เมตตาบารมี หลวงพ่อกวย หลวงปู่ละมัยแท้ๆๆ หลวงพ่อเจิมวัดหอยรากและประวัติปาฎิหาริย์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย mummamman, 12 กันยายน 2013.

  1. sierra Juan

    sierra Juan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +30
    ขอราคารายการ 6,7,9 ครับ
     
  2. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    ราคาตอบ PM ให้ทุกท่านแล้วนะครับ ขอบพระคุณทุกท่านที่สนใจครับ
     
  3. กองฟืน

    กองฟืน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอจองรายการที่ 1 ค่ะ
     
  4. กองฟืน

    กองฟืน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอจองรายการที่ 3 ด้วยค่ะ
     
  5. นายดีเลย

    นายดีเลย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +84
    ขอราคารายการที่9ด้วยครับ
     
  6. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    PM ราคาไปให้ทุกท่านแล้วนะครับ คืนนี้จะจัดลงแบบเน้นๆอีกเช่นเคยครับท่าน

    เอาแบบหัวๆๆไปเลยครับ รับประกันแท้ สบายใจครับ จริงใจรับใช้บริการ
     
  7. jaturong_tae

    jaturong_tae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,246
    ค่าพลัง:
    +2,810
    ขอทราบราคารายการที่ 3 , 8 ครับ
     
  8. กองฟืน

    กองฟืน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +66
    แจ้งโอนเงินค่ะ ที่อยู่จัดส่งใน PM ค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    รายการที่ 11. หัวคตปรอท กายสิทธิ์ธาตุ หลวงปู่ละมัย เพชรบูรณ์ หายาก ขอยกเลิกครับเก็บไว้บูชาเองครับ คตปรอทตาวัวชิ้นนี้

    หัวคตปรอท กายสิทธิ์ธาตุ หลวงปู่ละมัย สำนักสวนสมุนไพร เพชรบูรณ์

    ปรอทเป็นธาตุกายสิทธิ์อีกชนิดหนึ่ง เป็นธาตุอ่อนที่เคลื่อนตัวไปมาได้ มีอานุภาพดุจธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล

    สามารถคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆได้ ป้องกันภูตผีปีศาจ กันคุณไสย มนต์ดำ และสามารถนำมารักษาโรคได้ โดยวิธีหนึ่งที่เป็นตำรามาแต่โบราณคือ นำมาเสกเข้ามือโดยใช้พลังจิต นอกจากนี้ก็จะใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุ เพื่อให้ปรอทแข็งตัว เพื่อสะดวกในการใช้และการพกติดตัว

    ผู้ที่มีวิชาสามารถหุงปรอทให้แข็งตัวได้มีหลายท่าน ส่วนใหญ่จะหุงกันเพียงเนื้อเดียว คือเนื้อธรรมดา ที่เรามักพบกันทั่วไป คือเนื้อที่เป็นสีเงินวาว เหมือนปรอท เนื้อไม่แข็งมาก จับแล้วมีคราบสีดำติดมือ ขอเรียกว่าปรอทหุงเนื้อธรรมดา

    เท่าที่ทราบมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่สามารถทำปรอทเนื้ออื่นๆได้ คือ "หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน สวนป่าสมุนไพร เพชรบูรณ์" คือท่านทำปรอทออกมาหลายเนื้อ เช่น ปรอททองคำดำ ปรอทชมพูนุช ปรอทเพชร และคงมีอีกหลายเนื้อทีเราไม่ทราบ

    ยังได้รู้จัก "คตปรอท" ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ค้นพบในถ้ำและได้นำออกมาปลุกเสกมอบให้ญาติโยม โดยหลวงปู่จะนำออกมาเจียรเป็นชิ้นเล็กๆขนาดประมาณเมล็ดข้าวสาร ฝังบริเวณใต้ท้องแขนให้แก่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ และผู้ที่มีอาชีพเสี่ยง เช่น ตำรวจ ทหาร

    ส่วนขนาดใหญ่ หรือ คตปรอทหัวแหวน ผู้ที่ได้รับไปก็จะนำไปทำเป็นหัวแหวน (มีน้อยมาก)

    " คตปรอท" คือ เครื่องรางกายสิทธิ์อย่างหนึ่ง เป็นปรอทศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งตัวเองตามธรรมชาติ จะมีหลายสี ดำ เงิน ทอง สีน้ำตาลมีเกร็ดเพชร ขึ้นอยู่กับปรอทกินธาตุใดเข้าไปมาก อานุภาพดีทาง คุ้มครองป้องกันภัย เตือนภัย เหมือนเช่นเหล็กไหล และยังสามารถปรับธาตุในกายให้สมดุลย์ได้

    หลวงปู่ละมัย สำนักสวนสมุนไพร จ.เพชรบูรณ์ท่านเป็นพระเกจิผู้สำเร็จวิชาปรอท ท่านเป็นผู้ค้นพบคตปรอทและนำคตปรอทออกจากถ้ำมาได้ ท่านจะกล่าวถึงและสรรเสริญคตปรอทมาก ท่านว่า "เหล็กไหลก็แค่เหล็ก มันจะสู้ปรอทได้ไง" คตปรอทที่มีสีออกดำเชื่อกันว่าคตปรอทดำนี้ได้กินทองคำจนอิ่มแล้วจึงเข้าไปแทรกตัวในหินดำ เพื่อบำเพ็ญเพียร

    หลวงปู่ละมัยท่านเคยเล่าไว้ว่าในอดีตตอนธุดงค์ไปทางสุพรรณในสมัยนั้น พวกเสือปล้นต่างๆมาขอท่านฝังให้ คนที่ฝังคตนี้ ไม่มีใครตายโหงสักคนปืน มีด ดายไม่ได้กินลือด และยังช่วยปรับธาตุในร่างกายอีกด้วย

    หลังจากที่หลวงปู่ละมัยได้มรภาำพไปแล้ว ไม่พบว่า ใครหา คตปรอท มาได้

    กล่าวกันว่า ปรอทหลวงปู่ละมัย ของท่านดีจริงครับขนาด พระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร หรือ หลวงตาม้า แห่งวัดถ้ำเมืองนะ ผู้สืบทอด วิทยาคมทั้งหมดมาจาก พระพรหมปัญโญ หรือ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ยังพกติดย่ามไว้เลยครับ

    หลวงตาม้า ท่านกล่าวว่า ปรอทของหลวงปู่ละมัย กันไข้ป่าดีนักแล

    เช่ามาวัดสมัยหลวงปู่ยังอยู่ครับ ขนาดของคตปรอทนี้ กว้าง 8 มิล ยาว 10 มิล

    สูง 5 มิล แปลกตรงที่คตปรอทนี้จะไม่ออกสีเงินจะออกเหลือบสีทองครับ

    น่ากินแร่ทองเข้าไปครับ เพราะเช่ามาจากวัดก็ราคาสูงแล้วครับ

    ของกายสิทธิ์เหนือโลก อยู่ที่วาสนาจึงได้ครอบครอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  10. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    รายการที่ 12. เหล็กไหลฤาษี วัดถ้ำแฝด ขนาดพอเหมาะสำหรับทำหัวแหวน


    ฤาษีจากเขาบรมโกฐ
    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ เดือน พฤษภาคม 2540 ผู้พิพากษาหนุ่มจาก ธัญญบุรี ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่วัดถ้ำแฝด และได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับ หลวงพ่อวัชระ ปรากฏว่าท่านผู้นี้เป็นนักปฏิบัติธรรมที่มีภูมิจิตภูมิธรรมสูงพอสมควร จนสามารถเข้าออกจากฌาณได้อย่างคล่องแคล่ว เคยสื่อกับ “หลวงปู่เทพโลกอุดร”และได้รับคำสั่งสอนทางธรรมจากท่าน จนมีพลังจิตกล้าแกร่งพอสมควรสามารถตรวจสอบพุทธคุณและพลังจากธาตุกายสิทธิ์ต่าง ๆ ได้ดีมาก
    ภายหลังได้สนทนาธรรมกันนานพอสมควร หลวงพ่อวัชระจึงได้มอบ “เหล็กไหลฤาษี” ของวัดถ้ำแฝด ขนาดเม็ดหนำเลี๊ยบไป 1 องค์ เมื่อได้สอบถามถึงเรื่องราวและความเป็นไปของเหล็กไหลชุดนี้ได้พอสมควร จึงได้เริ่มอธิษฐานจิตขอชมบารมีของเหล็กไหลองค์ที่มอบให้นี้ทันที
    ชั่วอึดใจใหญ่เท่านั้นเอง มือที่กำลังอัญเชิญ “เหล็กไหลฤาษี” ก็ค่อย ๆ ชูสูงขึ้น แล้วสบัดขึ้นสูงลงต่ำ กวัดแกว่งด้วยท่าทีที่สวยงาม บางครั้งมาหยุดอยู่ที่หน้าอก แล้วก็ค่อยเลื่อนชูขึ้นเหนือศรีษะ ส่วนนัยตาคงหลับพริ้มเหมือนคนนั่งสมาธิ เพียงครู่ต่อมาอาการเหล่านี้ก็ค่อยเบาลง เห็นท่านผู้พิพากษาค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจคลายมือและสมาธิออก
    พอลืมตาขึ้นท่านก็กล่าวกับหลวงพ่อวัชระว่า แรงเหลือเกิน รับพลังของท่านไม่ไหว รู้สึกถึงพลังอันหนักหน่วง พุ่งลงสู่ทรวงอกจนรู้สึกอึดอัด แน่นหน้าอกจนทนไม่ไหว จำเป็นต้องอาราธนาท่านให้คลายก่อน และดีเด่นทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาอำนาจ แคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุดและโชคลาภ ใครมีบูชาไว้จะไม่จน สามารถคุ้มครองผู้บูชาติดตัวไว้ให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ทั้งอมนุษย์ ทั้งหลายไม่กล้ามากล้ำกราย
    ต่อมาประมาณ 2 สัปดาห์ ท่านผู้พิพากษาผู้นี้ได้ย้อนกลับมาที่วัดถ้ำแฝดอีกครั้งหนึ่ง และได้รายงานหลวงพ่อวัชระให้ทราบถึงเรื่องราวประหลาดอันเกิดจากการได้บูชา “เหล็กไหลฤาษี” องค์ดังกล่าวว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ได้นำเหล็กไหลไปตั้งบูชาไว้ที่หน้าโต๊ะหมู่อย่างดี และปกติก็จะนั่งกรรมฐานที่หน้าโต๊ะหมู่บูชานี้เป็นประจำ
    จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันพระ ขณะที่กำลังนั่งสมาธิตามปกติ ก็ได้พบปู่ฤาษี 2 ตนมาปรากฏอยู่ ในนิมิตร องค์หนึ่งแต่งกายนุ่งห่มด้วยชุดคล้ายลายเสือ อีกองค์หนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีขาว ได้ให้คำแนะนำและอบรมสั่งสอนในเรื่องราวต่าง ๆ หลายอย่าง ในนิมิตขณะนั้นได้กราบเรียนถามท่านไปว่า หลวงปู่มีนามว่าอะไร และอยู่ที่ไหน
    ปู่ฤาษีท่านได้ตอบว่า ท่านชื่อ “โสกัญจะ” ส่วนอีกองค์หนึ่งท่านชื่อ “ยัสสีสะ” เป็นมหาฤาษีผู้บำเพ็ญฌาณอยู่เขาบรมโกฐ ท่านทั้งสองเป็นผู้ที่รักษาเหล็กไหลชุดนี้อยู่
    ปู่ฤาษีโสกัญจะ ท่านนุ่งห่มเป็นหนังเสือดาว แต่ออกเป็นสีขาว ซึ่งแสดงถึงญาณบารมีท่านสูง จนรังสีกายปรากฏสว่างขาวจนนึกว่าท่านนุ่งห่มด้วยชุดขาว
    ปู่ฤาษี ยัสสีสะ ท่านนุ่งห่มเป็นหนังเสือดาว สีย้อมฝาดเป็นสีกลักเหมือนจีวรพระ
    ในคืนต่อมาได้นิมิตถึง “หลวงปู่โลกอุดร” ท่านมาแนะนำในเรื่องการปฏิบัติตามปกติ ก่อนจะไปได้บอกกับ ท่านผู้พิพากษาว่า “แต่นี้ไปหลวงปู่คงจะไม่ค่อยได้มาสอนอีก ให้เรียนวิชาจากครูใหม่ทั้ง 2 องค์ เพราะท่านเก่งทั้งด้านฤทธิ์และอภิญญา”
    การบูชาเหล็กไหลฤาษี
    การบูชาเหล็กไหลฤาษี
    จากการบอกเล่าถึงพิธีกรรมในการอัญเชิญเหล็กไหลฤาษีไปบูชาที่บ้านนั้น ท่านผู้พิพากษาผู้นี้ได้เล่าว่า เมื่อได้รับ “เหล็กไหลฤาษี” จากหลวงพ่อวัชระไปแล้ว ก็ได้จัดเครื่องบูชาต้อนรับ “ปู่ฤาษี” เข้าบ้านทันที ประกอบด้วยสิ่งของดังนี้

    · จัดตั้งขันธ์ 5 บูชาครู ประกอบไปด้วย ผ้าขาวหรือแพรขาว 1 ผืน ยาว 1 วา

    · กรวยใบตอง 5 คู่ สำหรับใส่เทียนขาวและดอกไม้ขาว จัดเรียงในถาดหรือพานขันธ์ 5

    · บายศรีพรหม 1 คู่

    · น้ำผึ้งแท้ บรรจุภาชนะมีฝาปิด หรือ ใส่ถ้วยแก้วเล็ก ๆ พอประมาณ

    · กล่าวอัญเชิญเทพพรหมเทวา แล้วสวดต่อด้วยบท อาทิตตะปริยายะสุตตัง ถวายแด่ปู่ฤาษีเหล็กไหล

    กล่าวอัญเชิญเทวดา

    · สะมันตา จักกะวาเฬสุ อัตราคัจฉันตุ เทวะตา

    สัทธัมมัง มุนิราชัชสะ สุณันตุ สัคคะโมกขะทังฯ

    · สะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง

    ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ

    ผะริตวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา

    อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ

    · สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน

    ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต

    ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา

    ติฏฐันตา สันติเกยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุฯ

    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา

    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา

    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตาฯ

    · นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    อาทิตตะปะริยายะสุตตัง

    · เวเนยยะทะมะโนปาเย สัพพะโส ปาระมิง คะโต

    อะโมฆะวะจะโน พุทโธ อะภิญญายานุสาสะโก

    จิณณานุณูปะโต จาปิ ธัมเมนะ วินะยัง ปะชัง

    จิณณาคคิปาริจะริยานัง สัมโพชฌาระหะโยคินัง

    ยะมาติตะปะริยายัง เทสะยันโต มะโนหะรัง

    เต โสตาโร วิโมเจสิ อะเสกขายะ วิมุตติยา

    ตะเถโวปะปะริกขายะ วิญญูนัง โสตุมิจฉะตัง

    ทุกขะตาลักขะโณปายัง ตัง สุตตันตัง ภะณามะ เสฯ

    · เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา คะยายัง วิหะระติ คะยาสีเส สัทธิง

    ภิกขุสะหัสเสนะฯ

    · สัพพัง ภิกขะเว อาทิตตังฯ กิญจะ ภิกขะเว สัพพัง อาทิตตังฯ จักขุง ภิกขะเว อาทิตตัง

    รูปา อาทิตตา จักขุวิญญาณัง อาทิตตัง จุกขุสัมผัสโส อาทิตโต ยัมปิทัง จักขุสัมผัสสะปัจจะยา

    อุปปัชชะติ เวทะยิตัง สุขัง วา ทุกขัง วา อะทุกขะมะสุขัง วา ตัมปิ อาทิตตังฯ เกนะ อาทิตตังฯ

    อาทิตตัง ราคัคคินา โทสัคคินา โมหัคคินา อาทิตตัง ชาติยา ชะรามะระเณนะ โสเกหิ ปะริเทเวหิ

    ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ อาทิตตันติ วะทามิฯ

    · โสตัง อาทิตตัง สัททา อาทิตตา โสตะวิญญาณัง อาทิตตัง โสตะสัมผัสโส อาทิตโต ยัมปิทัง

    โสตะสัมผัสสะปัจจะยา อุปปัชชะติ เวทะยิตัง สุขัง วา ทุกขัง วา อทุกขะมะสุขัง วา ตัมปิ

    อาทิตตังฯ เกนะ อาทิตตังฯ อาทิตตัง ราคัคคินา โทสัคคินา โมหัคคินา อาทิตตัง ชาติยา

    ชะรามะระเณนะ โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ อาทิตตันติ วะทามิฯ

    ฯลฯ
    บารมีเหล็กไหลฤาษี

    เหล็กไหลฤาษีเปลี่ยนสีเองได้
    เมื่อวันที่ 16 กรกฏาคม 2543 คณะศิษย์จากกรุงเทพฯ โดยคุณสมหมาย สามปั้น และคุณปาริฉัตรณ สงชลา ได้พาเพื่อน มาฝังเหล็กไหลฤาษีที่วัดถ้ำแฝด โดยหลวงพ่อวัชระ เป็นผู้ทำพิธีฝังให้

    ช่วงหนึ่งในการสนทนา คุณสมหมาย ได้เอ่ยถามหลวงพ่อวัชระขึ้นว่า หลวงพ่อจำเหล็กไหลฤาษีที่หลวงพ่อมอบให้ได้ไหม ผมมีเรื่องแปลกมหัศจรรย์จะเล่าถวาย เพราะปกติไม่เคยเชื่อถืออะไรแบบงมงาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเรื่องจริงต่อหน้าเพื่อน ๆ ทุกคนที่พามาฝังเหล็กไหลในวันนี้

    เมื่อตอนต้นเดือน ที่บ้านของคุณปาริฉัตร ขณะที่ทุกคนกำลังร่วมวงสนทนากันด้วยเรื่องทั่ว ๆ ไป ฉับพลันคุณปาริฉัตร ก็เกิดอาการเหมือนมีองค์เทพมาผ่านร่าง คำถามแรกที่ท่านถามก็คือ ท่านมาไกล ไม่เห็นมีใครนำอะไรมาต้อนรับกันเลย คุณสมหมายเองปกติจะมีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับเรื่องแปลก ๆ อย่างนี้อยู่บ้าง เกิดความรู้สึกเหมือนว่าเป็นปู่เหล็กไหลมา ก็เลยนำน้ำผึ้งแก้วใหญ่มาถวาย ปรากฏว่าร่างนั้นได้ดื่มน้ำผึ้งลงไปรวดเดียวหมดแก้วทันที หลังจากนั้นท่านก็ชวนสนทนาและเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังอย่างมากมาย และเป็นดังที่คุณสมหมายคาดคิดไว้แต่แรกจริง เพราะปู่เหล็กไหลท่านมาสนทนาด้วยจริง ๆ

    เหล็กไหลฤาษีล่องหนได้จริงหรือ

    ทางวัดถ้ำแฝดโดย หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ได้มอบเหล็กไหลฤาษี ทรงหนำเลี๊ยบ 2 องค์ให้กับหลวงพ่อสุรเสียง วัดป่าโนนแท่น จ.มหาสารคาม เพื่อสมทบทุนหารายได้สร้าง วัดป่าแก่งเลิงจาน ซึ่งเป็นวัดในความดูแลของท่าน ญาติโยมได้ทราบเข้าก็สนใจอยากรู้ว่า เหล็กไหลฤาษี ลักษณะเป็นอย่างไร บางคนเห็นแล้วก็อยากทดลองว่าเป็นเหล็กไหลจริงหรือไม่ก็ได้มีผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีอดีตเป็นมือเพชรฆาตระดับมีดีกรี แต่ปัจจุบันได้รับใช้ชาติบ้านเมือง มีความชำนาญและแม่นยำในอาวุธทุกชนิด ได้แอบนำเอาไปทดลองกันหลายคน คือทดลองยิงด้วยปืน.357 ยิงในระยะห่างไม่เกิน 2 เมตร ซึ่งเป็นระยะเผาขนไม่พลาดแน่ๆ พอยิงนัดแรกปรากฏว่าไม่ถูก นัดที่สองเสียงปืนดูเหมือนแผ่วเบาลงจนผิดสังเกตุ นัดที่สามปรากฏว่าอาวุธประจำกายซึ่งดูแลรักษา อย่างดีเท่าชีวิตมีอันเป็นไปคือยิงไม่ออก หรือยิงไม่ได้ หรือปืนจะเสียขึ้นมาอย่างกระทันหันแบบไม่น่าจะเป็นไปได้ จึงไม่กล้าทดลองต่อไปอีกเพราะครบ 3 นัด เกรงจะเป็นการปรามาสเทพรักษา เหล็กไหลเกิน จึงได้ทำพิธีขอขมาโทษ ไม่ให้เป็นเวรกรรมแก่ตนสืบไป

    หลวงพ่อสุรเสียงได้เดินทางไปพบครูบาอาจารย์ฝ่ายกรรมฐานหลายท่าน เพื่อพิสูจน์ก้อนเหล็กที่ได้มาว่าเป็นอย่างไร ทุกองค์ก็บอกว่าเป็นของดี เก็บรักษาให้ดีแล้วกัน จนพบสหธรรมมิกรูปหนึ่ง พักอาศัยอยู่แบบพระธุดงค์ภายในถ้ำแห่งหนึ่งแถบ จ. สกลนคร เพื่อลงพลังให้เข้มแข็งเป็นถึงขั้นมหาอุด คือยิงไม่ออก หลังจากที่ได้ฝากของไว้จนครบกำหนดแล้วก็ย้อนกลับไปขอรับ เหล็กไหลฤาษีคืน แต่ทว่าสหธรรมิกองค์นั้นได้กล่าวว่าของนั้นได้เกิดอันตรธานหายไปแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ สงสัยเจ้าของจะใช้คาถาเรียกกลับไปแล้ว ก็ไม่เป็นที่ตกลงใจได้ เพราะหลวงพ่อสุรเสียงท่านก็คลางแคลงใจว่าจะเป็นอย่างที่กล่าวหรือไม่ จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปที่วัดถ้ำแฝดอีกครั้งเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เหล็กไหลล่องหน กลับมาที่เดิมหรือไม่ แต่เนื่องจากทางวัดก็ได้เก็บใส่รวมกันไว้ และก็ไม่ได้นับจำนวน นอกจากนี้ยังมีลักษณะคล้ายคลึงใกล้เคียงกัน จึงยากแก่การจดจำทางวัดจึงได้ถวายองค์ใหม่ให้แก่ท่านเพื่อสมนาคุณผู้ทำบุญต่อไป

    นับว่าเป็นเรื่องแปลกรายที่สองที่ปรากฏขึ้นในลักษณะเดียวกัน ด้วยเป็นบุคคลที่พึงเชื่อถือได้ เพราะท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่พุทธศาสนิกชนรู้จักกันดี เป็นพระกรรมฐานและเป็นเจ้าคณะอำเภอกันทรวิชัย ฝ่ายธรรมยุติ ดังนั้นสิ่งที่ท่านได้คุยให้ฟัง จึงเป็นสิ่งที่น่าทึ่งและน่าสนใจติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับเหล็กไหลฤาษีชุดนี้ต่อไปเช่นกัน

    เหล็กไหลนำโชค
    ชายคนหนึ่งที่เคยบูชา เหล็กไหลฤาษี เม็ดขนาดหัวแหวนเล็กๆ ซึ่งราคาไม่สูงนักไป 10 เม็ด พร้อมทั้งขอวิธีการบูชาไปจึงได้นำไปบูชาด้วยความศรัทธาตั้งมั่น ด้วยประสงค์อยากได้โชคลาภเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงินที่ตนประสบอยู่ ต่อมาเพียง 2 สัปดาห์ ก็ได้กลับมาขอบูชาเม็ดใหญ่กว่าเดิมในราคาเม็ดละ 10,000 บาทไปอีก พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ว่า หลังจากบูชาเหล็กไหลฤาษีไปแล้ว ก็ได้บันดาลให้ได้เงินมาประมาณ 2 แสนบาทซึ่งในชีวิตตนเองยังไม่เคยมีโชคลาภกับเขามาก่อนเลย แต่พออธิษฐานขอจาก ปู่พรหม ฤาษีผู้รักษาเหล็กไหลตามที่แนะนำไป ก็ได้เงินมาแบบไม่คาดฝันมาก่อน จนนำไปแก้ปัญหาเรื่องการเงินได้ แถมยังมีเงินเหลือทำอย่างอื่นอีก แต่เนื่องจากในขณะนั้นมีญาติโยมมาทำพิธีเสริมดวงกันหนาแน่นและเข้ามาแทรกการสนทนา ทำให้เสียดายที่ไม่ได้ข้อมูลรายละเอียด ว่าได้มาอย่างไร จึงทำให้ไม่มีโอกาส สอบถามเรื่องราวให้ละเอียดกว่านี้ได้ แต่ผู้บูชาไปแล้วมั่นใจว่าเกิดจากอำนาจของเหล็กไหลฤาษี ที่บูชาไปนำโชคลาภมาให้ตามที่อธิษฐานแน่นอน จึงได้ย้อนมาบูชาองค์ใหญ่ไปอีก

    เหล็กไหลช่วยการค้าขาย
    เหล็กไหลช่วยการค้าขาย

    คุณสาคร วงค์ประเสริฐ อยู่บ้านเลขที่ 67/359 หมู่ 1 ซ.แจ้งวัฒนะ 10 ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กรุงเทพฯ โทร. 5739450 ได้มาฝังเหล็กไหลฤาษี เมื่อเดือน กรกฎาคม 43 เพื่อขอบารมีจากปู่เหล็กไหล ช่วยด้านเมตตาค้าขาย เพราะตนเองมีอาชีพขายครีมทาสิวฝ้า

    ปรากฏว่าเมื่อได้ฝังไปแล้วประมาณ 1 เดือน ได้สังเกตตามที่หลวงพ่อได้แนะนำไว้ วันไหนที่มีอาการคันบริเวณองค์เหล็กไหลที่ฝังไว้ วันนั้นจะขายดีเป็นพิเศษ สังเกตว่าเป็นอย่างนี้หลายครั้ง จนมั่นใจในประสพการณ์ จึงได้มาฝังเหล็กไหลตาแรดอีกข้างหนึ่งด้วยความมั่นใจ

    เหล็กไหลฤาษีกับการบำบัดโรค

    เรื่องนี้หลวงพ่อวัชระกล่าวว่า ในระยะหลังนี้มีผู้ที่ฝังเหล็กไหลแล้ว หายจากอาการโรคภัยไข้เจ็บได้ อย่างน่าอัศจรรย์ เช่น โรคเบาหวาน ความดัน หอบหืด มาฝังเหล็กไหลกันจากปากต่อปาก ซึ่งหลวงพ่อเองได้รับฟังจากผู้มาเล่าหลายราย

    ครูบาสิงห์โต จากวัดพระธาตุสุนันทา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ท่านไม่เคยรู้จักวัดถ้ำแฝดมาก่อน แต่ได้รับเหล็กไหลฤาษีจากลูกศิษย์คนหนึ่งมอบถวายให้ บอกว่าเป็นเหล็กไหลฤาษีจากวัดถ้ำแฝด ตัวท่านนั้นมักจะเป็นโรคปวดเข่ามานาน วันหนึ่งท่านนำเหล็กไหลมาพิจารณาอยู่ ก็รู้สึกปวดหัวเข่าขึ้นมาอย่างแรง ก็เลยลองเอาเหล็กไหลจี้ลงไปบริเวณที่ปวด ปรากฏว่าอาการเจ็บปวดที่เป็นอยู่หายเป็นปลิดทิ้ง

    อาทิตย์ต่อมาท่านจึงรีบเดินทางไปที่วัดถ้ำแฝดทันที ถึงบริเวณวัดแต่เช้ามืด เมื่อได้แนะนำตัวและสนทนากับหลวงพ่อวัชระแล้ว ท่านก็ตัดสินใจฝังเหล็กไหลฤาษีทันที ครูบาท่านเล่าว่า ท่านบวชมาตั้งแต่เป็นสามเณร และได้มีโอกาสไปจำพรรษาอยู่ในประเทศพม่าหลายปี จนทางบ้านคิดว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแสวงหาสัจจธรรมอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำให้ท่านขาดการติดต่อกับญาติโยมทางเมืองไทยไปเลย ระหว่างอยู่ในพม่านั้นท่านได้มีโอกาสร่วมปฏิบัติธรรมกับ ครูบาเทือง ครูบาลุ่ม ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน ในที่สุดก็ได้เดินทางกลับสู่เมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง

    ท่านเองนั้นมีโรคหอบหืดประจำตัวมาตั้งแต่เด็ก ปกติแล้วอากาศทางภาคเหนือค่อนข้างเย็นและหนาว ทำให้ท่านมีปัญหาในเรื่องระบบทางเดินหายใจ เข้าโรงพยาบาลทุกเดือน ก่อนจะมาที่วัดถ้ำแฝด ก็เพิ่งออกจากห้อง ไอซียู มา เพราะท่านมาบูรณะวัดร้าง ทำให้มีภาระต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ตามป่าเขาสูง ๆ แม้กระทั่งทำพระธาตุเจดีย์บนยอดเขาสูงเสร็จแล้ว เวลาจะประกอบพิธีบวงสรวง ท่านจะต้องใช้วิทยุมือถือ อ่านโองการ ทำพิธีบวงสรวงอยู่ที่ตีนเขา ไม่กล้าขึ้นไปข้างบน เพราะรู้ถึงภาวะของปัญหาด้านสุขภาพ

    แต่หลังจากที่ท่านฝังเหล็กไหลฤาษีไปแล้ว ประกอบกับการบำบัดรักษาจากหลวงพ่อวัชระที่ช่วยแก้ไขให้ ปรากฏว่าอาการเจ็บป่วยที่เป็นมาหลายสิบปี ได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถไปไหนมาไหนโดยไม่มีปัญหา ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลหรือกินยาอีกต่อไป ทำให้ท่านมั่นใจในอานุภาพของเหล็กไหลฤาษีวัดถ้ำแฝดเป็นอย่างยิ่ง

    นอกจากนี้ท่านยังได้แนะนำลูกศิษย์ของท่านจำนวนมากที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ให้มาฝังเหล็กไหลฤาษี ซึ่งหลาย ๆ คนได้รับประสพการณ์ที่แปลกแตกต่างกันออกไป เช่น บางคนเป็นเบาหวานมานาน แต่หลังจากฝังไปไม่นาน ผลการตรวจเบาหวานก็ลดลงในระดับปกติ กินทุเรียน กินอาหารต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องควบคุม ซึ่งปกติทุเรียนเป็นอันตรายต่อผู้เป็นเบาหวานมากก็ตาม ครูบาสิงห์โตท่านได้นำเรื่องประสพการณ์ของลูกศิษย์ท่านมาถ่ายทอดให้หลวงพ่อวัชระฟังทุกครั้งที่มีโอกาสได้สนทนากัน

    ดังนั้นผู้บูชาไปแล้วจึงมักได้พบกับเรื่องราวที่แปลกๆ และยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้เช่นกันบางท่านปู่ฤาษีผู้รักษาเหล็กไหลได้มาทวงขอน้ำผึ้ง ผ่านครูบาอาจารย์ผู้ทรงฌาน เพื่อแจ้งต่อเจ้าของเหล็กไหลก็มี บางรายไปให้ครูบาอาจารย์ตรวจสอบพลังจิตหรือพิจารณาวิเคราะห์ดูว่าธาตุกายสิทธิ์ที่ได้มานี้คืออะไรกันแน่ หลายท่านก็ยืนยันว่าเป็นเหล็กไหลแน่นอน เพียงแต่ไม่ถึงขั้นยืดได้ หดได้ แต่ก็มีฤทธานุภาพมาก บางองค์ท่านเพียงวางไว้บนฝ่ามือกำหนดจิตแผ่จิตไปยังเหล็กไหลฤาษีที่นำไปให้ดื ก็ปรากฏว่าเกิดการแปรเปลี่ยนสีเทาแกมดำหรืออมสีเขียวนั้น ได้เปลี่ยนเป็นสีปีกแมลงทับอย่างชัดเจน จนขนลุกซู่ชูชันตั้งนาน พอหลวงพ่อท่านคลายมือส่งเหล็กไหลกลับคืนก็เปลี่ยนกลับเป็นสีเดิมอีก บางองค์พอท่านกำหนดจิตองค์เหล็กไหลฤาษีก็จะพามือชู่สูงขึ้น จนตัวท่านแทบจะลอยตามเหล็กไหลขึ้นไปด้วย ต้องคลายสมาธิออก และกล่าวกับศิษย์ที่นำไปไว้ว่า อยากได้เหล็กไหลชนิดนี้บ้าง

    เหล็กไหลวัดถ้ำแฝด จึงเป็นเหล็กไหลชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าควรแก่การหาบูชาเก็บไว้ เพราะในอนาคตแม้ ว่าเราจะมีเงินทองมากมาย และคิดจะแสวงหาเหล็กไหลชนิดนี้อีก ก็คงจะไม่มีโอกาสหาได้ง่ายๆ ดังเช่นทุกวันนี้ ราคาบูชาเมื่อเทียบกับคุณค่าแล้วนับว่าคุ้มค่ายิ่ง ผู้ที่มีวาสนาเท่านั้นจึงจะมีสิทธิครอบครอง จะได้รับการดลบันดาลใจให้มีสิทธิเป็นเจ้าของหรือครอบครองเหล็กไหลชุดนี้ ส่วนผู้ไร้วาสนาจะเมินเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ไปเอง และของดีเช่นนี้มีจำนวนจำกัด หมดแล้วก็คงไม่อาจสร้างขึ้นมาใหม่หรือหาได้เช่นกัน เพราะเหล็กไหลวัดถ้ำแฝดที่มีอยู่ ในขณะนี้ เป็นของที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสัมฤทธิ์ได้จัดสร้างและเก็บรักษาไว้ภายในกุฎิ และมีผู้มาขอบูชาไปเรื่อย ๆ โอกาสหมดจึงมี

    เท่าที่ทราบมา เหล็กไหลชุดนี้มีพรรณสัณฐานต่างๆ กันทั้งเล็กและใหญ่เหล็กไหลองค์ใหญ่ยาวถึง 5 นิ้ว บางองค์ใหญ่ขนาดฟองไข่ไก่ ทั้งเม็ดหนำเลี๊ยบ ผลองุ่น ลูกฟุตบอลย่อจิ๋ว รักบี้ย่อจิ๋ว แคปซูลยา ฯลฯ ซึ่งลักษณะต่างๆ เหล่านี้ ได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้ว



    เหล็กไหลกลิ้งบนฝ่ามือ
    เหล็กไหลกลิ้งบนฝ่ามือ

    นอกจากนี้คุณโอ๋ ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 3 ต. บางแพ อ. บางแพ จ.ราชบุรี ผู้มีประสบการณ์จาก เหล็กไหลเงินยวง และเหล็กไหลฤาษีที่กลิ้งตัวเองไปมาได้ ได้มาเล่าเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 23 เม.ย.39 พร้อมกับจองเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ 1 คืน ได้เล่าเพิ่มเติมว่าเมื่อคราวก่อนหลังจากมากราบหลวงพ่อในงานสวดพระอภิธรรมเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 39 ขากลับได้ถูกรถสิบล้อเบียดจนเสียหลักตกไหล่ทางซึ่งมีระดับสูงจากถนนพอสมควร รถปิคอัพวิ่งมาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้พยายามเหยียบเบรคเต็มที่ เพราะคิดว่ารถคงจะต้องพลิกคว่ำหลายตลบแต่ด้วยเดชะบุญบารมีของหลวงพ่อสัมฤทธิ์และเหล็กไหลที่นำติดตัวประจำ รถนั้นพลันหยุดสนิทข้างทางก่อนที่จะพุ่งชนป้ายอันใหญ่ที่ปักอยู่ และคิดว่าคงตายหมดทั้งคันรถแน่นอน รวมทั้งบุตรภรรยา จึงทำให้มีความศรัทธาในเหล็กไหลฤาษีเงินยวงเป็นอย่างยิ่ง

    ต่อมาได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านที่จังหวัดชัยภูมิ จึงได้นำเอาเหล็กไหลฤาษี 2 องค์ เหล็กไหลเงินยวง 1 องค์ไปให้ หลวงปู่บุญมา ถาวโร อายุ 102 ปี วัดแดนคงคาวนาราม ต. วังศรืทอง อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นพระเถระผู้ทรงคุณ มีฌาณพิเศษ ตรวจดูเหล็กไหลชุดดังกล่าว โดยที่ยังไม่ได้กล่าวว่าถึงของเหล่านี้ว่าเป็นอะไร หลวงปู่ซึ่งคุ้นเคยกันดี ได้มีเมตตานำเอาของสิ่งนั้นมานั่งกำหนดจิตพิจารณาอยู่ประมาณ 5 นาที ท่านได้ลืมตาแล้วบอกกับคุณโอ๋ว่า ท่านได้ยินเสียงบอกว่า "สิ่งเหล่านี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์อย่าเอาไปขายนะ ให้ได้เฉพาะลูกเมียหรือครอบครัวตนเอง มิฉะนั้นจะทำให้เกิดความวิบัติแก่ครอบครัวได้" หลวงปู่บอกว่าท่านไม่เห็นตัวคนพูด ได้ยินเสียงเท่านั้น

    จึงนับว่าเป็นเรื่องแปลกแต่ว่าจริง จะสัมผัสหรือรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น ถ้าผู้นั้นมีจิตศรัทธาและเคารพนับถือแล้ว เหล็กไหลของวัดถ้ำแฝด ก็มักจะแสดงอภินิหารให้ปรากฏแก่ผู้บูชาอยู่เสมอ และเป็นเรื่องราวที่เล่ามาจากบุคคลเดียวกัน แต่ต่างวาระกันล้วนเป็นเรื่องจริงที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง

    ความเห็นของพระอริยะ

    บันทึกจาก “รอย อริยะ”

    จากการที่ “รอย อริยะ” ผู้เขียนบันทึกเรื่องราวของ พระเกจิอาจารย์ ในหนังสือนิตยสาร “โลกทิพย์” และ”โลกลี้ลับ” ได้นำเสนอประวัติ และปฏิปทาของ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คมฺภีโร พระผู้สร้างตำนานและเป็นเจ้าตำรับการฝังเหล็กธาตุกายสิทธิ์ที่ทรงอานุภาพเอกอุ ทำให้ได้รับความเมตตาจากท่านและพระอาจารย์วัชระ เอกวัณโณ ผู้เป็นพระเลขาฯในขณะนั้น มอบเหล็กไหลนานาชนิด เช่น เหล็กไหล ตาแรด เหล็กไหลฤาษี โครตเหล็กยวง เหล็กไหลขาว โครตเหล็กไหล ฯลฯ มาให้เพื่อเป็นเครื่องปกป้องอุบัติภัย ภยันตรายนานัปการที่จะก่อบังเกิด อีกทั้งเป็นแบบตัวอย่างให้ท่านผู้ที่สนใจศรัทธาได้ศึกษาก่อนเป็นปฐมทุกๆครั้ง ที่มีการอธิษฐานจิตปลุกเสกและได้รับเชิญไปร่วมก็จะนำธาตุกายสิทธิ์ชุดเหล็กไหลนี้ไปร่วมเสมอ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2539 ก็เช่นกัน หลังจากเสร็จพิธีอธิษฐานจิตโดยพระกรรมฐานจำนวน 50 รูป ผู้เขียน (รอย อริยะ) ได้นำวัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่เพิ่งได้รับการอธิษฐาน จิตไปสดๆ ร้อนๆ มอบให้พระคุณเจ้า หลวงปู่หลวง กตปุญโญ พระเถระผู้ทรงคุณตบะบารมีสูงส่ง แห่งวัดป่าสำราญนิวาส อ.เกาะคา จ.ลำปาง ทั้งยังเป็นสหายธรรมกับ หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย จ.ลำปาง ได้ พิจารณาดู

    เมื่อหลวงปู่สัมผัส "โอ ...แรง แรง ของดี ได้มาจากที่ไหนนี่"

    "จากหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝดครับ" ผู้เขียนตอบ

    "ของดีมีพลังอย่างนี้หายากเก็บไว้ให้ดี" หลวงปู่กล่าวสัมทับพร้อมทั้งบริกรรมภาวนาชั่วหนึ่งอึดใจ แล้วเป่าพรวดลงไปที่ก้อนเหล็กไหลฤาษีและเหล็กไหลเงินยวงก่อนจะหันมากล่าวกับผู้เขียนว่า

    "เหล็กไหลชุดนี้เด่นในทางคงกระพัน แคล้วคลาด ไม่เชื่อคอยดู" หลวงปู่หลวงกล่าวต่อหน้าผู้ เขียนและศิษยานุศิษย์ที่นั่งห้อมล้อมอยู่ ณ ตรงนั้น (ประมาณเกือบ 10 คน) ท่านยกมือซ้ายขึ้นเป็นแนวตั้งฉากกับลำตัว ตั้งสติอธิษฐานกางนิ้วมือขวาออกจนสุด จรดนิ้วหัวแม่มือขวาลงบนข้อพับของศอก (มือซ้าย) วัดไปให้สุดปลายนิ้วกลาง (มือขวา) หนึ่งครั้ง (หนึ่งคืบ) ยกขึ้นวัดต่อจากปลายนิ้วกลางของมือขวาอีก 1 คืบ ปรากฏว่ายังเหลือปลายนิ้วกลางมือซ้ายอีก 1 องคุลี แสดงว่า 1 ศอกซ้ายมือยาวกว่า 2 คืบมือขวา

    หลวงปู่ตั้งสัจอธิษฐาน หากเหล็กไหลฤาษีและเหล็กไหลเงินยวงมีคุณสมบัติเด่นไปในทางคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาด ขอให้ 2 คืบ มือขวายาวกว่า 1 ศอกมือซ้าย ปรากฏว่าเป็นดังคำอธิษฐาน สร้างความแปลกใจให้กับผู้เขียนและสานุศิษย์ที่นั่งจ้องมองด้วยความสนใจยิ่งนัก

    ผู้เขียนเอ่ยถามหลวงปู่ขึ้นว่า "เหล็กไหลทั้งสองชนิดดีเด่นเพียงแค่คงกระพัน แคล้วคลาดเท่านั้นหรือครับ"

    "ดีทุกอย่างนั่นแหละ เมตตามหานิยม ป้องกันภูติผีปีศาจ คุณไสย เขี้ยวงาสัตว์พิษ แต่จะเด่นทางคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาด"

    ผู้เขียนลองให้หลวงปู่ทดสอบอธิษฐานอีกครั้ง ผลปรากฏดังเช่นเดิม ช่างมหัศจรรย์เป็นประสบการณ์ที่ได้พบเห็นมากับตัวเอง

    จากหลวงปู่หลวง กตปุญโญ ผู้เขียนตรงเข้ากราบนมัสการหลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโม วัดป่าจันทรรังสี บ้านนาสีดา ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลวงปู่ท่านเป็นศิษย์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี มีอายุ 74 ปี และพรรษาที่ 54 เมื่อผู้เขียนถวายเหล็กไหลทั้งสองชนิดให้หลวงปู่อธิษฐานแผ่เมตตา ท่านหันมามองแบบฉงนพร้อมเอ่ยถามขึ้นว่า

    "ไปเอามาจากไหนมากมายของดีอย่างนี้ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ"

    ผู้เขียนกราบเรียนตามความเป็นจริงว่า ได้รับมาจากหลวงพ่อสัมฤทธิ์ แห่งวัดถ้ำแฝด

    หลวงปู่จันทร์โสมนั่งพิจารณาอยู่นาน จึงส่งให้ผู้เขียนพร้อมทั้งกล่าวสัมทับขึ้นว่า

    "เก็บไว้ให้ดีนะ ของดีๆ ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ ต้องเป็นผู้มีบารมีจึงจะมีไว้ครอบครอง คนมีเงินเป็นแสนเป็นล้าน หากไม่รู้จักคุณค่าไม่มีวาสนาก็ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของ" ผู้เขียนก้มลงกราบน้อมสักการะด้วยความศรัทธาก่อนจะลาจาก ณ ที่แห่งนั้น

    หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่หลวงได้เดินทางมาเยี่ยมหลวงพ่อสัมฤทธิ์ที่ วัดถ้ำแฝด เพื่อชมบารมีเหล็กไหลด้วยตนเอง ซึ่งหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ได้มอบเหล็กไหลฤาษีให้หลวงปู่หลวงเป็นที่ระลึกด้วยเช่นกัน

    เหล็กไหลกระตุกเตือน

    นายอรรถพร กาญจนกุล อยู่บ้านเลขที่ 36/69 หมู่ 7 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี อายุ 28 ปี ได้เดินทางมาวัดถ้ำแฝดเ มื่อวันที่ 13 กันยายน 2546 เวลาประมาณ 18.00 น.

    ปัจจุบันทำงานอยู่ที่บริษัทยางบริสสโตน สำนักงานใหญ่ ที่รังสิต- ปทุมธานี ได้เล่าประสพการณ์การฝังธาตุกายสิทธิ์ไว้น่าสนใจยิ่ง และได้มีโอกาสขึ้นมาฝังแร่ธาตุกายสิทธิ์(ฤาษี) เมื่อประมาณ พ.ศ.2543 ( 3 ปีที่ผ่านมา) โดยได้ให้หลวงพ่อวัชระฝังธาตุกายสิทธิ์ "เหล็กไหลฤาษี" ทั้งสองข้าง

    มีประสพการณ์หลายครั้งเด่นในเรื่องแคล้วคลาด จากการสังเกตุของตนเองตั้งแต่ฝังแร่ธาตุกายสิทธิ์กับหลวงพ่อวัชระฯ ไป วันไหนที่จะมีอุบัติเหตุ หรือ มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับตนจะพบว่าจะมีอาการกระตุกปวดบริเวณที่ฝังแร่ธาตุกายสิทธิ์ข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งบางครั้งทำงานได้รับอุบัติเหตุจากใบมีดกรีดยางรถยนต์ ซึ่งคมมาก หลุดกระเด็นโดนคิ้ว แต่ไม่เป็นไรเป็นเพียงแต่เป็นยางบอน แต่บางครั้งก็ไม่โดนแคล้วคลาดไป

    หลายครั้งที่มีอาการกระตุกที่แขนข้างใดข้างหนึ่ง จนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นอุปทานหรือเปล่า แต่เท่าที่สังเกตุดูแล้ว ก็เหมือนท่านจะบอกเตือนล่วงหน้าก่อนทุกครั้งที่จะมีเหตุเกิดขึ้นเสมอ ก่อนที่จะขึ้นมาในวันนี้ ได้เกิดฝันไปว่า หลวงปู่สัมฤทธิ์ คัมภีร์โร อดีตเจ้าอาวาส ได้มาจับแขนทั้งสองข้างที่ฝังแร่ธาตุกายสิทธิ์ เพื่อเพิ่มบารมีให้ โดยได้ฝันมาได้ประมาณ 3-4 วันก่อน จึงได้ขึ้นมาเสริมดวง เสริมบารมี และเล่าประสพการณ์ให้หลวงพ่อวัชระ เอกวัณโณ ทราบ


    ประสบการณ์เยอะครับ เรื่องจริงทั้งนั้นนำมาจากเวบของวัดถ้ำแฝด เป็นของจริงที่หลวงพ่อ

    สัมฤทธิ์ได้ทิ้งเอาไว้ให้ลูกหลานบูชา ขนาดเป็นทรงกลมรีออกแบน เหมาะสำหรับทำหัว

    แหวนสวมใส่ รอบวงกลม 11 มิล สูง 9 มิลครับ เ่ช่ามาจากวัดถ้ำแฝดหลายปีแล้วครับ

    ออกให้ราคาวัดเลยครับถ้าใครสนใจอยากได้ครอบครอง

    เพิ่มเติม
    เรื่องบูชานั้นผมมีอันเล็กเป็นรูปกลมรีบูชาอยู่ ผมทราบเลยว่าเป็นเรื่องแปลกที่เหล็กไหลประเภทนี้
    จะหมุนหันตัวเองไปทางทิศตะวันออกเสมอ
    ตอนแรกผมก็ไม่เชื่ออ่านจากในเวบของวัดถ้ำแฝดเลยลองนำมาวางดู ปรากฎว่า
    เหล็กไหลได้ชี้ไปที่ทางทิศตะวันออกและตกเสมอ จะวางหันไปทางไหนก็ตามก็จะชี้ไป
    ทิศตะวันออกและตกครับ และคุณสมบัติอีกอย่างคือดูดติดกับเหล็กเหมือนเป้นแม่เหล็กครับ
    แต่ต่างตรงแม่เหล็กจะชี้ไปทิศเหนือเสมอเท่านั้น น่าจะมีคุณสมบัติดูดทรัพย์ดูด
    โชคลาภด้วยครับในความคิดผม แต่อันนี้จะเจียรมาทรงกลม แต่หมุนหาทิศตะวันออกและตกเหมือนกันครับ

    ลองหาข้อมูลเรื่องเหล็กไหลกับทิศตะวันออกดูเพิ่มเติมได้นะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  11. แสนหลง

    แสนหลง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +77
    ขอราคารายการที่ 9 คับ
     
  12. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    รายการที่ 13. ดาวแป๊ะตั๊งใหญ่ มวลสารไม้มงคล108 หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว

    เช่ามาจากวัดสนมลาวครับ สบายใจได้ ลองดูเนื้อและกรอบแป๊ะตั๊ง ที่เนื้อไม้มงคล

    108 มีคราบผงไม้ไม้มงคลกระจายทั่ว เพราะมวลสารเอาไม้มงคล108มาบดและปั๊ม

    ออกมา ที่กรอบแป๊ะตั๊งของเดิมๆจากวัดครับสภาพแบบนี้ จัดรูปมาให้ทุกมุมมอง

    ดาวหลวงพ่อผินะเก๊เยอะมากในตลาด นักเล่นหาที่หวังจะได้ของดีราคาถูกน้ำตาร่วง

    มานักต่อนักแล้วครับ ที่แพงก็ไม่ว่าขอให้แท้และทันเท่านั้น ศึกษาดูเนื้อและรายละเอียด

    ตามเวบครับมีหลายเนื้อหลายรุ่น ให้เลือกรุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของดาว จะสามารถ

    ดูได้ง่ายครับ เช่น ดาวแม่เนื้อหอม แต่ราคาก็ไปเป็นแสนแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    รายการที่ 14. เหล็กไหลเงินยวง หลวงปู่หวล วัดพุทไธศวรรย์ ปิดแล้วครับมีผู้รับไปบูชาแล้ว

    ไม่ต้องเล่ามากว่าเหล็กไหลมีกี่ชนิด เกิดจากอะไร หาอ่านได้ตามทั่วไปครับ

    เพราะมันจะเนื้อหาซ้ำๆ หลายท่านคงเคยอ่านผ่านตามาแล้ว ซึ่งเหมือนกับผม

    ข้อมูลเดิมๆๆ เอาเป็นว่า หลวงปู่หวลแห่งวัดพุทไธศวรรย์ ท่านได้ตัดเหล็กไหล

    มาบูรณะสร้างวัด บำรุงพระพุทธศาสนา ส่วนเรื่องพิธีกรรมต่างๆและภาพหา

    อ่านได้ทั่วไป ที่วัดยังมีเหล็กไหลให้เช่าอยู่นะครับ ท่านใดสนใจไปที่วัด

    จะเอาพิมพ์ไหนแบบไหนเลือกหาได้ ใหญ่หน่อยก็แพงหน่อย เล็กนิด

    ก็แพงนิด แฮ่ๆๆๆๆ จะให้ว่าถูกมันคงไม่ใช่เหล็กไหลนะครับ

    เอ้าแล้วผมจะมาเสนออะไร ผมก็จะมาเสนอพระเหล็กไหลเนื้อเงินยวง

    เช่ามาจากวัดพุทไธศวรรย์น่ะสิครับ อ้าวแล้วที่วัดก็มีทำไมต้องมาเช่าที่ผม

    ลองดูที่รูปภาพนะครับ คนเราเกิดมารูปร่างสมส่วน ไม่พิกลพิการยังจัดว่า

    ธรรมดาไปแต่ถ้าสมบูรณ์ไปทุกส่้วนนี่สิถึงเรียกว่าสวยงามใช่ไหมครับ

    จมุกเป็นจมูก เอวเป็นเอว อันนี้ถึงเรียกว่าสวยงาม ของผมนี่แหละ

    เอามาให้ดูเป็นตัวอย่าง เช่ามาจากวัดครับ ให้ลองดูความสวยงาม สมส่วน

    เป็นอะไรที่หล่อออกมา จะเรียกว่าหล่อก็ไม่ได้เพราะเหล็กไหลเข้าไปตามพิมพ์

    ที่ท่านปั้นไว้ แต่ลองหาสมบูรณ์สวยๆๆแบบนี้จะมีที่ไหนครับ ลองไปหาตามเวบตามวัด

    แล้วค่อยมาดูอีกทีครับ ผมให้ท่านเป้นเจ้าของคนต่อไปในราคา ที่ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่ผม

    เช่ามาจากวัดครับ องค์นี้สูง 36 มิล ฐานกว้าง 16 มิล ไม่เช่าก็ดูได้เพลินๆๆตาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  14. nut(^_^)

    nut(^_^) สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอราคารายการที่ 2 , 8
     
  15. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    คืนนี้จะลงพระอีกนะครับ รับรองหายาก ไม่ค่อยเห็นในตลาด แต่มีมาตราฐานแน่นอนครับ

    สบายใจได้ครับ
     
  16. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    รายการที่ 15. หุ่นพยนต์องค์ครู อ.ปี่ สานจากเส้นลวดเงิน นารายณ์สี่กร
    เลี่ยมพลาสติกมีอักษรตัวปะ

    ถ้าพูดถึงหุ่นพยนต์ ต้อง อ.ลอย อยู่เรือ แต่ของท่านก็นานมาแล้วและเก๊เยอะ ที่แท้ก็

    เป็นแสนครับ แถมบางทีเป็นแสนเจอเก๊เสียด้วย ในพ.ศ.นี้อาจารย์ปี่เป็นผู้สืบทอดวิชา

    การทำหุ่นพยนต์จากอ.ลอย ประสบการณ์สูง เรื่องคุ้มครอง ป้องกันภัย ทั้งมนุษย์และ

    อมนุษย์ทั้งหลาย รวมถึงคุณไสย อวิชชามนต์ดำ หุ่นพยนต์ตนนี้จะรับแทนเราเอง

    หุ่นพยนต์อ.ปี่สานจากเส้นลวดเงินด้านในตัวหุ่นอาจารย์อัดไว้ด้วยผ้าห่ม อาจารย์ลอยหนัง

    เสือต้นข้าวหญ้าคามวลสารอีกหลายอย่างและปิดด้วยชันโรง รุ่นนี้อาจารย์ปี่บอกว่าดุมาก

    ครับ เฝ้าบ้านเฝ้าสวนเฝ้ารถเตียนภัยคุ้มครองรับเคราะแทนเรา บนบานสานกล่าวก็ได้ ถือ

    ว่าเป็นหุ่นที่สร้างตามตำราอาจารย์ปลุกเสกที่ละตัวว่าตั้งแต่หัวมาตัวมา แขนมาขาและยัดใส้

    หุ่นอีกก็ต้องว่าคาถากำกับตลอดเสร็จแล้ว รุ่นนี้อาจารย์ได้ให้ช่างเลี่ยมพลาสติกให้พร้อมใช้

    เลยครับ ถ้าสังเกตุดีๆรุ่นนี้ด้านหน้าด้านหลังพลาสติกจะมีอักษรขอม ตัวปะเพื่อเป็น

    สัญลักษณ์ชื่อของอาจารย์ปี่

    รุ่นนี้มาตราฐาน ดูง่าย แท้แน่นอนครับ แถมแรงด้วยครับ ผมใส่ไปตามที่ต่างๆ ไม่ต้องกังวล

    ไม่มีอะไรกล้าโผล่มาให้เห็นครับ แถมอธิษฐานคุ้มครองเดินทางทั้งคณะได้ด้วยครับ

    รุ่นนี้สร้าง 32 ตน ตนนี้เป็นองค์ครู ปลุกเสกแรงกว่า มีสี่แขนเรียกว่านารายณ์สี่กร

    รุ่นนี้ดูง่ายแต่ปลอมยากเพราะมาตราฐานกรอบที่ทำบล็อคปั๊มอักษรขึ้นมาป้องกันการ

    ปลอม เช่าไปสบายใจเหมือนเดิมครับ

    การบูชาตั้งน้ำเปล่าแล้วว่าคาถา ถ้าอยากให้แรงตั้งเหล้าขาวและส้มโอ

    สามารถบนบานขอเรื่องการงานได้อีกด้วยครับ ตนนี้ผมเลือกมาแบบถักดูอ้วนสมบูรณ์

    ลักษณะสมส่วนสวยงามครับ เข้าลักษณะดี สำหรับลวดเงินกรอบพลาสติกตัวปะ

    จะไม่มีการทำเพิ่มอีกแล้วครับ มั่นใจได้ว่าจะมีแค่ 32 ตนเท่านั้นบนโลกใบนี้

    นี่คือ 1 ใน 32 ตนที่รอคุณมาเป็นผู้ครอบครองครับ

    รับประกันความแท้โดยผม ส่วนอาจารย์ปี่รับประกันความแรงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    หนักๆๆกันมาแล้วเอาเบาๆๆกันไปบ้างครับ

    รายการที่ 16. เศียรบรมครุพิฆเนศ วัดบางพระ นครปฐม 450 บาท

    ขอค่าจัดส่ง ems เพิ่ม 50 บาทด้วยครับ

    ด้านหลังฝังพลอยและตะกรุด ลงอักขระ ผ่านพิธีไหว้ครูมาแล้วครับ

    ไม่ใช่ของโหลๆๆทั่วไปครับ ท่านใดที่เคารพและนับถือพระพิฆเนศ

    ไม่น่าพลาด ผู้ใดนับถือท่านจะนำมาซึ่งความสำเร็จและความร่ำรวย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    รายการที่ 17. เศียรบรมครูฤาษ๊ วัดบางพระ นครปฐม 450 บาท

    ขอค่าจัดส่ง ems เพิ่ม 50 บาทด้วยครับ

    ด้านหลังฝังพลอยและตะกรุด ลงอักขระ ผ่านพิธีไหว้ครูมาแล้วครับ

    ไม่ใช่ของโหลๆๆทั่วไปครับ ศิษย์พ่อแก่ห้ามพลาดครับ

    วัดบางพระขึ้นชื่อเรื่องพวกนี้มาช้านานแล้ว สรรพวิชาทั้งหมด

    ครูฤาษีเป็นเจ้าของครับ ท่านใดทำงานเกี่ยวกับความรู้ การแสดง

    และศิลป มีไว้เหมือนศิษย์มีครู ก็เหมือนงูมีพิษนี่เอง

    ผู้อื่นหรือผู้ใดคิดร้าย สิ่งที่ไม่ดีจะสะท้อนกลับไปหา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    รายการที่ 18. หน้ากากพรานบุญเพ้นส์สี หลวงพ่อนพวรรณ วัดเสนานิมิตร

    อยุธยา ออกงานวันไหว้ครู หลวงปู่กาหลงร่วมปลุกเสกด้วย

    หน้าพรานเป็นหน้ากากสำหรับตัว "พราน" ซึ่ง เป็นตัวตลก ใช้ไม้แกะเป็นรูปใบหน้า ไม่มีส่วนที่เป็นคาง ทำจมูกยื่นยาว ปลายจมูก งุ้มเล็กน้อย เจาะรูตรงส่วนทื่เป็นตาดำ ให้ผู้สวมมองเห็นได้ถนัด ทาสีแดงทั้งหมด เว้นแต่ส่วนที่เป็น ฟันทำด้วยโลหะสีขาว หรือทาสีขาว หรืออาจเลี่ยมฟัน (มีเฉพาะ ฟันบน) ส่วนบนต่อจากหน้าผากใช้ขนเป็ดสีขาวติดทาบไว้ทำเป็นผมหงอก ซึ่งเวลาพรานออกรำจะสวมหน้ากากที่เรียกว่า "หน้าพราน" หรือ "หัวพราน" นี้ แต่ถ้าเป็นตัวตลกหญิงจะทาสีขาวหรือสีเนื้อ เรียกว่า "หน้าทาสี"

    หน้าพรานมีความสำคัญและอำนาจในทางศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยไปกว่าเทริดของโนรา เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล เห็นได้จากในช่วงเข้าทรงตายาย มักเรียกลูกหลานให้เข้ามารำพรานเพื่อความโชคดี สันนิษฐานว่า สาเหตุที่หน้าพรานมีความสำคัญเทียบเท่ากับเทริดของโนรา ก็เนื่องมาจากในอดีต "พราน" เป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อสังคมยุคเก็บของป่าล่าสัตว์ เป็นผู้มีสรรพวิชาอาคมมาก และก่อนที่ชาวบ้านจะรับวัฒนธรรมโนราเข้ามา ชาวบ้านเคยรำพรานในพิธีโรงครูอยู่แล้ว พรานจึงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเทียบเท่าโนรา เห็นได้จากตำแหน่งของ "หน้าพราน" หากยังไม่ได้นำมาสวม จะต้องวางบนพาไล ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับบูชาใกล้กับเทริดของโนราเท่านั้น

    เกี่ยวกับเมตตามหานิยมมาจาก ช่วงออกพรานเป็นช่วงเวลาที่โนราจะได้สื่อสารกับคนดูอย่างใกล้ชิด อาณาเขตของพื้นที่แสดงไม่ได้จำกัดเฉพาะภายในโรง แต่ขยายสู่พื้นที่ของชุมชน ในละแวกบ้านเจ้าภาพ ตัวละครบางตัวออกไปแสดงอยู่นอกโรง ซึ่งสังเกตุได้ว่าพรานจะเป็นที่รักของคนทั้งหลาย คนสาว คนแก่ โดยเฉพาะเด็กๆชอบมากจะยืนส่งเสียงหัวเราะเชียร์อยู่ใกล้ ๆ

    ด้านค้าขาย เมตตา เสน่ห์ โชคลาภดีมากเลยครับ

    ลองเลยครับของหลวงพ่อนพวรรณหายากครับในตลาด

    ไม่มีวางทั่วไปส่วนมากเก็บไว้ใช้กันเองครับ

    มาพร้อมถุงผ้าสีเหลืองลดโลกร้อนครับ

    สกรีนรูปหลวงพ่อและด้านหลังมียันต์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. mummamman

    mummamman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,598
    ค่าพลัง:
    +2,116
    พระเครื่องธาตุกายสิทธิ์ของท่านแม่ชีประทุม โชติอนันต์

    หลายๆท่านคงคุ้นเคยกับชื่อ "โคตรเศรษฐี" ของวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะครั้งแรกนั้นเป็นองค์จตุคามฯ ที่ออกให้บูชา ณ. วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดกระบี่ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙

    แต่พระที่ได้ชื่อว่า"โคตรเศรษฐี"จริงๆนั้น สร้างครั้งแรกโดยท่านแม่ชีประทุมเมื่อ ๒๑ ปีมาแล้วโดยทำมาจากแร่ชนิดหนึ่ง ซึ่งตอนแรกที่ได้มานั้นท่านแม่ชีประทุมได้นำไปให้ทางกรมทรัพยากรธรณีวิทยาพิสูจน์ว่าเป็นโลหะชนิดใด ทางกรมทรัพฯได้รับของไว้พิสูจน์เป็นเวลา ๙ วัน

    เมื่อครบกำหนดท่านแม่ประทุมก็ได้เดินทางไปรับของคืนและได้รับคำตอบว่าเป็น "ตะกั่ว" เมื่อทราบดังนั้นท่านก็ไม่ได้มีคำกล่าวใดๆ ในขณะที่รอท่านก็เดินดูตามตู้ตัวอย่างของแร่ธาตุต่างๆ ท่านจึงถามแก่เจ้าหน้าที่ว่าในตู้คล้ายๆของท่านเหมือนกันหลายตัวอย่าง น่าจะเป็นตะกั่วชนิดเดียวกันกับของท่านใช่หรือไม่

    เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่ใช่เพราะองค์ประกอบทางโลหะและโมเลกุลไม่เหมือนกัน ทางเจ้าหน้าที่เองก็ตอบไม่ได้เพราะไม่มีข้อมูลในสารบบ แต่เพราะเป็นโลหะและมีสีแบบนี้จึงต้องแจ้งว่าเป็นตะกั่ว เพราะไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอะไร (ต้นฉบับหนังสือรับรองการพิสูจน์ตัวจริงอยู่ที่กรมทรัพฯ ในปี ๒๕๓๒)

    พระที่สร้างในครั้งนั้นมี ๓ แบบ คือ
    ๑ พระเนื้อแร่โคตรเศรษฐี แบบหนา (เท่าๆเหรียญบาท)
    ๒ พระเนื้อแร่โคตรเศรษฐี แบบบาง (ประมาณตระกรุด)
    ๓ พระเนื้อผงสีดำฝังแร่โคตรเศรษฐี

    ประวัติแม่ชีประทุม โชติอนันต์ (ในช่วงที่เป็นฆราวาส)

    แม่ ชีประทุม ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่ออีกท่านหนึ่ง ชีวิตท่านกว่าจะฝ่าด่านทดสอบต่างๆมาได้จนบรรลุพระอริยขั้นสูงสุด สมตามเจตนาความต้องการที่หลวงพ่อทรงสอน บัดนี้ท่านได้สิ้นไปนานแล้วเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๘ ร่างกายสรีระของท่านถูกเก็บไว้ในโลงแก้ว ไม่เน่าไม่เปื่อย ร่างกายบางส่วนของท่านแปรสถาพเปลี่ยนไปกลายเป็นแก้วใสอยู่ภายในมหาวิหารฯ ให้คณะลูกศิษย์ และผู้ที่มีจิตเลื่อมใสไหว้สักการะ และน้อมระลึกถึง (ประวัตินี้ท่านเองได้เป็นผู้จดบันทึกไว้...)

    ตรงกับหลวงพ่อฤาษี ในนิมิต
    ครั้นได้เวลาบ่ายโมง พระเดชพระคุณหลวงปู่ลงรับแขก ในวันนั้นมีประชาชนประมาณ ๒๐๐ คน มาคอยกราบหลวงปู่ ข้าพเจ้านั่งข้างหน้าใกล้กับท่านตั้งใจว่าวันนี้เป็นวันตัดสินว่าที่ ข้าพเจ้าปฏิบัตินั้นถูกหรือผิดก็จะได้รู้กัน หลวงปู่เดินออกมาทางประตูหลังของห้องรับแขก ข้าพเจ้าเดินจับตาดู พอเห็นท่านข้าพเจ้าจำได้ทันทีว่า หลวงปู่ฤาษีลิงดำองค์นี้ได้ไปหาข้าพเจ้าในนิมิต แต่ทำไมท่านไม่บอกชื่อเต็มกับเรา บอกแต่เพียงว่าท่านชื่อ "หลวงพ่อฤาษี" ครั้นหลวงปู่นั่งลงที่เก้าอี้รับแขก ข้าพเจ้าก็กราบท่านพอเงยหน้าขึ้นท่านได้ถามข้าพเจ้าว่า "โยมมาจากไหน" ข้าพเจ้าตอบว่า "ดิฉันมาจากจังหวัดจันทบุรี ดิฉันมากราบหลวงปู่ในวันนี้ เพื่อต้องการรู้เรื่องปฏิบัติธรรมเพราะดิฉันเองไม่มีครูบาอาจารย์แนะนำ ดิฉันทำไปด้วยใจรักการปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติแล้วเกิดเห็นอะไรต่างๆมากมาย บางคนหาว่าดิฉันเสียสติเพราะการปฏิบัติ" เมื่อหลวงปู่ได้ฟังท่านพูดขึ้นว่า "เอาละโยม เรื่องของโยมมันเยอะ โยมหยุดไว้เดี๋ยวก่อนนะโยม" เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังหลวงปู่พูดจบแล้วก็รู้สึกเสียใจและเข้าใจว่า ท่านว่าเราเรื่องมากจึงหันไถามพวกที่มาด้วยกันว่า "พวกเราเมื่อตะกี้ฉันพูดให้หลวงปู่ทราบ เรื่องที่ฉันพูดมันนอกเรื่องราวอะไรบ้าง" ผู้ที่มาด้วยพากันตอบว่าไม่เห็นว่าจะนอกเร่องราวอะไรนอกจากเรื่องการปฏิบัติ เท่านั้น

    ทันใดนั้นเมื่อหลวงปู่ทักทายพวกที่มาทั้งหมดแล้ว ท่านก็หันมาทางข้าพเจ้าและพูดขึ้นว่า "เอ้าว่ามา เรื่องของโยมมีอะไรว่ามาทีละข้อ อย่าให้มันปนกัน" เมื่อได้ฟังอย่างนั้นเหมือนหัวใจของข้าพเจ้าถูกไฟช็อตปลาบ และรู้ทันทีว่าหลวงปู่รู้เรื่องของเราที่จดใส่กระดาษมาเพื่อจะเตรียมเรียน ถามท่านทั้ง ๔ ข้อ วันนี้เราพบองค์แท้เข้าแล้วเป็นทองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นเพชรก็เพชรชั้นหนึ่ง ข้าพเจ้าเรียนถามเพียงข้อเดียวก็พอ พระอย่างนี้เราไม่ควรถามอะไรจุกจิกมาก และเราต้องไม่ถามเพื่ออวดว่าใครเก่ง

    ใน ที่สุดข้าพเจ้าจึงกราบเรียนถามท่านว่า "โยมกราบเรียนหลวงปู่ว่า ดิฉันปฏิบัติธรรมอยู่ในระหว่างนั้นเป็นเวลา ๕ ทุ่มเศษอยู่ในท่านอนไสยาสน์ ตะแคงขวาพอนอนได้ไม่ถึง ๑๐ นาที ก็เกิดแสงสว่างขึ้นที่หัวนอน ดิฉันเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อสองสี ครองจีวรสีเหลืองมีผ้ารัดอกยืนอยู่และท่านได้พูดกับดิฉันว่า อดีตชาติเธอก็เคยปราถนาเช่นนี้ เธอเหลือเพียงชาติเดียว เมื่อท่านพูดจบดิฉันมีความรู้สึกทางจิตขึ้นว่า เอ พระที่ไหนช่างรู้เรื่อง ที่ดิฉันไม่ต้องการเกิดอีกต่อไป หลงวพ่อที่ยืนอยู่ที่หัวนอนตอบดิฉันว่า ฉัน คือหลวงพ่อฤาษีไงล่ะ ในระหว่างที่พูดกันอยู่นั้นมิได้อ้าปากพูดกัน เอาจิตพูดกัน ดิฉันนิมิตเห็นตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.๒๕๒๖ ดิฉันพยายามติดตามหาหลวงพ่อฤาษีมานาน มีคนแนะนำให้ดิฉันมาหาหลวงปู่ ดิฉันไม่มาเพราะหลวงปู่ชื่อหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตามนิมิตบอกว่าหลวงพ่อฤาษี แต่วันนี้เป็นตัวจริง ดิฉันจำได้แม่นยำ ท่าเดิน ทุกๆส่วน เหมือนภาพในนิมิตหมด ดิฉันขอกราบหลวงปู่ และอยากทราบว่าทีเห็นนั้นจริงหรือไม่ หรือดิฉันเพ้อเจ้อไปเอง แม้คนในบ้านก็หาว่าดิฉันบ้าค่ะ หลวงปู่เมตตาดิฉันด้วย ดิฉันอยากทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น"

    ครั้นพระเดชพระคุณหลวงปู่ ได้ฟังข้าพเจ้าพูดจบ ท่านได้เอ่ยขึ้นว่า "เออเรื่องของโยมที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องจริงทั้งหมดไม่คลาดเคลื่อน โยมไม่ได้บ้า คนที่มันมาว่าโยมนั่นแหละบ้า และบ้านของโยมฉันก็ไป!!!" ท่านบอกเรื่องภายในบ้านถูกหมดทุกอย่างและกล่าวต่อไปอีกว่า "เออ นักปฏิบัติธรรมมันต้องเด็ดขาดอย่างนี้ มันต้องติดบ้าๆ อย่างนี้มันถึงจะได้กิน มัวแต่อ้อแอ้อยู่ไม่ได้กินแน่ๆ มันต้องอย่างนี้ เออปฏิบัติถูลู่ถูกังเอาจนได้นะโยม ดีแล้ว" ข้าพเจ้ากราบเรียนหลวงปู่ว่า "ดิฉันจะขออยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ด้วยเจ้าค่ะ หลวงปู่จะให้อยู่กี่วันละเจ้าค่ะ ดิฉันจะขออยู่สัก ๗ วัน" หลวงปู่ถามว่า "อยู่ ๗ วันเหรอ เอออยู่นะโยม" ครั้นพอหมดเวลาลงรับแขก หลวงปู่ลงจากศาลา ทุกคนจึงแยกย้ายไปเข้าห้อง

    หลวงปู่มีหูทิพย์
    ข้าพเจ้าพักอยู่ห้อง เบอร์ ๙ ข้างโบสถ์ ครั้นตอน ๕ โมงเย็น ทำวัตรเย็น ตอน ๖ โมง เตรียมตัวไปเข้าห้องพระกรรมฐานในเวลา ๑ ทุ่ม ในระหว่างที่นั่งรอเวลา ข้าพเจ้าและแม่ชีได้นั่งอยู่ด้านหลังคนอื่นๆเพราะไปช้า หลวงปู่ลงมาเทศน์สอนบรรยายธรรมการปฏิบัติ ท่านพูดถึงเรื่องวิชามโนมยิทธิ ว่ามีฤทธิ์ทางใจ เมื่อได้ยินท่านพูดเรื่องฤทธิ์ ข้าพเจ้าพูดกับพวกแม่ชีที่ตามมาด้วยขึ้นว่า "แม่ชีจะฝึกเรื่องฤทธิ์ไหม" แม่ชีตอบข้าพเจ้าว่า "ไม่ฝึก เพราะดิฉันไม่ชอบ แล้วคุณประทุมล่ะจะฝึกเรื่องฤทธิ์ไหม" ข้าพเจ้าตอบว่า "ดิฉันไม่ชอบเรื่องฤทธิ์เรื่องเดช ดิฉันชอบแต่วิปัสสนาเท่านั้น ฉันไม่ฝึกหรอก" ข้าพเจาและแม่ชีพูดกันเสียงเบาที่สุด มิได้พูดเสียงดังเลย

    ทัน ใดนั้นเมื่อข้าพเจ้าพูดว่าไม่ชอบเรื่องฤทธิ์จบลง เสียงหลวงปู่ตวาดดังขึ้นมาว่า "ทุกคนในทีนี้ เมื่อเข้ามาอยู่แล้วสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามฉัน ถ้าไม่เชื่อจงออกไปให้พ้นจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย โน่นประตูอยู่โน่น!!!" เมื่อข้าพเจ้าและแม่ชีได้ฟังเสียงหลวงปู่ต่างคนต่างมองหน้ากันเงียบๆ ดูตากันแล้วหลวงพ่อก็บรรยายเรื่องความกระจายของมโนมยิทธิให้ทุกคนเข้าใจว่า "การ ทีฝึกมโนมยิทธิเขาเรียกว่ามีฤทธิ์ทางใจ คือใจเป็นทิพย์ มิใช่เอาลูกตาเห็น และเมื่อรู้แล้วอย่าเอาจิตเข้าไปติด เมื่อทำได้แล้วจะท่องไปไหนก็ได้ สามารถเห็นนรก สวรรค์ เมื่อเห็นแล้วรู้แล้วให้เอาจิตตัดออกไป อย่ามัวไปหลงดูเทวดาโน้น วิมานนี่ นั่นเป็นทางเข้าสู่นรก เข้าใจไว้ด้วย"

    เริ่ม ฝึกมโนมยิทธิ
    หลังจากนั้นข้าพเจ้าจึงเริ่มฝึกมโนมยิทธิกับผู้หญิง ท่านหนึ่งหลังจากทุกคนภาวนาว่า นะมะพะธะ ไปได้ประมาณ ๑๐ นาทีครูบอกให้หยุดคำภาวนาคุมอารมณ์ไว้ ไม่ต้องอยากรู้อยากเห็นอะไรทั้งหมด ในที่สุดครูก็แนะนำให้ตัดร่างกาย หรือตัด สักกายทิฐิ คือตัดกายไม่ให้ติดกายเราก็ดี คนอื่นก็ดี หรือแม้แต่วัตถุสมบัติในโลก ครูให้ทำอะไรก็ทำตามครูจะถามว่า "ถ้าตายครั้งนี้จะไปไหน" ทุกคนตอบว่า "ขอ ไปพระนิพพาน!!!" เมื่อครูเห็นว่าจิตทุกคนสว่างดีแล้วครูจึงนำไปที่ต่างๆ ...

    หลังจากฝึกเสร็จครูฝึกกล่าวว่า "คุณป้าจิตดีมาก ไปได้ตลอดเก่งจังนะคะ" ข้าพเจ้ามีความข้องใจว่าเพราะอยากจะรู้จึงพูดกับครูฝึกขึ้นว่า "ที่คุณป้ามีจิตใจดีและเก่ง อะไรเรียกว่าดี ว่าเก่ง" ครูฝึกตอบว่า "ก็ที่คุณป้าเห็นและตอบได้ตามความเป็นจริงทั้งหมดนั่นแหละค่ะคุณป้า" ถ้าเช่นนั้นเรื่องการเห็นสวรรค์นรก อะไรมากมาย ป้าเห็นมานานแล้ว เขาหาว่าป้าเสียสติเพราะการปฏิบัติ เขาว่าเขาลืมกันมากมาย ข้าพเจ้านึกในใจว่า อย่างนี้การปฏิบัติของเราไม่ผิดแน่นอนเพราะมีพระเดชพระคุณหลวงปู่ยืนยันหนัก แน่น หลวงปู่ผู้มีพระคุณมาก ท่านรู้หมดทุกอย่าง แม้แต่ข้าพเจ้าพูดเรื่องจะไม่ฝึกมโนมยิทธิ พูดกันค่อยๆ ท่านยังได้ยิน ท่านมีหูทิพย์ ทีแรกข้าพเจ้าเข้าใจผิดว่าเขาเอาสายรับฟังเสียงติดไว้ที่เสาที่ข้าพเจ้านั่ง แต่เมื่อมองดูที่เสาก็ไม่เห็นมีสายรับฟังเลย หลวงปู่พระราชพรหมยานมีพระคุณแก่ข้าพเจ้ามากมายไม่มีอะไรจะมาเปรียบได้ หลวงปู่รู้แจ้ง รู้จริง รู้แท้ ข้าพเจ้าได้กราบเรียนต่อหน้าพระองค์ท่าน ว่า ดิฉันจะขอเคารพบูชาหลวงปู่รองมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอด ชีวิต....

    ธาตุกายสิทธิ์ แร่โคตรเศรษฐี

    พอดีเวลาบ่ายของวันหนึ่งประมาณเกือบสองโมงเศษ ได้มีแม่ชีเดินเข้ามาในสำนัก ข้าพเจ้ามองดูรู้ว่าแม่ชีที่เดินเข้ามาในสำนักนี้ คือแม่ชีที่ข้าพเจ้าเชิญให้ออกจากสำนักนี้ไปนานแล้ว แม่ชีนั่งลงกราบข้าพเจ้าพูดพร้อมกับหยิบห่อกระดาษในกระเป๋าหิ้วให้ข้าพเจ้าดู
    เธอเล่าต่อไปว่า"ของสิ่งนี้มีคนเขาฝากมาให้คุณแม่เพื่อสร้างพระมหาวิหาร"
    ข้าพเจ้าจึงได้ถามแม่ชีขึ้นว่า "ใครเป็นผู้ฝาก เป็นหญิงหรือชาย"
    แม่ชีเธอตอบขึ้นว่า "เป็นผู้ชายค่ะ"
    ข้าพเจ้าจึงได้ซักถามเธอต่อไปว่า "ไหนเธอลองเล่ามาให้ฟังซิว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรมาตั้งแต่ต้น"

    แม่ชีเล่าว่า "ในคืนนั้นดิฉันได้ปฏิบัติอยู่ในถ้ำประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้ เกิดนิมิตเห็นผู้ชายแต่งตัว ทรงเครื่องสวยงามอร่ามแพรวพราว
    ระยับเป็นสีทอง ยืนอยู่ข้างหน้าดิฉัน ชายผู้นั้นได้พูดขึ้นว่า พรุ่งนี้ตอนสองโมงเช้าจงแต่งขันธ์ห้าขึ้น และจงมานั่งตรงนี้ ฉันจะฝากของเธอ เอาไปให้กับแม่ชีปทุมเพื่อร่วมสร้างพระมหาวิหาร ดิฉันรับคำท่าน ท่านก็หายวับไป พอรุ่งเช้าดิฉันจัดแจงแต่งขันธ์ห้า พอได้เวลาที่ท่านสั่ง ดิฉันได้ไปนั่งตามเดิมพร้อมเครื่องบูชาขันธ์ห้า ดิฉันนั่งสมาธิไปจนถึงสิบโมงกว่า จึงคลายออกจากสมาธิพอลืมตาขึ้นก็เห็นของสิ่งนี้วางอยู่ ดิฉันรู้ทันทีว่าของที่วางนี้เป็นของที่ท่านฝากให้คุณแม่ ดิฉันจึงนำมา เพราะตรงที่ดิฉันนั่งปฏิบัตินั้นฉันกวาดเตียนไม่เคยมีอะไรมาก่อน ดิฉันนั่งปฏิบัติมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วค่ะ ฉันไม่เห็นมีอะไรเลย "

    ข้าพเจ้าบอกให้แม่ชีแก้ห่อดูของ ข้าพเจ้าเห็นของที่ห่อมามองดูเหมือนก้อนหินที่ที่ขรุขระและมีรอยถูกตัดไป รอยที่ตัดมีแสงไม่เหมือนตะกั่ว ตะกั่วไม่มีแสงจึงทำความแปลกให้ข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงถามแม่ชีว่า "ของนี้ทำไมจึงมีรอยถูกตัดออกไป "
    เมื่อแม่ชีได้ฟังข้าพเจ้าถามขึ้น แม่ชีมีสีหน้าไม่ค่อยดี
    เธอตอบขึ้นว่า "ดิฉันได้ของแล้วห่อของ รีบเดินทางตั้งใจจะนำของมาให้คุณแม่ตามคำสั่งของท่าน เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางได้พบกับชายคนหนึ่งเขาทำงานอยู่แถวนั้นเขาขอดู เขาเห็นฉันหิ้วหนักมาก ฉันจึงให้เขาดู แล้วเขาขอฉัน ฉันจึงให้เขาค่ะ ดิฉันคิดว่าคงไม่เป็นอะไร ของที่เขาขอตัดไปก็นิดเดียวเอง"

    ในที่สุดเธอลาจากไป ข้าพเจ้าได้ให้ปัจจัยเป็นค่าเดินทางกับเธอ ข้าพเจ้ารับของก้อนโคตรเศรษฐีใส่พานมีผ้าขาวปูรองรับ มีดอกมะลิบูชาตั้งไว้ที่หน้าหน้าหลวงปู่ปาน
    ครั้นพอตกกลางคืน ในเวลาเช้ามืดของคืนวันเดียวกันกับวันที่รับของ ในเวลาตอนตีห้าครึ่งพากันออกจากพระกรรมฐาน เพื่ออุทิศส่วนกุศล
    ทำอย่างนี้เป็นประจำตลอดมา เมื่อพากันอุทิศส่วนกุศลจบลง ข้าพเจ้านั่งอยู่ในกลด เห็นว่าเสร็จกิจแล้วจึงหยิบยานัตถุ์ขึ้นมาทำท่าจะนัดยา มุ้งกลดของข้าพเจ้าบางมาก ในทันใดมีความรู้สึกว่ามีคนมายืนใกล้ๆกลดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้ชำเลืองตาดูเห็นคนมายืนอยู่จริงๆ
    ท่านแต่งตัวสวยงาม ยืนชะโงกดูของที่ได้รับมาจากแม่ชีเมื่อตอนบ่ายนั่นเอง ท่าที่ท่านยืนคือขาซ้ายเยื้องไปอยู่หน้า ขาขวาลดลงมาหลัง
    ยืนชะโงกดูของในพานเอามือไพล่หลัง ขาใหญ่มาก ข้าพเจ้าชำเลืองดูเห็นแต่ขา ส่วนหัวเข่ามองไม่เห็นเพราะขาของท่านยาว ไม่สามารถจะเห็นเข่าได้ข้าพเจ้านึกรู้ได้ทันทีว่า ท่านคงตามมาดูของ
    ข้าพเจ้ายกมือขึ้นพนมและพูดกับท่านว่า "ท่านผู้เจริญที่เคารพ ขณะนี้ของที่ท่านส่งมาให้ดิฉัน ดิฉันได้รับแล้วและได้บูชาไว้กับหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤาษีที่ท่านได้ชะโงกดู อยู่นั่นแหละค่ะ ต่อแต่นี้เป็นต้นไปทั้งท่านและดิฉัน จะได้ร่วมสร้างพระมหาวิหารแล้วในเวลา
    อันใกล้นี้ ขอท่านจงปกปักรักษาย่าให้ใครมาแย่งชิงเอาไปนะคะ สำนักนี้มีแต่ผู้หญิงท่านผู้มีตาทิพย์จงช่วยสอดส่องดูแลเอาไว้ให้ดี และขอท่านจงโมทนาในความตั้งใจดีต่อพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ด้วยเทอญ"
    ท่านโมทนาเมื่อข้าพเจ้าพูดจบลงท่านหายวับไปฉับพลัน

    นี่ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาเปล่า มิได้ห็นด้วยสมาธิ ที่เขียนมาตรงๆอย่างนี้มิได้โอ้อวด ด้วยประการใด เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจริงๆ
    เมื่อผู้ใดอ่านท่านจะเชื่อหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของท่าน สำหรับข้าพเจ้าขอเอาศีลเป็นพยานเท่านั้น
    ข้าพเจ้า วางของลงที่โต๊ะนั่งของหลวงพ่อนั่ง ข้าพเจ้าก้มลงกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาหลวงพ่อพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า "นี่โยม โยมชีจะเอาของมาทำฉันหรือ เห็นเป็นมันวาววับโยม"
    ท่าน พูดท่านยิ้มมองดูของ ท่านถามข้าพเจ้าว่า "นั่นอะไร"
    ข้าพเจ้า ตอบท่านว่า "ไม่ทราบว่าเป็นอะไรค่ะ โยมปฏิบัติธรรมได้ของสิ่งนี้มาค่ะ หลวงพ่อ โยมนำมาให้หลวงพ่อดู"
    หลวง พ่อมองดูแล้วพูดว่า "ดีนะโยม ของนี้เป็นของพันปีมีค่ามหาศาล"
    "โยมอยากทราบว่าเป็นอะไรเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อพูดว่า " ดี.. เอาไปให้ด็อกเตอร์เขาดูบ้างซิ เผื่อเขาจะรู้บ้าง"
    ข้าพเจ้าเห็นคนเข้ามาถวายสังฆทานกันมาก จึงถอยออกมาเดินไปหาด็อกเตอร์เอาของให้ดู
    ด็อกเตอร์พูดว่า "หลวงพ่อว่าเป็นอะไร ก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ"
    ข้าพเจ้าลาด็อกเตอร์ออกมานั่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งลง หลวงพ่อได้เมตตาสั่งข้าพเจ้าขึ้นว่า
    "โยมที่เอาของให้ดู นั่นนะ ของโยมพันปีเก็บไว้ให้ดีอย่าไปทิ้งเสียล่ะ มีค่ามหาศาล"
    หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้กราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลับปากช่อง

    ขั้นตอนการสร้างพระโคตรเศรษฐี

    วันหนึ่งนั่งสวดมนต์ พอก้มกราบต้องฟุบลงไปชั่วโมง ช่วงนี้เสวยกรรมหนัก นอนคิดมาคิดไปนึกถึงของ จะเอาไปทำอะไรดี ของสิ่งนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นเลย คิดว่าจะทำอะไรดี ใจก็นึกถึงท้าวธตรฐว่า "จะให้ของ จะให้ช่วย น่าจะให้ของที่รู้จัก ถ้าเป็นทองคำเราจะได้รู้ นี่เอาก้อนอะไรมาให้ก็ไม่รู้มาให้เรา เรายิ่งโง่ๆอยู่ จะนำไปซื้อขายก็ไม่ได้กลัวเขาไม่รู้จัก เมื่อไม่ได้สร้างก็ไม่ต้องสร้าง ตัดขันธ์ห้าดีกว่า"
    จึงได้วางก้อนของไว้ข้างตัว พิจารณาขันธ์ห้าย้อนไปย้อนมา จับพุทโธบ้าง จับอานาปานุสสติบ้าง นานพอสมควร

    ทันใดก็ได้ยินเสียงข้างหูขวาว่า "ในห่อของนั้นมี ค่ามหาศาลทำไมไม่รีบจัดการขึ้น"
    เสียงพูดนั้นดูหนักหน่วงเหมือนดุ ท่านคงจะเคืองข้าพเจ้า ที่ต่อว่าท่านว่าน่าจะเป็นทองคำ ให้มาแล้วยังโง่มากนัก ข้าพเจ้าตกใจลุกขึ้น เรียกแม่ชีเล็กเข้ามาหา บอกกับแม่ชีเล็กว่า "แม่จะทดลองของดู แม่ชีช่วยไปตามโยมแช่มมาเดี๋ยวนี้ บอกว่ามีธุระด่วน"
    แม่ชีจึงไปตามโยมแช่มมา ข้าพเจ้าจึงบอกโยมแช่มรีบไปหาตะกั่วมาให้ที ข้าพเจ้าทำพิธีตัดของก่อน

    ก่อนตัดก็กราบขอขมาขอทดลอง จึงตัดออกมาก้อนนิดหนึ่งพอสมควร ลองเอาตะกั่วเคี่ยวไฟก่อน ปรากฎว่าตะกั่วละลายเร็ว เทไว้ต่างหากแล้วจึงนำของที่ได้มาต้มเคี่ยวใส่กระทะหลอมดู สิ่งของนี้กว่าจะละลายนานมาก พอละลายออกยิ่งมีรัศมีแวววาวระยิบระยับหลายสี หลายแสง อย่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก
    เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้าจึงน้อมจิตถึงท่านเจ้าของขึ้นว่า "ท่านจะให้ทำเป็นอะไรขอให้บอกมา"
    ข้าพเจ้ามีความรู้สึกขึ้นทันทีว่า "ไปทำพระ"
    พอดีคุณสว่างมาจากจันทบุรี จึงได้บอกคุณสว่างขับรถไปกรุงเทพฯ เมื่อถึงกรุงเทพฯให้หาร้านที่เขาพิมพ์พระ เมื่อติดต่อทำพิมพ์พระ ก็เข้าโรงรีดของ

    ในระหว่างที่รีดของอยู่นั้น แสงรัศมีเกิดวาววับแสงสีเกิดขึ้นหลายสี เป็นสิ่งสะดุดใจแก่ผู้รีด
    ผู้รีดคนหนึ่งพูดกับเพื่อนว่า "เฮ้ย นี่ไม่ใช่ตะกั่วนี่หว่า .....เป็นอะไรวะ"
    เพื่อนอีกคนตอบ "กูก็ไม่รู้เหมือนกัน"
    ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้ยินเขาพูดข้าพเจ้าจึงนิ่งเสีย หันหน้าไปทางอื่นเพื่อให้เรื่องจบ เมื่อรีดเสร็จแล้วจึงนำของไปเข้าเครื่องพิมพ์ ข้าพเจ้ากราบอารารธนาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด พระอรหันต์ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อสมเด็จโต พรหมรังสี และครูบาอาจารย์ทั้งหมด ท่านพ่อปู่พระอินทร์ ท่านแม่ย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ศรี ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ มีท่านท้าวธตรฐและเทวดาทั้งหมด ขอเชิญท่านมาร่วมในพิธีสร้างพระมหาวิหารโคตรเศรษฐีของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ด้วยเถิด ข้าพเจ้ายืนคุมจนกระทั่งเขาทำเสร็จ ได้พระเครื่องจำนวน 285 องค์ ข้าพเจ้าตัดเอามาเพียงเล็กน้อย ไม่กล้าทำมาก เกรงว่าจะไม่มีใครศรัทธาเพราะเป็นเพียงแม่ชี หาคนศรัทธาน้อย

    เมื่อทำเสร็จ ข้าพเจ้านำพระเครื่อง 285 องค์นี้ ไปหาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ (ขอข้ามไปบ้างนะครับ)
    เมื่อทุกคนไปกันหมดแล้วเหลือแต่คณะของข้าพเจ้า หลวงพ่อหันมาทางข้าพเจ้าถามว่า "โยมชีมีอะไรจะคุยกับฉันหรือ"
    ข้าพเจ้าตอบว่า "มีเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อพูดขึ้นว่า "นั่นเอาอะไรมาด้วยล่ะ เอาผ้าคลุมไว้นั่นน่ะ"
    เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงตอบว่า "คือโยมเคยนำของที่ได้จากการปฏิบัติไปให้หลวงพ่อดูครั้งหนึ่งที่บ้านสายลม แล้วเจ้าค่ะ ครั้นต่อมาหลังจากนั้นโยมได้จัดทำเป็นรูปพระขึ้น"
    หลวงพ่อว่า "เออ..ว่ามา"
    ข้าพเจ้ากราบเรียนให้ท่านทราบว่า "พระของโยมทำขึ้นครั้งนี้ไม่เหมือนใคร ทำเป็นสองหน้า หน้าหนึ่งทำเป็นพระทุ่งเศรษฐี อีกหน้าหนึ่งทำเป็นพระศิวลีค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อเมื่อฟังข้าพเจ้าพูดจบลง หลวงพ่อได้เอ่ยขึ้นว่า"ไหนว่าไม่เหมือนของใคร ยกพานมาให้ฉันดูหน่อยซิ"
    ข้าพเจ้ากราบเรียนให้ท่านทราบว่า "โยมทำครั้งนี้ 285 องค์เจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อรับพานพระแล้ว หลวงพ่อได้หยิบพระดู ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และได้กล่าวขึ้นว่า "เออ..เข้าใจ..เข้าใจ ข้างหนี่งเป็นทุ่งเศรษฐี ข้างหนึ่งพระศิวลี เข้าใจจริงๆ เข้าใจจริงๆโยมนี่"
    "นี่นะโยม พระของโยมนี่ ถ้าผู้ใดได้ไปบูชา จะเป็นเศรษฐี โคตรเศรษฐี จนไม่เป็น ดีมากนะโยมนี่ เป็นคนมีปัญญา เอาล่ะนะ ฉันจะบอกให้ พระของโยมที่ทำมาทั้งหมดนี้ ถึงแม้จะไม่มีรูปพระเลย ของๆโยมก็ขลัง เขาสำเร็จอยู่ในตัวเขาแล้ว ให้ใครเอาไปทำอะไรๆ ให้ยิ่งกว่าทำ คำว่าเสื่อมไม่มี ของๆโยมนี้ใช้ได้ทุกอย่างเลยครบหมด เนื้อเกลี้ยงๆก็ขลัง"

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อถามต่อขึ้นว่า "เมื่อขณะที่ทำพระใครคุมอยู่"
    ข้าพเจ้ากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นว่า "โยมขออาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งหมด เทวดาทั้งหมด โยมคุมอยู่ด้วยเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    พระเดชพระคุณได้กล่าวขึ้น "เออ มันฉลาดอย่างนี้ เอาล่ะนะ ฉันจะถามโยมว่า ก่อนที่โยมจะได้ของสิ่งนี้มา โยมทำอย่างไรถึงได้ของ"

    ข้าพเจ้ากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นด้วยความเคารพยิ่งขึ้นว่า "พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นครูบาอาจารย์ของโยม โยมมีความเคารพเป็นที่สุด โยมขอกราบเรียนด้วยความจริงทุกประการด้วยเคารพเจ้าค่ะ หลังจากออกพรรษาในปี 2530 โยมได้มากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เรื่องคุณวิรัช มั่งเรืองสกุล ได้ถวายที่ดินให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในปีนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้อนุญาตให้โยมรับที่ดินไว้ จึงได้จัดการก่อสร้าง มีกุฏิ 4 หลัง ไว้เป็นที่พักสำหรับแม่ชีที่อยู่ประจำ มีห้องน้ำห้องส้วมเสร็จ ได้ต่อศาลาไว้ปฏิบัติธรรม ทำวัตรเช้า-เย็น 1 หลัง ห้องน้ำห้องส้วม โรงอาหาร เครื่องต่อใช้ไม่ป่า ต้นกระถินณรงค์เป็นเสา ต่อมาปลวกกินจนเสาขาด หลังคาทั้งหมดมุงด้วยหญ้าคาผุ เวลาฝนตกรั่วต้องเอาผ้าพลาสติกคอยกันกั้นไว้ ฝาศาลาสวดมนต์ใช้ผ้าเหลืองจีวรพระที่ท่านไม่ใช้ ขอมากั้นบังฝน พอลมตีมาลำบากมากทุลักทุเล พระพุทธรูปมี 28 พระองค์ มีโยมกรุงเทพฯ เขามาถวายไว้บูชาอีก 1 องค์ รูปเหมือนหลวงปู่ปานอีก 1 องค์ รูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่ออีก 1 องค์ รวมทั้งหมด 31 องค์ค่ะ"
    โยมเห็นพระพุทธรูปเปียกฝน โยมเกิดสังเวชใจมากที่สุด โยมคิดขึ้นในตอนนั้นว่า จะต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น ตั้งแต่ปฏิบัติมายังไม่เคยจะลองทำประโยชน์อะไรให้กับพระศาสนาเด่นชัดขึ้นมา เลย ในคืนนั้นเอง โยมตั้งใจเต็มกำลังการปฏิบัติจะได้ขั้นไหน ตอนไหนก็ตามจะไม่คำนึงถึง ตั้งใจมั่นคงเด็ดเดี่ยว เข้านั่งสมาธิแล้ว เจริญเมตตาไปในทิศทั้งปวง ทั่วโลกธาตุ ถึงหมู่สัตว์ทั้งหลายไม่มีที่ประมาณ จงถึงความสุขด้วยพระพุทธานุภาพ จงถึงความสุขด้วยพระธรรมานุภาพ จงถึงความสุขด้วยพระสังฆานุภาพ ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแต่อดีดถึงปัจจุบัน ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาโดยทั่วกัน

    ตั้งจิตระลึกนึกน้อมถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด พระธรรมคำสอนของพระองค์ที่ข้าพระพุทธเจ้าปฏิบัติตามอยู่ขณะนี้ นึกถึงพระอริยสงฆ์ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อด้วย และสมเด็จโตพรหมรังสี และเทวดาทั้งหมด มีปู่พระอินทร์ ท่านย่า ท่านแม่ ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่พระองค์ มีท่านท้าวธตรฐ คือท่านท้าวธตรฐองค์นี้ เมื่อสมัย พ.ศ. 2514 ท่านมาปรากฏให้โยมเห็นค่ะหลวงพ่อ ท่านบอกชื่อท่านให้โยมรู้จัก ท่านชื่อว่าท่านท้าวธตรฐ ถ้าโยมมีอะไรจะให้ท่านช่วยเหลือ ท่านให้โยมนึกถึงชื่อท่าน ตอนก่อนโยมไม่เชื่อเท่าไรนัก ครั้นโยมได้มาพบหลวงพ่อได้ฟังเทปสมาทานหลวงพ่อ และได้ฟังคำสอนของหลวงพ่อ โยมจึงได้เข้าใจ โยมจึงนึกถึงท่านให้ท่านมาช่วยในกิจของพระศาสนา
    โยมเอาจิตน้อมถึงทานบารมี นึกถึงทานที่ให้แล้ว ศีลบารมี นึกถึงศีลที่ได้สมาทานจะรักษาไว้ให้ดี ไม่ทำลายศีลจนตลอดชีวิต ปัญญาบารมี จะทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งแห่งขันธ์ห้า ให้เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ เนกขัมบารมี การถือบวชของข้าพเจ้าบวชครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย คำว่าสึกจะไม่มี จะช่วยกิจของพระศาสนาตลอดชีวิต
    วิริยะ บารมี จะขยันทำจิตให้เข้าถึงพระนิพพาน
    สัจจะ บารมี ข้าพเจ้าขอตั้งจิตจะพูดอย่างไหนทำอย่างนั้นตลอดชีวิต
    อธิษฐานบารมี คำอธิษฐานของข้าพเจ้าที่ตั้งใจมั่นคงครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ถอยออกจนตลอดชีวิต
    ขันติบารมี ข้าพเจ้าจะอดทนในสิ่งจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าทุกประการ
    เมตตาบารมี ข้าพเจ้าขอทรงเมตตาตลอดทั่วโลกธาตุ แม้แต่ผู้นั้นจะคิดทำร้ายข้าพเจ้าก็ตาม
    อุเบกขา บารมี ข้าพเจ้าจะวางเฉยด้วยประการทั้งปวง จะทำสติให้รู้เท่าทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะดีหรือร้ายก็ตามจะไม่หวั่นไหวกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น จะทำสติให้รู้ว่านั่นคืออนิจจัง นั่นคืออนัตตา จะทรงกำหนดจิตไม่คลอนแคลนไว้ด้วยความเคารพตลอดชีวิต บารมี 10 ทั้งหมดที่บำเพ็ญมาเพื่อความหลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิด

    จงมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเวลานี้ ข้าพเจ้ามีทุกข์เดือดร้อน
    แต่ทุกข์ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ไม่เหมือนผู้ครองเรือน ขณะนี้ข้าพเจ้ากำลังได้รับความทุกข์ เพราะศาลาที่ประดิษฐานองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและที่ปฏิบัติธรรมของ ข้าพเจ้าชำรุดทรุดโทรม ลมมาก็ต้องหาไม้มาค้ำไว้
    ถ้าการขอครั้งนี้เห็นว่าข้าพเจ้ายังไม่หมดตัณหา และเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตัวของข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายไม่ต้องช่วย
    ถ้าการขอของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ สะอาดจริงแล้ว ขอท่านทั้งหลายและท้าวธตรฐ จงช่วยข้าพเจ้าโดยด่วนด้วยเจ้าค่ะ
    ครั้นต่อมาโยมเข้านั่งสมาธิและเข้าฌานเต็มกำลัง จากฌานที่ 1 ขึ้นไปถึงฌานที่ 4 ถอยรองลงมาจนถึงฌานที่ 1 หยุดอยู่แค่อุปจารสมาธิ แล้วขอดังเช่นเดิม เข้าฌานต่อไปจนถึงที่สุด แล้วถอยลงมาแค่อุปจารสมาธิ แล้วขออีก ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 10 หรือ 20 วัน โยมไม่ได้นับ ถือว่าท่านให้ก็เอา ท่านไม่ให้ก็แสดงว่าโยมยังดีไม่พอ

    หลวงพ่อเมื่อได้ฟังข้าพเจ้าเล่าเรื่องให่ท่านฟังจบลง ท่านจึงได้เอ่ยขึ้นว่า "โยมรู้ไหมว่า ของที่โยมได้มานั้นเป็นของใคร ฉันจะบอกให้นะโยม ของที่โยมได้มานั้นเป็นของๆท่านผู้สำเร็จท่านทำไว้แล้ว ท่านก็ฝากกับเทวดา เมื่อท่านฝากกับเทวดา ท่านสั่งกับเทวดาไว้ว่า ถ้าผู้ใดมีบุญบารมีเห็นสมควรให้ ก็ขอเทวดาจงให้ของสิ่งนี้เถิด นี่โยมจึงได้มายังไงล่ะโยม"

    ข้าพเจ้า กราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ "ช่วยเมตตาปลุกเสกพระเครื่องของโยม เพื่อเป็นศิริมงคลด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
    พระเดช พระคุณหลวงพ่อได้พูดขึ้นว่า "เสกทำไมอีกเล่าโยม ของเขาดีอยู่แล้วถ้าโยมจะให้ฉันปลุกเสกละก็เอาอย่างนี้ดีกว่า โยมนั่นแหละไปทำขึ้น เพราะอะไรๆโยมก็ทำได้หมดแล้ว จะเอาอะไรอีกเล่า "
    ข้าพเจ้ากราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นว่า "จะต้องใช้มนต์บทไหนสวดเล่าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวง พ่อพูดแกมดุขึ้นว่า "ก็อีตอนได้ของมานั่นแหละสวดบทไหนเล่า"

    ข้าพเจ้ากราบขอขมาหลวงพ่อ จึงได้เข้าใจว่าใช้พลังจิตนี่เอง ไม่โดนดุเอาความโง่ออกไปปัญญาไม่เกิด หมดเวลาหลวงพ่อกลับเข้าที่พัก ท่านโอเดินย้อนกลับมาหาข้าพเจ้า
    ท่านพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า "โยมชีเอาพระของโยมเก็บไว้ให้อาตมาสัก 10 องค์นะ" ข้าพเจ้าตอบ "
    ได้ค่ะ แต่พระของโยมไม่ใช่ราคาเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อนะ เพราะโยมจะต้องการสร้างพระมหาวิหาร ต้องให้บูชาองค์ละ 10,000 บาทนะคะท่าน"
    เมื่อท่านโอได้ฟังข้าพเจ้าบอกราคา ท่านโอจึงได้พูดขึ้นว่า "งั้นฉันจอง 2 องค์นะ"
    เวลานี้ท่านโอยังมีชีวิตอยู่ที่วิหาร 100 เมตร ข้าพเจ้าขอย้อนรำลึกนึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา ทั้งหลาย หลวงพ่อรู้หมด หลวงพ่อรู้แจ้ง บริสุทธิ์โดยไม่ต้องสงสัย พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นพระที่ควรกราบไหว้บูชา พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นเนื้อนาบุญของโลก

    อาจจะฟังดูเหมือนนิทานหรืองมงายนะครับ

    แต่ความเป็นจริงที่เห็นและพิสูจน์ได้คือร่างของท่านไม่เน่าเปื่อยแถมเล็บและผมก็งอกออกมาเรื่อยๆครับ

    ซึ่งต่างจากการรักษาร่างแบบฉีดยารักษาไว้ครับ ซึ่งเหมือนๆกับพระอริยะสงฆ์ในบ้านเราหลายๆรูปที่คงสังขารไว้ให้ชนรุ่นหลังได้เห็นและศึกษาว่ามีจริงครับ

    ท่าน ลพ.ฤาษีลิงดำเองก็ดี ลพ.พรหม วัดช่องแค, ลป.สี วัดถ้ำเขาบุญนาค ฯลฯ ก็ล้วนแต่ละสังขารแต่ไม่เน่าเปื่อยเพื่อให้ผู้ที่คลางแคลงสงสัยในการปฏิบัติและผู้ที่สนใจได้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงครับ ให้ละความชั่วและทำความดีกันมากๆครับ

    พระรุ่นนี้ได้ทูลเกล้าถวายแด่ในหลวง ๙ องค์จากการสร้างครั้งแรก ๒๘๕ องค์ครับ

    ขณะที่สร้างครั้งแรกใกล้หมด ท่านแม่ประทุมก็ได้อาราธนาสร้างเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทันท่านทั้งหมดครับ ทั้งแบบหนา แบบบางและเนื้อผงสีดำ


    สร้างครั้งแรกจะต้องผงเนื้อสีดำครับ มวลสารเข้มข้นเลย หายากแล้วครับรุ่นแรกๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...