ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    สิ่งที่ผมได้พบ ในหลายมิติ และผ่านมา และช่วยสอน
    คือ
    ให้มนุษย์รู้จักการนอบน้อมตนเองให้มาก

    เพราะการนอบน้อมตนเองให้มาก จะทำให้ตนเองสามารถรักษาศีล

    ได้อย่างมั่นคง

    เพราะศีล เป็นเครื่องห่อหุ้มกายทิพย์ ในอีกมิติ ศีลเป็นพละ ของเครื่อง

    ห่อหุ้ม กายทิพย์เอาไว้ เหมือนกับต้นไม้ ที่เจริญเติบโต

    ได้ เพราะเปลือก เพราะกระพี้นี่ล่ะ

    และ ผู้เป็นใหญ่ทั้งหลายจะพิจารณาว่า ใครคือผู้ที่สร้าง

    รักษา ความดีงามเอาไว้ได้ ผู้เป็นใหญ่จะพิจารณาที่ว่า

    เครื่องห่อหุ้มความดีงาม หรือ ศีล ของมนุษย์ตนไหนแข็งแรง

    ที่จะสามารถรักษา ธาตุทิพย์ในกายได้ ... มนุษย์ธรรมดา จึงมีเพียงแค่

    ธาตุทิพย์ที่จะเจริญเติบโต

    แต่บอกว่า จะเจริญเพื่อ ให้เกิดกายธรรม ....และสามารถรักษา ได้

    ดูที่ศีลเหมือนกัน ดังนั้น คนที่ศีลไม่ดี จึงไม่มีโอกาส พัฒนาตนเอง

    ไปสู่กายธรรม ได้ ที่ผู้เป็นใหญ่ จะอนุญาตให้ผ่านหรือไม่

    ถามว่า ผู้เป็นใหญ่ แต่ละมิติ จะอนุญาต ให้ผ่าน คนๆ นั้น ต้อง

    แสดงความอหังการ หรือเปล่า ล่ะครับ.....

    การที่ ภูดิศ แสดงได้ (ยียวนกวนประสาท) เพราะว่า ภูดิศ ได้เรียนผ่าน

    มาแล้ว ภูดิส จึงไม่ได้นอบน้อมที่จะเรียน การบวกลบ อีก

    แต่ ภูดิศ ยังรู้บุญคุณ ครูเหมือนเดิม ผิดสถานะ เพราะไม่ใช่ผู้ที่ต้องฝึกฝน

    แต่อยู่ในสถานะ ผู้มาบอกกล่าว

    มองเห็นในสิ่งที่ ผิดพลาดมามากมาย ....

    ถูกกระทำมามากมาย .... รอดมาได้ เพราะ การนอบน้อม

    .... เพราะ รักษาศีล

    สรุป การนอบน้อม จึงจะทำให้มนุษย์ รักษา ศีล

    จะเล่าอะไรให้ฟัง

    มนุษย์ที่ถูกสร้าง ในอดีต ตั้งแต่แรกเริ่ม
    ที่ มนุษย์ปัจจุบันว่า มีจิตประภัสสร นั่นเป็นจริง

    แต่ มนุษย์ เหล่านั้นมีอิสระที่จะกระทำอะไรก็ได้
    แต่มนุษย์ เหล่านั้น ยิ่งนานวัน ยิ่งกระทำตนเองตามใจ
    เบียดเบียนซึ่งกันและกัน โดยขาดการเข้าใจในความลำบาก
    มนุษย์จึงแข่งขัน และทำลาย ซึ่งกันและกัน

    ผู้บริสุทธิ์ สอนอะไร ไม่ยอมฟัง มนุษย์จึงกลายพันธ์
    เป็น ยักษ์ อสูร มาขึ้น แม้นแต่ มนุษย์ในมิติแสง

    ใช่ว่าจะดีกันทุกตัวตน ... มารก็เกิดจาก มนุษย์มิติแสง เช่นกัน
    เรียกว่า ขอสร้างเพื่อตอบสนองความเป็นอมตะ ของตนเอง

    ---- เรื่องยาว มาก ------

    สรุปง่ายๆ คือ มีความนอบน้อมให้มากๆ ....(รักษาศีลให้ดีงาม)

    ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อ........ (ทุกคืน ทุกวัน) และกล่าววัตถุประสงค์
    ข้าพเจ้าขอ..... (จะให้เราเป็นอะไร รอดอะไร) ก็กล่าวไป ทุกวัน

    โดยใช้ใจปรารถนาของตนเองที่บริสุทธิ์ ..... (เพราะใจที่บริสุทธิ์

    จะมีกำลังส่งมาก ใจไม่บริสุทธิ์ หรือ ไม่มีใจที่งดงาม ต้องรอให้มี

    นารีขี่ม้าขาว มารักษาให้ )

    -------------------
    ยกตัวอย่างอีกอันหนึ่ง

    เด็กๆ สมัยนี้ มันชอบเรียนลัด ชอบของที่จะเรียนเร็ว
    โดยไม่เคารพในครู ในห้องเรียน ที่สั่งสอนอบรม
    เอาแต่ความรู้ แต่ จริยธรรม เลวสุดๆ

    คล้ายกับประเทศไทยปรารถนา ที่จะเป็น นิค
    จึงพยายามสรรหา บุคคลที่เป็นเลิศ แต่จริยธรรมแย่
    มาปกครองประเทศ นั่นแล

    ดังนั้น การจะสอนเด็ก ให้เจริญเติบโต ได้ดี ในอนาคต จึงต้องสอนจริยธรรม
    ควบคู่กับ การเรียน .... ก้าวกระโดด โดยไม่ปฏิบัติตนเอง

    ให้นอบน้อม (เป็นเหตุให้มองไม่เห้น ธรรมของแต่ละคนที่แสดง)
    มองเห็นแต่ความ น่ารังเกียจปรากฎ บนบทความ

    ไม่ได้กระทำตนเองเป็น ผู้เรียนรู้ หรือ น้อมเข้ามาสู่ใจ
    แบบนี้เรียกว่า คนกระด้าง ....

    พูดถึงคนกระด้าง กับ คนไม่กระด้าง เป็นอย่างไร

    ต้องมองให้ถึง อดีต เพราะ มนุษย์ เกิดมาหลายสิบชาติ ร้อยชาติ

    กระทู้นี้ บอกว่า มนุษย์มีหลายตัวตน นั่นถูกต้องแล้ว

    และยังดำรงอยู่ บางคนอยู่สวรรค์ บางตนอยู่นรก

    แต่ส่วนใหญ่อยู่ในนรก

    ทำไมบ้างคนกระด้าง เพราะมีเหตุ ทำให้กระด้าง

    เจอ ภูดิศ เขียนบทความ รับไม่ได้ เพราะย่อมจะมีสาเหตุ

    คือ ส่วนใหญ่ ญาติของตนเอง ในอดีต ผิดปกติ อยู่

    จึงทำให้ กระแสความคิดของคนๆ นั้น ไม่สามารถ รับได้ ทนไม่ได้

    คำว่า ทนไม่ได้คือ อะไรครับ คือ ตัวทุกข์ ตัวทุกข์ อยู่ไหน

    ตัวทุกข์ คือ ญาติของเขา กำลังทนทุกข์ รับสภาวะทุกข์

    ตัวตนปัจจุบัน จึง ไม่สามารถทนได้ อย่างนี้ เป็นต้น

    และคนแบบนี้ จะมีลักษณะ แบบนี้ ไปเรื่อยๆ เพราะ

    เมื่ออ่อนไหว ทนไม่ได้กับคำกล่าว และ แสดงจุดยื่น

    อย่างแข็งขัน ตามนิสัยตัวตนไม่ดี ของภาคอดีต เมื่อใด

    สิ่งที่แสดงจะกลายเป็น อุปนิสัย บันทึก ทันที ที่เรียกว่า สัญญาขันธ์

    เป็นมรดก ตกทอดไปอีกรุ่นหนึ่ง หลังจากตายไป และ เกิดใหม่

    เพราะยอมพ่ายแพ้ อกุศลจิต ของญาติตนเอง

    ที่ภูดิศ แย้งการฝึกฝนพลังงาน เพราะ ว่า หากตัวตนในอดีต

    มาหา แล้ว แต่ตัวตนปัจจุบันไม่บริสุทธิ์ จริงแท้ (เรียกว่า ภาวะอรหันต์)

    แล้ว มันเอา ร่างไปใช้แน่นอน ตัวตนปัจจุบัน กลายเป็นหมดสิทธิ์

    ในร่าง .... เหมือนกับ คนที่สอนเปิดญาณบารมี นั่นล่ะ

    เพราะว่า ตัวตนจริงไม่อยู่ร่าง มีแต่ตัวตนในอดีต มาครอง ร่างแทน

    กล่าวลึกมากไป ท่าน ก็จะงง

    สรุป รักษาศีล และ นอบน้อมต่อผู้เป็นใหญ่ ....

    จะเรียนอย่างไร ให้ก้าวหน้า ผมไม่มีหน้าที่สอน

    รอให้ นารีขี่ม้าขาว มาสอนดีกว่า ก็ตามหาเอาเอง

    คาดว่าปีนี้น่าจะเห็น อะไรที่แปลกประหลาด น่าดู

    น่าชม ....

    ..... เด็กสมัยนี้มันก้าวร้าว เพราะ ไม่รู้จักนอบน้อมต่อผู้ใหญ่

    โตไปมันก็จะล้มเหลว ไม่เป็นท่า ..... ไม่ต้องมองไกล ปัจจุบัน ย่อมมีให้มองเห็น (ระดับประเทศเสียด้วย)

    นี่ล่ะคือจุดบอด ของผู้ที่จะก้าวกระโดด

    ---------------------------------------------

    มีเพียงรักษาศีล ไม่เบียดเบียน นอบน้อมให้เป็น ....

    ปล่อยทุกสิ่งให้รื่นไหล กลืนตนเองอยู่กับธรรมชาติ ให้เป็น

    ของเน่า ของเสีย จะถูกปลดปล่อยและชำระได้ในที่สุด

    ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2014
  2. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ต้นธาตุ ปลายธาตุ

    ต้นธาตุ ไม่ดี ปลาดธาตุรับมรดก

    หินธาตุรักษา เพราะมีต้นธาตุ ที่สื่อถึงอยู่

    หินนั้น มีธาตุ ของผู้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งส่งพลังงานรักษา มาให้

    หรืออีกนัย มาเอง เพราะมี พลังงานจากมนุษย์ เรียกหา

    มนุษย์ ตนนั่น มีภูมิธรรมเพียงแค่ไหน ล่ะ

    มนุษยื ตนนั่น แสดงภาวะความทนไม่ได้เพียงแค่ไหน ล่ะ

    มนุษย์ ตนนั่น แสดงความอิจฉาภูมิธรรมผู้อื่น เพียงแค่ไหนล่ะ

    ........

    ดังนั้น เมื่อมนุษย์ เมื่อฝึกพลังมากๆ

    จะเป็นการดึงเอา ธาตุต้น มาหา และจะครอบครองร่าง

    ทันที เพราะมีกำลังเหนือกว่าเยอะ

    เพราะสิ่งที่มนุษย์ปัจจุบัน มีหากเทียบกับ ธาตุต้น

    หรือญาติตนเองที่มา แค่ เสี้ยว เล็กของเขา เท่านั้น

    ญาติของตนมาแล้ว จะทำอะไรได้ ก่ ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว

    ได้แต่นิยม ฝึกพลังเท่านั้น ....

    เพราะฝึกแล้ว รู้สึกกายเนื้อดี แล้วไงต่อล่ะครับ

    สุดท้าย ก็ จะไม่รู้ไปไหน ..... ในแต่ละมิติ จึงสอนเหมือนๆ กัน คือ รักษาศีล

    ให้มั่นคง ผู้เป็นใหญ่ในแต่ละมิติ จะกรุณาเอง ก่ สุดแต่ว่าสามารถรักษา ได้หรือไม่
     
  3. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    mind ฝรั่งจะใช้ความหมายหมายถึงความคิด
    ส่วน soul ก็คือวิญญาณ(อัตตา หรือ ตัวตน) ความคิดเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณ
    ก็มีฝรั่งสองพวกพวกวัตถุนิยม ก็จะว่าmindกับsoulคืออันเดียวกันความคิดเป็นผลจากสมองตายแล้วก็หายไป แล้วคนที่แสดงอาการปกติทางจิตก็เกิดจากการที่เขามีความผิดปกติทางสมอง

    ฝรั่งที่มีความเชื่อทางจิตวิญญาณ ก็จะมีสองพวกคือ พวกที่มองว่าsoulนั้นไม่อมตะ เพราะมีพระเจ้าสร้างขึ้นมาสิ่งไหนมีการเกิดขึ้นมันก็เป็นอมตะไม่ได้ แต่จะอยู่นานแค่ไหนก็ขึ้นกับพระเจ้า บางคนพระเจ้าไม่โปรดก็ตายสุญไป ถ้าพระเจ้าโปรดอันนี้เป็นชีวิตนิรันด์ คือพระเจ้าประทานให้อยู่นาน........................ตลอดไป
    ส่วนอีกพวกมองว่าsoulนั้นมีอยู่ตามธรรมชาติ เป็นอมตะ เที่ยงแท้ อยู่งั้น ไม่มีพระเจ้ามาเป็นคนสร้าง
     
  4. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    ผมไม่ได้ตอบว่าฟิสิกส์เขาพูดว่า..ใจกลางอะตอมไม่มีอะไร..มันคือความว่าง...นะยาย ยายอ่านดีๆๆหน่อยสิ
    ไม่ใช้ปรับเข้ากับความคิดความเชื่อตัวเองซะงั้น ทำใจว่างๆๆเหมือนฟังของใหม่ไม่ลากเข้าหาความหน่อยสิยาย

    ยายผมนึกออกและที่ยายว่าตัวรู้ยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ ถามหน่อยตนเราหลับไม่ฝันตัวรู้ไปไหนหรือตอนยายหลับสนิทยายรู้ตัวล่ะ ถามหน่อยสิตัวรู้อยู่ที่ใดหนอ ตอนนั้น ไอ้ความรู้สึกตัวว่ารู้นี่ ถ้ามันเที่ยงจริงมันก็ต้องรู้เสมอสิแม้แต่ตอนหลับสนิท
     
  5. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    น่าสนใจครับ


    ฝรั่งมองเห็นความต่างของ "ชีวิตนิรันดร์" ไหม?
    ชีวิตนิรันดร์ที่ได้รับจากพระเจ้า ทำให้มี soul นิรันดร์
    ด้วย กับ "ชีวิตนิรันดร์" ที่ไม่ได้สร้างมาจากพระเจ้า


    ชีวิตนิรันดร์ที่อยู่เหนือ soul อ่ะ มีป่ะ?
     
  6. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262

    ท่านภูดิส ข้าพเจ้าอ่านข้อความของท่านแล้ว ยอมรับว่ามีบางเรื่องที่อ่านแล้วต้องละไว้ก่อน(เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องรู้เองต้องเห็นเอง ยังไม่ตัดสินลงไปว่าจริงหรือไม่จริง) บางส่วนพิจารณาข้อความที่ท่านกรุณาแนะนำแล้วประกอบด้วยประโยชน์ และมองเห็นประโยชน์ที่จะมีแก่ข้าพแล้ว และเรื่องศีลเป็นพื้นฐานที่สำคัญจริงๆ ตรงกับที่พระพุทธเจ้า และพระอริยเจ้า อริยบุคคล ทั้งหลายเน้นย้ำ ค่ะ ขอบพระคุณท่านมากค่ะ _/\_

    ปล.ฝากถึงคนที่สนใจเรื่องของการฝึกพลัง เปิดบารมี โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าเสี่ยงค่ะ หลายคนที่คิดจะลองต้องพิจารณาให้ดีให้รอบคอบนะคะ ถ้าคิดจะนั่งสมาธิฝึกจิตแนะนำวิธีของพระพุทธเจ้าค่ะ สำหรับคนที่ทำอยู่แล้วก็อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  7. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    สำหรับผู้ที่สนใจ และมีเหตุผลส่วนตัวที่คิดว่าเราควรศึกษาเรื่องนี้(ผู้ช่วยเหลือจากต่างดาว หรือต่างมิติ หรือคำเตือน การเตรียมตัว ภัยพิบัติ) ไว้บ้าง เพื่อประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์หากมีโอกาสได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คิดว่าหลายคนในที่นี้คงยินดีจะช่วย ถ้าวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้นจริงๆ(ไม่เกิดก็ดีค่ะ^ ^) บางทีนี่อาจจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมต้อง ละวางอัตตาตัวตน ทำไมต้องอุเบกขา หรือบางทีธรรมะอาจจะช่วยไม่ให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นก็ได้นะ ^_^ ลองอ่านแบบ"อิสระ"ดูนะคะ

    ฝากให้ลองอ่านดูค่ะ ยาวหน่อยอ่านจบก็ดีค่ะ ^____^
    UFOKAOKALA
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กุมภาพันธ์ 2014
  8. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262

    ปล.จริงๆไม่ได้อยากเรียกจุดเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่าว่าภัยพิบัตหรอกนะคะ บางทีพลังอันบริสุทธิ์จากจิตที่ฝึกดีแล้ว หรือจากการฝึกเพื่อการเลื่อนระดับอาจทำให้จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นแบบไม่ใช่ที่คนทั่วไปเีรียกว่าภัยพิบัติได้คะ

    ปล.เป็นกำลังใจให้ทีมแปลนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กุมภาพันธ์ 2014
  9. atitarn2009

    atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    คุณภูดิสคะ ถ้ามีท่านผู้ประเสริฐท่านหนึ่ง
    1.เป็นผู้ที่สามารถกำหนดสมาธิ เมื่อจะพูดทุกครั้ง ทุกถ้อยคำจึงไม่ผิดพลาด
    2.แต่ละคำพูดเป็นอกาลิโก คือ ถูกต้องตรงจริงไม่จำกัดกาลเวลา
    3.คำที่พูดมาทั้งหมดนับแต่วันตรัสรู้นั้น สอดรับกันไม่ขัดแย้ง
    ถ้าสิ่งที่ท่านกล่าวขัดกับคำสอนของท่านผู้ประเสริฐท่านนี้ สำหรับข้าพเจ้าคงยังไม่สามารถที่จะเชื่อตามท่านภูดิสได้ทั้งหมด คงต้องพิจารณาเลือกเพื่อประโยชน์เป็นอย่างๆไป ยังไงก็ขอบคุณในความเมตตาค่ะ
     
  10. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    โอ้โฮเฮะ จะมีด้วยหรือครับ คนเก่งปานนั้น ในสมัยนี้ ในโลกเบี้ยวๆ ใบนี้เนี่ยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลย
    ใครกันน๊า ชักอยากจะรู้จักซะแล้วสิ ใครอยากเจอยกมือขึ้น เร้ว

    ใครกันนะ ตรัสรู้แล้วไม่ยอมออกมาแสดงตัวเร็วๆ คนเค้ารอจะใช้ประโยชน์ตั้งแยะ
    คนเค้ารอจะฉกฉวยผลประโยชน์กันตรึมเลย มีแยะจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว เงินทั้งนั้น
    คนชั่วช้าก็รอขย้ำตั้งมาก ตั้งทีมตามล่าก็มีตั้งหลายชาติ มีตีนมารออยู่เพียบเลย รีบออกมาเร้ว

    ท่านพอจะบอกใบ้อะไรเพิ่มเติมได้มั้ยครับ ว่าเป็นใคร และตรัสรู้แล้วทำไมไม่ออกมาแสดงตัว


    วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  11. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ฉันขอตอบคำถามคุณภูดิศที่ข้อความข้างบนเป็นข้อๆก่อนนะ...
    ๑. ฉันคิดว่า การให้ความหมายของคำว่า "นอบน้อม"ในข้อความของคุณกับของฉันคงจะคนละเวอร์ชั่นกัน
    แต่ช่างเถอะ...ตามแต่คุณจะคิดละกัน...

    ๒.ฉันมีสิทธิ์หรือคุณจะเปิดโอกาสให้ฉันปฏิเสธความหวังดีของคุณได้ไม๊?...
    หรือไม่ได้เลย...คุณบอกให้ทำอะไร ฉันก็ต้องทำตามคุณที่คุณสั่งทันที
    เพราะถ้าเป็นงั้น ฉันว่าประชาธิปไตยใยจะรุ่งเรืองได้ในประเทศไทยกันละนี่...
    และหากฉันไม่นอบน้อม...แล้วฉันไม่ผ่าน(อะไรของคุณฉันก็ยังไม่รู้)หรือไม่เจริญ...
    คุณจะได้รับความเดือดร้อนใดไม๊...
    (ฉันเริ่มเป็นห่วงคุณบ้างแล้ว เพราะดูคุณเป็นห่วงเป็นใยฉันมากกว่าลูกหลานฉันอีก)

    ๓.ก็สิ่งที่คุณนำเสนอ...มันเป็นไปได้ไม๊ที่บุญฉันมันยังไม่เสมอกับคุณ...
    เลยอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจว่าคุณต้องการจะบอกอะไรฉัน...
    แล้วจะให้ถามอะไรคุณดีล่ะ...คุณบอกว่าฉันหลงทาง...
    ฉันก็ไม่เคยถามคุณนะ ว่าฉันหลงทางตรงไหน...
    เพราะฉันยังอยากศึกษาทางนี้นี่นา...
    เดี๋ยวเมื่อไหร่ฉันรู้ตัวว่าหลงทางจริง ๆ ละก็
    จะกลับไปนอบน้อมให้คุณช่วย...รอหน่อยได้ไม๊ ?
    เป็นไปได้ไม๊ที่คุณจะให้โอกาสฉันศึกษางานของคุณก่อน...
    เพราะฉันคงต้องใช้เวลานะ...
    ฉันคงไม่สามารถดีดนิ้วเปาะแล้วเข้าใจข้อความคุณได้ในทันที...จริง ๆนะ...
    เพราะความแก่ไม่เคยปราณีใคร...แค่ภาษาพูดในหัวก็มากโขแล้ว..
    สมองฉันมันเลยเหลือพื้นที่นิดเดียว...

    ************
    ฉันขอแสดงความยินดีกับความรู้ที่คุณได้รับจากหลายๆมิติที่คุณว่า...
    คุณเป็นคนโชคดีกว่าคนอื่น...ที่บัดนี้ไม่ต้องเรียนรู้อะไรอีก
    และยังมีเวลาสอนในเรื่องที่คุณได้รู้ให้แก่ผู้อื่น...
    แต่หากคุณได้เปิดโอกาสให้ผู้คนมีเวลาพิจารณาบ้าง
    น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณและคนอื่นอีกมากนะ..เราว่า
    .

    เช่นกรณีประวัติของพระสารีบุตรก็ยังมีให้พิจารณา...

    ***พระสารีบุตรได้ไปชวนท่านสัญชัยปริพาชกผู้เป็นอาจารย์ตน
    ให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่สัญชัยปริพาชกปฏิเสธ
    ทั้งยังได้รับคำถามกลับมาจากอาจารย์อีกคือ...
    “ในโลกนี้มีคนโง่หรือคนฉลาดมากกว่ากัน
    เมื่อพระสารีบุตรตอบว่า “คนโง่มีมากกว่า”
    ท่านสัญชัยจึงว่า “ถ้าเช่นนั้นขอให้พวกคนฉลาด
    ซึ่งเป็นคนจำนวนน้อยไปเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าเถิด
    ส่วนตัวท่านเองจะขอเอาคนโง่ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าไว้เป็นพวก “

    และเมื่อได้คำตอบจากอาจารย์เช่นนั้นแล้ว
    พระสารีบุตรกับพระโมคลานะก็พาพวกฉลาดๆ ไปแต่โดยดี...
    นั่นเท่ากับพระสารีบุตรได้ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งข่าวที่สมบูรณ์แล้ว
    และไม่มีอะไรอื่นแอบแฝงอยากเป็นใหญ่ในใจท่าน...
    ท่านจึงละความสนใจกับผู้คนที่จะทำตามหรือไม่ทำตาม...
    เพราะการไปบังคับหรือกดดันใคร...มันเกินหน้าที่...เหนื่อยเปล่า...

    ...ต้องขอขอบคุณคุณภูดิศที่เปิดโอกาสให้ฉันได้แสดงความเห็น
    จากข้อความของคุณผ่านกระทู้คุณชยุตเขา...
    เพราะความตั้งใจจริง...ไม่ได้คิดจะนำเสนอความเห็นหรือสอนใครเลย
    ต้องการทำหน้าที่แปลให้อ่านเท่านั้น...
    แต่คุณภูดิศได้เปิดโอกาสให้ฉันในรอบนี้...
    หลายคนบอกฉันว่า...นี่คือวิกฤติของกระทู้นี้และของฉันด้วย
    แต่ฉันบอกเขาว่า...ใครบอก...นี่คือโอกาสของฉันและ จขกท ต่างหาก
    เพราะอย่างที่บอก...ผู้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ล้วนเป็นผู้มีปัญญามาก
    ย่อมแยกแยะได้ในทุกตัวอักษรอยู่แล้ว...
    และ "กุศลใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้ความรู้ได้ถูกกาลถูกเวลานั้นไม่มี"
    การเสียสละของคุณภูดิศครั้งนี้...ฉันคงต้องกล่าวถึงอีกนาน...
    เพราะนี่คือประสบการณ์ชีวิตช่วงหนึ่งของฉัน...

    ขอขอบคุณคุณภูดิศ..คุณชยุตและผู้อ่านทุกท่านที่ให้โอกาสฉันในครั้งนี้...
    และขอให้ทุกท่านโชคดีตลอดไป...
    อจิตตะ...


    ป.ล...ฉันคงต้องขอแขวนนวมละนะ...
    เพราะครูมวยของฉัน(สมัยสาวๆ)เตือนนักมวยเสมอว่า...
    "ต้องเรียนรู้ดูโอกาสว่าเมื่อไหร่ต้องบอกแขวนนวมด้วยตัวเอง…
    อย่าได้หลงตัวและต้องแขวนนวมเพราะถูกคนอื่นน๊อกเอาท์…"
    Good Luck...
     
  12. krittima helga

    krittima helga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +247
    __พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ครอบคลุมไว้หมดแล้วละจ้า..ยกตัวอย่างเช่น..พระอานนท์หรือพระสารีบุตรนี่แหละอันนี้ก็จำชื่อไม่ได้..ทูลถามว่า..ขา้แต่พระองค์..ถ้าสมมุตติว่าถา้โลกนี้ไม่มีพระพุทธศาสนาจะมีพระอรหันต์เกิดขึ้หรือไม่..พระพุทธองค์ทรงตอบว่า..พระอรหันต์จะไม่เคยว่างเว้นไปจากโลกตราบใดที่มีคนดำรงตนอยู่ในมรรค8..แล้วมรรค8ก็คือทางเดินเข้าสู่มรรคผลนิพพาน..แล้วมรรค8มีอะไรบา้งก็คงจะรู้กันอยู่แล้ว..แต่อยู่ที่ว่าใครจะมีความเพรียร..คงทนแน่วแน่ในทางนั้นอย่างมั่นคงแค่ไหน..ก็รู้อยู่สิ่งยั่วยุภายนอกมีมากมาย..และธรรมแท้ก็มีอันเดียว..ยกตังอย่างเช่น..พริก..ใครกินมันก็เผ็ดเหมือนกัน..คนไทยกินก็รอ้งว่าเผ็ด..ฝรั่งกินรอ้งว่า..ฮอ็ตๆ..หมากินรอ้ง.เอ๋งๆ..จะเห็นได้ว่าไอ้เผ็ดนี่มีอันเดียว..และเป็น..สัจจะ..(สัจจะ..คือความจริงหนึ่งเดียวมีอยู่อย่างไรก็มีอยู่อยา่งนั้นและนั่นแหละที่เรียกว่า..ธรรม)..ยกอีกตัวอย่างก็ได้..อย่างพระจันทร์..ภาษาลาวเรียก..เดือนอีเกิ้ง..คนไทยเรียกพระจันทร์..ฝรั่งเรียก..มูน..จะต่างกันแค่ภาษา..ฉนั้นการศึกษาธรรมมะนั้นพระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าทั้งหลายจึงบอกให้ใช้..โยนิสามนสิการ(คือสติปัญญาไตร่ตรองให้แยบคายให้มาก..ให้ใช้จิตตานุปัสสนาให้มากๆนั่นเอง)..หากขอ้ความนี้ถูกผิดประการใด..ขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายชว่ยจำแนกแจกแจงเพิ่มเติม..เพื่อเป็นประโยนช์ซึ่งกันและกัน....(deejai)(deejai)(deejai)
     
  13. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    คิดว่านี่เป็นข้อสงสัยที่ดี เป็นพื้นฐานวิปัสสนาได้ไม่ใช่วิจิกิจฉา


    ผู้มีธรรมในตน แสดงธรรมได้ มีมากนะครับ อย่างพระมัญชุศรี
    ก็มีธรรมหมื่นโลกธาตุ คนไม่รู้ นึกว่าเป็นพระพุทธเจ้า ก็มีครับ
    มหาเทพองค์ใหญ่ๆ มีธรรมเหมือนๆ พระพุทธเจ้าก็มี อาทิเช่น
    พระศิวะ, พระนารายณ์ ฯลฯ ไม่เช่นนั้น พระอินทร์คงลงมาดีด
    พิณเป็นปริศนาธรรมให้พระสมณโคดม ไม่ได้ใช่ไหมละครับ?


    ผู้มีธรรม มีมากมาย แต่ผู้ตรัสรู้พุทธะนั้น ต่างกันอย่างไรหนอ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กุมภาพันธ์ 2014
  14. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    สงสัยจริงๆ ...


    โลกนี้ช่างประหลาดดีแท้ เทวทูตไม่ใช่อรหันต์
    แต่ลงมาบอกปริศนาธรรม แก่เจ้าชายสิทธัตถะ
    พระอินทร์ไม่บรรลุอรหันต์ ก็มาดีดพิณเตือนสติ
    แก่พระสมณโคดม


    โลกช่างประหลาดนัก ผู้ไม่บรรลุธรรม กลับเป็น
    ผู้แสดงปริศนาธรรม เพื่อให้พระพุทธเจ้าบรรลุ?


    บ่องตง ข่อยสิหงายเงิบเด้อ ...
     
  15. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    บ่อต้องหงายเงิบ ย้อนว่า ฮู้ แต่บ่อเข้าใจ๋ ฮู้บ่อ

    คือกับ พรามณ์ รู้ ว่า เจ้าชายจะได้เป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่เข้าใจ ในความเป็นพระพุทธเจ้า แค่รู้ มาจาก.... รู้มาว่า..... แต่ ตนเองเป็นไม่ได้ รู้ว่า การได้เป็น นั้น จะยากมาก ก็เลยได้แค่รู้ วิธี รู้เส้นทาง แต่ ไม่กล้าที่จะเป็นเพราะเข้าใจว่า มาก ยาก มากก๊าก นั่นเอง แหล่ะ คุณลาบนก
     
  16. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผู้รู้มีมากมาย นั่นเพราะ กัปน์นี้มีพระพุทธเจ้ามาแล้ว ก่อนพระโคดม ถึงสามพระองค์ ในความเป็นพุทธะ ที่แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มันบ่งบอก ถึงการเป็นผู้ชนะ สามโลก คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต นั่นก็คือ ผู้รู้ คือรู้มาหมดแล้ว ก็คือรู้อดีต ผู้ตื่นคือ ผู้ที่ตื่นรู้ในกรรมปัจจุบันทั้งกายกรรมวจีกรรมมโนกรรม ผู้เบิกบานคือ เมื่อรู้ดีมาแล้ว ตื่นรู้ใน(แก้)การกระทำทุกกรรมที่เป็นปัจจุบันของตนคือความเป็นมนุษย์ ก็จะไม่มีปัญหาใดใด เกิด ได้ เลย เพราะ ไม่ผิด ไม่พลาด ไม่หลง ก็เลยเป็นผู้เบิกบาน แบบ ไร้กรรม ก็หมายถึง ชนะทั้งสามโลก นั่นเอง นี่คือ พุทธะ
     
  17. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    ก็ยังไม่หายสงสัยหรอกครับ


    ถ้าใครสักคนจะทนลำบากเป็นล้านๆ ชาติเพื่อจะได้สมหวัง
    ชาติสุดท้ายชาติเดียว โดยอ้างว่าโอ้ย พระพุทธเจ้าชาติเดียว
    ก็คุ้มค่าแล้วกว่าล้านๆ ชาตินั้น เพราะโปรดสัตว์ได้มากโข เช่นนี้
    ไม่เท่ากับเป็นการยึดติดอนาคตชาตินั้น โดยยอมขายปัจจุบันและ
    อดีตชาติของตนเพื่อแลกชาติสุดท้าย ชาติเดียวนั้นมาหรอกหรือ?


    แล้วทำไม ไม่เป็นพระพุทธเจ้าแบบอกาลิโกไปเสียเลยละ?
    อดีตก็ใช่, ปัจจุบันก็ใช่ และอนาคตก็ใช่ ไปเลยไม่ดีกว่าหรือ?


    ปล. ไม่เรียกผมป๋าเบิร์ด ไม่ก็พี่เบิร์ดละ นกนี่มัน นักร้องลูกทุ่งนะ
     
  18. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    สงสัยว่า ไม่ผิด ไม่พลาด ไม่หลงเลย
    นี่ คง "ไม่ใช่มนุษย์" ไปด้วยมังครับ
     
  19. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ตราบใดที่คุณ ยังไม่เป็นพุทธะ คุณก็จะยังคงสงสัยอยู่นั่นเอง คุณพี่นกกระจอกสะแปโร่ ซึ่ง ที่คุณกล่าวมันก็เป็นการกล่าวเพราะความไม่เข้าใจอยู่นั่นเอง อยากเข้าใจจริงหรือ อยากหายสงสัยจริงหรือเปล่าล่ะ หรือ เพียงแค่สงสัย และ จะสงสัยอยู่อย่างนี้ต่อไปล่ะ นั่นเพราะ ทุกคำตอบ ก็เพื่อให้ ตนเองเข้าใจได้ เท่านั้นแหล่ะ ตราบใดที่เข้าใจไม่ได้ หรือยังไม่เข้าใจ ก็จะยังคงค้นหาคำตอบเพื่อความเข้าใจ อยู่ นั่นเองจ้า
     
  20. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมอธิบายแล้ว ว่า มันเป็นตามนี้ครับ จริงด้วยนะจ๊ะ
    เอาเป็นว่า คุณอยากรู้จริงๆมั้ยล่ะ เพราะมันก็เป็นมนุษย์นี่แหล้่ะ แต่ไม่เหมือนมนุษย์คนอื่นเท่าไหร่ ไง เพราะมนุษย์คนอื่น ยังไม่ถึงความเป็นพุทธะ คุณเป็นก่อน คุณจะแปลกก่อน ไงครับ อยากลองมั้ยล่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...