ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

วันนี้....กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
เดินทางไปร่วมเปิดสำนักงาน UFO - Thailand ที่รามคำแหง ซอย 40




วันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2550
เปิดสำนักงาน UFO-Thailand ณ อาคารฝักข้าวโพด(อาคาร 1) ชั้น 12 ห้อง 168 รามคำแหง ซอย 40 กรุงเทพฯ

 

จริง ๆ แล้ว เรื่องแบบนี้ มีการพบเจอมาแล้วหลายตัวอย่าง ซึ่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็จะรู้ว่า เราไม่ได้หลง ไม่ได้เข้าใจผิด หรือไม่ได้ออกนอกเส้นทาง แต่จุดหมายปลายทางเปลี่ยนไปเอง

กรณีนี้ เป็นการขับรถไปยังจุดหนึ่ง แต่ไปโผล่อีกจุดหนึ่งซึ่งเป็นคนละที่กัน

ตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับของคุณ Zeus@ มากที่สุดก็คงจะเป็นของคุณ mead
พี่สุดใจได้สนทนากับคุณ mead บ่อยครั้งในระยะหลัง ๆ ก็ทราบว่าคุณ mead ได้มีประสบการณ์พบเจอสิ่งแปลก ๆ มากมายหลายอย่าง ซึ่งเรื่องของการขับรถผ่านมิติก็เคยเจอมาแล้ว ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับที่คุณ Zeus@ พบเจอ คุณ mead เล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขับรถจากกรุงเทพฯ จะเดินทางกลับบ้านพักที่จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งขับรถมาทางสายเอเซีย เส้นทางหลักที่เดินทางเป็นประจำอยู่แล้ว ปกติเมื่อผ่านชัยนาทแล้ว ก็จะถึงทางแยกเข้าจังหวัดอุทัยธานี(ก่อนถึงปรียนันท์ธรรมสถานเล็กน้อย)

แต่เมื่อขับผ่านชัยนาทแล้ว แทนที่จะถึงทางแยกอุทัยธานี ที่เคยเลี้ยวเข้าประจำ แต่ทางเข้าหายไป ไปปรากฏอยู่หน้าค่ายจิระประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งห่างจากจุด ที่จะต้องเลี้ยวเข้าจังหวัดอุทัยธานีไปอีก 30 กิโลเมตร

ซึ่งหากจะเป็นการขับเลยจากทางเข้าอุทัยธานี ถ้าเลยไปไม่ไกลก็ต้องเจอสี่แยกไฟแดงพยุหะคีรี ซึ่งคนที่ขับรถประจำก็จะรู้ว่า ขับเลยทางเข้าอุทัยธานีมาแล้ว แต่กลับไม่เจออะไรเลย ไม่เจอทางเข้าอุทัยธานี ไม่เจอพยุหะคีรี แต่ไปโผล่ที่ค่ายจิระประวัติ จังหวัดนครสวรรค์เลย ซึ่งห่างไปถึง 30 กิโลเมตร คุณ mead จึงต้องขับรถย้อนกลับมาที่อุทัยธานีอีกครั้ง

ซึ่งตอนนั้นก็ยังงงว่า ขับเลยไปได้อย่างไรจนถึงนครสวรรค์ แต่เมื่อได้มาเจอพี่สุดใจ และได้สนทนาเรื่องของมิติ ที่มีตัวอย่างขับรถเข้ามิติกันหลายท่าน จึงรู้ว่า คงจะไม่ได้เป็นการหลงลืมไปเอง อาจเป็นการผ่านมิติไปทะลุอีกที่หนึ่งก็เป็นได้

อีกตัวอย่างหนึ่ง ได้มีการสนทนากับคุณ Falkman ในช่วงที่เดินทางไปเยือนเขากะลา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา คุณ Falkman เมื่อได้รับฟังตัวอย่างจากพี่สุดใจ จากคุณ mead ไปบ้างแล้ว ก็ได้กล่าวว่า
"สงสัยว่าคุณพ่อกับน้อง คงจะเจอเรื่องขับรถเข้ามิติแน่เลย"
คุณ Falkman เล่าให้ฟังว่า คุณพ่อ กับน้อง ขับรถขึ้นทางด่วน (ขออภัยพี่สุดใจจำไม่ได้ว่าทางด่วนเส้นไหน) พอขึ้นทางด่วนไปแล้ว บนทางด่วนนั้น กลับไม่มีรถเลยสักคันเดียว บนถนนว่างเปล่า มีเพียงรถของคุณพ่อและน้องเพียงคันเดียวเท่านั้นที่แล่นอยู่ ถนนอีกด้านก็ไม่มีรถวิ่งสวนเลยสักคันเดียว ก็รู้สึกแปลกใจว่ารถบนทางด่วนหายไปไหนหมด น่าจะต้องมีบ้างไม่มากก็น้อย แต่ยิ่งขับไปก็ยิ่งไม่เห็นรถเลยสักคันก็เริ่มรู้สึกกลัว จะหาทางเลี้ยวกลับรถ แต่ก็ไม่มีทางเลี้ยวกลับรถเลย

ขับรถมาสักพัก ก็เห็นด่านเก็บเงินอยู่ข้างหน้า ก็ใจชื้นขึ้นบ้าง เพราะอย่างน้อยก็ได้เห็นคนอยู่ที่ด่านหลายคน เมื่อเข้าช่องจ่ายเงินที่ด่าน คุณพ่อของคุณ Falkman ก็ได้ถามคนเก็บเงินว่า
"วันนี้ทำไมบนทางด่วนไม่มีรถเลยสักคัน"
คนเก็บเงินก็บอกว่า "ก็รถเยอะแยะไปหมดนี่ครับ"

พอคุณพ่อกับน้อง หันไปด้านข้างก็เห็นรถเยอะแยะเต็มถนนไปหมด เห็นในขณะที่คนเก็บเงินพูดเสร็จเลย ซึ่งทั้งสองท่านก็เลยงงมากว่าทำไมถึงไม่เห็นรถสักคันเลยก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ได้มาเล่าให้คุณ Falkman ได้ฟังด้วย
ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ขับรถอยู่กันคนละมิติ กับทางปัจจุบัน
และเหตุการณ์นี้ มีพยานร่วมในเหตุการณ์ด้วย 2 ท่าน


อีกตัวอย่างหนึ่ง มีพยานรวมทั้งหมด 4 ท่าน

พี่สุดใจ และสมาชิกอีก 3 ท่าน คือคุณดุษฏี คุณโยษิตา และคุณเอมอร เดินทางไปนครสวรรค์ และตอน 18.05 นาฬิกา ออกจากนครสวรรค์ พอออกจากบ้านที่นครสวรรค์ ก็กดไมล์ตั้ง 00 กิโลเมตร เพื่อวัดระยะทางกลับเข้ากรุงเทพฯ

พี่สุดใจเป็นคนขับรถยนต์คันนั้น อีก 3 ท่านก็นั่งคุยไปเรื่อย ๆ พอถึงชัยนาทก็เลี้ยวเข้าไปเส้นทางสุพรรณบุรี ขับไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดพักทานข้าว เพราะคิดว่าวิ่งถึงกรุงเทพฯ ระยะทาง 250 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมง ก็จะไปทานข้าวที่กรุงเทพฯทีเดียว น่าจะถึงไม่เกินสามทุ่ม
เมื่อขับรถไปเรื่อย ๆ และก็คุยกันไปตลอดทาง พี่สุดใจก็ขับความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. แต่ที่แปลกก็คือ บางช่วงไม่มีรถขับตามมาเลยสักคัน รถด้านที่วิ่งสวนทางก็ไม่มีสักคัน และทางที่ขับผ่านก็มืดสนิท เหมือนขับรถอยู่คันเดียวในความมืด ซึ่งช่วงนั้นเป็นเทศกาล รถสายเอเซียติดมาก เลยเลี่ยงมาทางนี้ และก็เห็นรถวิ่งเข้ามาตามเส้นทางสุพรรณบุรีจำนวนมากด้วย
พวกเราเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ก็พยามดูป้าย เพราะขับมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่ถึงสุพรรณบุรีสักที ก็เริ่มช่วยดูป้ายบอกกิโลเมตร เห็นป้าย อีก 30 กิโลเมตร จะถึงสุพรรณบุรี ก็ใจชื้นว่าจะถึงสุพรรณแล้ว ก็ขับไปอีกพักใหญ่น่าจะใกล้ถึงแล้ว ก็ไปเจอป้ายบอกกิโลเมตรอีก บอกว่า อีก 33 กิโลเมตร ถึงสุพรรณบุรี ก็เริ่มงง ยิ่งขับยิ่งไกล
คราวนี้ ก็เริ่มรู้สึกผิดสังเกตุ และคุยกันว่าสงสัยเจอระบบหลอกเข้าแล้ว เพราะว่าขับต่อไปก็เข้าไปในทางที่มืดอย่างเดิม ไม่มีรถสักคันเดียว บ้านเรือนก็ไม่เห็นเลย ขับมาตั้งพักก็เริ่มเห็นไฟถนน ก็คิดว่าน่าจะถึงสุพรรณบุรี แต่พอเข้าไปใกล้กลับเป็นทางแยกไปอำเภออะไรสักอย่าง ไม่ใช่สุพรรณบุรี ก็ขับไปอีกระยะมีป้ายบอกว่า อีก 31 กิโลเมตร ถึงสุพรรณบุรี

เป็นอันว่า ขับมาเป็นชั่วโมง ได้ระยะทางแค่ 2 กิโลเมตร เอง
ขับรถมาถึงกรุงเทพฯ โดยขึ้นทางด่วนปทุมธานี ถึงลาดพร้าว 71 ก็เที่ยงคืนกว่าเล็กน้อย ทุกคนยังไม่ได้ทานข้าวเย็น กะว่าสามทุ่มจะมาทานที่ ลาดพร้าว 71 ไปถึงเขาเก็บร้านพอดี และพอถึงก็ดูเลขไมล์ปรากฏว่าเกือบ 500 กิโลเมตรทีเดียว

สรุปแล้ว วันนั้นขับรถถึง 6 ชั่วโมง เป็นระยะทางเกือบ 500 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสองเท่าของเส้นทางปกติทีเดียว
ในระยะทาง 250 กิโลเมตร ปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง เท่านั้น
ระยะทางที่ถูกยืดออกไปในบางช่วง เวลาที่ยาวออกไปนั้น อาจเป็นการเข้าไปในอีกมิติหนึ่งก็เป็นได้
ก็เป็นตัวอย่างอีกแบบหนึ่ง ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ท่าน

ก็เจอกันไปคนละแบบ สองแบบ โดยทั่วกัน แม้แต่สมาชิก อย่างน้อยก็พอเป็นที่สังเกตได้ว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องของมิติ เริ่มมีการพบเจอจากหลายบุคคล จากหลายสถานที่ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

คุณ Zeus@ อย่างเพิ่งเซ็งเลยนะคะ เพราะมีอีกหลายท่านที่พบเจอเรื่องของมิติคล้าย ๆ กันกับคุณน่ะแหละค่ะ

 

ยินดีกับที่ทำการใหม่ (กลิ่นสีแห้งหรือยังหนอ) ด้วยค่ะ

ของที่กลุ่มยังไม่ได้พิมพ์เขียวจากคุณมีดเลยค่ะ ยินดีด้วยนะคะ วันหลังไปเยี่ยมกันดีกว่า

 

ขอบคุณนะคะ คุณ Falkman ที่กรุณาช่วยเพิ่มเติมรายละเอียดให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบ กับสิ่งที่ครอบครัวของคุณ Falkman ได้พบเจอมา เกี่ยวกับเรื่องของมิติที่ทับซ้อนนั้น

ถ้าเรื่องราวที่กล่าวไว้ข้างต้นเหล่านี้ เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ ก็จะเป็นเรื่องราวใหญ่โต ไม่ว่าการพบเห็น UFO ไม่ว่าเป็นการพบเจอเรื่องของมิติ ก็จะมีการแจ้งไว้เป็นหลักฐานเพราะมีพยานยืนยันด้วย ซึ่งในต่างประเทศจะให้ความสนใจ ติดตามพิสูจน์ ทดสอบ ทดลอง จนบางครั้งมีการนำมาเขียนลงหนังสือ ซึ่งหลายท่านก็คงจะเคยได้อ่านเรื่องของ UFO ในต่างประเทศ มีการพบเห็น UFO มีการพบเจอมนุษย์ต่างดาว รวมทั้งเรื่องขับรถผ่านมิติบ้าง ขับรถจากที่หนึ่ง ไปโผล่อีกที่หนึ่งบ้าง หรือเห็นภาพที่แตกต่างบ้าง มีอยู่มากมายในหนังสือของต่างประเทศ

เพราะทุกครั้งที่พบเจอสิ่งใดที่แปลก ๆ เขาจะมีการแจ้งมายังหน่วยงานที่รวบรวมข้อมูลของ UFO ซึ่งทำหน้าที่วิเคราะห์ วิจัย เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ จะมีการเก็บภาพและข้อมูลต่าง ๆ ไว้เป็นหลักฐาน และก็มีการมาทดสอบทดลอง เพื่อหาข้อมูลว่าเท็จจริงเพียงใด จนบางครั้งต้องมีการสะกดจิตเพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งที่บุคคลนั้นพบเจอ เป็นการโกหก หรือเป็นเรื่องจริง

แต่สำหรับประเทศไทย ไม่มีหน่วยงานใดที่จะให้ความสนใจศึกษา ค้นคว้าเรื่องเหล่านี้โดยตรง มีเพียงบุคคลที่ได้มีประสบการณ์พบเจอ UFO โดยตรง และสามารถติดต่อสื่อสารได้เพียงบางท่าน หรือบางกลุ่มเท่านั้น ที่กล้าจะออกมาเปิดเผย เพราะโดยส่วนรวม เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่มนุษย์ในส่วนใหญ่ของประเทศไทย ไม่ได้ให้ความเชื่อถือ และคาดไม่ถึงว่าเรื่องเช่นนี้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ที่ท่านออกมาเปิดเผยว่าสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ กลุ่มฯ ทางเพชรบุรี ที่อุทยานศาสนาฯ มีการตั้งเป็นแดนมิตรต่างดาว รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาว หรือแม้แต่ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เองก็ตาม ที่เปิดเผยออกมาว่าสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้นั้น ก็ทำได้เพียงรับทราบ รับรู้ และบันทึกเรื่องราวของท่านที่ได้ประสบพบเจอกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น เก็บไว้เป็นหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายของ UFO ที่ประเทศไทย ภาพถ่ายร่างของมนุษย์ต่างดาว หรือประสบการณ์จากการพบเจอจานบิน พบเจอวัตถุลึกลับ พบเจอมนุษย์ต่างดาว หรือการพบเจอปรากฏการณ์แปลก ๆ ทั้งเรื่องของมิติ เรื่องของวัตถุ แม้กระทั่งเรื่องความฝันที่เกิดซ้ำ ๆ และบางครั้งก็มีเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงตามมา เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และสมควรที่จะบันทึกเก็บไว้เป็นหลักฐานทั้งสิ้น


ซึ่งในตอนนี้ ได้มีกลุ่มบุคคล กลุ่มหนึ่ง ได้ให้ความสนใจ ต้องการศึกษาเรื่องของ UFO อย่างจริงจัง และต้องการที่จะเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่มีการพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นการพบเห็น UFO มนุษย์ต่างดาว หรือประสบการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคคลต่าง ๆ ที่อยู่ในประเทศไทย มาบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะนำมาศึกษา ค้นคว้า และอ้างอิงในกาลข้างหน้า เมื่อเรื่อง UFO เริ่มปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นในประเทศไทย

ซึ่งกลุ่มที่ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับเรื่องของ UFO ที่มีการพบเจอในประเทศไทย และจะเป็นผู้ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวเหล่านี้ เผยแพร่ออกสู่สาธารณชนทั่วโลกก็คือ

กลุ่มฯ UFO - THAILAND ซึ่งเพิ่งทำพิธิเปิดสำนักงานใหม่ ไปเมื่อวานนั่นเอง

 

สำนักงาน UFO - THAILAND ทำพิธีเปิดในวันที่ 4 ธันวาคม 2550

สถานที่ อาคารฝักข้าวโพด (อาคาร 1) ชั้นที่ 12 ห้อง 168 ซอยรามคำแหง 40 กรุงเทพฯ

ซึ่งในวันเปิดสำนักงานดังกล่าว กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)ได้รับเกียรติจากประธานกลุ่ม UFO - THAILAND เชิญเข้าร่วมในพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย และท่านเปิดโอกาสให้กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ใช้สถานที่ดังกล่าวในการที่จะจัดสัมมนา นัดหมายสนทนา หรือจะจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ UFO ได้ทุกเมื่อ และกลุ่มฯ ทั่วประเทศก็สามารถติดต่อขอใช้สำนักงานดังกล่าวได้เช่นกัน ซึ่งต้องขอขอบคุณ ท่านประธานฯ และรองประธานกลุ่ม UFO - THAILAND ไว้ ณ โอกาสนี้ค่ะ

กลุ่ม UFO - THAILAND จะเป็นแหล่งรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ UFO ในประเทศไทยทั้งหมด และเป็นจุดที่จะรับข้อมูล ภาพ เรื่องราวต่าง ๆ ของบุคคลทั่วไปที่บันทึกภาพของ UFO ได้ที่ประเทศไทย หรือพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ มารวบรวมไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ และมีผู้ที่มีประสบการณ์เรื่องของ UFO จะมาให้ความกระจ่างแก่ทุกท่านด้วยค่ะ

ขอขอบคุณ ประธาน และรองประธาน UFO - THAILAND อีกครั้งค่ะ

 

คุณนี่โม่ พี่ควง พี่หนุ่ย มากันพร้อมหน้าเลยแฮะ

 

พี่สุดใจได้รับโทรศัพท์จากหลายท่านที่สนใจเรื่องของ UFO และมนุษย์ต่างดาว ได้โทรมาสอบถามว่า

ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 12 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 - 10 ธันวาคม 2550 ที่จะถึงนี้ จากโปรแกรมการบรรยายนั้น ไม่เห็นมีรายชื่อการบรรยายของอาจารย์ในปีนี้ ไม่ทราบว่าอาจารย์สุดใจ มีการจัดบูธเกี่ยวกับ UFO ในงานหรือไม่? และจะมีการบรรยายเกี่ยวกับ UFO ของกลุ่มฯ อีกหรือไม่ ถ้าไม่บรรยาย จะไปรับฟังข้อมูลได้ที่ไหน?

ผู้ที่ได้โทรมาสอบถาม มีทั้งจากต่างจังหวัด และในกรุงเทพฯ ที่ได้เคยรับฟังการบรรยายเรื่องเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว ในปีที่ผ่านมา และมาสนทนาภายในบูธที่ได้จัดร่วมกับ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ในวันที่ 8 - 11 ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 11 ที่ผ่านมานั้น และประสงค์จะเดินทางมารับฟังอีกในปีนี้

พี่สุดใจ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมกับคณะผู้จัดงานฯ ซึ่งพี่สุดใจได้เดินทางไปประชุมร่วมกับคณะกรรมการถึง 4 ครั้ง แต่ในปีนี้ พี่สุดใจ และกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ของดการขึ้นบรรยาย และจัดบูธในงานนี้ ซึ่งได้มีการแจ้งให้คณะกรรมการจัดงานได้ทราบไปแล้วนั้น

และก่อนหน้านี้ได้เรียนให้ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ท่านได้ทราบแล้วว่า ทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ขออนุญาตงดการจัดบูธ และการบรรยายในปีนี้ ซึ่งท่านก็ได้รับทราบแล้ว และทางกลุ่มประสานงานฯ จะส่งสมาชิกไปช่วยท่านจัดบอร์ดภาพต่าง ๆ ในบูธ แต่ท่านบอกว่าทางชมรมพระธาตุจะช่วยท่านติดภาพภายในบูธให้ และฝากขอบใจมายังสมาชิกของกลุ่มฯ ที่เคยไปช่วยท่านจัดบอร์ดในปีที่ผ่านมา

ยิ่งใกล้วันงาน ก็ยิ่งมีผู้สอบถามเข้ามาหลายท่าน พี่สุดใจจึงคิดว่า จะหาสถานที่เพื่อจัดการบรรยาย ในเรื่องของการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขกาะลา) สำหรับผู้ที่สนใจจะรับทราบข้อมูลจริง ๆ เพื่อจะได้มาร่วมรับฟัง สอบถาม และชมภาพของยานอวกาศที่บันทึกไว้ได้ที่เขากะลาจากแผ่นซีดี และชมนิทรรศการเล็ก ๆ เท่าที่พอจะจัดได้

ดังนั้น พี่สุดใจจึงได้ติดต่อประสานงานกับ ประธานกลุ่ม UFO - THAILAND และแจ้งวัตถุประสงค์ให้ท่านทราบ ซึ่งท่านก็ยินดีให้ใช้สำนักงาน UFO-THAILAND เป็นสถานที่จัดการบรรยาย และ รองประธานฯ คุณนีโม่ ก็ยินดีสนับสนุนเรื่องอาหารว่างและเข้าร่วมบรรยายด้วยในครั้งนี้ โดยผู้ที่เข้าร่วมฟังการบรรยาย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

การบรรยาย จะจัดขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคม 2550 เวลา 13.00 - 16.00 ณ อาคารฝักข้าวโพด (อาคาร 1) ชั้น 12 ห้อง 168 รามคำแหงซอย 40 กรุงเทพฯ

เนื่องจากสำนักงาน UFO-THAILAND ที่เพิ่งเปิดขึ้นมาใหม่นั้น มีพื้นที่จำกัด และสามารถรองรับผู้ร่วมรับฟังการบรรยายได้ประมาณ 30 คนเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ จะมีผู้เข้าร่วมแล้ว 10 ท่าน ยังสามารถรองรับได้อีก 20 ท่าน

หากท่านใดสนใจ และประสงค์จะเข้าร่วมฟังการบรรยาย และสนทนากันอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) สอบถามรายละเอียดได้ในสิ่งที่ยังมีข้อสงสัยนั้น ก็สามารถทำได้สะดวกเพราะปริมาณคนน้อย และมีหลายท่านที่มีประสบการณ์ จะตอบข้อซักถามให้กับทุกท่านได้ รวมทั้งพี่สุดใจก็จะอยู่สนทนาด้วยตลอดงาน

แจ้งความประสงค์เข้าร่วมฟังการบรรยายได้ ณ กระทู้นี้ โปรดกรุณาแจ้งชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ของท่านไว้ด้วยนะคะ และหากครบ 20 ท่านแล้ว ขออนุญาตปิดรับค่ะ เพราะห้องไม่สามารถรองรับได้มากกว่านี้ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ค่ะ

ในงานนี้ ท่านประธานฯ ที่ได้มีประสบการณ์พบเห็น UFO ตอนเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกาถึง 2 ครั้ง และเมื่อปีที่ผ่านมา เห็น UFO ลำใหญ่กลางท้องฟ้าบริเวณรามคำแหง ซึ่งเห็นพร้อมกัน 2 คนในวันนั้น ซึ่งท่านจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วย

แจ้งความประสงค์เข้าร่วมฟังบรรยายได้ที่กระทู้นี้ หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-7108590 ค่ะ

 

whitenaga ขอสมัคร 2 ที่ ค่ะ แล้วจะโทรไปหาเพื่อยืนยันตามเบอร์โทรในกระทู้ค่ะ

 

ผมยังไม่เคยเห็นยูเอฟโอครับ แต่อยากจะไปร่วมฟังด้วย รบกวนจอง 1 ที่ครับ

 

ผมอยากมานั่งคุยตัวต่อตัวกับคุณสุดใจครับ ลงมาที่กรุงเทพได้เมื่อไหร่บอกด้วยนะครับ ให้ลงมาที่เดิมครับ ที่ๆจัดงานชุมนุมUFOอะครับ แต่เอ คุณสุดใจได้ไปงานมหกรรมรึป่าวครับ ผมก็ไปแต่ไม่รู้ได้ไปวันไหนก็ไปวันแรกได้ครับที่แน่ๆ มีบางอย่างจะบอกครับ สำคัญแว้วตอนนี้ ทีแรกไม่นึกว่าสำคัญมาก

 

ขอบคุณนะคะ ที่ให้ความสนใจและอยากจะสนทนาด้วย พี่สุดใจยินดีเสมอค่ะ

พี่สุดใจได้รับทราบมาบ้างแล้วว่า คุณ ajmin เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษ และรับทราบข้อมูลข่าวสารเรื่องของภัยพิบัติมาจากที่ใดที่หนึ่งจากจักรวาล ซึ่งเป็นข่าวสารที่มีความสำคัญมาก ซึ่งในส่วนนี้ หากมีโอกาสได้ร่วมสนทนากับคุณ ajmin คงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับส่วนรวม

ในช่วงนี้ พี่สุดใจมีงานของระบบฯ ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ คงไม่ได้ไปร่วมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 12 ในวันที่ 8-10 ธันวาคม 2550 หรอกนะคะ เพราะปีนี้พี่สุดใจไม่ได้ร่วมจัดบูธนิทรรศการมนุษย์ต่างดาว และไม่ได้แจ้งชื่อเข้าร่วมบรรยายในงานดังกล่าว ซึ่งต้องขอโทษหลาย ๆ ท่านด้วย ที่ตั้งใจจะมาพบเจอกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ในงานนั้น

แต่ในวันที่ 9 ธันวาคม 2550 พี่สุดใจมีการบรรยายแบบกันเอง ที่สำนักงาน UFO-THAILAND ซึ่งท่านประธานฯ คุณจิรายุทธ ท่านกรุณาให้ใช้สถานที่ในการบรรยาย ซึ่งหากคุณ ajmin พอมีเวลาว่าง พี่สุดใจอยากเชิญไปพบเจอกันในวันนั้น คงมีเวลาที่จะสนทนากันได้ เพื่อว่าคุณ ajmin จะมีข่าวสารบอกกับทุกท่านที่มาร่วมสนทนากันในวันนั้น

ขอขอบคุณอีกครั้งนะคะ และหวังอย่างยิ่งว่า จะได้มีโอกาสได้พบ และสนทนากันในเร็ว ๆ นี้ค่ะ

เชิญเข้าร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลในวันที่ 9 ธันวาคม 2550 ได้ที่

สำนักงาน UFO-Thailand ณ อาคารฝักข้าวโพด(อาคาร 1) ชั้น 12 ห้อง 168 รามคำแหง ซอย 40 กรุงเทพฯ<!-- / message --><!-- attachments -->




<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>














</FIELDSET>
พี่สุดใจได้ติดต่อประสานงานกับ ประธานกลุ่ม UFO - THAILAND และแจ้งวัตถุประสงค์ให้ท่านทราบ ซึ่งท่านก็ยินดีให้ใช้สำนักงาน UFO-THAILAND เป็นสถานที่จัดการบรรยาย และ รองประธานฯ คุณ Astro Neemo ก็ยินดีสนับสนุนเรื่องอาหารว่าง และเข้าร่วมเป็นวิทยากรบรรยายด้วยในครั้งนี้ โดยผู้ที่เข้าร่วมฟังการบรรยาย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

การบรรยาย จะจัดขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคม 2550 เวลา 13.00 - 16.00 ณ อาคารฝักข้าวโพด (อาคาร 1) ชั้น 12 ห้อง 168 รามคำแหงซอย 40 กรุงเทพฯ

 

น่าจะไปได้นะครับ แล้วใครมีหมายเลขโทรศัพท์ของคุณAstro Neemo บ้างครับ ผมอยากคุยบางอย่างกับเค้าหนะครับ

 

ผมหยากไปฟังดูนะครับแต่ติดธุระเสียดายคงจะมีจัดอีกใช้ไม่ครับ

 

มีข่าวด่วนและดีมาบอก

ผมได้คุยกับคุณ astro neemo แล้ว ท่านบอกว่าจะจัดการสัมมนาUFOอีกครั้ง โดยที่ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดวันแต่อยู่ในเดือน มีนาคม 2551 โดยที่ในงานจะมีข้อมูลใหม่ๆจากต่างดาวมาบอก และเรียนให้ทุกท่านทราบ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงชื่อได้ที่นี่ครับ คลิก

 

ตามที่พี่สุดใจได้แจ้งว่าจะมีการบรรยาย และตอบข้อซักถามอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่อง UFOในวันที่ 9 ธันวาคม 2550 เวลา 13.00 - 16.00 ณ อาคารฝักข้าวโพด (อาคาร 1) ชั้น 12 ห้อง 168 รามคำแหงซอย 40 กรุงเทพฯ ที่ผ่านมานั้น

ในวันและสถานที่ดังกล่าว ได้มีท่านผู้ที่ให้ความสนใจเดินทางมาร่วมพูดคุยกันหลายท่าน ซึ่งรายละเอียดต่างๆ พี่สุดใจจะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ สมาชิกที่สนใจติดตามข่าวสารได้รับทราบ แต่เนื่องจากขณะนี้พี่สุดใจยังติดภาระกิจที่ต้องดำเนินการของระบบฯ ในช่วงนี้อยู่ 2-3 วัน หากภายหลังเสร็จสิ้นจากภาระกิจแล้ว พี่สุดใจจะมาโพสต์ข้อมูลให้เพื่อนสมาชิกได้รับทราบต่อไป

พี่สุดใจจึงฝากประชาสัมพันธ์มาเพื่อโปรดทราบ

( จะเป็นทางการไปมั๊ยครับเนี่ย... )

 

เป็นทางการครั้งแรก อิอิ ขำดี
คนที่อยู่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจมาก่อนก็งี้แหล่ะ 5555555

 

เอาคริสตัลมาให้

ลูกสาวบอกว่า เมื่อคืน มนตด มาหา เอาคริสตัลรูปหัวใจมามอบให้ ตื่นขึ้นมาก็ยังมีอยู่ แต่เขามองเห็นคนเดียว ยังไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร
เลยให้เขาวาดรูปให้ดู

๑) ถ้าเป็นสีเขียวมีมงกุฏนี้เคยมาหากันเมื่อคืนก่อนงานกฐิน ๑๗ พย. เขาบอกว่าเขาเป็นเจ้าหญิงมาอนุโมทนาบุญที่จะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น (เล่าให้พี่สุดใจฟังแล้ว)
๒)คราวก่อนไม่ได้ให้วาดรูป คราวนี้เห็นมือเท้ามีอย่างละ ๓ นิ้ว ตั้งใจวาดมากเพราะมือลูกสาว (อยู่ข้างๆ) มีห้านิ้ว
๓) ลูกไม่ทราบว่าคริสตัลใช้ทำอะไร

สังเกตว่าเขาเจอกันระหว่างหลับ เลยบอกว่าถ้าเจออีกถามเจ้าหญิงด้วยว่าคริสตัลใช้อย่างไร

ใครเคยเห็นสีเขียวแบบนี้ไหมคะ สูงราว ๒ ฟุต ผิวนิ่มๆ ตาดำโตๆค่ะู

 

ได้ไปร่วมฟังเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาครับ ต้องขอขอบคุณพี่สุดใจ เจ้าของสถานที่ ทีมงาน UFOThailand และสมาชิกเขากะลา พร้อมเพื่อนๆที่ได้ไปร่วมงานกันทุกคนครับ

พี่สุดใจเป็นกันเองมากๆครับ เล่าเรื่องราวหลายๆอย่าง และก็เปิดโอกาสให้สอบถามได้เต็มที่ นอกจากนั้นยังสอดแทรกธรรมะไว้ตลอดการสนทนาด้วยครับ

ขออวยพรให้งานของกลุ่มเขากะละ ประสบผลสำเร็จตามที่ได้ตั้งใจไว้ในการช่วยเหลือคนในยามเกิดภัยพิบัตินะครับ อนุโมทนาในการเสียสละอย่างสูงครับ

 

น่ารักมากๆครับอาจารย์ไก่ ทั้งรูปเขียนทั้งคนวาดเลย
ดูเป็นมิตรภาพดีๆระหว่างกันจริงๆครับ
คริสตันที่ได้มา ถ้ารู้จักการใช้น่าจะทำอะไรได้หลายๆอย่าง
เช่น เอาไปใช้ในการฝีกโทรจิตกับมนุษย์ต่างดาวแบบนี้ครับ



การใช้วัตถุธาตุ เพื่อสื่อพลังโทรจิต

ชาวแอตแลนติสในยุคราว 40.000 ปีก่อน ได้เคยสร้างปิรามิดเพื่อใช้สื่อสารกับพลังจักรวาล ยังได้ใช้ผลึกคริสตัลมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพื่อการติดต่อ (รับคลื่น-ส่งคลื่น) กับพลังจักรวาลและจิตสำนึกแห่งจักรวาลด้วยวิธีการดังนี้..

ในการรับคลื่นจิตวิญญาณระดับสูง ให้นำผลึกคริสตัลขนาดเล็ก มาวางเบี้องหน้าเราสองก้อน ให้ตัวเรานั่งอยู่บริเวณยอดสามเหลี่ยมของทรงปิรามิด (ให้ตัวเราเป็นผลึกคริสตัลก้อนที่สาม) จากนั้นใช้ลวดทองแดงหนึ่งเส้นพันรอบผลึกคริสตัน 3 รอบ ก่อนจะนำลวดทองแดงนั้นมาถือไว้ในมือทั้งสองข้าง ในท่าหลับตาเข้าสมาธิ..

จากนั้นให้เพ่งจิตและพลังทั้งหมดของเราไปยัง "ผู้ที่เราต้องการจะสื่อสารด้วย"

ในทางกลับกัน หากเราต้องการที่จะส่งคลื่นออกไป ข่าวสารของเราไปให้กับผู้ใด ก็ให้กระทำในรูปแบบตรงกันข้ามกับข้างต้น คือใช้สองมือเราแทนผลึกคริสตันสองก้อน (เป็นส่วนฐานของรูปสามเหลี่ยม) ในขณะที่ผลึกมีคริสตันเพียงหนึ่งก้อน มาเป็นปลายยอดของสามเหลี่ยมแทน (ตามรูป)

วัตถุธาตุเหล่านี้เป็นสื่อที่สามารถใช้ติดต่อระหว่างธาตุหยาบกับธาตุละเอียด หรือของมนุษย์กับเทวดา และรูปธรรมอื่นๆได้ เป็นเครื่องช่วยสื่อสารให้คมชัดขึ้น...(สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ การโทรจิตจึงเป็นเรื่องที่แพร่หลายมาก)

http://palungjit.org/showthread.php?t=43732