ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    อนุโมทนาบุญกับน้องตาลนะคะ...เห็นไหมในที่สุดก็บุญจัดสรรค์ หนีไม่พ้น...ต้องไปทำบุญร่วมกันอีกแหละ....จองสิทธิ์ให้แล้วจ้า 1 ที่
     
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    ลงทุนนะเนี๊ยะ เสียดายเลยไม่ได้เจอตัวจริง น้ำตาลสักที

    แต่ไม่เป็นไร มีวาสนาก็จะได้พานพบ......
     
  3. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    แล้วทำไมคุณชายไม่ไปล่ะจ้ะ


    งานนี้ตาลลงทุนน้า ...
    ทิ้งตั๋วเครื่องบินที่จองไว้แล้วล่วงหน้ามานั่งรถทัวร์
    ถึงอุดรเช้าวันจันทร์....ก็ลงรถแล้วทำงานต่อทันที
    งานนี้ถ้าแดดิ้นสิ้นชีวีก็ขอให้ชาวเมืองช่วยอุทิศบุญให้ด้วยนะคะ ฮิฮิ...
     
  4. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    ช่วงนี้กรอบจ้าเงินเหลือน้อย ไม่ไปดีกว่าครับ
    จะไปก็กลัวจะรบกวนนะจ๊ะ ดูก่อนแล้วกันนะครับ
     
  5. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    โคงการฝึกมโนมยิทธิ ครั้งที่ 3 วันที่ 22/9/2556

    พี่ตา (ข้าวโอ๊ด) ขอจอง 1 ที่ ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    จันทรกาล
     
  6. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    ขอเชิญร่วมบุญถวายอุณาโลม เพื่องานกฐินวัดพระพุทธบาทหริภุญชัยห้วยทรายขาว จ.ลำพูน

    ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพถวายอุณาโลมที่เป็นอัญมณีแท้เพื่อประดิษฐานบนพระนลาฎของพระพุทธรูปสมัยอยุธยา หน้าตัก 30 นิ้ว ซึ่งเป็นพระประธานในวิหารของวัดปริวาส ถ.พระราม 3 กรุงเทพฯ โดยปัจจัยที่ร่วมบุญอุณาโลมนี้ จะนำไปร่วมบุญกฐินวัดพระพุทธบาทหริภุญชัยห้วยทรายขาว จ.ลำพูน ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ เพื่อให้ผู้ร่วมบุญทุกท่านรับอานิสงส์มากขึ้น โดยท่านที่ประสงค์จะร่วมบุญถวายอุณาโลม กรุณาโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงเทพ/ออมทรัพย์ เลขที่ 036-7-14744-4 ชื่อบัญชี นางภูริชญา เหมรา และ นางพุทธารา โรจนฤทธิกร

    7527.jpg

    วัดปริวาส 4.5.56 resized.jpg

    น้ำฝนขอกราบอนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกท่านด้วยค่ะ _/|\_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  7. Paktawadee

    Paktawadee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,570
    พี่เอ๋ คนสวย พี่เดือนไปด้วยค่ะจองอีก 1 ทีทันไหมค่ะ
    หนูดี
     
  8. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905

    น้องหนูดีจ้า พี่จองให้แล้วค่ะ ของพี่เดือน และ กลัยาณมิตร รวม 2 ที่ เรียบร้อยแล้วจ้า

    ขออนุโมทนาบุญจ้า

    จันทรกาล
     
  9. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905

    ขอกราบอนุโมทนาบุญกับพี่น้ำฝน ด้วยจ้า

    เห็นของจริงแล้ว สวยงามม๊ากๆค่ะ อัญมณีแท้แต่ละเม็ดนั้น เม็ดใสๆปิ้งๆ ทั้งนั้นค่ะ

    สาธุ สาธุ สาธุ๊

    จันทรกาล
     
  10. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    สรุปรายชื่อ ที่จองเข้ามาแล้วค่ะ

    1. คุณจันทกาล
    2. คุณPaktawadee
    3. คุณไก่
    4. คุณ ta2498
    5. คุณ half wave
    6. พี่เดือน
    7. พี่เดือน
    8. คุณ kao oat
    9. คุณ Miss Brown
    10.
    11.
    12.

    อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านนะคะ
     
  11. หวงจื้อเซวียน

    หวงจื้อเซวียน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,296
    ค่าพลัง:
    +8,718
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ
    รอบนี้ไม่ได้ไปด้วย เนื่องจากมีปัญหารุมเร้าอยู่มากมาย
    หวังว่ารอบหน้าคงจะได้ไปด้วยครับ
     
  12. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพถวายอุณาโลมที่เป็นอัญมณีแท้เพื่อประดิษฐานบนพระนลาฎของพระพุทธรูปสมัยอยุธยา หน้าตัก 30 นิ้ว ซึ่งเป็นพระประธานในวิหารของวัดปริวาส ถ.พระราม 3 กรุงเทพฯ โดยปัจจัยที่ร่วมบุญอุณาโลมนี้ จะนำไปร่วมบุญกฐินวัดพระพุทธบาทหริภุญชัยห้วยทรายขาว จ.ลำพูน ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๗๙ บาท และขออนุโมทนากับผู้ร่วมบุญนี้ทุกท่านค่ะ
     
  13. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ขอให้อานิสงส์ในการร่วมบุญครั้งนี้ จงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้คุณ Serenoon เป็นผู้มีความเจริญด้วยโภคทรัพย์และอริยทรัพย์ ๗ ประการ และมีทิพยจักขุญาณแจ่มใสนะคะ _/|\_

     
  14. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    สู้ สู้ ค่ะ ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ มารไม่มีบารมีไม่เกิด เป็นการทดสอบปัญญา ค่ะ
    เดี๋ยวมันก็ผ่านไป .... เดือนหน้าต้อง ของดค่ะ เนื่องจากมีงานบุญใหญ่หลายงาน
    คุณหวงจื้อเซวียน อยู่ที่สุรินทร์ เชิญไปร่วมบุญใหญ่ด้วยกันนะคะ ที่วัดโพธิญาณรังสี วันที่ 10 พฤศจิกายน 2556

    อนุโมทนาบุญค่ะ
     
  15. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    โครงการ...ฝึกมโนมยิทธิ ที่วัดท่าซุง ครั้งที่ 3​


    ห้องฝึกมโน 9 .JPG

    สรุปรายชื่อผู้ร่วมเดินทางไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง (ปิดรับแล้วค่ะ)

    1. คุณจันทกาล
    2. คุณPaktawadee
    3. คุณไก่
    4. คุณ ta2498
    5. คุณ half wave
    6. คุณ half wave
    7. คุณ half wave
    8. พี่เดือน
    9. พี่เดือน
    10. คุณ kao oat
    11. คุณ Miss Brown
    12. คุณ Miss Brown

    ครบหนึ่งคันรถตู้ กับอีกหนึ่งคันรถส่วนตัว
    อย่าลืมเตรียมดอกไม้สามสีพร้อม ธูปและเทียน นะคะ เพื่อไหว้ครูที่บ้านสบายใจ จะจัดเป็นพาน หรือจัดเป็นช่อ แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละท่านเลยค่ะ

    อนุโมทนาบุญค่ะ
     
  16. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วอนันตกาลสุริยจักร ตอน ๑..สละช้างมงคล..

    ย้อนไปนับเป็นล้านอสงไขยที่ผ่านมา มีเมืองหนึ่งนามว่า เมืองสุริยนคร ปกครองโดยพระเจ้าสุริยจักรมหาราชา มีพระมเหสีพระนามว่า พระนางวสุมิตตาเทวี ทรงมีพระโอรส-ธิดาทั้งสิ้น ๗ พระองค์ พระนามว่า

    ๑.เจ้าชายสันติราช
    ๒.เจ้าชายเสนทิปุราณ
    ๓.เจ้าชายสุทธิมาตย์
    ๔.เจ้าชายสุทธิธรรม
    ๕.เจ้าชายสรรพญาณรังสี
    ๖.เจ้าหญิงสิริรัศมี
    ๗.เจ้าชายสัตตบวร –ท่าน widya



    เมืองนี้ได้ทำการบูชาพระอาทิตย์ ทำให้ชาวเมืองนี้มีทิพยจักขุญาณแจ่มใส รวมทั้งพระโอรส-ธิดาของพระเจ้าสุริยจักรด้วย พระเจ้าสุริยจักรมีของคู่บารมีอีก ๓ สิ่งคือ ช้างเผือกมงคล ม้าเกือกแก้ว และธนูกลางหาว

    ช้างเผือกมงคลนั้น ทำให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาล การค้าขายเจริญรุ่งเรือง ม้าเกือกแก้วนั้น สามารถเหาะเหิรเดินอากาศได้ อีกทั้งสามารถไปยังแดนต่าง ๆ ได้ในพริบตาเดียว ส่วนธนูกลางหาว เมื่อยิงครั้งเดียวจะทำให้ธนูแตกเป็น ๗ ดอก ทำลายศัตรูได้ในพริบตาเดียว

    ถึงแม้มีของคู่บารมีถึง ๓ อย่าง พระเจ้าสุริยจักรก็ไม่เคยรุกรานเมืองอื่น ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุข อีกทั้งพระโอรส-ธิดาต่างอยู่ในโอวาทของพระองค์เป็นอย่างดี ประชาชนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ

    กล่าวถึงเมืองหนึ่งนามว่า “ปัญจมัทร” เมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองสุริยจักรถึงร้อยโยชน์ บ้านเมืองมีแต่ความเดือดร้อน โจรขโมยชุกชุม ทำให้พระเจ้ามัทรราชทรงกังวลพระทัยยิ่งนัก จึงได้ให้โหรทำนายดวงเมือง โหรทำนายว่า

    “หากมีช้างมงคลจะทำให้ปัญหายุ่งยากต่าง ๆ ในเมืองนี้จะหมดไป”


    พระเจ้ามัทรราชจึงประกาศหาผู้รู้เรืองช้างมงคล ปรากฏมีพ่อค้าเร่คนหนึ่ง ชื่อนายตาลมัทร ได้เคยค้าขายยังเมืองสุริยจักรนคร ได้ทราบเรื่องช้างมงคลของเมืองสุริยจักรนคร จึงได้เข้าเฝ้าพระเจ้ามัทรราช และขออาสาเป็นราชทูตทูลขอยืมช้างมงคลจากเมืองสุริยนคร พระเจ้ามัทรราชทรงแต่งตั้งให้เป็นราชทูตส่งมายังเมืองสุริยนคร

    เมื่อไปถึงได้เข้าเฝ้าพระเจ้าสุริยจักรมหาราชา ทรงรับสาส์นจากพระเจ้ามัทรราช ขอยืมช้างมงคล พระเจ้าสุริยจักรได้ปรึกษากับเสนาอำมาตย์ส่วนหนึ่งก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่า เมื่อช้างมงคลไม่อยู่แล้วจะทำให้บ้านเมืองไม่อุดมสมบูรณ์เช่นเดิม แต่อีกส่วนหนึ่งกล่าวว่า

    “เราเพียงให้ยืมเพียง ๓ ปี ไม่น่าจะมีปัญหาใด หากไม่ให้ยืมพระเจ้ามัทรราชอาจจะพิโรธ และมีสงครามเกิดขึ้น แม้พระองค์จะมีธนูกลางหาว ย่อมเอาชนะข้าศึกได้ แต่เมืองของเราอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่อยากให้เกิดชนวนสงครามขึ้น”

    พระเจ้าสุริยจักรทรงพิจารณาว่า ควรส่งมอบช้างมงคลแก่พระเจ้ามัทรราชเพียง ๓ ปี และส่งมอบคืนกลับเมืองสุริยนคร จึงได้แจ้งแก่ตาลมัทรราชทูตว่า

    “ เราจะให้กษัตริย์ของท่านยืมชั่วคราว เพียง ๓ ปี และส่งคืนกลับเมืองของเรา”


    ตาลมัทรราชทูตมีความยินดียิ่งนัก จึงได้นำช้างมงคลกลับเมืองปัญจมัทรต่อไป เมื่อช้างมงคลไปถึงเมืองนี้ เป็นเรืองน่าอัศจรรย์ เกิดฝนตกต้องตามฤดูกาล ทำให้พืชผลไร่นาได้ผลผลิตมากมาย การค้ากับต่างเมืองเจริญได้กำไรงาม ทำให้ปัญหาโจรขโมยต่าง ๆ หมดไป

    พระเจ้ามัทรราชจึงคิดว่า ควรจะนำสาส์นไปขอช้างมงคลอยู่เมืองนี้อย่างถาวร จึงได้ส่งสาส์นขอช้างมงคลเป็นการถาวร พระเจ้าสุริยจักรเกรงจะเกิดอันตรายแก่บ้านเมือง จึงสละช้างมงคลให้อยู่เมืองปัญจมัทรต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2013
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วอนันตกาลสุริยจักร ตอน ๒ สละพระโอรส..

    ต่อมามีกษัตริย์วรรณจักรนคร พระนามว่า พระเจ้าสุวรรณจักร มีพระมเหสีพระนามว่า พระนางยาตราเทวี ทรงอภิเษกสมรสมาเกือบ ๑๐ ปี

    พระนางยาตราเทวีได้ทราบข่าวการประทานช้างมงคลของพระเจ้าสุริยจักร จากพ่อค้าเครื่องประดับจากเมืองสุริยนคร พระนางปรารถนาจะมีพระโอรส ทรงดำริว่า ..

    “อันพระเจ้าสุริยจักรมีพระโอรสถึง ๖ พระองค์ แม้ขอมาเพียง ๑ พระองค์ ทรงมีเมตตาจะประทานให้แก่พระนาง”

    จึงนำความนี้มาปรึกษากับพระสวามี พระนางให้เหตุผลว่า..

    “ปกติกษัตริย์ย่อมเห็นแก่ราษฎรเป็นสำคัญ ยิ่งกว่าพระโอรส-ธิดา มีผู้มาขอช้างมงคล อันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมืองพระองค์ทรงประทานให้ พระองค์มีพระโอรสถึง ๖ พระองค์ พระโอรสเพียงพระองค์เดียวก็ทรงสละให้ได้”

    พระเจ้าสุวรรณจักรนั้น มีความรักพระมเหสีมากจึงได้ตัดสินพระทัยทำตาม ส่งสาส์นไปขอพระโอรสจากพระเจ้าสุริยจักร เมื่อไปถึงพระเจ้าสุริยจักรทรงถึงกับหลั่งพระเนตรไม่คิดว่า การที่พระองค์ประทานช้างมงคลไปให้แล้วจะมีผลให้มีผู้มาขอพระโอรสของพระองค์ จึงขอให้ราชทูตจากเมืองสุวรรณจักรรอก่อน ๑ วันจะให้คำตอบวันรุ่งขึ้น

    จากนั้นได้นำเรื่องนี้ปรึกษาพระมเหสี พระนางวสุมิตตราเทวีนั้นทรงร่ำไห้ไม่คิดว่า จะมีผู้ใดกล้ามาขอพระโอรสจะพระนางไป ฝ่ายพระโอรส ๕ พระองค์นั้นพอทราบข่าวได้ขอเข้าเฝ้าพระบิดา เจ้าชายสันติราช พระโอรสองค์โต ทรงตัดสินพระทัยขอเดินทางไปพร้อมกับราชทูตของเมืองวรรณจักรนคร เพื่อเป็นพระโอรสบุญธรรมของพระเจ้าสุวรรณจักรเอง


    ครั้นรุ่งขึ้น พระเจ้าสุริยจักรได้ทรงหลั่งน้ำสิโณทกส่งมอบพระโอรสองค์โตแก่เมืองวรรณจักรนคร พระนางวสุมิตตราเทวีร่ำไห้จนสลบไป
     
  18. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วอนันตกาลสุริยจักร ตอน ๓ สละพระโอรสองค์ที่ ๒-๓

    เมื่อฟื้นขึ้นมาพระเจ้าสุริยจักรทรงตรัสว่า...

    “น้องหญิง เรามีลูก ๗ คน ให้เขาช่วยเลี้ยงสักคนคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างลูกใหญ่ของเราอาสาไปเอง”

    พระนางวสุมิตราเทวี แม้ไม่ทรงเห็นด้วย แต่ด้วยความรักและเคารพพระสวามีจึงยอมโอนอ่อนผ่อนตาม

    ต่อมาเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป รู้ถึงพระเจ้าบวรราช กษัตริย์เมืองสิริสมบัติ มีพระมเหสีนามว่า พระนางปทุมเกสร ทรงไม่มีพระโอรส-ธิดาเช่นกัน จึงส่งสาส์นมาทูลขอเจ้าชายเสนทิปุราณ พระโอรสองค์ที่ ๒ มีความสง่างาม และมีเลิศด้วยปัญญา และทรงเสด็จมารับด้วยพระองค์เอง

    พระโอรสทรงยอมไปแต่โดยดี พระเจ้าสุริยจักรหลังน้ำสิโนทกมอบพระโอรสองค์ที่ ๒ ให้ไป ผลคือพระนางวสุมิตราเทวีทรงร่ำไห้จนสลบไป



    ต่อมาอีก ๑ ปี มีกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระเจ้าวิสุทธสิริราชา แห่งเมืองโมตยมาตย์ ไม่มีพระมเหสี แต่ปรารถนาจะมีผู้สืบทอดบัลลังก์ของพระองค์ ทราบว่า พระโอรสของพระเจ้าสุริยจักรล้วนมีบุญญาธิการ มีความเฉลียวฉลาด

    เมื่อพระโอรสของพระเจ้าสุริยจักรเสด็จไปอยู่เมืองใด เมืองนั้นมีแต่ความเป็นสิริมงคล และเจริญรุ่งเรือง

    อีกทั้งทรงทราบว่า พระโอรสองค์ที่ ๓ ทรงได้ทิพยจักขุญาณตั้งแต่ทรงพระเยาว์ สามารถมองเห็นทรัพย์ได้ทั้งบนดิน และในน้ำ จึงปรารถนาจะขอพระโอรสองค์ที่ ๓ คือ เจ้าชายสุทธิมาตย์ มาเป็นพระโอรสบุญธรรม อีกทั้งทรงเสด็จไปรับด้วยพระองค์เอง

    พระโอรสทรงยอมไปแต่โดยดี พระเจ้าสุริยจักรหลังน้ำสิโนทกมอบพระโอรสองค์ที่ ๓ ให้แก่พระเจ้าวิสุทธสิริราชา เมื่อไปถึงเมืองโมตยมาตย์ ทรงให้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ พระเจ้าวิสุทธสิริราชานั้น รักเจ้าชายสุทธิมาตย์ดุจพระโอรสของพระองค์เอง ทรงถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ให้โดยไม่ปิดปัง

    พระเจ้าวิสุทธสิริราชานั้น ทรงมีวิชาที่สามารถไปท่องเที่ยวนรก –สวรรค์ได้ และไม่ปิดบังพระโอรสบุญธรรมแต่อย่างใด ทรงฝึกสอนจนชำนาญ เมื่อเจ้าชายสุทธิมาตย์ไปยังเมืองนี้ ทรงช่วยค้นหาทรัพย์ที่สูญหายให้กลับคืน อีกทั้งทรัพย์ที่ปราศจากเจ้าของ ทำให้เมืองโมตยมาตย์กลายเป็นเมืองแห่งมหาสมบัติในทันที

    กล่าวถึงพระนางวสุมิตราเทวีนั้นเริ่มทำใจได้แล้วว่า การมีพระโอรส-ธิดา ๗ พระองค์ พระนางอาจจะเป็นเพียงผู้ให้กำเนิด ส่วนพระบิดามารดาที่รับไปนั้น อาจจะเป็นพระบิดาพระมารดาที่แท้จริง

    แต่ยังมีความเศร้าพระทัยอยู่ทำให้ร่างกายผ่ายผอม เจ้าหญิงสิริรัศมีทรงดูแลพระมารดาอยู่ไม่ห่าง จากนั้นเมืองสุริยจักรก็เริ่มสู่สภาวะปกติ และมีความสงบสุขดังเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2013
  19. suwat.su

    suwat.su เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7,643
    ค่าพลัง:
    +55,534
    อนุโมทนาบุญ ทั้งหมด ทั้งมวล

    [​IMG]
     
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วอนันตกาลสุริยจักร ตอน ๔ สละพระราชธิดา

    เวลาผ่านไป ๓ ปีต่อมา มีกษัตริย์จากภพบาดาลองค์หนึ่ง พระนามว่า พญาภุมรินทร์นาคราช ได้แปลงกายเป็นมนุษย์ออกท่องเที่ยวในมนุษยโลก ได้ยินกิตติศัพท์ว่า พระเจ้าสุริยจักรนั้นทรงสละพระโอรสแก่กษัตริย์เมืองอื่นถึง ๓ พระองค์ ทรงดำริว่า...


    “ที่ผ่านมา เราไม่เคยถูกใจนางนาคมาณวิกาตนใดเลย เราได้ข่าวว่า พระเจ้าสุริยจักรนั้น มีพระธิดา ๑ องค์ เราจะไปขอพระธิดานี้มาเป็นมเหสีแห่งเรา”


    จากนั้นจึงแปลงกายเป็นกษัตริย์หนุ่ม พร้อมทั้งนาคบริวาร นำทรัพย์จากภพบาดาลมา เพื่อสู่ขอพระธิดาสิริรัศมีมาเป็นพระมเหสีของตน

    ธรรมดาไม่ว่ากษัตริย์ หรือเสนาอำมาตย์เมืองนี้ล้วนแต่ได้ทิพยจักขุญาณ จึงทราบว่า ผู้ที่มานี้เป็นกษัตริย์ของเมืองนาค พระเจ้าสุริยจักรนั้นทรงเกรงว่า จะมีความเดือดร้อนภายหลัง จึงกล่าวแก่พญาภุมรินทร์นาคราชว่า..

    “มหาบพิตร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เราทราบว่า ท่านหาใช่มนุษย์ไม่ อีกทั้งธิดาของเรา ยังเด็กนัก ขอท่านจงใคร่ครวญใหม่เถิด”


    พญาภุมรินทร์นาคราชในคราบกษัตริย์หนุ่ม จึงเกิดบันดาลโทสะ ทำให้เปลี่ยนกายเป็นพญานาค สร้างความหวาดกลัว เมื่อระลึกได้จึงแปลงกายเป็นกษัตริย์หนุ่มตามเดิม และตรัสว่า..

    “ข้าฯแต่มหาบพิตร เราเองมิปรารถนานางนาคมาณวิกาใด ๆ เราได้ยินว่า พระธิดาของพระองค์ มีรัศมีกายสว่างไสวดุจเทพธิดา อีกทั้งมีทิพยจักขุญาณ เราปรารถนานางมาเป็นคู่บารมีของเรา แม้เราจะไม่ใช่มนุษย์ แต่เราใช่ว่าจะด้อยกว่ากษัตริย์เมืองอื่น เราจะดูแลนางเป็นอย่างดีไม่แพ้มนุษย์ใด ขอท่านโปรดพิจารณาเถิด..”


    พระเจ้าสุริยจักรนั้น กล่าวแก่พญาภุมรินทร์ว่า “มหาบพิตร ท่านเป็นพญานาคราช ส่วนธิดาของเราเป็นมนุษย์จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร "

    พญาภุมรินทร์นาคราชตรัสว่า... “เรื่องนั้น พระองค์ไม่ต้องเป็นห่วง ชาวเมืองของเรามีวิชาแปลงกายได้ตามระยะเวลาที่ต้องการตามปรารถนา อีกทั้งเราเตรียมเมืองสำหรับรอต้อนรับนางแล้ว ผู้ที่มาดูแลนาง ล้วนแต่ทรงฌาน ไม่เปลี่ยนเป็นนาคแม้เวลาหลับ ยกเว้นเวลาโกรธ”

    พระเจ้าสุริยจักร แม้จะกังวลพระทัย แต่ด้วยเกรงฤทธานุภาพของพญานาค จะทำให้ชาวเมืองเดือดร้อน จึงตรัสว่า..
    “เอาอย่างนี้แล้ว เราขอเวลา ๓ วัน เพื่อให้เราตัดสินใจก่อน อีก ๓ วัน ท่านจงมาพบเราอีกครั้ง”
    พญาภุมรินทร์นาคราชทรงพอพระทัย พระองค์และนาคบริวาร หายไปจากท้องพระโรงกลับยังเมืองของตนทันที
    ส่วนพระเจ้าสุริยจักร ทรงปรึกษาเสนาอำมาตย์มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ถกเถียงกันอยู่นาน เรื่องนี้จึงถึงพระกรรณของเจ้าหญิงสิริรัศมี จึงได้ทูลถามพระนางวสุมิตราเทวี พระนางวสุมิตราเทวี ทรงร่ำไห้และตรัสว่า..

    “ข้าฯแต่สุริยเทพ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เราเสียโอรสของเราไปแล้ว ๓ องค์ คราวนี้จะต้องเสียธิดาของเราแก่พญานาคราชไปอีกหรือ ทำไมท่านไม่มีเมตตาแก่เราเลย คราวนี้หาใช่มนุษย์ไม่.. หากเราไม่ให้คงมีภัยใหญ่หลวงนัก เราจะทำอย่างไรดี..”


    เจ้าหญิงสิริรัศมี ทรงเห็นพระมารดาร่ำไห้เช่นนั้น จึงคิดว่า..

    “ข้าฯ แต่พระมารดา เสด็จพี่ของหม่อมฉันทรงเสียสละเพื่อบ้านเมืองได้ หม่อมฉันเองก็เช่นกัน ธรรมดาแล้วพญานาคทั้งหลายมีพิษร้าย หากหม่อมฉันไม่ยินดี อาจจะมีภัยถึงบ้านเมืองของเรา การไปอยู่เมืองนาค อาจจะไม่เลวร้ายไปเสียทั้งหมดหรอกเพคะ ลูกยินยอมที่จะไปเป็นพระมเหสีของพญาภุมรินทร์เอง

    อันสตรี วันหนึ่งย่อมออกจากเรือน ไม่ว่าสวามีจะเป็นมนุษย์หรือนาค ก็ย่อมขึ้นชื่อว่า เป็นบุรุษ หากพญาภุมรินทร์ ปรารถนาตัวลูกด้วยความรัก ลูกยินยอมที่จะไปเป็นพระมเหสีของพญาภุมรินทร์เพคะ จะขอพระองค์มาเยี่ยมพระมารดาทุกปี”


    เมื่อพระธิดากล่าวเช่นนั้น พระนางวสุมิตราเทวี จึงคิดว่า พญาภุมรินทร์นั้นอาจจะเป็นคู่ครองของพระธิดาจริง ๆ พระนางจึงได้ให้นางกำนับทูลแก่พระเจ้าสุริยจักร
    ครั้นถึงเวลา ๓ วันตามกำหนด พญาภุมรินทร์นาคราช ได้นำราชรถอันประดับด้วยรัตนะทั้ง ๗ มารับเจ้าหญิงสิริรัศมี พระเจ้าสุริยจักรทรงหลั่งน้ำสิโณทก เป็นการมอบพระธิดาแก่พญาภุมรินทร์นาคราชต่อไป


    เมื่อขึ้นไปบนราชรถนั้น ด้วยฤทธานุภาพแห่งนาคราช ทำให้เจ้าหญิงสิริรัศมีหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึงนาคพิภพจึงรู้สึกตัวว่า อยู่บนแท่นบรรทมแล้ว

    พญาภุมรินทร์นาคราชได้ทำการเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสอย่างใหญ่โต ด้วยเหตุที่เป็นพญานาคตนแรกที่มีมนุษย์เป็นพระมเหสี และเปลี่ยนพระนามแก่เจ้าหญิงสิริรัศมีใหม่ว่า พระนางปวารตีเทวีนับแต่นั้นมา จากนั้นทรงอยู่ภพบาดาลอย่างมีความสุข

    ______________________________________________

    ประวัติดวงแก้วอนันตกาลสุริยจักร ตอน ๕ สละม้าเกือกแก้ว

    กล่าวถึงเมืองหนึ่งมีนามว่า “มหาปุระนคร” เป็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรือง ปกครองโดยพระเจ้าปุรวรินทร์ เป็นกษัตริย์ที่ไม่มีพระมเหสี แต่หลงใหลในความงามของสตรี ไม่ดูแลทุกข์สุขของชาวเมือง

    ทำให้เสนาอำมาตย์คดโกงเงินคลังหลวง ชาวเมืองถูกกดขี่ข่มเหงโดยเสนาอำมาตย์เหล่านั้น จึงต่างสาปแช่งกษัตริย์และเหล่าเสนาอำมาตย์

    ครั้งนั้นมีมานพหนุ่มคนหนึ่งเป็นบุตรพ่อค้าเร่ นามว่า มหัทธมานพ ได้เห็นความทุกข์ยากของชาวเมือง คิดว่าจะทำอย่างไรจะช่วยชาวเมืองเหล่านั้นให้พ้นจากความทุกข์ยาก ได้ยินกิตติศัพท์ของม้าเกือกแก้วของพระเจ้าสุริยจักร จึงคิดว่า...

    “ม้าเกือกแก้วนั้นมีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถเหาะไปมาอย่างรวดเร็ว เสียงร้องของม้าเกือกนั้น ทำให้ศัตรูสะดุ้งได้ อีกทั้งยังเป็นม้าที่หาที่ซ่อนทรัพย์ได้ เราจะนำทรัพย์เหล่านั้นไปช่วยประชาชนที่ทุกข์ยาก”
    จากนั้นจึงได้เดินทางเข้าเมืองไปขอม้าเกือกแก้วจากพระเจ้าสุริยจักร เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนเมืองมหาปุระ พระเจ้าสุริยจักรนั้นพิจารณาถึงความเดือดร้อนของชนต่างเมือง จึงเมตตาประทานม้าเกือกแก้วให้มหัทธมานพ เพื่อไปช่วยเหลือคนทุกข์ยาก โดยหลั่งน้ำสิโณทกลงผืนดิน

    เมื่อมหัทธมานพได้ขี่ม้าเกือกแก้ว เสียงของม้านั้น ทำให้พระเจ้าปุรวรินทร์ตกใจจนสิ้นพระชนม์ เมื่อชาวเมืองทราบว่า พระราชาของตนสิ้นพระชนม์ต่างขับไล่เสนาอำมาตย์ชั่วออกจากวัง เสนาอำมาตย์เหล่านั้นตกใจกลัวรีบหนีออกจากพระราชวัง กลับยังบ้านเกิดของตน

    เมื่อชาวเมืองเห็นเช่นนั้น จึงได้ยกให้มหัทธมานพเป็นกษัตริย์ปกครองบ้านเมืองต่อไป มหัทธมานพจึงให้ชาวเมืองคัดเลือกตัวแทนของตน ขึ้นมาเป็นเสนาอำมาตย์ช่วยปกครองบ้านเมืองอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

    _______________________________

    แก้วอนันตกาลสุริยจักร.jpg

    ประวัติดวงแก้วอนันตกาลสุริยจักร ตอน ๖ สละธนูกลางหาว


    ต่อมากษัตริย์จากเมืองสุธรรมรัตน์ นามว่า พระเจ้าวสุธรรมราชา มีเพียงพระธิดาพระองค์เดียว พระนามว่า “เจ้าหญิงมณีเมขลา”ไม่มีพระโอรสสืบราชบัลลังก์ พระมเหสีได้สวรรคตตั้งแต่พระธิดาทรงพระเยาว์ เมืองนี้แม้เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มีแก้วรัตนชาติมากมาย โดยเฉพาะแก้ว ๗ สี มณี ๗ แสง อันเป็นสมบัติล้ำค่า

    ทำให้กษัตริย์เมืองอื่นปรารถนาจะครอบครองดินแดนนี้ จึงเป็นเหตุให้มีผู้มารุกรานเป็นประจำ พระเจ้าวสุธรรมนั้น แม้มากด้วยความสามารถในการรบ แต่เมื่อวัยล่วงเลยไปจึงอ่อนล้าในการทำสงคราม เมื่อได้ข่าวว่า เมืองสุริยนครนั้นมีธนูกลางหาว สามารถป้องกันเมืองได้โดยไม่เกรงข้าศึกศัตรู ทรงดำริว่า..

    “พระเจ้าสุริยจักรนั้น แม้ทรงมีเมตตาใครขอสิ่งใดก็จะให้ ธนูกลางหาวนั้น เป็นอาวุธสำคัญในการป้องกันเมือง

    หากเราไปขอเพียงธนู ย่อมไม่แน่ว่า จะมีบุญญาธิการพอที่จะใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ พระโอรสองค์ที่ ๔ ยังไม่ได้อภิเษกสมรส ทั้งเปี่ยมด้วยบุญญาความสามารถทางการทหาร อีกทั้งทรงสง่างามยิ่งนัก

    ดีละ เราจะส่งสาส์นเชื่อมสัมพันธไมตรี มอบพระธิดาของเรา เพื่ออภิเษกสมรสกับพระโอรสองค์ที่ ๔ ของพระเจ้าสุริยจักร อีกทั้งขอประทานธนูกลางหาว เพื่อเป็นของขวัญในการอภิเษกสมรส ย่อมไม่ผิดแน่”


    จากนั้นพระเจ้าวสุธรรมราชาส่งพระราชสาส์น ขอเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเมืองสุริยนคร พร้อมยกพระธิดามณีเมขลา ยกให้แด่เจ้าชายสุทธิธรรม ครั้นเมื่อพระเจ้าสุริยจักรตอบตกลง จึงทูลขอธนูกลางหาว เพื่อเป็นของหมั้นแก่เจ้าหญิงมณีเมขลา

    พระเจ้าสุริยจักรทรงเห็นว่า เมืองของพระองค์ไม่มีศัตรูใด ๆ เข้ามากล้ำกราย และไม่จำเป็นต้องใช้ธนุกลางหาว จึงมอบเป็นสิ่งรับขวัญพระสุนิสา(ลูกสะใภ้) ตามคำขอของพระเจ้าวสุธรรมราชา

    หลังจากอภิเษกสมรสได้ ๑ เดือน เจ้าชายสุทธิธรรม เสด็จไปยังเมืองสุธรรมรัตน์ เพื่อช่วยพระเจ้าวสุธรรมราชารบกับข้าศึกที่มารุกราน โดยใช้ธนูกลางหาว ปราบปรามข้าศึกจนไม่มีใครกล้ามารุกราน

    พระเจ้าวสุธรรมราชา เห็นคุณแห่งการเสียสละพระโอรส และธนูกลางหาวของพระเจ้าสุริยจักร จึงส่งเครื่องบรรณาการณ์เป็นเครื่องรัตนชาติ มอบแก่เมืองสุริยนคร เพื่อเป็นการตอบแทนทุกปี พระเจ้าสุริยจักรทรงทำพิธีเป็นพระสหายกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อบ้านเมืองสงบร่มเย็นเรื่อยมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...