อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    กลับไปบ้านพ่อ อย่าลืมแกะลังออกนะครับเดียวปลวกขึ้น
    :cool::cool::cool:


    ปล.หยอกเล่นนะครับ
     
  2. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706

    เดี๋ยวตรุษจีนนี้ จะกลับบ้านพ่อ จะเอาออกมาอย่างละองไว้ถ่ายรูปให้ดูนะคับ อิอิ
     
  3. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดียามบ่าย คุณโญ คุณปู คุณรุ่ง คุณเอ็ม คุณเซลเแคทและทุกๆท่าน
    อากาศร้อนตอนบ่ายครับ
    หลวงปู่คำพันธ์ เหรียญหยดน้ำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2788.JPG
      IMG_2788.JPG
      ขนาดไฟล์:
      5.1 MB
      เปิดดู:
      79
    • IMG_2789.JPG
      IMG_2789.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.8 MB
      เปิดดู:
      61
  4. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***น้ำลายไหลอีกแล้วครับ เอิ๊กเอิ๊ก***
     
  5. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    ลงซ้ำ ๆ แล้วอ่ะพี่รุ่ง
    :cool::cool::cool:
     
  6. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***พระของ่หลวงปู่ คำพัน ท่าน เยี่ยมอยู่แล้ว ลงบ่อยๆดีครับ ชอบๆ เอิ๊กเอิ๊ก***
     
  7. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
    ผมก้ว่าดีนะคับ แต่ราคาทำไมไม่ค่อยไปเลยก็ไม่รู้
     
  8. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
     
  9. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    น้อมกราบหลวงพ่อฤาษี -/\-

    สวัสดียามเย็นครบพี่กูน
     
  10. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    น้อมกราบหลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่คำพัน -/\-

    วันนี้พี่โญเอามายั่วทั้งหลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่คำพันเลย
     
  11. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    ....ฝากไว้ในอัลบั้ม....

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลวงพ่อเปลี้ย วัดชอนสารเดช จ. ลพบุรี ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์ จริงๆ แล้วหลวงปู่ไม่ได้ชื่อเปลี้ย เดิมท่านชื่อผ่อง แต่ขาท่านเสียไปแต่อายุได้ ๑๔ ปี กลายเป็นคนเดินไม่ได้มาแต่นั้นจนบัดนี้มีอายุ ๘๕ ปี เพราะขาเสียคนเลยเรียกท่านเปลี้ยจนติดปากท่านก็ไม่ว่าอะไร ถือว่าเปลี้ยเป็นแค่สมมติอันหนึ่ง เมื่อเป็นหลวงปู่เปลี้ย หรือหลวงปู่ผ่องก็ไม่พ้นไปจากการเป็นคนๆ เดียวกันอยู่ดี ทุกขเวเทนาที่ท่านสู้อยู่กับความพิการนาน๗๑ ปี จะไปมีอะไรมาบ่มจิตใจให้แกร่งได้ดีกว่านี้ ธรรมะที่ออกจากปากของท่านจึงเป็นธรรมะของพระแท้ ไม่บิดเบือนไปจากพระโอษฐ์ของพระพุทธองค์แม้สักน้อย เพราะท่านเห็นทุกข์จริงๆ เขาชมว่าท่านเทศน์ดี ท่านก็ว่าพูดตามพระพุทธเจ้าจะไม่ดีได้ไง ไม่อวดตัว ไม่อวดเก่ง ไม่ยอมรับเรื่องเขายิงเหรียญท่านจนปืนแตก บอกแต่ว่าเขาให้ฉันเสก ฉันก็เสก ส่วนจะขลังหรือไม่ขลังฉันไม่รู้ สอนให้ฟังเสมอว่าคนจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จไม่ให้อวดไม่ให้พูด ถ้าพูดแล้วปาราชิก พูดคำเดียวฉันไม่รู้จะอยู่ปืนหรือไม่อยู่ปืน ฉันก็ไม่รู้ สอนแล้วสั่งอีกอย่างขึงขังจริงจังว่า อย่าเที่ยวเอาไปลองอีกนะ.ให้นึกเอาเถิดว่าคนยิงเหรียญทศบารมี ๓๘ ของหลวงปู่เปลี้ย คุณสมฺปนฺโน ไม่ได้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ ไม่รู้จักหลวงปู่มาก่อน ชื่อก็ไม่เคยได้ยิน เขาให้ยิงก็ยิง ยิงเสร็จเหมารถจากอุดรธานีไปวัดหลวงปู่เปลี้ยที่ลพบุรีในวันรุ่งขั้นทันที เฉพาะแกคนเดียวกวาดเอาเหรียญรุ่นที่ได้ยิงจนปืนแตกคามือกลับอุดรฯ ๔๐๐ กว่าเหรียญ ผมจะตอบว่าไม่เชื่อจะสำคัญที่ไหน ในเมื่อคนยิงนั้นเชื่อจนหมดใจไปแล้ว ว่าจะไม่บอกว่าคนยิงเป็นใครแล้วเชียว ส.ต.อ. ชัยวัฒน์ นามวรรณ หน่วย สืบสวนพิรุณ สภอ.อุดรธานี เป็นการเพิ่มน้ำหนักและลบ “เขาเล่าว่า” ไปในตัว เห็นจะต้องบอกกันว่า เหรียญทศบารมี ๓๘ ของหลวงปู่เปลี้ย คุณสมฺปนฺโน วัดชอนสารเดช กิ่ง อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ที่ได้ทดลองยิงนั้นเป็นเหรียญเนื้อเงินสร้างแค่ ๒๐๐ เหรียญ หมดจากวัดแล้วที่เหลือยู่กับวัดเป็นเหรียญทองแดง จำนวนสร้าง ยังไม่ทราบชัด คาดว่าน่าจะราว ๓ พัน ไม่เกิน ๕ พันเหรียญ.

    หลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดชนั้น ขนาดหลวงพ่อคูณยังบอกว่าไม่ต้องมาหาข้าหลอก เอ็งอยู่แถวชัยบาดาล ไปหาอาจารย์เปลี้ย เขาเก่งกว่าข้าอีก นั้นคือการการันตีได้ว่าท่านเก่งเพียงใด

    ในบทความของคุณ อำพล เจน กล่าวถึงเหรียญรุ่นนี้ไว้อย่างน่าสนใจยิ่งนัก
    ".....ตอนที่รู้เรื่อง ส.ต.อ.ชัยวัฒน์ นามวรรณ ยิงเหรียญหลวงปู่เปลี้ยจนปืนแตก ผมตื่นเต้นไม่น้อยคิดแต่ว่าเรื่องอย่างนี้จะมีฟลุกหรือไม่ คิดอย่างไรก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเหตุบังเอิญ ใส่กระสุนผิดขนาดก็หมดทางเป็นไปได้ กระสุน .๓๘ ใส่ปืน .๓๕๗ แม็กนั่มนั้นใส่ได้แน่ กระสุน .๓๕๗ ไม่มีทางใส่ในปืน .๓๘ เลย
    คนยิง เป็นคนชำนาญปืน อยู่กับปืนมาตลอดชีวิต จะมาทำเรื่องผิดพลาดได้วิธีไหน จะถามพี่อี๊ด (ฉัตรชัยวิเศษสุวรรณภูมิ) ก็กลัวท่านจะขันเอา คิดแล้วร้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้ โทรศัพท์หาคุณณรงค์ มีชีพกิจ เพื่อนชาวลพบุรีช่วยไปวัดชอนสารเดชด้วย ถ้ามีเหรียญทศบารมี ๓๘ ก็เอาให้ผมหน่อย คุณณรงค์ก็ดีสมเป็นเพื่อนแท้ โทรฯกลับถึงผมในวันเดียวกันไปเอามาให้แล้ว แต่เหรียญเงินได้แค่เหรียญเดียว เพราะว่าทั้งวัดเหลืออยู่แค่นั้นเสียงอ่อยๆ แบบคนที่มีชีวิตช่วงปลายเดือนอีกด้วย น่าสงสาร โทรฯ หาคุณพิชย จารทัศนางกูร เพื่อนแท้อีกคนที่ต้นเดือนหรือปลายเดือนก็มีสุ้มเสียงหนักแน่นเสมอ ให้ไปช่วยคุณณรงค์อีกแรง ทั้งสองท่านประสานแรงด้วยกันอย่างแข็งขันจริงๆ ทำให้นึกถึงเพลง You’re got A friend ขั้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เลยเถิดไปถึง “ด้วยรักและผูกพัน” ของพี่เบิรด์ ธงไชย อีกเพลง ที่มันบังเอิญ หรือจงใจให้คล้ายกันก็ไม่ทราบ ที่แน่หนักหนานั้นผมมีเพื่อนอยู่ เป็นเพื่อนที่รู้ใจอีกต่างหาก รู้ว่าใจของผมเป็นอย่างไรอยู่ตลอด จึงโทรฯ รายงานเรื่องหลวงปู่เปลี้ยให้ผมฟังทุกระยะ ซึ่งผมคะเนได้ว่าศรัทธาและความเลื่อมใสในองค์หลวงปู่เปลี้ยกำลังงอกงามในหัวใจ ๒ ดวงของเพื่อนทั้งสอง ...."
    ...ขอบคุณเจ้าของข้อมูลครับ....
     
  12. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
     
  13. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    [​IMG]
     
  14. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***มหะกรรม หลวงปู่ คำพันธ์ เยี่ยมมากๆครับ***
     
  15. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ขอบคุณคุณเอ๊ะครับสำหรับเรื่องราวของหลวงปู่ผ่อง(หลวงปู่เปลี้ย)

    [​IMG]
     
  16. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
     
  17. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,706
     
  18. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    พระกริ่ง

    ประวัติการสร้าง พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ มีมาแต่โบราณ ประวัติพระกริ่ง เริ่มขึ้นที่ในประเทศทิเบต และจีน จึงเรียกติดปากว่า พระกริ่งทิเบต และพระกริ่งหนองแส พระกริ่งเป็น พระพุทธเจ้าปางมาช่วยโปรดสัตว์โลก หรือเรียกกันว่า "พระไภสัชคุรุ" เป็น พระพุทธเจ้าปางหนึ่งของลัทธิมหายาน ซึ่งหมายความว่า ทรงเป็นครูในด้านเภสัช คือ การรักษาพยาบาล ต่อมาได้แพร่หลายมาก นิยมสร้างในเขมร เรียกว่า พระกริ่งอุบาเก็ง หรือ พระกริ่งพนมบาเก็ง และพระกริ่งพระปทุมสุริยวงศ์

    สำหรับพระพระกริ่งที่มีชื่อเสียงทรงคุณวิเศษหลายประการมีผู้นิยมนับถือกันมากยิ่งในปัจจุบันนี้ยิ่งหายาก ต้องยกให้ พระกริ่งวัดสุทัศนฯ เพราะสมเด็จพระสังฆราช(แพ) ทรงสร้างไว้จำนวนไม่มากพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ สุดยอดพิธีกรรมุ

    พระกริ่ง วัดสุทัศน์ สาเหตุที่ทรงสร้าง พระกริ่งวัดสุทัศนนั้นเนื่องจากเมื่อครั้งที่ สมเด็จพระวันรัต(แดง) พระอุปัชฌาย์อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระองค์ทรงเคยรักษาผู้ป่วยเป็นอหิวาตกโรคให้หายได้ ด้วยการอาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์ แล้วโปรดให้น้ำนั้นแก่ผู้ป่วยดื่ม ปรากฏว่าหายอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้วก็อาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำน้ำพระพุทธมนต์ประทานแก่ สมเด็จพระวันรัต(แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์นั้นแล้วก็บรรเทาหายอาพาธเป็นปกติ สมเด็จพระสังฆราช(แพ ติสฺสเทว) วัดสุทัศนเทพวรารามได้ทอดพระเนตรเห็นคุณวิเศษน่าอัศจรรย์ของพระกริ่งในขณะนั้นแล้ว จึงเกิดความสนพระทัย และทรงเริ่มศึกษาค้นคว้าตำราที่จะสร้างพระกริ่งเรื่อยมา จนมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการสร้าง จนเจนจบ เมื่อจะมีการสร้างพระกริ่งขึ้นครั้งใด พระองค์จะถูกขอร้องให้เป็นผู้ชี้แจงการสร้าง และการหล่อ ในฐานะประธานการหล่อพระกริ่งเสมอมา


    [​IMG]




    ประวัติพระกริ่ง ตำนานพระกริ่ง พระชัยวัฒน์

    ตำนานความเป็นมาของ พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ซึ่งนายนิรันดร์ แดงวิจิตร หรือ อดีตพระครูวินัยกรณโสภณ เป็นผู้เขียน มีข้อความที่น่าสนใจมากดังนี้

    ตำนานพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ "คำว่ากริ่ง" นี้ หมายความว่ากระไร สมเด็จฯ (สมเด็จพระสังฆราช แพ ติสฺสเทว) เคยรับสั่งเสมอว่า คำว่า "กริ่ง" นี้ มาจากคำถามที่ว่า "กึ กุสโล" (กิง กุสะโล) คือ เมื่อพระโยคาวจรบำเพ็ญสมณธรรมมีจิตผ่านกุศลธรรมทั้งปวงเป็นลำดับไปแล้ว ถึงขั้นสุดท้ายจิตเสวยอุเบกขาเวทนา ปุญญาภิสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี ได้แก่ กุศลเจตนา) เปลี่ยนเป็น อเนญชา (สภาพที่ปรุงแต่งภพอันมั่นคง ไม่หวั่นไหว ได้แก่ ภาวะจิตที่มั่นคงแน่วแน่ด้วยสมาธิแห่งจตุตถฌาน คือ ฌานที่ 4) เป็นเหตุให้พระโยคาวจรเอะใจขึ้นว่า "กึ กุสโล" นี้เป็นกุศลอะไร เพราะเป็นธรรมที่เกิดขึ้น แปลกประหลาด ไม่เหมือนกับกุศลอื่นที่ผ่านมา ดังนั้น คำว่า "กึ กุสโล" จึงเป็นชื่อของ อเนญชา คือ "นิพพุติ" แปลว่า "ดับสนิท" คือหมายถึงพระนิพพานนั่นเอง"

    พุทธคุณพระกริ่ง

    มูลเหตุที่สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ทรงสร้าง พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ นั้นมีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ ทรงเล่าว่าเมื่อพระองค์ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระศรีสมโพธิ ครั้งนั้น สมเด็จพระวันรัต (แดง) อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งยังทรงเป็นกรมหมื่นเสด็จมาเยี่ยม เมื่อรับสั่งถามถึงอาการของโรคเป็นที่เข้าพระทัยแล้ว รับสั่งว่า เคยเห็นกรมพระยาปวเรศฯเสด็จพระอุปัชฌาย์ของพระองค์อาราธนาพระกริ่งแช่น้ำอธิษฐาน ขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วให้คนไข้เป็นอหิวาตกโรคกินหายเป็นปกติ พระองค์จึงรับสั่งให้มหาดเล็กที่ตามเสด็จไปนำพระกริ่งที่วัดบวรนิเวศแต่สมเด็จฯ ทูลว่า พระกริ่งที่กุฏิมี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า จึงรับสั่งให้นำมา แล้วอาราธนาพระกริ่งแช่ น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วนำไปถวายสมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์แล้ว โรคอหิวาต์ก็บรรเทาหายเป็นปกติ ส่วนจะเป็นพระกริ่งสมัยไหนพระองค์ท่านรับสั่งว่าจำไม่ได้

    สำหรับคำกล่าวว่า ตำราสร้างพระกริ่ง ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เดิมเป็นตำราของสมเด็จพระนพรัต วัดป่าแก้ว สำนักอรัญญิกาวาสสมถธุระวิปัสสนาธุระแห่งกรุงศรีอยุธยา และมาอยู่ที่สมเด็จกรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์ วัดพระเชตุพนฯ จากนั้นพรมงคลทิพย์มุนี (มา) วัดจักรวรรดิราชาวาส ก่อนที่จะมาตกอยู่ที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เมื่อครั้งยังทรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพโมลี

    ขั้นตอนการสร้างพระกริ่ง ตำราการสร้างพระกริ่ง สายวัดสุทัศนฯ
    นอกจากนี้การแสวงหาแร่ธาตุที่มีคุณต่างๆ นั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อย ตามตำราการ สร้างพระกริ่งเนื้อ นวโลหะสายวัดสุทัศนฯ ประกอบไปด้วย 1.ชินน้ำหนัก 1 บาท (1 บาท = 15.2 กรัม) 2.จ้าวน้ำเงิน น้ำหนัก 2 บาท(แร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวปนน้ำเงิน) 3.เหล็กละลายตัว น้ำหนัก 3 บาท 4.บริสุทธิ์ทองแดงบริสุทธิ์น้ำหนัก4 บาท 5.ปรอท น้ำหนัก5 บาท 6.สังกะสี น้ำหนัก 6 บาท7.ทองแดง น้ำหนัก 7 บาท 8.เงิน น้ำหนัก 8 บาท และ 9.ทองคำ น้ำหนัก 9 บาท มาหล่อหลอมให้กินกันดีแล้วนำมาตีเป็นแผ่นแล้วจารยันต์ 108 กับ นะ ปถมัง 14 นะ ครั้งได้ฤกษ์ยามดีก็จะพิธีลงยันต์ในพระอุโบสถต่อไป จากนั้นก็กลับนำมาหล่อตามฤกษ์อีกครั้ง

    ด้วยมวลสารพิธีกรรมและฤกษ์ ทำให้พระกริ่งที่ สร้างในยุคก่อนมีความเข้มขลังสามารถแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคได้ แต่การสร้างยุคหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นการรวบรัด แม้ว่าจะเป็นเนื้อนวโลหะครบตามสูตร แต่การจารยันต์และฤกษ์การเทนั้นไม่เป็นตามตำรา พระกริ่งยุคหลังจึงนำมาแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคไม่ได้ดีเท่าในอดีต

    พระกริ่ง เป็นพระเครื่องที่คนในวงการพระเครื่องเชื่อมากันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ "เซียนพระกริ่ง" ยังเชื่อกันอย่างแน่วแน่ว่า สามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคที่การแพทย์แผนปัจจุบันหาสาเหตุไม่พบ และรักษาด้วยยาไม่ได้ ยามใดที่เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจงอธิษฐานขออำนาจพุทธคุณในพระกริ่ง แล้วนำพระแช่น้ำ จากนั้นก็เอามาดื่ม บ้างก็นำมาอาบ เพื่อความเป็นสิริมงคล โรคภัย ไข้เจ็บป่วยอยู่นั้น ก็จะหายโดยอัศจรรย์


    ที่มา: ตั้มศรีวิชัย
     
  19. PraKhoonPhan

    PraKhoonPhan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    881
    ค่าพลัง:
    +6,624
    โอ๊ะโอ.........มีคุณแม่ชีบุญเรือนเสียด้วย แบบนี้เงินทองเต็มเป๋าแน่ๆครับพี่นอร์
     
  20. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    บันทึกลงอัลบััม


    [​IMG]

    ปฐมเสียงธรรม


    ราวปีพ.ศ.2547 เหล่าศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัวได้กราบเรียนขออนุญาต องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ก่อตั้งสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน เพื่อเผยแผ่พระธรรมคำสอนของ พระบรมศาสดาองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่แสดงธรรมโดยพ่อแม่ครูอาจารย์ที่องค์หลวงตามหาบัวเป็นผู้คัดเลือก ที่จะให้นำธรรมเทศนาออกเผยแผ่เป็นการออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับสถานีแม่ข่ายและสถานีลูกข่ายบางแห่ง ออกอากาศโดยไม่มีโฆษณาและไม่เป็นไปเพื่อการพาณิชย์แต่อย่างใด นั่นหมายความว่าแต่ละสถานีต้องมีเงินทุนของตัวเองที่สามารถออกอากาศ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้มาจากเงินบริจาคทำบุญเท่านั้น

    สู่พระกริ่งเกษรศีลคุณ
    ปฐมเหตุจากการล้มของเสาสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่จ.สุรินทร์ ทำให้เกิดการซ่อม

    และย้ายเสาสถานีรวมไปถึงเพิ่มความสูงเสาส่งสัญญาณ ซึ่งต้องใช้งบประมาณราวสี่แสนบาท โดยมีลูกศิษย์หลวงตาท่านหนึ่งออกทุนให้ดำเนินการก่อสร้างก่อน แล้วค่อยทอดผ้าป่าไป ปลดหนี้ สถานนีวิทยุ

    โครงการสร้าง พระกริ่งเกษรศีลคุณ พระกริ่งในองค์หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์(ภูผาแดง) จึงได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อมอบพระกริ่งให้เป็นที่ระลึก สำหรับเจ้าภาพที่ร่วมทอดผ้าป่า ปลดหนี้ ให้กับสถานีวิทยุในครั้งนี้

    ในการนี้ได้เข้ากราบเรียนขออนุญาตองค์หลวงปู่ลี โดยกราบเรียนหลวงปู่ให้ทราบถึงเจตนาในการสร้างพระกริ่งนี้ ซึ่งหลวงปู่ก็ถามรายละเอียดด้วยความเมตตา พร้อมทั้งอนุญาตให้จัดสร้างพระกริ่งเกษรศีลคุณ เนื้อนวะโลหะ ชนวนล้วน จำนวน 227 องค์

    สำหรับการสร้างพระกริ่งเกษรศีลคุณนั้น เป็นการออกทุนกันเองในกลุ่ม ซึ่งไม่มีการหักต้นทุนในการสร้างใดๆทั้งสิ้น มีเพียงพระกริ่ง27องค์ที่แจกในกลุ่มผู้สร้าง ส่วนอีก 200 องค์ได้มอบให้กรรมการสถานีวิทยุเสียงธรรมของจ.สุรินทร์เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดส่งให้กับเจ้าภาพสร้างเสาสถานีต่อไป

    เงินที่ได้จากการทอดผ้าป่าในส่วนที่เกินจากการปลดหนี้ จะตั้งเป็นกองทุนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสถานีเช่นค่าไฟ ค่าบำรุงรักษาเครื่อง ส่งตัวเสาส่งและ ตัวอาคารต่อไป

    โดยพระกริ่งทั้ง 227 องค์เป็นเนื้อนวะโลหะ ชนวนล้วนหล่อ ด้วยกรรมวิธีฉีดเหวี่ยง ก้นเข้าไม้แบบโบราณด้วยเงินเหมือนกันทั้งหมด

    ผลคุณหรือเม็ดกริ่ง

    เดิมใช้เม็ดขี้หล็กไหลของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่ได้มาเมื่อคราวบูรณะกุฏิท่านเมื่อหลายปีก่อน โดยขี้เหล็กไหลนี้หลวงปู่อ่อนได้นำมาหลอมเป็นพระชินราชและยังมีส่วนที่เหลือ ซึ่งหลวงปู่ได้เก็บไว้ในกุฏิตั้งแต่ปีพ.ศ.สิบกว่าๆจนท่านสิ้น ไม่มีใครเข้าไปแตะต้องกุฏิท่านจนกิ่งไม้โดนลมพายุพัดหักลงมาทับกุฏิหลวงปู่ จึงมีการบูรณะซึ่งในหีบของหลวงปู่อ่อน ก็พบทั้งพระลีลากำแพงศอกเนื้อชิน พระสมเด็จลาภ ผลพูล ทวี พระชินราชขี้เหล็กไหล ผ้ายันต์นกคุ้ม และเม็ดขี้เหล็กไหล โดยเม็ดขี้เหล็กไหลจำนวนหนึ่งได้ถูกขอแบ่งมาอุดก้นพระกริ่งเกษรศีลคุณ แต่เมื่ออุดจริงเสียงพระกริ่งไม่ดังกังวาล จึงเพิ่มเอาเม็ด นวะโลหะเนื้อพระกริ่งอุดลงไปด้วยจึงเป็นพระกริ่งที่มีผลคุณถึง2เม็ด

    การหลอมชนวนและเททองในการสถาปนาองค์พระกริ่ง
    วันที่8ส.ค.2553 ได้นำชนวนโลหะหล่อ เป็นเนื้อเดี๋ยวกัน ณ โรงหล่อที่จ.นครปฐม โดยได้กราบนิมนต์ หลวงพ่อคูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มาเป็นประธานเท พร้อมกันนั้นได้นิมนต์พระอาจารย์สนอง ชินวัง วัดป่าดอนบ้านเทือม อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มาร่วมพิธีเททองด้วย ส่วนเรื่องฤกษ์ ได้ใช้ฤกษ์พระพุทธเจ้าหรือฤกษ์สะดวกหลวงพ่อมาถึงและพร้อมตอนไหน ก็เททองตอนนั้นซึ่ม่ได้มีใครดูเวลาเททองที่แน่นอน เมื่อพร้อมแล้ว ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล และอาราธนาพระปริตร

    หลังจากนั้นทางหลวงพ่อคูณได้เมตตาเจริญพุทธมนต์ พระปริตรบทต่างๆ เมื่อจบพิธีเจริญพุทธมนต์ หลวงพ่อคูณได้หย่อนทองคำลงสู่เบ้าหลอม และเมตตาเจิมเครื่องฉีดเหวี่ยงพระกริ่ง พร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์ หลังจากนั้นจึง และเริ่มสวดชยันโตและเททอง ในการนี้หลวงพ่อเมตตานั่งอธิษฐานจิตระหว่างเททองพระกริ่งตั้งแต่องค์แรก จนถึงองค์สุดท้าย หลังจากนั้นท่านได้โปรยข้าวตอกดอกไม้และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เป็นอันเสร็จพิธี

    หมายเหตุ; ก่อนวันเททองทางคณะได้กราบเรียน ท่านพ่อเมือง พลวัฑโฒ วัดป่ามัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธิ์ เรื่องการเททองพระกริ่งเกษรศีลคุณ และขอเมตตาท่านพ่อเมือง เมตตาอธิษฐานจิตช่วยในการเททองครั้งนี้ ซึ่งท่านก็ยิ้มรับและถามถึงรายละเอียด เรื่ององค์ประธานในการเท และเวลาในการเท และเมื่อวันเททอง พอถึงถึงเวลาบ่ายสามกว่าๆ(เวลาที่กำหนดเททอง) ท่านพ่อก็หลบโยมขึ้นกุฏิ และลงมาอีกทีห้าโมงกว่าๆ ซึ่งตามปรกติ วันอาทิตย์ท่านพ่อจะอยู่ตลอดบ่ายสามถึงค่ำ

    ลำดับการอธิษฐานจิตพระกริ่งเกษรศีลคุณ

    วันที่8ก.ย.53ถึง14ต.ค.2553
    ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าขอเมตตาหลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าเกษรศีลคุณ(ภูผาแดง) จ.อุดรธานี เมตตาอธิษฐานจิตในกุฏิ

    วันที่21ต.ค.2553
    ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าพิธีพุทธาภิเษกของหลวงปู่สม กวิสสฺโร วัดพระสมาคม บ้านดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี(วันที่1)

    วันที่22ก.ย.2553
    -พระกริ่งเกษรศีลคุณได้ติดตามขบวนผ้ายันต์ พระยอดธง เหรียญเม็ดแตงฯลฯ ของหลวงปู่เคน เขมาสโย ไปขึ้นถ้ำสหายฯ ของท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร โดยหลวงปูเคนเป็นผู้น้ำขึ้นไป
    -ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าพิธีพุทธาภิเษกของหลวงปู่สม กวิสสฺโร วัดพระสมาคม บ้านดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี(วันที่2)

    วันที่23ต.ค.53
    ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกผ้ายันต์ พระยอดธง เหรียญเม็ดแตงฯลฯ ของหลวงปู่เคน เขมาสโย ณ วัดสามัคคีบำเพ็ญผล

    วันที่24ต.ค.2553
    ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณถวาย พระอาจารย์ชาตรี ปภัสสโร วัดป่าโสภทธรรมมาราม จ .สกลนคร เมตตาอธิษฐานจิต โดยท่านพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ท่านก็สงบนิ่งอธิษฐานจิตพระราว20นาที หลังจากนั้นท่านก็เมตตาชมหลายเรื่อง และใจความตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า พระกริ่งชุดนี้เต็มแล้ว

    วันที่29ต.ค.2553
    ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าขอเมตตา
    -หลวงปู่อว้าน เขมโก วัดนาคนิมิต อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร เมตตาอธิษฐานจิต
    -หลวงปู่สุธัมม์ ธัมมปาโล วัดเทพกัญญาราม จ.สกลนคร
    โดยองค์หลวงปู่เมตตาชักบังสกุลพระกริ่ง อธิษฐานจิต และประพรมน้ำพระพุทธมนต์
    -หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดป่าปทีปปุญญาราม จ.สกลนคร เมตตาอธิษฐานจิต
    -หลวงปู่เนย สมจิตโต วัดโนนแสนคำ จ.สกลนคร เมตตาอธิษฐานจิต
    -หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน วัดป่าโสตถิผล อำเภอพรรณานิคม จ.สกลนคร เมตตาอธิษฐานจิต
    โดยเป็นการอธิษฐานจิตพร้อมพระหลวงปู่บุญหนาที่จะแจกในงานกฐินของท่านในวันที่30ต.ค.2553
    -หลวงปู่ผาง โกสโล วัดภูหินแตก อ.พรรณานิคม จ.สกลนครเมตตาอธิษฐานจิต

    วันที่30ต.ค.2553
    ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าขอเมตตา
    -หลวงพ่อคูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง จ.อุดรธานี เมตตาอธิษฐานจิต
    -หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่านาคูณ จ.อุดรธานีเมตตาอธิษฐานจิต
    หลังจากหลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิตแล้วท่านก็เมตตากล่าวว่า
    หลวงปู่อนุโมทนาด้วย ถ้าหลวงปู่ลีท่านทำให้แล้ว ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว
    -หลวงพ่ออุ่น ฐิตธัมโม วัดป่าแก้วฯ สกลนคร เมตตาอธิษฐานจิต
    -หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนม จ.สกลนคร เมตตาอธิษฐานจิต

    วันที่31ต.ค.2553
    ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าขอเมตตา
    หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น เมตตาอธิษฐานจิต

    วันที่4พ.ย.2553
    ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าพิธีเจริญพุทธมนต์
    โดยพระอาจารย์ทนง ณ พระพุทธบาทเขาสนามแซง จ.ลพบุรี

    วันที่5พ.ย.2553
    ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าขอเมตตา
    -หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดเขาน้อย จ.พิจิตร เมตตาอธิษฐานจิต
    -ครูบาโอภาส โอภาโส วัดจองคำ จ.ลำปาง เมตตาอธิษฐานจิต

    วันที่6พ.ย.2553
    -ได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณลงปาฏิโมกข์ โดยคณะสงฆ์ วัดศรีมุงเมือง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
    และได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าขอเมตตา
    -หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญวิเวก จ.เชียงใหม่
    -หลวงพ่อจรัญ อภิชาโต วัดถ้ำพระโบราณ (ถ้ำเหง้า) จ.แม่ฮ่องสอน
    -หลวงตาประสิทธิ์ ฉันตาคโม วัดอรัญวิเวก จ.เชียงใหม่
    -หลวงปู่ชม ฐานคุตโต วัดป่าท่าสุด จ.เชียงใหม่
    -หลวงปู่สังข์ สังข์กิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื้อ จ.เชียงใหม่
    และได้นำพระกริ่งเกษรศีลคุณเข้าขอเมตตา
    -หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่เป็นองค์อธิษฐานจิตปิดท้าย

    พระคาถาบูชาพระกริ่ง(พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า)

    “นโม ภควเต ไภษชฺยคุรุ ไสฑูรฺยปรฺภาราชาย ตถาคตยารฺทเต สมฺยกสมฺพุทฺธาย โอมฺ ไภเษชฺเย สมุรฺคเตสฺวาหฺ”

    ปกิณกะส่งท้าย

    สูตรทำพระกริ่งได้รับความช่วยเหลือจากคุณสุธันย์ สุนทรเสวี

    ท่านพ่อเมือง พลวัฑโฒ วัดป่ามัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธุ์เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อจะอาราธนาพระกริ่งไม่ว่าทำอะไรต้องเขย่าพระกริ่งให้ดังเสียก่อน

    เนื่องจากพระกริ่งเกษรศีลคุณอุดเม็ดกริ่งด้วยการเข้าไม้แบบโบราณ ไม่ได้มีการเชื่อมโลหะ ดังนั้นการแช่พระกริ่งไว้ในน้ำนานกว่า3ชั่วโมงอาจทำให้น้ำซึมเข้าไปข้างในได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...