พิจารณากันด้วยกับคำว่า พระโพธิสัตว์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย พี่บู, 31 ธันวาคม 2013.

  1. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    การที่บุคคลใดก็ตาม มีความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์สูงสุดของตนเองและผู้อื่น โบราณเรียกว่า ท่านผู้นั้นเป็นพระโพธิสัตว์ ประกอบกุศลสั่งสมบารมีทั้ง 10 ให้ถึงพร้อมเรียกว่า บารมีสิบทัศน์ ตามพุทธประวัติพระโพธิสัตว์พระองค์นั้น ธรรมดาย่อมรักษาเพศฆราวาส เพื่อให้ถึงพร้อมด้วยบารมีและความสะดวกทุกประการ
    และเมื่อถึงการมีพระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นบนโลกแล้ว เป็นเวลากว่า 2500 ปี นั่นย่อมแสดงว่า พระศาสนานี้ คือนาอันอุดม เพื่อประโยชน์แก่ เวเนยสัตว์ผู้ถึงพร้อมด้วยบารมีธรรม เพื่อประโยชน์ในการกำจัดกิเลส ตามมรรคผลที่พระโพธิสัตว์พระองค์นั้น ผู้ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยผลแห่งการบำเพ็ญบารมี จนถึงพร้อมจึงได้ทรงค้นพบและเผยแผ่ และหากการที่มีบุคคลใดเข้ามาบวชศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้วศึกษาพระธรรมตามมรรควิถีแห่งพระองค์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด แต่หากเข้ามาบวชเพื่อสร้างบารมี เพื่อบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อเป็นต้องการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ผิดวิสัยและไม่ถูกต้องตามครรลอง ด้วยว่าธรรมดาพระโพธิสัตว์ ย่อมบังเกิดในสมัยพุทธกาลเพื่อรับคำพยากรณ์หนึ่ง และบังเกิดในสมัยที่ว่างเว้นอันตรธานปราศจากพระศาสนาที่มีมรรคผลนิพพานแล้วเท่านั้น หากบังเกิดมาในสมัยที่ยังมีมรรคผลนิพพานบริบูรณ์ พระโพธิสัตว์พระองค์นั้น จะบังเกิดได้แต่จะไม่เสวยพระชาติเป็น “มนุษย์” และมนุษย์ผู้ถึงพร้อมด้วยบริบูรณ์ด้วยบารมีธรรม ได้เกิดมาในกาลสมัยที่มีนาอันอุดม ผู้พบพระพุทธศาสนา อันมีวิชชาเพื่อสร้างมรรคผลนิพพานแล้ว จะไม่ปฏิสนธิในครรภ์ของสัตว์และจะไม่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    ด้วยว่าในพระพุทธศาสนา ที่ประกอบด้วยวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีบริบูรณ์และถึงพร้อมด้วยพระวินัย อันเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อวัตรปฏิบัติต่อผู้มีปรารถนาเป็นพระอรหันต์ มีมรรค อันถูกต้อง เพื่อเป็นปัจจัยต่อผลนิพพาน ดังนั้นการที่ผู้บวชให้ถึงพร้อมโดยไม่มีด่างพร้อย จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์อย่างแน่นอนในชาตินี้

    แต่หากเข้าบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนี้แล้ว แต่มิได้ปฏิบัติเพื่อให้ถึงพร้อมตามนัยของธงชัยแห่งพระอรหันต์ คือ เมื่อห่มผ้ากาสาวพัตร์แล้ว แต่กลับปฏิบัติตนตามแนวพระโพธิ์สัตว์นั้น ย่อมผิดวิสัยและเป็นการเสียประโยชน์ต่อตนเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการลบลู่คุณท่านที่เป็นบรมครู นั่นก็คือพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาษาชาวบ้านเรียกว่า วัดรอยเท้าครูบาอาจารย์นั่นเอง ทั้งอีกยังชักชวนให้พุทธมามกะในพระพุทธศาสนา ที่ศรัทธาในตนเองสร้างกุศล เพื่อหวังเสวยผลบุญในสวรรค์และเพื่อให้ไปถึงนิพพานในอนาคตอันไกล ดังนั้นจึงไม่มีความเพียรที่จะสั่งสมปัญญา ปฏิบัติวิปัสสนาเพื่อกำจัดกิเลสในปัจจุบันชาติ ตามพระพุทธประสงค์ แสดงให้เห็นว่า ทำให้เสียประโยชน์แก่ท่าน

    ผู้หวังพระโพธิญาณและมรรคผลนิพพานในอนาคตอันไกล ย่อมเสียทั้งประโยชน์ทั้งของตนเองและผู้อื่น ด้วยว่า นาอันอุดมนี้มีอยู่บริบูรณ์ เหตุใดจึงไปหวังนาอุดมในอนาคตกันเสียเล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2013
  2. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ไม่เห็นด้วยครับ

    ถ้าศึกษาชาดกดู ก็จะพบว่าพระโพธิสัตว์ได้บวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ
    เหมือนกันครับ การบวชเพื่อบำเพ็ญบารมีเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ และไม่ถือเป็นการแข่งดีแต่อย่างใด

    ครั้งศาสนาของพระกัสสปะพุทธเจ้านั้น
    เราเป็นมาณพปรากฏชื่อว่า โชติปาละ
    เป็นผู้คงแก่เรียน ทรงมนต์ จบไตรเพท.
    ถึงฝั่งในลัทธิธรรมของตน ในลักษณศาสตร์และ
    อิติหาสศาสตร์ ฉลาดในลักษณะพื้นดินและอากาศ
    สำเร็จวิทยาอย่างสมบูรณ์.

    กาลนั้นมีอุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะชื่อว่า
    ฆฏิการะ เป็นผู้น่าเคารพ น่ายำเกรง อันพระกัสสป
    พุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในพระอริยผลที่ ๓ [อนาคามีผล].

    ฆฏิการะอุบาสกนั้น ได้พาเราเข้าไปเฝ้าพระกัสสปชินพุทธเจ้า
    เราฟังธรรมของพระองค์แล้วก็บวชในสำนักของพระองค์.

    เราปรารภความเพียร ฉลาดในข้อวัตรใหญ่น้อย
    จึงไม่ทำความเสื่อมในที่ไหนๆ
    ยังศาสนาของพระพิชิตมารให้งดงาม

    เราเล่าเรียนนวังคสัตถุศาสน์ อันเป็นพระพุทธดำรัสตลอดหมด
    จึงยังพระศาสนาของพระชินเจ้าให้งดงาม.

    พระพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้น ทรงเห็นธรรมอันอัศจรรย์ของเรา
    ก็ทรงพยากรณ์ว่า ในภัทรกัปนี้ ท่านผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า.

    เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว มีจิตก็ยิ่งเลื่อมใส
    จึงอธิษฐานข้อวัตร(มีธุดงด์เป็นต้น)ให้ยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี๑๐ ให้บริบูรณ์.

    เราเว้นขาดอนาจาร เราทำกิจที่ทำได้ยาก
    เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น.(พุทธะ)


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  3. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ....ผู้ปรารถนาการได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเหล่านั้นล้วนมีจิตเปี่ยมด้วยเมตตาและกรุณาต่อสรรพสัตว์"เป็นอย่างยิ่ง" แม้ทราบอยู่ว่า ท่านจะต้องใช้เวลามากมายแทบนับไม่ได้ ที่จะต้องทนทุกข์ทรมานทุกรูปแบบเพื่อบำเพ็ญบารมี๑๐ ให้บริบูรณ์.. ท่านก็ไม่ย่อท้อหรือเกรงกลัว ..ท่านเหล่านี้หาได้เสียประโยชน์ตนและผู้อื่นใดๆอย่างที่ปุถุชนคิดเองไม่..

    พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ในกาลที่ท่านปรารถนาพุทธภูมิ..
    ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ปรารถนาจะช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลายจากบ่วงทุกข์ ไม่ขอหลุดพ้นเพียงผู้เดียว..

    จึงทรงประกาศว่า..

    เมื่อรู้แล้ว จักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย
    เมื่อพ้นทุกข์แล้ว จักช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย
    เมื่อข้ามโอฆะแล้ว จักช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย


    ...ผู้ที่กล้าหาญและมีมหาเมตตากรุณาอย่างเกินวิสัยปุถุชนเท่านั้นจะพึงปรารถนาฐานะแห่งการเป็นพระโพธิสัตว์ ...โดยเฉพาะประเภท"นิยตะโพธิสัตว์ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2013
  4. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    สำหรับผมนะ ผมว่าบุคคลที่เป็นโพธิสัตว์ เขาจะไม่พูดว่าตนเป็น
    พระโพธิสัตว์แท้ๆ ก็บวชในศาสนาพุทธนี้ได้
    และก็หวังปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์เหมือนคนอื่นๆนั่นแล
    มิได้หวังจะวัดรอยเท้าครูบาอาจารย์อย่างท่านเข้าใจ(หมายเฉพาะโพธิสัตว์จริงๆ)
    พระโพธิสัตว์อาจไม่ใส่ใจไม่รู้ว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ด้วยซ้ำ
    บวช ปฏิบัติ ฝึกอบรม ก็หวังนิพพานนั่นแหละ แต่มันจะไม่ผ่าน
    เพราะติดที่ความปรารถนาลึกๆ ที่อยากจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    แม้เพียงพระสาวก ก็ยังต้องอดทนมาก ฟังธรรมครั้งแรกยังมิได้บรรลุอรหันต์
    มิใช่ว่าโง่ แต่เพราะความอยากเป็นพระสาวก จึงใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงบรรลุ
    ฉะนั้นแล้ว ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า แม้จะอยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ใดๆ
    จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกอบรมกายใจจนบรรลุอรหันต์ได้
    แต่ภูมิธรรมที่ได้ฝึกได้ปฏิบัตินั้นจะยังคงอยู่ เพื่อนำไปสืบทอดสอนสั่งต่อไป
     
  5. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    ก็อย่างที่บอกไป พระโพธิสัตว์ ย่อมบังเกิดในสมัยพุทธกาลเพื่อรับคำพยากรณ์หนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2013
  6. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พี่บู อ่านข้อความ

    "ผู้หวังพระโพธิญาณและมรรคผลนิพพานในอนาคตอันไกล ย่อมเสียทั้งประโยชน์ทั้งของตนเองและผู้อื่น ด้วยว่า นาอันอุดมนี้มีอยู่บริบูรณ์ เหตุใดจึงไปหวังนาอุดมในอนาคตกันเสียเล่า" คำกล่าวในที่นี้หากบังเกิดในยุคกาลสมัยที่ไม่มีพระศาสนาที่บริบูรณ์ด้วยวิชชา มรรคผลนิพพาน บุคคลผู้คิดเยี่ยงนี้ย่อมเป็นที่ยกย่องสรรเสริญและเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง แต่ในทางกลับกัน หากคิดและทำในยุคกาลสมัยที่พระศาสนาบริบูรณ์ด้วยวิชชา มรรคผลนิพพาน การณ์นี้ย่อมถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะ ไม่ถูกกาลเทศะ เสียเวลาโดยเปล่า เสียประโยชน์ในปัจจุบันชาติ เสียชาติเกิดที่มาพบพระศาสนาโดยแท้ เอาง่ายๆเลยครับ เช่นตอนนี้ คุณเข้าโรงเรียนที่มีคุณครูฟิสิกซ์ที่พร้อมจะให้ความรู้แก่คุณอยู่แล้ว แต่คุณกลับยังจะเรียนรู้ค้นคว้าเองในห้องทดลอง เพื่อเรียนรู้ในวิชาที่คุณครูของคุณกำลังจะสอนไปเพื่ออะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2013
  7. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    นั่นนะสิครับ พระโพธิสัตว์(แท้ๆ)จะมีอยู่จริงหรือไม่ในศาสนานี้ ใครเล่าจะไปรู้ได้ และใครจะไปล่วงรู้ความคิดว่าท่านจะวัดรอยเท้าอาจารย์หรือไม่

    แต่ธรรมะของพระศาสนานี้ หากปฏิบัติจริงๆอย่างเร็ว7 วัน อย่างช้า 7ปี นี่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ ดังนั้นไม่เกี่ยวกับบุญบารมีหรือสติปัญญาสูง แต่อยู่ที่ความเพียรและเจตจำนงค์
     
  8. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    พระโพธิสัตว์ - วิกิพีเดีย

    นิตยโพธิสัตว์ สมัยที่ยังมีมรรคผลนิพพานบริบูรณ์ ?
    หลวงปู่ทวด

    _/\_ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติ ภะคะวา

    ปฏิบัติจริงๆอย่างเร็ว7 วัน อย่างช้า 7ปี นี่?
    _/\_อนิตยโพธิสัตว์...ขึ้นอยู่กับว่าท่านปรารถนาจะลาพุทธภูมิหรือไม่

    ตัวอย่าง : หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    https://www.google.co.th/#q=หลวงปู่มั่น+พุทธภูมิ

    บวชเพื่อสร้างบารมี เพื่อบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ ?
    _/\_ ไม่ว่าจะบวชหรือไม่ เป็นวิสัยของท่านอยู่แล้ว
    *********************************************
    เป็นความเข้าใจส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ
    *********************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2014
  9. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    ทั้งหลายที่อ้างอิง ใครกัน? ที่พากันแต่งตั้งหลวงปู่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นนู่นนี่นั่น เพื่อประโยชน์ของใคร?

    ยกตัวอย่าง เช่นที่อ้างถึงครูบาศรีวิชัยว่า ท่านเป็นนิตยโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์นั้น แต่หลักฐานที่เป็นคำปรารถนาของท่านที่จารึกในที่ต่างๆ ท่านเองกลับปรารถนาพระนิพพานเป็นที่สุด มิได้มีที่แห่งใดจดจารึกว่าท่านปรารถนาพระโพธิญาณเลย

    สิ่งที่แต่งกันขึ้นว่า ท่านต้องการเป็นพระพุทธเจ้า มาจากไหน จากใครที่อ้างถึง จริงหรือไม่ เพื่อประโยชน์ของใคร รู้แล้วจะอึ้ง!

    และที่ไม่ทราบว่าปฏิบัติสำเร็จได้ในชาตินี้ อย่างช้าไม่เกิน 7ปี นั่นเพราะไม่ต้องการสำเร็จในชาตินี้ใช่หรือไม่ จึงไม่ทราบข้อมูลนี้เลยแต่อย่างใด ทั้งที่มีผู้พิสูจน์มาแล้วกว่าสองพันปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2014
  10. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    กระผมก็ไม่ใคร่จะรู้นักเรื่องพระโพธิสัตว์เนี่ย....ฉะนั้นกระผมจะถามท่านพี่บูดีกว่านะจะได้หรือไม่? ดังนี้ครับ
    1. การที่บุคคลใดก็ตาม มีความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์สูงสุดของตนเองและผู้อื่น โบราณเรียกว่า ท่านผู้นั้นเป็นพระโพธิสัตว์ ประกอบกุศลสั่งสมบารมีทั้ง 10 ให้ถึงพร้อมเรียกว่า บารมีสิบทัศน์ ตามพุทธประวัติพระโพธิสัตว์พระองค์นั้น ?
    ก. ข้อนี้กระผมว่าน่าจะบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ.
    ข. หรือท่านเห็นเป็นอย่างไร?
    2.ธรรมดาย่อมรักษาเพศฆราวาส เพื่อให้ถึงพร้อมด้วยบารมีและความสะดวกทุกประการ?
    ก. จำกัดเฉพาะฆราวาส หรือ อย่างไร? สะดวกอย่างไร? ครับ
    ข. เพศบรรพชิต บำเพ็ญบารมีลำบากอย่างไร? มีบารมีข้อไหนบำเพ็ญไม่ได้ครับ?
    3. และเมื่อถึงการมีพระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นบนโลกแล้ว เป็นเวลากว่า 2500 ปี นั่นย่อมแสดงว่า พระศาสนานี้ คือนาอันอุดม เพื่อประโยชน์แก่ เวเนยสัตว์ผู้ถึงพร้อมด้วยบารมีธรรม เพื่อประโยชน์ในการกำจัดกิเลส ตามมรรคผลที่พระโพธิสัตว์พระองค์นั้น ผู้ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยผลแห่งการบำเพ็ญบารมี จนถึงพร้อมจึงได้ทรงค้นพบและเผยแผ่ และหากการที่มีบุคคลใดเข้ามาบวชศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้วศึกษาพระธรรมตามมรรควิถีแห่งพระองค์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด?
    ข้อนี้กระผมเห็นด้วย
    2. แต่หากเข้ามาบวชเพื่อสร้างบารมี เพื่อบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อเป็นต้องการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ผิดวิสัยและไม่ถูกต้องตามครรลอง?
    ก. ในนัยยะ: ยุคที่ยังทรงพระศาสนา(พุทธกาล)นี้จะมีพุทธเจ้าซ้อนขึ้นอีกหนึ่งองค์ไม่ได้
    ใช่หรือไม่ครับ?
    ข. นัยยะ : ความต้องการหรือการปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือโพธิญาณ หรือนำพาหมู่สัตว์ข้ามทะเลทุกข์ นั้น เป็นอุปนิสัยประจำองค์อยู่ดังปรากฎชาดกต่างๆ
    ค. อื่นๆ ... "....ผิดวิสัยและไม่ถูกต้องตามครรลอง" อย่างไรครับ ?
    ในข้อ 2. นี้ท่านนัยยะข้อใด ก. หรือ ข.

    3. ด้วยว่าธรรมดาพระโพธิสัตว์ ย่อมบังเกิดในสมัยพุทธกาลเพื่อรับคำพยากรณ์หนึ่ง และบังเกิดในสมัยที่ว่างเว้นอันตรธานปราศจากพระศาสนาที่มีมรรคผลนิพพานแล้วเท่านั้น หากบังเกิดมาในสมัยที่ยังมีมรรคผลนิพพานบริบูรณ์ พระโพธิสัตว์พระองค์นั้น จะบังเกิดได้แต่จะไม่เสวยพระชาติเป็น “มนุษย์” ?
    และมนุษย์ผู้ถึงพร้อมด้วยบริบูรณ์ด้วยบารมีธรรม ได้เกิดมาในกาลสมัยที่มีนาอันอุดม ผู้พบพระพุทธศาสนา อันมีวิชชาเพื่อสร้างมรรคผลนิพพานแล้ว จะไม่ปฏิสนธิในครรภ์ของสัตว์และจะไม่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน?
    ก. ขออธิบายเพิ่มครับ?
    ข. กระผมเข้าใจว่าแม้พระโพธิสัตว์ก็ยังอยู่ในกฎแห่งกรรม เมื่อถึงวาระก็ต้องเกิด จะเลือกเกิดเลือกกาลได้หรือ...
    ค. อาจเว้นแต่มหาโพธิผู้มีบารมีเต็มเปี่ยมระหว่างรอการตรัสรู้อาจเลือกมาเกิดก็เป็นได้ครับ..ก็เพราะอาจมีเหตุสำคัญ.
    ง.อาจมีบางกาลไม่ปกติ ศาสนาอาจมีภัยท่านอาจเกิดเพื่อบรรเทาเหตุก็อาจเป็นได้ ก็ท่านเป็นพุทธวงศ์คงไม่อาจนิ่งดูดายได้.
    จ. หรือท่านเห็นเป็นประการใด?_/\_
    4.ด้วยว่าในพระพุทธศาสนา ที่ประกอบด้วยวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีบริบูรณ์และถึงพร้อมด้วยพระวินัย อันเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อวัตรปฏิบัติต่อผู้มีปรารถนาเป็นพระอรหันต์ มีมรรค อันถูกต้อง เพื่อเป็นปัจจัยต่อผลนิพพาน ดังนั้นการที่ผู้บวชให้ถึงพร้อมโดยไม่มีด่างพร้อย จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์อย่างแน่นอนในชาตินี้?
    ก. สำเร็จ...ถ้าถูกทางและกำลังใจถึงนะ.
    ข. หรือท่านเห็นเป็นประการใด ?

    5. แต่หากเข้าบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนี้แล้ว แต่มิได้ปฏิบัติเพื่อให้ถึงพร้อมตามนัยของธงชัยแห่งพระอรหันต์ คือ เมื่อห่มผ้ากาสาวพัตร์แล้ว แต่กลับปฏิบัติตนตามแนวพระโพธิ์สัตว์นั้น ย่อมผิดวิสัยและเป็นการเสียประโยชน์ต่อตนเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการลบลู่คุณท่านที่เป็นบรมครู นั่นก็คือพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาษาชาวบ้านเรียกว่า วัดรอยเท้าครูบาอาจารย์นั่นเอง ทั้งอีกยังชักชวนให้พุทธมามกะในพระพุทธศาสนา ที่ศรัทธาในตนเองสร้างกุศล เพื่อหวังเสวยผลบุญในสวรรค์และเพื่อให้ไปถึงนิพพานในอนาคตอันไกล ดังนั้นจึงไม่มีความเพียรที่จะสั่งสมปัญญา ปฏิบัติวิปัสสนาเพื่อกำจัดกิเลสในปัจจุบันชาติ ตามพระพุทธประสงค์ แสดงให้เห็นว่า ทำให้เสียประโยชน์แก่ท่าน
    ผู้หวังพระโพธิญาณและมรรคผลนิพพานในอนาคตอันไกล ย่อมเสียทั้งประโยชน์ทั้งของตนเองและผู้อื่น ด้วยว่า นาอันอุดมนี้มีอยู่บริบูรณ์ เหตุใดจึงไปหวังนาอุดมในอนาคตกันเสียเล่า?
    ก. ข้อนี้เห็นด้วย ถ้าท่านหมายถึง ผู้ตั้งตน ยกตน ประกาศ เพื่อผลประโยชน์อันมีลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นต้น
    เพราะเนกขัมมะ และบารมีอื่นๆ เป็นแนวทางอยู่ การที่ปฏิบัติเพื่อสั่งสมกองกิเลส นั้นไม่ควรเลย...
    ข. หรือท่านเห็นเป็นประการใด ?
    ****************
    สรุปบทความ ท่านต้องการสื่ออะไร? ให้พิจารณาอย่างไร ?
    **************
    ขอบคุณครับที่กรุณาให้คำตอบ _/\_
    **************
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านจขกท อาจไม่ทราบว่า สัตว์ทั้งหลาย"มีความต่างกัน"..ไม่ใช่ว่าใครๆจะเรียนฟิสิกส์แล้วสำเร็จในวิชานั้นแม้มีอาจารย์เก่งราว Stephen Hawking หรือ Einstein.....ไม่จำต้องกล่าวถึงวิชาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ลึกซึ้งมากกว่าฟิสิกส์ของทั้ง 2อาจารย์รวมกันนับเท่าไม่ได้เลย...
     
  12. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    นั่นเป็นเพราะเราท่านทั้งหลายถูกสอนกันต่อๆมา ในยุคหลังพุทธกาลให้คิดว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เหตุการณ์นี้แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง พระองค์ก็ทรงคิดเช่นนั้น แต่เปล่าเลยเมื่อพระองค์ทรงตัดสินใจสั่งสอนแล้ว ผู้ปฏิบัติก็ประสบผลประจักษ์จริง ไม่ต่างจากที่พระองค์ค้นพบ จะด้วยเหตุผลของใคร เพื่อประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ที่ต้องการทำสิ่งประเสริฐนี้ให้ยากยิ่งในความคิด ดังนั้นการที่ทำให้คิดว่ายากและต้องสั่งสมบุญนี้ จึงเป็นเหตุให้ผมกำลังพยายามอธิบายอยู่นั่นเอง
     
  13. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านจขกท เข้าใจว่าเมื่อมีอาจารย์เก่งสอนฟิสิกส์แล้ว บุคคลทั่วโลกจะสามารถสำเร็จวิชานั้นได้เสมอกัน"เพียงเพราะ"เหตุ"ที่มีอาจารย์ฟิสิกส์ผู้สามารถหรือเปล่าครับ?..

    และอาจารย์ฟิสิกส์ผู้เปรื่องปราดกี่ท่านแล้วที่จุติไปแล้ว..?.. ถ้าไม่มีใครคิดเป็นอาจารย์ฟิสิกส์บ้าง โลกคงว่างจากวิชานี้ไปเสียแล้ว..เพราะหมดอาจารย์สอน...
    น่าดีใจแทนชาวฟิสิกส์นะครับที่มีคนคิดอยากเป็นอาจารย์สอนวิชานี้..เพราะถ้าไม่มีอาจารย์ คงไม่มีใครคิดเอาเองได้..
     
  14. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    ข้อหนึ่ง
    ก.มี10ถูกแล้วครับ เพียงแต่ แต่ละข้อแบ่งเป็น 3ระดับ
    ข้อสอง
    ก.ครับ สะดวกตรงที่ไม่มีพระวินัยมากั้นการปฏิบัติ
    ข.บรรพชิตติดพระวินัย ถึงสร้างบารมีได้ก็ไม่ครบทุกข้อ ต้องเข้าใจว่ามาสร้างบารมีชาติละข้อให้สูงสุดกว่าสรรพสัตว์ทุกตัว ไม่ได้มาสร้างบารมีทีเดียวสิบข้อรวดแบบเก็บคะแนนสะสมนะครับ
    ตามนัยข้อสอง ก.และข. อยากทราบเพื่อ? และนั่นเป็นสิ่งที่ผมกำลังอธิบายอยู่มีคำตอบแล้วในกระทู้ กรุณาอ่านทบทวน
    ข้อสาม
    บรรทัดแรกและสอง อจินตัยครับ ไม่เชื่อก็ได้ ถึงอธิบายก็ใช่ว่าจะเชื่อ
    ข้อสี่
    ก.ข. ตัวอย่างและผู้ประสบผลสำเร็จมีมากเหลือเกิน เชิญศึกษาตามชอบครับ
    ข้อห้า นั่นสิครับเขาจะทำไปเพื่ออะไรกันแน่?
     
  15. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
     
  16. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    ท่านจขกท เข้าใจว่าเมื่อมีอาจารย์เก่งสอนฟิสิกส์แล้ว บุคคลทั่วโลกจะสามารถสำเร็จวิชานั้นได้เสมอกัน"เพียงเพราะ"เหตุ"ที่มีอาจารย์ฟิสิกส์ผู้สามารถหรือเปล่าครับ?..
    ตอบ อาจารย์ไม่ใช่เหตุของความสำเร็จครับ แต่เป็นหนึ่งปัจจัยของความสำเร็จ ถ้าถามอะไรเป็นเหตุก็ต้องตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ ตัวเอง เป็นเหตุของความสำเร็จ “วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีบริบูรณ์และถึงพร้อมด้วยพระวินัย อันเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อวัตรปฏิบัติต่อผู้มีปรารถนาเป็นพระอรหันต์ มีมรรค อันถูกต้อง เพื่อเป็นปัจจัยต่อผลนิพพาน ดังนั้นการที่ผู้บวชให้ถึงพร้อมโดยไม่มีด่างพร้อย จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์อย่างแน่นอนในชาตินี้” ที่กล่าวมามีความหมายถึงวิชชาของพระองค์ ไม่เกี่ยวกับว่าสังขารของพระพุทธเจ้าจะดำรงค์อยู่หรือไม่ครับ เพราะอาจารย์ในที่นี้คือผู้รู้และสำเร็จ จากวิชชาของพระองค์
    และอาจารย์ฟิสิกส์ผู้เปรื่องปราดกี่ท่านแล้วที่จุติไปแล้ว..?.. ถ้าไม่มีใครคิดเป็นอาจารย์ฟิสิกส์บ้าง โลกคงว่างจากวิชานี้ไปเสียแล้ว..เพราะหมดอาจารย์สอน...น่าดีใจแทนชาวฟิสิกส์นะครับที่มีคนคิดอยากเป็นอาจารย์สอนวิชานี้..เพราะถ้าไม่มีอาจารย์ คงไม่มีใครคิดเอาเองได้..
    ตอบ นั่นสิครับ เพียงแต่ยุคนี้ไม่ใช่เวลาจะมาอยากเป็นอาจารย์เท่านั้นเอง มันชอบกลอยู่ อย่างที่ในกระทู้ข้างต้น “ด้วยว่าธรรมดาพระโพธิสัตว์ ย่อมบังเกิดในสมัยพุทธกาลเพื่อรับคำพยากรณ์หนึ่งและบังเกิดในสมัยที่ว่างเว้นอันตรธานปราศจากพระศาสนาที่มีมรรคผลนิพพานแล้วเท่านั้น ผู้หวังพระโพธิญาณและมรรคผลนิพพานในอนาคตอันไกล ย่อมเสียทั้งประโยชน์ทั้งของตนเองและผู้อื่น ด้วยว่า นาอันอุดมนี้มีอยู่บริบูรณ์ เหตุใดจึงไปหวังนาอุดมในอนาคตกันเสียเล่า”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2014
  17. ท้องฟ้าและแผ่นดิน

    ท้องฟ้าและแผ่นดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +127
    พระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านเป็นครูผู้ประเสริฐจ้ะ
    ท่านเป็นครูของทุกผู้ทุกนาม
    ท่านรู้นิสัยสันดานและวิสัยของลูกศิษย์ของท่าน
    ท่านเลยจำแนกธรรมสั่งสอนอบรมตามนิสัยและวิสัยของแต่ละคน
    ใครอยากจะเป็นอะไร อยู่ในวิสัยจะทำได้ เป็นได้ ท่านช่วยได้ ท่านสอนหมด

    อยากเป็นคนดี ก็สอน
    อยากเป็นคนรวย ก็สอน
    อยากมีคู่ครองดี ก็สอน
    อยากอายุยืน ก็สอน
    อยากเจริญทางโลก ก็สอน
    อยากเจริญทางธรรม ก็สอน
    อยากเป็นเทวดา ก็สอน
    อยากเป็นพรหม ก็สอน
    อยากหลุดพ้น ก็สอน
    อยากเรียนจบมาเป็นเหมือนคุณครู ท่านก็สอนจ้ะ
     
  18. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    เห็นตรงกันครับ

    ศาสนานั้นต่างกับวิชาความรู้ใดๆ
    วิธีอื่นๆคือความรู้
    แต่วิชชาที่พุทธองค์รู้แล้วนำมาบอก
    เป็นเพียงวิธีการทำความเข้าใจต่อความเป็นธรรมชาติ
    จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย
    แต่ด้วยกิเลส จากค่านิยมก็ดี ทั้งจากวัตถุสิ่งของ ลาภ ยศ สรรเสริญ
    ที่มีมากขึ้นตามกาลสมัยที่เปลี่ยนแปลง
    เป็นข้าศึกต่อความเข้าใจธรรมชาติโดยตรง
    เพราะสิ่งเหล่านั้น ชักนำให้อยากฝืนธรรมชาติ
    เมื่อคิดเสียแล้วว่า การบรรลุธรรมเป็นเรื่องยาก
    ความเพียรก็ไม่เกิด ความพอใจที่จะปฏิบัติก็ไม่มี
    จึงทำให้สำเร็จไม่ได้
    เรียกได้ว่้า "แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มชก"
     
  19. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
     
  20. ผู้ไกล

    ผู้ไกล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +4,752
    เรื่องแบบนี้จะให้มาคุยกันหรือชักจูงกันหรือแนะนำกันถ้าไม่ได้พวกเดียวกัน
    ก็คุยกันไม่รู้เรื่องหรอกครับ

    เช่น ให้สาวกภูมิ มาแนะนำ พุทธภูมิ ย่อมคุยกันไม่รู้เรื่อง
    หรือ ให้สาวกภูมิประเภทได้ วิชชา 3 มาพูดเรื่องเห็น ผี เทวดานางฟ้า
    ให้สาวกภูมิประเภท สุขขวิปัสโก ที่ไม่ได้ญาณ ใด ๆ ก็ไม่รู้เรื่องเป็นธรรมดา
    จะคุยกันรู้เรื่องต้อง บารมีเสมอกัน ศีล ทาน ภาวนา เสมอกัน
    ภูมิที่ปราถณาเหมือนกัน ถึงจะคุยกันรู้เรื่อง

    และสิ่งสำคัญ จะเป็นภูมิของ พุทธภูมิ ปัจเจกะภูมิ สาวกภูมิ
    ย่อมปราถณาแดนบรมสุขคือ แดนพระนิพพานเหมือนกัน
    แต่วัตถุประสงค์แตกต่างกัน จะให้คิดเหมือนกัน คงเป็นไปไม่ได้
    แต่คงไว้ซึ่งเป้าหมายคือการพ้นทุกข์

    ฉะนั้นแล้วจะให้มาคิดเหมือนหรือคิดต่างๆกัน ก็เป็นเรื่องปกติวิสัยภูมิ
    ของแต่ละคนนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...