จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ชำระจิตให้สะอาด มีพระนิพพานเป็นอารมณ์

    - หลวงปู่ปาน -

    [​IMG]

    อุปสมานุสสติกรรมฐาน

    อุปสมานุสสติ แปลว่า ระลึกคุณพระนิพพานเป็นอารมณ์

    ตามศัพท์ท่านน่าจะแปลว่า ระลึกถึงคุณของความเข้าไปสงบระงับจิตจากกิเลส

    และตัณหา ก็คือการเข้าถึงพระนิพพานนั่นเอง

    ท่านแปลเอาความหมายว่า ระลึกถึงคุณพระนิพพานนั้น เป็นการแปลโดยอรรถ

    ท่านแปลของท่านถูกต้องและเหมาะสมแล้ว ที่เขียนถึงคำว่าสงบระงับไว้ด้วย

    ก็เพื่อให้เต็มความประสงค์ของนักคิดเท่านั้นเอง

    ระลึกตามแบบ

    ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์วิสุทธิมรรค

    ท่านเป็น พระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ ท่านอธิบายถึงการระลึกถึง

    คุณพระนิพพาน โดยท่านยกบาลี ๘ ข้อ ไว้เป็นแนวเครื่องระลึก

    ดังจะนำมาเขียนไว้เพื่อเป็นเครื่องอุปกรณ์ในการระลึกดังต่อไปนี้

    บาลีปรารภพระนิพพาน ๘

    ๑. มทนิมฺมทโน แปลว่า พระนิพพานย่ำยีเสียซึ่งความเมา มีความเมาในความเป็นคนหนุ่ม และเมาในชีวิต โดยคิดว่าตนจะไม่ตายเป็นต้น ให้สิ้นไปจากอารมณ์ คือคิดเป็นปกติเสมอว่า ชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน โลกนี้ทั้งสิ้น มีความฉิบหายเป็นที่สุด

    ๒. ปิปาสวินโย แปลว่า พระนิพพาน บรรเทาซึ่งความกระหาย คือความใคร่กำหนัดยินดีในกามคุณ ๕ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส และการถูกต้องสัมผัส

    ๓. อาลยสมุคฺฆาโต แปลว่า พระนิพพาน ถอนเสียซึ่งอาลัยในกามคุณ ๕ หมายความว่า ท่านที่เข้าถึงพระนิพพาน คือมีกิเลสสิ้นแล้ว ย่อมไม่ผูกพันในกามคุณ ๕ เห็นกามคุณ ๕ เสมือนเห็นซากศพ

    ๔. วัฏฏปัจเฉโท แปลว่า พระนิพพาน ตัดเสียซึ่ง วนสาม คือ กิเลสวัฏ ได้แก่ ตัดกิเลสได้สิ้นเชิง ไม่มีความมัวเมาในกิเลสเหลืออยู่แม้แต่น้อย กรรมวัฏ ตัดกรรม อันเป็นบาปอกุศล วิปากวัฏ คือตัดผลกรรมที่เป็นอกุศลได้สิ้นเชิง

    ๕. ตัณหักขโย, วิราโค, นิโรโธ แปลว่า นิพพานธรรมนั้น ถึงความสิ้นไปแห่ง
    ตัณหา ตัณหาไม่กำเริบอีก มีความหน่ายในตัณหา ไม่มีความพอใจในตัณหาอีก ดับตัณหาเสียได้สนิทตัณหาไม่กำเริบขึ้นอีกได้แม้แต่น้อย

    ๖. นิพพานัง แปลว่า ดับสนิทแห่งกิเลส ตัณหา อุปาทาน กรรมอำนาจทั้ง ๔ นี้ ไม่มีโอกาสจะให้ผลแก่ท่านที่มีจิตเข้าถึงพระนิพพานแล้วได้อีก

    ตามข้อปรากฏว่ามีเพียง ๖ ข้อ ความจริงข้อที่ ๕ ท่านรวมไว้ ๓ อย่าง คือ ตัณหักขโย ๑ วิราโค ๑ นิโรโธ ๑ ข้อนี้รวมกันไว้เสีย ๓ ข้อแล้ว ทั้งหมดจึงเป็น ๘ ข้อพอดี ท่านลงในแบบว่า ๘ ก็เขียนว่า ๘ ตามท่าน ความจริงเมื่อท่านจะรวมกัน ท่านน่าจะเขียนว่า ๖ ข้อก็จะสิ้นเรื่อง

    เมื่อท่านเขียนเป็นแบบมาอย่างนี้ ก็เขียนตามท่าน
    ท่านสอนให้ตั้งจิตกำหนดความดีของพระนิพพานตามในบาลีทั้ง ๘ แม้ข้อใด ข้อหนึ่งก็ได้ตามความพอใจ แต่ท่านก็แนะไว้ในที่เดียวกันว่า บริกรรมภาวนาว่า "นิพพานัง" นั่นแหละดีอย่างยิ่ง ภาวนาไปจนกว่าจิตจะเข้าสู่อุปจารฌาน โดยที่จิตระงับนิวรณ์ ๕ ได้สงบแล้วเข้าถึงอุปจารฌานเป็นที่สุด กรรมฐานนี้ที่ท่านกล่าวว่า ได้ถึงที่สุดเพียงอุปจารฌานก็เพราะเป็นกรรมฐานละเอียดสุขุม และใช้อารมณ์ใคร่ครวญเป็นปกติ กรรมฐานนี้จึงมีกำลังไม่ถึงฌาน

    อานิสงส์

    อานิสงส์ที่ใช้อารมณ์ใคร่ครวญถึงพระนิพพานนี้มีผลมาก เป็นปัจจัยให้ละอารมณ์ที่คลุกเคล้าด้วยอำนาจกิเลสและตัณหา เห็นโทษในวัฏฏะ เป็นปัจจัยให้แสวงหาทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์อันเป็นปฏิปทาไปสู่พระนิพพาน เป็นกรรมฐานที่นักปฏิบัติได้ผลเป็นกำไร

    เพราะเป็นปัจจัยให้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้อย่างสบาย
    ขอท่านนักปฏิบัติจงสนใจกรรมฐานกองนี้ให้มาก ๆ
    และแสวงหาแนวปฏิบัติ ที่เข้าตรงต่อพระนิพพานมาปฏิบัติ
    ท่านมีโอกาสจะเข้าสู่พระนิพพานได้อย่างไม่ยากนัก

    Cr FB : Vincent Wichai
     
  2. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    คำสอน...สมเด็จองค์ปฐมบรมครู

    [​IMG]

    -ผู้จักไปพระนิพพานในชาตินี้ ย่อมถูกกรรมเก่าทวงเป็นธรรมดา-

    เรื่องที่ประสบเคราะห์กรรมให้เสียทรัพย์สินบ่อยๆ
    แม้กระทั่งมีปัญหาทางครอบครัว ก็เป็นผลจากกฎของกรรมในอดีตทั้งสิ้น

    เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าบุคคลใดที่ต้องการจักไปพระนิพพานในชาตินี้
    บรรดาเจ้าหนี้เก่าๆ ก็จักตามทวงตามเล่นงานอย่างไม่ลดละ
    เพื่อทดสอบกำลังของจิตว่า จักทนทานกับการเล่นงานอย่างนี้
    ได้สักแค่ไหน

    ถ้าวางอารมณ์ลงตัวกฎของกรรมเป็นธรรมดาไม่ได้
    บุคคลผู้นั้น ก็จักพ่ายแพ้แก่การต่อสู้กับอุปสรรค
    ที่กฎของกรรมส่งผลอย่างสิ้นเชิง
    อารมณ์ที่จักละกิเลสไปพระนิพพาน ก็จักคลายความเข้มแข็งลง
    นี่ต้องให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดาของบุคคลที่จักเข้าพระนิพพาน

    แต่ถ้าบุคคลนั้นพ่ายแพ้บ้าง แต่ไม่ยอมท้อถอยต่อสู้กับอุปสรรค
    คือยอมรับในกฎของกรรมโดยดุษฎี
    จิตก็จักไม่ดิ้นรนมาก ชดใช้กฎของกรรมไปโดยดี
    ไม่ช้าไม่นานกฎของกรรมก็จักคลายตัวไป ...

    ถ้าเราไม่เคยทำ กรรมเหล่านี้จักถึงเราไม่ได้เลย
    เพราะฉะนั้น พึงพิจารณากฎของกรรมให้รอบคอบ
    นี่เป็นเพียงเศษของกรรมเท่านั้นนะ
    กรรมใหญ่ๆ ได้รับการผ่อนหนักให้เป็นเบาก็มากแล้ว

    CR FB : แสงทิพย์ ทิพย์มิวสิค เพื่อพระนิพพาน
     
  3. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    สมเด็จองค์ปฐมทรงตรัสสอนดังนี้


    [​IMG]



    หน้าที่เป็นธรรมภายนอก
    การปฏิบัติเป็นธรรมภายใน
    อย่าคิดว่าเวลาของชีวิตจักมีมาก
    ตั้งใจเว้น หรือพอในความโลภ - โกรธ - หลง
    เพื่อพระนิพพานจุดเดียวเท่านั้น

    พยายามละธรรมภายนอก หรือเป็นผู้มีธุระน้อย มาอยู่กับธรรมภายใน
    เห็นสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง
    ยึดถืออันใดไม่ได้ หันมายึดถือ พระธรรม พระนิพพานซึ่งเที่ยงเข้าไว้
    แต่อย่าทำจนเครียด ให้เดินสายกลาง

    ให้พิจารณาถาม - ตอบด้วยจิตของตนเอง จนจิตยอมรับความจริง
    อยู่กับธรรมภายใน ขันธ์ ๕ คือ ธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ สกปรก - ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ยึดถืออันใดไม่ได้ เหมือนติดคุก เหมือนเลี้ยงลูกอ่อนตลอดชีวิต
    จิตเราถูกบังคับให้ต้องดูแลมันตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตาย

    นำความจริงของร่างกายมาพิจารณา ให้จิตยอมรับ จักได้ไม่ทุกข์
    ไม่ยึดร่างกายว่าเป็นเรา เป็นของเรา
    ยอมรับเรื่องเกิด - แก่ - เจ็บ - ตาย เป็นของธรรมดา

    หากจิตละเอียดเห็นว่าชีวิตกับความตายใกล้กันนิดเดียว
    จิตปลดร่างกายได้มากแค่ไหน ก็เท่ากับไม่ประมาทในความตายได้มากแค่นั้น

    อุบัติเหตุ คือ เหตุที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน
    จุดนี้หากจิตไม่มีพระนิพพานมั่นคงแล้ว อย่างไรก็เตรียมจิตไม่ทันแน่
    ฉะนั้น พึงซ้อมจิตเตรียมรับอุบัติเหตุทุกรูปแบบเข้าไว้ให้ดี

    พระธรรมในพุทธศาสนามุ่งสอนคนให้พ้นทุกข์
    ต้องการเอาจิตยอมรับสภาพตามความเป็นจริง


    จงอย่ามองทุกอย่างว่าเป็นโทษ
    ให้มองมุมกลับจักเป็นคุณ
    แม้การเจ็บป่วยของกายก็เป็นคุณ จักได้ไม่ประมาทในความตาย

    เห็นทุกข์ เห็นอริยสัจ - เห็นธรรม - เห็นกฎของกรรม
    จิตจักคลายความยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย
    เข้าสู่พระนิพพานได้ง่าย (รู้ลม - รู้ตาย - รู้นิพพาน)

    ที่มา: (จาก ปกิณกะธรรม เล่มที่ ๙)



    CR FB : แสงทิพย์ ทิพย์มิวสิค เพื่อพระนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  4. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
     
  5. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    .
    .
    .สาธุๆครับ สาธุๆ ธรรมะข้อนี้โดนเต็มๆเลย
    .ผมก็ปลง พยายามปล่อยวาง
    .จะทุกข์ก็ตรงที่เราไปเอาเงินคนอื่นมาให้เค้ายืมมากกว่า
    ..ยังไม่มีปัญญาหาคืนให้เค้าเลยเยอะจัด..
    .ยังดีไม่ได้ไปกู้กับพวกนอกระบบ
    .ไม่งั้นคงโดนซ้อมไปหลายสิบตลบ
    ..เพราะผิดสัญญากับพี่เจ้าของเงินมาตั้งแต่ต้นปี
    ..
    .ในส่วนของตัวเองราวๆสองแสน
    ..ก็ทำใจแระครับช่างมัน ช่างมัน ช่างมัน
    ..คิดอย่างนี้
    ..
    ..
    .
    .ส่วนที่เสียๆในส่วนอื่นอีกร่วมแสน ก็ปลงแระ..
    ..
    .ขอบคุณธรรมะข้อนี้มากครับ สาธุๆๆ
    .เห็นเลยครับ
    .แต่ก็ใช่ว่าจะหมายถึงได้ไปนิพพานครับ
    .เพียงแต่รู้สึกว่าเราละมันทิ้งไปดีกว่า
    ..
    .ยังมีชีวิตอยู่ก็หาใช้เค้าไปแล้วกัน.
    ..
    .สาธุๆๆๆ สาธุๆๆๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    เนื่องมาจากคลิปแผ่นดินไหวในไทย 5/5/57

    ผมเห็นคลิป เณรน้อยวิ่ง แต่พระไม่วิ่งยังคงนั่งอยู่
    ตกลงจิตใครพร้อมมากกว่ากันระหว่างพระกับเณร

    ในใจผมก็ยังคงคิดว่าพระพร้อมกว่า คงคิดก่อนทำ
    ส่วนเณรนั้นวิ่งก่อนเลย ยังไงไม่รู้ ขอวิ่งไว้ก่อนพอ

    แต่ถามว่าหากเกิดรุนแรงกว่านี้ ใครจะเป็นผู้รอดพ้น
    อันนี้คงขึ้นกับเหตุและปัจจัยที่มาประกอบกันนั้นแล
     
  7. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ภัยพิบัติบนโลก & ภัยพิบัติในชีวิตมนุษย์

    ทั้งสองอย่าง เป็นปรากฏการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครสามารถไปห้ามได้
    มันเป็น เรื่องของโลก ห้ามไม่ได้ บังคับไม่ได้ ฝืนไม่ได้
    ภัยพิบัติบนโลก ...มันจะเกิด จะเสียหาย ก็ต้องเป็นไป มันเป็นเช่นนี้ของมันอยู่แล้ว
    ภัยพิบัติในชีวิตมนุษย์ ... เกิด แก่ เจ็บ ตาย ...มันเป็น กฏธรรมดา ที่ทุกคนต้องเจอ
    หลีกเลี่ยงยังไงก็ไม่ได้ทำได้อย่างเดียว คือ ยอมรับความเป็นไป ของธรรมชาตินี้เสีย ก็เท่านั้น

    พูดน่ะ ดูง่ายนะ แต่ทำสิ ยาก เหลือเกิน...บางคนคิดอย่างนั้น
    แต่ก็ไม่ยากเลย สำหรับ ผู้ปฏิบัติธรรม เดินตามพระพุทธเจ้า
    เอาจิต มาปฏิบัตินะ เดินตามทางพ้นทุกข์ ที่พระองค์ท่านค้นพบแล้ว
    มาปฏิบัติกันเถิด ลูกหลานเอ๋ย ...เวลาของแต่ละคน เหลือน้อยแล้ว

    ศีล สมาธิ ปัญญา ...
    คือทางเดียวที่จะนำพา จิตให้รอดพ้น จากภัยพิบัติทั้งหลายได้
    ทั้งภัยพิบัติบนโลก และ ภัยพิบัติจากชีวิตมนุษย์ที่ต้องเกิดมาประสบทุกข์
    ยิ่งในยุคสมัยปัจจุบันนี้ด้วยแล้ว ...หากดำรงชีวิตกันแบบตามกระแสโลก
    ไม่มี สัมมาสติ เป็นเครื่องนำทาง ชีวิตคงหลงวนอยู่ใน กระแสกิเลส กระแสกรรม
    ดึงให้ตกต่ำ กระหน่ำซัด ทุกข์ แล้ว ทุกข์ อีก หาทางออกกันไม่ได้ ...
    เห็นมี แต่ บุญกุศล เท่านั้น ที่จะหนุนนำ ให้ดวงจิต เหล่านั้นเห็นทางออก
    พากันมา เจอเส้นทาง บุญ เส้นทางการปฏิบัติธรรม
    พากันเอาจิตรอดกันก่อนเถิดลูกหลานเอ๋ย อย่างอื่น ช่วยเจ้าไม่ได้เลย

    บุญเท่านั้นจะพาให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งใน และ นอก จิต...
    รีบๆๆ กันเข้านะ ก่อนจะสายเกินไป เอาจิตรอดพ้นก่อน
    จะได้อยู่กับทุกข์ ได้โดยที่ไม่ทุกข์ ...

    ณัฐชยาวดี
     
  8. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  9. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    คุณของพระรัตนตรัย...

    นั้นเหลือประมาณมากมายเหลือคณานับ
    หากจิตผู้ใดเข้าถึงคุณของดวงแก้วทั้งสามประการได้...
    ความมหัศจรรย์จะปรากฏ แก่ดวงจิตของผู้นั้นแบบมิอาจลืมเลือนได้เลย ...
    ดังเรื่องราว ของ เด็กสาวชาวไร่อ้อย คนหนึ่ง ที่บุญพาวาสนาส่ง ให้ได้มาเจอ
    การปฏิบัติธรรม แบบ จิตเกาะพระ ...
    หาไม่แล้ว เธอเองคง จมอยู่กับความทุกข์ทางใจ อย่างหาทางออกไม่ได้
    ทุกข์ที่ต้องประสบอยู่ ในขณะดำรงชีวิตอยู่บนโลก กับ การสูญเสีย 2 ชีวิตในครอบครัว
    และกับการดูแล คุณแม่ที่ป่วยเป็น อัมพาต ช่วยตัวเองไม่ได้มาหลายเดือน
    แต่ภัยพิบัติในชีวิตเธอขณะนี้ หาได้เป็นอุปสรรค ในการปฏิบัติธรรมของเธอไม่...

    วันนี้ ก็จะขอนำเสนอ ธรรมที่เกิดขึ้น จากการปฏิบัติ จิตเกาะพระ
    ในขณะนี้จิตเธอกำลังวิปัสสนาธรรม และเหตุการณ์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอ
    ที่เธอได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงสองพระองค์
    มาปรากฏในจิตเธอ เมื่อจิตของเธอเข้าถึง คุณพระรัตนตรัย อย่างจริงใจด้วยศรัทธาแท้
    ติดตาม เรื่องราว ของเธอ ได้จากการบ้าน ของ
    จิตบำเพ็ญผู้นี้ ..น้องกุ้ง

    *-*-*-*-*-*-*-*-*-

    กราบเรียนคุณครูที่เคารพทุกท่านคะ

    กุ้งขอรายงานรายละเอียดการบ้านเพิ่มเติมจากที่ได้เคยรายงานกับพี่แนททาง lineไปบ้างแล้ว

    รายละเอียดเป็นดังนี้คะ

    2 พ.ค. 2557

    วันนี้ตอนเย็นขับรถกลับบ้านที่อุทัยฯ ระหว่างที่รถติดไฟแดง อารมณ์นิ่งๆ มองไปเห็นเสาของป้ายบอกทางที่ทำจากเหล็กต้นใหญ่ ซึ่งดูแล้วมันมีความแข็งแรงทนทานมาก แต่วันนี้กุ้งมองเห็นเหล็กที่เต็มไปด้วยสนิมเกาะเต็มไปหมด นั้นเป็นเพราะมันถูกน้ำฝนและแสงแดดนานวันเข้าทำให้เป็นสนิม เริ่มมีรอยผุกร่อน หลุดลอกออกไปบ้างแล้ว ต่อไปมันคงจะหักและล้มลง จิตกุ้งมันรับรู้ว่าแม้แต่เหล็กที่ว่าแข็งแรง ทนทานที่สุดเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว มันก็สูญสลาย ดับไปได้เช่นกัน ไม่มีอะไรคงอยู่ได้ตลอดกาล

    เวลาขับรถกุ้งจะน้อมจิตกราบท่านพ่อองค์ปฐม ขอฝากจิตกับท่านพ่อทุกครั้งคะ สิ่งที่จิตคิดวนไปวนมาระหว่างขับรถ ก็จะเป็นภาพท่านพ่อ ภาพเหตุการณ์ผ่าตัดในวีดีโอที่พี่แนทให้ดู ทบทวนสิ่งที่พี่แนทให้ทำ ให้ปฏิบัติ และ วันนี้จิตกุ้งสัมผัสความรักถึง 3 เหตุการณ์คะ

    1. พอเข้าจังหวัดสุพรรณบุรี ขณะที่คิดถึงท่านพ่อ จู่ๆ ก็รู้สึกปีติเกิดขึ้น แต่วันนี้ผิดกับทุกวันคะ เมื่อก่อนจะน้อมกราบท่านพ่อเพราะศรัทธาและเคารพท่านในพระเมตตาที่ท่านมีต่อกุ้งและมนุษย์โลกทุกคน แต่วันนี้กุ้งรู้สึกว่ากุ้งรักท่านพ่อมากๆ อย่างไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย จิตของกุ้งมันอธิฐานจิตบอกท่านพ่อว่า “ชีวิตที่เหลืออยู่ของลูก ขอถวายให้กับท่านพ่อ หากจิตดวงนี้จะสามารถช่วยงานของท่านพ่อเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาได้ ขอให้ท่านพ่อสั่งมาเลยเลยคะ” มันเป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาเองโดยที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยคะ

    2. ระหว่างรถติดไฟแดงที่สุพรรณ จิตก็นิ่งคะ รอไฟเขียว จู่ๆ กุ้งก็คิดถึงพี่แนทกับพี่เป้คะ จิตมันรู้สึกรักพี่แนทกับพี่เป้ขึ้นมาคะ ไม่ใช่รัก หรือเคารพเพราะเป็นครู เป็นเพื่อนร่วมทำงานเหมือนเดิม แต่เป็นความรักแบบความรักที่มีให้กับพ่อแม่ และพี่สาว จิตมันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ คะ จิตมันรู้สึกซาบซึ้งในความรักและความเมตตาที่พี่แนทกับพี่เป้มีให้จนน้ำตาซึมเลยคะ

    3. ระหว่างขับรถกุ้งจะพยายามตั้งสติมาอยู่ที่กายให้มากที่สุดคะ ให้อยู่ในฌานต่ำๆ จะคอยเช็คสติตัวเองตลอดคะ จู่ๆ จิตกุ้งก็เห็นภาพตัวเองกำลังกอดพระพุทธรูปคะ ความคิดที่แว้บเข้ามาคือ “เราจะบาปไหมนะ” ก็เลยคิดว่าเราคงคิดถึงภาพพระบ่อยไป เลยตั้งสติให้มาอยู่กับกาย แต่ไม่นานภาพที่กุ้งกอดพระพุทธรูปก็ผุดขึ้นมาในจิตอีกคะ พี่แนทคะ กุ้งรู้สึกว่ากุ้งได้รับความรักความเมตตาจากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันคะ จิตใจมันเต็มตื้นไปหมดอธิบายไม่ถูก กุ้งร้องไห้สะอึกสะอื้นเลยคะ จู่ๆ จิตของกุ้งมันก็รู้สึกรักพระองค์มากๆๆๆๆๆๆ มากจนไม่รู้จะอธิบายเป็นตัวอักษรอย่างไรให้พี่แนทเข้าใจว่ามันมากมายแค่ไหน ตอนนั้นสมองตื้อ คิดอะไรไม่ออกเลยคะ รู้แต่ว่ารักพระพุทธเจ้าเหลือเกิน รักมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเมื่อก่อนกุ้งจะเคารพท่านเพราะท่านเป็นพระศาสดาของศาสนาพุทธที่กุ้งนับถือ แต่วันนี้จิตของกุ้งมันเปลี่ยนไปแล้วคะ มันสัมผัสได้ถึงพระเมตตาและความรักที่พระองค์มีต่อกุ้งและทุกสรรพาสิ่งบนโลกใบนี้ว่าช่างมากมายเหลือเกิน

    คืนนี้กุ้งได้นั่งสมาธิพิจารณาร่างกายตามการบ้านที่พี่แนทให้ทำคะ จนรู้สึกว่ากายมันหายไป จิตของกุ้งมันนำภาพในวีดีโอที่พี่แนทให้ดูมาพิจารณาคะ กุ้งใช้สติดูตามภาพที่ปรากฏในจิต ภาพค่อนข้างชัดคะ เป็นภาพศพที่ถูกผ่าออกมาเห็นอวัยวะภายใน ภาพสมอง ภาพกระดูก วนไปมาหลายรอบ สติเริ่มรู้ว่าจิตมันเริ่มเบื่อละ กุ้งเลยดึงภาพศพขึ้นมาแล้วลำดับเหตุการณ์ตามที่พี่แนทได้บอกว่าคะ แต่ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไรคะ เป็นภาพศพขึ้นอืด เน่า เขียว บวม น้ำเลือด น้ำหนองไหลเยิ้ม ออกทางทวารต่างๆ (ภาพชัด) มีหลอนชรไซ้ (ภาพชัด) ศพเน่าเปื่อย นกแร้งมาจิกกิน เหลือแต่กระดูก (ภาพชัด) ฝนตกชะล้าง น้ำหนองไหลเยิ้มไปตามพื้น เหลือแต่กระดูก ถูกแดดเผาผุกร่อน เป็นผง ถูกลมพลัด ปลิวหายไปเลย เหลือแต่ความว่างเปล่า (ภาพชัด) อนัตตา ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ร่างกาย ร่างกายนี้ไม่มีในเรา เราไม่มีในร่างกาย และคิดทบทวนย้อนกลับไปมาตามที่
    พี่แนทบอก

    สติมันรู้ว่าจิตมันเริ่มเบื่ออีกละ ต่อมาจิตมันก็นิ่งๆ เฉยๆ สติมันรู้สึกว่าร่างกายมันอยากจะกลืนน้ำลายคะ แต่มันกลืนไม่ได้ พยายามยังไงก็ไม่ได้ เหมือนว่าร่างกายมันไม่ใช่ของกุ้งจริงๆ เลยคะ เหมือนมันมี 2 คนในตัวเลยคะ แล้วต่อมาก็มีอาการเหน็บชาคะ มันมีความรู้สึกว่าตัวหนึ่งมันอยากจะขยับ แต่อีกตัวหนึ่งอยากจะนั่งต่อ สติกุ้งรับรู้ตลอดคะ เลยบอกจิตไปว่า เห็นไหมเราสั่งร่างกายนี้ไม่ได้เลยว่าอย่าเป็นเหน็บชา เพราะร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่ของร่างกาย ปล่อยมันไป อย่าไปสนใจ อาการเหน็บชาค่อยๆ จางหายไปเองคะ จนได้ยินเสียงแม่ไอ แต่จิตมันอยากนั่งสมาธิต่อ จนได้ยินเสียงไอมากๆ ขึ้น สติต้องบังคับให้มันออกจากฌานคะ รู้สึกได้เลยว่า จิตมันยังอยากจะนั่งสมาธิต่อ

    เกือบๆ ห้าทุ่มกุ้งก็เลยนอนคะ คิดถึงกำหนดลมหายใจเข้าออกคิดถึงพระคะ จนรู้สึกตัวเองเบาๆ โล่งๆ เหมือนไม่มีร่างกาย ไม่มีลมหายใจ กุ้งก็เลยตั้งจิตอธิฐานแผ่บุญกุศลให้กับแม่คะ จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีมด 1 ตัว มาไต่ที่แขนคะ แว้บแรกคิดว่ามดเข้ามาในผ้าห่มได้ไงนะ ต่อมาก็รู้สึกว่ามันไต่มาที่ขาคะ ตอนแรกเหมือนแค่ตัวสองตัว สักพักความรู้สึกเหมือนมดไต่ขาเต็มไปหมดเลยคะ ความรู้สึกเหมือนตอนที่ถูกมดที่หน้าห้องนอนไต่ตอนที่ย้ายหน้าต่างเลยคะ กุ้งรู้แล้วว่าเป็นพวกเขา เขาอยากขอมาร่วมส่วนบุญและอนุโมทนาบุญคะ กุ้งก็เลยแผ่เมตตาอธิฐานจิตให้เขาร่วมอนุโมทนาบุญด้วยคะ ขอให้เขาไปเกิดภพชาติที่ดีๆ ได้พบพระพุทธศาสนา แล้วได้ปฏิบัติธรรมเพื่อจะได้หลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้คะ ความรู้สึกเหมือนมีมดไต่ก็หายไปคะ หายไปเลย ไม่เหลือ แล้วกุ้งก็หลับไปคะ

    3 พ.ค. 2557

    ช่วงสายๆ กุ้งก็นำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดเมื่อวานมาบันทึกในสมุด จิตก็นิ่งๆ เฉยๆ จิตกุ้งมันนำภาพเหล็กเป็นสนิมที่เห็นเมื่อวานเย็นมาคิดต่อคะ จิตมันคิดว่า เหล็กที่แข็งๆ ก็เหมือนกิเลสที่ฝั่งอยู่ในจิตคนเรา แต่เหล็กถึงจะแข็งแค่ไหน เมื่อถูกฝนชะล้าง ถูกแสงแดดแผดเผามันก็ยังผุกร่อนได้ ก็เหมือนกิเลสในจิตของเรา หากได้ฟังได้อ่านธรรมะบ่อยๆ กิเลสนั้นก็บางเบาและหายไปในที่สุดได้คะ ธรรมะก็เปรียบเหมือนน้ำฝนและแสงแดดนั้นเอง เพราะธรรมชาติก็คือธรรมะ ธรรมะก็คือธรรมชาติ

    ตอนค่ำระหว่างที่กุ้งรายงานการบ้านกับพี่แนท กุ้งก็ตั้งจิตนิ่งและสงบอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าครอบจิตของกุ้งตามที่พี่แนทแนะนำ หลังจากนั้นกุ้งรู้สึกมีอาการแน่นหน้าอกคะ ขณะนั้นแม่กำลังไอพอดี กุ้งเลยเอามือซ้ายของตัวเองไปวางไว้บนอกด้านซ้ายของแม่ แล้วกำหนดจิต อาราธนาบารมีท่านพ่อพระพุทธเจ้าแผ่พลังพุทธะนี้ให้กับแม่ ด้วยความรัก หากไม่เป็นการฝืนกฎแห่งกรรมขอบารมีของพระองค์โปรดช่วยบรรเทาทุกขเวทนาของแม่กุ้งด้วย และขอแผ่บุญกุศลให้กับเทวดาประจำตัวแม่ให้ช่วยดูแลแม่ด้วย อัศจรรย์ใจยิ่งนักคะพี่แนท จากที่แม่ไอๆ อยู่ หยุดทันทีเลยคะ ท่านพ่อพระพุทธเจ้าทรงพระเมตตาต่อแม่และกุ้งเหลือเกินคะ

    คืนนี้กุ้งได้สวดคาถา บารมี 30 ทัศ 9 จบ พร้อมอธิฐานจิตขอพึ่งบารมี ท่านพ่อพระพุทธเจ้าครอบจิตตามที่พี่แนทแนะนำคะ

    (มีต่อ..ภาคสอง..)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  10. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    4 พ.ค. 2557

    วันนี้ตื่นสายต้องรีบทำภารกิจเกี่ยวกับแม่ให้เสร็จก่อนเอาอาหารให้แม่ทาน ยอมรับคะว่าไม่ได้คิดถึงพระ ปกติจะคิดถึงพระตลอดก่อนลุกขึ้นทำภารกิจต่างๆ

    วันนี้จิตของกุ้งมันวิปัสสนาเกี่ยวกับอาชีพที่บ้านกุ้งทำคะ บ้านกุ้งมีอาชีพทำไร่อ้อย รอบๆ บ้านจึงประกอบไปด้วยไร่อ้อยเต็มไปหมด วันนี้กุ้งมองเห็นต้นอ้อยที่เริ่มเติบโต แต่อีกประมาณ 6-7 เดือนมันก็โตพอที่จะตัดเข้าโรงงานเพื่อไปเป็นน้ำตาล ต้นอ้อยถูกตัดหายไป เป็นน้ำตาลแทน น้ำตาลถูกนำไปใช้ในการปรุงอาหารต่างๆ (น้ำตาลหายไป) มนุษย์ทานอาหารเหล่านั้นที่ทำจากน้ำตาลเข้าไป (อาหารหายไป) ถูกขับถ่ายออกมาก (ถูกกำจัดสู่ธาตุดิน) หรือไม่ก็แฝงตัวเป็นไขมันในร่างกาย สุดท้ายพอมนุษย์ตายก็สลายสู่ธาตุต่างๆ เหมือนเดิม ทุกอย่างเกิด ดับ เกิด ดับอยู่ตลอดเวลาเลยคะ หนีไม่พ้นที่จะกลับคืนสู่ธาตุทั้ง 4

    พี่แนทคะวันนี้เวลาที่กุ้งคิดถึงพระ ภาพพระในจิตกุ้งเปลี่ยนไปคะ จากเดิมที่เป็นท่านพ่อองค์ปฐม แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นภาพพระพุทธรูปที่กุ้งกอดเมื่อวานนี้คะ และก็ลอยอยู่บนศีรษะกุ้งตลอดด้วยคะ วันนี้กุ้งได้ฟังเรื่องของพระพุทธเจ้าที่พระเทวทัตปองร้ายหวังที่จะฆ่าพระองค์ โดยการลอบขึ้นไปบนภูเขาคิชฌกูฏ แล้วผลักก้อนหินใส่พระองค์ ขณะเสด็จออกบิณฑบาต ซึ่งพระองค์ก็รู้ว่าหากการครั้งนี้ไม่สำเร็จพระเทวทัตจะอกแตกตาย พระองค์จึงให้มีสะเก็ดหินชิ้นหนึ่งกระเด็นมาต้องพระบาทจนเกิดห้อพระโลหิต เพื่อให้พระเทวทัตได้สมใจไม่อกแตกตาย ได้ฟังเท่านี้กุ้งน้ำตาซึมเลยคะ รู้สึกเศร้าเสียใจเหลือเกินที่พระองค์ถูกทำร้าย ทั้งๆ ที่พระองค์ดีแสนดีต่อพระเทวทัตขนาดนี้ เมื่อก่อนได้ฟังเรื่องนี้ก็เฉยๆ คะ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

    ตอนบ่ายนั่งสมาธิ แต่แม่ไอตลอด นั่งสมาธิไม่ต่อเนื่องต้องลุกขึ้นมาดูเป็นระยะ ก็เลยเปลี่ยนใจนอนหลับดีก่า (55) เวลานอนก็คิดถึงพระ แล้วก็รู้สึกโล่งๆ เบาๆ หลับไปอีกแล้ว
    พี่แนทคะกุ้งฝันกลางวันคะ (แฮ่ๆ) ฝันว่ากุ้งนั่งสมาธิอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้คะ สติรับรู้ว่ากำลังนั่งสมาธิ แล้วอารมณ์ตอนนั้นก็นิ่งๆ เฉยๆ เหมือนไม่มีตัวตน กุ้งนั่งสมาธิอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นพื้นที่กว้างๆ โล่งๆ สว่างๆ มีแต่สีขาว (กุ้งนั่งหลับตาแต่กุ้งมองเห็นได้ยังไงก็ไม่รู้คะ) แล้วกุ้งก็มองเห็นท่านพ่อองค์ปฐมเสด็จลอยลงมาคะ แสงสว่างจากพระองค์สว่างจ้ามากเลยคะ จากนั้นกุ้งก็เห็นท่านพ่อพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเสด็จลอยลงมาซ้อนสมเด็จพ่อองค์ปฐมคะ แสงสว่างยิ่งสว่างจ้าไปหมด ภาพที่เห็นทั้งสองพระองค์เป็นสีขาวคะ กุ้งเห็นดวงพระเนตรของท่านพ่อพระพุทธเจ้าชัดมากเลยคะ กุ้งเกิดปีติร้องไห้ใหญ่เลย ตอนที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ สติกุ้งมันรับรู้ตลอดเวลาเลยคะ สติและความรู้สึกมันชัดเจนมาก แต่มันเป็นความฝันได้ไงก็ไม่รู้คะ สงสัยว่ากุ้งจะคิดถึงท่านพ่อทั้งสองมากจนเก็บไปฝัน

    วันนี้หลายชายคนเล็กของกุ้งเขาขโมยเงินของพี่สาวกุ้ง หากเป็นเมื่อก่อนกุ้งจะรู้สึกโกรธ ปนกับความรู้สึกเป็นห่วงที่เขาทำตัวแบบนี้ เพราะมันเป็นบาปหนัก และก็สงสารพี่สาวที่มีลูกชายแบบนี้ ความรู้สึกเหล่านี้จะอยู่กับกุ้งนานเลยละคะ แต่วันนี้กุ้งได้ยินแล้วจิตกุ้งมันรู้เลยว่าโกรธแล้วหายไปทันทีเลย ไม่มีอารมณ์อื่นๆ เข้ามาเหมือนเคย กุ้งเช็คดูอีกครั้งมันไม่มีอารมณ์ใดๆ ที่เคยมีเลยจริงๆ คะ

    ตอนเย็นหลังจากคุย line กับพี่แนทเสร็จกุ้งก็ไปทานก๋วยเตี๋ยวที่บ้านพี่ชาย แล้วก็เปิด FB ไปด้วย ปรากฏว่ามีเพื่อนใน FB ได้โพสภาพของศพที่ถูกผ่าท้องเห็นตับ ไต ไส้ อวัยวะต่างๆ เต็มไปหมด ตอนแรกตกใจคะ แต่อาการตกใจมันหายไปเร็วมาก จากนั้นจิตมันนิ่งมากคะพี่แนท มองภาพแบบว่านิ่งๆ เฉยๆ แถมกินก๋วยเตี๋ยวไปด้วย มหัศจรรย์มากคะ ที่กุ้งไม่รู้สึกผะอืดผะอม หรือขยักแขยงเลย ทั้งๆ ที่ปกติเห็นภาพแบบนี้ต้องหรี่ตาดูคะ

    5 พ.ค.2557

    ช่วงเช้าวันนี้ระหว่างที่ซักผ้าให้แม่ อารมณ์กุ้งก็นิ่งๆ เฉยๆ มองเห็นต้นกล้วยที่มีเครือกล้วยใกล้จะแก่อยู่กับต้น จิตของกุ้งมันนึกภาพย้อนไปตั้งแต่ต้นกล้วยยังต้นเล็กๆ โตขึ้นมายังไม่มีเครือกล้วย จนมีเครือกล้วยในปัจจุบัน จิตมันคิดต่อไปว่า กล้วยแก่ ตัดเครือกล้วยนำผลกล้วยไปใช้ประโยชน์ส่วนต้นกล้วยก็ตัดทิ้ง ต้นกล้วยก็สลายสู่ดินตามเดิม หายไปเลย

    ต่อมากุ้งมองเห็นไก่กำลังคุยเขี่ยหาอาหาร จิตกุ้งมันนึกภาพว่าตัวไก่ประกอบไปด้วย ตับ ไต ไส้ กระดูก พอโตถูกจับไปเป็นอาหาร ดับสลายไปอยู่ในร่างกายของคนแทน ร่างกายคนก็อุดมไปด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆมากมาย น่ารังเกลียดยิ่งนัก พอคนเราตายก็สูญสลายสู่ธาตุทั้ง 4 แทน

    จากนั้นกุ้งมองไปบนพื้นดินที่ใช้ปลูกอ้อย จิตกุ้งมันนึกถึงภาพพื้นดินก่อนที่จะเอาอ้อยมาปลูก แต่เดิมมันไม่ใช่พื้นดินโล่งๆ แต่มันเต็มไปด้วยต้นวัชพืชมากมาย ต้องกำจัดมันออกเสียก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมในการที่จะนำต้นอ้อยมาปลูกให้ได้ผลผลิตที่ดี พี่แนทคะ ถึงตรงนี้จิตของกุ้งมันเปรียบตัวมันเองเป็นพื้นดินคะ พืชดินที่เต็มไปวัชพืช (กิเลส) มากมาย พี่แนทกับพี่เป้ต้องใช้ความเพียรพยายามเหลือเกินที่จะทำให้พื้นดินแห่งนี้ (จิตของกุ้ง) ปราศจากวัชพืช (กิเลส) เพราะเมื่อมันว่างปราศจากวัชพืช (กิเลส) เมื่อไร มันก็พร้อมที่ปลูกพืช (ธรรมะ) ต่างๆ ลงไป มันจะเจริญงอกงาม และให้ผลผลิตที่ดี ***พี่แนท & พี่เป้คะ กุ้งรู้สึกซาบซึ้งในความรักและความเมตตาของพี่ทั้งสองคนเหลือเกินคะ เพราะตอนเด็กกุ้งเคยช่วยที่บ้านทำงาน กุ้งรู้ว่ามันลำบากแค่ไหนกว่าจะทำให้พื้นดินมันโล่งพร้อมที่จะปลูกต้นอ้อยลงไปได้

    วันนี้กุ้งได้ฟังเรื่องราวของท่านพ่อพระพุทธเจ้า ที่ท่านโปรดนางปฏาจารา ที่สามีนางตาย ลูกทั้งสองคนก็มาตายอีก และมารู้อีกว่าบิดามารดาต้องมาตายอีก จนนางเป็นคนวิกลจริต ร้องไห้รำพันเดินเปลือยกาย โซซวนไปมา จนกระทั่งมาถึงพระเชตะวันมหาวิหาร ขณะนั้นพระบรมศาสดากำลังเทศนา โปรดพุทธบริษัทอยู่พวกพระพุทธบริษัทก็กีดกันไม่ให้เข้ามา พระองค์ตรัสให้หลีกทางปล่อยให้นางเข้ามา พระองค์ตรัสกับนางว่า จงกลับมาได้สติเถิดนางหญิง เมื่อนางได้สติก็รู้ละอายที่ตนอยู่ในสภาพเปลือย นางจึงรีบนั่งลงและขณะนั้นเองมีพุทธบริษัทคนหนึ่งโยนผ้าห่มให้ นางจึงรีบคลุมตัว แล้วนางทูลว่าขอพระองค์เป็นที่พึ่งแก่หม่อมฉันด้วยเถิด พระพุทธเจ้าทรงปลอบว่า เธอมาสู่สำนักของผู้ที่จะเป็นที่พึ่งของเธอแล้ว ได้ฟังแค่นี้ กุ้งน้ำตาล่วงเลยคะ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อทุกชีวิตบนโลกนี้เหลือเกินคะ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้กุ้งก็เคยได้ฟังมาก่อนแล้ว แต่ความรู้สึกไม่ได้ซาบซึ้งไปจนถึงจิตใจกุ้งเหมือนวันนี้เลยคะ

    หลังจากเอาข้าวเที่ยงให้แม่ทานเสร็จ กุ้งก็เปิดดูวีดีโอการบ้านของพี่แนทอีกครั้งคะ วันนี้ความรู้สึกไม่เหมือนวันนั้นเลยคะ สติของกุ้งคอยเช็คจิตตลอดว่ามันรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกขยักแขยง ความกลัวหายไป ไม่มีเลยคะ จิตของกุ้งมันนิ่งมองดูภาพเหตุการณ์ต่างๆ สติของกุ้งคอยสอนจิตเป็นระยะๆ ว่า ร่างกายนี้มันสกปรก ประกอบด้วย น้ำเลือด น้ำหนอง ดับ ไต ไส้ ร่างกายที่เจ้าอาศัยอยู่ก็มีสภาพแบบนี้ พอหมดลมหายใจก็ไม่มีใครต้องการ ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่ของร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เราไม่มีในร่างกาย อย่าไปหลงยึดติดอยู่กับมัน จนวีดีโอจบ ประมาณว่า อ้าวจบแล้วเหรอ กำลังเพลินเลย (555) จากนั้นกุ้งก็นั่งสมาธิคะ (วันนี้แม่ให้ความร่วมมือดีมาก ไม่ไอเลย 555) นั่งไปจนรู้สึกว่าร่างกายเบา โล่ง จู่ๆ จิตของกุ้งก็เห็นภาพคนสี่คนกำลังห้ามโลงศพคะ จากนั้นก็เป็นเลือดสีแดงเต็มพื้นไปหมดไม่รู้มาจากไหน ภาพชัดมากคะ จากนั้นภาพในวีดีโอก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาที่ละภาพๆ วนไปวนมาจน (ภาพชัดคะ) จนสติมันเริ่มรู้ละว่าจิตมันเริ่มเบื่อแล้ว ก็เลยดึงจิตนั่งสมาธิแบบนิ่งๆ มีสติรอดูว่าจิตมันจะทำอะไรต่อไป จนรู้สึกว่าเบา โล่ง ก็เลยตั้งสตินำภาพศพมาพิจารณาตามขั้นตอนที่พี่แนทบอกไว้ แต่ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไรคะ เป็นภาพศพขึ้นอืด เน่า เขียว บวม น้ำเลือด น้ำหนองไหลเยิ้ม ออกทางทวารต่างๆ (ภาพชัด) มีหลอนชรไซ้ ศพเน่าเปื่อย นกแร้งมาจิกกิน เหลือแต่กระดูก (ภาพชัด) ฝนตกชะล้าง น้ำหนองไหลเยิ้มไปตามพื้น เหลือแต่กระดูก ถูกแดดเผาผุกร่อย เป็นผง ถูกลมพลัด ปลิ้วหายไปเลย เหลือแต่ความว่างเปล่า (ภาพชัด) กุ้งย้ำบอกไปอีกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ร่างกาย ร่างกายนี้ไม่มีในเรา เราไม่มีในร่างกาย และคิดทบทวนย้อนกลับไปมาตามที่ พี่แนทบอก

    วันนี้ขับรถกลับกรุงเทพฯ ออกจากบ้านประมาณบ่ายโมง ระหว่างที่ขับรถกุ้งได้สัมผัสพลังพุทธะคะ กุ้งได้น้อมขอบารมีท่านพ่อพระพุทธเจ้าครอบจิตกุ้ง ให้ท่านช่วยสอนธรรมให้กับจิตกุ้ง และแผ่ผลบุญนี้ให้กับเทพเทวา นางฟ้า และสรรพสัตว์บนโลกใบนี้

    และกุ้งเจอเหตุการณ์เฉียดตายก็ว่าได้คะ เกือบไม่ได้มาเรียนจิตเกาะพระกับพี่แนทเสียแล้ว (อิอิ) กุ้งขับรถเข้าเส้นทางหลักจากสุพรรณบุรีมากรุงเทพฯ เป็นเส้นทางเดินรถทางเดียว 3 เลน ขณะนั้นกุ้งขับรถอยู่เลนกลาง ซ้ายเป็นรถบรรทุกพ่วง ข้างหน้าเป็นรถกระบะเข็นไม้ประมาณครึ่งกระบะ ปลายไม้เลยออกมาจากท้ายรถประมาณ 1 เมตร กุ้งก็จะแซงรถกระบะคันนั้นโดยกุ้งได้มองกระจกข้างฝั่งขวา เห็นรถเก๋งสีขาวกำลังวิ่งมา ซึ่งกุ้งคำนวณดูแล้วว่าความเร็วที่กุ้งใช้อยู่ใกล้เคียงกับเขาและเขาก็อยู่ห่างพอสมควร กุ้งจึงเปิดไฟขอทางเพื่อออกขวาจะหลบรถกระบะเพื่อจะแซงมันไป แต่ปรากฏว่ารถเก๋งคันนั้นเขาไม่ยอมคะ กุ้งมองกระจกเห็นเขาขับมาตีขนาบท้ายรถกุ้ง ประมาณว่าไม่ยอมให้แซงไป แล้วกุ้งมองไปข้างหน้าปรากฏว่าหน้ารถกุ้งพ้นจากท้ายรถกระบะยังไม่ถึงครึ่งคันเลยคะ แล้วหน้ารถกุ้งก็เกือบจะชนปลายไม้ที่ยื่นออกมาจากท้ายรถกระบะคันนั้นอยู่แล้ว กุ้งแตะเบรกแบบว่าสุดตัวเลยก็ว่าได้ กุ้งกลับเข้าเลนเดิมของตัวเอง จิตคิดถึงท่านพ่อ ขอบคุณท่านพ่อที่ช่วยเหลือ ขณะนั้นจิตกุ้งนิ่งและเฉยมากเลยคะพี่แนท ไม่กลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเลย เมื่อก่อนกุ้งเคยขับรถชนท้ายรถคนอื่นในกรุงเทพ ขนาดชนไม่แรง กุ้งยังใจเต้นเร็ว มือ เท้า สั่นไปหมดเลยคะ แต่ตอนนี้จิตกุ้งมันนิ่งและเฉยมากเลยคะพี่แนท ไม่กลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเลย ใจนึกโกรธรถเก๋งคันนั้นแต่ความโกรธมันเกิดและดับเร็วมากจนสติตามแทบไม่ทัน พอแซงกระบะคันนั้นไปได้ จิตมันก็คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา จิตกุ้งมันนิ่งเฉยตลอดเวลาเลยคะ ไม่คิดว่ามันจะนิ่งเฉยได้ขนาดนี้ แล้วมีความคิดแว้บเข้ามาด้วยว่า “ความตายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนิ” (55) มันเป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาเองเลยคะ

    ถึงกรุงเทพฯ เพื่อนชวนไปกินหมูกระทะ ก็ไปคะ เพื่อนสองคนคุยอะไรกันก็เหมือนผ่านหูไปไม่ได้เข้าไปในจิตเลยคะ ระหว่างนั่งรถก็เห็นต้นไม้ข้างถนน จิตมันก็นึกถึงภาพต้นไม้ตอนต้นเล็กๆ จนโต ต่อไปก็ตาย, มองเห็นรถที่วิ่งอยู่ จิตมันนึกภาพว่ารถมันประกอบด้วยอะไรบ้างกว่าจะมาเป็นรถ ต่อมารถเก่า ขับต่อไม่ได้ แยกชิ้นส่วนแตกสลาย หายไป, ตึกริมถนน เห็นภาพพื้นที่โล่งก่อนมีตึก ตึกกำลังสร้าง สร้างเสร็จ เสื่อมโทรม ทุบทิ้ง หายไป สร้างใหม่ทนแทน วนเวียนอยู่แบบนี้ มองเห็นคนมันนึกถึงภาพในวีดีโอว่า ในร่างกายคนเราประกอบไปด้วยอะไรบ้าง พอตาย สลายหายไปกับธาตุ 4
    .......พี่แนทคะ ตอนนี้กุ้งรู้สึกว่า ร่างกายของกุ้งมันก็ดำเนินไปตามวิถีทางโลกของมัน ส่วนจิตก็สงบนิ่ง เยือกเย็นอยู่ภายใน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ต่างคนต่างอยู่เลยคะ

    ด้วยความรักและเคารพยิ่ง

    กุ้ง

    ปล. ฉบับนี้ยาวมากเลยคะ รวมยอด 3 วันที่ไม่ได้รายงาน
     
  11. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]

    จงเร่งรีบ ปฏิบัติ ความดี ทุกประการ
    ที่มีบัญญัติ ไว้แล้ว ในพระศาสนา
    เพื่อจักได้รอดพ้น จากภัยพิบัติ
    ทั้งภายใน และภายนอก



    Cr FB : Nooboonsawan Siriharksopon



    ****************************************************



    "จงอย่าประมาทในการสร้างความดี..!!"


    "นับแต่นี้ไปมนุษยโลกจะพบกับภัยพิบัติจากธรรมชาตินานัปการ
    ส่วนหนึ่งเกิดจากความเป็นไปของสภาวะธรรมชาติ..
    ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของเขาโดยธรรมชาติ...
    ส่วนหนึ่งเกิดจากมนุษย์ไปเร่งให้เกิดภัยกับตนเอง..โดยไปทำลายธรรมชาติ
    ทำให้เกิดความร้อนรุ่มของโลก..
    ธรรมชาติเขาก็จะสนองตอบกลับมาถึงมนุษย์!!!...

    ...ส่วนหนึ่งเกิดจากบาปของมนุษย์ที่นับวันจะหนักขึ้น
    จักก่อให้เกิดความขุ่นมัว หมอกควันในภพวิญญาณ จนก่อให้เกิดผลกรรมมวลรวม..
    ยิ่งกลุ่มบุคคลผู้มีกรรมหนักมาอยู่รวมกันมาก ผลกรรมมวลรวมจะมีมาก
    ทำให้เกิดกระแสดึงดูดในภพวิญญาณ ในสภาวะละเอียด
    เหนี่ยวนำ มาถึงภพหยาบบนโลกมนุษย์..
    ที่จะไปช่วยเร่ง ความผิดปกติ วิปริต วิปลาส
    ทั้งบนฟ้า บนดิน ใต้ดิน ถิ่นน้ำ ให้สำแดงเพทภัย ตรงจุดนั้น!!??...


    จงอย่าประมาทในชีวิต จงเร่งสร้างบุญกุศล
    สำรวมใจ ให้มั่นในความดี ทำใจให้ใสบริสุทธิ์
    จงเป็นผู้มีทาน ศีล เจริญเมตตา ภาวนา
    และจงเป็นผู้มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ บิดร มารดา แลครูบาอาจารย์
    อย่ามีใจอิจฉาริษยา ประสงค์ร้ายต่อผู้ใดเขา..
    สิ่งนี้จะเป็นเกาะกำบังภัยให้แก่เธอทั้งหลาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัย จากภัยทั้งปวง
    จะอยู่สุขสบาย ทุกทิวาราตรี...
    คราใดจะมีภัย เธอทั้งหลายจะไม่ได้ไปอยู่ ณ.ที่นั้น...ด้วย!!
    อัศจรรย์แห่งบุญจะคุ้มภัยเธอ...ฯลฯ...


    (จากบันทึกคำสอนบางตอนของท่าน อ.อุบาสก ทองทิพย์ โอภาโส)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  12. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขออนุโมทนา กับดวงจิตที่เจริญในธรรม ของ น้องกุ้ง และการได้รับพระมหากรุณาจากท่านพ่อ ,ขออนุโทนากับคุณแนทละน้องเป้ด้วยค่ะ
     
  13. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=O84TSmhcRBE]บายศรีสู่ขวัญ - YouTube[/ame]



    มาเด้อขวัญเอ๊ย! กลับมาเด้อขวัญ
    ขวัญผู้ใด๋ ตกหล่นหม่องใด๋ ให้ฟ้าวมาสู่คีง
    ให้ฟ้าวมาสู่โต ให้ฮู้สึก ฮู้สาโตเจ่าของเด้อ...



    ขวัญใครหล่นหายไปกับข่าวทางโลก
    ทั้งภัยพิบัติ ทั้งการเมือง ทั้งเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
    อย่าส่งจิต ส่งใจไปตามข่าว
    มามะ รีบกลับมาสู่กายเรา
    กลับมามีสติ เอาจิตมาเกาะพระ
    เอาจิตมาเกาะบุญเหมือนเดิม
    เร่งสร้างสติ สร้างสมาธิ สร้างปัญญากันเถิด
    ท่านพ่อรอลูกๆ อยู่จ้ะ
     
  14. ladylamb

    ladylamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +200
    พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนพวกเราทั้งหลายไว้ว่า
    กัมมัสสะโกมหิ เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของ ของตน
    กัมมะทายาโท เป็นผู้รับผลของกรรม
    กัมมะโยนิ เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
    กัมมะพันธุ เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
    กัมมะปะฏิสะระโณ เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
    ยัง กัมมัง กะริสสามิ จักทำกรรมอันใดไว้
    กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่ง
    ตัสสะ ทายาโท จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

    เราไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขเหตุที่เราสรัางไว้ในอดีตได้
    เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ขอทุกท่านจงได้สร้างแต่กรรมดีเพื่อเป็นเหตุแห่ง
    ความดีในอนาคตเถิด สาธุ
    อุ๋ย
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุ เดี๋ยวนี้ พูดเข้าท่านนิ หัดพูดธรรมบ่อยๆ ไม่ต้องกลัวผิด
    เกิดมา ไม่มีผู้ใดเป็นพระอรหันต์ หรือ รู้ถูกอย่างเดียวไปหมดหรอก
    หากรู้ว่าผิดตรงไหน ก็ให้แก้ตรงนั้น และแก้เดี๋ยวนี้ อย่าไปรอ
    คนพูดธรรม อย่าไปกลัว หากกลัว แปลว่า ไม่มั่นใจ ยังมีคำว่า วิจิกิจฉา
    คือมีความลังเลและสงสัยเยอะ
    หากไม่แน่ใจ โน้นไง พี่ภูเคยบอกไปหลายครั้งแล้ว ว่า..
    ก่อนจะพูดธรรมอันใด เกรงว่าจะผิด เกรงจะตกนรก ก็ให้ตั้งอธิษฐานจิต
    ไปบอกกล่าวกับพระรัตนตรัย หรือพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้านั่นดิ
    หากทำเช่นนี้กันบ่อยๆแล้ว เราจะมีกำลังใจมาก เหมือนเราไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นแหล่ะ
    เอาธรรมที่ไหนมาพูดก็ไม่รุ๊ อะไรประมาณนั้น
    หากผู้ใด ไม่เชื่อก็ลองทำดูดิ
    แต่เราจะต้องรักเคารพพระรัตนตรัยด้วยความจริงใจนะ
    คำว่า นรก แทบไม่รู้จัก เพราะจิตไม่ได้ไปตรงจุดนั้น
    แต่จิตมุ่งตรงไปยังพระรันตรัย คือรักและเคารพอย่างเต็มเหนี่ยว
    ถามว่า ใครรู้ ใครไม่รู้ก็ช่างหัวมันปะไร แต่เรารู้ไหมหล่่ะ
    หากเรารู้ดีแก่ใจว่า ทำอะไรลงไป ดีหรือเลว แยกไม่อกเชียวหรือ
    สติมีไหม หากมีสติก็จะเป็นคนบอกเราเองว่า อะไรดี อะไรชั่ว
    สติจะช่วยจิตแยกคำว่า ผิด-ถูก ดี-ชั่ว เป็นอย่างดี
    สติก็เหมือนเครื่องกรองน้ำ แต่ดีกว่า พิเศษกว่าเท่านั้นเอง
    เพราะฉะนั้น หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตนเองได้ไหม
    หากหลอกตนเองไม่ได้ เท่ากับหลอกบบ.ไม่ได้ด้วย

    สรุปแล้ว ฝึกฝนไป เหมือนเราหัดขับจักรยาน หรือรถยนต์
    ไม่ฝึก แล้วเมื่อจะพร่ำธรรมะเป็นสักที จริงไหม
    แล้วเมื่อไหร่ จะออกกันมาช่วยพระพุทธเจ้า หรือครูบาอาจารย์ของเรา
    หากคนที่ตอบว่ายังไม่กล้า ไม่พร้อม สารพัดจะอ้างเหตุผล
    แสดงว่า กำลังใจของเรายังไม่มากพอ หากมากแล้ว หากรับอารมณ์พระรัตนรัยได้แล้ว
    ไม่มีคำว่ารีรอ มีแต่จะเดินหน้าลูกเดียว ผิดถูกไม่รุ๊ ภาวนาไป
    คอยหมั่นตั้งอธิษฐานถึงพระรัตนตรัยบ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เอง
    ทำไม นักภาวนาไม่ดูพระอรหันต์ ก่อนที่ท่านจะเป็นพระอรหันต์นั้น
    ท่านรักเคารพพระรัตนตรัยยิ่งกว่าอื่นใด กิจทางโลกจึงหมดไว
    หากมีขันธ์อยู่ หรือยังไม่ตาย ก็มีภาระ หน้าที่อยู่อย่างเดียว นั่นก็คือ
    สงเคราะห์หรือช่วยเหลือผู้อื่น เท่านั้นเอง
    เช่น พาคนทำบุญทำทาน พาคนสวดมนต์ไหว้พระ พาคนทำภาวนา
    ทำบุญไปอย่างนั้นแร๊ะ ปิติสุขหรือความเอิบอิ่มในบุญ ไม่ค่อยมีเหมือนแต่ก่อนแล้ว
    เป็นเพราะว่า..บุญมันเต็ม เหมือนหลงพ่อฤาษีฯว่ามา ท่าจะจริง
    พาคนทำบุญ แต่เราไม่บ้าบุญ ไม่ติดคำว่าบุญแร๊ะ
    หากผู้ใดเป็นเช่นนี้แล้ว แสดงว่า กำลังใจเต็ม ไม่ใช่กำลังใจมนุษย์อีกต่อไปแล้ว
    ชอบพูดแต่เฉพาะ สารธรรมคือความเป็นจริงเท่านั้น เรื่องทางโลกๆจึงไม่ค่อยอยากจะพูดแร๊ะ
    พูดได้ไหม พูดได้ ทั้งนั้นแร๊ะ แต่ไม่นานนัก เดี๋ยวก็จะขอตัว หรือฟังเฉยๆ ไร้ความรู้สึกใดๆ
    ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เพราะเห็นกรรมผู้อื่นหมด เข้าใจและยอมรับกฎธรรมดาแล้ว..สาธุ
    พอก่อนๆ เริ่มออกทะเลกู่ไม่กลับแย๊ววว

     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ขอโมทนาบุญกับจิตน้องกุ้ง
    และครูแนท ครูเป้ด้วย สาธุๆๆ


    อีกไม่นานนัก พวกเราจะเห็นดอกบัวหรือจิตธรรม เกิดขึ้นไวๆนี้
    ไวจริงๆหน๋อ ทำไมจิตเดินมรรคได้ไวจัง
    จิตเกาะพระ ผนวกการรับอารมณ์พระรัตนตรัยควบคู่กันไปนี้เอง
    ธรรมทั้งหลาย เริ่มบ่งบอก มีนัยยะอะไรบางอย่างให้เรารู้แล้ว
    จงพากันมั่นใจ มันคงต่อพระรัตนตรัยกันต่อไปเถิด
    เพราะไม่มีธรรมอันใดที่จะไปยึดได้เลย แม้นกระทั่งกายใจของตนเอง

    นอกจาก คำว่า พ ร ะ รั ต น ต รั ย
    ขอให้ชาวพุทธบริษัททั้งหลาย จงพึงมี..พระรัตนตรัยเป็นสรณะ
    คือเป็นที่พึ่งสูงสุดทางจิตใจของท่านทั้งหลายด้วยเทอญ..สาธุ


     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ส นิ ม กิ น เ ห ล็ ก
    กิ เ ล ส กิ น ใ จ


    ทุกข์ หรือกิเลสคนเรานั้น เหมือนดั่งสนิมกินเหล็ก
    หากผู้ปฎิบัติ จะมามัวเอาแค่กระดาษทรายละเอียดๆมาขัด
    ...ไม่ทันกินแน่...

    หรือเราจะเอาแค่ตามลำพังสติปัญญาของเรานั้น ไม่พอแน่
    โดยเฉพาะ เรื่องการละ-ปล่อย-วาง
    เพราะฉะนั้น ถึงพยายามบอกพวกเราอยู่ตลอด ว่า..
    ให้พยายามรับอารมณ์พระรัตนตรัย

    สติกับจิตตนเอง ก็ยังไม่เที่ยงเลย
    เพราะฉะนั้น ปัญญาก็ยังไม่เสถียร คือเจริญปัญญาไม่ต่อเนื่อง
    ทุกข์นั้น กิเลสนั้น มันจะหายไปไหม
    ทุกข์ที่เคยเกิดขึ้นมานั้นก็มากมาย จนจำไม่ไหว
    และกิเลสก็หนา เพราะทับถมมากี่ภพ กี่ชาติแล้ว
    แค่กิเลสชาตินี้ ก็ตามขัด ตามชำระล้างกันแทบไม่หวาด ไม่ไหว
    อย่าเพิ่งไปพูดถึงกิเลสชาติอื่นๆกันเลย
    กิเลสคนเรามันเพิ่มพูนขึ้นทุกวันๆ ไปตามความเจริญของโลก นั่นแหล่ะ

    หากเราหยุดภาวนา เมื่อใด กิเลสมันก็จะนำหน้า ทันที
    กิเลสเกิดขึ้น พอๆกับลมหายใจของตนเอง นี่แหล่ะ

    เพราะฉะนั้น คำว่า กระดาษทรายนั้น จึงเปรียบเปรยดั่ง กำลังใจ
    หากผู้ปฎิบัติมีกำลังใจมาก ก็ปล่อยวางก็มากตามไปด้วย
    ในทางกลับกัน หากกำลังใจมีน้อย การปล่อยวางก็น้อยตามลงไปด้วย

    จริงไหม๊ ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย...

    ภูทยานฌาน
     
  18. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]

    ขอบคุณหลายๆเด้อ เอื้อยลินดา...อยู่หม่องได๋ ถ้ามันจิตาย มันกะตายดอก...แต่ว่าหากยังบ่ถึงเวลาที่เผิ่นจิให้ไป...อยากจิไปป่านได๋...มันก็ยังบ่ได๋ไปดอกเด้อ...สาธุ

    แต่ถ้าจิได๋ไปอีหลี่..กะบ่หย้านอิหยั่งแล้ว...เพราะว่าเฮามีพระ...มีพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในจิตเฮาแล้ว...มีพระพุทธเจ้านำทางจิตเฮาแล้ว...จิไปไซ้กะบ่กลัวแล้วค่า...สาธุ

     
  19. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    โอ้ย...ลูกศิษย์ใครเนี่ย...มารับกลับไปด้วยเน้อ...มีหนี้กับเค้าอยู่แค่ 2-3 แสน ทำเป็นมาคุยออกอากาศ....จิตบุญในนี้เค้าพากันมีหนี้อยู่กันเป็นล้านๆ 50 สิบล้าน...บางคนก็จนได้ประกาศขายสวนปาล์มของบรรพบุรุษเป็นร้อยๆ ไร่...เค้ายังไม่บ่นเลยสักคำ....เพราะด้วยความเข้าใจในกฎของกรรม กฎของธรรมดาที่หลีกเลี่ยงไปไม่ได้ (ใครเค้าจะทำไว้ให้ล่ะ นอกจากตัวเองทั้งนั้น)...อีกอย่างเป็นเพราะฝึกจิตจนหลุดลอยกระเด็นกระดอนออกมาจากขันธ์ห้าได้แล้ว...จิตมันถึงไม่ไปหลงยึดกรรมที่อยู่ในกายนั้นให้ทุกข์ใจได้อีกต่อไปแล้วยังไงล่ะ....ไป ไป ไป กลับไปเข้าถ้ำต่อด่วนเลยไป...อายเค้ามั้ยนั้น...อิๆๆๆ

    :z8:z8:z8​
     
  20. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]


    แวะมาประชาสัมพันธ์หน้าและกลุ่มของ "จิตเกาะพระ" ค่ะ
    สำหรับผู้มาเยือน ผู้มาใหม่ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมบ้านพักของเราได้ที่นี่เลยค่ะ



    Page จิตเกาะพระ : https://www.facebook.com/JitKohPhra
    กลุ่มสมาคมจิตเกาะพระ : https://www.facebook.com/groups/222448861205893
     

แชร์หน้านี้

Loading...