ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    โห เดี๋ยวนี้เวลาเจอภพภูมิ เดินเข้ามาหา แล้วเรากำลังยุ่งๆ อยู่ ไม่อยากคุย ไม่ต้องไปทำอะไรมากเลยครับ ไม่ต้องพูดเลยด้วยซ้ำ ใช้วิธีหยุดจิตตัวเองที่กายทิพย์ แล้วส่งกระแสจิตให้เขาอยู่สงบๆ นิ่งๆ สะดวกมากเลยครับ

    วันนี้ไปลุยเจอเทวดากลุ่มใหม่ เขาดีใจที่ได้เจอ เขาบอกเขาเป็น Nordic เขาบอกว่าพวกเขากับมนุษย์เป็นพี่น้องกัน หน้าตาเขาเท่ห์มาก หน้าคล้ายๆ คนจีน แต่ตาสองชั้น แล้วตาสีฟ้า ยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับพวกน่าสงสารที่ไปเจอเมื่อวานมาก
     
  2. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    [​IMG]

    ทำให้นึกถึง Bjork แต่เป็นผู้ชายหมดและตาสีฟ้า
     
  3. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    วันนี้ตื่นขึ้นแบบ จิตสงสัย ที่เห็นเมื่อคืนนั้นอะไร "ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ"
    ด้วยที่ว่าชอบการทดลอง ต้องเกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำอีกครั้งถึงจะเชื่อ

    ตอนคุยกับคุณ mobilelizard อยู่นี่ยัง งง กับตัวเอง แบบว่าที่คุยๆกันอยู่นี่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจ

    ถามคุณ mobilelizard กายเวทนาที่ออกไปเดินเล่นเนี่ย มีความรู้สึกทั่วตัวอยู่ด้วยไหม
     
  4. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    เวลาที่ถอดกายออกมา จะเป็นกายเวทนา หรือกายจิต ของจริง แบบชัวร์ๆ ย่อมมีความรู้สึก เป็นตัวเองทุกประการ สติเป็นตัวเอง รู้สึกได้ทั้งตัว จับอะไรรู้สึกจริง บาทเจ็บรู้สึกจริง สัมผัส กลิ่น เสียงมีจริง และสำคัญให้ชัวร์ว่าถอดจริง ตอนออกไม่ลอยออกมาจากที่ๆ กายเนื้ออยู่ ก็ลุกออกมา

    กายเวทนาสามารถถอดออกมาแบบไม่มีรูป เอามาแต่นาม ก็จะมองไม่เห็นมือ เห็นหน้าตัวเอง เป็นเพียงความรู้สึก จะมองไม่เห็นร่างตัวเองที่ถอดออกมา มีแต่ความรู้สึกเป็นพลังงาน

    เวลาถอดถ้ากำหนดแบบเข้มๆ ความเป็นตัวเองย่อมชัดเจนและเด่นชัด เช่นแบบกำหนดความหนาแน่นแบบ 80-100% ย่อมเกิดความรู้สึกชัดเจนไปทั้งตัว

    ถ้าเป็นกายจิตก็รู้สึกได้ทั้งตัวแต่จะเป็นลักษณะเบาสบาย ตามนั้นครับ

    สองวันนี้คุณธรรมชาติไม่เข้ามาเลย คิดถึงเหมือนกัน :cool::cool:
     
  5. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    พี่ธรรมชาติ-ไม่อยู่ จะกลับเข้ามาวันอาทิตย์ค่ะ ปล่อยให้น้องๆ ฝึกกันไปก่อน :boo::boo::boo:
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อันนี้เป็นพวก "มะนาวต่างดุ๊ด" เป็น ไฮเทคเอล์ฟ จัดอยู่ในพวก ภูมิเทวา (ลับแล) ที่มีเทคโนโลยี่สูงกว่าในโลกนี้มาก ลองพูดคุยกับเขาดูตรง ๆ ก็จะได้ความรู้ที่ดีเกี่ยวกับ กาลอวกาศ และ อื่น ๆ รวมทั้ง สตาร์วอร์ ด้วย
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ก็ต้อง "เดินจิตซ้ำรอยเดิมอย่างถูกต้อง" หากทำได้ ถึงแม้ไม่เชื่อ มันก็เกิด "เพราะมันเป็นจริง" และ ความจริงมันไม่สนใจความเชื่อ ฮู้บ่อ

    +++ คนที่ "ถอดกายทิพย์ แบบ ฌาน 4" หรือ ที่เรียกกันว่า "มโนมยิทธิเต็มกำลัง" นั่นแหละ ที่จะเข้าใจได้

    +++ ตรงนี้ "ได้คำตอบที่ถูกต้องจากคุณ mobilelizard" ไปแล้ว นะครับ
     
  8. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    มาเล่าให้ฟังคะ
    1. อาทิตย์ที่แล้ว นอนหลับไป 4 ชั่วโมงได้ แล้วตอนประมาณตี 2-3 ก็ตื่นขึ้นมาไม่ง่วง เลยออกมานั่งสมาธิกำหนดขอบเขตความรู้สึกอยู่ที่ผิวหนังที่หุ้มตัว พอเริ่มนั่งปุ๊ป ก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้น ก็เลยอยู่กับเสียงหัวใจแต่ยังกำหนดขอบเขตความรู้สึกไว้ที่ผิดวหนังทั้งตัวอยุ่ แล้วก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุม แล้วมันก็โล่ง โปร่ง เบา ได้ขึ้นมา แล้วก้รู้สึกถึงพลังงานที่ออกมาจากตัวคลุมตัวอยู่เย็น ๆ
    2. ช่วงนี้เวลาที่ดูหนัง ก็รับรู้ตามความเป็นจริงนะคะ เขาทำให้ซึ้งเราก็รุ้ว่าซึ้ง ซึ่งจะไม่เหมือนกับตอนที่ฝึกก่อนหน้านี้ที่เราจะย้ายออกมาตลอด เพราะห่วงว่าเราเผลอสติหรือไร แต่ตอนนี้เรารู้ว่ารู้สึก รู้ว่าเป็นอะไร ก็จบแค่นั้น ก่อนหน้านี้เรายังห่วงตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้ความจริงมันเป็นแบบนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2014
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    มาเล่าให้ฟังคะ

    1. อาทิตย์ที่แล้ว นอนหลับไป 4 ชั่วโมงได้ แล้วตอนประมาณตี 2-3 ก็ตื่นขึ้นมาไม่ง่วง เลยออกมานั่งสมาธิ กำหนดขอบเขตความรู้สึก อยู่ที่ผิวหนังที่หุ้มตัว

    +++ ภาษาของภาคแรก "การฝึกมหาสติ" คือ กำหนดขอบเขตของ กายเวทนา ให้ประกบกับ กายเนื้อ พอดี ซึ่งสามารถรับรู้ได้ทั้ง ภายนอกและภายในของกายเนื้อ หาก "อยู่กับภายในก็จะเป็น กายเวทนา" แต่ถ้า "อยู่กับภายนอกก็จะเป็น กายจิต" โดยมี "กายเนื้อ" เป็น "มิติเขตแดนกันชน หรือ เส้นแบ่ง"

    +++ ภาษาของภาคที่ 2 "การฝึกมหาปัฏฐาน" คือ "การอยู่ หรือ ปัฏฐาน" ตรง "ขอบเขตของกายเนื้อทั้งตัว" ทำให้ "กายเวทนา เป็น ชั้นข้างใน" ส่วนสภาวะธรรมภายนอกกายเนื้อ รวมทั้งกายจิต "เป็น ชั้นข้างนอก" การอยู่ตรงนี้เป็นการใช้ "กายเนื้อ เป็น ปัฏฐาน"

    พอเริ่มนั่งปุ๊ป ก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้น ก็เลยอยู่กับเสียงหัวใจแต่ยังกำหนดขอบเขตความรู้สึกไว้ที่ผิดวหนังทั้งตัวอยุ่

    +++ ตรงนี้ "มีผิวหนังเป็นไส้เทียน หรือ แก่นปัฏฐาน" ไม่ได้อยู่ทั้งข้างในและข้างนอก แต่อยู่ในแก่น (กายเนื้อ กายเวทนา และ กายจิต สิ่งสุดท้ายที่ยังไม่แสดงตัวคือ กายธรรมารมณ์ หรือ ตัวดู ซึ่งแฝงตัว ทับซ้อนกันอยู่กับ กายเนื้อ นั่นเอง)

    แล้วก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุม แล้วมันก็โล่ง โปร่ง เบา ได้ขึ้นมา

    +++ ตรงนี้คือ ตัวดู หรือ กายธรรมารมณ์ (อัตตาจิต หรือ ตัวกู หรือ ปฏิสนธิจิต ก็ได้) กำลังจะ "ส่งออก" ไปที่ "เสียงหัวใจเต้น" (ย้ายออก จาก กายเนื้อ) ด้วยการ โฟกัส แล้ว หดตัวเป็นตัวดู และ กำลังจะเริ่ม Teleport (ย้าย จากสภาวะธรรมหนึ่ง ไปสู่ อีกสภาวะธรรมหนึ่ง) ไปจุติยัง เสียงหัวใจเต้น

    +++ ตรงนี้แหละคือ การอธิบาย ด้วยการเดินจิตแบบ Map จิต เพื่อดูรายละเอียดของอาการ "รู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุม" ทีละ "วาระจิต ที่ จิตขยับ" อย่างละเอียด

    +++ แต่ในขณะที่กำลังจะทำ Teleport นั้น "การอยู่ที่ทำไว้ดีแล้ว จึงมีความมั่นคงกว่า การย้ายที่เพิ่งเริ่มต้น" จึงทำให้ "อัตตาจิต" เกิดอาการ "แวปหนึ่ง ของ การถูกรู้" (ตัวดู เคลื่อน สภาวะรู้ ปรากฏ) (ตรงนี้เกิดได้เฉพาะ ผู้ที่รู้จัก สภาวะรู้ มาแล้วเท่านั้น) จึงทำให้เกิด Reaction จากการรวมตัว มาเป็น การขยายตัว แล้วจึง "จับและอยู่" กับอาการขยายตัวนั้น พอดีกับขณะที่อาการขยาย เคลื่อนผ่านฌาน 3

    แล้วก้รู้สึกถึงพลังงานที่ออกมาจาก ตัวคลุมตัวอยู่เย็น ๆ

    +++ "รู้สึกถึงพลังงานที่ออกมาจาก" ตรงนี้เป็น "สภาวะรู้" ที่รู้ "การทำงานของ กายธรรมารมณ์ หรือ ตัวดู หรือ ตัวฌาน" ในขณะนี้ "ตัวดู หรือ ตัวฌาน" เป็น Object ส่วนสภาวะรู้เป็น Subject จึงทำให้ "เห็น" (ญาณทัศนะ) ตัวฌาน ซึ่งก็คือ ตัวดู (อัตตาจิต กายธรรมารมณ์ จุติจิต ฯลฯ แล้วแต่ คำศัพธ์ และ อาการที่ใช้) ที่กำลัง ขยายตัวขับเคลื่อน (คล้าย Shock Wave) ผ่านอาการที่ใช้ คำจำกัดความว่า ฌาน 3 แล้ว Lock "จับและอยู่" ในอาการของ ฌาน 3 นี้

    +++ "ตัวคลุม" "ตัวอยู่" "เย็น ๆ" (ตัวคลุมตัวอยู่เย็น ๆ) ตรงนี้เป็นการ ใช้ภาษาที่ยากมาก หากไม่ใช้การ Map จิตกลับไปยังอาการนั้นอีก

    ==============================================================================================
    +++ "การบ้าน" คือ ให้ Map จิตกลับไปยังอาการในขณะนั้น ๆ ว่า ในขณะที่ รู้ว่า "ตัวคลุมตัวอยู่เย็น ๆ" นั้น

    +++ 1. สภาวะรู้ "อยู่" ข้างนอก หรือ ข้างใน ของทั้งหมด (แกนในสุด หรือ อยู่ข้างนอกแล้วคลุมปรากฏการณ์ทั้งหมด)(เป็น มหาปัฏฐาน หรือเป็น วิมุติญาณทัศนะ)
    +++ 2. "ตัวคลุม" หรือ "ตัวอยู่" หรือตัว "เย็น ๆ" ตรงไหนเป็นอาการของ "ตัวฌาน (ตัวดู อัตตาจิต กายธรรมารมณ์ จุติจิต ตัวกู ฯลฯ)" ในระหว่าง 3 ตัวนั้น ตัวดูซึ่งก็คือตัวฌาน เป็นตัวไหน
    ==============================================================================================

    2. ช่วงนี้เวลาที่ดูหนัง ก็รับรู้ตามความเป็นจริงนะคะ เขาทำให้ซึ้งเราก็รุ้ว่าซึ้ง ซึ่งจะไม่เหมือนกับตอนที่ฝึกก่อนหน้านี้ที่เราจะย้ายออกมาตลอด เพราะห่วงว่าเราเผลอสติหรือไร แต่ตอนนี้เรารู้ว่ารู้สึก รู้ว่าเป็นอะไร ก็จบแค่นั้น ก่อนหน้านี้เรายังห่วงตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้ความจริงมันเป็นแบบนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงอีก

    +++ คราวหน้า เวลาดูหนัง ให้ "อยู่กับ สภาวะรู้" แล้ว ฝึก ดังนี้

    +++ 1. ดูหนังแบบ "ไม่ได้ฝึก" ปล่อยให้ "ตัวดู (อัตตาจิต)" วิ่งเข้าไปในหนัง แล้ว "ทำตัวดู ให้ถูกรู้" สัก 2-3 รอบ ในขณะที่ "ไม่ได้ อยู่ ในกายใด" (จิตปุถุชน)
    +++ 2. จากนั้น "อยู่กับ สภาวะรู้" แต่ ปล่อยให้ "ตัวดู (อัตตาจิต)" วิ่งเข้าไปในหนัง ในขณะที่ "ตัวดู ถูกรู้อยู่แล้ว" (ปล่อยให้มันหลุดออกไป)
    +++ 3. ทวนข้อ 2 ตลอดเวลา แต่ "เน้น" ตรงที่
    ก. สภาวะที่ "ขับเคลื่อน ตัวดู" แล้วเกิดผลลัพธ์ทำให้ ตัวดูส่งออก (เหตุแห่งการส่งออก)
    ข. ความแตกต่างในขณะที่ "มันส่งออก" กับ "เราส่งออก" ต่างกันอย่างไร (ความแตกต่างของ อยู่กับรู้ กับ อยู่กับดู (Teleport))
    ค. ในขณะที่ "เราเป็นรู้ (เห็นตัวดูวิ่งออกไป)" กับในขณะที่ "เราเป็นดู (เรา Teleport ออกไป)" ธรรมารมณ์ที่ครอบงำ "ตัวดู" ต่างกันอย่างไร

    +++ ข้อควรระวัง ผู้ที่ปรารถนา พุทธภูมิ ไม่ควรฝึกในโพสท์นี้ เพราะโอกาส (อัตราเสี่ยง) ที่จะทำให้ ขาด จากพุทธภูมิมีอยู่สูงมาก ส่วนผู้ที่เป็น นิยตพุทธภูมิ ก็จะไม่สามารถฝึกในส่วนนี้ได้ เช่นกัน เหตุที่ต้องเตือนเพราะ นักศึกษาในกระทู้นี้มีทั้ง ผู้ที่ต้องการจะพ้นไปในชาตินี้ และ ผู้ที่ปรารถณาที่จะเป็น ร่มโพธิร่มไทรแห่งมวลสรรพสัตว์ รวมทั้งผู้ที่ ใฝ่รู้ต่าง ๆ รวมอยู่ด้วยกัน อีกทั้ง ผู้ที่เดินตามมาภายหลัง จะได้ทราบล่วงหน้าว่า โพสท์ใดเหมาะสมกับตน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2014
  10. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    ส่งการบ้านคะ
    สภาวะรู้อยู่ข้างในของทั้งหมดคะ เรียงลำดับชั้น คือ
    รู้เป็นแกนอยู่ข้างในสุดประมาณกลาง ๆ ตัว -> ถัดมาเป็นตัวเราสีดำ ๆ -> ชั้นผิวหนัง -> พลังงานที่คลุมตัวอยู่ด้านนอก -> ความเย็น เป็นตัวฌาน

    การบ้านดูหนัง อันนี้ทำมาบ้างแล้วตอนดูเรื่อง Edge of Tomrw เกิด ตาย วนเวีย (ไปนิพพานดีกว่า) ตอนที่มันส่งออก รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกระโจนพุ่งออกจากตัวไป แต่พอสวิทช์กลับมาที่ "สภาวะรู้" อาการจะเหมือนกับกับถูกดึงมาที่ฐาน ธรรมารมณ์ที่ครอบงำตัวดูไม่ได้ต่างกัน เป็นเราย้ายออกมาจากยู่กับธรรมารมณ์แล้วต่างหาก การรับรู้อาการที่เกิดกับกายก็ยังเหมือนเดิม

    Next Program จะไปฝึก"อยู่กับสภาวะรู้" กับเรื่อง Transformer 4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2014
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    สภาวะรู้อยู่ข้างในของทั้งหมดคะ เรียงลำดับชั้น คือ
    รู้เป็นแกนอยู่ข้างในสุดประมาณกลาง ๆ ตัว -> ถัดมาเป็นตัวเราสีดำ ๆ -> ชั้นผิวหนัง -> พลังงานที่คลุมตัวอยู่ด้านนอก -> ความเย็น เป็นตัวฌาน

    +++ เป็น ปัฏฐาน ที่มี "สภาวะรู้ เป็นแก่นกลาง ของกายเวทนา" ซึ่งอยู่ภายใน "กายเนื้อ"
    +++ "กายเวทนา" เป็น กายแห่งพลังงานอยู่แล้ว (นามกายหยาบ) เมื่อมีกายเนื้อเป็นภาขนะ (รูปกายหยาบ) ย่อมเกิดการแทรกซึมออกมาของประจุพลังตามธรรมชาติ แบบเดียวกับการชาร์ตแบท เมื่อเสร็จแล้วตัวแบทก็ยังร้อนอยู่ นั่นเอง
    +++ ประจุพลังงานที่แทรกซึมออกมา จึงมีสภาพคล้ายครอบคลุมร่างอยู่ แต่ที่จริงก็คือ เป็นลักษณะที่ "แผ่ซึม" ออกมาของประจุพลังงานจาก นามกาย ผ่าน รูปกาย นั่นแหละ
    +++ ในชั้นที่ "แผ่ซึม" ตรงนี้ คือ "ชั้นออร่า" ของ กายเวทนา เมื่อพลังที่แผ่ซึมออกมากระทบกับบันยากาศข้างนอกที่เย็นกว่า จึงเป็น ความเย็น ที่รู้สึกได้
    +++ ที่สำคัญที่สุด คือ ความปรารถนาของ "ตัวดู" ว่าจะ "อยู่" ที่ตรงไหน
    +++ หาก ตัวดู อยู่กับชั้นออร่า มันก็จะเอา "ชั้นออร่า เป็นกายจิต (รูปกายละเอียด)" ส่วนความเย็น ก็จะกลายเป็น "กายธรรมารมณ์ (นามกายละเอียด ซึ่งมีสภาพเป็น ฌาน)" นั่นเอง

    +++ หากพบเห็น จิตอื่นที่มีรัศมี ก็ให้ดูว่า จิตนั้นมีชั้นรัศมี (ออร่า) แผ่ออกมาจาก "ข้างนอก หรือ ข้างใน" ของชั้นผิวหนัง
    +++ หากแผ่ออกมาจาก ข้างนอก ก็ให้รู้ไว้ว่า จิตนั้นมี "รูปกาย" เป็นหลัก และมักจะเป็นชั้น กามาวจร หรือ รูปาวจร ที่กำลังจะตกลงสู่ กามาวจร ในอีกไม่นาน (ของอายุ เทพ-พรหม)
    +++ หากแผ่ออกมาจาก ข้างใน ก็ให้รู้ไว้ว่า จิตนั้นมี "นามกาย" เป็นหลัก และมักจะเป็นชั้น รูปาวจร หรือ กามาวจร ที่กำลังจะพัฒนาขึ้นสู่ รูปาวจร ในอีกไม่นาน

    การบ้านดูหนัง อันนี้ทำมาบ้างแล้วตอนดูเรื่อง Edge of Tomrw เกิด ตาย วนเวีย (ไปนิพพานดีกว่า) ตอนที่มันส่งออก รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกระโจนพุ่งออกจากตัวไป

    +++ ตรงนี้แหละที่เรียกว่า "การทำ Teleportation ของตัวดู" หากเรา "อยู่กับดู" ก็จะเป็น ตัวเราทำ Teleport แต่ถ้าเรา "อยู่กับรู้" ก็จะเป็น มันทำ Teleport (ประดุจ บุรุษเหยียดแขนออกด้วยกำลัง)

    แต่พอสวิทช์กลับมาที่ "สภาวะรู้" อาการจะเหมือนกับกับถูกดึงมาที่ฐาน ธรรมารมณ์ที่ครอบงำตัวดูไม่ได้ต่างกัน

    +++ ถูกต้อง

    เป็นเราย้ายออกมาจากยู่กับธรรมารมณ์แล้วต่างหาก การรับรู้อาการที่เกิดกับกายก็ยังเหมือนเดิม

    Next Program จะไปฝึก"อยู่กับสภาวะรู้" กับเรื่อง Transformer 4

    +++ ให้ฝึกวิธีเดียวกันกับ Edge of Tomrw แต่คราวนี้ เน้นตรงสภาวะที่ "ขับเคลื่อน ตัวดู" แล้วเกิดผลลัพธ์ทำให้ ตัวดูส่งออก (เหตุแห่งการส่งออก) ที่เดียว เท่านั้น นะครับ (ประดุจ บุรุษคู้แขนเข้า)
     
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    กายเวทนา กายธรรมารมณ์ ตัวดู ตัวฌาน อัตตาจิต และ ตัวกูของกู ล้วนเป็นตัวเดียวกัน

    +++ ความสัมพันธ์ใน "คำศัพท์" บางประการ สำหรับผู้ที่ฝึกใหม่ในกระทู้นี้

    +++ 1. ในยามที่เข้าฐาน ก็จะปรากฏว่า มีกายเวทนาเป็น "ตน" และเป็น "กายในกาย"
    +++ 2. ในยามที่ กายเวทนาหดตัว ก็จะกลายเป็น "ตัวดู" ที่จิตเสพอยู่และมีความ "เป็นตน" จึงเรียกว่า "อัตตาจิต หรือ ตัวกูของกู"
    +++ 3. "ตัวดู" ในขณะที่จิตเสพอยู่และมีความ "เป็นตน" มีสภาพเป็น ธรรมารมณ์ จึงเรียกว่า "กายธรรมารมณ์"
    +++ 4. ยามใดที่ "กายธรรมารมณ์" มีเสถียรภาพ และ คงที่ ยามนั้น "กายธรรมารมณ์" เป็นฌานด้วยตัวของมันเอง จึงเป็น "ตัวฌาน"
    +++ 5. อาการที่เรียกว่า "เข้าฌาน" นั้นมี "ความเป็นตน" ปรากฏอยู่ด้วยทั้งสิ้น แต่ไม่ได้ให้ความหมายมั่นว่าเป็นตน จึงเรียกว่า "ตัวฌาน"
    +++ 6. ดังนั้น ชื่อต่าง ๆ กัน ที่ใช้มาทั้งหมดนี้ เป็น "การใช้ภาษาให้ตรงกับอาการที่เกิดขึ้น"
    +++ 7. แต่อาการทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ เป็นการกระทำของสภาวะเพียงสภาวะเดียวเท่านั้น นั่นคือ "นามกาย"

    +++ ดังนั้น "กายเวทนา กายธรรมารมณ์ ตัวดู ตัวฌาน อัตตาจิต จุติจิต และ ตัวกูของกู ล้วนเป็นตัวเดียวกันทั้งสิ้น" นั่นคือ "นามกาย" ตัวเดียว

    *** อพรหมจริยา เวรมณี ในภาคปฏิบัติ คือตรงนี้้ ***

    +++ ยามใดที่ "นามกาย" เสพธรรมารมณ์แห่งตนเป็น "วิหารธรรม" และวาง "รูปกาย" จนไม่เหลือ ยามนั้นเป็นการ "ทรงฌาน" และเป็น "อรูปพรหม"
    +++ ยามใดที่ "นามกาย" เสพธรรมารมณ์แห่งตนเป็น "วิหารธรรม" และวาง "รูปกาย" แต่ยังคงมีอยู่ ยามนั้นเป็นการ "ทรงฌาน" และเป็น "รูปพรหม"

    *** กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี ในภาคปฏิบัติ คือตรงนี้ ***

    +++ ยามใดที่ "นามกาย" เสพธรรมารมณ์ที่เกิดมาจากสิ่งนอกตน ทางอายตนะทั้งหลายและนำมาเป็น "วิหารธรรม" ตรงนี้เป็น "กามาวจร" และ "ไม่มีความเป็นฌาน"
    +++ ยามใดที่ "นามกาย" เสพธรรมารมณ์ที่เป็นสุข แต่มาจากสิ่งนอกตน ทางอายตนะทั้งหลาย "เป็นวิหารธรรม" ตรงนี้เป็น "สุคติภูมิ ใน กามาวจร"
    +++ ยามใดที่ "นามกาย" เสพธรรมารมณ์ที่เป็นทุกข์ ที่มาจากสิ่งนอกตน ทางอายตนะทั้งหลาย "เป็นวิหารธรรม" ตรงนี้เป็น "อบายภูมิ ใน กามาวจร"

    +++ "การกำหนด ภพภูมิ" สามารถเดินจิตเอาเองได้ด้วย วสี 5 คือ "เข้า ออก เพิ่ม ลด ตรึง แช่ อยู่" กับ "นามกาย" ทั้งสิ้น
    +++ "การออกจาก ภพภูมิ" ก็ทำเพียงแค่ "ย้ายออกจาก นามกาย" ด้วยการทำให้ "นามกายถูกรู้ แล้ว อยู่กับรู้" แบบหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    +++ ทั้งหมดเริ่มต้นจาก "การสร้างความรู้สึกตัว" ในบทฝึกเริ่มต้น ของหน้าแรกในกระทู้นี้ ซึ่งเป็น "กรรมฐานฝ่ายนาม" นอกนั้นเป็น "ผลลัพธ์" ทั้งสิ้น
     
  13. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    +++ หากพบเห็น จิตอื่นที่มีรัศมี ก็ให้ดูว่า จิตนั้นมีชั้นรัศมี (ออร่า) แผ่ออกมาจาก "ข้างนอก หรือ ข้างใน" ของชั้นผิวหนัง

    มันแตกต่างกันยังไงค่ะ ข้างนอก ข้างใน นี่มีหมายถึงข้างนอกข้างในของกายทิพย์หรือค่ะ


    มารายงานตัว

    กายเวทนาไม่ออกมาเดินเล่น สองวันมานี้ ค่ำๆนั่งภาวนาสักแป๊ป ทำความรู้สึกตัวทั่วแบบเต็มร้อยสักพักอิ่มแล้วกำลังก็ลดลงมาเองแต่ตอนลงนี้รู้ว่ามันคลายแบบลงลิฟแต่ว่าผลการฝึกและทดลองก็ไม่ไปไหน ไม่ง่วง ไม่หลับแต่ฟุ้งซ่าน สี่ทุ่มห้าทุ่ม ไม่รู้จะทำไงต่จอ ก็ภาวนาต่อ นั่งเป็นชั่วโมงรู้สึกเหมือนไม่นาน ก็ได้แค่ควบแน่น แล้วลงแบบวูบลง อยู่ระหว่างขึ้นๆ ลงๆ หลายรอบ พอออกจากภาวนา ตีสองจะนอนต่อ ก็ไม่หลับอีก กำ ต้องปรับลดความรู้สึกให้มาอยู่ในระดับที่ง่วงได้ถึงจะหลับต่อได้ เกือบตีสี แต่ตื่นอีกที 7 โมง แต่ไม่เหนื่อย ชักเบื่อแล้วค่ะ แง๊ เหมือนต้องให้รู้ถึงทุกขณะจิตเลยใช่ไหมค่ะว่า ถึงไหน หรือฝึกผิด หรือยังเพียรไม่พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2014
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ หากพบเห็น จิตอื่นที่มีรัศมี ก็ให้ดูว่า จิตนั้นมีชั้นรัศมี (ออร่า) แผ่ออกมาจาก "ข้างนอก หรือ ข้างใน" ของชั้นผิวหนัง

    มันแตกต่างกันยังไงค่ะ ข้างนอก ข้างใน นี่มีหมายถึงข้างนอกข้างในของกายทิพย์หรือค่ะ

    +++ ถูกต้อง กายทิพย์ คือ รูปกาย และ นามกาย ที่ไม่ใช่ กายเนื้อ โดยปกติ รูปกายจะอยู่ข้างนอก ส่วน นามกายจะอยู่ข้างใน
    +++ ตามภาษาในหมวด มหาสติปัฏฐาน 4 ก็คือ กายเนื้อห่อหุ้มกายเวทนา และ กายจิตห่อหุ้มกายธรรมารมณ์ ทั้งหมดแล้วแต่ความหยาบละเอียดในขณะนั้น ๆ ให้ถือว่า กายเวทนา และ กายธรรมารมณ์ เป็น นามกาย ส่วน กายเนื้อ และ กายจิต เป็น รูปกาย

    มารายงานตัว

    กายเวทนาไม่ออกมาเดินเล่น

    +++ ไม่จำเป็นที่จะต้องออกมา เดินเล่น เสมอไป ลอยเล่น เหาะเล่น ชำแรกกำแพงเล่น ก็ได้ ให้ทำความตั้งใจว่า "หากถอดออกมา ยกนี้ จะฝึกอะไร" ตรงนี้ต้องทำความตั้งใจเอาไว้ก่อน ไม่งั้น ถอดออกมา ก็จะไม่รู้ว่า จะออกมาทำไม

    สองวันมานี้ ค่ำๆนั่งภาวนาสักแป๊ป ทำความรู้สึกตัวทั่วแบบเต็มร้อยสักพักอิ่มแล้วกำลังก็ลดลงมาเอง

    +++ ถูกต้อง ควรฝึก เพิ่ม-ลด แบบประมาณทีละ 10% และควรฝึกที่ 0% ด้วย ทำให้คุ้นเคยจะมีผลที่ดีในอนาคตอย่างใหญ่หลวง

    แต่ตอนลงนี้รู้ว่ามันคลายแบบลงลิฟแต่ว่าผลการฝึกและทดลองก็ไม่ไปไหน ไม่ง่วง ไม่หลับแต่ฟุ้งซ่าน

    +++ ตรง "ฟุ้งซ่าน" ตรงนี้ถือว่า "ไม่ได้ฝึก" หากจะฝึกก็ต้องคอยดูว่า "แหล่งกำเหนิด" ของ ฟุ้งซ่าน อยู่ในบริเวณไหน

    สี่ทุ่มห้าทุ่ม ไม่รู้จะทำไงต่จอ ก็ภาวนาต่อ นั่งเป็นชั่วโมงรู้สึกเหมือนไม่นาน ก็ได้แค่ควบแน่น แล้วลงแบบวูบลง อยู่ระหว่างขึ้นๆ ลงๆ หลายรอบ

    +++ ฝึกบังคับ ขึ้น-ลง แบบประมาณทีละ 10% เราจะต้อง "เป็นผู้ ควบคุมสมาธิ" อย่าปล่อยให้ "สมาธิ เป็นผู้ควบคุมเรา"
    +++ ประมาณ 97% ของนักปฏิบัติ จะโดน "สมาธิควบคุม เรียกได้ว่า ปลาตายลอยตามน้ำ"
    +++ เหลืออยู่ไม่เกิน 3% ที่สามารถ "ควบคุม สมาธิได้ และเป็น ปลาเป็นว่ายทวนน้ำ"

    +++ กระทู้นี้ "ฝึกให้ ใช้สมาธิ ได้ดั่งใจ" ไม่ใช่ "ฝึกให้ตกเป็น ทาส ของสมาธิ" ดังนั้น ตั้งใจให้ดี ๆ ก็แล้วกัน

    พอออกจากภาวนา ตีสองจะนอนต่อ ก็ไม่หลับอีก กำ ต้องปรับลดความรู้สึกให้มาอยู่ในระดับที่ง่วงได้ถึงจะหลับต่อได้

    +++ "ปรับลดความรู้สึกให้มาอยู่ในระดับที่ง่วงได้" ตรงนี้ถือว่า "ใช้การได้" และควรจะประมาณ % ได้ว่า อยู่ที่เท่าไร
    +++ ตรงนี้สำคัญมาก เพราะเราเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่า "สังขารสมควรพักได้แล้วหรือไม่" ตรงนี้เป็นการ "ควบคุมสังขาร เบื้องต้น"

    เกือบตีสี แต่ตื่นอีกที 7 โมง แต่ไม่เหนื่อย

    +++ ถูกแล้ว นี่คืออาการของผู้ที่ได้สมาธิ

    ชักเบื่อแล้วค่ะ แง๊

    +++ "แง๊ ๆ" ไปเรื่อย ๆ ก่อนก็ได้ ไม่เป็นไร ทุกคนจะต้องผ่านอาการ "สงบดี ไม่มีอะไรก้าวหน้า" ก่อนที่จะต้อง "ฝ่าด่านทางจิต" แบบเดียวกับ "คลื่นลมสงบ ก่อน พายุกระหน่ำ" แบบนั้น

    เหมือนต้องให้รู้ถึงทุกขณะจิตเลยใช่ไหมค่ะว่า ถึงไหน หรือฝึกผิด หรือยังเพียรไม่พอ

    +++ ไม่จำเป็น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ยก ต่อ ยก" และ "ยกนี้ ได้รู้ หรือ ชำนาญ อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง"
    +++ การฝึกในกระทู้นี้ "จะไม่ใช้เวลาเป็นชั่วโมง เป็นตัวตัดสินอะไร เพราะ ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการนั่งนาน" ถ้าคิดว่า "นั่งนาน แล้วเท่ ก็ให้ไปนั่งแข่งกับ พวกเล่นไพ่ เอาเองก็แล้วกัน"
    +++ การฝึกในกระทู้นี้ "จะนับเป็น ยก" ยกหนึ่ง ๆ สั้น-ยาว ไม่เท่ากัน บางยกก็ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ในแต่ละยก "มีอะไรก้าวหน้าขึ้นมาบ้าง" เท่านั้นเอง นะครับ
     
  15. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    ปกติภาวนา ครั้งละครึ่งชั่วโมงค่ะ ช่วงนี้ขยันจัดวันละ สองสามครั้ง แต่หลายวันนี้ มันไม่ง่วง ไม่มีไรทำ ไม่อยากพิจารณาอะไร ก็เลยภาวนาดูสักชั่วโมงจะเป็นไง

    +++ "ปรับลดความรู้สึกให้มาอยู่ในระดับที่ง่วงได้" ตรงนี้ถือว่า "ใช้การได้" และควรจะประมาณ % ได้ว่า อยู่ที่เท่าไร

    อันนี้ปรับได้ค่ะ แต่ไม่รู้กี่เปอร์เซ็นต์อยู่ในช่วงปิติตัวโยกเอน

    แต่เมื่อคืนขี้เกียจ งดภาวนาตอนหัวค่ำ เอารอบดึกเป็นยกที่สอง ยกแรกตอนบ่ายผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง นอนภาวนา ครั้งนี้เจอกระตุ๊กทั้งตัวทั่วร่าง อิ อิ ผ่านไปอีกวัน
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถ้า "หาเหตุ ก่อนเต้นกระตุกได้" และ "ควบคุมที่เหตุได้" จะได้ "อภิญญาของ อิทธิวิธี ทางกายเนื้อ" ขั้นต่ำคือ "กำลังภายใน" ถ้าหาไม่เจอก็ "เต้นกระตุก ดิสโก้ ไปพลาง ๆ ก่อน" ก็ได้ เป็นการแก้เซ็งไปในตัว อิอิ

    +++ การกระตุก มันกระตุกที่ "นามกาย" ก่อนทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า "นามกาย มันลากเอา รูปกายไปกับมันด้วย ทุกครั้ง" สังเกตุดูให้ดี ๆ นะ
     
  17. ธรรมอยู่

    ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    +++ ถ้า "หาเหตุ ก่อนเต้นกระตุกได้" และ "ควบคุมที่เหตุได้" จะได้ "อภิญญาของ อิทธิวิธี ทางกายเนื้อ" ขั้นต่ำคือ "กำลังภายใน" ถ้าหาไม่เจอก็ "เต้นกระตุก ดิสโก้ ไปพลาง ๆ ก่อน" ก็ได้ เป็นการแก้เซ็งไปในตัว อิอิ
    คือ ก่อนกระตุกจะมีอะไรวูปเข้ามาในตัวเราใช่หรือไม่คะ
    เรื่องฝันมีวันหนึ่งนอนกลางวันก็กำหนดความรู้สึกตัวไปด้วยจำไม่ได้ว่าหลับไปตอนใหน มารู้ตัวอีกทีเหมือนกายเวทนาจะออกแต่มันออกไม่ได้ คือแขนกับขาเหมือนหลุดออกแล้วเหลือแต่ช่วงบนกับหัวเราก็หลับตาปี๋เลยกลัวมาก (เรารู้สึกไม่แน่ใจว่าฝันไหมเพราะได้ยินเสียวข้างบ้านรอบตัวชัดเจน) สุดท้ายช่วยมัน มันก็ไม่ออก 5555 หลังจากนั้นอีกพักนึง เหมือนจะตัวเบาๆลอยเราเลยรู้สึกกลัวๆ เลยท่องพุทธ-โท โหรู้สึกว่าพลังมันมากๆจริงๆไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนมันอัศจรรย์มากๆอธิบายไม่ถูก
    อีกหลายวันต่อมานอนกลางวันอีก เหมือนหลับและฝันแต่เหมือนจริงมากเหมือนมีอะไรผุดวูปเข้ามาหาตัวเราเป็นดวงๆที่เป็นดวงๆนั้นมีรูปองค์พระพุทธเจ้าชัดเจนมาก แต่สิ่งที่เป็นดวงๆนี้เคยเห็นครั้งหนึ่งในสมาธิเมื่อนานมาแล้ว อ้ออีกอย่างนึงรู้สึกมีจุกสีม่วงที่ติดที่ตาเวลาเราเป็นสมาธิมันไม่หายไปใหนแต่เราไม่ได้ไปสนใจไปเพ่งมันนะคะ เล่าให้ฟังค่ะเผื่อมีอะไรที่พี่อยากแนะนำ
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    คือ ก่อนกระตุกจะมีอะไรวูปเข้ามาในตัวเราใช่หรือไม่คะ

    +++ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ "อะไรวูปเข้า" แต่เป็น "ตัวเราเอง" กระตุกวูปออก 100 %

    เรื่องฝันมีวันหนึ่งนอนกลางวันก็กำหนดความรู้สึกตัวไปด้วยจำไม่ได้ว่าหลับไปตอนใหน มารู้ตัวอีกทีเหมือนกายเวทนาจะออกแต่มันออกไม่ได้ คือแขนกับขาเหมือนหลุดออกแล้วเหลือแต่ช่วงบนกับหัวเราก็หลับตาปี๋เลยกลัวมาก (เรารู้สึกไม่แน่ใจว่าฝันไหมเพราะได้ยินเสียวข้างบ้านรอบตัวชัดเจน) สุดท้ายช่วยมัน มันก็ไม่ออก 5555 หลังจากนั้นอีกพักนึง เหมือนจะตัวเบาๆลอยเราเลยรู้สึกกลัวๆ เลยท่องพุทธ-โท โหรู้สึกว่าพลังมันมากๆจริงๆไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนมันอัศจรรย์มากๆอธิบายไม่ถูก

    +++ เป็นอาการ "กลัวมาก หรือ ตื่นเต้นมาก" กันแน่ ของผม ตอนออกใหม่ ๆ ตอนยังไม่ออกทั้งตัวนั้น ตื่นเต้นมาก จนแรงของความตื่นเต้นทำให้มันไม่ออก หลังจาก 2-3 ครั้งผ่านไป "ความคุ้นเคย" เลยทำให้ความตื่นเต้นลดลง ก็เลย ออกมาได้ทั้งตัว "ลอยเล่นอยู่ในห้อง" ตอนหลังจึงทำความ "ตั้งใจก่อนออก" ว่า "หากออกครั้งนี้จะฝึกอะไร" เช่น ชำแรกกำแพง และ อื่น ๆ เป็นต้น

    +++ การถอดกายเวทนานั้น จะใช้คำว่า "ฝัน" ไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ฝัน" แม้แต่น้อย และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "หายใจ" อีกด้วย หากผู้ใดทำตรงนี้ได้ ก็จะสามารถ "รู้แจ้ง" ได้เองว่า "ความตายจริง ๆ รวมทั้ง สิ่งที่เรียกกันว่า ชีวิตหลังความตายนั้น เป็นอย่างไร"

    +++ พลังของ "นามกาย กายเวทนานั้น มหาศาล และเป็น ตัวเอง ที่เด่นชัด" ยิ่งสติคมชัดเท่าไร พลังก็จะมหาศาลตามกันไป ความ "เป็นตน และ เป็นตัวของตัวเอง" ชัดเจนกว่าตอนที่ อยู่ใน "กายเนื้อแห่งโลกมนุษย์" นี้เสียอีก อาการที่เรียกว่า "สลึมสลือไม่ชัดเจน จะไม่มีปรากฏในตอนที่ถอด กายเวทนา"

    +++ เป็นอาการที่ "ฌานคือตน หรือ ตนคือฌาน ที่มี สติขึ้นเหนือกว่าฌาน อาจเรียกได้ว่า มีกายเป็นฌานและมีสติเป็นจิต ก็ได้" และ กายนี้แหละ คือ กายที่เหมาะสมที่สุดในการฝึก "อิทธิวิธี" ที่ไม่มีกายใดจะสมควรกว่านี้อีกแล้ว

    อีกหลายวันต่อมานอนกลางวันอีก เหมือนหลับและฝันแต่เหมือนจริงมากเหมือนมีอะไรผุดวูปเข้ามาหาตัวเราเป็นดวงๆที่เป็นดวงๆนั้นมีรูปองค์พระพุทธเจ้าชัดเจนมาก แต่สิ่งที่เป็นดวงๆนี้เคยเห็นครั้งหนึ่งในสมาธิเมื่อนานมาแล้ว อ้ออีกอย่างนึงรู้สึกมีจุกสีม่วงที่ติดที่ตาเวลาเราเป็นสมาธิมันไม่หายไปใหนแต่เราไม่ได้ไปสนใจไปเพ่งมันนะคะ เล่าให้ฟังค่ะเผื่อมีอะไรที่พี่อยากแนะนำ

    +++ อาการที่มี "จิตผุดวูปขึ้นมาเป็น รูปองค์พระพุทธเจ้า" นั้น เกิดจาก "การสร้างขันธ์" ของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเพื่อเป็นลักษณะของการ "รับรู้ในการฝึกของเรา" ตรงนี้ "ไม่ใช่จิตเราสร้างขึ้น" แต่เป็นลักษณะ "จิตอื่นแสดงตนให้ทราบ" นะครับ

    +++ ส่วนเรื่องของ การกระตุก ในขณะที่ยังอยู่ในกายเนื้อแห่งโลกมนุษย์นั้น เคยเกิดกับผม "ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว" Once upon a time Longf Long time ago อ่านดูเล่น ๆ ก็แล้วกันตามลิ้งค์นี้ นะครับ

    http://palungjit.org/posts/6898810
     
  19. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    วันนี้ฝึกกับเรื่อง Jack Ryan เมิลรู้สึกว่าตอนที่กำลังสนุก มันจะเหมือนกับมีพลังงานก่อตัว หมุนวน หนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ พอหนักได้ที่ก็จะสวิชท์กับไปเป็นตัวดู ยังดูไม่ทันตอนที่ย้ายกลับมาคะ ช่วง transitionหายไป รู้อีกทีก็ย้ายออกจากสภาวะรู้กลับมาเป็นตัวดูแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2014
  20. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    เหมือนเดิม ยังกะตุกอยู่ เกือบทุกครั้งที่เดินจิต ครั้งสุดท้ายนี่ แค่เดินจิต ไม่กี่นาทีก็กระตุกแล้ว เฮ่อ มันคืออะไรนี่
     

แชร์หน้านี้

Loading...