลอด10กว่าปี และมั่นคงบนเส้นทางนี้อย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง และฌานสี่กับนิพพานก็ต่างกัน เพราะนิพพานดับสังขารทั้งหมด แต่ฌานสี่นั้นยังดับสังขารไม่ได้หมดครับเพียวแต่ดับวจีสังขารได้เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2013
  7. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    มั้งหมดเป็นคำตอยที่เป็นจินตนาการของคุณทั้งหมดนะไม่ถูกและไม่ผิดในความคิดคุณนะครับ แต่กต่างกันมากนะครับฌานสี่กับนิพพาน แค่บริบทการประจักษ์ก็แตกต่างกันแล้วครับระหว่างคุณกับผมในสมัยที่คุณยังไม่รู้เรื่องพวกนี้ ส่วนผมเบื่อหน่ายในวัฎฎะจนหาทางออกจากมัน และสิ่งที่คุณบอกมาทั้งหมดว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เกิดเพราะเหตุนั้นเหตุนี้ผมเข้าใจทุกอย่าง ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็นและประสบการณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2013
  8. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    ปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นที่เล่าไปทั้งหมดนั้น
    เวลามันเกิดขึ้น ในขณะนั้นทุกอย่างมันดับหมด เมื่อจบปรากฏการณ์นั้นแล้ว
    จิตก็ขึ้นสู่วิถี มันจึงเข้าสู่สภาวะปกติของขันธ์๕ ค่ะ

    คนที่เขารู้จริงๆ คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากมายขนาดนี้

    ก็แค่นี้แล้วกัน จบเรื่องนี้เพียงแค่นี้ค่ะ
     
  9. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ใช่ครับทุกอย่างก็เข้าสู่ความเป็นปรกติ ขันธ์5 และที่อธิบายก็คือคุณเอาฌานสี่มาเป็นเรื่องราวมันไม่ตรงกันเลยกับนิพพาน
     
  10. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    การรู้สภาวะ แต่ไม่รู้จักว่ามันเป็นอะไร มันชื่ออะไร ก็ไม่เห็นแปลก

    อย่างเช่น

    2 คนนั่งเครื่องบินไปด้วยกัน คนหนึ่งรู้ว่ามันเป็นเครื่องบิน อีกคนหนึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นเครื่องบิน
    แต่พอตกหลุมอากาศ ทั้งสองคนก็รับรู้ถึงสภาวะเดียวกันได้

    เป็นเด็กยิ่งไม่มีสิ่งปรุงแต่งใดๆ เห็นตามที่เห็นตามที่รู้

    และ 7 ปีทำวิปัสสนาเหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังเกิดขึ้นให้เห็น แต่จะแตกต่างออกไปมีองค์ประกอบเพิ่มขึ้น
    แต่จะไม่ขอกล่าว แต่ดูได้จากธรรมที่ได้เคยแสดงไปตามกระทู้ต่างๆ เพราะจะเป็นผลเสียต่อศาสนามาก
    ให้ปฏิบัติแล้วเห็นเองดีกว่า

    ที่ว่าจะเกิดผลเสีย เพราะตั้งแต่เข้ามาในเว็บศาสนา มีคนเขาเห็นอะไรบางอย่าง
    ในตัวเรา แล้วเขาจะเอาเราไปเป็นกำลังของเขาเพื่อสืบทอดเจตนารมย์ของเขา
    ซึ่งมันทำลายศาสนาพุทธ และเขายังตามเราไม่เลิก มาทุกรูปแบบทุกวิถีทาง
    เพื่อจะเอารายละเอียดในส่วนนี้ ขอพูดเพียงเท่านี้


    ส่วนคุณนิวจะคิดเช่นไรก็ไม่ว่ากัน เมื่อเหตุป้จจัยเปลี่ยน ความคิดเห็นก็เปลี่ยนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2013
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ทุกผัสสะมันก็กลายเป็นเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งนั้นแหละครับ
    อย่าลืมนะครับเวทนานุปัสสนา มีสุขเวทนา ทุกขเวทนา ไม่สุขไม่ทุกข์

    การยัดเยียดบอกว่า ต้องทำแบบนี้จึงจะเป็นเวทนานุปัสสนา นี่มันกล่าวตู่คำสอนพระพุทธองค์นะครับ เพราะท่านก็กล่าวไว้ชัดเจนที่สุดแล้วในพระไตรปิฎก คุณจะยังเถียง แถ ยัดเยียด อย่างไร มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนข้อความในพระไตรปิฎกได้ครับ
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมเห็นคุณเล่ามาว่าเจอสภาวะอะไรตั้งแต่เด็กแล้วคุณก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนั้นแหล่ะคือการที่ไม่รู้อริยสัจนั้นเอง แต่สภาวะที่คุณได้มานั้นก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองในอนาคตถ้าคุณยังคงรักษาสถานะนั้นได้ตลอดเพราะตรงนั้นจะเป็นธรรมที่สะดวกสบายต่อการปฎิบัติเพื่อเข้าถึงธรรมในกาลต่อไป

    อาจจะเป็นนานขนาดไหนหรือเร็วขนาดไหนก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ผมไม่ได้กล่าวว่าเรื่องไรสาระ มันมีสาระมากด้วยซ้ำไปเพราะ โลกีย์ฌานนั้นมันก็เป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดในโลกแล้ว หาคนที่จะได้มันมาก็หาแทบไม่มีจะมีสักกี่คนบนโลกนี้ แต่อริสัจที่เป็นความจริงก็ต้องเกิดจากการเข้าใจและเข้าถึง เมื่อคุณศึกษาอริสัจคุณก็เอาประโยชน์จากสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วต่อยอด ความสำเร็จที่คุณพึงหวังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
     
  13. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เห็นเพื่อนที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ตกม้าตายตรงนี้เยอะมากๆ

    ตรงที่ว่า ไปเอะใจกับอะไรแล้วทึกทักเอา
    แล้วไหลหลงไปกับสิ่งที่ทึกทักเอา

    สำคัญไปว่า
    เป็นสัญญาเก่าบ้างล่ะ
    เคยมีของเก่าบ้างล่ะ
    เคยเป็นคู่กันมาบ้างล่ะ
    องค์นั้นองค์นี้บ้างล่ะ
    หากคู่กรณีไม่ได้เป็นอย่างที่ทึกทักเอา

    กรรมของความไปยัดเยียดให้คู่กรณีให้เป็นอย่างที่เราทึกทักเอา
    อันนี้ตัวแสบ

    จิตที่เดินวิปัสนาได้ ความสะดุ้งจากของดำมันไม่มี
    ในทางกลับกัน กลับกลายเป็นปุ๋ยให้ออกดอก ออกผลได้เร็วขึ้นอีกตะหาก

    สูตร 12 12 12
     
  15. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    ไม่ได้มาทางสายดำนะคะ
    ไม่ได้ทึกทักเอาเองด้วยค่ะ ของจริงเลยค่ะ ตัวเป็นๆคุยกันด้วยตัวหนังสือ
    ได้เสียเวลาเข้าไปแล้วปีกว่าๆ กว่าจะออกมาได้ประมาณ 2 ปี
    บาดเจ็บเจียนตาย อิอิอิ

    แต่อีกความรู้สึกก็คือ ถ้ามีคนเข้าถึงธรรมเยอะๆ ก็จะทำให้ศาสนารุ่งเรือง
    และเข้มแข็งขึ้น ข้อนี้ก็ตรองอยู่ค่ะ

    ขอคารวะและเห็นด้วยกับความคิดเห็นของท่าน ปราบเทวดา สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2013
  16. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    เห็นใครๆ เรียกว่า bigtoo คงจะเป็นคนเดียวกัน
    ไปเจอเลยเอามาฝาก อ่านเล่นสนุกๆ แล้วกันนะ อิอิอิ
    จิตที่ไม่เป็นกลาง ไม่มีทางพบนิพพานจะเป็นเส้นขนานกับนิพพาน

    [​IMG]

    [​IMG]

    แสดงกระทู้ - รู้จักbigtoo มาแล้ว ที่นี้รู้จักกระแสนิพพานแบบbigtoo • ลานธรรมจักร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ในเว็บนี้เขารู้กันทุกคนแล้ว ยกมาทำอะไรเพื่ออะไรดูจิตตนเองด้วยนะครับ
     
  18. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    เอามาให้ดูว่า
    สิ่งที่คุณเคยพูดไว้นานแล้ว กับเอามาพูดตอนนี้ มันไม่อยู่กับร่องกับลอยเดิม
    มันปรับเปลี่ยนให้เข้าทางของตนเอง เท่านั้นค่ะ

    จิตที่ถึงนิพพานได้จะต้องประกอบไปด้วย สังขารุเปกขาญาณ เท่านั้น
    เป็นจิตที่มีความเป็นกลางต่อสังขารทั้งปวง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2013
  19. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    มันต่างกันตรงไหน ในเว็บนี้ผมก็เขียน ใครๆเขาก็เคยอ่าน คุณไม่เข้าใจในทุกสิ่งก็อาจจะยังงงอยู่มั้ง
     
  20. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    คงจะไม่พูดอะไรอีกแล้วค่ะ ที่พูดไปเพราะหวังดี
    ต่อไปไม่พูดแล้วค่ะ ปล่อยแล้วค่ะ

    สิ่งที่คุณควรระวังคือ สิ่งที่นำมาโพสกรรมต่อสาธารณะมันมีผลมากเป็นทวีคูณ
    หากผิดต่อหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า(โดยที่คุณไม่รู้ตัว)ด้วยแล้ว
    มันจะปิดทางมรรคผลของคุณเอง

    ไปแล้วน๊าๆจ๊ะๆ ไม่รบกวนแล้วแหละ อิอิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...