ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ร่วมประมูล และขอแสดงความยินดีกับคุณ am12 คุณ phuya คุณ moom เช่นกันครับ

 

ขออนุโมทนาบุญและแสดงความยินดีกับคุณวาสุเทพด้วยนะครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ร่วมประมูล
และขอแสดงความยินดีกับคุณ phuya คุณ Sun 2555 คุณ moom ด้วยนะครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ๊ ขอแสดงความยินดี กับพี่phu คุณ Sun 2555 คุณ moom และขออนุโมทนาบุญ ด้วยจ้า

และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะค่ะ

จันทรกาล

 

..ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ




ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมประมูลจักรชุดนี้ ขออนุโมทนาบุญกับคุณ am12 ที่ช่วยสรุปผลการประมูลให้ค่ะ

และขอแสดงความยินดีกับคุณ phuya คุณ sun2555 คุณ am12 และคุณ mooom ด้วยค่ะ

___________________________

สำหรับการประมูลชุดที่ ๒ และ ๓ ขออนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพที่ได้พลอยพญานาคไปดูแลต่อไปค่ะ

อุณาโลมสีแดงนั้น จะมีความใหญ่กว่าทุกครั้งที่เคยนำออกประมูล สามารถนำไปเป็นอุณาโลมพระขนาด ๘ ศอกขึ้นไปค่ะ


ขอให้ทุก ๆ ท่านมีความคล่องตัวในการเงิน การงาน ขอให้ธุรกิจการงาน เจริญรุ่งเรือง ขอมีญาณทัสสนะที่แจ่มใส และเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนกว่าจะสำเร็จตามความปรารถนาค่ะ


ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

สำหรับจักรทั้ง ๔ ได้ปรากฏขึ้นก่อนสมัยพุทธกาลของสมเด็จพระสมณโคดม โดยมีความเกี่ยวเนื่องกับพญามุจลินทร์นาคราช และพญานาคอีก ๔ ตระกูล และมีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติของพระเบญจนาคินทร์ที่ได้ประมูลไปแล้วด้วยค่ะ

ดิฉันจะได้นำเสนอประวัติต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

..เหตุแห่งการอัญเชิญประวัติดวงแก้วมุจลินทรราชันย์-อัปสรสวรรค์มนตรา..

เหตุเนื่องจาก เมื่อเดือนที่ผ่านมา วันหนึ่งคุณ Numfonbaanfa ได้สอบถามเรื่องเกี่ยวกับท่านพญามุจลินทร์นาคราช และสอบถามเรื่องดวงแก้วประจำตัวของท่าน

ดิฉันได้สอบถามกับท่านผู้เป็นใหญ่แห่งนาคพิภพท่านหนึ่ง ทราบว่า ท่านพญามุจลินทร์นั้นได้เคลื่อนภพไปก่อนหน้านี้แล้ว และดวงแก้วประจำตัวของท่านก่อนจะก่อนภพนั้น เหล่านาคทั้งหลายหวงแหนมาก ไม่สามารถเคลื่อนจากภพบาดาลได้

ท่านได้กล่าวว่า เนื่องจากวงศ์ของท่านและท่านพญามุจลินทร์นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน การเจรจาขอดวงแก้วนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่มีดวงแก้วประจำตัวของท่าน สมัยก่อนพบพระพุทธองค์ ประดิษฐานอยู่เมืองเดิมของท่าน ปัจจุบันตั้งแต่ในประเทศอินเดีย ผู้ปกครองเมืองเดิมของท่านนั้นปัจจุบันเป็นรุ่นเหลน(หลานของหลาน) เป็นดวงแก้วสีเขียวมรกต และดวงแก้วนี้ได้ขึ้นมาแล้ว

เวลานั้นยังไม่ทราบรายละเอียดอื่น ๆ แต่อย่างใด จึงได้เรียนคุณน้ำฝนให้ทราบ และเธอบอกว่า ต้องการเพียงดวงแก้วของท่านมุจลินทร์เพียงดวงเดียวเท่านั้น
จากนั้นดิฉันจึงได้ทราบว่า มีดวงแก้วสีเขียวมรกตเข้มขึ้นมาแล้ว จริง ๆ จำนวน ๒ ดวง เป็นของท่านมุจลินทร์และพระมเหสีองค์แรก จึงได้แจ้งไปยังคุณน้ำฝน และคิดว่าอีกดวงหนึ่ง หากคุณน้ำฝนไม่ต้องการก็จะเก็บไว้เอง

ต่อมา น้องขาลก็ได้สอบถามเรื่องดวงแก้วมาเช่นกัน และบอกว่า เป็นดวงแก้วขนาด ๑๐ กก. สีเขียวเป็นประกายทองรอบ ๆ หลังจากน้องขาลทำการอธิษฐานแล้ว ปรากฏว่า ดวงแก้วนี้ไม่ได้เนื่องกับน้องขาลแต่อย่าง

วันต่อมา เมื่อดวงแก้วทั้งสองมาถึงบ้านของดิฉัน ปรากฏเหตุการณ์อย่างหนึ่งคือ ฝนตกหนักมาก แบบไม่ลืมหูลืมตา แต่ไม่มีพายุ ดิฉันจึงได้ตรวจดู พบว่าเห็นเป็นกายพญานาคสีแดงบ้าง สีเขียวบ้าง สีเทาหรือเป็นแก้วบาง เป็นหมู่คณะ เพื่อสักการะบูชาดวงแก้ว

ดิฉันได้อธิษฐานจิตอุทิศบุญต่อท่านเหล่านั้น เมื่ออุทิศบุญเสร็จปรากฏฝนหยุดตกเป็นช่วง ๆ แล้วก็มีพญานาคคณะใหม่มา โดยไม่ทราบที่มาที่ไป

จนผ่านไปวันที่ ๓ ของการนำดวงแก้วสีเขียวมรกตประดิษฐานไว้ที่บ้าน ปรากฏมีเสียงแรกหน้าบ้าน พบว่า ท่านหนึ่งปรากฏพร้อมคณะ จึงสอบถามว่า ท่านเป็นใคร ท่านผู้นั้น ตอบว่า..

“เราคือ จักรภพโภคะนาคราช นี้คือมเหสีของเรานามว่า “อัปสรสวรรค์” เราเป็นรุ่นเหลนของพญามุจลินทร์นาคราชที่เคลื่อนภพไปแล้ว เดิมทีท่านอัสดรบอกให้ท่านไปหาเราที่เมือง แต่ไม่เห็นท่านไป เราพร้อมบริวารจึงเดินทางมาเอง เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวเกี่ยวกับดวงแก้วคู่นี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่พญามุจลินทร์นาคราช อันเป็นต้นตระกูลของเรา”

จากนั้นท่านได้ให้เห็นภาพเรื่องราวต่าง ๆ เมื่อ ๔๘๐๐ ปีก่อนสมัยพุทธกาลมาแล้ว จึงขอนำเสนอประวัติดวงแก้วทั้งสอง และประวัติพระเบญจนาคินทร์ต่อไปค่ะ
ผลบุญแห่งการให้ธรรมทานครั้งนี้ ขอจงมีผลแก่พญานาคทั้ง ๕ ตระกูล อันมีตระกูลแห่งพญามุจลินทร์นาคราช พญาอัสดรนาคราช พญาวโรรสนาคราช พญาภุชงคบดีนาคราช และพญาโภคนาคราช

ตลอดทั้งพญาจักรภพโภคนาคราช พระนางอัปสรสวรรค์เทวี และบริวาร พญานาคราชทั้งหลายที่มีความเคารพในพญามุจลินทร์นาคราชทั้งปวงด้วยเถิด สาธุ..

ขออนุโมทนาบุญกับน้ำฝนที่เป็นต้นบุญในการเผยแพร่ธรรมทานครั้งนี้ด้วยค่ะ
Numsai

 

ประวัติดวงแก้วมุจลินทรราชันย์-อัปสรสวรรค์มนตรา

​

ย้อนหลัง ๔๘๐๐ ปี ก่อนสมัยพุทธกาล เกิดมีเมืองบาดาลปรากฏขึ้นด้วยบุญฤทธิ์เมืองหนึ่ง นามว่า “ศรีสัตตนคร” ผู้ปกครองเมืองคือ พญามุจลินทร์นาคราช จุติแบบโอปปาติกะ

พญามุจลินทร์นั้นมีความองอาจ ผึ่งผาย สง่างามดุจเทพจุติลงมาเกิด ทรงจุติพร้อมดวงแก้วประจำกาย สีเขียวมรกต ด้วยเดิมนั้นทรงเคยเป็นพระโอรสของท้าวสักกเทวราช(พระอินทร์)มาจุติ และได้รับพร ๘ ประการ ก่อนลงมาสร้างบารมีในนาคพิภพ

ต่อมามีปรากฏเทพธิดาจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จุติบนแท่นบรรทมของพญามุจลินทร์นาคราช มีสิริโฉมงดงามดุจเทพอัปสร มีฉวีสีทองทา มีกลิ่นกายหอมดุจมวลบุพชาติ พระองค์ทรงตั้งให้พระนามว่า “พระนางสุวรรณฑริกาเทวี”

พระนางมีความเมตตาต่อมวลนาคนาคีทั้งหลาย ทุกวันธรรมสวนะ พระนางจะถืออุโบสถศีล และได้พาสนมแลนางกำนัล ไปยังพระเจดีย์แห่งนาคพิภพ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน

ส่วนพญามุจลินทร์นาคราชนั้น ทุกวันธรรมสวนะจะต้องขึ้นไป เฝ้าท้าวสักกเทวราช พร้อมท้าววิรูปักษ์ และเหล่ากษัตริย์จากเมืองบาดาลอื่น ๆ กาลนั้นพญาสุนันโทนาคราช ทรงเป็นนาคธิบดีราชาแห่งกษัตริย์ทั้ง ๗ เมือง ขณะนั้นพญาโภคนาคราช ดำรงตำแหน่งผู้เฝ้าคลังจักรพรรดิ

ทุกวันธรรมสวนะ พญามุจลินทร์นาคราชได้นำโอวาทจากท้าวสักกเทวราช มาปกครองเมืองโดยธรรม เหล่านาคานาคีทั้งหลายอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข
วันหนึ่งพระองค์ปรารถนาจะเดินทางท่องเที่ยวในเมืองมนุษย์ จึงมอบหมายให้พญามัทราชนาคราช พระโอรสเป็นตัวแทนของเมืองไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช แทนในทุกวันธรรมสวนะ

พญามุจลินทร์นาคราชนั้น ได้ยินพ่อค้าจากแดนสุวรรณภูมิได้กล่าวถึงพระฤาษีผู้ทรงอิทธิฤทธิ์องค์หนึ่ง นามว่า วาสุเทพ จึงปรารถนาที่จะพบพระฤาษีตนนั้น เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ จึงอธิษฐานแทรกดินให้ปรากฏต่อหน้าท่านวาสุเทพฤาษีทันที

แท้จริงท่านวาสุเทพฤาษีนั้น ก็คือพระเกษรีฤาษีนั้นเอง เหตุมีผู้เรียกนามท่านว่า วาสุเทพนั้น มีจากคำว่า วาสุ แปลว่า พื้นดิน เทพ หมายถึงเทวดา รวมความหมายถึง เทวดาบนดินนั่นเอง

ทุกครั้งที่เหล่าบรรดาพ่อค้าในสมัยนั้น เมื่อเดินทางค้าขาย และถูกโจรปล้นจะปรากฏพระฤาษีตนหนึ่งคอยช่วยเหลือให้พ้นไป อีกทั้งทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่สูญหาย อีกผู้ใดอุปัฏฐากพระฤาษีตนนั้นดี ๆ จะมีทรัพย์เพิ่มขึ้นมากมาย หรือค้าขายได้กำไรงาม เหล่าบรรดาพ่อค้าเหล่านั้น ไม่มีผู้ใดทราบนามของพระฤาษีตนนี้แต่อย่างใด จึงเรียกท่านว่า “วาสุเทพฤาษี” หมายถึง เทวดาบนดินนั่นเอง

พญามุจลินทร์นั้น เพื่อพบกับท่านวาสุเทพฤาษี มีความเลื่อมใสศรัทธา ปรารถนาจะติดตามเพื่ออุปัฏฐาก

พระเกษรีฤาษีนั้น ทราบด้วยญาณว่า อดีตโอรสแห่งท้าวสักกเทวราชจะมาหาตน เพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ จึงตรวจดูด้วยบุพกรรมแล้ว ไม่มีความเนื่องกันกับท่านโดยตรง อีกทั้งท่านจะต้องเข้าสมาบัติ

จึงได้พาพญามุจลินทร์นาคราช ได้แนะนำกับศิษย์อื่น ๆ ได้แก่ พญาอัสดรนาคราช พญาโภคนาคราช พญาวโรรสนาคราช และพญาภุชงคบดีนาคราช (พญาชมภุบดี)

จากนั้นได้แจ้งว่า ท่านจะต้องเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๕๐๐๐ ปี และได้พาศิษย์ทั้ง ๕ ไปฝากพระสีหบดินทร์ฤาษี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของศิษย์ผู้น้อง นามว่า อนันตฤาษี ซึ่งเคลื่อนภพไปก่อนหน้านี้

พระสีหบดินทร์ฤาษีนั้น เป็นผู้แตกฉานในวิชานพเก้าไตรกาลเช่นกัน จากนั้นท่านจึงไปยังเมืองสัตตรัตนนครเพื่อเข้าสมาบัติ โดยมอบหมายให้พระอินทรปัตต์ ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอัสดงฤาษี เป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์นาคเมืองต่าง ๆ เนื่องจากทราบด้วยญาณทัสสนะว่าจะมีภัยจากพญาครุฑ จึงได้มอบหน้าที่นี้ให้แก่พระอินทร์ปัตต์ฤาษี

 

ประวัติดวงแก้วมุจลินทรราชันย์-อัปสรสวรรค์มนตรา ตอน ๒ ข่าวการอุบัติของพระพุทธเจ้า

พญามุจลินทร์ได้เรียนวิชาต่าง ๆ จากพระสีหบดินทร์จนสำเร็จ แล้วจึงลากลับเมือง ก่อนจะที่ศิษย์แต่ละเมืองจะแยกย้ายกันไป พระสีหบดินทร์ได้กล่าวว่า

“ในอนาคตกาลจะมีผู้สำเร็จพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า “พระพุทธสมณโคดม” ขอพวกเจ้าทั้งหลายรอฟังข่าวไว้”

จากนั้นพญานาคราชทั้ง ๕ ต่างแยกย้ายกลับเมืองของตน พญามุจลินทร์นาคราชนั้น ได้ออกจากนาคพิภพเป็นเวลา ๑๕ วันของนาคพิภพ (ในยุคนั้น ๑ วันนาคพิภพเท่ากับ ๑ ปีในโลกมนุษย์)

เมื่อกลับยังเมืองศรีสัตตนครแล้ว ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พระมเหสีและพระโอรสฟัง หลังจากที่พญามุจลินทร์นาคราชกลับจากโลกมนุษย์แล้ว มีความรู้สึก ต้องการปลีกวิเวกประพฤติพรหมจรรย์ จึงขอปลีกวิเวกฝึกจิตในถ้ำ ด้วยจิตน้อมระลึกถึงพระพุทธสมณโคดม และได้มอบหมายการดูแลเมืองแก่พญามัทราชนาคราช พระโอรส

การที่เคยเอาอกเอาใจพระมเหสีนั้น เริ่มห่างลดน้อยลงไป ทำให้พระนางสุวรรณฑริกาเทวีเกิดความเข้าใจผิดคิดว่า พญามุจลินทร์อาจจะพบหญิงอื่น และนอกใจพระนาง คิดต่างๆ นานาตามวิสัยสตรี

พระนางจะพบพระสวามี เพียง ๗ วัน/ครั้ง พญามุจลินทร์นาคราชออกมาสั่งการเรื่องงาน และทรงไม่สนพระทัยพระนาง

ทำให้พระนางเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ จึงได้นำดอกไม้ไปบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และอธิษฐาน "ขอเกิดเป็นมนุษย์ในภพเบื้องหน้า และเกิดในยุคพระพุทธสมณโคดมพุทธเจ้า ไม่ขอเกิดในนาคพิภพอีกแล้ว นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป"

ด้วยบุญกุศลที่พระนางได้ถืออุโบสถศีลสม่ำเสมอ และบูชาพระบรมสารีริกธาตุด้วยความเคารพ ทำให้พระนางจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นพระมเหสีพระองค์หนึ่งของท้าวสักกเทวราชทันที

หลังจากที่พระนางสุวรรณฑริกาเทวีเคลื่อนภพแล้ว เหลือเพียงดวงแก้วมณีประจำกายของพระนางเป็นเครื่องดูต่างหน้า พญามุจลินทร์รู้สึกเสียพระทัยยิ่งนักที่พระองค์เฝ้าคิดถึงแต่เรื่องของพระพุทธเจ้า จนขาดความเอาใจใส่แก่พระมเหสี

จึงได้นำดวงแก้วมณีของพระนางเก็บไว้ในถ้ำที่พระองค์ประพฤติธรรม ความรักความอาลัยในพระมเหสี ทำให้พระองค์จึงได้มอบราชสมบัติแก่พญา จมอยู่ในกองทุกข์

พระสีหบดินทร์ฤาษี ผู้เป็นอาจารย์ได้ทราบด้วยพระญาณ จึงได้ลงจากมนุษยโลก เพื่อให้สติแก่พญามุจลินทร์นาคราชว่า..

“มุจลินทร์เอ๋ย..เจ้าอย่าได้เป็นทุกข์เลย ขณะนี้มเหสีของเจ้าได้ไปเสวยสุขบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว นางลือเรื่องในนาคพิภพจนหมดสิ้น เจ้าจงตัดใจเสียเถิด อย่าได้เป็นทุกข์ร้อนใจเลย อย่าให้ความกังวลใจมาทำให้บุญกุศลที่จะสร้างต่อไปนี้เศร้าหมอง

การที่มาเกิดในนาคพิภพ เพียงเพราะบาปเก่า ทำให้เคลื่อนจากดาวดึงส์สู่นาคพิภพ ดังนั้น จงตั้งใจเสียใหม่ เร่งสร้างบารมีให้มาก เพื่อให้พ้นจากความเป็นนาคเสียเถิด”

พญามุจลินทร์นาคราชได้ฟังพระอาจารย์กล่าวเช่นนั้นจึงได้สติ จึงได้ก้มกราบพระสีหบดินทร์ฤาษี เมื่อเห็นเช่นนั้น พระสีหบดินทร์ฤาษี จึงได้ขึ้นจากภพบาดาล และเหาะกลับยังที่ของตนทันที

 

ประวัติดวงแก้วมุจลินทรราชันย์-อัปสรสวรรค์มนตรา ตอน ๓ สร้างมหาบารมี

จากนั้นพญามุจลินทร์นาคราชได้ลาพระโอรสเข้าสมาบัติ โดยก่อนเข้าสมาบัตินั้นได้ตั้งจิตอธิษฐานขอออกจากสมาบัติก่อนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะบังเกิดขึ้นในโลก นับเป็นเวลา ๔๗๐๐ กว่าปีก่อนสมัยพุทธกาล

หลังจากเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๔๗๕๘ ปีแล้ว ได้ตรวจดูด้วยญาณทัสสนะว่า กาลนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลกแล้วหรือยัง

ปรากฏว่า กาลนั้นพระโพธิสัตว์เคลื่อนจากดุสิตลงสู่พระครรภ์พระมารดาแล้ว

พญามุจลินทร์จึงเข้าสมาบัติต่ออีก ๗ วัน (๗ ปี) โลกมนุษย์ เมื่อออกจากสมาบัติก็พบว่า พระโพธิสัตว์เคลื่อนจากพระครรภ์มารดาแล้ว พระชนมายุได้ ๗ ชันษา

จึงเข้าสมาบัติต่อ ๑๕ วัน(นาคพิภพ) เมื่อออกสมาบัติพบว่า พระโพธิสัตว์ยังเสวยสุขอยู่ แต่ยังไม่มีพระโอรส-ธิดา และทรงยังไม่ออกผนวช พระองค์จึงเข้าสมาบัติอีก ๗ วัน(นาคพิภพ) เมื่อออกสมาบัติพบว่า พระโพธิสัตว์ออกผนวชแล้ว แต่ยังไม่เห็นธรรม

จึงตั้งใจว่า จะเข้าสมาบัติออกอีกครั้ง เมื่อใดมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น เมื่อนั้นจะออกสมาบัติอีกครั้ง ครั้นเวลาผ่านไป ๖ วันนาคพิภพ หรือ ๖ ปีของโลกมนุษย์ เกิดแผ่นดินสั่นสะเทือนไปทั่ว ทำให้สะเทือนพญามุจลินทร์นาคราช ทรงทราบว่าพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลกแล้ว จึงได้ตรวจดูด้วยญาณว่า พระพุทธองค์เสด็จอยู่ที่ใด จึงได้แทรกกายไปปรากฏบริเวณสระน้ำใกล้กับต้นมุจลินทร์

พญามุจลินทร์จึงได้อาศัยในสระน้ำนั้น เพื่อว่า พระพุทธองค์จะเทศนาสั่งสอนธรรม ปรากฏว่าผ่านไป ๗ วันพระพุทธองค์ก็ไม่ทรงเปล่าพระพุทธจนใด ๆ

ฝ่ายพญามัทราช พระโอรส ทราบว่า พระบิดาได้ออกจากสมาบัติ จึงได้ให้บริวารตามหา พบว่า พระบิดาไปเฝ้าพระพุทธเจ้า จึงเกิดความเลื่อมใสพาบริวารออกติดตามพญามุจลินทร์นาคราช ที่ใดมีพญานาครวมตัวกัน เมื่อนั้นจะเกิดฝนตกลงมา

พญามุจลินทร์เห็นเช่นนั้น เกรงว่า ฝนอันเกิดจากบริวารของตนจะทำให้พระพุทธองค์เปียก จึงได้เนรมิตกายให้ใหญ่ เป็นอาสนะรองรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และทรงอธิษฐานขยายเศียร เป็น ๗ เศียร เพื่อบังลมและฝนแก่พระพุทธองค์

การสร้างกุศลคราวนี้ ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน พระสีหบดินทร์ได้ตรวจดูด้วยญาณทัสสนะจึงทราบว่า ศิษย์ของตนได้สร้างกุศลใหญ่ จึงได้สั่งญาณไปยังศิษย์ที่เหลือ และปรากฏกายบริเวณใกล้เคียง เห็นภาพพญามุจลินทร์นาคราช ได้บังแดดทนร้อนอยู่ มีทุกขเวทนามาก

ธรรมดาแล้ว เหล่านาคราชทั้งหลาย แม้โดดแดดเพียงวันเดียว แทบจะทนไม่ไหว แต่พญามุจลินทร์นาคราชนั้น ทำให้สหายของท่าน คือ พญาอัสดรนาคราช พญาโภคนาคราช พญาวโรรสนาคราช และพญาภุชงคบดีนาคราช
เกรงพญามุจลินทร์จะเป็นอันตราย จึงได้ผลัดเปลี่ยนมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ทำให้มีฝนตกตลอดทั้ง ๗ วัน เพื่อป้องกันแก่พญามุจลินทร์นาคราช
พระสีหบดินทร์ฤาษีนั้น จึงคิดว่า โอกาสนี้หาได้ยาก เราจะสร้างพระพุทธรูปนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณความดีของมุจลินทร์นาคราช ศิษย์ของเรา

จากนั้นได้เหาะมายังที่พักของตนเข้าสมาบัติ ๓ เดือน อธิษฐานพระเบญจนาคินทร์ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องระลึกที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายได้สร้างความดีร่วมกัน
เมื่อออกจากสมาธิ ๗ วันแล้ว ได้อธิษฐานพระเบญจนาคินทร์

มีสีแดง-น้ำตาล สีเหลืองทอง สีฟ้าเข้ม สีแดงสด และสีม่วง มอบแก่พญานาคราชที่เป็นลูกศิษย์ ๕ องค์ คือ พญาอัสดรนาคราช พญาโภคนาคราช พญาวโรรสนาคราช พญาภุชงคบดีนาคราช และพญามุจลินทร์นาคราช

จากนั้นต่างแยกย้ายกันกลับเมือง ส่วนพญามุจลินทร์นั้นมิได้กลับเมืองของตน ได้อยู่แดนสุวรรณภูมินับแต่นั้นมา โดยได้คอยอุปัฏฐาก

กล่าวถึงพระนางสุวรรณฑริกาเทวี หลังจากได้จุติเป็นพระมเหสีของท้าวสักกเทวราชองค์เดิม และมีท้าวสักกเทวราชองค์ใหม่ปรากฏ จึงได้จุติเป็นมนุษย์นามว่า มัลลิกา เป็นธิดาเศรษฐีของเมืองหนึ่ง ต่อมาเมื่อโตขึ้นได้ฟังธรรม นางระลึกชาติได้ว่า เคยเป็นพระมเหสีของพญานาคราชมาก่อน

นางจึงได้ถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์ อุทิศบุญแก่พญานาค อดีตพระสวามี ทำให้ผลเกิดทิพยวิมานขึ้นมาบริเวณพญามุจลินทร์ได้อาศัยอยู่

พญามุจลินทร์นั้นได้ทราบว่า อดีตพระมเหสีอุทิศบุญแก่ตน จึงได้เข้าในนิมิตของนางว่า ได้รับบุญที่อุทิศให้แล้ว นางมัลลิกาจึงได้อุทิศบุญอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดทิพยวิมาน และทิพยสมบัติแก่พญามุจลินทร์มากมาย จนกลายเป็นเมือง ๆ หนึ่งขึ้นมา ภายหลังมีชาวนาคพิภพมาอาศัยอยู่เมืองนี้ จนกลายเป็นเมืองใหญ่อีกเมืองในแถบแคว้นสุวรรณภูมิ

ภายหลังพญาวโรรสนาคราช ได้ถวายพระธิดานามว่า พระนางวรางคนางค์ เป็นพระมเหสีแก่พระเจ้ามุจลินทร์ ภายหลังมีพระโอรส-ธิดา ๘ พระองค์

จากนั้น มีผู้ถวายพระธิดาให้อีกองค์นามว่า พระนางศิริรัตน์เทวี เพื่อเป็นพระมเหสีองค์ที่ ๒ นับแต่นั้นมา

ปัจจุบันพญามุจลินทร์ และพระนางวรางคนางค์ได้เคลื่อนภพไปแล้ว คงเหลือแต่พระนางศิริรัตน์เทวี เป็นผู้ครองนคร

ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝนทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

โมทนาบุญกับพี่น้ำใสด้วยนะครับ...

โมทนาบุญกับ คุณ Numfonbaanfa ที่เป็นปฐมเหตุให้เราได้ทราบเรื่องราวดีๆ ครับ..

ยินดีด้วยกับ คุณ phuya คุณ sun2555 คุณ am12 คุณ mooom และ คุณสุเทพ ด้วยนะครับ...

ปล. ขอโทษพี่น้ำใสนะครับ ไม่ได้มาช่วยอัพเดตตารางให้ครับ..

 

ขออนุโมทนาบุญกับน้อง sylvenus เช่นกันค่ะ เรื่อง update ไม่เป็นไรค่ะ ทราบว่า น้องภูมิยุ่งกับเรื่องการศึกษาอยู่

ขอให้มีปัญญาสว่างไสว ปราศจากอุปสรรคทั้งปวง และสำเร็จการศึกษาโดยไว ค่ะ

บุญรักษาค่ะ

Numsai

__________________

หมายเหตุ

สำหรับท่านที่ติดตามประวัติดวงแก้วอนันตกาล ตอนจบ ให้ติดตามอ่านในหน้า ๒๗๒ ค่ะ

ส่วนประวัติดวงแก้วสุขุมาลย์ ยังมีต่อนะคะ ดวงแก้วดวงอื่น ๆ และจักรแก้วจะทะยอยลงต่อไป

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

ผู้ที่เกี่ยวเนื่องในประวัติดวงแก้วอนันตกาลสุริยจักร..หน้า ๒๗๐-๒๗๓


สำหรับผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับดวงแก้วอนันตกาลสุริยจักรนั้น มีดังนี้

๑. พระเจ้าสุทธิธรรม/เมืองสุธรรมรัตน์ = พระเกษรีฤาษี


๒. พระเจ้าสัตตบวร/เมืองสุริยจักร = ท่าน widya

๓. พระเจ้าสิทธิสัตตะ/เมืองวรรณจักร = ผู้ดูแลดวงแก้ววสันตรัตนญาณ ปัจจุบัน


๒. พระเจ้ามัทรราช/เมืองปัญจมัทร = คุณ sun2555


๓. นายตาลมัทร/ราชทูตตาลมัทร = คุณ mooom


๔. พญาลิงเผือก = คุณ am12

ส่วนผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ส่วนใหญ่เข้าพระนิพพานไปนานแล้วค่ะ


ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

อนุโมทนาบุญและขอแสดงความยินดีกับคุณวาสุเทพ คุณ sun2555 คุณ am12 และคุณ mooom ด้วยค่ะ

 

กราบขอบคุณ คุณNamfonBaanfa ค่ะ และแล้วความลับก็ถูกเปิดเผย ว่าทำไมถึงมีเทวดาถือธงมาที่บ้านคุณน้ำฝนในวัน ที่ทำพิธีบวงสรวง ชัดเจนแจ่มใสมากเลยค่ะ อิอิ

 

กราบขอบคุณพี่น้ำใส ที่เป็นผู้ไขปริศนาในหลายๆ เรื่อง และแล้ว...วันนี้ก็ทำให้ได้รู้ว่า พระนาคปรก มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ขอบคุณนะคะ

 

กราบอนุโมทนาบุญกับคุณน้ำใสตลอดจนท่านจักรภพโภคะนาคราชและทุกท่านที่ได้กรุณาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตโดยผ่านคุณน้ำใสให้พวกเราได้รับทราบประวัติกัน

ชาตินี้น้ำฝนไม่เคยรู้จักพระนามของพญานาคตนใดเลยนอกจากท่านมุจลินทร์ และก็ไม่เคยรู้สึกผูกพันกับพญานาคตนใดเลยนอกจากท่านมุจลินทร์ ... กราบขอบพระคุณคุณน้ำใสอีกครั้งค่ะ _/|\_

 

พอได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ยิ่งทำให้เห็นความไม่แน่นอนในสังสารวัฎนี้มากขึ้น เหมือนอย่างที่พระบรมศาสดาท่านตรัสไว้เลยค่ะคุณหม่อน...เป็นนางฟ้าจากชั้นดาวดึงส์ แล้วก็ดำดิ่่งลงสู่บาดาลเป็นนาคมาณวิกา แล้วจู่ๆก็จุติเคลื่อนไปอยู่ภูมิที่สูงขึ้น...เป็นมเหสีของท่านท้าวสักกะ...แต่เพียงไม่นานพอท่านท้าวสักกะเทวราชองค์ใหม่ท่านมารับหน้าที่พร้อมกับมเหสีคู่บุญบารมี...ก็ต้องเคลื่อนภพหล่นตุ๊บลงมาอยู่ในโลกมนุษย์....ชาตินี้น้ำฝนจะขอเดินตามมรรคมีองค์ 8 ให้มากที่สุดค่ะคุณหม่อน เผื่อว่าวาระสุดท้ายอาจจะได้ถึงในสิ่งที่ยังไม่เคยถึงค่ะ

กราบอนุโมทนาและขอแสดงความยินดีกับคุณหม่อนอีกครั้งที่ประมูลจักรสัตตรัตน์บงกชได้ค่ะ _/|\_

 

โอนเงินแล้วครับ 8,100 บาท
อุณาโลมสีแดงและพลอยพญานาค๕สี ขอมอบให้คุณน้ำใสพิจารณาจัดสรรทำบุญตามแต่จะเห็นสมควรครับ

ขอแสดงความยินดีกับคุณ phuya คุณ sun2555 คุณ am12 และคุณ mooom ด้วยครับที่ประมูลได้จักรแก้ว
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมประมูล/ร่วมเชียรด้วยครับ

 

กราบอนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพด้วยค่ะ อุณาโลมสีแดงนี้คุณน้ำใสคงนำไปสร้างบุญใหญ่เพื่อให้เกิดอานิสงส์แก่คุณวาสุเทพต่อไปอย่างแน่นอนค่ะ

_/|\_