เพื่อการกุศล ***ปิดแล้วค่ะ***ขอเชิญร่วมสร้างบุญใหญ่ เปิดจองวัตถุมงคล หลวงพ่อหนุน รุ่น"พิเศษ ชุด๑"

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย rs83, 14 เมษายน 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    :cool::cool::cool::cool:
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  2. กร hondacivic

    กร hondacivic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +796
    ขนาด กว้าง x ยาว กี่เซนติเมตรครับ
     
  3. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    มีประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง
    (เป็นความเชื่อและศรัทธาส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ)


    คฑาไม้ครุู
    เคยมีบ้างท่านนำไปใช้ไล่คุณไสย โดยใช้ปลายคฑาชี้ไปที่ศีรษะ
    แล้วอาราธนาคุณพระ มาช่วยตามแบบ หลวงพ่อฤาษี ค่ะ
    มีคนใช้แล้วได้ผล


    ส่วน พระขรรค์ปรัชญะได้มีผู้นำไปลองตัดเหล็กไหล สามารถตัดเหล็กไหลได้

    จากเรื่องเล่า
    คุณ จักรพงศ์

    การที่จะตัดเหล็กไหลได้นั้นแสดงว่าพระขรรค์นั้นต้องมีอนุภาพที่สูงมากๆ คือสูงกว่าเหล็กไหล เพราะจะถูกอนุภาพของเหล็กไหลตีกลับ
    ทำให้ผู้ตัดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้(ตายโหง)ในทันที



    เรื่องเล่าจาก คนตีดาบและช่างทำ
    มีผู้เอาเศษเหล็กที่เหลือ ไปวนในน้ำ ทำน้ำมนต์ แล้วนำไปสาดไล่ผี
    ผลปรากฎว่า ผีหนีออกทันทีเลย ค่ะ
    คนเลยมาขอกันใหญ่


    ท่านใดมีประสบการณ์จากวัตถุมงคลที่เช่าไป นำมาเล่าสู่กันฟังได้นะค่ะ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2014
  4. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่
    วันนี้ได้โทรคุยกับช่างตีดาบ เล่าให้เขาฟังว่ามีคนถามว่าดาบสายฟ้าพิฆาตศัตรูพ่ายเล่มใหญ่ ใช้งานได้ไม ช่างบอกว่ามันอยู่ที่คนใช้ ใช้เป็นไหม ช่างได้บอกไว้ว่าดาบนี้จะไปควงเล่นๆไม่ได้นะ เพราะเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ฟ้าจะผ่าเอา เพราะมันสะเทือนถึงภพภูมิอื่นเลยนะ ช่างเขามีประสบการณ์เล่าให้ฟัง
    หลวงพ่อหนุน ท่านจะดังเรื่องตะกรุดมาก จนท่านบอกว่าพวกโยมเห็นหน้าท่านเป็นตะกรุดไปแล้ว ตะกรุดสามกษัตริย์ถือว่าเป็นรุ่นแรกของหลวงพ่อเลยเป็นครั้งแรกด้วยที่ท่านทำ เห็นท่านบอกว่าต้องทำให้เต็มที่เดี่ยวจะเสียชื่อ
    ส่วนเหล็กที่จะมาตีดาบสายฟ้านั้น ก็อยู่ขั้นตอนของการอธิฐานจิตอยู่ เสกเรื่องธาตุให้เป็นของกายสิทธิ์ ต่อด้วยบารมีของครูบาอาจารย์อีก ทั่วสามโลกธาตุ ลงมาบรรจุพลังงานความศักดิ์สิทธิ์ 108-1000 ประการ
    มีหลายขั้นตอนครับจะนำมาเล่าต่อไป
    @un
    สมาชิก




    Join Date: Mar 2007
    Posts: 204
    Groans: 44
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    Thanks: 8003
    Thanked 1479 Times in 224 Posts
    Rep Power: 178
    กราบนมัสการขออนุญาตสอบถามครับ

    --------------------------------------------------------------------------------

    ตะกรุด 3 กษัตริย์ดอกใหญ่ พลังงานพุทธคุณเด่นด้านไหนครับหลวงพี่ ? รวมถึงประคำนเรศวรปราบหงสาด้วยครับ เด่นด้านไหน ผมสนใจแบบประคำข้อมือเนื้อโลหะครับ ...

    ล่าสุดบูชาตะกรุดไม้ครูใช้ดีมากครับพลังงานสุดยอด แปลกมากเวลาพกเมตตานำเลยครับ
    ตอบ ตะกรุดสามกษัตริย์เด่นถ้าหลวงพ่อหนุนนะ คือสมปรารถณา ป้องกันภัย เมตตา
    ประคำเด่นเสริมบารมีบุญกุลศล ป้องกันภัย
    ดาบถ้าจะใช่ก็ไม่ยากครับ ส่วนมากแล้วเขาจะตั้งหรือไม่ก็แขวนครับในที่เหมาะสม เพื่อเป็นมหาอำนาจมหาเมตตา ป้องก้นภัยคลอบคลุมที่อยู่อาศัยทั้งหมด ส่วนเสริมนั้นแล้วแต่จะอธิฐานเอาครับ ที่จริงมันมีมากครับมันที่คนนำไปใช่ครับ แต่แนะนำเลยครับ
    ตะกรุดสามกษัตริย์เป็นแผ่นชนวนผ่านการเสกมากอย่างมาก แล้วให้หลวงพ่อหนุนท่านเป็นคนจารยันต์เองทำเองแล้วนำมาถักเชือก แล้วชุบแบบโบราณ แล้วนำกลับไปอธิฐานจิตอีกโดยหลวงพ่อหนุนอีก หลายขั้นตอน อาจจะเห็นช้าหน่อย เป็นครั้งแรกรุ่นแรกของหลวงพ่อที่ทำ ตะกรุดสามกษัตริย์
    ประคำนเรศวรปราบหงษาจะผสมผงมหาโพธิญาณเป็นผงรวมจากผู้ที่ได้ชื่อว่ามีบารมีโพธิญาณ เช่นผงหลวงปู่ปาน ผงทำพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ผงทำพระหลวงพ่อพระราชพรหมญาณวัดท่าซุง ผงรวมมวลสารทำพระหลวงปู่ทวดทุกที่ที่เกี่ยวกับหลวงปู่ทวด ผงรวมทำพระของสมเด็จโตเช่นวัดระฆัง บางขุนพรหม เกศไชโย วัดสะตือ ผงหลวงปู่จันทร์นครพนม ผงมหาจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่และหลวงตาม้า ผงทำพระหลวงปู่ครูบาบุญทา เป็นต้น
    ส่วนตรงปลายจะหล่อเป็นโลหะมวลสารรวม
    และเป็นแบบทำด้วยโลหะล้วนๆก็จะใช้ชนวนมวลสารล้วนๆหล่อเป็นเม็ดอันนี้จะแพงหน่อยนะ
     
  5. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    แบบพระอุปคุตลอยองค์(ใครมีมารมาก มีเรื่องราวมาก โดนคนแกล้งบ่อย)
    แบบพระอุปคุตหลังเตารีด(ใครมีมารมาก มีเรื่องราวมาก โดนคนแกล้งบ่อย)
    แบบพระสีวลีมหาลาภมหาเศษรฐี ปางจกบาตร หน้าตัก ๕ นิ้ว(ค้าขาย ติดต่องาน)
    ประคำนเรศวรปราบหงษา แบบใสคอและประคำมือ(เสริมบารมี อำนาจ)
    ตะกรุดสามกษัตริย์(รอหลวงพ่อหนุนท่านทำอยู่ ๙๙ ดอก)(ของดีมีน้อย)
    ประสบการณ์เรื่องเหล็ก
    คือเหล็กที่จะนำมาตีดาบสายฟ้าพิฆาตศัตรูพ่าย มีมวลสารมาก แล้วพอดีได้โยมคนนึงเขามาช่วย(จ้าง)เป็นคนติดต่อเรื่องหาที่หลอมเหล็ก แล้วโยมคนนี้เขาเกิดอยากได้เหล็กที่จะหลอม เลยเล่าเรื่องนี้ให้ทางคุณชัยวิทย์ คุณชัยวิทย์ก็เลยไปบอกกับโยมที่ติดต่อว่าไม่ได้นะ มวลสารแต่ละอย่างที่ได้มานั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พรหมเทพเทวดาท่านให้มาให้งานนี้ทั้งนั้นและท่านได้อนุโมทนาบุญแล้วด้วย ถ้าเอาไปจะเกิดอาถรรพย์นะ ผลปรากฏว่าไม่เกิน 2 วัน หลังจากที่กล่าวเตือน โยมท่านนี้ไปติดต่องานที่ประเทศลาวจะกลับประเทศไทยโดนจับติดคุยอยู่ 2 วัน แล้วหลังจากนั้นคนในบ้านก็เริ่มป่วยที่ละคนสองคน โยมคนนี้ก็เกิดกลัว ก็เลยติดต่อส่งคืนเหล็กที่เหลือทั้งหมดคืนให้เลย แล้วมาเล่าให้ฟังว่าผมไม่เคยเจอเหตุการอย่างนี้เลยท่านอาจารย์ ต่อไปผมไม่กล้าแล้วอาตมาเตือนโยมแล้วไม่ฟัง ต้องให้เจอประสบการณ์ด้วยตัวเอง
    ดาบที่ตีมาเป็นแบบถ่ายรูปให้ดู ก็มีเทวดาดูแลรักษาอยู่ ตอนที่ช่างส่งมาให้ก็นำมาวางไว้ที่กุฏิ ตอนเย็นก็มีพวกเด็กๆมานอนวัดแล้วเด็กพวกนี้มันเสียงดัง ก็เลยคิดว่าเดี่ยวมึงโดนแน่ ดาบวางอยู่ไกล้ๆที่เด็กพวกนี้เล่นกัน อยู่อยู่ๆดาบเล่มนั้นก็ตกลงมาแล้วมีเสียงดังปรกติตกแค่นั้นดังจะไม่ดังขนาดนี้ ผลปรากกเด็กเงียบหมดเลย พอตอนเช้าก็เลยถามพวกเด็กมันว่าใครไปจับดาบเล่นบ้าง พวกเด็กบอกว่าไม่มีใครจับเลยครับ แล้วก็เป็นไปไม่ได้ด้วยเพราะวางไว้อย่างดีแล้วจะตกมาได้อย่างไรกัน ก็เลยบอกเด็กว่าเทวดาที่เขาดูแลดาบนี้เขาไม่ชอบเด็กเล่นเสียงดัง แล้วก็นำไปให้หลวงพ่อท่านดูท่านก็บอกว่าดี
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ศิริยะ อ่านข้อความ
    อยากทราบว่า แล้วประคำแบบที่ลูกประคำหล่อจากโลหะ อันนี้เป็นโลหะแบบเดียวกันกับที่ใช้เป็นมวลสารในดาบสายฟ้าฯ หรือเปล่าครับ
    ตอบ ไม่ใช่ครับ เป็นชนวนมวลสารตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมรุ่นแรกของหลวงพ่อหนุน มีดฟ้าฟื้น พระขรรค์ปราบไพราพินาศ ไม้เท้าพญายม พระโมคลานะ ฤาษีลัดดาบส กริ่งชินบัญชร ชนวนสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่วัดพุทธโมกข์ หลวงพ่อฤาษี หลวงปู่ปาน (องค์ใหญ่) ชนวนเหรียญทำน้ำมนต์ ชนวนพระปัจเจก ชนวนวชิราวุธ ชนวนตะกรุดไม้ครู(แร่โคตรเศษรฐีแม่ชีประทุม-เหล็กเปียกยอดพระธาตุพนม-หัวลูกปืนเสกหลวงน้าสายหยุด)ชนวนสายหลวงปู่ดู่ ชนวนสายหลวงตาม้า ชนวนหล่อสมเด็จองค์ปฐมวัดต่างๆอื่นๆอีกมากครับ
    แค่นี้ผมก็ว่าสุดยอดแล้วนะ
     
  6. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ itipiso อ่านข้อความ
    ลำดับที่ 112 ประคำ ทางวัดจัดส่งมาแล้วครับ แต่ผมยังไม่ทราบว่ากี่เส้น รอเช็กกับ
    ทางบ้านพรุ่งนี้ครับ แล้วค่อยมาบอกให้พี่ปรับตารางในส่วนที่เหลืออีกครั้งครับ

    ...ได้รับประคำเนื้อผง แบบ ข้อมือ และ แบบห้อยคออย่างละ 1 เส้นแล้วครับ

    ลำดับที่ 112 ในการจัดส่ง ช่วงเดือนพฤษภาคม 2557 ไปแล้ว
    สำหรับประคำ จะเหลือเพียง
    - ประคำมือ เนื้อผง = 1 เส้น
    - ประคำมือ เนื้อชนวนโลหะ = 1 เส้น ครับ
    ส่วนรายการอื่น ๆ ยังคงเหมือนเดิมครับ

    ...ขอบอกว่า ประคำคอเนื้อผงเมื่อนำมาแขวนคอแล้ว
    ขนแขนลุกตั้งขึ้นมาเลยครับ ลองภาวนาดูก็รู้สึกว่า ภาวนาได้ดีครับ
    โชคดีและดีใจที่ได้จองบูชามาครับ ถ้าไม่ได้จองบูชาประคำคอเนื้อผงนี้
    คงเสียดายมากเลยครับ
    ประสบการณ์ดาบเป็นอย่างไรบ้างครับ
    ได้รับฟังจากอาจารย์ที่สัมผัสทางด้านนี้ได้ ท่านบอกว่าเป็นเหล็กที่ซึมซับพลังงานได้เร็วมากๆและก็แรงมากๆด้วย หายากที่จะเจอแบบนี้ การผสมผสานรวมธาตุชั้นยอด ในดาบจะมีดวงจิตที่ดูแลรักษาด้วยด้วย
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ itipiso อ่านข้อความ
    ...วันที่ 1 พ.ค. 2557 พุทธาภิเษกที่วัดเขาวง ถ้ำนารายณ์ สระบุรี
    ...วันที่ 3 พ.ค. 2557 พุทธาภิเษกที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ เมืองกาญ

    ถ้าวัตถุมงคลชุดนี้ได้นำเข้าพิธีทั้ง2วัดก็ดีนะครับ

    เข้าพิธีในวันที่ ๑ พต. และ วันที่ 3พค ด้วยครับ
    วัตถูมงคลชุดนี้ เข้าพิธี วันที่ ๗ ธค. ที่วัดท่าซุง เรียบร้อยแล้วค่ะ
    เข้าวัดท่าซุงก็สุดยอดแล้วค่ะ
    ประคำคอเหมาะมาก สำหรับพวกที่ชอบสงบด้านสมาธิ จะเข้าได้ไว้และนิ่งสงบดีมากครับ
    ในการนี้ได้ถวายดาบพิฆาตศัตรูพ่าย(เล่มใหญ่)
    แด่หลวงตา จำนวน๒เล่ม
    หลวงตาท่านได้ให้นำดาบทั้ง๒เล่มนี้
    ถวายที่องค์พระรูปหล่อ
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    ที่อยู่ภายในถ้ำ
    และได้อธิฐานขอให้ดาบที่ทางคณะเรา สร้างนี้
    มีอนุภาพสามารถปราบ พิฆาตศัตรูให้พ่ายแพ้
    เสมือนหนึ่งดาบที่ทั้ง ๒ พระองค์ ทรงใช้พิฆาตศัตรู
    เพื่อกอบกู้เอกราชของชาตฺิไทย
    มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ คฑาไม้ครู ค่ะ
    มีท่านหนึ่งได้นำคฑาไม้ครู ไปให้ท่านที่มีความสามารถพิเศษ
    อธิฐานจับพลังงานคฑาไม้ครู ท่านผู้นั้นว่าดังนี้

    "ผมนำคฑาหลวงพ่อหนุน ไปจับพลัง"

    แล้ว

    "คนจับว่า สามารถคุ้มครอง ได้มากกว่าบ้านหนึ่งหลัง"

    คุ้มครองได้กว้างไหมค่ะ

    "ถ้าจำไม่ผิด เค้าว่า คุ้มครองได้ทั้งเมือง"
    "จำไม่ค่อยแม่นตรงนี้ครับ"


    ตัดข้อความมาเป็นบางส่วนค่ะ

    ท่านที่จับพลังงานบอกว่า "ที่หัวคฑามีพลังงานสูงมากสามารถคุ้มครองได้กว้างมาก"

    ท่านที่จับพลังงานบอกว่า "น่าจะวางตั้งขึ้น(ยอดชี้ฟ้า) จะเปรียบเสมือนร่มกาง จะคุ้มครองได้ดี"


    เป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ ทำอะไรแล้วสบายใจท่านก็ทำไป
    นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
    ท่านใดมีประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลที่เช่าไปมีอะไรบ้าง
    นำมาเล่าสู่กันฟังได้นะค่ะ

    สาธุๆๆ
     
  7. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    ผมได้กราบเรียนพระอาจารย์สมบูรณ์ ไปว่าหากจะสร้างมีดฟ้าฟื้นจะต้องกราบขอหลวงพ่อหนุนท่านขึ้นไปขออนุญาตเจ้าของก่อน(หลวงพ่อฤาษี) ท่านคือขุนแผนตัวจริงเจ้าของดาบฟ้าฟื้น พระอาจารย์จึงกราบเรียนขอหลวงพ่อหนุน หลวงพ่อท่านนิ่งไปสักครู่ แล้วกล่าวว่าดำเนินการจัดสร้างได้เลย
    ดาบฟ้าฟื้นของวัดท่าซุงขณะนี้ หลักแสนจะมีคนให้บูชาหรือเปล่ายังไม่รู้ แล้วเสี่ยงกับของปลอมอีก มั่นใจในหลวงพ่อหนุนครับ ท่านเก่งจริง ไม่ธรรมดาครับ
    องค์ท่านปู่พระโมคคัลลานะมหาเถระผู้เลิศด้วยฤทธิ์ เคยได้ยินหมอท่านหนึ่งบอกว่า ดินแดนแถบวัดพุทธโมกข์องค์ ท่านปู่พระโมคคัลลานะท่านเกี่ยวเนื่องกับวัด การหล่อรูปท่านขนาดแขวนคอบูชายังไม่เคยเห็นที่ใดจัดสร้าง ผมเคยคิดจะสร้างมานานแต่ไม่ได้ทำสักที พออาจารย์บอกว่าจะสร้างผมก็ อนุโมทนาในการทำครังนี้และสนับสนุนเต็มกำลัง ส่วนองค์ฤาษีลัดดาบส เป็นฤาษีที่มีบารมี ขณะนี้ถึงขั้นพระอนาคามีแล้ว ส่วนใหญ่ท่านจะอยู่โปรดอยู่เมืองบาดาล เป็นอาจารย์หลวงพ่ออีกองค์ครับท่านจะกล่าวถึงบ่อย การหล่อเป็นดินไทยโบราณ เหมือนพระอุปคุตของญาท่านสวน ส่วนชุดที่สอง ตอนแรกจะไม่มีแถมแต่ผมขอไว้ว่าควรจะมี แต่อาจจะหล่อในเบ้าปูนเหมือนกริ่งชินบัญชรหลวงปู่ทิม
    ชนวนมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร เป็นชนวนที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์และมีคุณค่ามาก ทำได้ยากยิ่ง ขออนุญาตนำข้อเขียนของคุณหนูมาเพื่อเผยแผ่บารมีและบอกกล่าวถึงชนวนอันศักดิ์สิทธิ์ว่าที่จะมีใครทำได้แบบนี้อีกหรือไม่
    Noo Norway
    ขอท้าวความเรื่องราวแห่งความศักดิ์สิทธิ์และความเมตตาที่หลวงปู่ได้ช่วยสงเคราะห์ลูกหลานให้พ้นจากภัยอันตรายจนเป็นที่มาในการจัดสร้าง "มีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร" ค่ะ

    พี่ชัยวิทย์ (ศิษย์เอกของหลวงปู่) ได้รับฟังการบอกเล่าจากลูกศิษย์ที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่อย่างใกล้ชิดว่ามีหลายคนนำญาติที่ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งหลายคนบอกว่าถูกผีเข้า พาไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย ไม่ยอมออก สุดท้ายก็พากันมาหาหลวงปู่ญาท่านสวน กราบเรียนขอความเมตตให้ท่านรักษาให้ ท่านก็สงเคราะห์ช่วยทุกรายไป

    เมื่อวันก่อนที่พี่ชัยวิทย์จะเดินทางไปกราบหลวงปู่ก็มีชาวบ้านพาคนถูกผีเข้ามาหาหลวงปู่ พอญาติขับรถผ่านหน้าวัดนาอุดมเท่านั้น คนที่ถูกผีเข้าก็เกิดความทุรนทุรายลุกขึ้นจะวิ่งหนีไปจากรถ พวกญาติๆจึงปลุกปล้ำจับเอาไว้จนเข้าถึงเขตบริเวณวัด พอพวกญาติๆจะจับลงมาคนที่ถูกผีเข้าก็กลับไม่ยอมลงจากรถ จนพวกญาติๆต้องช่วยกันจับดึงลงมาอย่างถูลู่ถูกัง พอมาถึงหน้ากุฏิของหลวงปู่ก็พยายามขัดขืน แต่พวกญาติๆก็ลากเข้ามาในกุฏิจนได้ พอดีช่วงนั้นหลวงปู่กำลังมีแขกอยู่ พวกญาติๆจึงได้นั่งรอ ในขณะที่กำลังนั่งรออยู่นั้นคนที่ถูกผีเข้าก็พยายามจะหนีหลบหน้าหันหน้าเข้าข้างฝาผนัง ไม่ยอมหันหน้าไปทางหลวงปู่เลย

    ลูกศิษย์ที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่เล่าว่าตอนนั้นหลวงปู่กำลังมีแขกอยู่ก็จริง แต่ท่านก็มองมาทางคนที่ถูกผีเข้า ดวงตาของหลวงปู่ใสเป็นประกาย มองดูแล้วทรงอำนาจน่ากลัวน่าเกรงขามมาก จนเป็นเหตุให้คนที่ถูกผีเข้าหนีหลบหน้าเข้าข้างฝาผนัง

    หลังจากท่านรับแขกเสร็จแล้ว ท่านจึงถามขึ้นว่าว่าทำอะไรกัน ญาติๆจึงกราบเรียนหลวงปู่ว่า "ขอให้หลวงปู่โปรดลูกหลานด้วย ลูกหลานมันถูกผีเข้า (คนที่ถูกผีเข้าเป็นผู้หญิง) สงสารมัน ไปรักษาที่ไหนมันก็ไม่ออก ขอให้หลวงปู่ช่วยด้วย" หลวงปู่ท่านพยักหน้าและให้ลูกศิษย์ไปตัดเอาว่านไฟที่อยู่บริเวณใกล้วัดมาให้ท่าน 1 ลำ ซึ่งว่านไฟนี้มีลักษณะเป็นลำยาวเหมือนไม้เรียว เมื่อได้มาแล้วท่านก็เอามาพนมใส่มือแล้วบริกรรมเป่าลงไป 3 ครั้ง เสร็จแล้วท่านจึงให้ญาติจับตัวผู้หญิงคนที่ถูกผีเข้านั้นเข้ามาใกล้ๆท่าน ปรากฏว่าไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ญาติๆ 4-5 คนเกือบจะจับเอาไว้ไม่อยู่ จากนั้นหลวงปู่จึงใช้ว่านไฟฟาดลงบนร่างของผู้หญิงคนนั้นเบาๆ ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บปวด นอนหงายหลังปัสสาวะราดหมดสติแน่นิ่งไป สักครู่หนึ่งเธอจึงรู้สึกตัว จึงลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ พอเห็นญาติๆนั่งเต็มไปหมดจึงถามว่าตัวเขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ญาติๆจึงบอกว่า "เอ็งถูกผีเข้ามาหลายวันแล้ว พาไปรดน้ำมนต์มาหลายที่ก็ไม่หาย สุดท้ายจึงพามาหาหลวงปู่นี่แหละ" ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวรู้สึกตัวอะไรเลย จากนั้นญาติๆจึงพาผู้หญิงคนนั้นไปอาบน้ำอาบท่าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วพาเข้าไปกราบหลวงปู่ญาท่านสวนให้ท่านรดน้ำมนต์ให้อีกครั้งก่อนจะเดินทางกลับ
    ผีแถวนี้มันดื้อ"

    ครั้งหนึ่งที่พี่ชัยวิทย์ได้ไปกราบหลวงปู่ที่วัดได้นำเรื่องผีเข้าสิงผู้หญิงคนนั้นมาสนทนากับท่าน ตอนนั้นหลวงพี่พระประชิต ปัญญาวโร (พระเลขาของหลวงปู่) ท่านอยู่ด้วย ท่านบอกกับพี่ชัยวิทย์ว่า "ผีแถวนี้มันดื้อ มันพูดมาก บอกไม่ค่อยฟัง มันก็เหมือนคนนี่แหละ คนที่เชื่อฟังสอนง่ายก็มี คนที่สอนแล้วไม่เชื่อฟังก็มี มันดื้อมันด้าน ผีแถวนี้ก็เหมือนกัน พวกมันจะชอบแกล้งดึงรถให้ลงข้างทาง ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ้าง ทำให้บาดเจ็บบ้าง ทำให้ตายบ้างก็มี"

    เรื่องนี้จริงเพราะแม้กระทั่งตัวพี่ชัยวิทย์เองก็ยังเคยโดนผีแกล้งมาแล้วเหมือนกัน... เมื่อปีก่อนๆพี่ชัยวิทย์ได้ขับมอเตอร์ไซค์ไปกราบหลวงปู่ที่วัดกับแฟนและพีโอ๋ วิวัฒน์ มิ่งไชย อีกคันหนึ่ง ได้นั่งสนทนากับหลวงปู่ถึงบ่าย 3 โมง จู่ๆหลวงปู่ท่านก็บอกว่า "มันจะค่ำแล้ว ให้รีบกลับไปก่อน เดี๋ยวมันจะไม่ปลอดภัย" ตอนนั้นพี่ชัยวิทย์ก็งงว่าทำไมหลวงปู่ท่านรีบไล่ให้กลับไปเพราะท่านไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เมื่อพี่ชัยวิทย์ทำท่างงสงสัยอยู่นั้น หลวงปู่ท่านก็พูดเปรยๆขึ้นมาว่า "พวกผีแถวนี้มันดื้อนะ มันบอกยาก มันชอบแกล้งคนขับรถไปมาบนถนนแถวนี้ให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ" เมื่อท่านพูดเช่นนั้นพี่ชัยวิทย์และแฟนและพีโอ๋ วิวัฒน์จึงรีบกลับ

    เมื่อพี่ชัยวิทย์ขับออกมาจากวัดได้ประมาณ 20 กิโลเมตร โดยพีโอ๋ วิวัฒน์ขับล่วงหน้าออกไปก่อนเป็นระยะทางห่างประมาณ 4-500 เมตร จู่ๆพี่ชัยวิทย์ก็มีความรู้สึกว่ามีมือใหญ่ๆมาจับที่คอรถมอเตอร์ไซค์แล้วกระชากรถให้พุ่งลงข้างทางอย่างแรง ทำให้รถเสียหลักพุ่งลงไปข้างทางตามแรงกระชากนั้น ปรากฏว่าตรงบริเวณที่เกิดเหตุเป็นไหล่ทางสูงประมาณ 1 เมตรครึ่งและจุดที่รถพุ่งลงไปนั้นเป็นรั้วลวดหนามที่ชาวบ้านกั้นบริเวณพื้นที่เขาไว้ เสารั้วใหญ่พอๆกับเสาบ้าน ตอนนั้นพี่ชัยวิทย์จับแฮนด์รถแน่นมาก นึกในใจว่าจุดเบรคของรถคงจะเป็นรั้วลวดหนามนี้แหละ ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆคงจะยับเยินทั้งรถทั้งคนแน่นอน
    แต่ด้วยเดชะบุญหรือบารมีของหลวงปู่ช่วยคุ้มครอง ในวินาทีนั้นแทนที่รถจะวิ่งชนรั้วลวดหนามแต่มันกลับพุ่งไปที่ช่องทางเดินเล็กๆกว้างประมาณ 1 เมตรและเข้าไปตีลังกาในกลางพื้นที่นั้น 3 ตลบ แฟนพี่ชัยวิทย์กระเด็นลอยข้ามตัวพี่ชัยวิทย์ไปประมาณ 5 เมตร ฝุ่นตลบเต็มไปหมด โชคดีจริงๆที่รถไม่ไปปะทะกับรั้วลวดหนาม พี่ชัยวิทย์ถามแฟนว่าเป็นอะไรหรือเปล่า รู้สึกเจ็บตรงไหนมั้ย แฟนตอบว่าไม่เจ็บไม่เป็นอะไร พี่ชัยวิทย์เองก็ไม่เป็นอะไร ต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเพราะนึกถึงคำเตือนของหลวงปู่ จากนั้นจึงช่วยกันเข็นรถไปบนไหล่ทาง ก็เป็นช่วงจังหวะพอดีที่พีโอ๋ วิวัฒน์เห็นผิดสังเกตุที่รถพี่ชัยวิทย์ไม่ตามมาจึงขับวกกลับไปดู จึงได้ช่วยเอารถขึ้นมาบนไหล่ทางได้ เมื่อสำรวจรถดูแล้วก็ไม่มีอะไรเสียหาย หลังจากนั้นจึงขับรถกลับถึงตัวเมืองอุบลอย่างปลอดภัย
    จากเหตุการณ์ที่มีคนโดนคุณไสยและถูกผีเข้าสิงนั้น พี่ชัยวิทย์จึงสนทนาเรื่องนี้กับหลวงปู่และกราบเรียนท่านว่า "หลวงปู่น่าจะสร้างมีดหมอไว้ปราบสิ่งเหล่านี้เพื่อที่ลูกหลานจะได้มีของดีไว้ป้องกันตัว... หลวงปู่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้ใครไปหาว่านไฟมาให้" ท่านนั่งฟังคำที่พี่ชัยวิทย์กราบเรียน ท่านนั่งนิ่งมองหน้าพี่ชัยวิทย์สักครู่... จึงพยักหน้าบอกว่า "ดี... ก็ทำมาสิ... ดีเหมือนกันเน๊อะ... จะได้มีไว้เผื่อทำน้ำมนต์ไล่ผีและที่โดนคุณไสยต่างๆ" ท่านได้กล่าวต่ออีกว่า "เวลาจะทำ้ำน้ำมนต์ให้ดึงมีดออกจากฝักแล้วยกขึ้นอธิษฐานแล้วนำไปแกว่งในขันหรือในบาตรน้ำมนต์... วน 3 รอบจากซ้ายไปขวา... ถึงแม้จะไม่มีอะไรพกติดตัวไปก็จะเป็นเมตตา มหาอำนาจ ศัตรูเกรงกลัวและป้องกันภูติผีปีศาจ"
    ท่านแนะนำว่าในตัวด้ามมีดจะต้องบรรจุผงพุทธคุณต่างๆและบรรจุติดตะกรุดด้วย 2 ดอก ตัวด้ามจับก็จะต้องลงยันต์ ฝักก็ต้องลงยันต์เหมือนกัน ส่วนตัวใบมีดนั้นจะต้องทำจากวัตถุอาถรรพ์ต่างๆ

    พี่ชัยวิทย์จึงกราบเรียนถามท่านว่า "จะทำขนาดไหนดีครับ" ท่านบอกว่า "ขนาดไหนก็ได้ ขนาดคืบก็ได้เพราะกระทัดรัดพกติดตัวสะดวกดี" พี่ชัยวิทย์จึงกราบเรียนถามต่ออีกว่า "จะให้ทำจำนวนกี่เล่มครับ" ท่านตอบว่า "ก็แล้วแต่เราจะทำมาก็แล้วกัน" พี่ชัยวิทย์จึงกราบเรียนท่านว่า "แล้วผมจะทำมาถวายหลวงปู่ครับ" ท่านนั่งยิ้มแล้วพยักหน้าพร้อมทำเสียงตอบรับอยู่ในลำคอ "อื้อ"
    หลังจากที่พี่ชัยวิทย์ได้รวบรวมโลหะวัตถุอาถรรพ์ต่างๆพร้อมการลงอักขระเลขยันต์ต่างๆตามตำรากำหนดแล้ว จะต้องหาฤกษ์ยามที่จะทำพิธีหลอมโลหะและหล่อใบมีด ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก สลับซับซ้อน จะต้องจัดสรรปันส่วนโลหะในอัตราส่วนที่แตกต่างกันไป จึงแยกโลหะในการสร้างเป็น 2 ประเภทคือ

    1. ส่วนผสมที่เป็นเนื้อโลหะเหล็กเป็นหลัก... เนื้อจะออกสีขาว (เฉพาะใบมีด 9 นิ้ว)
    2. ส่วนผสมที่เป็นเนื้อโลหะสำริดเป็นหลัก... เนื้อจะออกสีเหลือง (เฉพาะใบมีด 5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว)

    ลักษณะของใบมีด

    1. ขนาดใบมีด 9 นิ้ว... จะลงด้วยรูปมังกร หัวใจมังกร ยันต์ดวงตราจักรวาล นะซ่อนหัว
    2. ขนาดใบมีด 5 นิ้ว... จะลงด้วยรูปมังกร หัวใจมังกร นะซ่อนหัว
    3. ขนาดใบมีด 2.5 นิ้ว... จะลงเฉพาะหัวใจมังกร และ นะซ่อนหัว

    เหตุที่ลดตามสัดส่วนนั้นก็เพราะว่าขนาดใบมีดมีเนื้อที่ไม่เท่ากันแต่ฤิทธิ์และอานุภาพนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย...

    หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมถึงได้เอารูปมังกรมาลงไว้ที่ใบมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร ทำไมไม่เอารูปพญานาคเหมือนมีดหมอทั่วไป เหตุที่นำรูปมังกรมาลงไว้ที่ใบมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักรนั้นเพราะมังกรถือเป็นสัตว์มงคล ซึ่งอยู่ในตระกูลของงู แต่เป็นใหญ่กว่างูและพญานาค พญานาคก็ยังแพ้พญาครุฑด้วยกรงเล็บอันแหลมคม แต่สำหรับมังกรมีฤิทธิ์ที่จะต่อสู้กับพญาครุฑได้

    ลักษณะของมังกร

    หัวเหมือนวัว... หมายถึงพลังอำนาจ
    เขาเหมือนกวาง... หมายถึงความแข็งแกร่งสง่างาม
    ลำตัวเหมือนงู... หมายถึงความปราดเปรียว ความว่องไว
    เกล็ดและหางเหมือนปลา... หมายถึงความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่ง ไม่อดอยาก
    เท้าและเล็บเหมือนเหยี่ยวหรือพญาอินทรี... หมายถึงความมั่นคงยั่งยืน อายุยืน

    มังกรจะอยู่ได้ทั้งในน้ำ บนบกและบนอากาศ... พญานาคจะอยู่ได้เฉพาะในน้ำและบนบกบางครั้งเท่านั้น และความหมายที่สำคัญนั้นก็คือ "มังกรคือสายฟ้า... สายฟ้าคือมังกร" "ปราดเปรียวรวดเร็วดั่งสายฟ้า เห็นหัวไม่เห็นหาง" และนี่คือที่มาของชื่อ "มีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร
    จะประกอบพิธีหลอมโลหะและหล่อใบมีดจะต้องกำหนดฤกษ์เสียก่อน เมื่อได้ฤกษ์แล้วจะต้องจัดตั้งศาลเพียงตาบูชาด้วยเครื่องบูชาที่กำหนดไว้ตามตำรา เมื่อได้ฤกษ์แล้วเจ้าพิธีจะทำการบวงสรวงป่าวประกาศเชิญชุมนุมเทวดาอัญเชิญครูบาอาจารย์ให้มารับเครื่องสังเวยและบอกกล่าวให้ท่านทั้งหลายได้ทราบถึงการประกอบพิธีหลอมโลหะสร้างมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักรนี้

    เนื่องจากการหลอมโลหะเพื่อสร้างมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักรนี้มีการหลอมเอาโลหะธาตุต่างๆในอัตราส่วนที่แตกต่างกันไปซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้โลหะผสมเข้ากันได้ ในตำราจึงได้กำหนดพิธีกรรมหลอมโลหะด้วยการซัดว่าน

    ว่านที่นำมาซัดในพิธีกรรมมีดังนี้

    1. ว่านเพชรกลับ
    2. ว่านสามพันตึงต้น
    3. ว่านธรณีสาร
    4. ว่านไก่กุก
    5. ว่านปัดตลอด
    6. ว่านตูบหมูบ (พญาว่าน)
    7. แตงหนู
    8. ลูกตำลึงสุก
    9. ขมิ้นชัน

    ขณะหลอมโลหะธาตุเจ้าพิธีจะทำพิธีซัดว่าน เดินพลังจิตคุมธาตุ พร้อมกับเดินพลังจิตบริกรรมภาวนาคาถามหาประสานจนกว่าจะหลอมโลหะสำเร็จ เมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจึงนำไปประกอบพิธีบรรจุพลังสายฟ้าหรือบรรจุพลังเทพเสียก่อนจึงจะนำไปตีซัดหรือตกแต่งเพื่อความสวยก่อนนำไปประกอบฝักและด้าม เพราะถ้าหากประกอบฝักและด้ามก่อนแล้วจะทำให้ตัวฝักและด้ามเกิดความเสียหายได้

    สถานที่ประกอบพิธีบรรจุพลังสายฟ้าหรืออัญเชิญพลังเทพลงมาสถิตย์ลงในใบมีดในตำราได้ระบุเอาไว้คือที่ "ภูพระ" อยู่ในเขตอำเภอศรีเมืองใหม่ อุบลฯ ห่างจากตัวเมืองอุบลไปกว่า 100 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ครูบาอาจารย์ต่างๆมักจะปลีกวิเวกมาฝึกสมาธิภาวนา ภูพระนี้เป็นภูเขาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ทัศนียภาพด้านบนจะมองเห็นฝั่งประเทศลาว จากถนนตีนเขาไปสู่ยอดภูระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร

    เหตุที่เขาลูกนี้ชื่อ "ภูพระ" เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านได้สร้างองค์พระใหญ่ไว้ที่ยอดเขา ทำด้วยปูนองค์ขนาด 8 ศอก สถานที่แห่งนี้ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าเป็นจุดที่สามารถรับพลังจักรวาลได้แต่จะต้องรู้วิธีเปิดประตูจักรวาลหรือพูดง่ายๆคือผู้ที่จะเปิดประตูจักรวาลได้ก็ต้องมีกุญแจหรือรหัสลับจึงจะเปิดได้

    สิ่งที่น่าแปลกและสอดคล้องกับการสร้างมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักรนี้คือครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าใต้พื้นล่างภูเขาลูกนี้คือ "เมืองหลวงของพญานาค" และภูเขาลูกนี้ก็เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่างูจงอางที่ชุกชุมมาก อาจารย์เกรียงศักดิ์ในฐานะที่เป็นเจ้าพิธีจึงต้องดูแลความปลอดภัยของคนที่ติดตามไปด้วย ฉะนั้นคนที่ติดตามไปด้วยจึงต้องปฏิบัติตามข้อห้ามดังนี้คือ

    1. ห้ามเดินออกจากบริเวณที่กำหนดไว้
    2. ห้ามพูดจากล่าวคำที่ไม่เหมาะสม
    3. ห้ามทักทาย ห้ามถามเมื่อพบเห็นกับสิ่งที่ไม่ปกติ... จะถามได้ก็ต่อเมื่อเสร็จพิธีและเดินออกจากบริเวณนั้นแล้ว
    4. คนที่ติดตามจะต้องพกว่านเสกที่อาจารย์เกรียงศักดิ์แจกให้ทุกคน

    ระหว่างนั้นปรากฏว่ามีคนละเมิดข้อห้ามพูดจาทักทายด้วยความลืมตัวและก็เจอดีจนได้ นั่นก็คือเจ้างูจงอางตัวเท่าต้นแขนมาปรากฏตัวชูคอสูงเกือบจะท่วมหัว ดีแต่ว่าอาจารย์เกรียงศักดิ์ใช้อำนาจจิตขับไล่มันไปทัน ทำเอาคนที่เจอดีถึงกับเข่าอ่อนก้าวขาเดินไม่ออก หน้าซีดเผือดและต้องตั้งสติอยู่นานจึงปกติ

    ในการประกอบพิธีบรรจุพลังสายฟ้าในครั้งนี้พี่ชัยวิทย์ได้นำแผ่นพระยันต์ต่างๆที่เป็นชนวนสร้าง "พระกริ่งโปร่งฟ้า-ไถ้รัสสี" มาบรรจุพลังด้วย... การประกอบพิธีบรรจุพลังสายฟ้าในครั้งนี้จะทำให้ใบมีดหรือวัตถุมงคลต่างๆที่นำมาเข้าพิธีจะมีพลังงานและฤิทธิ์อำนาจไม่มีวันเสื่อมคลาย เปรียบเสมือนพลังงานธรรมชาติที่อยู่คู่โลกเป็นอมตะ
    การอัญเชิญสายฟ้าและอัญเชิญพลังเทพนั้นจะต้องจัดเครื่องบายศรีและเครื่องบวงสรวงให้ครบเหมือนการประกอบพิธีการหลอมและหล่อใบมีดต่อหน้าองค์พระ จัดพื้นที่ๆจะวางใบมีดให้วางสัมผัสกับพื้นดิน ทำการปักเสาเหล็กหรือเสาทองแดงให้สูงประมาณศรีษะหรือไหล่ การปักให้ปักเป็นรูปดาว 8 แฉก ใช้ลวดทองแดงที่เปลือยขึงโยงสลับเป็นรูปดาว จะต้องใช้เสาถึง 16 ต้นเป็นการทำสัญลักษณ์หรือตำแหน่งของประตูจักรวาลเพื่อเป็นเป้าหมายให้พลังสายฟ้าหรือพลังเทพมาลงสถิตย์ในใบมีดในตำแหน่งที่กำหนดไว้

    ผู้ร่วมพิธีทุกคนจะต้องถอดวัตถุสิ่งของที่เป็นโลหะและเครื่องสื่อไฟฟ้ารวมทั้งโทรศัพท์เพราะอาจจะป็นอันตรายและเกิดความเสียหายได้ เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงเริ่มพิธีในเวลาเที่ยงวันพอดี เจ้าพิธีจุดธูปเทียนต่อเบื้องหน้าองค์พระ ป่าวประกาศเชิญชุมนุมเทวดาพร้อมถวายเครื่องบวงสรวงสักการะบูชา ต่อจากนั้นก็กล่าวคำอัญเชิญครู เสร็จแล้วเจ้าพิธีจึงดึงยันต์ธาตุกรณีใส่ไว้กลางฝ่ามือแล้วกลั้นลมหายใจปลุกเสกให้ได้ 108 ควบ จากนั้นก็สวดบทพุทธคุณ 10 ประการ 7 จบ เสร็จแล้วจึงย้อนมาสวดบทพุทธคุณนารายณ์คลายจักรปราบไตรจักรอีก 108 จบ แล้วจึงอธิษฐานอัญเชิญพลังสายฟ้าหรือพลังเทพให้มาลงสถิตย์อยู่ในใบมีด จากนั้นเจ้าพิธีและผู้ร่วมพิธีจะต้องถอยออกจากบริเวณนั้นประมาณ 100 เมตรเพื่อความปลอดภัยจากสายฟ้าที่จะลงมา

    การที่เทพท่านจะประทานพลังสายฟ้านั้นเจ้าพิธีจะเป็นผู้รู้ว่าท่านจะประทานให้ในเวลาใด ในครั้งนี้อาจารย์เกรียงศักดิ์ได้กล่าวกับพี่ชัยวิทย์ล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่าเทพท่านจะประทานสายฟ้าให้เวลาประมาณ 17.00 น. จึงต้องนั่งรอกันอีก 5 ชั่วโมง เมื่อใกล้ถึงเวลาที่กำหนด ทุกคนต่างใจจดใจจ่อว่าจะเป็นจริงตามที่อาจารย์เกรียงศักดิ์บอกไว้หรือไม่ ปรากฏว่าเวลา 17.00 น. สถานการณ์ยังปกติเช่นเดิิม ท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดยังเจิดจ้าไม่มีท่าทีว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตอนนั้นทุกคนต่างก็มองที่ฟ้าและที่นาฬิกาเท่านั้น เวลาผ่านไปจน 17.04 น. คราวนี้ท้องฟ้าเริ่มผิดปกติ ก้อนเมฆเริ่มก่อตัวหนาขึ้น กระแสลมเบื้องบนเริ่มแปรปรวนเหมือนกับจะพัดเอาก้อนเมฆที่อยู่เหนือบริเวณภูพระเข้ามาหากันลักษณะคล้ายกับลมหมุน ตอนนั้นอาจารย์เกรียงศักดิ์บอกให้ทุกคนรีบเข้าไปในรถซึ่งจอดตั้งมุมกล้องเอาไว้ คราวนี้กระแสลมเริ่มพัดรุนแรงขึ้น ท้องฟ้าร้องคำราม สายตาทุกคู่จดจ้ิองอยู่กับท้องฟ้าด้วยความตื่นเต้น สักครู่สายฝนเริ่มโปรยลงมาและเม็ดฝนเริ่มหนาขึ้น ฉับพลันนั้นบนท้องฟ้าเหนือดาว 8 แฉกที่ปักไว้ก็บังเกิดลำแสงสายฟ้าพุ่งแหวกอากาศผ่าสายฝนลงมาตรงกลางดาว 8 แฉกพอดิบพอดี ทำเอาบาคนถึงกับอุทานออกมาว่าตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งจะพบเห็นนี่แหละ เทพเบื้องบนท่านประทานพลังสายฟ้าอยู่เป็นเวลานาน 1 ชั่วโมงจึงหยุดเข้าสู่สภาวะปกติไม่มียืดเยื้อ

    การประกอบพิธีอัญเชิญสายฟ้าและอัญเชิญพลังเทพได้ประกอบพิธีอยู่เป็นเวลา 7 เสาร์ 7 อังคาร... เฉพาะค่าใช้จ่ายในการบวงสรวงนั้นตกประมาณแสนกว่าบาท
    หลังจากประกอบพิธีบรรจุพลังสายฟ้าหรือพลังเทพแล้วจึงนำมีดไปแต่งเข้าฝักทำด้ามเพื่อเตรียมหาฤกษ์บรรจุด้ามมีดซึ่งจะต้องบรรจุด้วยตะกรุดธาตุกรณี ตะกรุดหัวใจอิติปิโส และบรรจุผงวิเศษ อุดด้วยครั่งผงพุทธาผสมว่านจำปาศักดิ์ จากนั้นจึงนำมาลงอักขระที่ตัวฝักและตัวด้าม การลงอักขระแต่ละฝักแต่ละด้ามอาจจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับฤกษ์ในการลงแต่อานุภาพเหมือนกันและสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือจะต้องนำมีดทั้งหมดไปถวายให้หลวงปู่ญาท่านสวนอธิษฐานจิตปลุกเสกให้เกิดฤกษ์ตามปรารถนาดุจดั่งแก้วสารพัดนึก... แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของศีล ไม่นำไปเบียดเบียนข่มเหงผู้อื่น อาจารย์เกรียงศักดิ์ได้เล่าให้พี่ชัยวิทย์ฟังว่าตอนที่ท่านนำใบมีดไปให้ช่างเขาตกแต่งเพื่อทำฝักทำด้ามแต่ยังไม่ได้บรรจุ ตั้งใจจะส่งมาให้พี่ชัยวิทย์นำไปถ่ายรูปลงในหนังสือ จึงได้เอาไปให้หลวงปู่ญาท่านสวนดูเสียก่อนก็เลยถือโอกาสให้หลวงปู่ปลุกเสกเสียก่อนเลย

    วันต่อมาท่านมีโอกาสไปพบกับหลวงพ่อรูปหนึ่งที่มีความคุ้นเคยกัน จึงได้นำมีดออกมาให้ท่านดู ปรากฏว่าหลวงพ่อรูปนั้นถึงกับทำตาโพรงและได้ถามว่า "เป็นมีดของที่ไหน" อาจารย์เกรียงศักดิ์จึงกราบเรียนท่านว่า "เป็นมีดของหลวงปู่ญาท่านสวน ผมและชัยวิทย์เป็นผู้สร้างถวายท่านเพื่อช่วยหาทุนปัจจัยในการสร้างพระธาตุเจดีย์ วัดนาอุดม แต่มีดเล่มนี้ยังไม่ได้ทำพิธีการบรรจุเลย" หลวงพ่อรูปนั้นท่านกล่าวว่า "นี่ขนาดยังไม่เสร็จนะยังเต็มขนาดนี้... งั้นอาตมาขอจองไว้ด้วยนะ... ทั้ง 3 ขนาดเลย... เผื่อจะได้เก็บเอาไว้ใช้ช่วยเหลือลูกศิษย์ลูกหา" อาจารย์เกรียงศักดิ์จึงกราบเรียนท่านว่า "ถ้าหากท่านมีความประสงค์อย่างนั้นผมก็จะนำกลับมาถวายท่านโดยไม่คิดมูลค่าใดๆ" หลวงพ่อรูปนั้นถึงกลับยิ้มและพยักหน้าตอบรับด้วยความพอใจ
    ชนวนสำคัญที่ขาดเสียมิได้ที่จะผสมอยู่ในใบมีดคือ ชนวนหล่อพระวัดนาอุดม อันมีสมเด็จองค์ปฐมบรมโกฏ สมเด็จลุน พระอุปคุต หลวงปู่สวน ซึ่งพิธีนี้ถือว่าศักสิทธิ์มาก
     
  8. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องที่สิบเก้า (เรื่องราวบางตอนครับ)

    สมัยก่อน ตอนที่ท่านมาเริ่มสร้างสำนักสงฆ์พุทธโมกข์ ใหม่ ๆ
    ที่แถบนั้น พวกศาสนาคริสต์ ยึดครองมานาน วัดพุทธ แทบจะร้าง

    ท่านว่า ท่านต้องต่อสู้ อุปสรรคนานัปการ
    พวกศาสนาคริสต์ ส่งคนมา ทำร้ายท่านหลายรูปแบบ

    ส่งผู้หญิงมา หวังจะให้ท่าน สึก
    หญิงคนนั้น พยายามมาอยู่ 2 - 3 ครั้ง
    ครั้งสุดท้าย รถคว่ำ หน้าแหก เสียโฉม ซะเอง

    จากนั้น ก็ส่ง มือปืนรับจ้าง หวังจะ ฆ่า ท่าน
    แต่ยิงท่านเท่าไรก็ยิงไม่ออก (ปืนเอ็ม 16 นะครับ)

    จนมือปืน ต้องเข้ามากราบแทบเท้าท่าน
    และเล่าเรื่องราวการมา ว่า ใครเป็นผู้ว่าจ้าง

    และ ขอฝากตัวเป็น ศิษย์
    เรื่องที่ยี่สิบสี่

    พระ เนื้อดินเผา รูปพระสังกัจจายน์ ด้านหลัง เป็นรูปถ่ายท่าน

    รุ่นนี้ เจ้าโทน ลูกศิษย์ หลวงพ่อหนุน เป็นนักเลงประจำถิ่นโพนนาแก้ว
    นิสัยไม่กลัวใคร รูปร่างล่ำใหญ่ แข็งแรงมาก

    มีอยู่วันหนึ่ง เจ้าโทนไปมีเรื่องกับนักเลงท่าแร่ โดนรุมแบบ หมาหมู่
    เท่านั้น ยังไม่พอ ยังฟันแทงด้วยมีด อีกด้วย
    แต่ไม่ระคายผิวเจ้าโทน แม้แต่น้อย

    เพราะเจ้าโทน ห้อยเพระเนื้อดินเผารูปสังกัจจายน์
    ด้านหลังรูปถ่ายหลวงพ่อหนุน องค์เดียวโดด ๆ บนคอ

    รุ่นนี้ เขาเรียกว่า รุ่นเสื้อขาด เพราะ ฟัน ไม่เข้าก็จริง
    แต่เสื้อสีขาว ตราห่านคู่ ของเจ้าโทษ ขาด รุ่งริ่ง ไปหมด

    นักเลงท่าแร่ อยู่ไม่ได้เหมือนกับ

    เมื่อเจอเจ้าโทน ต้องหนีกันกระจัดกระจายไป
    ปกิณกะ

    ขอเสริมอีกสักนิด นะครับ

    เมื่อประมาณ พ.ศ. 2548
    หลวงพ่อหนุน ได้รับนิมนต์ให้ไปพุทธาภิเษกพระ ที่ อ.เมืองพล จ.ขอนแก่น

    งานนั้น ผม กับ พระอาจารย์ปลัดวิรัช โอภาโส ไปด้วย

    พระอาจารย์ปลัดวิรัชฯ ได้ถามหลวงพ่อหนุน ว่า “ท่านหนุน ท่านปลุกเสกพระ แบบไหน”

    หลวงพ่อหนุน ตอบว่า
    “ผมขึ้นไปขอบารมีพระข้างบน ให้มาช่วยทำให้แบบหลวงพ่อใหญ่สอน”
    (หลวงพ่อใหญ่ ก็คือ คำเรียกหา หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    ที่หลวงพ่อหนุน เคารพยิ่ง)

    ฉะนั้น มั่นใจได้เลยครับ ถ้าท่านทำพิธี พุทธาภิเษกพระเครื่อง

    ท่านไม่ยอมเก่งคนเดียว
    ท่านอารธนาพระ อัญเชิญพรหม เทพเทวดาทรงฤทธิ์

    ตามแบบที่ หลวงปู่ปาน แนะนำ องค์หลวงพ่อฤาษีฯ ทุกประการ

    ..................................................
    การอัญเชิญสายฟ้าและอัญเชิญพลังเทพนั้นจะต้องจัดเครื่องบายศรีและเครื่องบวงสรวงให้ครบเหมือนการประกอบพิธีการหลอมและหล่อใบมีดต่อหน้าองค์พระ จัดพื้นที่ๆจะวางใบมีดให้วางสัมผัสกับพื้นดิน ทำการปักเสาเหล็กหรือเสาทองแดงให้สูงประมาณศรีษะหรือไหล่ การปักให้ปักเป็นรูปดาว 8 แฉก ใช้ลวดทองแดงที่เปลือยขึงโยงสลับเป็นรูปดาว จะต้องใช้เสาถึง 16 ต้นเป็นการทำสัญลักษณ์หรือตำแหน่งของประตูจักรวาลเพื่อเป็นเป้าหมายให้พลังสายฟ้าหรือพลังเทพมาลงสถิตย์ในใบมีดในตำแหน่งที่กำหนดไว้

    ผู้ร่วมพิธีทุกคนจะต้องถอดวัตถุสิ่งของที่เป็นโลหะและเครื่องสื่อไฟฟ้ารวมทั้งโทรศัพท์เพราะอาจจะป็นอันตรายและเกิดความเสียหายได้ เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงเริ่มพิธีในเวลาเที่ยงวันพอดี เจ้าพิธีจุดธูปเทียนต่อเบื้องหน้าองค์พระ ป่าวประกาศเชิญชุมนุมเทวดาพร้อมถวายเครื่องบวงสรวงสักการะบูชา ต่อจากนั้นก็กล่าวคำอัญเชิญครู เสร็จแล้วเจ้าพิธีจึงดึงยันต์ธาตุกรณีใส่ไว้กลางฝ่ามือแล้วกลั้นลมหายใจปลุกเสกให้ได้ 108 ควบ จากนั้นก็สวดบทพุทธคุณ 10 ประการ 7 จบ เสร็จแล้วจึงย้อนมาสวดบทพุทธคุณนารายณ์คลายจักรปราบไตรจักรอีก 108 จบ แล้วจึงอธิษฐานอัญเชิญพลังสายฟ้าหรือพลังเทพให้มาลงสถิตย์อยู่ในใบมีด จากนั้นเจ้าพิธีและผู้ร่วมพิธีจะต้องถอยออกจากบริเวณนั้นประมาณ 100 เมตรเพื่อความปลอดภัยจากสายฟ้าที่จะลงมา

    การที่เทพท่านจะประทานพลังสายฟ้านั้นเจ้าพิธีจะเป็นผู้รู้ว่าท่านจะประทานให้ในเวลาใด ในครั้งนี้อาจารย์เกรียงศักดิ์ได้กล่าวกับพี่ชัยวิทย์ล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่าเทพท่านจะประทานสายฟ้าให้เวลาประมาณ 17.00 น. จึงต้องนั่งรอกันอีก 5 ชั่วโมง เมื่อใกล้ถึงเวลาที่กำหนด ทุกคนต่างใจจดใจจ่อว่าจะเป็นจริงตามที่อาจารย์เกรียงศักดิ์บอกไว้หรือไม่ ปรากฏว่าเวลา 17.00 น. สถานการณ์ยังปกติเช่นเดิิม ท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดยังเจิดจ้าไม่มีท่าทีว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตอนนั้นทุกคนต่างก็มองที่ฟ้าและที่นาฬิกาเท่านั้น เวลาผ่านไปจน 17.04 น. คราวนี้ท้องฟ้าเริ่มผิดปกติ ก้อนเมฆเริ่มก่อตัวหนาขึ้น กระแสลมเบื้องบนเริ่มแปรปรวนเหมือนกับจะพัดเอาก้อนเมฆที่อยู่เหนือบริเวณภูพระเข้ามาหากันลักษณะคล้ายกับลมหมุน ตอนนั้นอาจารย์เกรียงศักดิ์บอกให้ทุกคนรีบเข้าไปในรถซึ่งจอดตั้งมุมกล้องเอาไว้ คราวนี้กระแสลมเริ่มพัดรุนแรงขึ้น ท้องฟ้าร้องคำราม สายตาทุกคู่จดจ้ิองอยู่กับท้องฟ้าด้วยความตื่นเต้น สักครู่สายฝนเริ่มโปรยลงมาและเม็ดฝนเริ่มหนาขึ้น ฉับพลันนั้นบนท้องฟ้าเหนือดาว 8 แฉกที่ปักไว้ก็บังเกิดลำแสงสายฟ้าพุ่งแหวกอากาศผ่าสายฝนลงมาตรงกลางดาว 8 แฉกพอดิบพอดี ทำเอาบาคนถึงกับอุทานออกมาว่าตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งจะพบเห็นนี่แหละ เทพเบื้องบนท่านประทานพลังสายฟ้าอยู่เป็นเวลานาน 1 ชั่วโมงจึงหยุดเข้าสู่สภาวะปกติไม่มียืดเยื้อ
    ดี๋ยวจะเป็นอย่างสมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ชุด ในวันงานที่วัด หมดในพริบตา ต้องเช่าต่อองค์ละ ๒๕๐๐ บาท (เนื้อเงินองค์เดียว) มีหลายท่านสละสิทธิ์น่าเสียดายแทน บางท่านได้ไปก็ไปสร้างบารมีต่อ ได้สองเด้ง

    มีดนี้อีกหน่อยได้ใช้กัน เพราะต่อไปภูติผีปีศาจจะออกมาปานนรกแตก มีติดตัวไว้อุ่นใจครับ
    เรื่องการอธิฐานจิตมีดนั้น หลวงพ่อหนุนเมตตาเล่าให้พระอาจารย์สมบูรณ์ฟังว่า หลวงตาวัชรชัย วัดถ้ำเขาวงศ์ สระบุรี ท่านทำมีดชุดหนึ่งในคราวสร้างโบสถ์ใหม่ มีดนั้นเข้าพิธีพุทธาภิเษกมาหลายครั้ง โดยสายวัดท่าซุง หลวงพ่อเล็ก หลวงพ่อสมปอง ซึ่งระดับนี้ไม่ธรรมดาแล้ว แต่หลวงตาวัชรชัย ยังต้องรอหลวงพ่อหนุน อธิฐานจิตให้อีกครั้ง จึงจะแจกจ่ายให้กับผู้ที่ทำบุญได้ แสดงถึงบารมีธรรมในองค์หลวงพ่อหนุน นั้นย่อมไม่ธรรมดาเลยครับ
    องค์หลวงพ่อหนุนนั้นท่านได้บำเพ็ญบารมีมาแล้วอย่างยิ่งยวด เป็นคณะใหญ่ คณะที่ตามมาจะเยอะมาก ต่อไปของๆท่านจะหายากเพราะมีคนต้องการมาก เพราะฉนั้นพระและเครื่องรางชุดนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง หากรูปแบบและพิธีกรรมรวมทั้งชนวนมวลสาร เริ่มเป็นรูปธรรมแล้วจะมีคนสนใจเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งได้ผู้ที่ดำเนินการจัดทำเป็นผู้ถูกจัดสรรมาเพื่อการนี้โดยตรง รู้จริง ทำจริง ด้วย ยิ่งทำให้ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง การทำมีดนี้ตนทุนสูงครับ ราคาที่บอกบุญอาจจะดูสูงแต่ถ้าได้เห็นกระบวนการดำเนินการ จะรู้ว่า คุ้มค่าเงินที่ท่านได้สละแน่นอนครับ
    เมื่อคืนได้โทรไปคุยกับโยมชัยวิทย์ ถามถึงการทำมีดฟ้าฟื้น พระขรรค์ชัยศรี พระโมคคัลลา ปู่ฤาาีลัดดาบส โยมชัยวิทย์ได้บอกถึงขั้นตอนคราวๆ เราต้องหาฤกษ์เพชฌฆาตเพราะเป็นฤกษ์ที่เกี่ยวกับการทำอาวุธตามตำราโบราณ และ ตอนทำพิธีก็ต้องมีบายสีบอกกล่าว ในขนาดเทชนวนมวลสารลงในเบ้าหลอม พระก็ต้องทำการสวดจน กว่าจะเสร็จ และวัตถุมงคลที่จะทำทั้งหมดต้องทำในฤกษ์ ไม่ว่าจะเป็นมีดฟ้าฟื้น พระขรรค์ชัยศรี พระโมคคัลลา ปู่ฤาษีลัดดาบส และยังมีอีกหลายขั้นตอน เพราะบอกกับโยมชัยวิทย์จะทำครั้งเดี่ยวเอาให้ดีที่สุดเลย จะไปปรึกษาท่านผู้รู้อีกที แล้วจะนำมาเล่าให้ฟัง
    วันนี้ตอนเที่ยงนิดๆได้โทรไปคุยกับโยมชัยวิทย์ถึงขั้นตอนการทำมีดฟ้าฟื้นและพระขรรค์
    1.เตรียมเรื่องบวงสรวง
    2.สถานที่
    3.พระสวด
    4.แผ่นพระยันต์ต่างๆที่จะหลอม
    4.1จะเป็นยันต์อาวุธพระพุทธเจ้า
    4.2ยันต์บารมี 30 ทัศ
    4.3ยันต์มงกฏพระพุทธเจ้า
    ที่จะต้องให้ครูบาอาจารย์ท่านจารให้
    5.มวลสารต่างๆที่เป็นทั้งผงพุทธคุณ ผงแร่ต่างๆ ผงที่เกี่ยวเนี่องกับการสร้างอาวุธโบราณ
    ชนวนมาลสารที่เป็นโลหะ ที่ได้ทำการหล่อตามฤกษ์ต่างๆ เช่น ฤกษ์เสาร์๕ ป๊ 2553
    ชนวนที่หล่อในฤกษ์ เก้าดวง ซึ่งเป็นฤกษ์ที่ผู้สร้างมีดสายฟ้ามหาปราบเป็นคนทำซึ่งเป็นฤกษ์ที่ทำได้ยากยิ่ง จะเกี่ยวเนื่องกับการทำอาวุธโบราณและจะดีมากๆกับผู้ที่ได้ครอบครอง ถึงขนานเรียกว่า ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เป็นคำโบราณที่ท่านใช้พูดกัน
    6.ต้องให้ครูบาอาจารย์ทำพิธีจาร 1.ใบมีด 2.ด้าม 3.ฝัก
    ถ้ามีอะไรที่จะต้องทำจะมาเล่าให้ฟังอีก
    งานนี้คุณชัยวิทย์รับปากว่าจะทำให้อย่างเต็มที่ ชนวนแผ่นยันต์จากครูบาอาจารย์ที่สะสมมา นำมาหลอมรีด แล้วนำเข้าพิธีรับพลังสายฟ้า และอาบแสงจันทร์ จะนำมาลงยันต์ นะ108 และ ยันต์ต่างๆ 108 ลงแม่ธาตุโดยครูบาอาจารย์ที่สำเร็จธาตุ ชนวนที่ทำตามฤกษ์โบราณที่เก็บไว้ จะนำลงมาใส่เป็นชนวนทั้งหมด รวมทั้งชนวนมีดสายฟ้าพระขรรค์ ชนวนหล่อพระที่วัดนาอุดม ทุกรุ่น ทำตามฤกษ์ยามแบบโบราณ ต้องใช้เวลาในการทำครับ แบบมีดและพระขรรค์จะออกมาในไม่ช้าครับส่วนพระโมคคัลลานะและพระฤาษีต้องขอเวลาเนื่องจากต้องตั้งจิตอธิฐาน จะก่อกำเนิดรูปลักษณ์ที่ โดดเด่น วัตถุมงคลชุดนี้จะเป็นชุดที่ล้ำค่า ไม่แพ้มีดสายฟ้าเลยทีเดียว ท่านผู้ที่ครอบครองมีดและวัตถุมงคลชุดนี้ บอกได้คำเดียวว่าสุดยอดครับ ไม่โฆษณาเกินจริง แต่ประการใด จำนวนการสร้างลดลง ชุดใหญ่ประมาณ 70 ชุด ชุดเล็ก 108 ชุด เท่านั้นครับ
    ตอนอยู่ในช่วงเตรียมการ การจัดหามวลสารต่างๆ ก็คือ แผ่นพระยันต์ตามที่ได้คุยกับโยมชัยวิทย์ และที่ทางโยมชัยวิทย์จะต้องทำคือการจารยันต์ต่างๆตามตำราซึ่งแผ่นโลหะที่จะนำมาจารนั้น จะพิเศษเพราะทำมาจากชนวนมวลสารโลหะต่างๆที่ทางโยมชัยวิทย์ได้สร้างไว้รวมถึงแผ่นจารยันต์ต่างๆของหลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้ทำการอธิฐานจิตทั้งก่อนที่จะนำไปรีดเป็นแผ่น และหลังจากรีดเป็นแผ่นเรียบร้อยแล้วก็ได้นำไปให้หลวงปู่ญาท่านสวนท่านอธิฐานจิตอีกที และได้นำไปเข้าพิธีบรรจุพลังสายฟ้าและอาบแสงจันทร์ตลอดถึงพิธีเบิกฟ้าด้วย โยมชัยวิทย์ก็จะได้นำแผ่นโลหะนั้นลงไปลงพระยันต์ต่างๆแล้วก็จะนำไปรวมกับแผ่นพระยันต์ต่างๆจะทำพิธีรวมอีกทีถึงจะได้นำมาหลอมเป็นใบมีดและพระขรรค์
    ในส่วนของพระยันต์ที่เกี่ยวกับแม่ธาตุนั้นก็ต้องไปหาครูบาอาจารย์ทีท่านสำเร็จธาตุ ให้ท่านเมตตาจารให้ ซึ่งพระยันต์ที่เกี่ยวกับธาตุ ๔ นั้นก็มีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้เกิดทั้งอิธิฤทธิ์ต่างๆซึ่งโยมชัยวิทย์ได้อธิบายไว้ ยิ่งมากยิ่งดี
    ตลอดถึงชนวนที่ได้ผ่านการทำพิธีในฤกษ์สำคัญๆ ที่จะต้องนำมารวมเป็นชนวนหลอมอีกอย่างหนึ่ง ก็ได้จัดโดยทางโยมก็มีจัดเอาไว้แล้ว ในส่วนที่จะต้องหามาเพิ่มก็ได้มีมาแล้ว
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็ก น้อย อ่านข้อความ
    แวะมา UP........................................
    มีดดาบฟ้าฟื้นรุ่นนี้จะเหมือนของหลวงพ่อ วัดท่าซุง หรือเปล่าครับแบบว่าแค่พกเดินเข้าไปผีก็หนีแล้วอะครับ ขออนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยครับ
    อัญเชิญบารมีพระเหมือนกันครับ บาทหลวงแถววัดดอดมาขอของดีท่านติดตัวไล่ผี ประจำ เพราะเขาไล่ผีไม่ออก แค่ผีได้ยินชื่อหลวงพ่อหนุนผีก็เผ่นแล้วครับ
    องค์ท่านปู่พระโมคคัลลานะมหาเถระ เป็นผู้เป็นเลิศทางฤทธิ์ แทบจะไม่มีสำนักใดสร้างขึ้นมาเลย คราวนี้เป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่จะก่อเกิดรูปองค์หลวงปู่พระอัครสาวกได้บูชาแขวนคอเพื่อป้องกันภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ครับ
    มีศิษย์ที่ติดตามหลวงพ่อหนุนท่านเททองพระเล่า หลวงพ่อท่านชี้ไปที่เบ้าหลอมพระแล้วพูนขึ้นมาว่า นั้นอะไร ปรากฎ น้ำทองในเบ้าหลอมระเบิดขึ้นมากระจายไปทั่ว คนเก็บเศษน้ำทองไปบูากันจนหมด
    ได้ไปร่วมงานหล่อพระประธานที่วัดคลองยางติดกับสำนักแม่ชีประทุม ได้ไปคุยกับแม่อิ๊ดเรื่องสร้างมีดฟ้าฟื้นและอื่นๆ ก็เลยถามแม่อิ๊ดชนวนที่หล่อย่าโมยังเหลืออยู่ไมเห็นว่าขลังดีเพราะแม่อิ๊ดเล่าให้ฟังขนานประกอบพิธีได้มีเหตุการต่างๆถ้าใครอยากรู้ต้องไปฟังจากแม่อิ๊ดเอง แม่อิ๊ดก็เลยหยิบแท่งชนวน"นวฤทธิ์"แล้วบอกว่าเสร็จงานโยมจะถวาย 1 ก้อน เป็นชนวนที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากเพราะได้รวบรวมมวลสารโลหะต่างๆมากมายรวมถึง เหล็กไหลที่พระธุดงค์ได้นำเอาเหล็กไหลมาร่วมหล่อย่าโม ท่านได้บอกกับแม่อิ๊ดว่าอาตมามีแต่สิ่งนี้มาร่วมหล่อ พอได้มาก็นำไปใส่พานวางไว้ หลวงตากอไผ่มาเห็นก็เลยบอกกับลูกศิษย์ให้ไปเอาน้ำผึ้งมาวางด้วย พอดีมีโยมมาเห็นว่าเหมือนมีสิ่งหนึ่งไหลออกมาจากก้อนวัตถุที่พระธุดงค์นำมาให้ มีลักษณะเหมือนยางมาตอยหลวงตากอไผ่ท่านก็บอกว่านี้คือเหล็กไหล ก็เลยไม่มีใครกล้านำไปหล่อย่าโม พอกลางคืนเทวดาก็เลยมาบอกกับแม่อิ๊ดถึงวิธีการหล่อว่าควรจะทำอย่างถึงหล่อได้ แม่อิ๊ดเลยตั้งชื่อว่า"นวฤทธิ์"
    ตามวาสนาบารมีครับรุ่นนี้ ใครที่ยังไม่ตัดสินใจ ก็รีบๆหน่อยครับ ยิ่งได้รับการอธิฐานจิตจากหลวงพ่อหนุนด้วยแล้ว เชื่อมั่นได้ครับ เพราะหลวงพ่อไม่เป็นรองใครในยุคนี้ บารมีแห่งการบำเพ็ญนั้นยาวนาน ท่านกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า คนที่ปารถนามาพร้อมๆกันเข้านิพพานกันหมดแล้ว แม้บางท่านได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าไปแล้วก็มี
     
  9. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    ตะกี้โยมชัยวิทยได้โทรมาบอกความคืบหน้า ว่าจะพยายามให้รูปแบบมีดออกมาไวๆ ของบางอย่างถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ต้องรอก่อน พอถึงเวลามันก็จะออกมาเองเลย คิดแล้วคิดอีกเรื่องการวางรูปแบบ ศึกษาการทำ สัณลักษณ์ของสิ่งที่ทำ วิธีการ เพราะจะทำได้แค่ครั้งเดี่ยวจึงต้องดีที่สุด มันไม่ใช่เป็นเรื่องของคนทำอย่างเดี่ยวแต่มันเกี่ยวเนื่องถึงท่านที่เป็น เจ้าของตำรามีดด้วย ว่าท่านจะสือถึงคนที่จะทำแบบไหนอย่างไร มันจะแสดงคุณค่าของสิ่งที่ทำออกมา ที่ได้คุยกับโยมชัยวิทย์ บอกได้ว่า "ดี"
    เมื่อตอนเที่ยง พระอาจารย์ท่านโทรมา มีความคืบหน้าเล็กน้อยคุณชัยวิทย์ ให้ช่างแก้ไขแบบ หลายครั้งยังไม่ถูกใจครับ และช่วงนี้พระอาจารย์ท่านก็ได้เดินทางไปหาชนวนมวลสารต่างได้จำนวนมาก แผ่นยันต์ที่ให้ครูบาอาจารย์ลงให้ นับพันแผ่นแล้วขณะนี้ น้ำหนักแผ่นยันต์ ร่วมๆ 7 กิโลกรัม และชนวนมวลสารของคุณชัยวิทย์ ที่ยังไม่ได้เปิดเผยอีกจำนวนมากค่อยๆบอกมาที่ละอย่างสองอย่างเพราะชนวนของสายนี้ค่อนข้างจะปิดกันไว้ มารู้อีกครั้งก็ของหมดไปแล้วนั่นแหละ กลายเป็นว่าการสร้างครั้งนี้ ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างไปซะแล้วครับ คุณชัยวิทย์กล่าวกับพระอาจารย์ว่า ใครไม่ได้จองไว้จะเสียดายเหมือนมีดสายฟ้า หรือพระอุปคุตชนะมาร ที่ขณะนี้มีเงินก็แทบจะหาบูชาไม่ได้ครับ ไม่ได้ดังเพราะแรงปั่นเพราะพวกเซียนไม่มีให้ปั่นกัน แต่ดังเพราะสร้างจริงเสกจริงทำตามแบบโบราณ ทำไม่ดีไม่ต้องทำเลยดีกว่า จะเสียชื่อครูบาอาจารย์เสียเปล่าๆ ขณะนี้ เหลือยอดการจองอีกไม่มากแล้วครับรีบตัดสินใจกันด่วน ชนวนมวลสารจะนำฝากพระเข้าพิธีในงานพุทธาพิเษกวัดท่าซุง วันเสาร์ห้านี้ครับ
    แผ่นยันต์ครูบาอาจารย์หลายท่านลงให้จำนวน สองพันสองร้อยกว่าแผ่น ขอท่านลงในเรื่อง ป้องกันภูติผีปีศาจ ป้องกันและแก้คุณไสย ป้องกันรังสี ปราบศัตรูหมู่มาร ป้องกันเขี้ยวงาสัตว์มีพิษ
    พระอาจารย์ไปเจอปู่อินเทวดา ในงานแห่งหนึ่ง ท่านได้นำแผ่นยันต์ให้ปู่อินอธิฐานจิต และถามว่า การสร้างมีดฟ้าฟื้นนี้จะสำเร็จและศักสิทธิ์หรือไม่ ปู่อินหลับตาไปพักหนึ่งแล้วตอบว่า สำเร็จ มีความศักดิ์สิทธิ์แน่นอนเพราะจะมีครูบาอาจารย์มาช่วยกันมาก ทำเสร็จไม่ต้องมาให้ท่านอธิฐานจิตอีกก็ได้ และนำไปให้ปู่ขาว อธฺิฐานจิต ท่านนี้สำคัญมาก คราวเกิดเหตุซึนามิ ที่ญี่ปุน มีคนไทยศิษย์ปู่ขาว โดนเข้าไปเต็มๆ น้ำพัดร่างไปตามแรงคลื่นก่อนสลบไปเห็นปู่ขาวไปช่วย พอฟื้นก็รู้ว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาล ขณะนั้นยังเห็นปู่ขาวยืนมองอยู่ จากนั้นภาพก็หายไป เขามีผ้ารอยมือของปู่ขาวเพียงผืนเดียวเท่านั้น ปู่ขาวท่านรองรับว่าผ้ารอยมือนี้ช่วยภัยต่างๆได้ องค์ท่านปู่ท้าวสักกะเทวราช ลงมาบอกให้ทำช่วยคน ปู่ขาวอธิฐานจิตแผ่นยันต์นิ่งนาน
    พระอาจารย์ไปได้เหล็กเปียกโบราณของยอดพระธาตุพนม ตกทอดมารุ่นสู่รุ่น กว่าจะได้มาเจ้าของหวงมาก ได้มาพร้อมขวานฟ้าสัมฤทธิ์เก่าเขาไปเจอกลางนา พอพระอาจารย์จับขวานรู้สึกเหมือนไฟดูดขึ้นมาที่เดียว
    รุ่นนี้ใครพลาดถือว่าน่าเสียดายครับ การสร้างนี้คงทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น ชนวนมวลสารในตำราได้มาครบ ส่วนพระโมคัลลานะ และพระฤาษี ได้ช่างปั้นระดับแนวหน้าของเมืองไทย (คุณชัยวิทย์ติดต่อกำลังปั้นพิมพ์ครับ)
    มีน่ามีคนมากระซิบในฝันบอกผมว่า มีดหมอหลวงพ่อหนุนดีมาก สงสัยจะอดใจไม่ไหวขอบูชาชุดเล็ก 2,500 บาทอีกชุดครับ บ่ายนี้โอนปัจจัยทำบุญให้ครับ....
    จริงๆมีเรื่องหลายๆเรื่องที่พระอาจารย์ได้เล่ามาและคุณชัยวิทย์บอกถึงชนวนมวลสาร ที่สำคัญๆ หาได้ยากยิ่ง อีกเพรียบ พอยอดจองหมดแล้วนั้นแหละหรือได้รับมีดกันแล้ว จึงจะเปืดเผยแบบละเอียด ผมจึงย้ำเสมอว่า หากพลาดโอกาศจะเสียดายภายหลังครับ พูดมากเดี๋ยวผู้รู้ทั้งหลายจะว่าเกินจริงไปครับ ..............
    แผ่นยันต์ทั้งหมด 1299 แผ่น ที่ครูบาอาจารย์จำนวนมากลงมาให้ และอีก 1000 แผ่นอยู่ที่คุณชัยวิทย์ ที่นำไปให้ครูบาอาจารย์ลง เพื่อหล่อหลอมเป็นชนวนมีดฟ้าฟื้นฯ ครับ
    ชนวนนวะฤทธิ์ ของแม่ชีประทุม ผสมเหล็กไหล ที่เทวดามาบอกวิธีหลอม หล่อองค์ ผสมชนวนจำนวนมาก
    เมื่อกลางวันนี้พระอาจารย์ที่เล่าว่าได้ชนวนมวลสารมีดฟ้าฟื้นที่สำนักวัดหนึ่งได้ทำไว้ เป็นการที่รวบรวมชนวนมวลสารได้ครบตามตำราดาบฟ้าฟื้น และไม่ได้สร้างจำหน่ายแพร่หลายอยู่ในวงศิษย์เท่านั้น กว่าจะได้มายากมากครับเจ้าของหวงมาก เพราะพุทธคุณสูง ขนาดหลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน ท่านบอกว่าไม่ต้องปลุกเสกก็ขลังศักดิ์สิทธิ์มาก ได้มาเป็นชนวนด้วยครับ
    และชนวนพระขรรค์ ที่คนสร้างรวบรวมชนวนมวลสารกว่าจะได้ครบตามตำรา ใช้เวลาหลายปี คุณชัยวิทย์หล่อได้ไม่กี่เล่ม เจ้าของพระขรรค์ถวายบรรจุในเจดีย์วัดนาอุดม ทั้งหมด ชนวนที่เหลือคุณชัยวิทย์จะนำมาผสมในมีดฟ้าฟื้นด้วยครับ
    เมื่ออาทิตย์ก่อนพึ่งลงไปเอามีดครูของหลวงปู่อวน วัดหนองพลับ เพราะในใบมีดนั้นประกอบไปด้วย วัสดุอาถรรพ์จำนวน 61 ชนิด
    1.เหล็กยอดเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    2.เหล็กขนันผีพราย ผีตายโหง ผีตายท้องกลม
    3.เหล็กตรึงโลงศพผีพราย ผีตายโหง ผีตายท้องกลม
    4.พระแสงดาบหัก
    5.เหล็กสลักโบถส์ สลักเพชร ปั้นลม
    6.ตะปูเห็ด
    7.เหล็กเบญจพรรณ
    8.เหล็กบ้าน
    9.ขี้เหล็กไหล
    10.เหล็กน้ำพี้
    11.เหล็กบ่อพระแสง
    12.เหล็กกระแพงโบถส์ วิหาร วัด
    13.เหล็กแร่บางไผ่ แร่เกาะล้าน ฯลฯ
    14.ทองสัมฤทธิ์
    15.นาก
    16.เงิน
    17.ทองแดงดง
    18.ตะปูสังฆวานร
    19.เจ้าน้ำเงิน
    20.เหล็กละลายตัว
    21.เหล็กช่อฟ้าโบถส์ วิหาร
    22.เหล็กยอดฉัตร
    23.บาตรเหล็ก 9 วัด
    24.เหล็กจารหลวงปู่อวน
    25.เหล็กทิ่มผี 9 วัด
    26.เหล็กฟ้าผ่า
    27.ชินเงิน ชินตะกั่ว
    28.ปรอท
    29.ตะกั่วนม
    30.พลวงเงิน
    31.สังกะสีโบถส์เก่า
    32.ดีบุกขาว
    33.ทองคำ
    34.เหล็กยอดเสมา
    35.เหล็กยอดเกศพระพุทธรูป
    36.เหล็กสัก
    37.เหล็กปืนโบราณ
    38.ตะกั่วอวน
    39.ขวาน
    40.เหล็กหม่าด
    41.เหล็กแหลนหลาว
    42.เหล็กขอช้าง
    43.ง้าว
    44.ดาบ
    45.ทวน หอก
    46.ฉมวก
    47.ค้อน
    48.เสียม จอบ
    49.เลื่อย
    50.สิ่ว
    51.มีด
    52.ลูกปืน
    53.ขวานฟ้า
    54.เหรียญรัชกาลที่ 5ในหลุมลูกนิมิตรวัดหนองสองห้อง
    55.ถาด ขันทองเหลืองในหลุมลูกนิมิตรวัดหนองสองห้อง
    56.เหล็กยอดระฆัง
    57.ตะกรุดเก่าหลวงปู่อวน
    58.เหรียญคณาจารย์ต่างๆ
    59.ฐานพระพุทธรูป
    60.ลูกระเบิด
    61.ตะปูเจ็ดป่าช้า
    และก็ได้ชนวนของหลวงพ่อรอดเสือวัดประดู่ทรงธรรมเป็นชนวนอาจารย์ของอาจารย์มาร่วมด้วยพร้อมตะปูฐานพระใหญ่ท่านเจ้าอาวาสวัดหนองพลับท่านถวายร่วมมาหล่อ
    ได้ดาบฟ้าฟื้นของวัดฤาษีนุตจรัลวงษารามทำด้วยแร่ 9 ชนิด
    1.โคตรเหล็กไหล
    2.เหล็กน้ำพี้
    3.แร่เกาะล้าน
    4.แร่เขาเขียว
    5.แร่เขาแดง
    6.ข้าวตอกพระร่วง
    7.ชิน
    8.ปรอท
    9.ดีบุก
    ชนวนเหรียญตะกั่วธรรมสภาของหลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน
    ตอนที่ทำสมเด็จองค์ปฐมถวายหลวงพ่อหนุน ได้คุยกับหลวงพี่ติงลี่ ท่านบอกว่าหลวงพ่อฤาษีท่านบอกชนวนแค่ข้อนิ้วก็ใช้ได้แล้ว ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
    มีดฟ้าฟื้นและพระขรรค์ไชยศรีจะร่วมชนวนต่างๆมากครับ ทั้งชนวนมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร ซึ่งต้องใช้เวลานานนับสิบปีกว่าจะหามวลสารหลักครบตามตำรากำหนดมีดังนี้
    1.ทองคำ
    2.เงิน
    3.ทองแดงเถื่อน
    4.เหล็กยอดปราสาท
    5.เหล็กยอดเจดีย์
    6.เหล็กยอดธาตุ
    7.เหล็กประตูโบสถ์
    8.เหล็กตรึงเสาเจดีย์
    9.เจ้าหลัก
    10.เหล็กทั้งห้า
    11.เหล็กเหนียว
    12.เงินพดด้วง
    13.เหล็กอุกาบาต
    14.หอก ดาบโบราณที่ใช้ในสงครามศึก
    15.เหล็กบ้าน มีด จอบ เสียม
    16.เหล็กเปียกหรือเหล็กเย็นใต้แม่น้ำโขง
    17.เหล็กน้ำพี้บ่อพระแสงบ่อพระขรรค์
    18.เหล็กเบญจพรรณ
    19.เหล็กขนันผี
    20.ประแจ
    21.ตะปูตอกโลงผีตายวันเสาร์เผาวันอังคาร 7 ป่าช้า
    22.เหล็กหินหรือขี้ไคลหิน
    23.น้ำตาเหล็กเป็นเหล็กหยดน้ำสีขาว
    24.ตะกั่วขี้นกเป้ง
    25.ขี้ควายเงิน
    26.ทองสำริดโบราณ
    27.ทองนพคุณ
    28.ทองผุดผุดจากดินซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
    29.สำริดทั้งห้า
    30.ชนวนพระขรรค์เกราะแก้วกันเพชรที่ชำรุด
    พร้อมทั้งแผ่นอักขระยันต์อีกจำนวนมากๆแล้วมาทำพิธีตามตำราโบราณ
    แล้วชนวนที่ทางโยมชัยวิทย์จะนำมาผสมหล่อลงทำมีดฟ้าฟื้นนั้น พิเศษได้นำชนวนมีดสายฟ้ามาทำพิธีตามฤกษ์โบราณของสำนักภูมะโรง ฤกษ์เก้าดวง ซึ่งเป็นฤกษ์ที่ทำได้ยากมากๆทั้งทำให้เสร็จในเวลาที่จำกัดมาก ถ้าสำเร็จจะมีผลแก่ผู้มีไว้ครอบครองมากจะดวงแข็งเหนือแข็ง จะทำอะไรก็จะเหนือผู้อื่นทั้งหมด ดีกว่าทั้งหมด โยมก็จะนำชนวนสายฟ้าเก้าดวงมาผสมใส่ในมีดฟ้าฟื้นและพระขรรค์ไชยศรี ตลอดถึงชนวนหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมบรมโกฏิ พระอุปคุต หลวงปู่ทวด หลวงปู่ญาท่านสวน สมเด็จลุ่น และขนวนพระต่างๆที่สร้างมา ตลอดถึงมวลสารพิเศษพระขรรค์วิรุณชัยพระขรรค์เทพที่ใช้เหล็กอาถรรพ์ 27 ชนิด ใช้เวลารวบรวม 7 ปีกว่าถึงจะได้ครบ นำมาตีเป็นพระขรรค์ 9 ด้าม หมดเงินไป 3ถึง5แสนกว่าบาทต้องเป็นช่างตีที่รู้จักการตีมีดดาบโบราณด้วย ทางโยมชัยวิทย์ขอเวลาในการทำถ้าอยากได้ของดีก็ต้องรอหน่อยนะ และก็ยังมีมวลสารที่ยังไม่ได้บอกอีกขอรวบรวมก่อนจะบอกอีกที
    ขนวนผงตะไบเหรียญหลวงพ่อวัดน้ำรอบ 2510 และห่วงเหรียญพระอีกจำนวนหนึ่ง เป็นชนวนที่น่าสนใจเพราะได้นำวัตถุอาถรรพ์เช่น ดาบเพชฆาต 7 เล่ม ตะปูสังฆวานร และอื่นๆ จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากถึงขนาดบ้านไหนมีผีเข้าใส่เหรียญหลวงพ่อวัดน้ำรอบไปแค่เข้าหัวบันไดบ้านผีก็หนีกระเจิงแล้ว
    ได้นำเหรียญธรรมจักรสุริยเทพจันทรเทพมหาลาภปราบอุปสรรคนำมาเป็นชนวนในการหล่อมีดฟ้าฟื้นพระขรรค์ไชยศรี รายละเอียดมวลสารที่ใช้ผสมลงในเหรียญคือ
    1.ดาบฟ้าฟื้นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    2.มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ 5 เล่ม
    3.วัชระ
    4.มีดหมอเทพศาสตรา อาจารย์ ชุม ไชยคีรี
    5.มีดฟ้าฟื้นวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
    6.มีดหมอหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว
    7.เหล็กยอดเจดีย์องค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม
    8.เหล็กจากขวานฟ้าผ่า
    9.เหล็กยอดเจดีย์ วัดสร้อยทอง
    10.แผ่นเงินไส้ตะเกียงมหารัตนประทีป
    ยังมีชนวนมวลสารอีกสายหลวงปู่ดู่หลวงตาม้าทราบรายละเอียดจะลงให้ทราบอีกทีแต่เป็นชนวนโลหะที่ต้องใช้เวลารวบร่วมถึง 6 ปีกว่าจะมีอะไรบ้างจะแจ้งให้ทราบครับ
    วันนี้ไปงานหลวงปู่ขาว ภูอ่างสอมาแล้วไปหาหลวงปู่ขาว กุดบากบอกท่านว่าจะหล่อมีดช่วยหลวงพ่อหนุน เลยได้ขวานโบราณมา 1 ด้าม มาเป็นชนวนหล่อ
    นนี้หลังจากที่ได้มวลสารจาก"นักบุญผู้ไม่ออกนาม"ได้โทรไปบอกกับโยมชัยวิทย์เล่าให้ฟังว่าได้อะไรมาบ้าง โยมชัยวิทย์บอกว่างานนี้งานใหญ่นะงานช้างไม่ธรรมดาเลย ถึงจำนวนการสร้างจะไม่มาก แต่มวลสารที่จะนำมาทำนั้นล้วนแต่เป็นของที่หาได้ยากมากๆและก็ศักดิ์สิทยิ์แรงด้วย เป็นงานที่ไม่ธรรมดามากๆเลย และมวลสารบางอย่างก็ต้องให้โยมชัยวิทย์เป็นคนทำคือ รักษาศีล กินเจ ท่องบทสวดมนต์ที่กำหนดตลอดการทำ เพราะครูแรงมากๆและต้องเป็นผู้รู้เป็นคนทำ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์บอกได้เลยว่าดีสุดยอด
    วันนี้ได้รับความเมตตาจากนักบุญผู้ไม่ออกนามได้ให้มวลสารสำคัญมาร่วมมีดังนี้
    1.พระขรรค์ศรีหชัยนาถร ท่านได้มาจากประเทศลาวอาจารย์ของท่านให้ไปเอาอยู่เจดีย์เก่าท่านบอกเป็นของท่านในอดีตชาติ สถานที่ ที่ไปเอานั้นขึ้นชื่อว่าเฮี้อนสุดๆวัวควายแม้แต่คนลาวยังไม่กล้าเดินไปเฉียดไม่เป็นบ้าก็ตาย เป็นเนื้อสำริดโปราณสามารถใช้ตัดเหล็กไหลได้
    2.ขวานฟ้าได้ตอนที่ฟ้าผ่าลงมาแล้วเป็นขวานหินออกเขียวแรงน่าดูเลย
    3.เครือเขาหลงดำ
    4.ประกำช้าง อายุ 100 กว่าปี ทำจากหนังควายเผือกโดนฟ้าผ่าตาย ใช้ฆ้องช้างเผือกมาแล้วถึง 2 เชือก และช้างธรรมดาอีก 5 เชือก นักบุญผู้ไม่ออกนาม บอกว่าเนี้ยเป็นสุดยอดของอาถรรพ์อันดับ 1 เลยเพราะใช้กันทั่วโลก ไม้เท้าของโป็บยังมีใส่อยู่ในหัวไม้เท้าเลย อันนี้ที่ต้องให้โยมชัยวิทย์ทำ คือต้องทำพิธีตะไบให้เป็นผงบรรจุ เป็นของที่แรงมากๆศักดิ์สิทยิ์มากๆ
    5.ว่านสาวหลง
    6.แร่เหล็กน้ำพี้
    7.เมฆพัส
    8.ตาต้นคุณ เป็นเมตตา
    9.วิสุทธิธาตุ เป็นธาตุของผู้ที่สำเร็จแล้ว
    10.เกล็ดพญานาค พลังสุดยอดเลยจับที่เดี่ยวเข้าไปถึงกระดูกเลย
    11.อัฐธิธาตุหลวงพ่อทูล
    12.อัฐธิธาตุหลวงตามหาบัว
    13.อังคารธาตุหลวงปู่เพรียง
    14.อังคารธาตุหลวงปู่เจี้ยะ จุนโท
    15.อังคารธาตุหลวงปู่บุญรอด สายหลวงปู่มั่น
    16.อังคารธาตุหลวงปู่หล้า
    17.อังคารธาตุหลวงปู่เทศรังสี
    18.แป้งเสกพร้อมจีวรหลวงปู่บุดดา
    19.ข้าวเปลือกแรกนาขวัญฉลอง 200 ปี เหล็กไหลผงธูปบวงสรวงทั่วประเทศ
    20.คำหมากฤาษี
    21.พระเจ้าห้าพระองค์ของหลวงปู่ ชอบ
    22.คตเต่า
    23.แร่ทูมารีน
    24.พระเครื่องแตกหลวงปู่โต๊ะหรือเจ้าคุณนร
    25.ไม้จิกที่ใช้เผาหลวงตามหาบัว
    26.หงอนพญานาคราชมีอาถรรพ์และพลังอำนาจมากๆ
    27.รังเหล็กไหลแม่น้ำโขง
    28.เหล็กไหลน้ำเงินสุดยอดของพลังงานที่มีพลังสูงกว่าเหล็กไหลที่ตัดกัน เปรียบเทียบเอาเหล็กไหลที่ตัดแล้วมากองเป็นตันพลังงานยังไม่เท่าเหล็กไหลน้ำเงินก้อนเดี่ยว
    ป.ล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยครับ
     
  10. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    มาต่อมวลสารที่จะใช้ผสมผงและจะใช้แช่มีดและพระขรรค์
    29.น้ำศักดิ์สิทธิ์ 108 แห่ง ที่จะต้องเก็บตามฤกษ์และตามตำราตามสถานที่ที่กำหนดซึ่งก็มีที่ประเทศไทย,ประเทศลาว,ประเทศจีน,ประเทศพม่า,ประเทศทิเบต,ประเทศศรีลังกา,ประเทศเนปาล น้ำศักดิ์สิทธิ์108แห่งนี้ต้องเป็นน้ำที่เกิดตามธรรมชาติที่มีมวลของพลังงานความศักดิ์สิทธืที่เกิดจากแร่ธาตุ เกิดจากศูนย์กลางพลังงานของจักรวาล เกิดจากพรหมเทพเทวดาเนรมิตอย่างนี้เป็นต้น จะไม่รวมที่ครูบาอาจารย์ได้เจริญพระพุทธมนต์ตามพิธีต่างๆ งานบวงสรวงต่างๆ ที่หลวงปู่หลวงพ่อได้อธิฐานจิตให้ น้ำมนต์ตามวัดต่างๆอีก ที่รวมจริงๆเกิน108อีก แต่ที่จะเน้นก็คือน้ำศักดิ์สิทธิ์ 108 แห่ง เพราะจะเป็นพลังงานที่ไม่มีเสื่อมแต่ทำให้สูงขึ้นได้ และก็จะรวมกับน้ำมนต์ต่างๆที่มีอยู่แล้วอีกจำนวนมากทั่วประเทศ
    น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ที่มาได้จาก นักบุญผู้ไม่ต้องการออกนาม
    ภายในอาทิตย์ที่จะถึงก็คงใด้ มวลสารสำคัญอีกหลายอย่าง

    เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ได้ไปร่วมงานไหว้ครูของสายวัดประดู่ทรงธรรม ได้ไปเจอกับพระที่มาร่วมงานคุยไปคุยมา ท่านก็ทำพระให้อาจารย์ของท่าน ท่านก็มีผงมวลสารมี่เป็นมงคลหายากว่าจะส่งมาร่วมด้วย และท่านก็ได้แนะนำหลวงปู่หลวงพ่อที่ท่านเก่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และก็มีฤทธิ์อภิญาเพราะท่านเจอกับตัวท่านด้วยเลยเป็นสายสมเด็จลุ่นหลวงปู่เทพโลกอุดร ก็เลยบอกกับท่านว่าถ้ามีดเสร็จเมื่อไหร่จะเอาไปให้หลวงปู่หลวงพ่อที่ท่านแนะนำเมตตาอธิฐานจิตให้ เอาแบบเข้าสมาบัติเต็มกำลังเลย อาจารย์ของพระองค์นี้ท่านเคยอธิฐานจากที่ท่านอยู่จังหวัดเลยแต่กล่องพระอยู่ที่ อุบลผลปรากฏกล่องพระไหม้เลยแล้วที่อยู่ในกล่องสีออกเหลืองเหมือนทอดน้ำมันเลย เดี่ยวนี้พระกล่องนั้นก็ยังอยู่บ้าง
    วันนี้ได้มวลสารมาเพิ่มอีกมีดังนี้
    1.ศิลาเทวดา
    2.ผงปรอท
    3.อิ่งอ้อย
    4.เหล็กไหลพญานาค
    5.พระเจ้าห้าพระองค์
    6.ว่านจั่กจั่น
    7.คอหอย
    8.เงินบังบด
    9.เหล็กไหลตาน้ำ
    10.ทรายทอง
    11.เครือร้อยปลา
    12.มะพร้าวการะเกต
    สรรพคุณของเหล็กน้ำพี้ จากตำราพิชัยสงคราม กล่าวไว้ดังนี้

    1. เหล็กน้ำพี้เป็นของขลัง มีของดีในตัวเองทุกอนูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
    2. เหล็กน้ำพี้เป็นของอาถรรพณ์ เร้นลับ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกๆ อณู
    3. เหล็กน้ำพี้เป็นเหล็กอาถรรพณ์ ใช้ล้างอาถรรพณ์ได้นับนานาประการ แม้ผู้มีวิชาคงกระพันชาตรีเพียงไร เหล็กน้ำพี้สามารถฟาดฟันได้ทั้งหมด
    4. เหล็กน้ำพี้สามารถป้องกันภูติผีปีศาจได้ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้
    5. เหล็กน้ำพี้กันมนต์ดำ วิชาเดรัจฉานวิชา ป้องกันได้

    ผู้ที่นำพกติดตัวจะป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ตลอดกาลแล้ว ยังเป็นวัตถุมงคลเมตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี และแก้กันโรคภัยไข้เจ็บ ปกป้องคุ้มครองตนเองให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆได้ทั้งปวง
    ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยครับ
     
  11. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    วันนี้ได้มวลสารศักดิ์สิทธิ์อีกอย่าง"ผาลไถ"โยมชัยวิทย์บอกว่าถ้ามีโอกาสให้หา"ผาลไถ"เพราะมีคุณทางด้านกลับร้ายกลายเป็นดี เป็นของโบราณ พระพุทธเจ้าก็ได้กล่าวไว้เหมือนกัน
    หลวงพ่อหนุน ได้เล่าให้พระอาจารย์สมบูรณ์ฟังว่า พิธีพุทธาภิเษกมีดฟ้าฟื้นนี้ ท่านทำให้แบบสุดๆอย่างที่ไม่เคยทำครั้งไหนมาก่อน เป็นวัตถุมงคลที่ หลวงพ่อท่านนำติดย่ามเสมอ และเดี๋ยวนี้ ของฝ่ายต่ำถูกปล่อยออกมามาก ผีต่างๆ ถูกปลดปล่อยเข้าสู่เมือง เยอะมาก แม้กระทั่งวัดสำคัญ ก็มีพวกนี้แฝงอยู่ และปล่อยคุณไสยมาทำร้าย จนต้องนิมนต์หลวงพ่อหนุน ไปทำพิธิถอนและขับไล่สิ่งชั่วร้าย เมื่อหลายวันก่อนพี่ชายที่เคารพมีโอกาสได้กราบครูบา แก้ว วัดพระธาตุตุงคำ ที่พม่า ท่านลงมางานครูบาน้อย ที่นครสวรรค์ เขาเข้าไปกราบ พอเงยหน้ามองท่าน ท่านก้บอกเลยว่า ต่อไปนี้ให้ระวัง ผีป่ามันเข้ามาในเมืองกันมาก ก่อให้เกิดโรคระบาด มันเข้าสิงใจคนให้ต้องมารบราฆ่าฟันกัน ต่อไปภายภาคหน้าน้ำจะท่วมหนัก หนักกว่าปีที่แล้วอีก และจะเกิดจราจลในเมือง เมื่อฆ่ากันแล้วจะเกิดภัยธรรมชาติเข้าโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง คนจะตายกันมาก แผ่นดินจะไหว
    สมควรจะมีของที่มีความศักดิ์สิทธิ์คู่กายกันบ้างก็ดีครับ
    ส่วนท่านปู่ฤาษีลัดดาบส ดังมากในภาคเหนือมีเท่าไรก็ไม่พอ มีคนนำไปแขวนอธิฐานขอให้ขายที่ได้ ก้ขายได้จริงและราคาดี บางท่านมีอุปสรรคขัดข้องไม่โปร่งทำอะไรก้ติดขัด ขอบารมีท่านปู่่ฤาษีลัดดาบสไปแขวน ปัญาต่างๆแก้ไขได้และปลอดโปร่งทำกิจการรุ่งแรืองขึ้นมาทันตาเห็น หลวงพ่อบอกว่า ที่ใดเขาว่าแรงๆผีดุ อัญเชิญท่านปู่ไปด้วยไม่ต้องกังวลครับ ท่านรองรับด้วยองค์เองว่าป้องกันและแก้ไขได้ ส่วนสมเด็จองค์ปฐมชุดนี้ที่แถม อิทธิฤทธิ์นำหน้า แรงกล้า พลังรุ่นแรงมาก ท่านปู่โมคคัลลานะก็มีฤทธิ์เยอะอธิฐานขอบารมีท่านช่วยได้รวดเร็วครับ.......
    ชุดฟ้าฟื้นนี้ได้รับการอธิฐานจิตจากหลวงพ่อหนุน จำนวน สามวาระ ด้วยกัน วาระแรก หลวงพ่อเป็นประธานเททองหล่อพระโมคคัลลานะ พระฤาษีลัดดาบส ใบมีดฟ้าฟื้น พระขรรค์ ท่านอธิฐานจิตตลอดพิธีจนหล่อเสร็จทั้งหมด

    จากนั้นนำไปขอปู่กลาง อธิฐานจิตเป็นพิเศษ
    นำเข้าพิธีปลุกเสกก่อนวันงานพิธีใหญ่ โดยหลวงพ่อหนุน ท่านก็รับรองว่าดีแล้วออกให้บูชาได้เลย จากนั้นเข้าพิธีใหญ่ ปลุกเษกกันทั้งคืน จนถึงเช้า มีคนเห็นแสงพุ่งลงมาที่หลวงพ่อ พุ่งสู่วัตถุมงคล เข้า ออก ตลอดทั้งคืน ท่านบอกว่า ท่านทำให้แบบสุดๆอย่างไม่เคยมีมาก่อน
    ผ้ายันต์สมเด็จองค์ปฐมประทานพร
    คุณชัยวิทย์ออกแบบตั้งใจจะสร้างถวายหลวงปู่สวน ออกแบบไม่สำเร็จสักที เหมือนขาดบางสิ่งบางอย่าง จนหลวงปู่สวนท่านมรณภาพ จึงนำมาออกแบบเพิ่มเติม คนที่เขียนแบบพอจะเริ่มเขียน ปวดหัวทุกครั้ง จนต้องจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงเขียนได้ ผ้ายันต์ชุดนี้มีจำกัด ถวายหลวงพ่อหนุนไปทั้งหมดท่านยังไม่นำออกมาจำหน่าย แต่ผมได้รับจากอาจารย์สมบูรณ์มาเล้กน้อย นำมาออกให้บูชาพร้อมชุดพระโมคคัลลา พระฤาษี ชุดละ ๑๒๐๐ บาท(แต่ตอนนี้ผ้ายันตือยู่ที่นักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง ผมฝากไว้ขอบารมีพระจนถึงงานฉลองศาลาครับ ประมาณเมษายน จึงจะได้รับครับ
    เนื่องด้วยขณะนี้พระอาจารย์สมบูรณ์ได้ กราบเรียนขออนุญาตจัดทำวัตถุมงคลเพื่อหาปัจจัยถวายวัดพุทธโมกข์ ในงานปฏิบัติธรรม ปี๒๕๕๖ ซึ่งหลวงพ่อท่านได้อนุญาตให้ดำเนินการจัดสร้างได้ การสร้างครั้งนี้มีการจัดทำในเบื้องต้นดังนี้
    ๑.ไม้เท้าพยายมราช
    ๒.พระกริ่งรุ่นแรกเทดินไทย
    ๓.เหรียญทำน้ำมนต์
    ๔.ล๊อกเก็ตรุ่นแรก
    ๕.แหวนปลอกมีด
    ๖.เหรียญหล่อท่านปู่ฤาษีลัดดาบส ฯ
    ขณะนี้คุณชัยวิทย์ มาลาคำ ได้ออกแบบและให้ช่างได้เริ่มปั้นพิมพ์แล้ว
    เชิญพิจารณาครับ ราคาพิเศษจริงๆครับ ที่สำนักแม่ชีประทุม ที่พระอาจารย์ถวายมีดไป เฉพาะเล่มใหญ่อย่างเดียวตั้งราคาไว้ ๑๐,๐๐๐ บาทครับ เล่มเล็ก ๕,๐๐๐ บาท มีผู้บูชาไปเกือบหมดแล้ว ชุดนี้บอกได้คำเดียวว่า พลังแรงจริงๆครับ



    ชุดใหญ่ข้างนอกบูชากันชุดละ 30,000 บาท ชุดเล็ก 10,000 บาทน่ะครับ รีบๆกันหน่อยครับตรงนี้ได้บุญใหญ่ด้วยครับ ประสบการณ์ส่วนตัวครูบาอาจารย์มาบอกในฝันว่ามีดฟ้าฟื้นนี้ดีมากๆ ท่านยกขึ้นหัวตอนจับมีดฟ้าฟื้น (ในฝันน่ะครับ)....



    สำหรับผมนี้คืออีก 1 ในตำนานมีดและพระขรรค์ที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาบนโลกนี้ และมีเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้ที่ได้ครอบครองครับ ท่านที่มาบูชาใหม่ได้รับมีดและพระขรรค์แล้วจะรู้เองครับ แค่ชนวนและมวลที่นำมาสร้างก็ 7-8 หน้ากระดาษแล้วครับ
    วันนี้พระอาจารย์ไปที่สำนักแม่ชีประทุม ซึ่งได้ถวายมีดฟ้าฟื้นให้คุณแม่อี๊ดไว้หลายเล่ม คุณแม่ได้ตั้งราคาไว้ เล่มใหญ่ 10000 บาท เล่มเล็ก 5000 บาท มีผู้บูชาไปหลายท่าน หลวงพ่อกอไผ่ ท่านมาที่สำนักแม่ชี ได้สอบถามว่ามีดอะไร พอจับขึ้นมา ท่านยกขึ้นเหนือหัวแล้วนำมีดจารย์บนหัวท่านเอง เช่นเดียวกับครูบาน้อย วัดโป่งสวรรค์ ท่านจับปั๊บก็ยกขึ้นเหนือหัวและจารย์บนหัวเหมือนกัน อีกท่านหนึ่งจับแล้วสั่นไปทั้งตัว
    ได้รับชุดเล็กแล้วครับ แว๊บแรกที่เห็นชอบมากขลังหลายแท้ สาธุครับ น่าจะประมวลเรื่องราวการสร้างตลอดถึงการเสกไว้หน้าหลังๆบ้างนะครับพี่
    หากดูจาก ลักษณะของใบมีดแล้ว เฉพาะตัวมากครับ
    สีของใบมีดก็เฉพาะตัว สีชมพูออกคล้ายๆ pink gold
    คงเป็นจุดเด่นของมีดนี้ครับต่อไปอนาคตจะเรียกหากันแน่นอน
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ woottipon อ่านข้อความ
    วันนี้พระอาจารย์ไปที่สำนักแม่ชีประทุม ซึ่งได้ถวายมีดฟ้าฟื้นให้คุณแม่อี๊ดไว้หลายเล่ม คุณแม่ได้ตั้งราคาไว้ เล่มใหญ่ 10000 บาท เล่มเล็ก 5000 บาท มีผู้บูชาไปหลายท่าน หลวงพ่อกอไผ่ ท่านมาที่สำนักแม่ชี ได้สอบถามว่ามีดอะไร พอจับขึ้นมา ท่านยกขึ้นเหนือหัวแล้วนำมีดจารย์บนหัวท่านเอง เช่นเดียวกับครูบาน้อย วัดโป่งสวรรค์ ท่านจับปั๊บก็ยกขึ้นเหนือหัวและจารย์บนหัวเหมือนกัน อีกท่านหนึ่งจับแล้วสั่นไปทั้งตัว

    ผมก็เอาจารลงบนหัวผมเองเหมือนกับครับ เจ็บคอ ทอลซิลอักเสบหมอจ่ายยามา 7 วันทานครบแล้วอาการไม่ดีขึ้น ผมเลยเอามีดฟ้าฟื้นขึ้นมาอาราธนาบารมีพระ พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ แล้วเอามีดลงบนกระหม่อมว่าคาถา ทุกขาทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปติฉามิ แล้วขอให้อาการเจ็บคอหาย พอตื่นเช้ามาอาการเจ็บคอหายไปประมาณ 90 %
     
  12. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    มีผู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่หลวงพ่อหนุนอธิฐานจิต คือมีแสงสว่างพุ่งลงมาที่พิธี เข้า-ออก ตลอด
    ผ้ายันต์นั้น มีผู้บอกผมเมื่อคืนว่า แก้ปีชงได้ กันสิ่งไม่ดี แถมเป็นมหาลาภเรียกลาภได้ ที่ใดที่แรงนำไปติดไว้แก้ได้ครับ
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ woottipon อ่านข้อความ
    ผ้ายันต์นั้น มีผู้บอกผมเมื่อคืนว่า แก้ปีชงได้ กันสิ่งไม่ดี แถมเป็นมหาลาภเรียกลาภได้ ที่ใดที่แรงนำไปติดไว้แก้ได้ครับ
    ส่วนตัวครับ ตอนเห็นผ้ายันต์ โดนมาก ชอบอะ
    คุณวุฒิครับ....มีคาถาปลุกผ้ายันต์หรือเปล่าครับ ถ้าถามผมใจบอก "พุท ธะ สัง มิ" ครับไม่รู้จะใช่หรือเปล่า... ส่วนมีดผมมีแล้วตามแบบฉบับหลวงพ่อ...

    ปล. ตอนผมจับมีดและพระขรรค์ครั้งแรก (แกะกล่อง) ขนผมลุกไปทั้งตัวครับ เป็นมีดและพระขรรค์ชิ้นแรกในชีวิตครับ ก่อนหน้านี้จะได้ก็ไม่ได้ จะเอาก็ไม่เอา สงสัยคงรอชุดนี้นี่เอง...
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ดร.แอนดี้ อ่านข้อความ
    คุณวุฒิครับ....มีคาถาปลุกผ้ายันต์หรือเปล่าครับ ถ้าถามผมใจบอก "พุท ธะ สัง มิ" ครับไม่รู้จะใช่หรือเปล่า... ส่วนมีดผมมีแล้วตามแบบฉบับหลวงพ่อ...

    ปล. ตอนผมจับมีดและพระขรรค์ครั้งแรก (แกะกล่อง) ขนผมลุกไปทั้งตัวครับ เป็นมีดและพระขรรค์ชิ้นแรกในชีวิตครับ ก่อนหน้านี้จะได้ก็ไม่ได้ จะเอาก็ไม่เอา สงสัยคงรอชุดนี้นี่เอง...
    อาราธนาบารมีพระตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมและทุกๆพระองค์ ....ขอตามวัตถุประสงค์....แล้วใช้คาถาหลวงพ่อฤาษีฯ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด หรือ ตามแต่จะเห็นสมควรครับ พุทธะสังมิ หัวใจพระไตรรัตนะ ก็ใช้ได้ครับ
    วิธีใช้มีดหมอชาตรี ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน พระธรรม พระอริยเจ้าทั้งหมด พรหมและเทวดาทั้งหมด มีท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ เป็นที่สุด และครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด..

    *ถ้าจะรักษาโรค เอามีดแตะศรีษะว่าคาถา “ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปติฉามิ”

    *ถ้าจะไล่ผี ถ้าชักมีดขึ้นมามันยังไม่ไป ให้เอามีดแตะศรีษะเบาๆแล้วเป่าด้วยคาถา “นะ โม พุท ธา ยะ” (คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์) ปกติถือมีดมามันก็หนีแล้ว...
    ได้รับแล้วครับ พลังดีมากๆ โมทนากับผู้สร้างในกุศลทั้งมวลด้วยครับ
    ทางศิษย์หลวงพ่อได้นำไปตรวจอิทธิคุณในวัตถุมงคลชุดนี้ บอกตรงกันว่าแรงมาก หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านลงให้เต็มที่ มากกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยทำมาเลยทีเดียว
    ผมได้รับเรียบร้อยครบถ้วนแล้วครับ สุดยอดจริง ๆ ครับ
    ขอบคุณมากครับ
    สุดยอดไปเลยครับคุณพี่
    ได้รับพระขรรค์และรายการอื่นครบทั้ง 3 ชุดครับ แกะดูกล่องเดียวก่อน พอจับพระขรรค์และมีดขนลุกหมดเลยครับ ขอบคุณมากๆครับ...
     
  13. กร hondacivic

    กร hondacivic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +796
    มีด สาลิกา สายฟ้าพิฆาตศัตรูพ่าย

    1.ส่วนผสมหลักในใบมีด สาลิกา สายฟ้าพิฆาตศัตรูพ่ายคืออะไรครับ

    2.ใส่ชนวนมีดฟ้าฟื้น หลวงพ่อหนุน ลงไปมากไหมครับ
     
  14. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ตอบ เนื้อเดี่ยวกันกับ ดาบสายฟ้าพิฆาตศัตรูพ่าย มีครบหมดครับ
     
  15. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    เบี้ยแก้ครั้งนี้สร้างตามแบบโบราณทุกอย่างเลยเหรอครับ
    แล้วปรอทมาจาก ปรอทธรรมชาติล้วนๆเลยใช่ไหมครับ
    มีปรอทของหลวงปู่ญาท่านสวน และ หลวงปู่พุทธอิสระด้วย
    ชันโรงก็มาจากธรรมชาติ จัดทำแล้วเสกโดยหลวงพ่อหนุน

    ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ (พอดีอ่านแล้วข้อมูลที่ลงท่านเอามาจากหลายเวป ผมเลยงงว่า
    สิ่งไหนเกี่ยวข้องกับที่นำมาสร้างในครั้งนี้บ้างครับ)

    หากมีบุญได้บูชาจะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง

    ด้วยความเคารพ ขอบคุณครับ
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ studio214 อ่านข้อความ
    เบี้ยแก้ครั้งนี้สร้างตามแบบโบราณทุกอย่างเลยเหรอครับ
    แล้วปรอทมาจาก ปรอทธรรมชาติล้วนๆเลยใช่ไหมครับ
    มีปรอทของหลวงปู่ญาท่านสวน และ หลวงปู่พุทธอิสระด้วย
    ชันโรงก็มาจากธรรมชาติ จัดทำแล้วเสกโดยหลวงพ่อหนุน

    ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ (พอดีอ่านแล้วข้อมูลที่ลงท่านเอามาจากหลายเวป ผมเลยงงว่า
    สิ่งไหนเกี่ยวข้องกับที่นำมาสร้างในครั้งนี้บ้างครับ)

    หากมีบุญได้บูชาจะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
    ชันโรงเกือบทุกสายพันธุ์มี
    1.ชันโรงเพียงดิน
    2.ชันโรงใต้ดิน
    3.ชันโรงกลางหาว
    4.ชันโรงใต้น้ำ
    5.ชันโรงบนน้ำ
    6.ขี้ผึ้งร้างรังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
    7.ขี้ผึ้งเทียนชัยพิธีสำคัญๆเช่นของหลวงปู่ญาท่านสวน
    8.รวมถึงของอาถรรพ์ต่างๆอีกมาก
    ด้วยความเคารพ ขอบคุณครับ
    ไม่มีของหลวงปู่พุทธอิสระ ค่ะ
    มวลสารทางโยมชัยวิทย์ที่ ในส่วนของปรอทมี
    1.ปรอทดำ
    2.ปรอทแดง
    3.ปรอททะเล
    4.ปรอทยวง
    5.ปรอทตาวัว
    6.ปรอทน้ำเน่า
    7.ปรอทเสกโดยหลวงปู่ยาท่านสวน
    8.ปรอทที่แกะจากเบี้ยแก้หลวงปู่ญาท่านสวน
    9.ปรอทสายหลวงปู่ศุข
    10.ปรอทวิท
    ของทางอาตมาที่ได้รับมามี
    11.ปรอททอง คุณสมบัติ แข็งแรง
    12.ปรอทเหล็ก คุณสมบัติเหนียว
    13.ปรอทเงิน คุณสมบัติวาสนา
    14.ปรอทดิน คุณสมบัติเย็น
    15.ปรอทไฟ คุณสมบัติเป็นพญาปรอทหายากมากเป็นปรอทของพระฤาษี
    16.ปรอทไม้ คุณสมบัติยั่งยืน
    17.ปรอทลม คุณสมบัติเป็นอาวุธของคนธรรพ์
    18.ปรอทนาค คุณสมบัติรวดเร็ว
    19.ปรอทแก้ว คุณสมบัติเป็นปรอทพิเศษคุณดั่งแก้วสารพัดนึก
    รายละเอียดไปอ่านดูจากหน้า94
    มีผงที่บรรจุดาบพระเจ้าพรหมมหาราชผสมเป็นมวลสารด้วยครับ
    เบี้ยแก้มหาลาภมหาป้องกันสะท้อนกลับ
    จำนวนการสร้าง 200 องค์ บูชา 1,000 บาท

    ตะกรุดไม้ครู
    จำนวนการสร้าง 800 ดอก บูชา 500 บาท
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ญานธรรม อ่านข้อความ
    มีคนสำรองเบี้ยแก้เยอะมาก เพื่อให้ทั่วถึงเพิ่มขึ้น ผมแบ่งให้คนที่จองไม่ทันเท่านั้น 5 องค์ เข้าใจว่าคุณ ransang และ coffeemax ได้แล้วจากคุณhippobankza
    รบกวนคุณสุวัฒน์ตัดยอดของผมแบ่งให้คนละ 1 องค์ให้แก่
    ตะวันอัสดง,tai chi ,Lue_b18 ,dalmat ,ฅนโคกว่าน
    และรบกวนคุณสุวัฒน์ลดยอดจอง ตะกรุด เหลือ 2 ดอกครับ
    ทีแรกจะรอให้เปิดกระทู้ใหม่..ยิ่งรอไปรายชื่อสำรองยิ่งยาววววววววววววววววว
    จองคิวต่อเลยละกัน
    - สำรองเบี้ยแก้ ๑ ตัว
    - จองตะกรุดไม้ครู ๑ ดอก
    สำรองเบี้ยแก้ อาจต้องรอท่านใดสละสิทธิ์ให้นะครับ
    ดูคิวจองแล้วยาวมากขอจองสำรองด้วยครับ 1 องค์
    มวลสารที่มีอานุภาพสะท้อนกลับ
    1.กระท้อนตายพรายทำพิธีพลีกรรมตามแบบโบราณ
    2.ว่านตูบมูบหายากมากๆต้องขึ้นกลางตอเท่านั้น ต้องตามตำรา ถือว่าเป็นพญาว่านมีคุณป้องกันสะท้อนกลับ
    3.ตากระท้อนหน้าสุเหร่า เป็นของอาถรรพ์ป้องกันสะท้อนกลับ
    4.แผ่นผ้ายันต์ที่เกี่ยวกับอานุภาพสะท้อนกลับและป้องกัน
    ตะกรุดไม้ครู
    เริ่มจากการหามวลสารที่จะนำมารีดเป็นแผ่น ก็ต้องหาเอามวลสารที่มีพลังที่มีอยู่ในตัวมวลสารนั้น และมีคุณวิเศษ ที่ครูบาอาจารย์ยอมรับว่าดีจริง
    1.แร่โคตรเศษรฐีของแม่ชีประทุม ที่หลวงพ่อฤาษี ท่านได้บอกไว้ว่าดี ไม่ต้องเสกก็ศักดิ์สิทธิ์ ใครมีไว้บูชาต่อไปจะป็นเศษรฐี และมีใครบอกจำไม่ได้ว่าสามารถกันรังสีนิวเคลียได้
    2.เหล็กเปียกที่หุ้มยอดองค์พระธาตุพนม อันนี้ก็ถือว่าสุดยอดกันปืนกันฟ้าได้และมีคุณอย่างอื่นอีกมาก เป็นของคุณชัยวิทย์ ใส่ผสมลงไปมาก เท่ากับขวดน้ำดื่ม
    3.หัวลูกปืนที่เป็นตะกั่ว เป็นเคล็ดโบราณ ลูกไม่ฆ่าแม่ แม่ไม่ฆ่าลูก ผ่านการเสกโดยหลวงน้าสายหยุด ศิษย์หลวงปู่ดู่
    นำไปหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง
    ตะกรุดไม้ครูผ่านพิธีมาเหมือนกับไม้ครู เริ่มตั้งแต่พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน
    เสาร์๕ วัดท่าซุง หลวงพ่อตุ๊มหาสิงห์ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ
    ครูบาครอง ลำปาง ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ครูบาตั้น ตอยปู่อิน หลวงปู่เจียม กุดไห
    หลวงปู่บู่ วัดสุมังคราม หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ หลวงปู่สุภา ท่านย้ายมาอยู่ที่สกลนครแล้ว จะนำไปให้หลวงพ่อหนุน ท่านอธิฐานจิตวันเสาร์๕ที่ ๑๖ มีนาคม อีกทีพร้อมกับเบี้ยแก้มหาลาภมหาป้องกันสะท้อนกลับ
    ส่วนในเบี้ยแก้นั้น ก็ได้บรรจุยันต์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ยันต์ธงจักวาลเป็นยันต์โบราณที่มีคุณ เข้าไปได้ทุกที่ ใครที่พกเบี้ยแก้นี้ ถือเป็นคุณพิเศษ หมายความว่าที่ใดที่มีอาถรรพ์แรงก็สามารถผ่านไปได้โดยปลอดภัย โดยไม่มีอันตรายใดๆมาทำอันตรายได้เลย
    ส่วนมวลสารที่ได้นำมาบรรจุในเบี้แก้มหาลาภมหาป้องกันสะท้อนกลับและตะกรุดไม้ครูที่เหมือนกันก็มี
    1.ผงที่บรรจุสมเด็จองค์รุ่นแรกของหลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์
    2.ผงที่บรรจุในมีดฟ้าฟืน
    3.ผงที่บรรจุในพระขรรค์ไชยศรีปราบไพรีนาศ
    4.ผงที่บรรจุในพระฤาษีลัดดาบส
    5.ผงที่บรรจุในพระโมคลานะ
    6.ผงที่บรรจุในไม้เท้าพญายมราช-ท้าวเวรสุวรรณ
    7.ผงที่บรรจุในตะกรุดยันต์เกราะเพชร วัดถ้ำเขาวงศ์ 108-1009
    8.ผงตะไบมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร ของหลวงปู่ญาท่านสวน
    9.ผงจักพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่และหลวงตาม้า
    10.ผงสมเด็จโต เช่นวัดระฆัง -วัดบางขุนพรหม-วัดเกศไชโย-พระนอนจักรสี-วัดอื่นๆ
    11.ผงรวม ๓๗ ประเทศ จำนวน 10000 กว่าชนิด (ได้มาใหม่)
    12.ผงต่างๆที่เกี่ยวกับพญานาค หายาก
    13.ผงตะไบชนวนนวะฤทธิ์ของแม่ชีประทุม
    ยังมีอีกมากครับ
    ตะกรุดไม้ครูจะผ่านพิธีมาพร้อมกับไม้ครู หลายสิบพิธีอย่างยอดเลยครับ
    ส่วนเบี้ยแก้นั้นได้นำเอาปรอทและมวลสารต่างเช่นชันโรง มวลสารที่เป็นผงรวมแล้วเข้าพิธีพร้อมกับไม้ครูครับ เพราะการทำเบี้ยมันมีหลายขั้นตอนครับ ส่วนตัวเบี้ยก็ต้องทำพิธีล้างน้ำถึง 3 น้ำด้วยกันคือ 1.น้ำเกลือ 2.น้ำส้ม 3.น้ำเหล้าใช้ถึง16 กลม ในการล้างแต่ละน้ำนั้นการต้องทำการสวดคาถากำกับไปด้วย ใช้เวลา 9 วัน หลังจากนั้นการทำพิธีสวดบังสกุล-ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ถึงจะเสร็จ 1ขั้นตอนแรก
    ไม้ครูมี 3 ประเภท
    1.ตะกรุดไม้ครู(ทำอยู่)
    2.คฑาไม้ครู(ที่พึ่งทำไป)
    3.ไม้เท้าไม้ครู(กำลังหาไม้อยู่ ต้องที่พิเศษ)
    อานุภาพเหมือนๆกันครับจะต่างกันบ้างที่มวลสาร
    เครื่องยาใหญ่เป็นตำรับที่สร้างขึ้นมาที่จะแก้คุณไสยโดยเฉพาะ แก้ได้ครบทุกทาง เป็นตำรับสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นเครื่องยาที่ทำให้เกิดขึ้นได้ยากยิ่งมากๆๆ
    เพราะต้องใช้ทั้งความพยายามและความเสียสละทุนทรัพย์ จำนวนหลายแสนบาทเมื่อ 30 ปีก่อน อานุภาพแก้ได้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณไสย นำมาผสมกับชันโรงและผสมเป็นมวลสารทำตะกรุดไม้ครู
    แร่ตะกลูเหล็กไหลมากกว่า 30 ชนิด นำมาบดผสมเป็นมวลสารใช้อุดปากเบี้ยแก้ และ ตะกรุดไม้ครู
    ไม้อาถรรพ์ต่างๆ
    ชันโรงเกือบทุกสายพันธุ์มี
    1.ชันโรงเพียงดิน
    2.ชันโรงใต้ดิน
    3.ชันโรงกลางหาว
    4.ชันโรงใต้น้ำ
    5.ชันโรงบนน้ำ
    6.ขี้ผึ้งร้างรังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
    7.ขี้ผึ้งเทียนชัยพิธีสำคัญๆเช่นของหลวงปู่ญาท่านสวน
    8.รวมถึงของอาถรรพ์ต่างๆอีกมาก
    เบี้ยแก้จะสร้างเพิ่มอีกหรือเปล่าครับ
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ รับโชค
    เบี้ยแก้มหาลาภมหาป้องกันสะท้อนกลับ
    จำนวนการสร้าง 200 องค์ บูชา 1,000 บาท

    ขอแบ่งองค์นึงนะครับป๋า จะโอนเงินสงกรานต์พร้อมตะกรุด 108 พัน 9 นะครับ ขอบพระคุณมากครับ
    ให้ เบี้ยแก้ 1 องค์ ครับ องค์สุดท้าย ไม่แบ่งแล้วครับ

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ woottipon อ่านข้อความ
    อ้าว มัวแต่จัดพระ ยอดเกินแล้วหรือครับ ตะกรดไม้ครูเป็นตะกรุด ที่บรรจุไม้ครู ที่สร้างไม้ครูที่ผ่านมาครับ มีตะกรุดเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง จะนำมาบรรจุผงเกศา และอาจห่อด้วยจีวรหลวงพ่อ มวลสารในตะกรุด คือเหล็กเปียกพระธาตุพนมแร่โคตรเศรษฐีมวลสารหลวงปู่สวน หลอมรวมแล้วรีดปั๊มยันต์ครู เข้าพิธีไม้ครูมาครบทุกพิธีครับ
    เหล็กเปียกนี่สุดยอดมากครับ
    อย่างนี้ขอจองเพิ่มอีก 10 ดอกรวมเป็น 20 ดอกก่อนครับ
    เท่าที่นับมา (รอพี่วุฒิ มายืนยัน) มียอดจอง 215 องค์ เกินยอด 200 องค์ แล้วครับ คนสุดท้ายน่าจะเป็นคุณ COFFEEMAX ได้ 5 องค์ แต่ก็จองสำรองกันเข้ามาเลยน่ะครับ เผื่อมีคนสละสิทธิ์ หรือสร้างเพิ่ม
    หลวงพ่อหนุนท่านกล่าวกับพระอาจารย์ว่าอยากหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ใหญ่ ประดิษฐานไว้ที่วัดพุทธโมกข์ พระปัจเจกพุทธเจ้าปลดหนี้ ใครได้กราบสักการบูชาจะได้ปลดหนี้ ร่ำรวยเงินทอง ตอนนี้น่าจะอยู่ในขั้นตอนว่าจ้างปั้นแบบ พระอ.สมบูรณ์ ท่านเลยขออนุญาตหลวงพ่อทำเบี้ยแก้ เพื่อหาทุนสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าขนาดแขวนคอบูชาถวายหลวงพ่อหนุน แล้วแต่จะประสงค์จะแจกหรือออกให้บูชาในงานหล่อพระฯและปฏิบัติธรรมปีหน้า
    เนื่องด้วยพระปัจเจกพุทธเจ้าที่จะถวายนี้ จะมิได้เปิดจองเหมือนทุกครั้ง เพราะผมบอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าจะพักก่อน เพราะมีคนทำถวายหลวงพ่อหนุนกันเยอะแล้ว ท่านพระอาจารย์ก็ขอว่างานนี้ทำเบี้ยแก้หาทุนสร้างพระครั้งต่อไปก็แล้วกัน
    จึงเป็นที่มาในการทำเบี้ยแก้รุ่นนี้ครับ
    ราคาจะกำหนดอีกครั้งครับ หากเกินกำลังสละสิทธิืได้ไม่มีปัญหาใดๆครับ เพราะการสร้างครั้งนี้ทำตามแบบโบราณ มีพิธีกรรมขั้นตอนที่เป็นไปตามแบบฉบับที่ได้เคยสร้างถวายหลวงปู่สวน แต่ครั้งนี้ได้ปรอท ชันโรง มวลสารต่าง เพิ่มเติ่มอีกมากครับ
    อธิฐานจิตโดยหลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์ วันเสาร์ ๕ ที่ 16 มีนาคม
    พร้อมตะกรุดไม้ครู
    ชันโรง ชันโรงใต้ดิน

    เราจะสามารถพบเห็นรังของชันโรงได้ตามโคนตันไม้ใหญ่ๆ ตามโพรงของกิ่งไม้และบริเวณดิน ชันโรงใต้ดิน ตามธรรมชาติชันโรง เป็นชื่อของผึ้งชนิดหนี่งมีรังเป็นยางเหนียว สีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ ชันโรง ส่วนใหญ่ทำรังบนต้นไม้ ชาว เรือเอาไปอุดรอยต่อของไม้กระดานเรือ มี 2 ชนิด

    คือชันโรงบนต้นไม้และ ชันโรงใต้ดิน ซึ่งชันโรงใต้ดินเป็นของอาถรรพณ์ ปกติชันโรง ใต้ดินอยู่ที่ไหนที่นั่นจะไม่ไหม้ไฟ ชันโรงใต้ดินมีอิทธิคุณ ตามธรรมชาติเป็นมหาอุด กันไฟ กันคุณไสยได้


    ในทางวิทยาศาสตร์ก็ให้ความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเลย
    คนโบราณ จึงนำ ชันโรง ใต้ดิน มาปิดปากเบี้ยไม่ให้ปรอทหนี ความจริงชันโรงเป็นชื่อของแมลงชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกลูผึ้ง มีขนาดลำตัวเล็กกว่าและไม่มีเหล็กในในตัวเอง นิสัยเป็นมิตร ไม่ดุร้าย มีวิถีชีวิตคล้ายคลึงกับผึ้ง เช่น มีนางพญา มีชันโรงงาน และมีชันโรงตัวผู้สามารถผลิตน้ำหวาน และขยายเผ่าพันธ์ ในลักษณะ เช่นเดียวกันกับผึ้ง ในสมัยโบราณเราสามารถพบตัวชันโรงได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย

    ทางภาคเหนือจะเรียกว่า แมลงขี้ตังนี หรือแมลงขี้ตึง แปลว่าแมลงที่ผลิตหรือเก็บน้ำยางได้ ทางภาคอีสานเรียก แมลงขี้สูด นิยมนำมาอุดแคน หรือถ่วงเครื่องดนตรีประเภทระนาด โปงลาง
    ทำให้เกิดเสียงไพเราะ

    ส่วนภาคใต้เรียกตัว อุง ถ้าตัวเท่าแมลงหวี่เรียกอุงแมงโลม เพราะชอบมาตอมไต่ผู้คนเวลาเดินป่า ถ้าตัวใหญ่เรียก อุงหมี นอกจากนี้ บางพื้นที่ยังรู้จักในชื่อ ตัวชำมะโรง อีกด้วย

    ชันโรงที่เป็นของดีโดยธรรมชาติ ที่ไม่ต้องปลุกเสกคือ แมลงที่ทำรังในระดับทางเดินของคน มีชื่อเรียกภาษาอีสานว่า สูดเพียงดิน หมายถึงแมลงชนิดนี้ ทำรังระดับเดียวกันกับพื้นดิน

    แล้วทำท่อขึ้นมาจากพื้นดินครับ ซึ่งปกติแล้วแมลงชนิดนี้มักจะทำรังในที่สูงครับ เช่นโพรงไม้หรือจอมปลวกครับ สูดเพียงดิน นี้ค่อนข้างจะหายากครับ ถ้าใครเจอให้เก็บไว้เลยนะครับเป็นของดีจาก

    ธรรมชาติ เมื่อพบแล้วต้องทำพิธีกรรมตามตำรา แล้วขุดลงไป บางทีต้องขุดลึกถึง 1-2 เมตร จึงจะได้ชันโรงตามที่ต้องการ ส่วนชันโรงอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำวัตถุอาถรรพ์ ก็คือ
    ชันโรงที่พบในโพรงไม้ที่ยืนตายซาก โบราณท่านว่าดีนักแล

    การทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นวัตถุมงคลนั้นถือว่าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณ ผู้ทำจะต้องทรงวิทยาคุณแก่กล้า และรู้จักวิธีการ "หา" ชันโรง ที่นิยมใช้กันมาแต่โบร่ำโบราณจะเป็นชันโรงใต้พื้นดิน โดยจะต้องเริ่มสังเกตโพรงบนพื้นดินที่ยื่นขึ้นมาเป็นรูปกรวย ซึ่งตรงกลางจะกลวง กรวยดินนี้จะกระจัดกระจายอยู่ในละแวกเดียวกันหลายกรวย ซึ่งก็คือทางเข้าออกของตัวชันโรงที่อยู่ใต้ดิน ให้สังเกตบริเวณใกล้ๆ กันนั้นมักจะมีจอมปลวกขึ้นอยู่ด้วยโบราณณาจารย์นิยมนำชันโรงมาอุดก้นพระชัยวัฒน์ พระกริ่ง เนื่องจากคติความเชื่อว่าชันโรงเป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้วัตถุที่ลงอาคม เม็ดกริ่ง กระดาษสาเขียนยันต์ ผงใบลาน พระคาถา ที่คณาจารย์ทำพิธีและบรรจุไว้ในพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ตลอดจนวัตถุมงคลอื่นๆ หลุดออกไปจากวัตถุมงคลหรืออุดปรอทในเบี้ยแก้ เบี้ยจั่น

    ปัจจุบันจะหาใครทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นสิ่งมงคลได้ยากแล้ว คนที่รู้จักก็น้อยลง และรังชันโรงก็ถูกตึกรามบ้านช่องรุกราน ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ตามท่อน้ำประปา หรือรูตามเสาไฟฟ้า ต้นไม้ที่จะเก็บยางก็ไม่มี จนดูท่าชันโรงอาจจะสูญสลายหายไปในที่สุด คติโบราณท่านถือว่านอกจากชันโรงจะช่วยปกปักรักษาของดีแล้ว ด้วยความที่ชันโรงเป็นแมลงไม่ดุร้าย จึงมีเสน่ห์ทางเมตตามหานิยมอีกด้วย

    ดังนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยมอีกด้วย ดั้งนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยม

    ชันโรงใต้ดิน

    ชันโรงเป็นแมลงตัวเล็กๆคล้ายผึ้ง ชอบกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้เหมือนกัน ทำรังอยู่ใต้ดิน จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และมักชอบทำรังในบริเวณพื้นที่ค่อนข้างเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คนและสัตว์อื่นๆ

    เมื่อเวลามันถ่ายออกมาจะมีสีดำเหนียวมีกลิ่น หอมประหลาด ซึ่งมันก็จะนำไปสร้างรังให้กับพวกมันนั่นเอง โบราณถือกันว่าชันโรง เป็นของทนสิทธิ์ ทีอาถรรพ์ลี้ลับ อานุภาพของชันโรงใต้ดินนั้นดีทางป้องกันไฟ กันคุณไสยมนต์ดำ มหาอุด แคล้วคลาด นักไสยเวทย์นิยมนำมาอุดที่หลังเบี้ยแก้ และทำเครื่องราง
    ได้สอบถามจากคุณชัยวิทย์ ชันโรงที่นำมาอุดเบี้ยนั้น ได้รวบรวมได้ทุกชนิด ถือว่าเป็นการยากที่จะหาได้ทุกชนิด มีอะไรบ้างจะนำมาบอกอีกที
    ผงมหากันหลวง เป็นผงที่ทำตามตำราโบราณสายสมเด็จลุ่น เป็นผงที่ทำได้ยากยิ่งเพราะต้องหาตามที่ตำราบอกไว้ซึ่งต้องไปเอา ตามเขา ตามป่า ตามทะเล ตามจุดที่ได้ระบุไว้ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ใช้ทั้งทุน ใช้ทั้งแรง อาจใช้ทั้งชีวิตเลยก็ได้ เพราะของส่วนมากทั้งสือสารกับพวกที่เฝ้ารักษาเทพ พวกผี อานุภาพจึงสูง ได้ใช้ผสมรวมกับชันโรง
    มีดฟ้าฟื้น ตอนออกให้จองชุดละ ๖๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้ ๔๐,๐๐๐ อัพ
    สมเด็จองค์ปฐมพุทธโมกข์ ออกจากวัดตอนนั้น ๔๐๐ บาท(หมดแล้ว) เดี๋ยวนี้มีผู้ถวายกลับมาให้วัดออกให้บูชา ๕๐๐๐ บาท
    พระกริ่งและวัตถุมงคลชุดนี้ หากมีโอกาศ ให้เก็บไว้บ้างครับ พระกริ่งองค์ขนาดพอเหมาะไม่หนักมากแขวนได้สบายครับ
    วิชาแปลธาตุ (ปรอท)

    ปรอทเป็นสรรพยามีสรรพคุณมากมากจึงมีกระบวนการทำตามแบบโบราณดังนี้ใช้วิธีการดักจับปรอทตามน้ำคลำน้ำที่เน่าเหม็นปรอทจะมากินสิ่งที่เน่าเหม็นมีกรรมวิธีการดักจับหลายวีธี
    > >
    การทำปรอทให้บริสุทธิ์ >>
    นำปรอทมาใส่ในชามกระเบี้องเคลือบนำข้าวที่หุงสุกใหม่ๆทิ้งเอาไว้ให้เย็นแล้วนำมาใส่ให้ท่วมปรอทคลุกเคล้าข้าวสุกกับปรอทให้เข้ากัน ด้วยไม้หรือกระเบื้องเคลือบพยายามบี้บดให้ปรอทแตกตัวสัก 15 นาทีหรือจนปรอทแตกตัวเป็นเม็ดละเอียดจะเห็นว่าข้าวสุกจะติดสีดำมากมายสุดท้ายล้างด้วยน้ำสะอาดโดยการเทน้ำสะอาดใส่ลงไปล้างหลายๆครั้งแล้วถ่ายน้ำออกหรือเทน้ำออกให้ระมัดระวังตามสมควรเนื่องจากปรอทมีน้ำหนักมากจะไม่เกาะติดสิ่งใดๆการล้างออกจึงทำได้ไม่ยากนัก >>

    นำปรอทมาแช่น้ำปลาร้าหมั่นคนสักพักหนึ่งคนบ่อยๆทิ้งเอาไว้สัก 1 คืน รุ่งเช้าให้ล้างน้ำปรอทด้วยน้ำสะอาดเหมือนกับขั้นตอนแรกหลายๆครั้ง >>
    ให้นำเอาตะใคร้ทั้งต้นทั้งใบมาตำให้ละเอียดนำไปคลุกเคล้ากับปรอทคนให้เข้ากันทิ้งไว้อีก 1 คืนนำมาล้างออกด้วยน้ำสะอาดแบบเดียวกับการล้างน้ำในขั้นตอนแรก >>
    เอาปรอทมาแช่น้ำมะดันหรือมะกรูดหรือน้ำมะนาวหมั่นคนบ่อยๆทิ้งเอาไว้ 1 คืนวันรุ่งขึ้นให้นำไปล้างด้วยน้ำสะอาด>>
    เสร็จแล้วนำเอามาใส่เอาไว้ในขวดแก้วปิดฝาให้แน่นเพื่อกันมิให้ปรอทดูดเอาสิ่งที่เป็นพิษเข้ามาปะปนอีกปรอทที่ได้มานี้ยังเป็นของเหลวเชื่อกันว่าปรอทที่ผ่านวิธีการกรองเอาพิษออกแล้วนี้มีความบริสุทธิ์ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์
     
  16. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    การจับปรอท
    1. องค์หลวงปู่ให้นำไข่มา ท่านนำไข่ไก่มาลงอักขระ
    1.1 ด้านบนท่านลงยันต์สวัสดิกะไว้ด้านบน
    1.2 ตรงกลางไข่ ลงคาถาไว้ โอม นะมะ พะ ทะ มานิมานะ พุทธัสสะ สวาโหม
    1.3 ด้านล่างนำผ้าแดงมาปิดไว้
    2. ท่านเจาะรูเล็กๆ โดยใช้เข็มเจาะรูด้านบนของไข่
    3. ท่านให้นำไข่ไปตากแดด ตอนเที่ยงวัน จะให้ไข่ขึ้นฟอง
    4. ท่านให้ผู้ที่จะทำหน้าที่นำไข่ไปผึ่ง ถือศีล 8
    นำไข่ไปผึ่งที่กุฏิหลวงตาสนิท จำนวน 12 ใบ
    5. ขั้นตอนในการไปฝัง เวลา 21.00 น.
    ทำการขอขมาหลวงตา ใช้ธูป 8 ดอก เทียนดอกบัว 3 ดอก กล่าวคำขอขมา
    และให้หลวงตาชอบจับพญาปรอท......ด้วย

    15 ส ค 54
    การฝังไข่เพื่อดักปรอท
    หลวงปู่มอบเทียนขาวขี้ผึ้งแท้หนัก 2 บาท จำนวน 2 แท่ง
    ลงอักขระ มงกุฏพระพุทธเจ้า 2 ด้าน และท่านได้นำเลือดของท่านมาเจิมบนอักขระทั้ง 2 ด้าน
    เมื่อเริ่มจะฝัง ท่านให้จุดเทียนก่อน และห้ามให้เทียนดับ มิฉะนั้น ปรอทจะวิ่งเข้าตัว
    รอเวลา 21.39 น. มีเวลาฝัง 19 นาที ขุดหลุมลึก ครึ่งศอก
    นำไข่ลงไปฝัง ขณะวางลงหลุมที่ขุดไว้ ให้ว่าคาถา
    “โอม นะมะพะทะ มานิมานะ พุทธัสสะ สวาโหม”
    เวลากลบดินฝัง ให้ว่าคาถาย้อนกลับ
    เมื่อทำพิธีเสร็จ ก็แผ่เมตตา เสร็จพิธีฝัง
    ในขณะประกอบพิธี ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในพิธี
    พอเสร็จพิธี พวกเราออกมาแล้ว ปรากฏว่า ลืมไข่ที่เหลือเอาออกมาด้วย
    จึงต้องย้อนกลับไปเอาไข่ออกมา
    เพราะไข่มีมูลค่า ใบละ 50,000 บาท ลืมไว้ประมาณ 10 กว่าฟอง

    28 ส ค 2554 วันพระ แรม 14 ค่ำ เดือน 9
    การกู้ไข่ที่ไปดักปรอทไว้
    1 ทุกคนรับศีล 8 องค์หลวงปู่เมตตา พรมน้ำมนต์ให้บนศาลาฝั่งตะวันตก
    และให้ว่าคาถา
    เวลากู้ประมาณ 18.00 น.
    2 ไปกู้ไข่ 2.1 ท่านให้เอาบาตรน้ำมนต์ไปด้วย
    2.2 พานพร้อมผ้าแดง (ขอขมาหลวงตาก่อน)
    3 ก่อนที่จะเริ่มกู้ ให้พวกเราพรมน้ำมนต์ และว่าคาถา
    “โอม นะมะพะทะ มานิมานะ พุทธัสสะ สวาโหม” ทุกคน
    ทำการกู้ ปรากฏว่า ได้ไข่คนละ 3 ฟอง เป็น 9 ที่เหลือ 3 ฟองแตก
    นำไข่ใส่พานและห่อด้วยผ้าแดง นำกลับไปถวายองค์หลวงปู่ เสร็จพิธี
    (ตอนหลังกลับมากู้ไข่ที่แตกอีก 3 ฟอง จะนำรายละเอียดมาเล่าทีหลัง)
    หลังจากกู้ปรอทได้ คืน 28 ส ค 54
    ขั้นตอนในการนำปรอทออกจากไข่
    ที่ห้องทำงานองค์หลวงปู่ข้างโรงยา
    องค์หลวงปู่ทำการดักปรอทเองด้วย ที่สระบัวข้างห้องทำงาน จำนวน 3 ฟอง
    (ไข่ที่ท่านนำไปฝังเสีย 1 ใบ)
    ท่านนำใบบัวมาเป็นที่รองรับ ในขณะที่จะนำปรอทออกมาจากไข่
    นำมีดที่จับปรอทมาจุ่มเลือดของท่าน
    แล้วล่อให้ปรอทออกจากไข่ เมื่อปรอทออกมาแล้ว จะใช้น้ำผสมเลือดของท่านมาล้าง
    ท่านบอกว่า ที่ต้องใช้น้ำผสมเลือด เพื่อให้ปรอทช้าลง
    จากนั้น ท่านได้เล่าการนำปรอทออกจากไข่ทั้ง 11 ใบ
    องค์หลวงปู่ให้ความรู้เกี่ยวกับปรอท
    ปรอทมีอยู่ 7 ชนิด
    ชนิด คุณสมบัติ
    1 ปรอท ทอง แข็งแรง
    2 ปรอท เหล็ก เหนียว
    3 ปรอท เงิน วาสนา
    4 ปรอท ดิน เย็น
    5 ปรอทไม้ ยั่งยืน
    6 ปรอท ลม เป็นอาวุธของคนธรรพ์
    7 ปรอท ไฟ เป็นพญาปรอท หายาก เป็นปรอทของพระฤษี
    ปรอทแก้ว เป็นปรอทพิเศษ คุณสมบัติ ดั่งแก้วสารพัดนึก
    ไข่ใบที่ 1 เป็นปรอทเหล็ก ตัวปรอทมีสีดำ คล้ายลูกเหล็กเล็กๆ เกาะกันเป็นแพ
    ใบที่ 2 เป็นปรอททอง น้ำของไข่ที่ออกมามีสีเหลืองของไข่เป็นปกติ
    เหมือนไข่ที่เรานำมาเจียว
    องค์หลวงปู่บอกว่า ปรอททองเป็นปรอทผู้ดี กินไม่มูมมาม มีสติ
    ใบที่ 3 เป็นปรอททอง ออกมาเกาะกันคล้ายไข่ปลา มีฟองอากาศอยู่ด้านบน
    ฟองเป็นสีรุ้ง คล้ายสีปีกแมลงทับ
    องค์หลวงปู่บอกว่า เป็นฟองที่ปรอทหายใจออกมา
    ใบที่ 4 เป็นปรอทดิน กลิ่นของเนื้อไข่ที่ออกมา เหม็นมากและมีสีดำ
    ตัวปรอทเองเป็นสีดำ เกาะกันเป็นแพ คล้ายปรอทเหล็ก ปรอทดินหายใจ
    แต่ปรากฏว่า ฟองอากาศก็หายใจกลับอยู่ข้างใต้ใบบัวเป็นแพ
    ไข่ใบที่ 5 เป็นปรอทเงินกับทอง วาสนาดี
    ปรอทเงินออกมาก่อน เป็นปรอทหายากมาก มีลักษณะเป็นลูกกลมๆ เงา แวววาว
    ไข่ใบที่ 6 เป็นปรอทนาค วิ่งเร็ว แข็งแรง สีของไข่เป็นสีออกแดงอ่อน
    มีแร่สัตตะโลหะติดมาด้วย
    ไข่ใบที่ 7 เป็นปรอทดินกับนาค มีกลิ่นฉุน สีของน้ำไข่ที่ออกมาค่อนข้างมีสีดำ
    มีฟองอากาศหายใจมาก และเป็นประกาย มีจำนวนพอสมควร
    ไข่ใบที่ 8 เป็นปรอท ดิน เหล็ก และไฟ เป็นพญาปรอท เป็นปรอทของพระฤาษี
    สารพัดประโยชน์ดั่งใจนึก มีเยอะมาก อ้วน สมบูรณ์ น้ำหนักดี
    ทำให้ใบบัวลู่ลงมาลึกมาก (ใบบัวกางอยู่ในชาม) มีปรอทดินมากกว่า
    และจับกันเป็นแพใหญ่ ซึ่งหายากมาก มีประกายแวววาว
    ใบที่ 9 เป็นปรอททองกับไฟ ปรอทไฟมากกว่า เป็นพญาปรอท สีของเนื้อไข่จะสุกใสเหลือง
    เป็นปรอทมีน้ำหนัก ตัวปรอทมีขนาดใหญ่มาก มีสีแวววาว (มีภาพให้ดู)
    เป็นพญาปรอท (มีภาพให้ดู) ซน ไม่ตะกละ
    ใบที่ 10 ของหลวงปู่ เป็นปรอทแก้ว จับยากมาก ต้องใช้เลือดล่ออยู่ถึง 2 ครั้ง
    มีหนอนเกาะทั่วใบไข่ หนอนเกาะอยู่ในน้ำนอกเปลือกไข่
    แต่หนอนยังมีชีวิตอยู่ได้โดยปรอทช่วยรักษาไว้
    ปรอทแก้วโดนลมจะหาย ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าของน้ำไข่ ถึงแม้จะมีหนอนขึ้นก็ตาม
    ใบที่ 11 เป็นปรอทลม เป็นปรอทที่หาได้ยากมาก แต่คุณวิเศษมาก เป็นอาวุธของพรายน้ำ
    ปรอทไม่ยอมรวมตัวกัน กลายเป็นอากาศธาตุ
    จากนั้น พวกเราเห็นว่าได้ปรอทไม่มากนัก จึงพูดคุยกันว่า จะกลับไปกู้ไข่อีก 3 ใบที่แตก มาให้ท่าน
    จึงพากันไปกู้มาให้ท่าน และแล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น
    ไข่ที่ไปกู้มาทั้ง 3 ใบ เมื่อท่านใช้น้ำเลือดของท่านล้างเอาดินที่ตกลงในไข่ออก
    ปรากฏว่า มีปรอทจับตัวกันเป็นแพใหญ่มาก แวววาว และมีขนาดใหญ่มาก
    ท่านบอกว่า มีมากกว่าทั้ง 11 ใบอีก
    ท่านพยายามจะจับพญาปรอทลงในชามที่มีเลือดอยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่สำเร็จ
    มีครั้งหนึ่งเกือบจะจับใส่ชามได้แล้ว ปรากฏว่า ตัวปรอทแบ่งตัวออก
    เพื่อให้หลุดพ้นจากการจับของท่าน
    ท่านบอกว่า พวกมันสามารถรวมตัวและแยกตัวได้ เวลามีภัยมา
    จากนั้นท่านก็บอกว่า พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว
    สุดท้าย ก็แยกย้ายกันกลับบ้านเวลา 22.00 น.
    เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ของพวกกระผมที่จะจดจำไปตลอดชีวิต
    พวกกระผมขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาขององค์หลวงปู่พุทธะอิสระมาก
    ที่ได้มอบประสบการณ์ทางจิตวิญญาณให้พวกกระผมในครั้งนี้
    บันทึกโดย เฮียหมู
    ขั้นตอนการทำเบี้ยแก้ของหลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม

    permalink
    มวลสารและวิธีการสร้างเบี้ยแก้

    1. ตัวเบี้ย เบี้ยตามความหมายของพจนานุกรม คือ ชื่อหอยน้ำเค็มกาบเดียวมีอยู่หลายชนิดผิวแข็ง ผิวเป็นมัน หลังนูนท้องแบนเรียกรวมๆว่า

    หอยเบี้ยแต่หอยชนิดที่นำมาทำเบี้ยแก้นี้ ท่านให้เอาเบี้ยจั่น เพราะคนโบราณท่านถือว่าเป็นวัตถุกลางที่ใช้สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของ ก่อนการใช้เหรียญกษาปณ์หรือธนบัตรใน
    ปัจจุบันแต่คำว่าเบี้ยก็ยังเป็นคำที่ใช้ แทนสื่อความหมายของเรื่องเงินๆทองๆมาจนถึงปัจจุบันนี้ เช่นเบี้ยเลี้ยง เบี้ยบำนาญ เบี้ยหวัด เบี้ยประกัน เป็นต้น เมื่อได้เบี้ยตามต้องการแล้วก็นำ
    มาปลุกธาตุหรือปลุกเสกเพื่อเรียกวิญญาณคืน เบี้ย

    2. ปรอท เป็นธาตุโลหะลักษณะเป็นของเหลวสีเงิน สารประกอบปรอทเป็นพิษ แต่บางเบาเป็นยาโดยปริยาย หมายถึงอาการที่เป็น
    ไปอย่างรวดเร็วว่องไว ปรอทที่นำมาบรรจุในเบี้ยแก้ครั้งนี้ เป็นปรอทที่ไปดักตามธรรมชาติ ผู้ที่เดินทางไปดักปรอทธรรมชาตินี้ ท่านเป็นอาจารย์ฆารวาสที่มีอำนาจจิตสูงท่านหนึ่ง ซึ่งได้
    มีโอกาสเดินป่าอยู่เป็นประจำ อีกทั้งท่านยังได้เล่าเรียนและสืบทอดวิชา การสร้างเบี้ยแก้นี้จากครูบาอาจารย์สายอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขงอีก ด้วย ท่านต้องใช้ความพยายาม และวิริยะ
    อุตสาหะ อย่างยิ่งที่จะนำปรอทมาถวายหลวงปู่ญาท่านสวน ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปดักปรอทในป่านั้น จะต้องบวงสรวงเจ้าป่าเจ้าเขา เทพยาดา เทวดาผู้พิทักษ์รักษาป่าแห่งนั้นเสียก่อน จึง
    จะเข้าไปดักปรอทได้ จากนั้นจึงนำไข่มาเสกด้วยคาถาไชดักปรอท แล้วใช้เข็มเจาะรูเล็กๆ คราวนี้จะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวสังเกตว่าที่แห่งใดจะมีปรอทอาศัยอยู่ ซึ่งส่วนมากจะ
    เป็นบริเวณที่มีซากพืชเน่าเปื่อย บริเวณที่มีปรอทจะสังเกตุเห็นเป็นพรายน้ำเรืองแสง เมื่อมั่นใจแล้วจึงนำใข่ที่เจาะรูแล้วไปฝังในดินบริเวณนั้นสัก 2-3 วัน จึงกลับมากู้ไข่ดักปรอท
    เมื่อมีปรอทอยู่ในบริเวณนั้นก็จะลงไปกินใข่เน่าแล้วจะออกไม่ได้เพราะได้ลง คาถาปิดปากไชเอาไว้ ในการดักแต่ละครั้งในไข่แต่ละฟองจะได้ปรอทเท่ากับหัวไม้ขีดสถานที่ที่ได้มา
    ของปรอทคือ ภูหางสง ภูงอย อยู่ในประเทศลาว และ ภูผักแพรว อ.ช่องแม็ก อุบลราชธานี เมื่อได้ปรอทจำนวนมากแล้วนำมาเทรวมกัน และบรรจุใส่ในกระเพาะวัวรัดปากใว้แล้วนำ
    ไปต้ม ผูกเชือกแขวนที่ปากปี๊ปสุมไฟตลอด พร้อมกันนั้นจะต้องสวดด้วยคาถาคุมปรอท ซัดว่านด้วยว่านคางคก ว่านทรหด และว่านอื่นๆ ที่ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ ทำจนปรอท
    แข็งตัวเป็นก้อน เป็นการกันไม่ให้ปรอทหนี ก่อนที่จะนำปรอทไปบรรจุในตัวเบี้ย ก็จะต้องนำปรอทที่แข็งตัวก้อนนั้นมาขยำด้วยน้ำมะนาวสด เพื่อล้างเอาขี้ปรอทออกอีกครั้ง จากนั้น
    ปรอทที่แข็งตัวก็จะกลับเป็นของเหลวกลายเป็นปรอทบริสุทธิ์

    3. ขั้นตอนการบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ย ในขณะบรรจุปรอทต้องภาวนาคาถากำกับ เช่น พุทธังบรรจุ อธิษฐานมิ
    ธัมมังบรรจุ อธิษฐานมิ สังฆังบรรจุ อธิษฐานมิ จากนั้นจึงปิดทับด้วยชันโรง

    4. ชันโรง คือชื่อผึ้งขนาดเล็ก ซึ่งมีลำตัวยาวไม่เกิน 10 มิลลิเมตร ชอบกินน้ำหวานจากเกสร ดอกไม้มัก
    อยู่รวมกันเป็นฝูง โดยปกติแล้วตัวชันโรงจะชอบอยู่ตามที่ที่มีความเงียบสงบไม่ชอบให้ใครรบกวน เมื่อถ่ายออกมาจะเป็นสีดำ มีความเหนียว และมีกลิ่นหอมน้ำหวาน ด้วยเหตุนี้เอง
    โบราณจารย์ท่านจึงนำมาปิดปากเบี้ยเพื่อกันปรอทไหลออกมา สำหรับชันโรงที่นำมาประกอบพิธีกรรมในครั้งนี้เป็น ชันโรงเพียงดิน ซึ่งเป็นชันโรงที่อยู่กลางแจ้ง ไม่สะทกสะท้านต่อ
    สิ่งแวดล้อมต่างๆ เชื่อกันว่าชันโรงชนิดนี้มีคุณในตัวเองและหายากมาก ก่อนนำไปปิดปากเบี้ยให้นำชันโรงมาเสกด้วยเสกด้วยคาถาเดียวกันกับคาถาบรรจุ ปรอท

    5. นำแผ่นตะกั่วบางๆ
    มาลงอักขระ ด้วยยันต์นะซ่อนหัว หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่านะใต้น้ำ ล้อมรอบด้วยธาตุสี่คือ นะมะพะทะ เสร็จแล้วจึงนำไปปิดทับปากเบี้ยอีกชั้นหนึ่ง

    6. เมื่อเสร็จตามขั้นตอนดังกล่าว
    แล้วให้นำมาปลุกเสกด้วยธาตุ จนปรอทแข็งตัวเป็นเม็ดจะสังเกตุได้ว่าก่อนนำมาปลุกเสกเมื่อเขย่าจะมีเสียง ดังขลุกๆเป็นเสียงน้ำกลิ้งไปกลิ้งมา แต่เมื่อปลุกเสกสำเร็จแล้วจะมีเสียง
    แซ็กๆคล้ายดั่งเสียงเม็ดทราย หรือบางตัวเสียงค่อนข้างทึบเพราะอาจมีปรอทมากไป

    7. จากนั้นจึงนำมวลสารมาบรรจุเพิ่มเติม คือผ้าอาบน้ำของหลวงปู่ ผงปถมังที่หลวงปู่ท่านเขียนและ
    ลบเอง ชานหมาก ผงพุทธคุณต่างๆ ผงแร่ใต้น้ำ แร่บนเขา เส้นเกศา ตะกรุด 1 ดอก เข็มโลกธาตุ 1 เล่ม ยังได้อัญเชิญ พระอุปคุตเถระ (เหรียญกลีบบัว ปี2540 เป็นเหรียญสุดยอด
    ประสบการณ์) มาประดิษฐานอยู่บนตัวเบี้ย จากนั้นจึงทำการถักเชือกหุ้มตัวเบี้ย

    8. นำชันโรงแข็ง ซึ่งได้มาจากปล่องทางเดินของตัวชันโรง จากใต้น้ำและที่ขึ้นสู่อากาศ และ ชันโรง
    เพียงดินซึ่งอยู่กลางแจ้ง จะมีลักษณะแข็งคล้ายครั่ง แต่มีสีน้ำตาล นำมาตำให้ละเอียดกับตัวทำละลายให้เหลวเป็นน้ำ แล้วนำไปชุบตัวเบี้ย ผึ่งลมให้แห้ง

    9. นำเบี้ยทั้งหมดไปถวาย
    ให้หลวงปู่ญาท่านสวน อธิฐานจิต ปลุกเสกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นอันเสร็จพิธี การสร้างเบี้ยแก้นั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล แต่จะมีเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ ใดไม่มีหลักฐานระบุอย่าง
    แน่ชัด จุดมุ่งหมายในการสร้างเบี้ยแก้ของบูรพคณาจารย์ แต่ละสำนักนั้นมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน นั่นก็คือ เครื่องรางที่ใช้สำหรับป้องกันการทำคุณไสยยาสั่ง แก้เหตุร้ายให้กลับกลาย
    เป็นดี อีกทั้งยังมีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยมอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดและป้องกันอันตรายทั้งปวง แต่สำหรับการสร้างเบี้ยแก้ของวัดนาอุดมในครั้งนี้ นอกจากจะมีจุดมุ่งหมาย
    อันเดียวกันกับสำนักต่างๆแล้ว เบี้ยแก้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ทำให้บังเกิดโชคลาภสักการะ เรียกทรัพย์ เรียกเงิน เรียกทอง สื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุข อีกทั้งยังเป็น
    ตัวแก้และกัน สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ป้องกันภูตผีปีศาจ ผีพราย ป้องกันไข้ป่า ป้องกันสัตว์มีพิษต่างๆ ป้องกันตัวทากมิให้เกาะในขณะเดินป่า โดยเฉพาะผู้เดินป่าสมัยก่อนอันตรายมาก
    ในขณะนั่งทำภารกิจส่วนตัว พวกตัวทากจะกระโดดเกาะและดูดเลือด การสร้างเบี้ยแก้ในครั้งนี้นอกจากจะสร้างตามตำราที่กำหนดโดยเคร่งครัดแล้ว ยังได้เพิ่มมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
    บรรจุในเบี้ยแก้เช่น ผ้าอาบน้ำหลวงปู่ญาท่านสวน ผงปถมังที่หลวงปู่ท่านลบเอง ผงชานหมาก ผงพุทธคุณต่างๆเส้นเกศา ผงแร่ใต้น้ำ ผงแร่บนเขาต่างๆ ตะกรุด1ดอก เข็มโลกธาตุ 1 เล่ม
    และที่สำคัญได้อัญเชิญ พระอุปคุตเถระ ผู้ปราบพญามารซึ่งเชื่อกันว่าท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ และสถิตอยู่ ณ.วิมานแก้วเจ็ดชั้น ใต้สะดือทะเล ซึ่งมีกุ้งหอยปูปลาเป็นบริวาร มา
    ประดิษฐานที่ปากเบี้ยแก้ด้วยความมั่นใจและปรารถนาที่อยากให้เบี้ยแก้นี้ ทรงอนุภาพศักดิ์สิทธิ์ ปกป้องคุ้มครองและใว้เป็นสมบัติอันหวงแหนแก่ผู้ที่นำไปสักการะบูชา และจะเป็นที่
    สืบเสาะแสวงหาภายในอนาคตข้างหน้า เบี้ยแก้องค์ครู ด้านหลังปิดด้วยพระอุปคุต ตอกโค๊ตกันปลอม ถักเชือกหุ้มลงรักยางไม้ แบบนี้สร้างไว้น้อยมาก(แจกกรรมการ) มีทั้งถักแบบมี
    หูและไม่ไมีหู มักมีใช้กันเฉพาะหมู่ศิษย์ ส่วนเบี้ยแก้แบบธรรมดานั้นด้านหลังไม่มีพระอุปคุตครับถักเชือหุ้มหลังปิดหมด ฉนั้นเบี้ยแก้องค์ครูนี้ต้องห้อยคอนะครับ ห้ามแขวนเอว
    พุทธานุภาพของเบี้ยแก้ใช้ได้สารพัดยิ่งกว่าฝอยท่วมหลังช้าง เป็นโชคลาภ ดูดเงินดูดทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอาถรรพ์ร้ายและภูตผีปีศาจ ขึ้นชื่อว่าเบี้ยแก้ แก้ได้ทุก
    ชนิด เช่นแก้พิษ แก้ดวงตก แก้คุณไสย์ดำ ฯลฯ ยิ่งได้บารมีพระอุปคุตมาด้วยแล้วยิ่งแรงไปใหญ่ หาไว้ใช้ติดตัวเถิดดีแน่นอนครับ ไม่ต้องไปตามหาเบี้ยแก้พระเกจิดังในอดีตให้เหนื่อย
    ได้มาก็ดูไม่เป็นไม่มั่นใจ ใช้เบี้ยแก้รุ่นใหม่ของญาท่านสวนนี่แหละครับ รับรองไม่เป็นรองใคร
    มีคนโบราณเขียนถึงสรรพคุณของเบี้ยแก้ไว้ว่า...

    เบี้ยแก้ตัวนี้สำคัญนัก พ่อค้าแม่ขายจักหมั่นไหว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน ลาภเต็มห้อง ทองเต็มไห ขุนนางใดมีไว้ในตัว ดีนักแล จะให้คุณเป็นถึงท้าวเจ้าพระยา พานทอง........

    เบี้ยแก้ เป็นเครื่องราง...อย่างหนึ่งของไทยที่คุ้นหูในสมัยก่อน แต่สมัยนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันแล้ว เกจิอาจารย์ท่านสร้างจากการบรรจุปรอท ที่ปลุกเสกแล้ว เข้าไว้ในตัวเบี้ยจั่น แล้วหาวิธีอุดไว้ไม่ให้ ปรอทหนีออกมาข้างนอก

    เวลาเขย่าจะได้ยินเสียงปรอทกระฉอกไปมาเสียงดังขลุกๆ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เสียงหนักเบาขึ้นอยู่กับปริมาณมากน้อยของปรอทที่บรรจุ

    เสียงขลุกๆของปรอท ยังขึ้นอยู่กับฤดูกาล ถ้าเบี้ยแก้ตัวที่บรรจุปรอทมาก เขย่าในฤดูร้อน มักไม่ได้ยินเสียง แต่ถ้าเขย่าในฤดูหนาว เสียงจะดังฟังชัดเจน

    เบี้ยแก้บางตัว มีเสียงขลุกไพเราะ ขลุกหลายจังหวะ มีเสียงหนักเบาสลับกันไป เหมือนนักร้องมีลูกคอหลายชั้น หรือนกเขาเสียงคู่ เสียงเอกที่มีลูกเล่นหลายชั้น

    เบี้ยแก้ที่ขึ้นชื่อ มีหลายสำนัก หนังสือเปิดตำนานเครื่องรางของขลังเมืองสยาม คุณ สมชาย โตมั่น มีรายละเอียดว่า แต่ละสำนัก มีวิธีบรรจุปรอทและวิธีอุดต่างกัน

    เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี เมื่อท่านบรรจุปรอทลงในเบี้ยจั่นแล้ว ก็เอาชันโรงใต้ดินที่ปลุกเสกแล้ว อุดยาบริเวณปากร่องใต้ท้องเบี้ย แล้วจึงหุ้มด้วยผ้าแดงลงอักขระเลขยันต์

    จากนั้นก็เอาด้ายถักหุ้ม ใช้ลวดทองแดงขดเป็นห่วงไว้คล้องคอหรือร้อยเชือกคาดเอว

    เบี้ยแก้สำนักที่ขึ้นชื่อไม่แพ้หลวงปู่บุญ คือเบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง อ.ตลิ่งชัน กทม. วิธีหุ้มเบี้ยด้านดอก อาจดูคล้ายกัน แต่ ด้านในแตกต่างกัน ของหลวงปู่รอดใช้แร่ตะกั่วหุ้ม แล้วลงอักขระลงบนพื้นตะกั่วรอบตัวเบี้ย

    คุณไชยรัตน์ โมไนยพงศ์ เป็นผู้หนึ่งที่สนใจศึกษาเบี้ยแก้ รวบรวมไว้ในหนังสือเครื่องรางของขลัง เท่าที่คุณไชยรัตน์สังเกต ยันต์ที่ลงมีทั้งยันต์ที่เป็นคาถาและยันต์ตาราง ยันต์ตารางมีทั้งสี่ช่องและเก้าช่อง

    เบี้ยแก้ตัวหนึ่ง คุณไชยรัตน์มั่นใจว่า เป็นของหลวงปู่บุญ เชือกที่ถักหุ้มผุกร่อนชำรุด จนหมดสภาพ เมื่อเปิดออกจึงเห็นยันต์ที่กำกับใต้ท้อง เป็นยันต์พุทธซ้อน และยันต์ท้อรันโต

    ยันต์ท้อรันโต ดีทางคงกระพัน ยันต์พุทธซ้อน ดีทุกด้าน หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่า ใช้เป็นยันต์ครู

    นอกจาก 2 สำนักนี้แล้ว ยังมี เบี้ยแก้วัดคฤหบดี วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามท่าเทเวศร์ คุณสมชาย โตมั่น ยังตามสืบสาวไม่ได้ชัดเจนว่าหลวงพ่อชื่อใดสร้าง

    แต่นัยว่า ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่รอด วัดนายโรง ตัวเบี้ยเล็กกว่า และเบากว่า 2 วัดรุ่นอาจารย์ เส้นด้ายที่ถักหุ้มตัวเบี้ย หยาบกว่า มีทั้งลงรัก ปิดทอง และลงยางมะพลับ

    ลักษณะการหุ้มตัวเบี้ย เป็น 2 แบบ แบบแรกถักหุ้มทั้งตัวเบี้ย แบบที่ 2 ถักเหลือเนื้อเป็นวงกลมไว้หลังเบี้ย

    เสียงขลุกของปรอท มีจังหวะและน้ำหนักต่างจากสำนักวัดกลางฯและวัดนายโรง

    วิชาทำเบี้ยแก้ไม่แพร่หลายนัก นอกจาก 3 สำนักนี้แล้ว ยังมีเบี้ยแก้อีก 3 สำนักที่อ่างทอง แต่เพราะเบี้ยแก้มีจำนวนน้อย ประวัติการสร้างจึงไม่ค่อยชัดเจน

    เบี้ยแก้วัดนางใส อยู่หลังตลาด อำเภอวิเศษชัยชาญ ประวัติเท่าที่พอสืบสาวได้ หลวงพ่อผู้สร้าง มรณภาพไปนานแล้ว เป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อโปร่ง เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ปัจจุบัน

    เบี้ยแก้วัดนางใสไม่ได้ถักด้ายหุ้ม อุดด้วยชันโรงใต้ดินแล้วก็ให้หุ้มเลี่ยมด้วยเงิน ทอง หรือนาก เหลือเนื้อเบี้ยเป็นวงกลมไว้ด้านหลัง

    เบี้ยแก้วัดโพธิ์ปล้ำ ต.ท่าช้าง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลวงพ่อผู้สร้างเป็นอาจารย์ หลวงพ่อโปร่งเช่นเดียวกัน

    เบี้ยแก้วัดท่าช้าง...ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลวงพ่อโปร่ง ปัญญาธโร เจ้าอาวาสปัจจุบันสร้างไว้ ลักษณะเบี้ยแก้เหมือนของ 2 อาจารย์ผู้ประสาทวิชาให้

    คุณสมชาย โตมั่น บรรยายทิ้งท้ายไว้ว่า

    เบี้ยแก้เป็นอิทธิวัตถุชั้นหนึ่ง เตือนใจให้สะดุ้งกลัวภัยที่มองไม่เห็น หากบุคคลใด

    มีไว้เป็นสมบัติ นำติดตัวโดยคาดไว้กับเอวหรือโดยประการอื่น ย่อมปกป้องภยันตรายได้ทั้งปวง

    เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพันทุกประการ คุ้มกันเสนียดจัญไร คุณไสย ยาสั่งและการกระทำย่ำยี ทั้งหลายทั้งปวงได้ชะงัด...นักแล.

    "บาราย"
    จะมาคุยกันถึงเรื่องเครื่องรางของขลังกันต่อเครื่องรางที่จะพูดในวันนี้ก็คือเบี้ยแก้ เบี้ยแก้นั้นมีการสร้างมาแต่โบราณ สรรพคุณในการใช้นั้นก็ตรงกับชื่อคือใช้แก้กันได้สารพัด ใช้ป้องกันคุณไสยต่างๆ ป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันไข้ป่า ป้องกันยาพิษยาสั่ง อยู่คงเขี้ยวงาทุกชนิด ป้องกันและแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ผลชะงัด

    เบี้ยแก้นั้นถ้าสร้างอย่างถูกวิธีนั้น กรรมวิธีการสร้างยากมาก เท่าที่รู้และนิยมกันมากก็ได้แก่สายของวัดกลางบางแก้ว เช่นของหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม ท่านอาจารย์ใบ และองค์ปัจจุบันก็คือ หลวงปู่เจือ สายวัดนายโรง ก็ของหลวงปู่รอด สายวัดนายโรงนี้ก็มี อาจารย์ทัต วัดคฤหบดี ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่รอดอีกองค์หนึ่ง สายทางอ่างทองก็มีหลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ และสายลูกศิษย์ของหลวงพ่อพักตร์ ได้แก่ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ และของวัดท่าช้าง เป็นต้น

    วันนี้เราจะมาว่ากันถึงสาย วัดกลางบางแก้ว เท่าที่สืบค้นได้นั้น หลวงปู่บุญท่านเรียนวิชาเบี้ยแก้มาจาก หลวงปู่ทอง วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่บุญท่านสร้างเบี้ยแก้ให้แก่ศิษย์โดยท่านผู้ที่จะมาขอทำเบี้ยแก้นั้นจะต้อง นำปรอทหนัก 1 บาท ชันโรงใต้ดิน หอยเบี้ย นับให้ได้ฟัน 32 ซี่ แผ่นตะกั่ว บางรายก็หาผ้าแดงมาด้วย แล้วจึงนำสิ่งของทั้งหมดใส่ถาดพร้อมดอกไม้ธูปเทียน มาถวายหลังจากที่หลวงปู่ท่านทำอุโบสถเช้าหรือเย็นเสร็จแล้ว

    หลวงปู่จะปลุกเสกปรอทแล้วจึงบรรจุปรอทลงในหอยเบี้ย แล้วนำชันโรงมาปิดปากเบี้ย จากนั้นท่านก็บริกรรมพระเวท แล้วจึงให้นำไปหุ้มตะกั่วกับพระในวัดจนเสร็จเรียบร้อยจึงนำกลับมาให้ท่านลงอักขระอีกทีหนึ่ง และปลุกเสกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงมอบเบี้ยให้เจ้าของนำไปถักเชือกเอาตามใจชอบ ส่วนมากก็ให้พระภายในวัดช่วยถักให้ บ้างก็ลงรัก บ้างก็ลงยางมะพลับ เพื่อให้เชือกที่ถักมีความคงทน

    หลังจากสิ้นหลวงปู่บุญแล้ว ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดต่อมาก็คือหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เพิ่มท่านก็ได้สร้างเบี้ยแก้ด้วยกรรมวิธีแบบเดียวกับหลวงปู่บุญ และมีความขลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ต่อมาเมื่อหลวงปู่เพิ่มท่านชราลงมามากแล้ว ท่านจึงครอบวิชาทำเบี้ยแก้ให้แก่ท่านอาจารย์ใบทำเบี้ยแก้ต่อจากท่าน

    จนปัจจุบันนี้ผู้ที่สืบทอดต่อมาก็คือหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วนั่นเองครับ หลวงปู่เจือท่านช่วยหลวงปู่เพิ่มสร้างเบี้ยแก้มาตลอด เมื่อเวลาหลวงปู่เพิ่มท่านบรรจุปรอทลงเบี้ยแล้วท่านก็จะบอกให้นำเบี้ยไปให้หลวงปู่เจือหุ้มตะกั่วแล้วจึงนำมาให้ท่านลงอักขระปลุกเสกต่อ การทำเบี้ยแก้ สายวัดกลางบางแก้วปัจจุบันก็คือหลวงปู่เจือนี่แหละครับ เบี้ยของท่านทำได้ขลังเหมือนกันครับ หาเบี้ยแก้ที่ไหนไม่แน่ใจก็จะบอกให้ ไปที่วัดกลางบางแก้ว ไปถามหากุฏิหลวงปู่เจือดู ท่านอยู่ที่กุฏิริมแม่น้ำ บอกให้นิดหนึ่งว่าถ้าไม่เจอหลวงปู่ก็ให้ไปที่มูลนิธิหลวงปู่เจือ เขามีของที่หลวงปู่ทำไว้ ทำบุญไม่กี่บาทก็ได้มาแล้วครับ อ้อไปแล้วก็อย่าลืมขอเม็ดยาจินดามณีมาด้วยเลยถ้าที่วัดเขายังพอมีเหลือเดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก

    ทั้งเบี้ยแก้และยาจินดามณีของหลวงปู่เจือนั้น ผมใช้อยู่เป็นประจำได้ผลมามากแล้ว ลูกชายผมตอนเด็กๆ นั้นเคยถูกตัวอะไรต่อยเอาก็ไม่ทราบเพราะไม่ยอมบอก พอตกกลางคืนประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ถึงมาบอก ปรากฏว่าตัวร้อนมาก ที่มือบวมเป่งจนกำมือไม่ได้ และบริเวณมือร้อนมาก ผมก็รีบแต่งตัวเตรียมพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเบี้ยแก้ของหลวงปู่อยู่จึงนำเบี้ยมาอธิษฐาน ขอให้ท่านช่วยลูกชายด้วย แล้วจึงนำไปวางที่แผล ปรากฏว่า ผมเองยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จเลย ลูกชายบอกว่าไม่ต้องไปหาหมอแล้ว ค่อยยังชั่วแล้ว ผมก็เอามือจับตัวและที่แผลดู ปรากฏว่าตัวไม่ร้อนแล้ว จึงนึกว่าหลวงปู่ช่วยแล้วคงไม่เป็นไร แต่ก็คอยดูอยู่ตลอดคืน เจ้าลูกชายผมนอนหลับสบายตลอดคืนนั้น พอรุ่งเช้า มาดูที่แผลกลับหายเป็นปลิดทิ้ง ที่บวมก็หาย ยุบลงเป็นปกติ หนังที่เคยบวมเป่งก็กลับเหยี่ยวลง ไม่เป็นอะไรเลย ส่วนยาจินดามณีนั้นผมใช้ช่วยตัวเองและคนอื่นมามากแล้วครับ

    ถ้าเชื่อผมและอยากได้เบี้ยแก้แท้ๆ ก็ลองไปที่วัดกลางบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมดู ถ้าไปวัดไม่ถูกก็ถามคนที่ตลาดได้ครับ เลยตลาดไปนิดเดียวครับ ได้เบี้ยแก้แถมยังได้ทำบุญด้วย ขากลับก็หาอะไรทานแถวๆ ตลาดมีร้านอาหารอร่อยๆ เยอะครับ วันนี้มีรูปเบี้ยแก้ของหลวงปู่เพิ่มมาฝากครับ


    ที่มา: คอลัมน์ ชมรมพระเครื่อง ด้วยความจริงใจ แทน ท่าพระจันทร์
    ที่มา: http://matichon.co.th/khaosod/view_n...hNUzB4T0E9PQ==
    สวัสดีครับพี่พี


    เห็นว่าช่วงนี้กระแสเรื่องเบี้ยของหลวงพ่อทรง ท่านมาแรง อันที่จริง แล้วทั้งพระและเครื่องราง ของหลวงพ่อทรงนั้นก็ตามที่พี่พีบอกคือหลังจากสวดมนต์ไหว้พระตามปกติแล้วก็บอกกับท่านไปตรงๆนี้แหละจะให้ท่านช่วยอะไรบ้างแต่คาถานี้ผมมาเพิ่มเติมให้นะครับ ผมได้มาเกือบยี่สิบปีแล้วเป็นคาถาที่อารธนาเบี้ยสายของอ่างทอง เนื้อความของคาถาจะเป็นภาษาไทยจะต่างจากเบี้ยสายนครปฐม ที่เป็นภาษาบาลี เพราะเป็นคาถาของฤาษีต่างที่ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยโอมเท่านั้น จริง ๆ แล้วการสร้างเครื่องรางในทุกวันนี้ล้วนเป็นวิชาของพระฤาษีทั้งนั้นเนื้อคาถาจะเป็นคำกล่าวถึงสรรพคุณของการบูชาเบี้ยนี้ติดตัวซึ่งบางท่านอาจทราบแล้วก็ได้ คาถามีดังนี้ครับ



    เบี้ยแก้ตัวนี้ สำคัญนัก พ่อค้าแม่ค้าจักหมั่นไหว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน ลาภเต็มห้อง ทองเต็มไห ขุนนางใดมีไว้ในตัวดีนักแลจักให้คุณเป็นถึงท้าวเจ้าพระยาพานทอง ทรัพย์สินสิ่งของกองเต็มวังอีกทั้งช้างม้าวัวควาย นับได้หลายเหลือ สิ่งอาถรรพ์ อาเภท อัปมงคลทุกข์ภัยพิบัติทั้งยาสั่งให้อันตรธานไปสิ้น ศัตรูปองร้ายให้พ่ายแพ้ภัยตัวขึ้นโรงขึ้นศาลให้ปลอดภัยทั้งคดีความ สิงห์สาราสัตว์สารพัดร้าย ปืนผาหน้าไม้ ผีป่าผีปอป ผีโป่ง ทั้งโขยง มิกล้ากล้ำกราย หากมีเหตุเภทภัยอันตรายใดๆจงบอกกล่าวเตือนว่าอย่าไปเลย



    เมื่อพิจารณาเนื้อคาถาจะเห็นได้ว่าเบี้ยจะเป็นเครื่องรางที่เมื่อบูชาแล้วครบเครื่องโบราณท่านถึงบอกว่ามีเบี้ยคาดเอวตัวเดียวลุยได้ทุกที่ ท่อนนี้ครับ (หากมีเหตุเภทภัยอันตรายใดๆจงบอกกล่าวเตือนว่าอย่าไปเลย) จะสอดคล้องกับที่หลายท่านบอกว่าเบี้ยหลวงพ่อสั่นเตือนภัยได้
    ตอนนี้นี้อยู่ขั้นตอนในการจัดสร้างเบี้ยแก้ครับ โดยโยมชัยวิทย์
    เรื่องมวลสารรวบรวมปรอทได้มากชนิดที่สุดอย่างขั้นต้นที่ได้มา 7 - 8 ชนิด ยังไม่รวมของทางโยมชัยวิทย์ซึ่งเป็นปรอทที่หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้อธิฐานจิตไว้และที่ได้มาใหม่
    เบี้ยแก้มหาลาภมหาป้องกันสะท้อนกลับ

    permalink
    สร้างจำนวน 200 องค์
    ขั้นตอนการสร้างจะนำมาให้อ่านอีกที
    มวลสารต่างๆ ที่ได้มาผสมมวลสารอุดเบี้ยแก้ได้รวบรวมมากที่สุดทั้งเก่าและได้มาใหม่
    เหรียญทำน้ำมนต์เนื้อนวฤทธิ์ ทำมาจากชนวนหล่อสมเด็จองค์ปฐมในวิหารของสำนัก และชนวนหล่อพระทุกรุ่นของแม่ชีประทุมจนถึงแม่อี๊ด ขอสำนักแม่ชีประทุม , แร่โคตรเศษรฐี, เหล็กไหลน้ำหนึ่ง, ทองคำพญานาค จัดสร้างเพียง๑๐๘เหรียญเท่านั้น และได้ถวายหลวงพ่อหนุนมาจำนวนหนึ่งเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย บูชาได้ที่วัดค่ะ
    ขอแก้ไขจำนวนเหรียญค่ะ
    เหรียญทำน้ำมนต์เนื้อนวฤทธิ์ ทำมาจากชนวนหล่อสมเด็จองค์ปฐมในวิหารของสำนัก และชนวนหล่อพระทุกรุ่นของแม่ชีประทุมจนถึงแม่อี๊ด ขอสำนักแม่ชีประทุม , แร่โคตรเศษรฐี, เหล็กไหลน้ำหนึ่ง, ทองคำพญานาค จัดสร้างเพียง๑๐๘เหรียญเท่านั้น และได้ถวายหลวงพ่อหนุนมาครึ่งหนึ่ง(๕๕เหรียญ) หมดแล้วหมดเลย บูชาได้ที่วัดค่ะ
    เนื้อแร่คือชินเงินตะกั่วขอมโบราณผสมแร่โคตรเศษรฐี
    เนื้อชนวนคือชนวนต่างๆที่สร้างพระมาเช่นสมเด็จองค์ปฐมรุ่นแรกหลวงพ่อหนุน มีดฟ้าฟื้น พระขรรค์
    เหรียญนวะฤทธิ์ เป็นชนวนของแม่อี๊ด สำนักปฏิบัติธรรมแม่ชีประทุม สร้างถวายสำนักแม่เป็นพิเศษ ไม่ได้เปิดจองครับ และแม่อี๊ดถวายหลวงพ่อครึ่งหนึ่ง ๕๐ กว่าเหรียญ ส่วนอีกครึ่งน่าเสียดายที่แม่อี๊ดนำไปเข้าพิธีงานบุญคุญแผ่นดินที่กาญฯ ผู้ที่มาร่วมงานนึกว่าแจก เลยแกะกล่องนำไปกันจนหมด
    ได้รับพระมาแล้วครับ ผมนำมาติดเกศา อังสะ และชุบน้ำมันอนันตคุณของหลวงปู่พิศดูน้ำมันชาตรี น้ำมันสังคโลก และน้ำมันบูรพาจารย์ที่ครูบาอาจารย์ต่างยอมรับว่าพลังเต็มเสกไม่เข้าแล้วมาชโลมให้พระรุ่นี้ดีถึงขีดสุด เพิ่มเติมเพื่อให้ชุดกรรมการและชุดเนื้อเงินเป็นพิเศษ เกศาเหลือไม่มากครับใส่แบบเต็มๆ และเหรียญชนวนกรรมการที่ผิวเหมือนทองเหลืองเพราะแก่ชนวนไปทางทองเหลืองมาก จะชุบทองคำให้เป็นพิเศษพร้อมกับไม้เท้าชุดกรรมการจะชุบทองคำให้ครับ เพื่อให้แตกต่างจะไม่สับสนกับเนื้อทองทิพย์ ทำอะไรต้องพิเศษครับ สุกเอาเผากินไม่ดี จัดส่งได้คงเป็นวันอาทิตย์ หากไม่ได้ไปเชียงรายนะครับส่วนวันปกติผมค่อนข้างยุ่งกับการคุมงานและแก้แบบสัญญาจ้าง ล้าช้าไปบ้างขออภัยด้วยครับ ยุ่งจริงๆช่วงนี้
    สวยมากครับ ผมเดาว่าอีกหน่อยพระหลวงพ่อหนุนที่เเน่นไปด้วยมวลสารเช่นนี้ รุ่นเเรกๆ อย่างนี้ คงจะหายากน่าดูเลย เพราะมากับประสบการณ์คล้ายหลวงปู่หมุน
    ไม้ครูอีกหน่อยเป็นตำนาน จะหากันไม่ได้ง่ายๆ ครับ เหรียญทำน้ำมนค์อลังการงานสร้างครับ
     
  17. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,373
    ค่าพลัง:
    +13,254
    เรียนถามครับ รายการนี้ แบบไหนครับ ไม่เห็นรูปเลยครับ จะได้จองถูก
     
  18. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่ามาเล่าใหม่
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Lue_b18 อ่านข้อความ
    นำภาพจากเฟสบุ๊คท่านหนึ่งมาให้ชมกัน
    ขอบคุณครับที่นำมาลงให้ชม ตอนนี้พระได้ไปถึงคุณสมชายที่จะเดินทางมา ที่ ลำพูนแล้วครับ เขาบอกว่าไม่เกินสิ้นเดือนขึ้นมาครับ ผมก็อยากเห็น เวลาจัดเตรียมพระและคัดแยกน้อยอีกแล้วครับ ทำให้ชุดกรรมการไม่ได้หมายเลขเดียวกัน คงคละกันไปครับ ส่วนแหวน ทำเพียงเนื้อสัมฤทธิ์ชนวนเนื้อเดียว ท่านที่จองทองทิพย์ไว้ถือว่าได้แหวนราคาสูงขึ้น ส่วนท่านที่จองเนื้อสัมฤทธิ์ไว้ ผมมีพระสมนาคุณเพิ่มให้พิเศษครับ ขอค้นดูก่อนว่าจะมอบอะไรให้....
    ขอแจ้งว่าแหวน เขาว่าสวยงาม (ยังมีอยู่ที่วัด)
    ส่วนเหรียญทำน้ำมนต์เนื้อเงินและพระกริ่งเนื้อเงินที่เหลือไม่กี่องค์หลวงพ่อเก็บไว้แล้ว ตอนแรกจะตั้งราคาห้าพันบาท แต่หลวงพ่อท่านบอกว่า เก็บไว้งานกฐิน ส่วนไม้ครูและวัตถุมงคลรุ่นนี้ พระอาจารย์รูปหนึ่งนำไปขอชมบารมี บอกว่า พลังสุดยอดมาก ต้องไปบูชาเก็บไว้บ้าง เหรียญทำน้ำมนต์พุทธานุภาพสูงมาก ไม่แพงครับไปบูชากันได้ที่วัดพุทธโมกข์ครับ
    ได้ข่าวว่าไม้เท้าท่านปู่พญายมด้ามใหญ่ ที่ทำพิเศษ ๗๐ ด้าม(ไม่ได้เปิดจอง) ตอนนี้ น่าจะเหลือเล็กน้อย ด้ามละ ๒๕๐๐ บาท รีบไปบูชาครับ เพราะหลวงพ่อท่านนำไป จ่ายแจกให้ศิษย์ไกลๆ เหลือเพียง ๓-๔ ด้าม ในตู้วัตถุมงคล แต่ด้ามเล็กและด้ามใหญ่ มีผู้สัมพัสแล้ววันนี้ ว่าพลังแรงสุดๆ เท่าเทียมกัน หลวงพ่อบอกว่า เวลานอนเอาไว้ใต้หมอน ป้องกันอันตรายได้ทุกอย่าง
    พระอาจารย์แจ้งว่า ปีนี้คนมามากกว่าปีก่อนครับ พระมากันหลายร้อยรูป พอเสร็จพิธีก็จัดเตรียมวัตถุมงคลจำหน่าย มีคนสนใจกันมากครับ แต่เนื้อพิเศษต่างๆ หลวงพ่อท่านเก็บไว้แจกงานกฐินครับ และส่วนหนึ่งกันไว้ให้ลูกศิษย์ไกลๆ
    ปีนี้คนตามหามีดฟ้าฟื้นและพระขรรค์กันเยอะครับ
    เห็นรูปไม้ครูในเฟสบุ๊คแล้ว สวยมากครับ ใกล้ได้บูชาแล้ว ส่งพีเอ็มที่อยู่ไปอีกครั้งแล้วนะครับพี่วุฒิ
    ที่วัดเฝ้ารอหลวงพ่อนำวัตถุมงคลออกให้บูชา คณะศิษย์ทางกรุงเทพ โทรจองที่หลวงพ่อกันหลายท่าน คงนำออกให้บูชาหลังงานพุทธาภิเษก ไม่ช้านานคงหมดและจะเป็นที่แสวงหาในไม่ช้าครับ
    หลวงพ่อนำพระกริ่งใส่ขันน้ำมนต์ทำพิธีอธิฐานจิตให้อีกครั้งเป็นพิเศษครับ
    ภาพในงานเททองหล่อพระวัตถุมงคล พุทธโมกข์๕๖ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๕ คุรชัยวิทย์จัดเตรียมเครื่องบวงสรวง หลวงพ่อหนุน ท่านก็มาถึงเช้า ตีรถมาจากเชียงใหม่ครับเสร้จหล่อพระก็เข้าวัดท่าซุงร่วมงานธุดงค์
    ทองคำจากตะกรุดเกราะเพชร ทองคำที่หลวงพ่อท่านนำมาใส่เพื่อหล่อพระครับ
    หลวงพ่อหนุน บวงสรวงอัญเชิญบารมีพระ พรหม เทพ มาร่วมอนุโมทนาแผ่เมตตาบารมีครับ
    หลวงพ่ออธิฐานจิตเททองพระครับ
    หลังจากเททองเสร็จทำการล้างขี้เบ้าดินไทยออก เนื้อเงินครับ พิเศษจริงๆกลายเป็นงานดินไทย ซึ่งไม่ค่อยมีใครทำ เพราะจะเปลืองเม้ดเงินมาก จะอยู่ที่ก้านเป็นส่วนใหญ่
    หลวงพ่อพิจารณาพระกริ่งครับ บอกสวยดีแบบโบราณ
    พระอาจารย์แจ้งว่า ได้ทำพิธีบวงสรวงไปตอนประมาณ ๙ โมงเช้า ช่วงนี้รอน้ำทองหลอมได้ที่ก็จะเททอง พระเดชพระคุณหลวงพ่อหนุนท่านเมตตามาเททองด้วยองค์เองครับ คาดว่าตอนนี้น่าจะได้เททองแล้วครับ รูปในพิธิถ่ายไว้แล้วครับ เดี๋ยวคงได้ชมกัน
    ทราบว่าได้ชนวนพิเศษหลวงพ่อเงินไหลมา พระยืนสามสิบศอกมาเป็นชนวนด้วยครับ
    เมื่อวานนี้ในพิธี หลวงพ่อท่านเมตตานำทองคำมาใส่ในเบ้าหลอมให้ด้วยครับ เนื้อเงินก็ผสมทองคำด้วยครับ และมีชนวนพิเศษ ใส่ตะกรุดเกราะเพชรทองคำ และชนวนสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ วัดท่าซุง ชนวนพระยืนเงินไหลมา ที่พิเศษตะกรุดเกราะเพชรไม่ละลายครับ หลวงพ่อท่านบอกว่า ตอนที่หลอมชนวนท่านลงคาถากันปืนไปด้วย กันปืนยังกันได้ ไฟแค่นี้ก็สบายมาก ท่านบอกตอนบวงสรวงให้หันหน้าไปทางนี้ เพราะทางนี้จะอุดมด้วยโภคทรัพย์ พระอาจารย์บอกว่ายังไม่ได้บอกชื่อรุ่นพระกริ่งท่านเลย ซึ่งตรงกับชื่อรุ่น สำหรับพระกริ่งเนื้อเงิน พิเศษหน่อยพอทุบพิมพ์ออกล้างดินไทยออกแล้วนำมาให้หลวงพ่อท่านดู หลวงพ่อท่านสั่งให้นำไปแช่น้ำมนต์ในขันน้ำมนต์โต๊ะบวงสรวงและทำพิธีอธิฐานจิตให้เป็นปฐมกฤษ์ครับ
    ขออนุโมทนาบุญครับ

    ขอเรียนถามว่า เเบบพิเศษไม่ได้เปิดจอง
    คือต้องไปบูชาด้วยตนเองที่วัดหลังจากพี่เเละ
    ท่านอาจารย์สมบูรณ์ถวายเเล้วใช่ไหมครับ

    พระของหลวงพ่อหนุนในความเห็นส่วนตัว
    ผมคิดว่าสุดยอดมากๆๆเลยครับ
    ตอนนี้ที่ติดตัวก็สมเด็จองค์ปฐมรุ่นเเรกของท่าน
    กับพระคำข้าวรุ่นพิเศษขององค์หลวงพ่อฤาษีน่ะครับ
    ขอได้หมดทุกอย่าง มหาเสน่ห์ มหาเมตตาก็มีพร้อม
    หลังจากถวายหลวงพ่อไว้แล้ว ตามแต่ท่านจะพิจรณาครับ บางครั้งท่านก็ไม่ได้เปิดให้บูชา แต่จะแจกบ้างในงานสำคัญๆ หรือถ้าเงินจัดงานไม่พอท่านจะให้นำออกบูชาก่อนครับ พอถวายท่าน ท่านก็นำเข้าไปอธิฐานจิตให้ก่อนและเปิดให้บูชาก่อนพิธีใหญ่ก็มีครับ แต่พระที่จองในที่นี้ได้เข้าบวงสรวงพุทธาภิเษกครบทั้งหมดครับ
    หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี วัดบ้านฟ่อน อธิฐานจิต ไม้ครูเหรียญทำน้ำมนต์ ชนวนมวลสาร ครับ
    หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ อธิฐานจิตเป็นพิเศษ หลังจากสวดคาถามหาจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว
    หลวงปู่ครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิน อธิฐานจิต หลวงปู่เป็นพระสุปฏิปัญโณทรงกรรมฐานยิ่งครับ
    หลวงพ่อพระมหาสิงห์ วิสุทโธ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ เมตตาอธิฐานจิต เชิญบารมีพระอย่างเต็มกำลัง
    หลวงพ่อพระมหาสิงห์ วิสุทโธ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ เมตตาอธิฐานจิต เชิญบารมีพระอย่างเต็มกำลัง
    หลวงปู่บู่สายเหนือโลก อธิฐานจิต อย่างเต็มที่ครับ ปลุกเสกเสร็จท่านขอเหรียญทำน้ำมนต์ท่านบอกว่าจะไปแจก ของดีนะ.
    หลวงปู่สุภา พระมหาเถระที่อายุกาลร้อยกว่าปี อธิฐานจิตเป้นพิเศษ สุดยอดครับ
    หลวงพ่อวิชา วัดชอนทุเรียน อธิฐานจิต วัตถุมงคลและชนวนมวลสารเพื่อสร้างพระ
    หลวงปู่เช้าศิษย์หลวงพ่อเดิม อธิฐานจิต นานเป็นพิเศษครับ
     
  19. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    พระอาจารย์เล่าว่า ตอนที่มวลสาร เหรียญสมเด็จฯ ไม้ครู นำไปไปอธิฐานจิตที่ หลวงพ่อพระมหาสิงห์ ถามว่าผ่านพิธไหนมาบ้าง พอทราบว่า ท่าขนุน กับท่าซุง ท่านบอกว่า ไม่ต้องเสกแล้ว แต่ก็เมตตาทำให้ ท่านบวงสรวงก่อนและอธิฐานจิต พอเริ่มบวงสรวงฝนตกพอเสร็จพิธีฝนหยุดตกพอดี
    เรียนสอบถามครับพระกริ่งมีอุดมวลสารมงคลที่ก้นพระไหมครับ
    อุดแบบจัดเต็มครับ.....................
    ช่วงนี้ลาพักผ่อนอยู่เพชรบุรีครับ วันพุธกลับ พระอาจารย์ท่านนำไม้ครู พระ และชนวน เดินสายอธิฐานจิต
    พิธีเสาร์ห้าวัดท่าขนุน คณะท่านจารุช่วยยกกล่องพระขอบพระคุณอย่างสูงครับ
    พิธีเสาร์ห้าวัดท่าซุง
    ครูบาเจ้าดวงดี
    หลวงตาม้า
    หลวงพ่อพระมหาสิงห์
    หลวงปู่ครูบาครอง
    หลวงพี่เอก เขาแร่
    ฯลฯ
    และไปต่อที่หลวงปู่สุภา
    หลวงปู่บู่............
    วันนี้ได้รับมวลสารทางคุณชัยวิทย์ที่ได้ส่งมาให้ พรุ่งนี้จะมาแจ้งให้ทราบอีกทีว่ามีอะไรบ้าง
    1.ผงไม้ตายพรายหลายชนิด
    2.ผงว่านรวมหลายชนิดของปู่คำผัดจากประเทศลาว
    3.เม็ดปัฐวีธาตุอธิฐานจิตโดย หลวงปู่คำพันธ์ หลวงปู่ญาท่านสวน หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน
    4.ผงว่านหลายชนิดในประเทศไทย
    5.ผงช่อฟ้าวัดหงส์รันตนาราม
    6.ผงไม้โพธิ์ประเทศอินเดีย
    7.ว่านไฟ
    8.เกษาหลวงปู่ญาท่านสวน
    9.ชันโรงทุกชนิด
    10.ดินกากยายักษ์
    11.ไม้ซ่างแซงอายุร้อยกว่าปี
    12.น้ำมนต์รวมทุกชิดของหลวงปู่ญาท่านสวน
    ดินกากยายักษ์ : เป็นผงที่ทานได้ โดยมีประวัติที่ใช้ดินชนิดนี้สมัยจัดทำพระหลวงปู่ทวดรุ่น "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ดินว่านนี้เป็นดินสีดำตามธรรมชาติ อยู่เป็นทางซึ่งจะเข้าใต้ภูเขา ชาวบ้านแถวนั้นเรียกกันว่า กากยายักษ์ หมายถึงกากยายักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์ ชาวบ้านเอาดินดำนี้มาตากแห้ง หรือย่างไฟกินแก้โรคผอมเหลืองหรือ
    โรคโลหิตจาง เขาว่าดีนักจึงเป็นที่หวงแหนของชาวบ้าน
    ดินกากยายักษ์เป็นว่านชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นของทนสิทธิ์มีคุณอยู่ในตัวมีถิ่นกำเนิดอยู่แถวๆ
    จังหวัดยะลา ลักษณะเป็นผงสีดำปนน้ำตาล มีกากที่ผสมรวมกันอยู่เป็นก้อน ดูแวววาว
    คล้ายแร่ทรายเงินทรายทอง นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างวัตถุมงคล ในรูปแบบ
    ต่างๆ เช่นพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นแรกปี2497 และพระรุ่นปีต่างๆ เป็นต้น

    ว่านดินกากยายักษ์นี้มีจิตวิญญาณของพวกยักษ์ อสูร ที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฐิดูแลรักษาอยู่

    อานุภาพของว่านดินกากยายักษ์นั้นดีทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี โชคลาภ ป้องกัน
    คุณไสย์มนต์ดำ

    นอกจากนี้ว่านดินกากยายักษ์ยังเป็นอาหารของเหล็กไหล
    เชื่อกันว่า เป็นดินวิเศษ ...สีดำสนิท ละเอียด ปราศจากซากพืช ซากสัตว์ ในเนื้อดิน แม่เม็ดแร่ แวววาว ปรากฎในเนื้อดิน

    พอแห้งสนิท เนื้อดินจะออกสีเทา ค่อนข้างดำ

    คุณสมบัติ...ที่พอทราบคือ เมื่อก่อนเขานำดินมาย่างไฟ ผสมน้ำดื่ม แก้โรคตางขโมย

    คงมีอีกหลายอย่าง แต่ผมจำไม่ได้แล้ว ...ใครมีข้อมูลเพิ่มเติม ช่วยบอกกันด้วยครับ

    ดินนี้ ว่ากันว่า ...เมื่อขุดไปเท่าไหร่ ก็จะงอกขึ้นมาเท่าเดิม มีอยู่ที่เดียว คือที่ ต.ลำพระยา อ.เมือง จ.ยะลา
    ชันโรงเป็นแมลงตัวเล็กๆคล้ายผึ้ง ชอบกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้เหมือนกัน ทำรังอยู่ใต้ดิน จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และมักชอบทำรังในบริเวณพื้นที่ค่อนข้างเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คนและสัตว์อื่นๆ

    เมื่อเวลามันถ่ายออกมาจะมีสีดำเหนียวมีกลิ่น หอมประหลาด ซึ่งมันก็จะนำไปสร้างรังให้กับพวกมันนั่นเอง โบราณถือกันว่าชันโรง เป็นของทนสิทธิ์ ทีอาถรรพ์ลี้ลับ อานุภาพของชันโรงใต้ดินนั้นดีทางป้องกันไฟ กันคุณไสยมนต์ดำ มหาอุด แคล้วคลาด นักไสยเวทย์นิยมนำมาอุดที่หลังเบี้ยแก้ และทำเครื่องราง
    จะขอนำเสนอเรื่องราวเล็กๆที่ผมนิยมเป็นการส่วนตัวและเข้าใจว่ามีกลุ่มผู้คนที่นิยมพระเครื่องที่มีส่วนผสมของประเภทนี้อยู่บ้างนั้นคือ"ชันโรง"
    ลักษณะของ "ชันโรง" ที่นำมาใช้ประกอบจัดสร้างวัตถุมงคงหรือวัตถุอาถรรพ์นั้น จะเป็นยางไม้เหนียวข้นคล้ายกับชันที่ยาเรือ ตัวชันโรงจะเก็บยางจากไม้ใหญ่ต่างๆนำมาผสมกับมูลแล้วอุดรูร่องรอยสร้างขึ้นเป็นรัง

    เราจะสามารถพบเห็นรังของชันโรงได้ตามโคนตันไม้ใหญ่ๆ ตามโพรงของกิ่งไม้และบริเวณดิน ชันโรงใต้ดิน ตามธรรมชาติชันโรง เป็นชื่อของผึ้งชนิดหนี่งมีรังเป็นยางเหนียว สีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ ชันโรง ส่วนใหญ่ทำรังบนต้นไม้ ชาว เรือเอาไปอุดรอยต่อของไม้กระดานเรือ มี 2 ชนิด

    คือชันโรงบนต้นไม้และ ชันโรงใต้ดิน ซึ่งชันโรงใต้ดินเป็นของอาถรรพณ์ ปกติชันโรง ใต้ดินอยู่ที่ไหนที่นั่นจะไม่ไหม้ไฟ ชันโรงใต้ดินมีอิทธิคุณ ตามธรรมชาติเป็นมหาอุด กันไฟ กันคุณไสยได้


    ในทางวิทยาศาสตร์ก็ให้ความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเลย
    คนโบราณ จึงนำ ชันโรง ใต้ดิน มาปิดปากเบี้ยไม่ให้ปรอทหนี ความจริงชันโรงเป็นชื่อของแมลงชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกลูผึ้ง มีขนาดลำตัวเล็กกว่าและไม่มีเหล็กในในตัวเอง นิสัยเป็นมิตร ไม่ดุร้าย มีวิถีชีวิตคล้ายคลึงกับผึ้ง เช่น มีนางพญา มีชันโรงงาน และมีชันโรงตัวผู้สามารถผลิตน้ำหวาน และขยายเผ่าพันธ์ ในลักษณะ เช่นเดียวกันกับผึ้ง ในสมัยโบราณเราสามารถพบตัวชันโรงได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย

    ทางภาคเหนือจะเรียกว่า แมลงขี้ตังนี หรือแมลงขี้ตึง แปลว่าแมลงที่ผลิตหรือเก็บน้ำยางได้ ทางภาคอีสานเรียก แมลงขี้สูด นิยมนำมาอุดแคน หรือถ่วงเครื่องดนตรีประเภทระนาด โปงลาง
    ทำให้เกิดเสียงไพเราะ

    ส่วนภาคใต้เรียกตัว อุง ถ้าตัวเท่าแมลงหวี่เรียกอุงแมงโลม เพราะชอบมาตอมไต่ผู้คนเวลาเดินป่า ถ้าตัวใหญ่เรียก อุงหมี นอกจากนี้ บางพื้นที่ยังรู้จักในชื่อ ตัวชำมะโรง อีกด้วย

    ชันโรงที่เป็นของดีโดยธรรมชาติ ที่ไม่ต้องปลุกเสกคือ แมลงที่ทำรังในระดับทางเดินของคน มีชื่อเรียกภาษาอีสานว่า สูดเพียงดิน หมายถึงแมลงชนิดนี้ ทำรังระดับเดียวกันกับพื้นดิน

    แล้วทำท่อขึ้นมาจากพื้นดินครับ ซึ่งปกติแล้วแมลงชนิดนี้มักจะทำรังในที่สูงครับ เช่นโพรงไม้หรือจอมปลวกครับ สูดเพียงดิน นี้ค่อนข้างจะหายากครับ ถ้าใครเจอให้เก็บไว้เลยนะครับเป็นของดีจาก

    ธรรมชาติ เมื่อพบแล้วต้องทำพิธีกรรมตามตำรา แล้วขุดลงไป บางทีต้องขุดลึกถึง 1-2 เมตร จึงจะได้ชันโรงตามที่ต้องการ ส่วนชันโรงอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำวัตถุอาถรรพ์ ก็คือ
    ชันโรงที่พบในโพรงไม้ที่ยืนตายซาก โบราณท่านว่าดีนักแล

    การทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นวัตถุมงคลนั้นถือว่าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณ ผู้ทำจะต้องทรงวิทยาคุณแก่กล้า และรู้จักวิธีการ "หา" ชันโรง ที่นิยมใช้กันมาแต่โบร่ำโบราณจะเป็นชันโรงใต้พื้นดิน โดยจะต้องเริ่มสังเกตโพรงบนพื้นดินที่ยื่นขึ้นมาเป็นรูปกรวย ซึ่งตรงกลางจะกลวง กรวยดินนี้จะกระจัดกระจายอยู่ในละแวกเดียวกันหลายกรวย ซึ่งก็คือทางเข้าออกของตัวชันโรงที่อยู่ใต้ดิน ให้สังเกตบริเวณใกล้ๆ กันนั้นมักจะมีจอมปลวกขึ้นอยู่ด้วยโบราณณาจารย์นิยมนำชันโรงมาอุดก้นพระชัยวัฒน์ พระกริ่ง เนื่องจากคติความเชื่อว่าชันโรงเป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้วัตถุที่ลงอาคม เม็ดกริ่ง กระดาษสาเขียนยันต์ ผงใบลาน พระคาถา ที่คณาจารย์ทำพิธีและบรรจุไว้ในพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ตลอดจนวัตถุมงคลอื่นๆ หลุดออกไปจากวัตถุมงคลหรืออุดปรอทในเบี้ยแก้ เบี้ยจั่น

    ปัจจุบันจะหาใครทำชันโรงประกอบขึ้นเป็นสิ่งมงคลได้ยากแล้ว คนที่รู้จักก็น้อยลง และรังชันโรงก็ถูกตึกรามบ้านช่องรุกราน ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ตามท่อน้ำประปา หรือรูตามเสาไฟฟ้า ต้นไม้ที่จะเก็บยางก็ไม่มี จนดูท่าชันโรงอาจจะสูญสลายหายไปในที่สุด คติโบราณท่านถือว่านอกจากชันโรงจะช่วยปกปักรักษาของดีแล้ว ด้วยความที่ชันโรงเป็นแมลงไม่ดุร้าย จึงมีเสน่ห์ทางเมตตามหานิยมอีกด้วย

    ดังนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยมอีกด้วย ดั้งนั้น หากผู้ใดได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ประกอบขึ้นด้วยชันโรงก็นับได้ว่าผู้นั้นได้ครบถ้วนแล้วซึ่งของที่มีคุณวิเศษและเมตตามหานิยม
    “ไม้ช่อฟ้าเก่า” พระอุโบสถวัดระฆังฯสมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มีอายุนับร้อยปี ซึ่งได้รับมอบจากหลวงพ่อละมูล อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ เมื่อปี 2518 ไม้ช่อฟ้าเก่าวัดระฆังฯดังกล่าวได้ถูกเผาทิ้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงเท่าที่นำมาจัดสร้างวัตถุมงคลที่วัดเจ้าอามแห่งเดียวเท่านั้น
    ไม้ช่อฟ้าเก่าวัดหงส์รัตนาราม น่าจะเก่ากว่าของวัดระฆัง
    ไม้มะยมตายพราย รวมไปถึงไม้ตายพรายตายอื่นๆ ครูบาอาจารย์ถือว่าเป็นของอาถรรพณ์ เพราะยืนตายทั้งๆที่ใบดอกผลเป็นของแปลกตามธรรมชาติ ไม่เน่าตาย ไม่ล้มตายอย่างที่ควรจะเป็น เทียบได้กับศพของคนที่ตายแล้วแห้งไปเฉยๆ

    ดังนั้นไม้มะยมตายพราย จึงเป็นของดีที่มีอาถรรพณ์ตามธรรมชาติ คนสมัยก่อนมักนำมาทำเป็นรักยม กุมารทอง และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ


    มีความเชื่อว่าไม้พวกนี้มีวิญญาณอยู่ภายใน เรียกว่า พวกพรายนั่นเองครับ

    และเมื่อนำมาแกะด้วยอำนาจของพรายในเนื้อไม้ย่อมทำใหของที่ทำขึ้นมีความศักดิ์สิทธ์เป็นอัศจรรย์
    ที่เอามาทำมวลสารนั้นมี
    1.ไม้คุณยืนตายพราย
    2.ไม้มะยมยืนตายพราย
    3.ไม้กระท้อนยืนตายพราย
    เกษาหลวงพ่อหนุนตอนนั้นได้พาแม่อิ๊ด ไปกราบหลวงพ่อหนุนพร้อมถวายแร่โคตรเศษรฐี
    หลวงพ่อหนุนท่านบอกว่าเกษาของท่านนั้น ใครมีพกติดตัวไปไหนพวกผีกลัว พวกคนเล่นของปล่อยของจะไม่กล้าเข้ามาไกล้เลย มันจะเกิดอาการร้อนจนอยู่ไม่ได้
    เกษาของครูบาอาจารย์ที่มีตะบะอันแก่กล้านั้นมักจะเป็นอย่างนี้ เพราะผ่านการฝึกฝนจิตมาอย่างดี(แบบสุดๆๆๆๆ)อย่างที่คนธรรมดาจะทำได้ ทนได้ จึงมีพลังงานพิเศษที่เกิดจากการฟอกจิตมาอย่างดีเยี่ยม แบบมนุษย์กบ บกก็ได้ น้ำก็ได้ อากาศก็ได้
    ผลึกเกล็ดพญานาคมีลักษณะขึ้นเป็นผลึกมีสีเหลือบประกายรุ้งคล้ายเกล็ดของพญานาคตามความเชื่อ มีแร่หลายชนิดปะปนอยู่ ผลึกเกล็ดพญานาคนี้เชื่อว่ามีพลังงานของเหล่าพญานาคช่วยปกปักรักษาอยู่
    เป็นแร่หนึ่งเดียวที่มีสีวาวประกายรุ้งเจ็ดสี เชื่อว่าใครมีไว้ครอบครองจะบัลดาลโชค ความสำเร็จ สามารถใช้ในการปฏิบัติฝึกสมาธิจิต จะเข้าถึงซึ่งพลังงานได้ และเข้าถึงสมาธิได้ เป็นหินเกล็ดพญานาคเจ็ดสีที่หายากและควรแก่การครอบคอง
    กาฝากถือเป็นไม้พันธุ์ชนิดหนึ่งที่จะอาศัยต้นไม้ใหญ่ในการดำรงค์อยู่โดยการแทรกรากเข้าไปดูดกินน้ำเลี้ยงของต้นไม้นั้น โดยส่วนมากกาฝากมักจะเกิดขึ้นเฉพาะในต้นไม้ที่มีเปลือกลายหนา ส่วนต้นที่มีผิวลื่นมักจะไม่เกิดกาฝาก คนโบราณกล่าวขานกันมานานถึงความวิเศษมีคุณในตัวของกาฝากว่าถ้ากาฝากไปจับต้นไม้มงคลต้นใดต้นนั้นมักมีนางไม้อาศัยอยู่ กาฝากนั้น เชื่อว่ามีอิทธิคุณวิเศษเหลือหลายดีเด่นทางด้านเมตตาค้าขาย ร่ำรวยเงินทองมักเป็นที่เสาะหากันมาแต่โบราณแต่กาฝากจะเกิดได้ยากมากอาจมีเพียง 1 ใน 100 ที่จะเกิดกาฝากบนต้นไม้มงคล กาฝากนี้เป็นกาฝากต้นคูณซื่งจะหาได้ยากยิ่งมาก เพราะมักจะไม่เกิดกาฝากบนต้นคูณ โบราณเชื่อว่ากาฝากคูณมีอิทธิคุณทางด้านค้าขายร่ำรวย เป็นมหานิยม ใครบูชาหน้าร้านค้าขายมีแต่คนนิยมชมชอบติดอกติดใจ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง
    วิธีบูชา บูชาหน้าร้าน จะค้าขายร่ำรวยเงินทอง หนือนำไปแกะเป็นปลัดขิกค้าขายดีนักแล หรือนำไป ทำเป็นเครื่องรางทางด้านเมตตา ค้าขาย รวยกันทั่วหน้า
    คต ตามภาษาคนที่เล่นของ เค้าเรียกแทนสิ่งๆหนึ่งที่ผิดแปลกธรรมชาติ แปลกกันจิงๆ เกิดมาไม่เหมือนชาวบ้าน หาก็ยาก มีความอัศจรรย์ มีความขลัง เปนที่อยากได้ของผู้คนมากมาย คต สามารถเกิดได้กับพืช สัตว์ (รวมทั้งคนด้วย) เกิดมาด้วยความอาถรรพ์ ผู้เฒ่าผู้แก่บอกกันมาว่า เทวดาที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกเพื่อฝึกตบะ เมื่อฝึกได้มาพอก้อได้ขอสิงสถิตมายังสิ่งๆหนึ่ง เมื่อสิ่งนั้นถูกรวมกับกายทิพย์ของท่านก้อจะกลายเปงหินไปทันที นี้จะหมายถึงคดที่เปงจำพวกกลายเปนหินคับ ส่วนเขี้ยว เขา เค้าก้อบอกกันมาว่า สัตว์ที่เปงเจ้าของมีตบะที่แรงกล้า อาจจะให้หมายถึงเปงเทวดาก้อได้นะ อวัยวะบางอย่างของมันจะเปงสิ่งที่คุ้มครองเจ้าของของมันให้รอดพ้นจากอันตราย จะเกิดขึ้นกับสัตว์บางตัว คดนั้นหายากจิงๆ หาเจอได้เพียง 1 ใน 1000 คต มีรูปแบบการเกิดที่ต่างกัน ความขลังก้อมีหลากหลาย วิธีหาคดก้อมากมาย อยู่ที่ความพยายามและบุญกรรมที่สะสมกันมาหลายภพหลายชาติ ได้มาครอบครัวก้อหาช่ายว่าจะเที่ยวไปอวดใครๆให้มากนักได้ ทดลอง ทดสอบความขลังก้อไม่ควร และยังต้องปฏิบัติให้ตนอยู่ในหลักธรรมด้วยครับ

    ดักแด้หิน ขนาดใหญ่ใหญ่กว่าดักแด้ในธรรมชาติทั่วไป ขุดได้จากถ้ำโดยพระอาจารย์เขียว เป็นของหายากน่าเล่น พิสูจได้จริง รับประกันมีตัวตนทุกตัวครับ เวลาที่มีเหตุเพศภัยหรือมีโชคจะร้องได้ เหมือนจิ้งหรีด เป็นหิน แต่มีชีวิตครับ และจะร้องเวลาวันพระ ในตอนดึกๆ ร้องครั้งล่ะ 2 สามครั้ง บางตัวก็ร้องเหมือนกบครับ พระอาจารย์ผมท่านการันตีมาเลยว่า ถ้าหมาตัวไหนดุ เอาดักแด้นี้พกติดตัว รับประกันเลยครับ ว่าหมาไม่กัด ถ้ากัดก็ไม่เข้าครับ (ควรใช้วิจารญาน) หรือถ้าโดนแมงป่องตะขาบกัดไห้เอาดักแด้ ฝนผสมน้ำมะนาวทา หายเป็นปริดทิ้ง และยังมีพรรคุณอื่นๆๆ อีกมากมาย
    วัตถุตัวนี้ขอแนะนำว่ามีพุทธคุณและหายากครับ ถ้าจะทำทางเมตตาค้าขายท่านไห้เอาน้ำมันหอมเจิมแต้ม บูชาค้าขาย ถ้าจะเล่นสาวหรือมหาเส่ให้บูชาโดยน้ำผึ้งครับ กินน้ำผึ้งเป็นอาหาร อย่าได้ขาดทุกวันพระ รุ่นตัวนี้เป็นตัวคัดพิเศษขนาดใหญ่ และคัดพิเศษ มีปรอททุกตัว เพราะเมื่อกลายเป็ฯดักแด้หินที่อยู๋ตามโผงถ้ำแล้วด้วยระยะเวลานาน ดักแด้ก็จะฝังตัวอยู่ตามผืนถ้ำทำไห้ปรอท เข้าไปอยู่ในตัวดักแด้ บางตัวจะร้องเหมือนจริงหรีดทุกวันพระ ต้องให้กินน้ำผึ้งถึงจะหยุดร้อง แต่ทุกตัวท่านว่าร้องทุกตัวเพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาบางตัวอาจไม่ร้อง รุ่นที่นำมาไห้บูชานี้ ยังไม่ได้คัดว่าร้องหรือไม่ แต่ถ้าเป็นดักแด้ตัวที่ร้อง ซื้อขายกันที่ราคาตัวล่ะ 30000-100000 บาทเลยทีเดียว รุ่นนี้คัดแล้วว่ามีปรอททุกตัว แต่ยังไม่ได้คัดว่าร้องหรือไม่เพราะฉนั้นใครที่จองไว้ก่อนแล้วเอาไปก็แล้วแต่ว่าถ้าท่านมีบุญก็อาจดวงดีได้ตัวร้องไปบูชา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการบูชา รับประกันมีตัวตนทุกตัว เป็นของปู่ฤาษีท่านรักษาไว้ มีจำนวนจำกัด

    ดักแด้ทุกตัวมีกลิ่นหอมโดยไม่ได้มีการแต้มเติมอ่ะไร จะหอมโดยธรรมชาติ ท่านห้ามเอาน้ำประปาหรือน้ำหอมวิทยาศาสตร์มาแต้ม จะบูชาโดยการแช่น้ำหรือห้อยบูชาก็ได้ถ้าห้อบบูชาไม่ต้องให้น้ำผึ้งหรือน้ำเปล่า เพราะดักแด้จะอยู่กับธาตุคน
    เชือกประกำทำจากหนังควายบิดม้วนเป็นเส้นทำด้วยกรรมวิธีโบราณ ปลุกเสกประจุอาถรรย ทำขึ้นโดยครูหมอประกำโบราณที่เดินทางเข้ามาสุรินทร์สมัยรวมช้างที่จังหวัดสุรินทร์เมื่อ 200 ปีก่อน ใช้ในพิธีกรรมการคล้องช้าง หรือ ที่เรียกว่าจับช้างในสมัยโบราณ ผ่านการคล้องช้างมาแล้วหลายสิบเชือก เป็นของมงคลอาถรรย์ โบราณถือว่าเป็นของศักสิทธิ์ มีแรงอาถรรยแห่งครูประกำ ทำให้สามารถคล้องช้างพันธนาการช้างไว้ไห้อยู่ ไม่ให้หนีไปไหน ท่านว่าถือเป็นของอาถรรย์ มีอายุเกือบ 100 ปี ท่านถือว่าเป็นของอาถรรย์ ปัจจุบัน มีเหลือน้อยมาก ส่วนมากจะนำขึ้นศาลประกำเพื่อบูชาหมด มีเหลือจากครูหมอประกำที่ท่านเก็บไว้ อยู่บ้างจำนวนน้อยจึงได้มาน้อย ท่านถือเป็นของมงคลอาถรรย ยิ่งนักใครผู้ไดมีไว้ครอบครองจะเกิดโชคลาภมีเสน่หา ผู้คนรักหลง เอาติดตัวไปทำมาค้าขึ้นเป็นของค้ำคูณสำหรับครอบครัว มีค่ามากถึงขนาดเจ้าของเดิมที่เลื่อยตัดให้ยังต้องเก็บเอาแม้แต่เศษผง ท่านว่ามีแล้วไม่อดอยากแคล้วคลาดปลอดภัย พกไปไม่ตายโหง มีอำนาจบารมีพ้นคุกพ้นตางราง ถือเป็นเครื่องรางมงคลอาถรรย์ที่หายากยิ่งนักและสมัยนี้ไม่มีการคล้องช้างแล้วจึงนับว่าหายาก ยากที่จะได้มาครอบครอง ถือเป็นเครื่องรางอาถรรย์ที่ให้โชคลาภสุขสมหวังดังปราถหนา
    สอบถามครับ มวลสารทั้งหมดที่ยกมา ได้นำไปรวมทำ พระกริ่ง ล็อเกต แหวน ด้วยหรือปล่าวครับ
    ตอบ รวมครับ ยกเว้นเกษาจะบรรจุในไม้ครู+ปรอท+ชันโรง+ตะกรุด
    ที่จริงเฉพาะตะกรุดอย่างเดี่ยวก็ คุ้มแล้วครับเพราะเอามวลสาร 3 ชนิด มาหลอมรวมกันคือ
    1.เหล็กเปียกพระธาตุพนม
    2.แร่โคตรเศษรฐีของแม่ชีประทุม
    3.หัวลูกปืนเนื้อตะกั่ว อธิฐานจิตโดยหลวงน้าสายหยุด
    วัตถุมงคลรุ่นนี้ก็มีชนวนทั้งโลหะของพระกริ่ง นเรศวรอยุ่ด้วย คุณมารุตพงศ์ ดอกแดง บริจาดรวมบุญผสมสร้างสมเด็จองค์ปฐมของหลวงพ่อหนุนและได้ให้ผงอิฐมาด้วย
    ได้นำชนวนมาสร้างรุ่นนี้ด้วยครับ ส่วนผงอิฐได้มา 2 ที่ จากคุณมารุตพงศ์ ดอกแดงและทางศิษย์หลวงตาม้าครับ
    ธาตุกายสิทธิ์ แร่โคตรเศรษฐี

    พอดีเวลาบ่ายของวันหนึ่งประมาณเกือบสองโมงเศษ ได้มีแม่ชีเดินเข้ามาในสำนัก ข้าพเจ้ามองดูรู้ว่าแม่ชีที่เดินเข้ามาในสำนักนี้ คือแม่ชีที่ข้าพเจ้าเชิญให้ออกจากสำนักนี้ไปนานแล้ว แม่ชีนั่งลงกราบข้าพเจ้าพูดพร้อมกับหยิบห่อกระดาษในกระเป๋าหิ้วให้ข้าพเจ้าดู
    เธอเล่าต่อไปว่า"ของสิ่งนี้มีคนเขาฝากมาให้คุณแม่เพื่อสร้างพระมหาวิหาร"
    ข้าพเจ้าจึงได้ถามแม่ชีขึ้นว่า "ใครเป็นผู้ฝาก เป็นหญิงหรือชาย"
    แม่ชีเธอตอบขึ้นว่า "เป็นผู้ชายค่ะ"
    ข้าพเจ้าจึงได้ซักถามเธอต่อไปว่า "ไหนเธอลองเล่ามาให้ฟังซิว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรมาตั้งแต่ต้น"

    แม่ชีเล่าว่า "ในคืนนั้นดิฉันได้ปฏิบัติอยู่ในถ้ำประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้ เกิดนิมิตเห็นผู้ชายแต่งตัว ทรงเครื่องสวยงามอร่ามแพรวพราว
    ระยับเป็นสีทอง ยืนอยู่ข้างหน้าดิฉัน ชายผู้นั้นได้พูดขึ้นว่า พรุ่งนี้ตอนสองโมงเช้าจงแต่งขันธ์ห้าขึ้น และจงมานั่งตรงนี้ ฉันจะฝากของเธอ เอาไปให้กับแม่ชีปทุมเพื่อร่วมสร้างพระมหาวิหาร ดิฉันรับคำท่าน ท่านก็หายวับไป พอรุ่งเช้าดิฉันจัดแจงแต่งขันธ์ห้า พอได้เวลาที่ท่านสั่ง ดิฉันได้ไปนั่งตามเดิมพร้อมเครื่องบูชาขันธ์ห้า ดิฉันนั่งสมาธิไปจนถึงสิบโมงกว่า จึงคลายออกจากสมาธิพอลืมตาขึ้นก็เห็นของสิ่งนี้วางอยู่ ดิฉันรู้ทันทีว่าของที่วางนี้เป็นของที่ท่านฝากให้คุณแม่ ดิฉันจึงนำมา เพราะตรงที่ดิฉันนั่งปฏิบัตินั้นฉันกวาดเตียนไม่เคยมีอะไรมาก่อน ดิฉันนั่งปฏิบัติมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วค่ะ ฉันไม่เห็นมีอะไรเลย "

    ข้าพเจ้าบอกให้แม่ชีแก้ห่อดูของ ข้าพเจ้าเห็นของที่ห่อมามองดูเหมือนก้อนหินที่ที่ขรุขระและมีรอยถูกตัดไป รอยที่ตัดมีแสงไม่เหมือนตะกั่ว ตะกั่วไม่มีแสงจึงทำความแปลกให้ข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงถามแม่ชีว่า "ของนี้ทำไมจึงมีรอยถูกตัดออกไป "
    เมื่อแม่ชีได้ฟังข้าพเจ้าถามขึ้น แม่ชีมีสีหน้าไม่ค่อยดี
    เธอตอบขึ้นว่า "ดิฉันได้ของแล้วห่อของ รีบเดินทางตั้งใจจะนำของมาให้คุณแม่ตามคำสั่งของท่าน เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางได้พบกับชายคนหนึ่งเขาทำงานอยู่แถวนั้นเขาขอดู เขาเห็นฉันหิ้วหนักมาก ฉันจึงให้เขาดู แล้วเขาขอฉัน ฉันจึงให้เขาค่ะ ดิฉันคิดว่าคงไม่เป็นอะไร ของที่เขาขอตัดไปก็นิดเดียวเอง"

    ในที่สุดเธอลาจากไป ข้าพเจ้าได้ให้ปัจจัยเป็นค่าเดินทางกับเธอ ข้าพเจ้ารับของก้อนโคตรเศรษฐีใส่พานมีผ้าขาวปูรองรับ มีดอกมะลิบูชาตั้งไว้ที่หน้าหน้าหลวงปู่ปาน
    ครั้นพอตกกลางคืน ในเวลาเช้ามืดของคืนวันเดียวกันกับวันที่รับของ ในเวลาตอนตีห้าครึ่งพากันออกจากพระกรรมฐาน เพื่ออุทิศส่วนกุศล
    ทำอย่างนี้เป็นประจำตลอดมา เมื่อพากันอุทิศส่วนกุศลจบลง ข้าพเจ้านั่งอยู่ในกลด เห็นว่าเสร็จกิจแล้วจึงหยิบยานัตถุ์ขึ้นมาทำท่าจะนัดยา มุ้งกลดของข้าพเจ้าบางมาก ในทันใดมีความรู้สึกว่ามีคนมายืนใกล้ๆกลดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้ชำเลืองตาดูเห็นคนมายืนอยู่จริงๆ
    ท่านแต่งตัวสวยงาม ยืนชะโงกดูของที่ได้รับมาจากแม่ชีเมื่อตอนบ่ายนั่นเอง ท่าที่ท่านยืนคือขาซ้ายเยื้องไปอยู่หน้า ขาขวาลดลงมาหลัง
    ยืนชะโงกดูของในพานเอามือไพล่หลัง ขาใหญ่มาก ข้าพเจ้าชำเลืองดูเห็นแต่ขา ส่วนหัวเข่ามองไม่เห็นเพราะขาของท่านยาว ไม่สามารถจะเห็นเข่าได้ข้าพเจ้านึกรู้ได้ทันทีว่า ท่านคงตามมาดูของ
    ข้าพเจ้ายกมือขึ้นพนมและพูดกับท่านว่า "ท่านผู้เจริญที่เคารพ ขณะนี้ของที่ท่านส่งมาให้ดิฉัน ดิฉันได้รับแล้วและได้บูชาไว้กับหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤาษีที่ท่านได้ชะโงกดู อยู่นั่นแหละค่ะ ต่อแต่นี้เป็นต้นไปทั้งท่านและดิฉัน จะได้ร่วมสร้างพระมหาวิหารแล้วในเวลา
    อันใกล้นี้ ขอท่านจงปกปักรักษาย่าให้ใครมาแย่งชิงเอาไปนะคะ สำนักนี้มีแต่ผู้หญิงท่านผู้มีตาทิพย์จงช่วยสอดส่องดูแลเอาไว้ให้ดี และขอท่านจงโมทนาในความตั้งใจดีต่อพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ด้วยเทอญ"
    ท่านโมทนาเมื่อข้าพเจ้าพูดจบลงท่านหายวับไปฉับพลัน

    นี่ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาเปล่า มิได้ห็นด้วยสมาธิ ที่เขียนมาตรงๆอย่างนี้มิได้โอ้อวด ด้วยประการใด เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจริงๆ
    เมื่อผู้ใดอ่านท่านจะเชื่อหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของท่าน สำหรับข้าพเจ้าขอเอาศีลเป็นพยานเท่านั้น
    ข้าพเจ้า วางของลงที่โต๊ะนั่งของหลวงพ่อนั่ง ข้าพเจ้าก้มลงกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาหลวงพ่อพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า "นี่โยม โยมชีจะเอาของมาทำฉันหรือ เห็นเป็นมันวาววับโยม"
    ท่าน พูดท่านยิ้มมองดูของ ท่านถามข้าพเจ้าว่า "นั่นอะไร"
    ข้าพเจ้า ตอบท่านว่า "ไม่ทราบว่าเป็นอะไรค่ะ โยมปฏิบัติธรรมได้ของสิ่งนี้มาค่ะ หลวงพ่อ โยมนำมาให้หลวงพ่อดู"
    หลวง พ่อมองดูแล้วพูดว่า "ดีนะโยม ของนี้เป็นของพันปีมีค่ามหาศาล"
    "โยมอยากทราบว่าเป็นอะไรเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อพูดว่า " ดี.. เอาไปให้ด็อกเตอร์เขาดูบ้างซิ เผื่อเขาจะรู้บ้าง"
    ข้าพเจ้าเห็นคนเข้ามาถวายสังฆทานกันมาก จึงถอยออกมาเดินไปหาด็อกเตอร์เอาของให้ดู
    ด็อกเตอร์พูดว่า "หลวงพ่อว่าเป็นอะไร ก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ"
    ข้าพเจ้าลาด็อกเตอร์ออกมานั่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งลง หลวงพ่อได้เมตตาสั่งข้าพเจ้าขึ้นว่า
    "โยมที่เอาของให้ดู นั่นนะ ของโยมพันปีเก็บไว้ให้ดีอย่าไปทิ้งเสียล่ะ มีค่ามหาศาล"
    หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้กราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลับปากช่อง
    แร่เหล็กไหลเปียก
    เหล็กไหลเปียกเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งที่หายากและไม่ค่อยพบเห็น เหล็กไหลเปียกจะมีความใกล้เคียงกับเหล็กไหลเงินยวงหรือเหล็กไหลชีปะขาว คือมีผิวพรรณวรรณะเป็นสีเงินยวง แต่สามารถกลับกลอกสีผิวตัวเองได้จากขาวเป็นดำและจากดำเป็นขาว คล้ายโลหะจำพวกเงินที่เมื่อโดนอากาศแล้วจะทำให้สีผิวเปลี่ยน แต่เหล็กไหล เปียกยิ่งอัศจรรย์กว่านั้นเพราะโลหะจำพวกเงินเมื่อเปลี่ยนสีผิวจาก ขาวเงินยวงเป็นสีออกดำแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นสีเดิม ได้เอง ต่างกับเหล็กไหลเปียกที่สามารถเปลี่ยนสีผิวตนเองให้กลับไป กลับมาได้ เหล็กไหลเปียกหรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า เหล็กเปียก นี้มีอิทธิฤทธิ์เป็นที่น่าอัศจรรย์คือสามารถเรียกหยดน้ำในอากาศมารวมตัวกันได้ ไม่ว่าเหล็กเปียกจะอยู่ที่ไหนก็จะมีความชุ่มชื้นที่นั่นดุจเดียว กับเหล็กไหลน้ำ เหล็กเปียกมักพบเป็นก้อน มีสัณฐานดั่งก้อนแร่ใต้ดิน

    เท่าที่บันทึกไว้ ครูบาโพนสะเม็กซึ่งเป็นพระอริยเจ้าทางฝังลาวเป็น ผู้ที่ค้นพบเหล็กไหลเปียกจากการนั่งทางในแล้วนิมิตเห็นแร่กายสิทธิ์ ระเภทนี้ ท่านจึงได้นำเอาแร่ชนิดนี้มาหลอมแล้วนำมาเคี่ยวด้วยวิชา อาคมและได้นำเหล็กเปียกมารีดเป็นแผ่น หลังจากนั้นนำไปบรรจุไว้ ที่ยอดฉัตรของพระธาตุพนม ด้วยเชื่อว่ามีอานุภาพทางป้องกันฟ้าผ่า อัคคีภัยและบันดาลความร่มเย็นเป็นสุขได้ฤทธิ์อำนาจจากเหล็กไหลเปียกทำให้หัวไม้ขีดยุ่ย ดินปืนเปียก ไม่อาจจุดระเบิดหรือติดไฟขึ้นมาได้ ซึ่งคล้ายคลึงกับฤทธิ์อำนาจของ เหล็กไหลน้ำ และเหล็กไหลชีปะขาว เพียง แต่มีลักษณะรูปพรรณสัณฐาน ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ฤทธิ์ของเหล็กเปียกจะก่อให้เกิดความชื้น ขึ้นทุกครั้ง จะเห็นได้จากการที่พระพุทธรูปบางองค์มีนาออกจาก พระเคืยรซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเกิดขึ้นจากการนำเอาแร่เหล็กเปียกชนิด นี้หล่อหลอมลงไปในเนื้อธาตุที่ใช้ในการสร้าง ทำให้สามารถเรียก ละอองนั้าในอากาศมารวมตัวกันจนกลายเป็นนาอยู่ภายในเคืยรของ พระพุทธรูป เช่น พระพุทธรูปที่วัดนาอู จังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือ พระพุทธรูปที่วัดตูม จังหวัดอยุธยา เป็นต้น
    กะลาที่เป็นวัตถุมงคลตามธรรมชาติที่ดี และมีเทพรักษาอยู่ในตัวก็คือ กะลาตาเดียว ซึ่งจะมีลักษณะที่ผิดแผกไปจากธรรมชาติของกะลาทั่วไป ก็คือจะมีปากที่เป็นรูงอกของหน่อหนึ่งรู และก็จะมีตาที่เป็นส่วนบุ๋มลงไปเพียงหนึ่งตาเท่านั้น โดยจะมีเส้นสาแหรกที่เห็นชัดแบ่งกะลาออกเป็นสองส่วน กะลาชนิดนี้เป็นวัตถุมงคลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ถ้านำมาแกะหรือขัดจะดำ เงา แม้ยังไม่นำมาทำพิธีกรรมทางศาสนาก็ใช้ได้ดีแล้ว
    แต่การที่จะหากะลาตาเดียวสักลูกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากพอสมควร เพราะว่ากะลามะพร้าวทั่วไปเป็นร้อยเป็นพันลูก จึงจะเจอสักลูกสองลูก ถ้าผู้ใดพบเจอก็นับว่าโชคดีของผู้นั้นทีเดียว ผู้รู้สมัยก่อนจะตัดกะลาเป็นสองส่วน นำส่วนที่มีตาเดียวไว้ใช้ตักข้าวสารหุงกิน เพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการทำมาหากินให้กับครอบครัว ไม่มีคำว่าอดอยาก บังเกิดผลสมบูรณ์ทุกอย่าง ในการทำมาหากินประกอบอาชีพทุกๆอาชีพ
    สรรพคุณตำราโบราณ (กะลาตาเดียว)
    เป็นอำนาจทางคงกระพันชาตรี มหาอุดอย่างยอดเยี่ยมที่สุด
    มีอำนาจในทางป้องกันภูตผีปีศาจ ทำลายอำนาจมนต์ดำ ลบล้างกันคุณไสย เสนียดจัญไร ลมเพลมพัดได้ดีที่สุด
    เป็นสื่อนำทรัพย์สินเงินทอง ข้าวปลาอาหาร สิ่งดีๆเข้ามาหาผู้บูชา คำว่า อดอยากเป็นไม่มี คือสามารถหาเงินทองมาได้ตลอดไม่ขัดสน (แต่จะเหลือหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง)
    มีความเจริญในการทำมาหากิน เลือกสวนไร่นา รับราชการ มียศฐาบรรดาศักดิ์ ค้าขายร่ำรวย ทุกอาชีพ
    เป็นเมตตามหานิยม แก่ผู้พบเห็น เข้าหาเจ้านาย หรือเพศตรงข้าม
    ใช้รักษาโรค
    เป็นความเชื่อที่มีมาแต่โบราณกาล ว่ากะลาตาเดียวเป็นทนสิทธิ์ มีฤทธิ์ในตัวตามธรรมชาติ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้บุกเบิกยุคแรกที่นำวัตถุประเภทนี้มาสร้างเครื่องรางจนเห็นสรรพคุณเป็นที่ยอมรับ
    ข้าวสารหิน ของวิเศษจากพระแม่โพสพ
    ข้าวสารหินถูกเรียกว่าเป็นของที่วิเศษ กายสิทธิ์ และทนสิทธิ์มีอานุภาพในเรื่องโชคลาภ เสนห์เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภัยนานาประการไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายคุณวิเศษต่างๆนี้ได้ เรียกได้ว่า "ทนสิทธิ์" มีเทพาอารักษ์คอยรักษาอยู่ทั้งในและนอก บางแห่งมีความเชื่อและนับถือว่าเป็นพระธาตุ เรียกว่า "พระธาตุข้าวสารหิน" ข้าวสารหินนั้นเป็นของมีฤทธิ์ในธรรมชาติ ผู้มีฤทธิ์มีคุณวิเศษกำหนดขึ้นมา และมีความเชื่อกันอีกว่า พระแม่ธรณีอธิษฐานให้ข้าวสารหินเป็นของดี ไม่ให้เน่าเปื่อย ให้คงทนถาวร ให้มีพลังและอำนาจจากจักรวาลซึมแทรกอยู่ ให้เป็นที่รวมพลังของ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงบังเกิดเป็นพลังที่เร้นลับ มีอำนาจบันดาลดลให้ผู้ที่ได้ครอบครอง อยู่ดีกินดีมีสุข รวมทั้งปกป้องผองภัยอันตรายต่างๆ
    แร่ปรอทเป็นแร่ที่คนโบราณค้นคว้า จนมาถึงยุคปัจจุบัน เป็นแร่ที่หายาก และเอามายาก ต้องเป็นผู้ที่รู้ในเรื่องแร่ชนิดนี้ดี มีวิธีการล่อหรือดักที่ยุ่งยากซับซ้อน แร่ปรอทเมื่อได้มาแล้วฆ่าเชื่อพิษ จะมีสรรพคุณในการรักษาโรคภัยได้ชะงัดนัก สรรพคุณของแร่ปรอทเป็นที่รู้จักกันดีมาแต่ครั้งโบราณ มีอานุภาพมากมายหลายอย่าง
    เช่นพกพาเข้าป่า กันไข้ป่า ไข้ดง แพ้อากาศ ประเภทที่จับไข้วันเว้นวันให้อมจะบรรเทาลงจนหายในที่สุด มีฤทธิ์ในการดูดพิษสัตว์ เป็นต้น
    กายสิทธิ์ข้าวสารดำ
    ข้าวสารดำ สามารถแก้คุณไสย เป็นกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์ในตัว มีลักษณะเป็นเม็ดข้าวสารที่มีสีดำสนิท จะหายากกว่าข้าวสารหิน ถ้าใช้มือบีบแรงๆก็จะแตกเป็นผงดำคล้ายถ่าน มีอายุราวสองร้อยล้านปี บางตำนานว่าเกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระแม่ธรณีรักษาไว้ เป็นของวิเศษ มีฤทธิ์ตามธรรมชาติ มีพลังเร้นลับที่มีอำนาจสามารถบันดาลให้ผู้ที่มีไว้ในครอบครองอยู่ดีกินดี รวมทั้งปกป้องผองภัยอันตรายต่างๆ
    ไม้ครูได้อธิฐานจิตแล้ว 2 วาระ คือ
    1.หลวงพ่อวิชา รติยุโต ตากฟ้า จ.นครสวรรค์
    2.หลวงปู่เช้า อตตจิตโต วัดห้วยลำใย จ.นครสวรรค์
    วาระที่ 3 วัดท่าขนุน
    วาระที่ 4 วัดท่าซุง
    วาระที่ 5 หลวงปู่สุภา
    วาระที่ 6 หลวงปุ่บู่ โลกอุดรหนึ่งเดี่ยวในสกลนคร
    วาระที่ 7.หลวงน้าสายหยุด ศิษย์หลวงปู่ดู่
    วาระที่ 8.หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ
    วาระที่ 9.งานหล่อสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน โดยมีท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล เป็นประธาน พร้อมด้วยพระครูสมุห์พิชิต (หลวงพี่โอ) และหลวงพี่ชัยวัฒน์ ณ.วัดพุทธโมกข์ หลวงพ่อหนุน สุวิชชโย
    ฟอสซิลงาช้างดำที่กลายเป็นหิน มีอายุประมาณ 37 ล้านปี เกิดจากการถูกทับถมด้วยดิน ฟ้า อากาศ เป็นไปโดยธรรมชาติ จึงมีความแข็งแกร่งมากจนกลายเป็นฟอสซิล เมื่อปี พ.ศ.2551 นักโบราณคดีได้ขุดพบชิ้นส่วนฟอสซิล เป็นชิ้นส่วนของหัวกระโหลกช้างมีงา 4 งา แต่เป็นงาสีขาว ไม่ใช่สีดำมีความใหญ่โตมาก ซึ่งปัจจุบันได้ถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ที่นครราชสีมา มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งที่มีญาณพิเศษหยั่งรู้ ได้เล่าให้ฟังว่า ช้างเผือก 4 งา ที่มีสีดำ มีจริง และนักโบราณคดีก็เคยขุดพบ และได้ประเมิณซากที่ขุดพบว่ามีอายุประมาณ 37 ล้านปี และในสมัยนั้น ยังไม่มีมนุษย์เกิดขึ้นมาในโลก ใครที่ได้พบ หรือได้ครอบครองเป็นเจ้าของถือว่าโชคดีมาก มีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล ฟอสซิลงาช้างดำจะมีความแข็งแกร่งมาก ถ้านำเอามาแปรรูป ขัดเงา ทำเป็นหัวแหวน จะสวยงามมาก ไม่แพ้อัญมณีทั่วไป หรือจะแปรรูปเป็นวัตถุมงคลได้ก็จะยิ่งดีมาก โดยเฉพาะการแกะทำเป็นกระพิฆเนตร ถือว่าเป็นสุดยอดของวัตถุมงคล ฟอสซิลงาช้าดำจะมีคลื่นพลังแรงมาก มีฤทธิ์ธานุภาพมาก เคยมียอดนักพลังจิต พลังสมาธิท่านหนึ่ง ให้ความคิดเห็นส่วนตัวว่า ฟอสซิลงาช้างดำ มีพลังพุทธคุณเหนือกว่าเครื่องรางของขลังทั้งหมดที่ได้เคยพบมา เช่น เหล็กไหล ไพรดำ เพชรตาแมว และคดต่างๆ โดยไม่ต้องนำมาปลุกเสก เพราะมันมีดีอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว ฟอสซิลงาช้างดำจะเด่นมากที่สุดในเรื่องของ การรักษาโรค ถ้าหากนำมาแกะเป็นลูกประคำสวมใส่ในข้อมือ หรือสวมคอ จะมีพลังดูดธาตุเจ้าเรือนที่ไม่ดีในตัวเราออกไป จะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ถ้าเจ็บป่วยตรงไหน ให้ใช้ฟอสซิลงาช้าดำกดตรงจุดนั้น หรือฝนเป็นวงกลมก็จะหยุดปวดได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ผู้ที่ชอบฝึกพลังจิต ถ้านำมาใช้พกพาติดตัวจะช่วยเพิ่มพลังมากยิ่งขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ หรือให้นำมาแช่น้ำดื่มกินเป็นประจำ เพื่อรักษาโรค และยังมีอีกหลากหลายวิธีที่จะนำฟอสซิลงาช้าดำมารักษา คุณวิเศษของฟอสซิลงาช้าดำยังช่วยป้องกันคุณไสย มนต์ดำ ไสยศาสตร์ต่างๆ และป้องกันเขี้ยวงาได้อย่างดี จะนำมาแช่ทำน้ำมนต์ สำหรับใช้ประพรมบ้านที่อยู่อาศัยก็ได้ เพื่อให้อยู่ดีมีสุขนักแล...
    "ช้างเผือก 4 งา งาจะเป็นสีดำ กระดูดก็เป็นสีดำเช่นกัน เป็นช้างครึ่งสัตว์ครึ่งเทพคล้ายพญานาคและมังกร ซึ่งน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก"
    พระชุดนี้ต่อไปจะมีคุณค่ามาก มีเวลาเตรียมงานพอสมควรจึงได้ชนวนมวลสารขั้นเทพ ไม่ค่อยมีคนเข้ามาในห้องการกุศลมากนักแต่ก็มีผู้สนใจจำนวนมากเหมือนกัน ผู้ที่มาทีหลังจองไม่ทันหน้าเสียดายมากครับ พระกริ่งนี่พุทธลักษณะสวยมากครับ
     
  20. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เรื่องเก่าๆมาเล่าใหม่
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ itr อ่านข้อความ
    ขอจองไม้ครู 1 องค์ครับ ถ้ายังมีเหลือ ถ้าหมดแล้วขอสำรองไว้ครับ
    หมดแล้วครับ คงต้องรอผู้สละสิทธิ์ครับ จะกำหนดการโอนอีกครั้ง เพื่อยืนยันการจองครับ
    ไม้ครูนี้เป็นของสูง รวมบารมีครูบาอาจารย์ ตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมบรมครู เนื่องจากในชุดนี้มีเหรียญสมเด็จองค์ปฐมทำน้ำมนต์ที่ต้องกราบทูลขอบารมีพระองค์ท่านโดยตรงเพราะองค์อื่นไม่สามรถจะไปเสกท่านได้ จึงได้บารมีของสมเด็จท่าน และบารมีพระทุกๆพระองค์เทพพรหม สงเคราะห์ จึงเป็นของสูงสุด หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านได้สร้างขึ้นไว้เพียงไม่กี่ด้าม ที่ศิษย์พระเดชพระคุณนำมาใช้ในการฝึกมโนฯเต็มกำลัง เป็นที่หมายปองของศิษย์แต่คงไม่มีวาสนาที่ได้ไว้ครอบครองครับ ถือว่าคร้งนี้มีโอกาสสำคัญที่จะได้ครอบครองครับ
    คุณชัยวิทย์ได้ศึกษาการทำไม้ครู ว่าจะต้องมีไม้ช่อฟ้าเป็นมวลสาร และก็ได้ช่อฟ้า ของวัดระฆัง ชื่อวัดก็ดังแล้วครับถือเป็นเคล็ด มาเป็นมวลสารบรรจุ ส่วนอื่นๆก็กำลังถ่ายรูปและยังรอมวลสารอื่นๆที่กำลังรวบรวมครับ
    ไม้ที่มาทำนี้ เป็นไม้ที่อยู่ที่วัดครับ ไม่มีใครทราบนอกจากหลวงพ่อ แถวนั้แรงมาก ไม่ค่อยมีใครกล้าผ่านเข้าไป และหลวงพ่อท่านต้องทำพิธีขอตัดมาให้ด้วยองค์ท่านเอง
    ส่วนวันนี้ผมได้รับ อังสะ เกศา และแผ่นจารย์ของหลวงพ่อที่จะมวลเป็นตะกรุดแล้วครับ คงรอมวลสารต่างๆให้ครบก่อนจึงทำพิธีบรรจุ
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ woottipon อ่านข้อความ
    ภาพไม้ครู มาแล้วครับ ไม้มณีโคตร จำนวนการสร้าง ๑๐๘ ด้าม บรรจุมวลสารและเกศา
    ส่วนค่ารวมบุญยังไม่ได้กำหนดครับ ต้องปรึกษาพระอาจารย์ก่อน
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ woottipon อ่านข้อความ
    ไม้ที่มาทำนี้ เป็นไม้ที่อยู่ที่วัดครับ ไม่มีใครทราบนอกจากหลวงพ่อ แถวนั้แรงมาก ไม่ค่อยมีใครกล้าผ่านเข้าไป และหลวงพ่อท่านต้องทำพิธีขอตัดมาให้ด้วยองค์ท่านเอง
    ส่วนวันนี้ผมได้รับ อังสะ เกศา และแผ่นจารย์ของหลวงพ่อที่จะมวลเป็นตะกรุดแล้วครับ คงรอมวลสารต่างๆให้ครบก่อนจึงทำพิธีบรรจุ

    แสดงว่าที่วัดก็มีต้นมณีโคตรใช่ไหมครับ ต้นใหญ่ไหมครับ อยากเห็นต้นจัง
    ผมก้ยังไม่เคยเห็นครับ แต่ได้เห็นใบแล้วครับ จากฝั่งลาว ต้นที่พระเทพฯทรงปลูก มีใบล่วงมาเจ้าหน้าที่เขาเก็บถวายพระอาจารย์มา ผมได้มาเป็นมวลสารครับ
    คุณชัยวิทย์ท่านกล่าวว่า น่าจะให้บูชาอย่างน้อย ด้ามละ 2999 บาท ผมขอพระจารย์ว่าจะหนักไป ขอเป็น 2499 บาท คงจะกำลังดี แต่คุณชัยวิทย์ได้บอกว่า มวลสารที่บรรจุนั้น มีคุณค่ามาก มวลสารแต่ละชนิดกว่าจะได้มายากเย็นยิ่งนักและบางครั้งต้องหาซื้อมาด้วยราคาสูง เกินกว่าราคาที่ตั้งไว้แน่นอน เช่นเหล็กเปียกพระธาตุพนม แผ่นจารย์หลวงปู่สวนที่อธิฐานจิตไว้ให้ แร่ชินตะกั่วเก่า แร่โคตรเศรษฐีและชนวนต่าง นำมาหลอมแล้วรีดเป็นแผ่น แล้วนำมาลงตะกรุด บรรจุปรอทหลวงปู่สวน ซึ่งหลวงปู่ได้อธิฐานจิตไว้ตอนทำเบี้ยแก้ และมวลสารต่างๆที่ยังไม่เปิดเผยจากคุณชัยวิทย์อีกหลายอย่าง ท่านว่าเมื่อทราบทั้งหมดจะเห็นว่า ไม่แพงเลย และการสร้างก็น้อยครับ เพียง 108 ด้าม ไม่มีเสริม ตอกรันหมายเลขครับ
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ woottipon อ่านข้อความ


    เปิดจอง ไม้ครูหลวงพ่อหนุน รุ่น ๑ จำนวนการสร้าง 108 ด้าม ด้ามละ 2,499 บาท เพื่อนำปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นค่าสร้างวัตถุมงคล และอีกส่วนหนึ่งถวายวัดพุทธโมกข์ ในการสร้างและพัฒนาถาวรวัตถุในวัดครับ บรรจุมวลสารขั้นเทพครับ ต่อไปจะเป็นตำนานกล่าวขานถึง ของที่เป็นมงคลสูงสุด ประจำตระกูลครับ ไม่ควรปล่อยให้พลาดโอกาส เปิดให้จองจำนวน 80 ด้าม ส่วนที่เหลือถวายหลวงพ่อไว้เพื่อประโยชน์ต่อไปในอนาคตครับ รูปลักษณ์ยังต้องเก็บรายละเอียดและลงอักขระยันต์อีกครับ

    จองไว้ก่อน 1 ด้ามครับ ไม่รู้ว่าจะหาปัจจัยได้ทันหรือเปล่า แต่จะพยายามครับ

    มวลสารสุดยอด องค์เสกสุดยอด(หลวงพ่อวิชา วัดชอนทุเรียน) ไม่บูชาไม่ได้ครับ

    โมนทบุญด้วยนะ
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ woottipon อ่านข้อความ
    วันนี้พระอาจารย์ไปนำไม้ครูมาจากคุณชัยวิทย์ นำมาก่อน เพื่อนำเข้าพิธีของหลวงปู่สุภา เพื่อความเข้มขลัง พรุ่งนี้พระอาจารย์จะนำไป ขอบารมีศิษย์หลวงพ่อเดิมผู้หลีกเล้นกายปิดตัว เป็นพระลูกวัดแห่งหนึ่ง อายุเกือบร้อยปี อธิฐานจิตไม้ครู ต่อด้วยหลวงพ่อวิชา วัดชอนทุเรียน และไปขอมวลสารหลวงพ่อเดิมไม้โบสถ์สมัยหลวงพ่อเดิม ที่กำลังสร้างรูปหล่อองค์ใหญ่ที่สุด .........
    มีโปรแกรมนำเข้าไปอธิฐานจิต เพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์สายในดง อีกหลายท่านครับ

    ผมขออนุญาตรีเควสให้หลวงพ่อวิชา เสกให้ได้นะครับ(ถ้าให้ท่านเสกให้ทุกอย่างเลยจะยิ่งดีมากครับ ทั้งพระกริ่ง ล็อคเก็ต รูปหล่อหลวงปู่ใหญ่ เหรียญทำน้ำมนต์)

    หลวงพ่อฤาษีฯเชิญท่านไปเสกวัตถุมงคลด้วยครับ ปัจจุบันท่านอายุ 66 ปี คิดดูว่าสมัยหลวงพ่อฤาษีฯ เชิญท่านไปเสกด้วย ท่านอายุเท่าไหร่กัน แล้วเชิญท่านไปหลายครั้งด้วยนะครับ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

    "เคยได้เฝ้ารับเสด็จในหลวงในการเสด็จที่วัดท่าซุง ซึ่งท่านได้พาศิษย์ที่เป็นเสือเป็นโจรพาไปเข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณกลับเนื้อกหลับตัวเป็นคนดีของชาติ และท่านยังได้ถวายพระเครื่องซึ่งเป็นพระสมเด็จเนื้อนิลกาฬ (นิลตะโก) ให้กับในหลวง ซึ่งคนที่ไปฝ้ารับเสด็จในวันนั้นยังบอกเล่าให้ฟังอีกว่าพระทุกรูปที่ไปเฝ้ารับเสด็จนั้นก็ถวายพระเครื่องกับในหลวง แต่ในหลวงรับแล้วส่งต่อให้กับข้าราชบริพาน แต่พอในหลวงรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อวิชาท่านเก็บวัตถุมงคลนั้นไว้ในกระเป๋าฉลองพระองค์ ของพระองค์เอง"
    หลวงพ่อวิชา นี้ผมตามหามานานตั้งแต่ได้อ่านผู้เข้าร่วมอธิฐานจิตที่วัดท่าซุง แต่ก็ไม่มีโอกาสได้กราบสักครั้ง ตอนไปกราบหลวงปู่สังวาลในป่าอุทัย หลวงพ่อไปสร้างเขื่อนมีป้ายบอก แต่ก็ไม่ได้เข้าไปกราบจนเขื่อนเสร็จ ทราบล่าสุดท่านย้ายไปอยู่แถว อ.ตากฟ้า ซึ้งไม่ไกลจากบ้านผมนัก บ้านผมอยู่แถวตาคลี แต่ก็ไม่ได้ไปสักครั้งกลับบ้านครั้งไรก็ไปแต่วัดท่าซุง คราวหน้าคงได้กราบนมัสการท่านครับ
    พรุ่งนี้วันสุดท้ายในการโอนเงินค่าเหรียญโคตรเศรษฐีทำน้ำมนต์แล้วนะครับ พระอาจารย์จะนำเงินไปถวายรอบสุดท้ายครับอาจเป็นวันพรุ่งนี้
    ส่วนไม้ครูนั้นงานนี้คุณชัยวิทย์ตั้งใจแบบจัดเต็ม เห็นว่าจะบรรจุปรอทของหลวงปู่สวน วัดนาอุดม ที่ท่านเสกไว้ให้ตอนทำเบี้ยแก้ครับ คาดว่าจะได้เห็นรูปเร็วๆนี้
    พระอาจารย์ได้ช่อฟ้าไม้ อุโบสถ์วัดระฆัง สมัยสมเด็จโต ไม้กุฏิพระอาจารย์มั่น และพระอาจารย์เสา และไม้กุฎิหลวงปู่ปาน มวลสารจากหลวงพ่อหนุน ที่บรรจุตะกรุดอันโดงดังของหลวงพ่อหนุน งานนี้ขอบอกว่าจัดเต็มครับ
    บรรจุในไม้ครู พระกริ่ง ล๊อกเก็ต หลวงปู่ใหญ่ ครับ
    ตอนนี้มีดฟ้าฟื้นหลวงพ่อหนุน บางแห่งขายกันเล่มเล็กนะครับ สามหมื่นบาท ถ้ารวมพระขรรค์ด้วยสี่หมื่นบาท อะไรจะขนาดนั้น โทรไปถามเขาบอกว่าเดียวนี้ไม่มีสำนักไหนทำกันแบบนี้ สั่งโรงงานอย่างเดียว แต่ชุดมีดรวมชนวนมวลสารสำคัญไว้เพรียบ
    และรุ่นล่าสุดนี้ได้ชนวนมวลสารเพิ่มมาอีกมากรับรองคุณภาพครับ ไม่รีบจองไว้จะเสียดาย ภายหลัง เพราะสร้างจำนวนน้อยครับ
    ภาพไม้ครู มาแล้วครับ ไม้มณีโคตร จำนวนการสร้าง ๑๐๘ ด้าม บรรจุมวลสารและเกศา
    ส่วนค่ารวมบุญยังไม่ได้กำหนดครับ ต้องปรึกษาพระอาจารย์ก่อน
    ไม้ครูนี้คุณชัยวิทย์ตั้งใจจะทำมานานแล้วและได้ค้นคว้าศึกษาการสร้าง อย่างละเอียดและครั้งนี้ได้ตั้งใจทำเป็นอย่างมากครับ
    เปิดจอง ไม้ครูหลวงพ่อหนุน รุ่น ๑ จำนวนการสร้าง 108 ด้าม ด้ามละ 2,499 บาท เพื่อนำปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นค่าสร้างวัตถุมงคล และอีกส่วนหนึ่งถวายวัดพุทธโมกข์ ในการสร้างและพัฒนาถาวรวัตถุในวัดครับ บรรจุมวลสารขั้นเทพครับ ต่อไปจะเป็นตำนานกล่าวขานถึง ของที่เป็นมงคลสูงสุด ประจำตระกูลครับ ไม่ควรปล่อยให้พลาดโอกาส เปิดให้จองจำนวน 80 ด้าม ส่วนที่เหลือถวายหลวงพ่อไว้เพื่อประโยชน์ต่อไปในอนาคตครับ รูปลักษณ์ยังต้องเก็บรายละเอียดและลงอักขระยันต์อีกครับ
    วันนี้พระอาจารย์ไปนำไม้ครูมาจากคุณชัยวิทย์ นำมาก่อน เพื่อนำเข้าพิธีของหลวงปู่สุภา เพื่อความเข้มขลัง พรุ่งนี้พระอาจารย์จะนำไป ขอบารมีศิษย์หลวงพ่อเดิมผู้หลีกเล้นกายปิดตัว เป็นพระลูกวัดแห่งหนึ่ง อายุเกือบร้อยปี อธิฐานจิตไม้ครู ต่อด้วยหลวงพ่อวิชา วัดชอนทุเรียน และไปขอมวลสารหลวงพ่อเดิมไม้โบสถ์สมัยหลวงพ่อเดิม ที่กำลังสร้างรูปหล่อองค์ใหญ่ที่สุด .........
    มีโปรแกรมนำเข้าไปอธิฐานจิต เพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์สายในดง อีกหลายท่านครับ
    บอกได้คำเดียว ว่ามวลสารที่บรรจุ มูลค่าหลายแสนครับ
    หลังจากปิดจองแล้วส่วนที่เหลือพระอาจารย์ท่านกล่าวว่าจะถวายหลวงพ่อ จะไม่มีวางจำหน่ายที่วัด อยากได้ก็คงต้องหาผ้าป่าไปครับ ๕๐,๐๐๐ - ๑๐๐,๐๐๐ บาทจึงจะมอบให้ ๑ ด้าม จะหาการสร้างแบบนี้ไม่อีกแล้ว ชนวนที่บรรจุ ตายแล้วเกิดใหม่อาจจะหาไม่ได้เลย ไม่ใช่เรื่อปั่นกระแสครับ อาธิเช่น เครื่องยาใหญ่ ตามตำหรับหลวงปู่ศุข ที่ต้องใช้เวลาหามวลสารนับสิบปีจึงจะครบ หมดเงินไปหลายแสนบาท ว่านที่หายากมากกว่า ๑๐๘ ชนิด ที่อยู่บนหน้าผาสูงในป่าลึก ใช้เวลาเซาะหายาวนาน เป็นเคล็ดเรียกว่าว่านชั้นสูง เพราะอยู่ตามหน้าผา ส่วนชันโรงที่บรรจุ รวมชันโรงที่หายากมากๆ ครับ และชนวนที่หลอมแล้วรีดเป็นแผ่นลงยันต์ตามตำราเป็นตะกรุด เป็นของหายากทั้งสิ้น
    สมเด็จองค์ปฐมรุ่นแรกของวัดพุทธโมกข์ เดี๋ยวนี้หายากแล้วครับ มีศิษย์ในพลังจิตและสายวัดศาลฯมาบูชาไปจนหมด มีผู้เอาไปจำหน่ายกันองค์ละ ๒-๓๐๐๐ บาท เนื้อพิเศษ ไม่ต้องหาแล้วครับ ชุดเงิน เกิน ๕,๐๐๐ บาท นวะแก่ทอง ๔-๕๐๐๐ บาทสอบถามมาที่ผมบ่อยมาก ที่ผมเหลือน้อยครับไม่มีแบ่งแล้ว มีคนไปขอชมบารมี ทราบว่าพุทธคุณแรงมาก... ว่ากันว่าสมเด็จฯ ท่านครอบพลังให้ถึงสามชั้น
    อานุภาพสุดยอดทุกด้าน ลาภมหาศาล
    ยอดจองเกินครึ่งเเล้วภายในสองวัน
    หากได้รับข้อมูลในการตัดสินใจเพิ่มจากหลวงพี่
    ผมเดาว่าพรุ่งนี้คงหมดเเล้ว 80 ด้ามที่จองได้
    เหลือให้บูชากันอีกเพียง 4 ด้ามครับ
    ร่วมบุญกันครับ
    เร็วกว่าคิดนะครับ
    รวยทันใจจริงๆครับทุกท่าน
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Pretonafe อ่านข้อความ
    ขอถามนิดนึงครับ ไม้ครูนี่ เราจะเอามาบูชา อย่างไรครับ
    มีไว้บูชาเหมือนมีครูบาอาจารย์คุ้มครองครับ ป้องกันอำนาจฝ่ายต่ำ เป็นมหาอำนาจ ขับไล่ภูติผีปีศาจ กันและแก้คุณไสย ประมาณนี้ครับ
    เป็นวาสนาบารมีผู้ได้ครอบครองครับ จะหาการสร้างเยี่ยงนี้ยากครับ
    ผมขอปิดยอดด้ามสุดท้ายเองครับ สรุปหมดแล้วครับ....โมทนาสาธุครับ
    หมดไวจริงๆ
    ขอจองสำรองไม้ครู 1 ด้ามครับ
    โอ...เพิ่งพบไม้งามยามขวานบิ่น เพื่งมาพบกระทู้นี้ไม้ครูก็จองเต็มแล้ว ถ้าเปิดจองเพิ่มผมของจอง(หรือสำรอง)1องค์นะครับพี่woottipon..ฝากตัวด้วครับ
    เกศาหลวงพ่อหนุนครับ
    ผงสรีระหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค พระอาจารย์บูชามาสองพันบาท จริงๆเขาตั้งราคา ๓ พันบาทครับ บูชามาจากวัด พร้อมขอผงธูปอธิฐานมาด้วยครับ
    ผมจำได้คร่าวๆ พระอาจารย์ท่านบอกไว้ยาวมากหลายอย่างอานุภาพสูง
    เช่นแร่ชนิดหนึ่ง ที่ต่างประเทศใช้ดาวเทียมค้นหา ไม่รู้ว่ามีคุณสมบัติอะไร ในบริเวณนั้นมีแร่คล้ายเหล็กไหลเยอะ แต่พวกนั้นไม่เอาไป เอาแร่สีเหลืองใสไปอย่างเดียว พระอาจารย์ได้มา และได้ตากระท้อนหน้าสุเหล่า เป็นของดีในตัว ตามตำราว่า สิ่งนี้กันคุณไสยพวกแขกได้ นับถือคนไปเอามา สิ่งนี้เขาก็รู้ดีและหวงมาก ได้มาจากปัตตานี ครับ
    ยังเหลือรูปอีกห้าสิบกว่ภาพยังไม่ได้ลงครับ รอมวลสารอีกชุด ก็พอแล้วครับ หมดเงินไปเยอะเหมือนกัน ค่าเดินทางค่าผาติกรรมขอมวลสารมาครับ
    มีดินศักดิ์สิทธิ์จากยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่ง เรียกว่า ดินสามนาย ที่ โมเสสรับบัญญัติ ๑๐ ประการจากพระเจ้า ที่แห่งนี้เป็นที่หวงแหนใครจะนำออกมายากมาก มีคุณป้องกันคุณไสย พวกแขกได้และอีกหลายอย่างจำไม่หมดครับ

    ส่วนน้ำตาพระพิฆเณศ เป็นการทำขึ้นมาจากตำรา ทำได้ยากยิ่ง อานุภาพสูง แต่การบรรจุต้องระมัดระวังอย่างมาก รอพระอาจารย์มาอธิบายอานุภาพครับ

    แผ่นยันต์กระดาษของจีนนั้น ท่านให้เอามาเผากลางแจ้ง แล้วนำผงไปเป็นมวลสาร จะเป็นการเบิกทางแหวกอุปสรรค์ทั้งปวง
    อิฐพระธาตุพนม แกะเป็นลูกประคำ ได้มายกเส้นครับ อิฐเก่าเดิม
    ตอนนี้โยมชัยวิทย์กำลังเขียนขั้นตอนการทำไม้ครู ถ้าเขียนเสร็จจะนำลงมาให้อ่านกัน
    มวลสารที่มีความสำคัญและที่หายาก เช่นผงไม้งิ้วดำของพญาศรีโคตรที่หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านเดินธุดงไปเอามา
    ผงกรุพระธาตุนาดูน
    ผงเบ้าหลอมพระเจ้าองค์ตื้อสมัย พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชพลังไม่ต้องพูดถึง และเป็นผู้ที่ดูแลรักษาจะมอบให้เฉพาะ เพราะมีทั้งโยมและพระไปเอามาต้องเอาไปคืน
    ผงที่บรรจุในมีดโบราณได้จากปู่พรหมเป็นของดีที่หาได้ยากอายุเป็นร้อยปี
    ผงไม้เท้าหลวงตาอ๋อยเป็นไม้เท้าอันทำจากรากไม้สักมีฤทธิ์อำนาจสูงมากๆ
    เหล็กไหลที่กลายเป็นอำพันได้สอบถามท่านผู้รู้ บอกว่าเป็นของหายากมาก มีฤทธิ์ในตัว มีพลังสูง
    พิษพญานาคที่คายออกที่แถวบ้านแพง เป็นของมีคุณป้องกันพิษต่างๆได้
    ผงรอยพระบาทพระมหากัสปะที่ภูวัว มีชาวบ้านไปเอาเทวดาที่รักษาบอกให้เอาไปคืน เป็นที่ท่านเหยียบเพื่อหาแกนโลก ที่จะบรรจุพระอุรังธาตุ
    ผงไม้ช่อระอากันของคุณคน คุณไสยได้ดี
    ผงใบมณีโคตรได้ได้ลาว เป็นของมงคลและหาได้ยาก
    ผงยาใหญ่สามสวนเป็นของฤาษีอายุเป้นพันปีมีคุณดี
    ผงต้นงิ้วดำกลายเป็นหิน ได้มาจากภูเขาควายลาว
    ผงกาฝากแดงไม้มงคลที่หายาก
    ผงไผ่ตันได้จากภูอ่างสอ งูจงอ่างเป็นผู้ดูแลรักษา
    ผงเถาวัลหลงจะพบอยู่ในป่าลึก ด้านเมตตา
    ดินเขาอังคาร เป็นดินที่สมเด็จโตท่านนำมาทำพระ
    เหล็กไหลเปียกชัยวรมัน ได้จากปราสาทตาควายสุดยอดไม่ต้องเสกก็ขังแล้วหลวงปุ่สรวงบ้านละลมท่านบอกไว้ ส่วนมากคนที่ไปเอาจะว่ายบกกันมากครับ
    ผงจันดำ ผงงิ้วดำ เป็นของหายากมาก ส่วนมากจะไม่ใช่ ปู่กลางท่านเคยบอกเอาไว้ถ้าเอาผงสามอย่างมารวมกันจะเป็นยาลืมตายเลย มีสองอย่าง ถือว่าเป็นไม้มงคลที่หายากครับ
    เลือดพญาครุฑ ลาว
    ชิ้นส่วนอุกาบาศที่มีผลึกเขียวคล้ายหยกหายาก เป็นของจากฟ้าเป็นมงคลครับ
    ไม้กาฝากมะยมชี้ทิศตะวันตกอยู่ตรงหน้าผา ตามเคล็ดโบราณเป็กมีคุณมากครับ
    ผงอิธิเจวัดยานาวา เมตตาครับ
    ทองคำที่เปิดช่อฟ้าเก่าวัดอัมพวัน
    เสากุฏิหลวงปู่ปาน โสนันโท วัดบางนมโค
    ตากะท้อนหน้าสุหร่า เป็นความเชื่อของแขกว่าป้องกันของไม่ดีต่างๆ และมีคุณสะท้อนกลับไปหาผู้ที่กระทำไม่ดีกับเราด้วย
    ไม้มะเกลือโดนฟ้าผ่า ลาว หายากมากครับ
    งิ้วแดง
    ผงไม้ด้ามมีดเล็กฟ้าฟื้น เสาร์๕ วัดท่าซุง ของหลวงพ่อหนุน
    กระเบื้องโบสถ์มหาอุดหลวงพ่อเดิมวัดทำนบ มีชาวบ้านแถววัดเคยเอาปืนไปยิงนกที่กราะหลังคาโบสถ์ปืนยิงไม่ออก
    กระเบื้องกุฏิเก่าหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    หัวว่าน108ชนิดที่ขึ้นต้นด้วยทองและลงท้ายด้วยทอง
    แร่สามสายพบที่ ปากชม เป็นแร่ที่มีความศักดิ์สิทธื ที่หลวงปู่สรวงท่านบอกไว้ว่าแร่นี้ไม่ต้องเสกก็ดีแล้ว แร่ชนิดนี้มีผู้เอาไปได้มีอยู่สามท่านด้วยกัน คือหลวงพ่อคุณ หลวงปู่สรวงและโยมที่มอบแร่นี้ ท่านได้เล่าว่าจีนได้มาสำรวจและได้นำแร่นี้กลับประเทศแต่บินไม่ขึ้นถึง2ครั้ง พอกลางคืนมีคนนุ่งจุงกะเบนแดงมาบอกให้นำกลับไปคืนที่เดิม
    แร่เป็กเป็นของพกป้องกันตัวสมัยโบราณที่พระราชา ขุนนาง พกเพื่อป้องสิ่งไม่ดี เจออยู่ที่ชายแดนลาว เวียมนาม
    ขื่อไม้วัดอัมพวัน
    ผงไผ่ดำป้องกันและเมตตา
    อุกามณีหลวงพ่อหนุนท่านบอกว่าหมากัดไม่เข้า
    คตปลวก เขมร
    จ้าวน้ำเงิน
    น้ำลายพญานาคโยมที่พบ เจอตรงกลางแม่น้ำโขงที่แห้งหรือตื้น มีผีมาบอกให้ไปเอามา พลังมาก
    แก่นมะขามดดนฟ้าผ่าได้จากวังเก่า พระเจ้าไฃยเชษฐาธิราช ลาว
    ขวานฟ้าหินเป็นอำนาจ ป้องกัน
    แร่พญานาคปู่เขียวกงไกรราช เป็นผลึกสีเงินมีสีเขียวแซม
    ของสำคัญเบ้าหลอมเก่า ของพระพุทธชินราช ตามตำนานพระอินท์สั่งให้พระวิษณุมาเป็นผู้สร้างสุดยอด
    แร่เหล็กไหลพญานาค
    ขี้ตะกัน3000ปี ที่มาโยมคนที่ได้มาเล่าให้ฟังว่า เกิดจากพญานาคม้วนหาง และขี้ตะกันนี้จมลงดินลึกมาก จะอยู่คู่กับแร่สามสาย เพราะที่ตรงนั้นเคยมีภูเขาทองคำ และคนสมัยนั้นเกิดความโลภมาก พญานาคท่านเลยม้วนหางให้จมลงดิน
    ดินจากชนวนกาซ่า เป็นของอาถรรย์มีอายุ1800ปี ได้ทำพิธีล้างสิ่งไม่ดีออกไป สามารถป้องกันของต่างได้ดีมาก
    เหล็กไหลไพลดำหรือเหล็กไหลเจ้าป่าปกป้องคุมครองดี
    เหล็กไหลแม่น้ำโขง
    เพชรหน้าทั่ง
    ไม้เท้าหลวงตากอไผ่ ทำให้แม่อิ๊ด
    ผงสรีราหลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดถ้ำเขาบุญนาค
    ผงธูปบูชาหลวงปู่สี
    ผงธูปบูชาหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์
    ผงดอกไม้บูชาแท่นวัชระอานส์
    พระธาตุบุโพ พระสารีริกธาตุ พระธาตุอาโบ
    คำหมากฤาษี
    พระธาตุโลหิต
    น้ำพระพุทธมนต์108วัด น้ำศักดิ์สิทธ์108แห่ง เกิน108
    ผงปะกำช้างหลวง
    ดินจากประเทศอินเดียของสมเด็จพระมหาวีรวงค์
    ไพลดำผู้ที่ดูแลรักษาตามไปเอาถึง 9 ครั้ง โยมที่ให้มาถึงไปเอา แล้วลองใช้ปืนยิงดูไม่ออก
    กระดูกช้างโบราณที่แปรสภาพเป้นเหล็กไหล ผู้ที่เอามาตั้งชื่อว่าเหล็กไหลฟ้าผ่า เพราะที่ตรงนั้นฟ้าจะผ่าลงบ่อยมาก
    เหล็กไหลทรหด หลวงพ่อหนุนท่านบอกว่าเป็นของดี
    แก้วขนเหล็ก สยบผี
    ฮุ่ยันต์จีน เบิกทาง
    เหล็กไหลเศรษฐี มหาลาภ
    คตงิ้วดำ
    รวมน้ำมันว่าน108 มหาเสน่ห์ ตามตำราหายาก
    เขี้ยวหนุมานมีแร่เงินปนอยู่มาก
    อกธรณี 7 สี ส่วนมากที่เจอกันจะมีสีเดี่ยว
    รวมผงอัฐิครูบาอาจารย์สายวัดป่า
    ผงอาวุธโบราณ เจอในปราสาทเก่า
    ผงดินสอพองพิธีโลกเอียง วัดถ้ำเขาวง
    ผงดินสอพองพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุนปี54
    ผงดินสอพองเสาร์๕ วัดท่าซุงปี54
    ผงแป้งหลวงปู่บุดา
    เศษชามสังคโลก
    ผงกาฝากคุณ
    ผงหินพระธาตุ
    หอยกลายเป็นหิน
    ลาวา
    แร่ทอง
    อิฐพระธาตุพนม
    ผงไม้มงคลจากลาว
    ข้าวตอกพระร่วง
    ขี้ตะกันเหล็กน้ำพี้โบราณ 100กว่าปี
    ผงไม้ตะเคียนทองอายุร้อยกว่าปี
    ผงไม้มะยม
    ผงไม้แก่นขาม
    ผงไม้มณีโคตร
    ฝักคุณ
    ผงกะลาตาเดี่ยว
    ผงข้าวสารดำ
    ผงข้าวหิน
    ผงดอกตะไคร่
    ผงงาช้างดำกระดูกดำฟันดำ
    ผงพระแตกหัก
    ผงเศษพระประธานเก่ามาก
    ผลึกสายฟ้า
    อกธรณี
    กาฝากหลง
    ผงพระหลวงตาอ๋อย
    ผงไม้พยุง
    ผงไม้สักทอง
    ผงไม้ราชพฤกษ์
    ผงไม้ขนุน
    ผงไม้ทองหลาง
    ผงไม้กรันเกรา
    ผงไม้ทรงบาดาล
    ผงไม้ไผ่สีสุข
    ผงไม้กลายเป็นหิน
    ผงไม้พันชาติ
    ผงดอกไม้บูชาพระ
    ผงไม้เท้าหลวงปู่พา ท่านเป้นพระเก่า ท่านชอบทำไม้ทเท้าถวายครูบาอาจารย์เช่นหลวงปู่มั่น ส่วนอันที่มาบดนี้เจออยู่ในถ้ำ
    ผงพระกรุหลวงปู่ขาว กุดบาก
    ขี้ตะกันแร่โคตรเศษรฐี แม่ชีประทุม
    ผงตะไบผาลไถ มีคุณกลับร้ายกลายเป็นดี
    ผงตะไบมีดสายฟ้ามหาปราบ
    ผงตะไบสมเด็จองค์ปฐม
    ผงตะไบนวะฤทธิ์
    ผงมวลสารที่ใช้บรรจุตะกรุดปืนแตกหลวงพ่อหนุน
    ผงมวลสารของฤาษี
    รวมมวลสารที่ใช้บรรจุมสเด็จองค์ปฐมรุ่นแรก หลวงพ่อหนุน
    ผงจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า
    ผงยันต์เกราะเพชร
    เกษาสมเด็จเกี่ยว
    เกษาหลวงปู่ดู่
    เกษาหลวงตาม้า
    เกษาหลวงปู่บุญฤทธิ์
    เกษาหลวงปู่สุภา
    เกษาหลวงปู่ศรี มหาวีโร
    เกษาหลวงปู่ธีหลวงปู่วิชัย
    คุณ รุ่งนภา สันตติอนันต์ เป็นผู้บริจาดถวาย
    เกษาแม่ชีประทุม
    เกษาหลวงปู่บุญศรี
    เกาษาหลวงปู่บู่
    เกษาหลวงพ่อหนุน
    เกษาหลวงปู่ขาว
    เกษาแม่ชีเลี้ยน
    เกษาหลวงปู่เนย
    เกษาหลวงปู่บุญหนา
    วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดี เพราะนานๆถึงจะเข้าได้ซักที
    ไม้เสากุฏิหลวงปู่มั่น หนองผือ
    ไม้เสากุฏิหลวงปู่เสาร์ อุบล
    ผงทำพระแม่ชีประทุม สีดำ
    เกล็ดพญานาค ได้จากหลวงพี่น้อง ภูอ่างสอ
    กระดูกพญานาค ได้จากโยมที่โคราช เล่าว่าได้มาจากโยมที่ภูเขาควายให้มา
    ครีบพญานาค ได้จากปู่พรหมภูวัว
    เกล็ดแก้วพญานาค ปู่พรหมภูวัว
    สาธุครับ มวลสารสุดๆ เลยครับ

    ขอสำรองไม้ครู 1 ด้ามครับ

    อนุโมทนาสาธุครับ
    ขอเรียนถาม


    ผงทั้งหลายข้างต้นนี้ นำมาบรรจุในวัตถุมงคลใดบ้างครับ

    และ การบรรจุในไม้ครูนั้น แตกต่างจากในการบรรจุวัตถุมงคลอื่นๆ อย่างไรครับ
    มีบ้างอย่างที่ไม่ได้บรรจุในวัตถุมงคลอย่างอื่นเช่น
    ปรอทของหลวงปู่ญาท่านสวนที่จะมีมวลสารที่เป็นตะกั่วเป็นตัวทำให้ปรอทแข็งตัวเป็น เหมือนครีมคือตะกรุดโทน ตะกรุดจักรพรรดิ์ พระปิดตา และตะกรุดต่างๆอีกที่เป็นของหลวงปู่ญาท่านสวนทั้งหมด อันนี้ก็ถือว่าสุดแล้วดั่งแก้วสารพัดนึก ตลอดถึงแร่โคตรเศษรฐีของแม่ชีประทุม เหล็กเปียกพระธาตุพนม
    ชันโรงทุกชนิดทั้งบก ใต้ดิน อากาศ ต้นไม้
    ตะกรุดที่ได้นำมวลสารมาหลอมรวมกันคือ หัวลูกปืนตะกั่วอธิฐานจิตโดยหลวงน้าสายหยุดท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่
    เหล็กเปียกที่หุ้มยอดพระธาตุพนมปริมาณเท่ากับหัวลูกปืน
    แร่โคตรเศษรฐีของแม่ชีประทุมปริมาณใส่เท่ากับพระโคตรเศษรฐี 7-8 องค์
    ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นต้องรอทางโยมชัยวิทย์ จะเขียนมาบอกว่ามีอะไรบ้างแต่ได้ฟังจากโยมชัยวิทย์ก็มากพอดูเลยล่ะ
    ส่วนเรื่องพิธีกรรมนั้น ก็ต้องดูฤกษ์ นิมนต์พระมาสวดชยันโต จะทำพิธีที่ศาลากลางน้ำสวดสมมุติเป็นโบสถ์กั่นสายสินย์ สวดอัญเชิญครูบาอาจารย์มีพระพุทธเจ้าตลอดจนถึงพรหมเทพเทวดา ในการทำพิธีห้ามพูดกับใครทั้งสิ้น จนกว่าพิธีจะเสร็จ อันนี้คราวๆนะ
    ส่วนเกษาของครูบาอาจารย์ทั้งหมดจะบรรจุในไม้ครู
    ล็อกเก็จหลวงพ่อหนุนก็จะมีเฉพาะเกษาของหลวงพ่อหนุนเท่านั้น
    ผงไม้ช่อฟ้าวัดระฆังสมัยสมเด็จโต
    ดินยอดเขาซีนาย เป็นที่โมเศสขึ้นไปรับบัญญัด10ประการ ดินตรงนี้จะมีพลังงานพิเศษที่สามารถป้องกันและแก้ สิ่งไม่ดีด้านของได้ โยมที่ให้มาได้เล่าให้ฟังว่า ลูกศิษย์ของเขาโดนของแขกเข้า 4-5 คน เขาแค่เอานิ้วจิ้มดินยอดเขาซีนายมาแตะที่หน้าผากลูกของเขา ผลออกมาคืออ้วกออกมาหมดเลย โดยที่ไม่ต้องสวดคาถาอะไรเลย
    น้ำตาพระพิฆเนศเป็นสิ่งที่ทำขึ้นมา ไม่มีในตำราพระพุทธศาสนา แต่มีคุณที่สามารถป้องกันพิษ สารพิษต่างๆได้ เช่นรังสีต่างๆจนถึงรังสีนิวเคลีย ชีวภาพ อาวุธเชื้อโรค โยมเล่าว่าลูกศิษย์เขาขอซื้อให้ราคาที่สูงพอควร แต่เขาไม่ขาย เขาทำขึ้นมาแค่นิดเดี่ยวพอเป็นพิธีเท่านั้น เขาเห็นว่าเอาไปทำประโยนช์จึงถวายให้ เล่าว่าน้ำตาพระพิฆเนศเขาตั้งชื่อเอง ผู้ที่มีน้ำตาพระพิฆเนศเขาจะมีรังสีแผ่ออกมาเป็นวงกลมรัศมีประมาณแขนโดยรอบ
    อ่านแล้วต้องใช้วิจารณะญาณด้วยครับ
    ผงทำพระของสมเด็จโต ได้มาจากเพื่อนพระท่านได้มาจากท่านพระครูวัดบางขุนพรหม ท่านพระครูท่านสะสมผงของสมเด็จโตรวมถึงพระที่แตกหัก เป็นของเก่าของสมเด็จโตเลย ตอนไปเอามาเหลืออยู่ก้นโหลแล้ว ท่านเลยแบ่งมาให้ เป็นผงรวมของสมเด็จโตมี ผงสมเด็จวัดระฆัง บางขุนพรหม เกศไชโย ผสมรวมกันอยู่
    ผงดินศักดิ์สิทธ์วัดพุทธโมกข์ หลวงพ่อหนุนท่านเมตตามอบให้ เป็นที่มีประสบการณ์มาก หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า ที่ตรงที่มีดินนี้อยู่ผู้หญิงจะเดินข้ามไม่ได้เลย ถ้าข้ามเมื่อไหร่เป็นเรื่องทันที จะล้มลงชักทันที มีพระมาขอดินตรงนี้ไปผสมทำพระขุนแผน แล้วลองยิง 3 นัดไม่ออกเลย
    ผงเก่าในองค์พระธาตุเชิงชุม ได้ตอนนำเงินไปถวายหลวงพ่อหนุน หลวงพ่อท่านเล่าว่ามีพระมาขอผงนี้ที่วัดพระธาตุเชิงชุมแต่พระผู้ที่เก็บท่านไม่ให้ ท่านบอกจะให้เฉพาะหลวงพ่อหนุนองค์เดี่ยว เป็นผงเก่าอายุนานมากก็คงหลักร้อยปีขึ้น และก็ผ่านพิธีมามากๆๆๆๆๆๆๆ
    ผู้ที่ได้รับไม้ครูนี้ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะท่านจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่คณะจัดสร้างจะทำได้ในตอนนี้ มวลสารหลายอย่างได้รับบริจาดมา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง และมีพลังที่ไม่เสื่อมที่หลวงปู่สรวงท่านรับรอง
    คุณทัศน์วรรณ พิทักษ์สรรค์ ได้บริจาดผงสำคัญที่ใช้บรรจุดาบพระเจ้าพรหม วัดศาลพันท้าย รายละเอียดของผงมีดังนี้
    1.ผงผ่านพิธีปลุกเสกสมเด็จองค์ปฐมรุ่น4-5 วัดท่าซุง
    2.ผงบรรจุพระกริ่งสมปราถนา
    3.ผงเข้าพิธีพระปิดตามหาเศษรฐีรุ่นแรกวัดท่าขนุน
    4.ผงเข้าพิธีวัดเขาวง สระบุรี รวมสายวัดท่าซุง
    5.ผงพระสมเด็จทันใจขี่ไก่ของหลวงพ่อมนัส
    6.ผงเข้าพิธีหลวงพ่อหนุน
    7.ผงตะไบมีด ภ.ป.ร วัดท่าซุง
    8.ผงมีดหลวงพ่อเดิม
    9.ผงพระหลวงพ่อแก้ว วัดเคลือวัล
    10.ผงเพชรจักรพรรดิ์ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
    เกษาหลวงปู่เหมือน
    เกษาหลวงปู่เคน
    เกษาหลวงปู่ในดง
    เกษาหลวงปู่เภา
    เกษาหลวงปู่ฝั้น
    เกษาหลวงพ่อหนุน
    เกษาพระอาจารย์สมควร
    เกษาหลวงปู่สมดา
    เกษาหลวงปู่เจี๊ยะ
    เกษาหลวงพ่ออิน
    เกษาหลวงปู่ขาว
    เกษาสมเด็จลุ่น
    คุณรุ่งนภา สันตตินันต์ มีใจบุญมากได้บริจาด
    1.ผงดินสอพองหอมผ่านพิธีเสด็จกลับรุ่น2
    วันนี้ได้รับมวลสารจากคุณ วุฒิพงษ์ มีรายการดังนี้
    1.ชนวนฐานพระยืน
    2.ลูกอมผงมวลสารรวม
    3.อิฐโบสถ์เก่าหลวงพ่อเดิม
    4.ชนวนสมเด็จองค์เนื้อเงิน
    5.เกษาหลวงพ่อมหาสิงห์
    6.ผงจินดามณี
    7.ชนวนหล่อหลวงปู่ใหญ่เปิด 3 ภูมิ
    8.ตะกรุดมหามงคลครอบจักรวาล ผ่านพิธีมาหลายพิธี เช่น ครูบาอินสม วัดถ้ำพระพุทธบาทป่าไผ่ วัดท่าขนุน วัดท่าซุง
    9.ใม้กลายเป็นหิน มีหลายชนิด
    10.ชนวนหล่อหลวงปู่ทวดค้ำชูดวง
    11.ชนวนหล่อพระรวมวัดท่าซุง
    12.ชนวนพระขรรค์
    13.ชนวนจตุคาม
    14.แผ่นจารหลายครูบาอาจารย์
    15.ผงพระแตกหักหลวงตามหาบัว
    16.กระดาษเช็ดปากหลวงปู่ศรี มหาวีโร
    17.คฑาพรหม
    ส่วนอย่างอื่นๆที่ยังไม่ได้ลง ต้องให้ทางคุณ วุฒิพงษ์ มาบอกอีกที
    เกศาที่ส่งไปมีประมาณ 30 กว่าพระอาจารย์จะทยอยลงให้ทราบครับ เกศาพระกรรมฐานที่หลวงตามหาบัว รองรับว่าพ้นแล้ว ส่วนชนวน จะตามไปอีกเป็นผง พุทธคุณ ๑๔๐๐ วัด และแป้งเสกจากครูบาอาจารย์นับร้อย กำลังรอจากพระคุณเจ้าส่งมาครับ
    โอ้โห ไม้ครูสร้างอีก 108 องค์ ผมว่าก็หมดครับ
    ใครได้จองไว้ เป็นวาสนาบารมีครับ เกินนี้ปลอมแล้วครับ เพราะไม้ที่มีทำได้เท่านี้ครับ
    ผมพลาดอย่างแรง ... เสียดาย ๆ


    ไม้ครู ขอลงชื่อสำรองสัก 1 ด้ามครับ คุณwoottipon

    เกษาหลวงปู่ญาท่านสวน
    จีวรหลวงปู่เทพโลกอุดร คุณชัยวิทย์ ได้มาจากผู้ที่ร่วมสร้างมีดสายฟ้ามหาปราบไตรภพ ท่านได้เจอกับหลวงปู่โดยไม่คลาดฝัน ตัวท่านเป็นคนสูงใหญ่เหมือนหลวงตาดำ ที่หลวงพ่อจรัญเจอ ก่อนจากเลยขอผ้าจีวร ท่านเลยให้ฉีกเอา พอได้มาเลยเอามาแบ่งให้คุณชัยวิทย์
    วลสารนี้ได้จากพระที่รู้จักกัน
    ทรายเสกผ่านพิธีมามากๆ ทั้งเสกเดี่ยวและพิธีใหญ่ๆ เช่นออกนิโรธ เป่ายันต์ เสาร์๕
    ผงพระธาตุสามร้อยยอด
    ผงพระธาตุสิวลี
    รวมผงพระ 2000 ชนิด จีวร เส้นเกษา ผ้าห่ม ผ้าเช็ดหน้าพระมัยมุนีพม่าและอย่างอื่นๆ
    ปู่พรหมให้ลูกปะคำ ของพรานบุญอายุมากๆเป็นปะคำที่พรานบุญเป็นคนทำมีอานุภาพที่ไม่ธรรมดาเลย ของเก่าอายุเป็นร้อยๆๆปี ท่านบอกว่าเดียวนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่
    ปะคำเหล็กน้ำพี้ของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน องค์นี้ไม่ธรรมดาอย่างเก่ง หนึ่งไม่มีสอง
    ไม้ครูหลวงพ่อหนุน
    การสร้างไม้ครูนั้น มีการสร้างหลายสำนัก แต่ละสำนักก็จะมีการสร้างแตกต่างกันไป ไม้ครูเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ความเป็นมงคลอย่างหนึ่ง
    วัตถุประสงค์ ในการสร้างไม้ครู ก็คือเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ดั่งคำว่า ศิษย์มีครู ทำให้เกิดอำนาจตะบะเดชะ เป็นเมตตามหานิยมแก่สาธุชนทั้งหลาย คำว่าครูก็จะมีแต่คนเคารพกราบไหว้บูชา นับเป็นนามที่เป็นมหามงคลอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังเป็นที่เกรงกลัวแก่เหล่าอสูรภูติผีปีศาจต่างๆ และยังเป็นเครื่องป้องกันคุณไสยมนต์ดำ และสามารถทำลายล้างสิ่งที่เป็นอาถรรพ์ต่างๆ ได้นอกจากนี้ยังป้องกันเขี้ยวงาสัตว์ทั้งหลายอันมี งู ช้าง เสือ สุนัข กระทั่งสัตว์น้ำ ครึ่งบกครึ่งน้ำ
    การสร้างไม้ครูมีการสร้างหลายลักษณะ หลายขนาด ตามแต่วัตถุประสงค์ของผู้สร้าง บางคณาจารย์ก็จะสร้างในรูปลักษณะของตะกรุด สามารถพกพาติดตัวได้เหมือนเครื่องราง เช่น ตะกรุด ไม้ครู ของหลวงปู่ภู วัดอินทราราม บางขุนพรหม บางคณาจารย์ ก็จะสร้างในลักษณะความเชื่อเรื่องเทพศาสตราวุธแต่ในรูปแบบของไม้คฑา ไม้ตะพต ไม้เท้าคู่กาย
    สำหรับไม้ครูของหลวงพ่อหนุน นั้น สร้างในลักษณะของไม้คฑา โดยการสร้างจากไม้ศักดิ์สิทธ์ และวัตถุอาถรรพ์ต่างๆมากมาย เพื่อให้ไม้คฑาของหลวงพ่อหนุนนั้นทรงอิทธิฤทธิ์ และทรงอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธ์อย่างไม่เคยมีการสร้างมาก่อน
    วิธีการสร้างไม้ครู (ไม้คฑา) ของหลวงพ่อหนุน รูปลักษณะ ความยาวประมาณ 27ซ.ม. โดยการวัดตามโฉลกในการสร้าง ส่วนหัวและส่วนปลายกลึงด้วยไม้มณีโคตร ส่วนตรงกลางเป็นไม้สัก รูปลักษณะของไม้ครู (ไม้คฑา) บนยอดปลายส่วนหัว และส่วนปลายด้าม เป็นรูปดอกบัวตูม ซึ้งดอกบัวเป็นเครื่องหมายแห่งปัญญา เป็นเครื่องหมายแห่งการหลุด พ้น ปัญญาเป็นเสมือนสุดยอดแห่งอาวุธ ซึ่งสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ ปัญญาเป็นเสมือนสุดยอดแห่งอาวุธที่ทรงอานุภาพ สามารถทำลายล้างอาวุธอาวุธของฝ่ายมารนั้นคือกิเลสของมนุษย์ นอกจากนั้นดอกบัวยังมีความหมายแห่งความมั่นคง ความอุดมสมบูรณ์ ความสะอาด และความบริสุทธ์และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นมงคลสูงสุด
    ที่พิมพ์มาเป็นส่วนของทางคุณชัยวิทย์ที่ส่งมา
    สำหรับสิ่งที่บรรจุและมวลสารศักดิ์สิทธ์ ส่วนนี้เป็นส่วนของทางคุณ ชัยวิทย์ ที่ร่วมอยู่ในไม้ครู
    1.ประเภทพระยันต์ซึ่งลงด้วยแผ่นแร่โคตรเศรษฐีและแร่เหล็กเปียก พระยันต์มีดังนี้
    1.1 พระยันต์เกราะเพชร
    1.2 พระยันต์มหาเดช
    1.3 พระยันต์มหากัน
    1.4 พระยันต์ดั้งพงจักรวาล (แปลว่าบุกฝ่าไปได้ทั้งจักรวาล)
    1.5 พระยันต์บารมี 30 ทัศและยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า
    1.6 พระยันต์อาวุธเทพ
    1.7 พระยันต์จตุโร
    1.8 พระยันต์ตรีสิงเห
    2.ประเภทไม้มงคล
    2.1ไม้มณีโคตร
    2.2ไม้สัก
    2.3ไม้งิ้วดำ
    2.4ไม้ช่อฟ้า
    2.5ไม้กระท้อนตายพราย
    2.6ไม้โพธิ์อินเดีย
    2.7แก่นไม้มะขามฟ้าผ่า
    2.8ไม้มะเกลือฟ้าผ่า
    2.9ต้นไพลดำ
    2.10 ต้นยาใหญ่
    เข้ายากมากๆกว่าจะพิมพ์ส่งได้หลายเที่ยว
    ประเภทว่านเกิน 108 ชนิด อาทิเช่น
    1.ว่านไฟ
    2.ว่านน้ำ
    3.ใบหนาด
    4.ว่านม้าแดง
    5.ว่านม้าล่อ
    6.ว่านม้าเพชร
    7.ว่านม้าหมอก
    8.ว่านพญาหงส์ขาว จำนวน 12 ชนิด
    ประเภทผงและแร่ เขี้ยวงาต่างๆ
    1.ผงตะไบใบมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร (หลวงปู่ญาท่านสวน)
    2.ผงตะไบเข็มโลกธาตุ
    3.แร่บางไผ่
    4.ผงสารพัดเขี้ยว เช่น เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวจระเข้
    5.ผงงาช้างขาว
    6.ผงงาช้างดำ
    7.ผงตะไบเหล็กอาถรรพ์ต่างๆ
    8.แร่โคตรเศรษฐี
    ประเภทอื่นๆ
    1.ปรอทเก่าของหลวงปู่ญาท่านสวน
    2.ชันนะโรงเพียงดิน
    3.ชันนะโรงกลางหาว
    4.ชันนะโรงใต้ดิน
    5.ชันนะโรงใต้น้ำ
    6.ขี้ผึ้งอาถรรพ์หน้าโบสถ์
    7.ขี้ผึ้งเทียนชัยงานพุทธาภิเษกสำคัญๆต่างๆ
    8.น้ำมันงาเสก เช่น น้ำมันชาตรี น้ำมันหลวงพ่อปาน
    9.สีผึ้งนารายกลืนจิตของหลวงปู่ญาท่านสวน
    10.สีผึ้งนาคราช
    ผงสมเด็จแพโบสถ์น้ำได้จากแม่อิ๊ด
    ผงพระขี่ไก่หลวงปู่ปานวัดบางนมโคได้จากแม่อิ๊ด
    ผงสมเด็จเกษไชโยรุ่นปี36
    ผงคำข้าว
    ผงหางหมาก
    ผงขวานฟ้า
    ผงจักรพรรดิผสมอิฐสมเด็จพระนเรศวรของหลวงตาม้า
    ่กระเบื้องโมเศสที่ใช้หุ้มองค์พระธาตุดอยตุงของเก่าสมัยที่หลวงพ่อฤาษีตลอดถึงครูบาอาจารย์องอื่นๆได้ไป ทำพิธีบวงสรวงอธิฐานจิตตั้งแต่ พ.ศ.2516 ถึง 2554 ถึงบูรณะซ่อมแซมเปลี่ยนรูปทรงเป็น แบบล้านนา
    น้ำทิพย์ที่ใช้ในงานพิธีสำคัญต่างๆและใช้สรงน้ำองค์พระธาตุดอยตุงอธิฐานจิตจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสพระพุทธิวงค์วิวัฒน์

    น้ำทิพย์ที่ใช้ในงานพิธีสำคัญต่างๆและใช้สรงน้ำองค์พระธาตุจอมกิตติและได้รับการอธิฐานจิตจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสจำชื่อไม่ได้
    กระเบื้องโมเศสที่หุ้มองค์พระ ธาตุดอยตุงนั้นได้รับการอธิฐานจิตตลอดถึงการสวดมนต์ทำวัตเช้าและเย็น สวดพระธรรมจักรทุกวันพระตลอดมา
    เมื่อวานได้คุยกับหลวงพี่เอก วัดเขาแร่ ท่านบอกว่าพระธาตุ 2 พระธาตุนี้คือพระธาตุดอยตุงและพระธาตุจอมกิตตินั้นผ่านพิธีมากๆๆ ตลอดถึงองค์หลวงพ่อฤาษีท่านได้มาบวงสรวงทำพิธี องค์สมเด็จท่านลงมาทำเองตลอดนะ อันนี้สุดยอดมากนะ
    พอตั้งจิตอธิฐานอิฐองค์พระธาตุจอมกิตติคิดว่าไม่ได้แล้ว พอดีได้แวะมากราบหลวงพี่เอกได้คุยเรื่องทำไม้ครู และไปพระธาตุดอยตุงและพระธาตุจอมกิตติ มาท่านเลยเล่าว่าได้ไปพระธาตุจอมกิตติ มาตั้งจิตอยากจะได้มวลสารของพระธาตุจอมกิตติ ท่านเดินสวดอิติปิโส 3 รอบ พอครบอิฐองค์พระธาตุตกลงมาตรงหน้าท่านพอดีเลย มีพลังมากนะ ศักดิ์สิทธ์มากนะ
    ได้อะไรดีๆอีก เดี่ยวหลวงพี่เอกท่านจะส่งให้นะ ถ้ามีอะไรบ้างจะแจ้งให้ทราบอีกที
    กระเบื้องโมเสดสีทองพร้อมด้วยปูนที่หุ้มห่อองค์พระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปราร้า(พระรากขวัญเบื้องซ้าย)ของพระพุทธเจ้าโดยพระมหากัสสะปะเถระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ได้อัญเชิญมา พระเจ้าอชุตราชเจ้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนก แห่งราชวงค์สิงหนวติ เป็นประธาน ทำพิธีบรรจุ ณ ดอยตุงนี้ แค่พลังของพระบรมธาตุสุดยอดแล้วครับ แล้วผ่านมาอีกเป็นพันๆปี ผ่านพิธีผ่านผู้ที่ทรงคุณพิเศษอีกจำนวนมาก
    เกษาหลวงปุ่ครูบาบุญมา วัดสามัคคีธํรรม ลำปาง
    ผงพระเก่าของคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ
    ศิลาน้ำของคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ
    น้ำมนต์ศักด์สิทธ์ของคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ
    น้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ 381 แห่ง สมเด็จโต วัดอินทรวิหาร
    ชนวนทองล้นเบ้าจากชมรมกุมารทอง ร.ป.ภ.ยมเป็นผู้มอบให้พร้อมทั้ง
    ไม้คานโบสถ์เก่าของวัดกุดเหวียน ลำปาง บดเป็นผงผสม
    ไม้สนหอมอายุเป็นร้อยกว่าปี
    ปูนเสกคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ ป้องกันโรค
    ข้อมูลผิดไปหน่อย ที่คุณทัศน์วรรณ พิทักษ์รังสรรค์ ได้บริจาคมวลสารมาให้นั้น
    เป็นมวลสารที่ใช้บรรจุพระกริ่งพระเจ้าพรหมมหาราชและดาบพระเจ้าพรหม มีอะไรบ้างรู้สึกว่าจะมีมากๆนะมวลสาร
    วันนี้มีโยมนักบุญมาวัด ได้นำมวลสารสำคัญมาร่วมบุญด้วยคือ
    1.ผงอังคารหลวงปู่คำพัน จันททูโป นครพนม
    2.เกษาหลวงปู่เผย วิริโย วัดถ้ำผาปู่ จ.เลย
    3.เกษาหลวงปู่เสน ปัญญาวโร วัดป่าหนองแซง จ.อุดร
    4.เกษาหลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย จ.พิจิตร
    5.เกษาหลวงปู่ประสาร สุมโน วัดป่าหนองไคร้ จ.ยโสธร
    6.เกษาหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ วัดป่าสุจิณโณ จ.ขอนแก่น
    7.เกษาหลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร วัดป่าสุนทราราม อ.เลิงนกทา
    8.เกษาหลวงปุ่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิต อ.นิคมน้ำอูน
    9.เกษาหลวงปู่แปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม
    10.เกษาหลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าภูเขาหลวง จ.นครราชสีมา
    11.เกษาหลวงปู่พัน ฐิฒธัมโม วัดป่าสันติธรรมบ้านน้ำภู จ.เลย
    12.เกษาหลวงปู่มั่น ถาวโร วัดภูลังกาใต้ อ.บ้านแพง
    13.เกษาหลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม วัดป่าโชคไพศาล อ.วานรนิวาส
    14.เกษาพระอาจารย์กัณหา วัดถ้ำคิ้ว อ.บ้านแพง
    15.เกษาหลวงปู่สมภาร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ
    16.เกษาหลวงปู่วิไล เขมิโย วัดถ้ำพญาช้างเผือก จ.ชัยภูมิ
    17.เกษาหลวงปู่เคน เขมาสโย วัดป่าหนองหว้า อ.สว่างแดนดิน
    18.เกษาหลวงปุ่เคน อิสสโร วัดป่าบ้านพืชผล อ.บ้านแพง
    19.เกษาหลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย อ.บ้านม่วง
    20.เกษาหลวงปู่บุญมา คัมภีรณานธัมโม วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน
    21.เกษาหลวงปู่บุญเหลือ วัดป่าวังปลาโด จ.อุดร
    22.เกษาหลวงปู่จันทร์ กิติวัณโณ สำนักสงฆ์หัวภูลังกา
    23.คุณแม่ชีบุญฮู้ พรหมเทพ สำนักแม่ชีภูกระแต อ.อากาศอำนวย
    24.ชานหมากหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมพู จ.อุบล
    25.คำหมากหลวงพี่เอก วัดเขาแร่
    26.คำหมากหลวงปู่บุญพิณ วัดผาเทพนิมิต
    27.ที่สีฟันหลวงพ่อไพบูลย์ สำนักสงฆ์นาเยอ
    28.ที่สีฟันหลวงปู่อุทัย สิริธโร วัดป่าเขาใหญ่เจริญธรรม
    29.ที่สีฟันหลวงตาแตงอ่อน วัดป่าโชคไพศาล
    รูที่บรรจุมวลสารใหญ่พอสมควร ขนาดเท่ากับปากกาปกติ ความลึกสุดดอกสว่าน
    30.มวลสารผงอิบพระธาตุพนมผงเกสรดอกไม้ร้อยแปดและหินปัฐวีธาตุที่อธิฐานจิตโดยหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ และครูบาอาจารย์สายปฏิบัติเช่นหลวงปู่มา จ.ร้อยเอ็ด หลวงปู่ผ่าน จ.สกลนคร หลวงปู่บุญหนา จ.สกลนคร หลวงปู่บุญพิณ จ.สกลนคร หลวงตาพวง จ.ยโสธร หลวงปู่สรวง จ.ยโสธร พระศาสนดิลก วัดป่าสุธาวาส จ.สกลนคร พระอาจารย์บุญอุ้ม จ.นครพนม พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สายหลวงปู่คำพันธ์
    าช้างดำเป็นเครื่องลางสำคัญมีอานุภาพมหาอำนาจทำให้ผู้คนทั่วไปครั่นคร้ามเกรงขาม เชื่อกันว่ามีเดชานุภาพความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว โดยไม่จำเป็นปลุกเสกแต่ประการใด งาช้างดำจึงมีคุณค่าในการเก็บสะสมไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง
    เกษาที่ได้มานั้นจะมีลักษณะจับตัวเป็นก้อนกลม
    จับตัวเป็นก้อนกลมมีพระธาตุเสด็จอยู่ใน
    จับตัวเป็นก้อนแปรสภาพเป็นพระธาตุ
    งาดำ ซึ่งตามโบราณถือว่าเป็นของหาได้ยากไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่าย เพราะงาช้างดำ ไม่ได้เกิดขึ้นกับช้างธรรมดา แต่จะเกิดขึ้นกับช้างเผือกเท่านั้น และก็ไม่ใช่ว่าช้างเผือกทุกตัวจะมีงาดำไปหมดตามปกติแค่ช้างเผือกก็หาไม่ง่ายแล้ว และช้างเผือกที่มีงาดำยิ่งหายาก หรือเกิดขึ้นได้ยากมาก เคยได้ยินได้อ่านพบ แต่ในหนังสือนวนิยาย ล่องไพร งาดำคนโบราณถือได้ว่าเป็นของวิเศษหายาก มีดีในตัวทางศาสนาฮินดู ถือว่า ช้างเผือกงาดำเป็นช้างทรงพระนารายณ์ ที่อวตาลลงมา คุณวิเศษเทียบได้เหล็กไหล ผู้ใดได้ครอบครองถือว่าเป็นผู้มีบุญบารมี หรืออีกประการหนึ่งคือเป็นเจ้าของเดิมในอดีต จึงได้ครอบครอง สำหรับงาช้างดำ
    ของแต่ละอย่าง ไม่ต้องหาละครับ หาไม่ได้ แต่มารวมอยู่ในพระรุ่นนี้ ไม่สุดยอดก็ไม่รู้ว่ายังไงแล้วครับ ผมว่าเต็มตั้งแต่ไม่พุทธาพิเศกแล้วครับ สาธุ ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...