ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

จันทรกาลก็ขออนุโมทนาบุญกับ พี่น้ำฝน พี่น้ำใส พี่หม่อน และกลัยาณมิตรทุกๆท่านค่ะ


น้องตาลจ้า .....ขอแก้ข่าวจ้า ไม่มีใครจ้างหรอกจ้า แต่ไหว้ด้วยใจจ้า...

ในวันนั้น มีแต่คนแต่ตัวเรียบร้อยแต่ดูดีม๊ากๆเลยจ้า และสวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ อิอิ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ

จันทรกาล

 

ถ้าอย่างนั้นคงต้องเก็บอุณาโลมเพชรพญานาคสีเหลืองไว้ให้พระพุทธรูปองค์อื่นแล้วละค่ะน้องตาล เนื่องจากมีขนาดค่อนข้างใหญ่เหมาะกับพระพุทธรูปหน้าตัก 8-10 ศอกค่ะ ... เดี๋ยวให้นางฟ้าหม่อนจัดการเรื่องอุณาโลม แล้วพวกเราค่อยไปร่วมบุญดีกว่าค่ะ ^^

 

ก่อนอื่นขอขอบคุณคุณ phuyaมาก ๆ ค่ะ ที่ช่วยแจ้งข่าวแก่เพื่อนสมาชิกให้ทราบค่ะ

และต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับคุณ Tamsak ที่ช่วยประสานงานกับคุณแม่บ้าน(MBNY) และ คุณ Web Snow ที่ช่วยแก้ไข passward ให้อย่างรวดเร็ว จนสามารถใช้งานได้ใน User เดิม โดยไม่ต้องสมัตรสมาชิกใหม่

ขออนุโมทนาบุญกับเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่อดทนรออ่านกระทู้นี้อย่างไม่มีอคติใด ๆ

ขอบุญกุศลที่ให้ธรรมทานไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม รวมทั้งบุญกุศลที่ดิฉันกระทำด้วยความบริสุทธิ์ มีผลเพียงใด ขอให้มีผลกับทุก ๆ ท่านที่ได้กล่าวมาแล้วค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝนด้วยค่ะ เดิมทีตั้งใจว่าจะเก็บประสบการณ์นี้ไว้ อาจเล่าสู่กันฟังในหมู่คณะใกล้ชิดค่ะ ขอท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

********​

เมื่อเช้านี้( ๒๗ พย.๕๖) หลังจากส่งลูกสาวไปโรงเรียนแล้ว กลับถึงบ้าน ภาพหลวงปู่ปานปรากฏขึ้น จึงตั้งจิตฟัง ท่านบอกว่า..

"ไปหาพระบนพระนิพพานนะลูก ท่านมีเรื่องจะพูดด้วย"

จากนั้นจึงได้ขึ้นไปกราบสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธองค์ตรัสว่า...

"พ่อขอโมทนาบุญกับลูก ๆ ทุกคนที่ตั้งใจบำเพ็ญกุศลด้วยความบริสุทธิ์นะ เอาละหลวงปู่ปานมีเรื่องจะพูดต่อ"

จากนั้นได้เห็นภาพหลวงปู่ปาน(กายพระสงฆ์) ปรากฏบนพระนิพพาน จึงน้อมใจกราบนมัสการ เห็นกายปรากฏต่อหน้าท่าน แล้วกราบ

ปกติเวลาขึ้นไปบนพระนิพพาน สมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ จะนั่งบนแท่น หลวงปู่ปานจะนั่งบนแท่นแก้วที่ต่ำกว่าพระพุทธเจ้าลงมา ส่วนดิฉันจะนั่งบนพื้น มีอาสนะเป็นแก้วรองรับอยู่ ถือว่าเป็นผู้มีบุญน้อย ย่อมนั่งในที่ต่ำกว่า

จากนั้นหลวงปู่ปานก็กล่าวว่า .."ลูกเอ๋ย นำประสบการไปเล่าเพื่อเป็นธรรมทานนะ ให้เล่าในเรื่องที่ควรเล่า อย่าให้กระทบถึงใคร ต้องระวังให้มาก"

จากนั้นได้กราบลาสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย และพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน

จากนั้นได้ไปกราบท่านท้าวสักกเทวราช พร้อมน้อมถวายบุญแก่พรหมเทวดาทุกองค์ที่อยู่ ณ.ที่นั้น จากนั้นก็ได้กำหนดจิตภาวนาคาถารวมทรัพย์จนคำภาวนาหายไป

จนจิตเคลื่อนออกจากสมาธิ ด้วยใจที่เบิกบานแจ่มใส จากนั้นได้อุทิศส่วนกุศลตามปกติ

 

..งานสวดพระอภิธรรมสมเด็จพระสังฆราชฯ..

ลูกขอนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ตลอดทั้งพระภิกษุผู้ทรงอภิญญาที่ได้ประสบพบทางจิตด้วยความบังเอิญ

กรรมใด หากเป็นการล่วงเกินพระผู้ทรงอภิญญาก็ดี หรือพระอริยเจ้าก็ดี ลูกขออโหสิกรรมด้วยเถิดเจ้าค่ะ

ธรรมทานในครั้งนี้ เป็นเครื่องแสดงถึงความดีของพระสาวกในกึ่งพุทธกาลนี้ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า ในยุคปัจจุบันยังมีพระภิกษุผู้ปฏิบัติปฏิบัติชอบตามรอยของพระพุทธองค์ อีกทั้งยังถึงแก่นของความดีที่พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้มาถึง ๒๕๕๖ ปี และจะดำรงต่อไปจนครบ ๕๐๐๐ ปี

ลูกขอนอบน้อมต่อพระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้น ด้วยเศียรเกล้าฯ

****************************************​

ในวันเสาร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ คุณน้ำฝน(เจ้าภาพ) คุณ phuya คุณ จันทรกาล คุณ Vatechayana และดิฉัน ได้เดินทางไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)

ในเวลา ๑๙.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ได้ให้เข้าไปฟังสวดพระอภิธรรมฯ ร่วมกับคณะจากสำนักวิปัสสนาวัดศรีบุญเรือง จ.แพร่ และเจ้าภาพคณะอื่น ๆ หลังจากประธานในพิธี(พระภิกษุ ผู้อาวุโส จากสำนักวิปัสสนาฯ จ.แพร่) ได้จุดธูปเทียนแล้ว เริ่มพระภิกษุเริ่มสวดได้สักพัก...

ต่อมาปรากฏกายเทวดาองค์หนี่ง มีกายสีทองสว่างไสวมาก ถือพระขรรค์ ลอยลงมาก่อนเป็นองค์แรก ต่อมาก็เห็นกายละเอียดของสมเด็จพระสังฆราชเสด็จลงมา พร้อมกล่าวให้พรว่า..

“อายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก สิริวัฑฒะโก ขอโมทนาบุญด้วยนะ”

จากนั้นท่านไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ภาพสมเด็จฯ ก็หายไป ยังเหลือแต่เทวดาองค์เดิม ถือพระขรรค์ ลอยกลางอากาศด้านขวามือพระโกศ แต่ต่ำกว่าพระโกศเล็กน้อย ดิฉันเกิดความคิดว่า..

“เราได้เห็นกายพระสงฆ์ของพระองค์ท่านแล้ว อยากเห็นกายทิพย์ของพระองค์”

จึงตั้งจิต ขออาราธนาบารมีพระทันที ขณะที่กำลังตั้งจิตอธิษฐานอยู่นั้น มีเสียงแทรกขึ้นมาเป็นเสียงของผู้มีกายมนุษย์ว่า...
“โยม โยมมีตาที่ ๓ หรอ”

ขณะอธิษฐาน ก็ปรากฏเห็นแสงสว่างสีขาว สว่างมาก เห็นกายทิพย์ของสมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นกายสีเงิน เครื่องประดับมีสีทองแซมเล็กน้อย (คล้ายกายของพระศรีอาริยเมตไตรย) กำลังเข้าสมาบัติ มีแสงสว่างออกจากกายของท่านเป็นระยะ ๆ

 

..งานสวดพระอภิธรรมสมเด็จพระสังฆราชฯ (๒)..

​

จากนั้นดิฉันได้อธิษฐานขอพบเทวดาที่เป็นเจ้าที่ประจำวัดบวรฯ ท่านได้มาปรากฏกาย อยู่หลังพระโกศ ลอยเหนือพื้น แต่ต่ำกว่าพระโกศของสมเด็จพระสังฆราช จึงได้กราบเรียนถามท่านว่า ..

“กายที่เข้าสมาบัติใช่กายทิพย์สมเด็จพระสังฆราชหรือไม่”

เทวดาเจ้าที่ก็บอกว่า

“ใช่ขอรับ ส่วนเทวดาที่มีกายสีทองสว่างไสว ถือพระขรรค์นั้น เป็นพระสยามเทวาธิราชขอรับ”

จึงรู้สึกปลื้มปิติใจที่ได้พบ จึงตั้งใจน้อมอุทิศบุญถวายแด่พระสยามเทวาธิราช และปวงเทพยดาที่รักษาวัดบวรฯ เสียงโมทนาสาธุการดังลั่น

ขณะที่กล่าวถามเทวดาต่อไปนั้น ก็ได้ยินเสียงเดิมแทรกขึ้นมา ดังมาจากด้านซ้ายมือของดิฉัน พูดว่า..

“โยม ๆ มีตาที่ ๓ หรอ”

จึงตอบเสียงนั้นไปว่า.. “มาร อย่ามายุ่งกับเรา เรากำลังทำหน้าที่อยู่”

สักครู่มีเสียงตอบว่า “อ้าวทำไมว่า พระเป็นมารอย่างนั้นละ”

ดิฉันรู้สึกตกใจ จึงกล่าวขอขมาท่านว่า “ขอขมาเจ้าค่ะ โยมยังไม่สะดวกจะสนทนากับท่านตอบนี้ โยมขอขมาเจ้าค่ะ”

​

ท่านผู้นั้นกล่าวต่อไปว่า "ไม่เป็นไร อาตมานั่งทางด้านซ้ายของโยม นับจากซ้ายมือลำดับที่ ๓ นับขวามือนั่งเป็นลำดับที่ ๒ ที่นั่งเรียงกัน ๔ องค์นั่นแหละ”

ท่านก็กล่าวต่อไปว่า “โยมได้ตาที่ ๓ หรอ” จึงได้ตอบท่านว่า

“พอได้ทิพยจักขุญาณเล็กน้อยเจ้าค่ะ”

เสียงนั้นก็พูดต่อไปว่า .. "อืมม..น้อยคนนะที่ผู้หญิงจะได้แบบนี้”

จึงได้ตอบท่านไปว่า... “โยมเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเจ้าค่ะ พระคุณเจ้า ความจริงแล้ว มีผู้หญิงที่ทำได้มากกว่าโยมอีกเยอะเจ้าค่ะ แต่เขาไม่เปิดเผยตัว โยมแค่ศิษย์ปลายแถวเจ้าค่ะ”

ท่านตอบไปว่า “ดีแล้ว ๆ โยม”

จากนั้นท่านก็เงียบเสียงไป ต่างคนต่างนั่งฟังพระสวด ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เชิญท่านเจ้าภาพไปถวายผ้า และเครื่องไทยทาน

เมื่อคุณน้ำฝนซึ่งนั่งด้านก็ได้ลุกไปถวายเครื่องปัจจัยไทยทาน เก้าอี้แถวหน้าก็ว่างลง เสียงเดิมก็ดังขึ้นอีกว่า..

“โยม ๆ นั่งอยู่แถวที่ ๒ ลำดับ ๓ ใช่มั๊ย”

ดิฉันได้ก็ตอบท่านไปว่า “ใช่เจ้าค่ะ พระคุณเจ้า”

ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป ต่างก็นั่งฟังพระให้พรจนจบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ดำเนินการจนเสร็จพิธี และเจ้าหน้าที่ได้ให้คณะเจ้าภาพกราบพระศพอย่างเป็นทางการ

หลังจากกราบพระโกศแล้ว ก็ไม่ได้สนทนากับพระภิกษุรูปนั้นอีกเลย เนื่องจากมีผู้ร่วมพิธีได้ทยอยมากราบพระโกศอย่างต่อเนื่อง

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกปิติใจที่มีโอกาสได้สนทนาแม้เพียงช่วงสั้น ๆ ก็ตาม จนกระทั่งป่านนี้ยังไม่ทราบว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นเป็นใคร มาจากวัดไหน

เนื่องจากไม่อยากจะรบกวนการปฏิบัติของท่าน เกรงจะเป็นการปรามาสโดยไม่รู้ตัว ซึ่งดิฉันค่อนข้างระวังในเรื่องนี้มาก

ผลบุญใด ๆ ที่ได้จากการธรรมทานครั้งนี้ ขอน้อมถวายแด่พระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อเป็นสังฆบูชาค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝน ผู้นำบุญในครั้งนี้ และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอเพิ่มเติมเรื่องของเสียงสักเล็กน้อยค่ะ เสียงของผู้ยังมีกายขันธ์ ๕ อยู่กับเสียงของกายทิพย์ไม่ว่าจะเป็นพรหมเทวดาจะมีความแตกต่างกันค่ะ

เนื่องจากเสียงของผู้มีกายหยาบ (มีขันธ์ ๕ ) จะดังทุ้มมาก และหนัก กระแสที่ส่งมา บางครั้งจะไม่ปลอดโปร่ง สบาย

ผิดกับเสียงของท่านที่มีกายละเอียด หรือกายทิพย์ เช่น พรหม เทวดา หรือพระ จะรู้สึกเบาสบายว่า ที่ได้สนทนา จิตจะเบาและมีความสุขมาก

ส่วนเทวดาฝ่ายมิจฉาทิฐินั้น เวลาสนทนาด้วย จะรู้สึกอึดอัดใจ ไม่อยากสนทนา

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

กราบอนุโมทนาในธรรมทานของคุณน้ำใสด้วยค่ะ...ฟังแล้วเกิดปีติสุขจริงๆเลยค่ะ อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนน้อม นอบน้อมที่คุณน้ำใสมีต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และท่านผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐทุกท่าน _/|\_

​

น้ำฝนขอถือโอกาสนี้นำรูปพระภิกษุทั้ง ๔ ที่เข้าร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมในวันงานดังกล่าว มาให้เพื่อนๆ ได้ชม ซึ่งพอจ.สุรณัฐ เจ้าสำนักวิปัสสนาวัดศรีบุญเรือง จ.แพร่ คือภิกษุรูปแรกนับจากทางซ้ายมือ ส่วนพระภิกษุที่คุณน้ำใสสนทนาด้วยทางจิต คือภิกษุรูปที่ ๓ จากซ้ายมือค่ะ

 

สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาครับ
ขออนุญาติยกข้อความนี้มาอีกครั้งนะครับ
"ในยุคปัจจุบันยังมีพระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามรอยของพระพุทธองค์
อีกทั้งยังถึงแก่นของความดีที่พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้มาถึง ๒๕๕๖ ปี และจะดำรงต่อไปจนครบ ๕๐๐๐ ปี"
สาธุ สาธุ อีกหลาย ๆ ครั้งครับ
catt7catt7catt7

 

..เอาบุญมาฝากทุก ๆ ท่านค่ะ

ในนามกองบุญพระพุทธวิปัสสีฯ ได้ร่วมบุญดังนี้ค่ะ

-บวชพระ ๑๕ รูป จำนวน ๙๕๐ บาท (บ้านสบายใจ ๑๔ รูป และถวายหลวงพี่ที่วัดท่าซุง ๑ รูป)

-ถวายเครื่องสักการะสมเด็จองค์ปฐม ๓๐๐ บาท

-ถวายผ้าห่มหลวงพ่อเงินไหมมา ๒๐๐ บาท...

-เป็นเจ้าภาพภัตตาหาร และโรงทาน (ขนมจีนน้ำยาปลา และแกงเขียวหวาน ๒๐ กก. และผลไม้) ณ.บ้านสบายใจ ๒,๓๒๐ บาท

ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวไม่ได้หักจากบัญชีกองบุญฯที่กำลังบอกบุญซ่อมพระแต่อย่างใด

ขอผลบุญครั้งนี้ มีผลเพียงใด ขอให้มีผลแก่ทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้ และอนุโมทนาบุญด้วยเถิด.. สาธุ

Numsai

 

...ภาพวิหารสมเด็จองค์ปฐม วิมานบนพระนิพพาน ..

วิหารสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง ​

เมื่อวานเวลา ๑๑.๓๐ น.เห็นหลังคาวิหารงดงาม ภาพนี้เป็นภาพที่เคยเห็นบนพระนิพพาน จึงเก็บภาพไว้ เพื่อให้เพื่อนสมาชิกได้มองเป็นเครื่องระลึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์

จากนั้นได้ไปสักการะสมเด็จองค์ปฐม ตั้งเครื่องบวงสรวงเป็นแก้วมณีรัตนะ ๕ สี เพื่อเป็นพุทธบูชา และอธิษฐานขอพร

ขอผลบุญอันบริสุทธิ์นี้ พึงบังเกิดแก่ทุกท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

..เล่าสู่กันฟัง..

เมื่อวาน(๑ ธค.๕๖) พวกเราเดินทางไปถึงบ้านสบายใจ เวลา ๐๘.๓๙ น.ได้นำขนมจีน น้ำยา และผลไม้ไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเตรียมภัตตาหารแล้ว

จากนั้นถึงเวลาบูชาพระรัตนตรัย และฟังธรรมโดยท่านจิตโต บ้านสบายใจ พร้อมกับการนั่งสมาธิด้วยจิตที่เบิกบานในธรรม

ท่านใดสนใจธรรมะของท่านจิตโต กรุณารับฟังได้ที่นี่..

ธรรมะบ้านสบายใจ | โดย ท่านจิตโต บ้านสบายใจ.

ท่านจิตโตได้เทศนาจบแล้ว พวกเราก็ได้ถวายสังฆทานร่วมกัน จากนั้นก็พากันไปรับประทานขนมจีนกันอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางไปกราบหลวงพ่อเงินไหลมา แล้วก็ได้สวดคาถาเงินล้านตามอายุ จากนั้นอธิษฐานตามปรารถนา

ต่อมาได้ไปกราบสมเด็จองค์ปฐมที่วิหาร และได้ตั้งเครื่องบวงสรวงบูชา เป็นพุทธบูชา สำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องใดที่แก้ไม่ตก ขอให้ท่านไปตั้งเครื่องบวงสรวงตามกำลังทรัพย์ของตน และขอพรสมเด็จองค์ปฐมเป็นที่พึ่ง แต่อย่าบนนะคะ ให้ตั้งเครื่องบวงสรวง และขอความเมตตาจากพระองค์ท่าน

จากประสบการณ์ของดิฉัน และได้แนะนำกัลยาณมิตรหลายท่านได้ผลสำเร็จมาแล้วค่ะ

*******​

ช่วงบ่ายพวกเรากลับไปนั่งกรรมฐานที่บ้านสบายใจอีกครั้ง จนหมดเวลา มีบุญใหญ่ทำให้พวกเราต้องปลื้มใจกันอีกครั้ง เมื่อมีผู้ที่เข้าพิธีบวชจำนวน ๑๔ ท่านได้กราบขอขมาท่านจิตโต และหลวงตาหมอฯ

จากนั้นท่านจิตโตทำพิธีตัดผมก่อนที่ปลงผม เพื่อบวชนาค พวกเรา และกัลยาณมิตรที่บ้านสบายใจ ต่างก็ได้ร่วมบุญบวชครั้งนี้ คนละเล็กคนละน้อยด้วยความปลื้มปิติใจ เมื่อเสร็จพิธีพวกเราได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ

ระหว่างเดินทางกลับก็พากันสนทนาธรรมถึงการปฏิบัติ และได้ร่วมบุญใหญ่วันนี้

จึงได้เล่าให้น้อง ๆ ฟัง เป็นเรื่องแปลกว่า เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา (๒๘ พย.๕๖) มีครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งได้ปรากฏขึ้น และขอให้ร่วมบุญบวชพระให้ ดิฉันเองก็ไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะได้ร่วมบุญบวชพระครั้งนี้

เดิมทีตั้งใจจะโอนปัจจัยร่วมบุญทาง Internet โดยไม่มีผู้ใดทราบเรื่องนี้ มีเพียงคุณ phuya คนเดียวที่ทราบ เธอได้ฝากทำบุญ ๕๐๐ บาท เมื่อได้ทำบุญที่บ้านสบายใจ จึงได้นำปัจจัยของคุณ phuya ร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ ขออนุโมทนามา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ

ต่อมาก็ได้พูดกันถึงเรื่อง ช่วงที่ผ่านมาพวกเราได้ทำบุญใหญ่หลายบุญ จึงคิดว่า วิมานแต่ละคนจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด วิมานของแต่ละคนบนพระนิพพาน

โดยให้น้องแพรเป็นผู้ดู และดิฉันได้ตรวจสอบว่า เป็นจริงหรือไม่ความจริงแล้ว เป็นกุลโลบายให้เด็กได้ทบทวนการฝึก เพื่อไม่ให้ห่างจากสมาธิ

____________________​

 

..วิมานที่ปรากฏบนพระนิพพาน

สำหรับเรื่องนี้เป็นปัจจัตตังโปรดใชวิจารณญาณในการอ่านค่ะ

ก่อนที่จะเล่าเรื่องชมวิมานนั้น ขออธิบายเรื่องนี้สักเล็กน้อย การที่มีวิมานบนพระนิพพานนั้น จะแตกต่างจากวิมานที่ปรากฏบนสวรรค์แต่ละชั้น หรือชั้นพรหม

บางท่านแม้เคยสร้างโบสถ์วิหารใหญ่โต อาจจะมีปรากฏวิมานแค่บนสวรรค์ แต่ไม่ปรากฏในชั้นพรหม หรือบนพระนิพพานเลยก็มี

ในที่นี้ขอกล่าวถึงเนื่องจากว่า ท่านผู้นั้นอาจจะไม่เคยอธิษฐานจะเข้าพระนิพพานเลย หรือแม้กล่าวว่าจะเข้าพระนิพพานในชาตินี้ แต่กำลังใจยังไม่แน่นอน

ดังนั้น วิมานมีปรากฏเพียงบนสวรรค์เท่านั้น ส่วนจะเป็นสวรรค์ชั้นไหน ขึ้นอยู่กำลังใจในการสร้างบุญกุศลในเวลานั้น อีกทั้งรูปร่างวิมานของแต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน

*****

​

จากนั้นได้เริ่มดูจากวิมานของคุณจันทรกาล เป็นท่านแรก ปรากฏมีสวนดอกไม้ มีสระโบกขรณี วิมานหลังใหญ่ขึ้น มีความงาม ปรากฏดวงแก้วมณีอยู่กลางวิมาน สวยงามมาก อีกทั้งยอดวิมานมีดวงแก้วประดับส่องแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา

ต่อจากนั้นก็ได้เยี่ยมชมวิมานท่านอื่น ๆ ขออนุญาตไม่นำมากล่าวในที่นี้ พวกเราเกิดความสงสัยว่า เหตุใดวิมานของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน จึงได้อาราธนาถามพระ พระท่านได้มาปรากฏให้ทราบ และทรงตรัสว่า..

"มนุษย์ทุกคนลงมาเกิด เพื่อสร้างบารมีให้เต็ม บารมีในที่นี้ หมายถึงบารมีทั้ง ๑๐ ทัศน์ บางคนเกิดมาสร้างทานบารมี บางคนมาเพื่อศีลบารมี แต่ละคนจะมีความพร่องไม่เหมือนกัน

ความอ่อนแก่ของบารมีแต่ละคนนั้น วิมานจึงหลังใหญ่เล็กไม่เท่ากัน รวมทั้งอุปนิสัยการสร้างบุญ และการอธิษฐานต่างกัน"

พระที่สงเคราะห์พวกเราในวันนี้ คือ สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า ทำให้พวกเราล้วนแต่มีความปลื้มปิติใจอย่างยิ่ง จากนั้นพระพุทธองค์ได้สงเคราะห์ว่า แต่ละคนยังขาดบารมีด้านใดใน ๑๐ ทัศน์ ทำให้พวกเราได้รู้ทิศทางของการปฏิบัติต่อไป

จากนั้นพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า ทรงมีกิจต่อที่อื่น และตรัสว่า...

"หากสงสัยเรื่องอะไร ให้ถามท่านที่จะมาใหม่นะ"

เดิมทีดิฉันเข้าใจว่า เป็นสมเด็จองค์ปัจจุบัน ปรากฏเป็นเทวดาชั้นสูงองค์หนึ่ง ถือพระขรรค์สีทอง คล้ายพระสยามเทวาธิราชที่ปรากฏที่วัดบวรฯ จึงกราบเรียนถามว่า

"ท่านเป็นใคร" ท่านกล่าวว่า..

"จำกันไม่ได้หรอ"

จึงตอบไปว่า "ท่านเป็นพระสยามเทวาธิราชใช่มั๊ยเจ้าคะ"
ท่านตอบว่า "ใช่ วันนั้นไม่มีโอกาสได้คุยกัน เพราะอยู่ในพิธี"

พวกเราอยู่ในรถ ต่างก็ปลื้มปิติใจมาก จากนั้นพวกเราก็ได้รวมบุญน้อมถวายแด่พระองค์ท่าน ต่อมาก็มีบริวารท่านมามากมาย จึงรวมบุญและถวายบุญกันอีกครั้ง ท่านได้กล่าวว่า..

"เรื่องของการบำเพ็ญบารมีนั้น มีขึ้นลงได้ อย่าคิดว่า บารมีเต็มแล้วยังประมาทอยู่ อย่างเช่น อุเบกขาบารมี คือ การวางเฉย ไม่ใช่เห็นเขาเดือดร้อนอยู่ก็วางเฉยไม่ช่วย อย่างนี้เขาเรียกว่า เห็นแก่ตัว

การวางเฉยนั้น คือ การวางเฉยในกรรมของผู้อื่น อันดับแรก เราต้องมีเมตตาก่อน เราช่วยเขาได้มั๊ย หากช่วยได้ก็ช่วย แต่ถ้าพิจารณาแล้ว เป็นกรรมของเขา เราช่วยไม่ได้ ก็วางเฉย นี้คือความหมายของอุเบกขา

สำหรับผู้ที่บารมีบางอย่างเต็มแล้ว ก็อย่าได้ประมาท การบำเพ็ญบารมีนั้น ย่อมคู่กันไปทั้ง ๑๐ อย่าง และมีขึ้นมีลง หากผู้นั้นกระทำชั่ว ขอจงอย่าได้ประมาท"

ขอเล่าเพียงเท่านี้

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

อนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใส และทุกท่านที่ได้ไปทำบุญที่วัดท่าซุง และบ้านสบายใจด้วยนะครับ
คราวก่อนเคยไปเจอคณะพี่น้ำใสที่บ้านสบายใจ ได้กินเป็ดแฮปปี้แลนด์ แต่คราวนี้เป็นขนมจีนน้ำยา เสียดายอดกินเลย อิอิ ทำแต่ให้นึกถึงหลวงปู่ขนมจีน ที่โบสถ์วัดท่าซุง
ท่านชอบกินขนมจีนมากนะครับ

และขอบคุณอีกครั้งสำหรับธรรมทานเรื่องวิมานบนพระนิพพานในครั้งนี้ครับ
เออนะครับ อยากให้พี่น้ำใส อธิบายคำว่า "โคตรภูญาณ" ที่เป็นอารมรณ์ในการไปพระนิพพานให้สมาชิกได้รับทราบครับ

ขอบคุณครับ

ธรรมวิวัฒน์

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านในทุกกองบุญด้วยครับ และโมทนาบุญในธรรมทานของพี่น้ำใสที่นำมาเผยแพร่ด้วยครับ _/|\_ (ว่าจะไปด้วยอยู่แต่ตัวเล็กไม่สบาย)

 

ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ด้วยค่ะ คำว่า"โคตรภูญาณ" นั้นหมายถึงผู้เรียนรู้วิปัสสนาญาณมาบ้าง

เช่น การเห็นทุกข์ในการเกิด หรือทุกข์ของการมีขันธ์ ๕ จนมีอารมณ์อยากเข้าพระนิพพาน แต่กำลังใจยังไม่เข้มแข็งมากนัก

สำหรับท่านที่ฝึกมโนมยิทธินั้น ผู้ที่ได้โคตรภูญาณ จะเป็นผู้ที่สามารถขึ้นไปกราบพระที่พระนิพพานได้ แต่จะมีวิมานบนพระนิพพานหรือไม่นั้น ไม่แน่นอน

ดังนั้น ต้องหมั่นพิจารณาขันธ์ ๕ ให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายการเกิดอย่างถึงที่สุด จิตจะเกาะพระนิพพานแนบแน่นจนมีความรู้สึกไม่อยากเกิดอีก

ประเภทหลังนี้ หากได้มโนมยิทธิทุกวันจะรู้สึกอยากขึ้นไปกราบพระ หรือไปนั่งนอนบนเตียงพระนิพพานทุกวัน จนเป็นปกติ หรือเป็นผู้ที่นึกถึงพระนิพพานตลอดเวลา ท่านผู้นั้นมีกำลังใจแนบแน่นมาก เมื่อตายไป หากปรารถนาพระนิพพานก็สามารถเข้าพระนิพพานได้ในชาตินี้ค่ะ


ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ขออนุญาต โพสเพิ่มเติมนะครับ

อธิบายโคตรภูญาณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

โคตรภูญาณ จิตมันอยู่ระหว่าง โลกีย์ กับ โลกุตตระ คือ ความเป็นคนกับความเป็นพระอริยเจ้า ท่านเปรียบเหมือนกับ ลำรางเล็ก ๆ น่ะ คือ ขาหนึ่งยืนอยู่นี่ อีกขาหนึ่งฝ่ายโลกีย์ ยังยกไม่ขึ้น
ทีนี้อารมณ์ของโคตรภู เราต้องรู้ว่า ขณะใด เราเข้าถึงโคตรภู ไอ้พูด ตามตำรานี่ มันพูดได้ ไม่ยากหรอก แต่ตัวเข้าถึงนี่ซี ถ้าเราเป็นฝ่ายวิชชาสามนะ มันเห็นชัด คือ เวลาที่เราถอดจิตขึ้นไป ตามปกติเราจะท่อง เที่ยวแต่เฉพาะในส่วนของโลกีย์ใช่ไหม จะเป็นเมืองมนุษย์ก็ดี อบายภูมิก็ดี เทวดา พรหมก็ดี แต่ส่วนโลกุตตระเราจะเข้าไม่ได้ ไม่สามารถจะเห็น แต่ถ้าอารมณ์ของจิตเข้าถึงโคตรภู เราจะเห็นพระนิพพานชัด
ถ้าพูดถึงอารมณ์ อันดับแรก อารมณ์มันจะยึดตัว "ธรรมดา" คือ ใครด่า เขาด่าก็ว่าเป็นธรรมดา เกิดมาต้องมีคนเขาด่าว่า อันที่จริงก็โมโหเหมือนกันนะ แต่โมโหแล้วมันปล่อยไม่เกาะอยู่ ถ้ายังไม่ได้ อนาคามี อย่านึกว่า ไม่มีโมโห โทโส มีโกรธ เหมือนกัน โกรธเดี๋ยวเดียว แต่ไม่ไปอาฆาต ไม่ไปทำร้ายเขาแล้วมัน ก็หายไป เห็นอะไรๆ มันก็ธรรมดา ถ้าไปเจอะคน ตายมันก็วาบหวิวไปนิดหนึ่ง ประเดี๋ยวตัว "ธรรมดา" มันก็ปรากฏ
ถ้าอารมณ์เข้มขึ้น มันก็ยัน "ธรรมดา" อยู่เสมอ แต่ก็ยังมีสะท้านอยู่บ้าง ในขณะเดียวกัน ก็มีอารมณ์รักพระนิพพานเป็นที่สุด ใครจะพูดเรื่องอะไร ก็ฟังได้ แต่ฉันไม่เอาด้วย ฉันจะไปนิพพาน นี่สำหรับพวกมี วิชชาสาม ส่วนพวกสุกขวิปัสสโก ก็ต้องสังเกตอารมณ์ เอาว่ายึด "ธรรมดา" และรักพระนิพพานเพียงใด ถ้ารักมากก็ชื่อว่าเข้าถึง โคตรภู ต้องสังเกตตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเราไปแกล้ง "ธรรมดา" นะ ต้อง "ธรรมดา" นะ ของมันเป็นปกติ จิตจะรักพระนิพพานเป็นอารมณ์จริง ๆ แต่ถ้าไปนิพพานไม่ได้อย่างอื่นก็ต้องการ คือ จะไปพักสวรรค์พักพรหมโลก พักเพื่อหวังนิพพาน จะทำอะไรก็ตามไม่หวังผลตอบแทนฉันหวังจะไปนิพพาน นี่คือ อารณ์โคตรภู
ถึงโคตรภูแล้วสงสัยว่าเราจะเป็น พระโสดาบัน ก็มานั่งไล่เบี้ย สังโยชน์สาม ดูว่า สักกายทิฏฐิ เราเป็นอย่างไร เรารู้หรือเปล่าว่า ร่างกายมันจะพัง ตัวของเรา ตัวของคนอื่นน่ะ รู้หรือเปล่าว่ามันจะพัง มันจะตาย รู้ว่าจะตาย ความจริงก็มีจิตห่วงนั่นห่วงนี่บ้าง พระโสดาบันนี่ยังห่วง แต่ว่าห่วงไม่มาก ถ้ามันจะตายจริงๆก็ เอวังกิ่ม ฉันจะไปนิพพานนะ
สังโยชน์ที่สอง วิจิกิจฉา เราไม่สงสัยในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่า "ไม่สงสัย" นี่ไม่ใช่ว่านึกเอา นะต้องปฏิบัติด้วย ต้องแน่ใจว่า เกิดแก่เจ็บตายนี่เป็นของมีจริงใช่ไหม เชื่อเหลือเกินว่า เราเกิดมานี่ต้องแก่ ไอ้การป่วยไข้ไม่สบายนี่ มันต้องมีแน่ ถ้ามันมีขึ้นมา เราก็ไม่ตกใจ การรักษาพยาบาล ถือเป็นของ ธรรมดา เพราะถือเป็นการระงับเวทนา แม้พระพุทธเจ้า แม้พระอรหันต์ทุกองค์ท่านก็ต้องรักษา แต่ในระหว่างรักษาตัว ก็นึกว่า จะระงับได้หรือไม่ได้ จะทรงอยู่ได้ หรือไม่ได้ก็ตามใจมัน ถ้าเกิดทุกเวทนามาก รักษาพยาบาลแล้ว อาการมันไม่ลด ก็ตามใจมันซี ฉันจะทนให้แกทรมาน ประเดี๋ยวเดียว แล้วฉันก็จะไปนิพพาน อารมณ์มันตัดตรงนี้นะ

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

 

..พรุ่งนี้!! ๑๒.๓๙ น. -ขอเชิญประมูลจักรชุดนาคประทีปค่ะ..

จักรชุดนาคประทีป ประกอบไปด้วยจักรนาคประทีป(ขาว) -จักรอภิปุญญา(ชมพู)-ราชาโภคทรัพย์(ขาว) –สิริวาณิชมันตระ (ชมพู) วนกสุรกานต์(เหลือง)-อภิฌาณเทวฤทธิ์(เหลือง) เกิดก่อนสมัยสมเด็จพระมังคลพุทธเจ้า จักรนาคประทีป มีสีขาวซึ่งไม่ได้ประมูล

​

๑. จักรราชาโภคทรัพย์(ขาว) อธิษฐานจิตโดยพญาติสสะนาคราช โดยเข้าสมาบัติ ๖๑ กัป มีกายสิทธิ์ ๓,๑๐๐,๐๐๐ องค์ มีพระนาคโภชนเทวราช ปัจจุบันอยู่สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี

เริ่มต้นประมูล ๓,๙๙๙ บาท ​

​

๒. จักรอภิปุญญา(ชมพู-ซ้าย) เป็นจักรคู่บารมีของจักรนาคประทีป โดยเข้าสมาบัติ ๓๖ กัป อธิษฐานจิตโดยพระปุญญสิกขาดาบสินี มีกายสิทธิ์ ๒,๔๕๐,๙๐๐ องค์ โดยมีพระปุญญาสิกขามหาเทวี ปัจจุบันอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต

เริ่มต้นประมูล ๓,๖๙๙ บาท ​

๓. จักรสิริวาณิชมันตระ(ชมพู-ขวา) เป็นจักรคู่บารมีของจักรราชาโภคทรัพย์ อธิษฐานจิตโดย พระนางสิริวาณิชเทวี เป็นพระมเหสีของพญาติสสะนาคราช มีกายสิทธิ์ ๒,๓๔๔,๐๐๐ องค์ โดยมีพระศิรธารณีมหาเทวี เป็นผู้ดูแล ปัจจุบันอยู่ชั้นดุสิต

เริ่มต้นประมูล ๓,๖๙๙ บาท ​

​

๔. จักรวนกสุรกานต์(เหลือง-ซ้าย) อธิษฐานจิตโดยพญาวนกนาคราช มีกายสิทธิ์ ๒,๒๐๕,๐๐๐ องค์ โดยมีท่านปชณตเทวบุตร (อ่านว่า ปะ-ชะ-นะ-ตะ)เป็นผู้ดูแล ปัจจุบันอยู่ชั้นนิมมานรดี(ชั้น ๕)

เริ่มต้นประมูล ๓,๕๙๙ บาท​

๕. จักรอภิฌาณเทวฤทธิ์(เหลือง-ขวา) อธิษฐานมีกายสิทธิ์ ๒,๑๐๓,๐๐๐ องค์ โดยมีท่านปณวาตะเทวบุตร(อ่านว่า ปะ-ณะ-วา-ตะ) เป็นผู้ดูแล ปัจจุบันอยู่ชั้นนิมมานรดี (ชั้น ๕)

เริ่มต้นประมูล ๓,๕๙๙ บาท​

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

..กติกาในการประมูล..

๑.เริ่มวันที่ ๓-๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ ภายใน ๑๒.๓๙ น. ตามฤกษ์พรหมสิทธิ์อมฤตโชค ตรงกับขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะเส็ง

๒. รายการประมูลจะมอบแด่ท่านที่ประมูลราคาสูงสุดภายในเวลาที่กำหนด (ตามเวลาเว็บพลังจิต.org)

๓. หากที่มีผู้ประมูลราคาสูงสุด และเวลาเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยผู้ที่ทำการโพสต์ก่อนเป็นอันดับแรก

๔. หลังจากปิดการประมูล โอนปัจจัยภายใน ๒ วันหลังจากโอนปัจจัยแล้ว หากเลย ๒ วันจะมอบสิทธิ์แก่ผู้ที่ประมูลรายต่อไป

๕. หลังจากโอนปัจจัย กรุณาแจ้งชื่อ-ที่อยู่ใน PM-Numsai แล้วจะทำการส่งมอบดวงแก้วให้แก่ผู้เป็นเจ้าของต่อไปค่ะ


กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-252647-2
ธนาคาร ไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์

ปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่าย เพื่อนำไปร่วมบุญดังนี้

๑. ๑๕ % เข้ากองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร

๒. ๕ % ร่วมบุญโครงการฝึกมโนมยิทธิ วัดท่าซุง

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ต้องขออนุญาตเพิ่มเติมสักเล็กน้อยนะคะ สำหรับท่านที่เคยอ่านคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

สิ่งที่ได้กล่าวด้านบน เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวดิฉันเอง ในกระทู้นี้ล้วนแต่เป็นพี่ ๆ น้อง ๆ ที่รู้จักกันมาในระดับหนึ่ง

การถามของน้องธรรมวิวัฒน์นั้น ดิฉันก็คิดว่า เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปฏิบัติ

ดังนั้น ประสบการณ์การปฏิบัติของศิษย์ปลายแถว ย่อมต่างจากการอ่านคำสอนของครูบาอาจารย์ โปรดอย่านำไปเปรียบเทียบกันนะคะ

อ่านไว้เป็นเพียงความรู้ว่า แต่ละคนประสบการณ์ไม่เหมือนกัน ผู้ปฏิบัติแนวทางเดียวกัน อาจจะไม่มีประสบการณ์เหมือนกันก็ได้ ขึ้นอยุ่กับบุญของแต่ละคน

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai