อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

สวัสดียามสายคุณเอ็ม

 

​

หลวงปู่ทวด "เหรียญพิทักษ์แดนใต้ รุ่นบวงสรวงลูกแก้ว-ไม้เท้า ปี 48
พิธีบวงสรวงสำคัญครั้งแรกในรอบ 400 ปีของประวัติศาสตร์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

ประวัติการจัดสร้างวัตถุมงคล รุ่น บวงสรวงลูกแก้ว ไม้เท้า
จากเหตุการณ์ไม่สงบภายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ผู้คนล้มตายกันเกือบจะทุกวัน มาเป็นเวลาช้านาน ด้วยความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ทำให้หลวงพ่อผัน เจ้าคณะอำเภอ เมืองสงขลา เจ้าอาวาสวัดทรายขาว ซึ่งเป็นพระที่ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ ครุ่นคิดหาทางแก้ไข ว่าจะทำอย่างไร ผู้คนจึงจะไม่ล้มตายกันไปมากกว่านี้ หลวงพ่อผันท่านเป็นพระ จะไปช่วยสู้รบปรบมือคงเป็นไปไม่ได้ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

จนกระทั่งคืนหนึ่ง ขณะที่หลวงพ่อผัน กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น ฝันเห็นหลวงปู่ทวด มายืนตรงหน้า แลัวพูดว่า" หลวงปู่เอาไม่อยู่แล้ว ทั้งหลวงพ่อดำ เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ก็เอาไม่อยู่ ทำไมมีของดีไม่เอามาใช้ " หลวงพ่อผันก็ถามกลับไปว่า " อะไรครับหลวงปู่ " ก็ได้รับคำตอบจากหลวงปู่ว่า "ลูกแก้วกับไม้เท้า มีอยู่ทำไมไม่เอามาใช้ "

และหลวงปู่ท่านก็แนะวิธีทำให้ คือ ให้ทำพิธีในวันขึ้น 9 ค่ำ เดือนอะไรก็ได้ ทำพิธีบวงสรวง 7 วัน 7 คืน นิมนต์พระเกจิ อาจารย์ดัง 19 รูป ไปทำพิธีที่วัดพะโคะ

หลวงพ่อผันจึงได้นำเหตุการณ์ ดังกล่าวไปเล่าให้ พระเทพวีราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัด สงขลา เจ้าอาวาสวัดโคกสมานคุณ ได้ทราบพร้อมขอคำปรึกษา ท่านเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ได้ฟังแล้ว จึงได้ปรึกษากับ พระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะภาค 17 วัดชลประทานรังสฤษย์ นนทบุรี สร้างเหรียญหลวงปู่ทวด พิทักษ์แดนใต้ รุ่นบวงสรวงลูกแก้ว-ไม้เท้า " ขึ้นจำนวน 299,999 เหรียญ เพื่อมอบเป็นขวัญและกำลังใจแก่ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

และได้กำหนดทำพิธี บวงสรวงลูกแก้ว-ไม้เท้า เพื่อความสงบร่มเย็น คลี่คลายปัญหาและขจัดปัดเป่า เหตุร้ายให้ยุติโดยเร็ว พร้อมกันนี้ได้จัดพิธีพุทธาภิเษก เหรียญหลวงปู่ทวด พิทักษ์แดนใต้ โดยมี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ เป็นประธานจุดเทียนชัย และมีพระเกจิอาจารย์ ดังแดนใต้ นั่งปรกปรุกเสก 7 วัน 7 คืน เพื่อให้เหรียญนี้เข็มขลัง ให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข แก่ผู้ใช้ และแคล้วคลาดปลอดภัย ในวันที่ 10-16 ธค. 2548 ณ ที่พักสงฆ์ ต้นเลียบและวัดพะโคะ หลังเสร็จพิธี ในวันที่ 16 ธค. 48 รับแจกฟรี เฉพาะผู้ไปร่วมงาน คนละเหรียญ

ส่วนหนึ่งของพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้
1.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ประธานจุดเทียนชัย

2.พระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ เช่น หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง หลวงพ่อเอียด วัดโคกแย้ม หลวงพ่อช่วง วัดควนปันตาราม เป็นต้น

3.พระเกจิอาจารย์สายหลวงปู่ทวด เช่น พ่อท่านหยวน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พระเทพวีราภรณ์ เจ้าคณะอำเภอหาดใหญ่ หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว เป็นต้น

4.พระเกจิอาจารย์สายใต้ผู้ทรงคุณวุฒิท่านอื่นๆ อีกจำนวนมาก โดยพระเกจิอาจารย์ทั้งหลายดังกล่าวได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา นั่งปรกพุทธาภิเษกตลอด 7 วัน

5.รูปปั้นรูปเคารพของสมเด็จองค์ปฐมและพระเกจิอาจารย์ผู้ล่วงลับไปแล้วเช่น หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา(ถวายโดยคณะศิษย์หลวงปู่ดู่ อยุธยา) หลวงตาเนียน สำนักสงฆ์ต้นเลียบ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเปิดให้บรรดาพ่อค้า ข้าราชการและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมอธิษฐานจิตอันบริสุทธิ์ในพิธีด้วย

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่กูลลลลลลลลลลลลลล


เหรียญนี้สุดยอดมากครับ น่าแขวนๆ

 

​

@ พระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองศรีสะเกษ @
"เจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์สุขาวดีศรีอริยะ ภูมิไตรโลกาโลกนาถ"

พระผงสีขาวบริสุทธิ์พิมพ์เจ้าแม่กวนอิมสองด้านหนึ่งเจ้าแม่กวนอิมปางประทานพร ด้านหลังปางสี่กร นับเป็นพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษกที่ใหญ่ที่สุด ของเมืองศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 24 พ.ย 2552 ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ของเมืองศรีสะเกษอีกวันหนึ่ง เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จมาเป็นประธานในพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก วัตถุมงคล"เจ้าแม่กวนอิม มหาโพธิสัตว์สุขาวดีศรีอริยะ ภูมิไตรโลกาโลกนาถ" ที่วัดบ้านหนองตะเคียน ต.จาน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ต้องถือว่าเป็นพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองศรีสะเกษเท่าที่เคยมีมา

ในจำนวนเกจิอาจารย์นับร้อยนับพันรูปที่เข้าร่วมพิธีกรรมนั้นมี หลวงปู่เกลี้ยง ร่วมอยู่ด้วย พระผงขาวบริสุทธิ์พิมพ์เจ้าแม่กวนอิมนี้ท่านแจกและก็หมดไปในที่สุด จนปัจจุบันนี้หาได้ค่อนข้างยาก พุทธคุณโดดเด่นในทุกๆ เรื่องๆ โดยเฉพาะโชคลาภและแคล้วคลาด

ประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์นั้น ได้รับความอนุเคราะห์จาก พระพรหมวชิรญาณ ( ประสิทธิ์ เขมังกโร ) กรรมการมหาเถรสมาคม และ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรุงเทพ ฯ

เจ้าพิธีพุทธาภิเษกฝ่ายสงฆ์นั้น คือ หลวงปู่เกลี้ยง วัดบ้านโนนแกด อำเภอเมือง และ เจ้าพิธีฝ่ายฆราวาส นั้นคือ อาจารย์หม่อม

วัตถุประสงค์หลักในการสร้างคือ นำไปแจก ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร และ ประชาชน ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งแจกผู้ไปร่วมพิธี อีกส่วนหนึ่ง ไม่มีการจำหน่าย พุทธคุณ เน้นทางด้าน มหาอุด คงกระพัน และ แคล้วคลาด แบบสุด ๆ

 

พระเกศาครูบาพรหมา พฺรหมจกฺโก (๗ มหานคร)

มวลสาร

เกศาครูบา ผงธูปจากวัดที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ 70จังหวัด อาทิ พระธาตุดอยสุเทพ วัดพระแก้ว พระธาตุพนม พระปฐมเจดีย์ ฯลฯ ครั่ง ชัน แผ่นทองคำเปลว ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ว่านพญานางกวัก ว่านสามพันตำลึง ว่านนาคบ่วงบาศ ว่านมหานิลดำ ว่านทรหด ว่านงาช้าง ว่านหางช้าง ดอกบัวสัตตบงกช ดอกมะลิ ดอกหอมไกล ดอกราตรี ดอกแก้ว ดอกจำปา ดอกจำปี ดอกบุนนาค ดอกสารภี ส้มป่อย และดิน ๗ มหานคร



องค์พระเกศาครูบาได้จัดสร้างตามศาสตร์โบราณเมืองเหนือไว้ถูกต้องทุกขั้นตอน

ขอบคุณพี่วรรณคร๊าบบ

 

สวัสดียามบ่าย ขอขอบคุณทุกภาพพระสวยๆ และทุกเรื่องราวดีๆจากทุกท่านคร๊าบบ

 

"ยิ่งกว่าน้ำแข็ง..!?!?"

เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์แก่ผู้ได้สมาธิจิตกันทั่วไปว่า อัน"จิตหนึ่ง"ของหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโรนั้น นอกจากจะมีพลานุภาพอันแรงกล้าอย่างมหาศาลแล้ว ก็ยังมีความเยือกเย็นอย่างยิ่งยวดแฝงอยู่ภายในอย่างท่วมท้นอีกด้วย
ความเย็นของจิตหลวงปู่สิมนั้น ช่างเย็นฉ่ำเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

เย็นจนไม่รู้จะเปรียบเทียบกับอะไรดี

เย็นเสียจนแม้ไฟที่กำลังร้อนๆตกลงมา ก็แทบจะถูกความเย็นของท่าน"แช่แข็งคาที่"จนกลายเป็นไฟเย็นก็เปรียบได้.!!!!

ก็ใครที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่หลวงปู่ท่านโดน"ใครบางคน" กล่าววาจาล่วงเกินกลางถ้ำผาปล่องต่อหน้าธารกำนัลอันมีคณะสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกาจำนวนมากอย่างไม่ไว้หน้า แต่ท่านกลับ"สงบเย็น"อยู่ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางแก้สถานการณ์ด้วยความใจเย็นจนถึงที่สุด โดยไม่ปรากฏอาการของโทสะความโกรธให้พบเห็นเลยแม้แต่เพียงน้อยเดียว ก็จะ"รู้ดี"ถึงแก่นแกนใจว่า อันหลวงปู่สิมนั้น ท่าน"นิพพุติ"อย่างสิ้นเชิงถึงเพียงไหน..???
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนที่สุด ที่"พุทธวงศ์"อยู่และประสพอยู่ในเหตุการณ์มาด้วยตนเอง ทำให้ซาบซึ้งถึงใจอย่างที่สุดพลางอุทานขึ้นมาในใจว่า

"นี่แหละ ท่านผู้สิ้นตัณหาแล้ว ท่านผู้สิ้นความโกรธแล้ว ย่อมเป็นดังนี้นี่แล..!!!!"

หรือแม้แต่ขณะที่หลวงปู่สิมท่านนั่งประธานปรก"พระพุทธสุริโยทัยสิริกิติฑีฆายุมงคล"ในพระอุโบสถ วัดพระแก้วเมื่อปีพ.ศ. 2534 นั้น คุณนัดดา เศรษฐบุตร เพื่อนรุ่นพี่ ศิษย์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหารก็ได้ไปร่วมพิธีด้วย จนเมื่อได้กราบหลวงปู่สิมที่ธรรมาสน์ปรกเอก ก็มีเหตุให้สัมผัสได้ถึงความเย็นที่ยิ่งใหญ่ของหลวงปู่สิมที่แผ่ซ่านออกมาจนถึงกับต้องร้องออกมาในทันทีทีเดียวว่า

"โอ้..เต็มๆเลย เย็นไปหมดเลย..!!!???"

ก็เพราะความที่หลวงปู่ท่านเย็นสนิทเพราะดับไฟคือราคะ โทสะ โมหะออกจากจิตได้หมดสิ้นดังนี้ บางท่านถึงขนานนามให้ท่านด้วยสมัญญาพิเศษด้วยความเลื่อมใสเอาเสียทีเดียวว่า

"พระน้ำแข็ง.!!??!!"

ซึ่งเรื่อง"พระน้ำแข็ง"นี้ "พุทธวงศ์"ไม่เคยนำไปเล่าให้หลวงปู่สิมฟังเลยแม้เพียงครั้งเดียว
เพราะอยู่กับ"พระอริยเจ้าชั้นสูง"ขนาดนี้ การจะพูดจะคิดจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบระแวดระวังไปทุกกระดิกที่สุด เพื่อมิให้เกิดเป็นบาปเป็นกรรมในทุกแง่มุมก่อนเสมอ
ก็การอยู่กับพระอริยเจ้านั้น "บุญ" แม้มีมาก แต่"บาป"ก็จะมากตามไปด้วย(หากทำ,พูด,คิดผิด)เช่นกัน

และเหตุที่หลวงปู่สิมท่านมีความเป็น"ผู้ดี"(มารยาทแบบกษัตริย์อย่างพระพุทธเจ้า-สำนวนเจ้าคุณนรรัตน์ฯ)ในเนื้อหาถึงขนาดนั้น อีกสิ่งที่คนวงในจะเกรงกลัวกันมากก็คือ หากทำผิดท่าผิดทางแล้ว ก็อาจจะถูกหลวงปู่ท่านมองด้วยหางตาพลาง"ย้อน"กลับมาเพียงคำครึ่งคำแบบ"เชือดนิ่มๆ"(แต่กรีดลึกอย่างสุดๆ)ตามสไตล์ผู้ดีของท่าน ก็มีสิทธิ์ที่จะ"เสียศูนย์"บาดเจ็บสาหัสเจียนตายแทบจะดับดิ้นสิ้นชีวิตเอาได้ง่ายๆ..!!!!

บอกได้แต่เพียงว่า ยามใดที่"พุทธวงศ์"เข้าไปกราบไหว้หลวงปู่สิมนั้น ก็ต้องทำบีบต้วตนกายใจให้เล็กลีบต่ำเตี้ยติดดินเรียบร้อยมากที่สุด ไม่ต่างอะไรกับการ"เข้าเจ้าเข้านาย"เลยแม้แต่เพียงน้อยเดียว
แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่"พุทธวงศ์"กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าหลวงปู่สิมที่บ้านกรุงเทพภาวนาอยู่นั่นเอง เหมือนหลวงปู่สิมท่านจะ"แสกน(พฤติ)กรรม"ของ"พุทธวงศ์"จนล่วงรู้ที่มาที่ไปจนหมดสิ้นว่าไปพูดไปคิดไปทำไปฟังอะไรที่ไหนกับใครมา หลวงปู่ท่านจึงได้"ย้อนศร"เปรี้ยงออกมาแบบ ชนิดไม่มีมโหรีปี่กลองมโหระทึกสังข์แตรดุริยางค์โหมโรงประโคมให้รู้เนื้อรู้ตัวก่อนเลยแม้แต่เพียงนิด ทำเอา"พุทธวงศ์"แทบจะผงะหงายหลังออกมาไม่ทันเลยทีเดียวว่า

"ครูบาพรหมจักรน่ะ เย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งอีกน๊ะ..!!!???!!!"

เมื่อได้ฟัง "พุทธวงศ์"ก็แทบสะดุ้งเฮือก..!!!!!
"โดน"เข้าให้แล้ว....
"เต็มๆจะๆ"เลย.......
หลวงปู่รู้เรื่อง"น้ำแข็ง"ได้อย่างไร..????

ที่มา: จดหมายเหตุครูบาพรหมจักร , พุทธวงศ์



รอยเท้าครูบาพรหมจักร ที่เหยียบประทับไว้บนก้อนหิน

 

ประวัติ พระครูนครธรรมโฆสิต(หลวงปู่นิล อิสสรืโก)

หลวงปู่นิล อิสสริโก ชื่อเดิม นิล แหวนครบุรี เกิดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๓ ตรงกับวันพุธ ๙ กุม-าพันธ์ ๒๔๔๕ ที่บ้านครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา บิดาชื่อ สี มารดาชื่อทิม มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๓ คน ท่านเป็นคนที่ ๒
สมัยเป็นเด็ก มีนิสสัยไม่ชอบเที่ยวเตร่ ดังเด็กทั่วไป มีความสมถะ เรียบร้อย มักชอบคลุกคลีกับวัดเสมอ เมื่ออายุได้ ๑๑ ปี บิดาได้ฝากท่านไปเรียนหนังสือกับพระที่วัดไทรโยง ต่อมาได้เรียนภาษาบาลี ไทย และขอมโบราณ ณ สำนักเรียนวัดครบุรี โดยมี หลวงปู่สี จากวัดเชียงสา เป็นพระที่สอนทั้งทางธรรมและคาถาอาคมต่างๆ พร้อมทำนายว่า "วันข้างหน้าจะได้เป็นใหญ่ในหมู่คณะ" นอกจากนี้ท่านได้เรียนภาษาขอมโบราณเพิ่มเติมจาก "พระอาจารย์ชุก" "อาจารย์ดอน" "หลวงปู่เชย" อีกด้วย ท่านสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าเด็กรุ่นๆเดี๋ยวกัน
เมื่ออายุได้ ๒๑ ปีได้เข้ารับการอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๕ พ
ฟษภาคม ๒๔๖๕ ณ วัดนกออก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา มี ลป.กลิ่น วัดนกออกเป็นพระอุปัชฌายะ ลป.พรหม วัดป่าเลไลย์เป็นพระกรรมาวาจาจารย์ ลป.แก้ว เป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาที่วัดครบุรี
ระยะที่จำพรรษาที่วัดครบุรี ท่านได้เข้าศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อลป.น้อย วัดสว่างหนองแวง(บ้านไผ่) เห็นลายมือของท่านสวยงาม ทั้งแตกฉานภาษาขอมโบราณจึงขอให้ท่านช่วยจารคาถาพันพระเวสสันดรภาษาขอมให้ และได้ซ่อมแซมตำราวิชาการต่างๆซึ่งเป็นสมุดข่อยโบราณ จึงมีโอกาสได้เล่าเรียนวิชา คาถาอาคม ไสยเวทย์ และยันต์ต่างๆจากลป.น้อย หลังจากนั้นได้เล่าเรียนวิชากับ ลป.โต วัดปอแดง ซึ่งลป.โตได้สอนวิชาการทำเครื่องรางของลัง ซึ่ีงท่านก็ได้นำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยในสมัยนั้น และท่านยังได้รับการสั่งสอนวิชาสมุนไพรต่างๆพร้อด้วยการเสกคาถากำกับ การทำน้ำมนต์ รักษาผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระดูก ดับไฟพิษ งูสะหวัดฯ จนเป็นที่พึ่งของชาวบ้านโดยทั่วไป
หลวงปู่ยังได้เจริญสมาธิ กัมมัฏฐาน วิปัสนาไปพร้อมๆกันด้วย และทำเป็นกิจวัตรมิได้ขาดและลป.ยังได้สร้างสาธารณะประโยชน์ให้แก่หมู่บ้าน โรงเรียน และการก่อสร้างถาวรวัตถุอีกมากมายเช่นสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ ก่อสร้างโบสถ์ ปี๒๕๓๕ได้ร่วมกับโรงพยาบาลครบุรีจัดสร้างตึกอุบัติเหตุ ป๊๒๕๓๔ได้ก่อสร้างโบสถ็หลังใหม่ แล้วเสร็จเมื่อป๊ ๒๕๓๙
กิจวัตรประจำวันของหลวงปู่เวลา ๒๐.๐๐ น.ท่านจะทำวัตรสวดมนต์ กรวดน้ำแผ่ส่วนกุศล จากนั้นท่านจะนั่งสมาธิเจริญภาวนา ท่านจะตื่นนอน๐๔.๐๐น ทำกิจวัตรประจำวัน จากนั้นท่านจะทำน้ำมนต์ไว้ให้ญาติโยม เสร็จแล้วทำวัตรสวดมนต์ ทำสมาธิเจริญภาวนา ท่านจะปฏิบัติเช่นนี้ทุกวันไม่ได้ขาด
ท่านมักจะกล่าวกับผู้ใกล้ชิดเสมอเหมือนเตือนไม่ให้กีดกันญาติโยมที่มาหาด้วยคำพูดที่ว่า" เขาตั้งใจมาหา อย่าทำให้เขาเสียกำลังใจเลย"
ต่อมาหลวงปู่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ประกอบกับมีโรคประจำตัวหลายโรคเช่น โรคหัวใจ ก้อนเนื้องอกที่ผนังกระเพาะปัสสาวะ ท่านได้เข้ารัษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ในช่วงนี้เกิดโรคเก่แทรกซ้อน ปัสสาวะเป็นเลือดและเกิดโรคหัวใจวาย และได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา วันที่๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๗ สิริอายุ ๙๒ ปี ๖ เดือน

วาทะธรรมที่หลวงปู่มักกล่าวกับผู้ใกล้ชิดเสมอ
"วัตถุมงคลของฉัน ทำไว้แจก ไม่มีไว้ขาย ไม่สอนให้คนงมงาย เพียงตอบแทนที่เขามาร่วมทำบุญ ตะกั่วเถื่อนของฉันหนึ่งก้อนเป็นยามารักษาโรคชาวบ้าน ผ้าของฉันหนึ่งผืน อาจมาเป็นศาลากันแดดกันฝน ให้พระภิกษุ สามเณร ไม่ต้องลำบาก จึงไม่ต้องหาที่หลบไปไหนอีก"

 

สวัสดีครับพี่ตี๋ :boo::boo:

 

หลวงปู่ทรงได้มาก่อนท่านสิ้นไม่ถึงเดือน

 

ภาพถ่ายหลวงปู่นิล อิสสริโก



หลวงปู่มีความพิถีพิถัน ในการทำวัตถุมงคลมาก วัตถุมงคลของท่านจะไม่มีเรื่อง เดรัจฉานวิชา เสน่ห์ยาแฝดหรือของต่ำ ที่เป็นอัปมงคลแก่ศิษย์และคนทั่วๆไป ท่านเดินตามครูบาอาจารย์ที่จะเน้น พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เป็นหลัก สิ่งที่ท่านจัดทำ จะไม่ให้หลงไหลในไสยศาตร์ ให้เสื่อมขาดทางปัญญาพาเดิอดร้อนเป็นกรรมเป็นเวรแก่ตนเอง
วัตถุมงคลของท่านเป็นแนวทาง ปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตรายต่างๆ เมตตา ค้าขาย เข้าหาผู้ใหญ่ ในทางมีศีลมีธรรม ท่านจึงทำไว้ให้แก่ประชาชนทั่วไป"

 

แหวกม่านยุคแรกๆของอาจารย์ของอาจารย์ชำนาญ วัดบางกุฎีทอง ปทุม

 

พระภาคกลาง จ.กาญจนบุรี





หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า

 

พระบางลำพูนพระพักตร์บิ่นเดิม จากกรุ

 

ฝากไว้ในอัลบั้ม​

วันนี้พา"ผู้กำกับ"ไป "ตลาดนัดหน้าวัดกิ่งแก้ว" พอดีจอดรถใกล้แผงพระ

อยู่ ๆ นึกอยากลงไปดูแล้วก็เปิดประตูรถไปพบ

"สิงห์ หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโน วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์"

๑ แดง แพงไหมครับ แต่เอาเถอะเห็นแก่งานศิลป์ที่ได้มา "ชอบครับ"​

ใต้ฐาน




สีข้างขวาสิงห์




สีข้างซ้ายสิงห์




หลังสิงห์





หางสิงห์




ตีนสิงห์





ปากสิงห์


​

ปล.มีพี่สายตรงกระซิบมาว่าเป็นของเลียนแบบมานานแล้วนะจ๊ะ 555 ดูเฉพาะภาพก็แล้วกัน

 

พระผงใบโพธิ์ สร้างประมาณปี 2532 ก่อนพระคำข้าว มีจำหน่ายที่บ้านสายลม ที่วัดหมดแล้ว มีเฉพาะแบบไม่ปิดทอง ให้บูชาอยู่ที่ 16 ใบแดงครับ

เนื้อพระคล้ายพระคำข้าวมากครับ ขนาดก็ประมาณไล่เลี่ยกัน

 

สวัสดียามดึกครับคุณปู คุณโญ พี่ตี๋ใหญ่ พี่รุ่ง คุณเอ๊ะ คุณกูล คุณชาญ คุณบอย คุณภัทร์ คุณตุ้ม คุณนอร์ คุณเอ็ม คุณนาย คุณเคี้ยว คุณโอ๊ต น้องนิก และทุกๆท่านครับ

 

คำสอนเรื่องกำแพงชีวิต ของหลวงพ่อเงิน

หลวงพ่อสอนว่าคนเราเกิดมาก็คล้ายถูกขังอยู่ในคุกมีกำแพง 4 ด้านคือทุกข์



ที่มา: อมตธรรมหลวงพ่อวัดดอนยายหอม

 

;aa44 อรุณสวัสดิ์ครับพี่วรรณ พี่ปูและทุก ๆ ท่าน
​

​