เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เห็นรูปคุณโซลปุ๊บ ก็ยิ้มปากกว้างตามไปด้วย อารมณ์ดีจริงๆ
    รู้สึกได้ถึงอารมณ์เป็นมิตร และเปิดกว้างของพี่นักเขียน เอ้าชีท...ท... (deejai) ^-^
     
  2. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    รูปนี้ให้ความรู้สึกดีจริงๆ เลยค่ะพี่จินต์

    รู้สึกถึงสายลมที่พัดไหว
    รู้สึกถึงหัวใจที่เริงร่า
    รู้สึกถึงความสดใสในดวงตา
    รู้สึกถึงคุณค่าที่งดงาม
    ณ.(f)
     
  3. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    งั้น...พี่ขอแอบไปแล้วกัน ไปแบบไม่ให้เห็น...กลัวโดนตีมือ...อิอิ
    น่าแอบไปชมของรักของพี่นักเขียนจัง
    คงจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น...อยากเห็นจัง :)
     
  4. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สนุกกับงานใหญ่เชียวคุณ VeggieGuy...ขอให้สุขภาพแข็งแรงด้วยนะคะ
     
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    คุณแอกซ์ หายไปนานเลยจริงๆ มีอะไรมาฝากบ้าง...
    อิอิ...รีบทวงเลย...

    คุณซิป...ณ.ว่าการศึกษาหาความรู้ไปเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะผ่านๆ ไป
    เหมือนกับว่าแค่รู้ไว้ แต่ณ.คิดว่ามันคงมีเหตุให้ได้ใช้ในอนาคตแน่นอน
    เพียงแต่ตอนที่เราศึกษาหรือเรียนรู้เรายังไม่รู้ว่าเรียนเพื่ออะไร
    แต่สักวันเราจะรู้แน่นอน และเมื่อนั้น อ๋อ...
     
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ก็มีคิดเหมือนกันนะ บางทีบางเรื่องก็เข้าใจเพราะว่าเราเคยเรียนมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ แต่ก็ทำให้เข้าใจเรื่องบางเรื่องได้ง่ายขึ้น มาคิดดูมันก็เหมือนใยแมงมุมเหมือนกัน เพราะว่าเรื่องบางเรื่องมันก็เกี่ยวพันกับเรื่องบางเรื่องได้ แม้ว่าบางทีจะเกี่ยวกันนิดเดียวก็ตาม

    อย่างถ้ามีคนพูดเรื่องจักระอธิบายเรื่องต่อมพิตูอิตารี่ ก็พอนึกภาพออกก็เคยเรียนชีวะมา
    หรือที่บอกว่านั่งสมาธิแล้วมีความสุข ก็เพราะร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟินออกมา ก็เข้าใจ และก็นึกต่อไปด้วยว่า มันก็เป็นสารตัวเดียวกันกับสารที่หลั่งออกมาในตอนที่ออกกำลังกายหนักๆ หรือมีความสุขมากๆ เช่นกัน

    สนใจจิตวิทยาในแง่การตีความความคิดคนอื่นจากสิ่งต่างๆ ที่เค้าแสดงออกมา เคยอ่านเจอเรื่องเกี่ยวกับคนหลายบุคลิค ก็สงสัยเหมือนกันว่ามันจะเหมือนในบางกรณีที่ อ.อนาลัยเคยบอกในหนังสือหรือเปล่าว่า บางโลกในบางมิตินั้น ร่างๆ นึงจะมีจิตวิญญาณได้มากกว่า 1

    สิ่งที่ตัวคนแสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็นรูปที่วาด การจัดข้าวของสิ่งต่างๆ มันก็สะท้อนความคิดในตัวคนนั้นมาได้เหมือนกันนะ เช่นมีการวิเคราะห์การจิตที่ให้ผู้ป่วยจัดสวนถาด โดยมีสิ่งของต่างๆ มาให้จัด แล้วจิตแพทย์ก็จะวิเคราะห์ว่ารูปแบบการจัดสวน สิ่งต่างๆ ที่เอามาใช้จัด มันสะท้อนอะไรภายในออกมา ซึ่งก็เหมือนกับที่ อ.อนาลัย ว่าไว้ว่า สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา คือสิ่งที่สะท้อนข้างในตัวเราออกมา [​IMG]
     
  7. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ได้อ่านความฝันคุณนักเขียนแล้ว จินตวดีรู้สึกคุ้นเคย มันเป็นอะไรที่แว้บ ๆ โดยเฉพาะ ตรง ห้องโถงอันใหญ่โต เก็บของมีค่าไว้มากมาย มีแจกันด้วยเป็นแจกันลาย ใบใหญ่ (ใช่ไหมคะ) จินตวดีฝันเห็นแต่ไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน
     
  8. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ช่วงนี้จินตวดีสนใจความฝันมาก พยายามจำให้ได้ แต่ว่าสติสัมชัญชะไปจดจ่อหลายที่และเปลี่ยนรวดเร็วเหลือเกิน พอตื่นมาจำได้เพียงราง ๆ ต้องใช้วิธีจับอารมณ์ที่เหลืออยู่แทน จึงจะจำได้ เมื่อคืนฝันไปหลายที่แต่ที่ยังจำได้คือ ได้ไปพบคนแก่ (ไม่แน่ใจชายหรือหญิง) ได้พูดทำนองว่าเราใจดี จึงรอด (เมื่อวานรถตู้เกือบถอยทับจินตวดี แค่เส้นยาแดงผ่าแปดเอง) เผลอแว้บเดียวเองออกไปนั่งรถกับแม่และพี่สาว เขาจะพาไปไหนไม่ทราบ แต่ดิฉันไม่ไปหรอก รู้แต่ว่ามีสิ่งต้องทำก่อน ก็เลยลงที่หน้าบ้านแห่งหนึง รู้ว่ามีบางอย่างต้องทำที่นี้ เปิดประตูเข้าไป ข้างในเปิดแสงไฟไว้ ทั้งที่ข้างนอกสว่างจ้าเลย มีคนกลุ่มหนึ่งอุ้มเด็กเอาไว้ เรารู้แต่ว่าเด็กกำลังจะถ่ายอุจจาระ แล้วเรามีหน้าทีต้องล้างก้นเด็กนั้น เด็กก็ถ่ายจริงๆ แล้วคนที่อุ้มก็แสดงอาการรังเกียจอุจจาระเด็ก พร้อมยื่นมาให้เรา จินตวดีก็เลยได้ล้างก้นให้เด็กเลย (ในฝันมันคือหน้าที) หุ หุ
    ฝันนี้เป็นอุปมาอุปมัย ให้ดิฉันคิดอีกแล้ว
     
  9. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    น่าสงสารเจ้าโชคดีจังเลยค่ะน้องนก ถูกมะนาวต่างดุดจับไปเป็นตัวประกันซะแร้ววว..
    เอาล่ะ.. เพื่อเจ้าโชคดีพี่ก็จะพยายามสุดฤทธิ์.. วาดรูปมาส่งคุณครูบ่อย ๆ ละกันเน๊อะ..
    สงสัยต้องขอความช่วยเหลือทุก ๆ คนที่วาดภาพเก่ง ๆ ช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ..
    โดยเฉพาะคุณ Mead, พี่จินต์, คุณ Cat และคุณ soul นี่ขอจับมาเป็นพี่เลี้ยงซะเลย.. อิอิ.. จะยอมมั้ยเนี่ย..
    เดี๋ยวถ้าวาดเก่งเมื่อไหร่.. จะแสดงนิทรรศการส่วนตัวเล้ยยย.. อิอิ.. ( จะมีคนมาดูมั้ยเอ่ย.. )
    (f) (f) (f)
     
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เห็นคุณขจรวรรณพูดถึงนิทรรศการส่วนตัว ทราบว่าช่วงนี้พี่นักเขียนก็กำลังจะมี Art Show เดือนกุมภานี้ ตอนนี้คงกำลังปั่นผลงานหัวฟูอยู่ครับ เห็นบอกว่ามัวแต่สอนวาดรูปเพลินอยู่ที่บ้าน และยังวาดภาพสีน้ำมันคนสูงอายุตั้ง 250 คน คงใช้เส้นไม่ต่ำกว่าล้านๆเส้นแน่ครับ..เอาใจช่วยกันนะครับ จะไปช่วยวาดในฝัน อิอิ

    [​IMG] [​IMG]



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2008
  11. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    เห็นด้วยค่ะ ก็เคยสังเกตุอยู่เหมือนกันว่าความรู้บางอย่างสามารถนำมาเชื่อมต่อกันได้ บางทีก็อ่านผ่าน ๆ ไปจำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เมื่อไปเจออีกเรื่องที่เรากำลังสนใจก็สามารถนำเรื่องเดิมมาเป็นพื้นฐานได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ..(y)
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ตอนนี้ขอจัดทำ Gallery ให้พวกเราก่อนแล้วกันครับ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG]
    [​IMG]


    ผลงานก้าวหน้าขึ้นทุกคนเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าเราทำได้ขนาดนี้
    คุณซิปฯ ก็ลายเส้นมั่งคงดี มีเวลาก็ส่งภาพเหมือนมาเลยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2008
  13. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ส่งการบ้าน ครับ
    ก็ลบแล้ว ลบอีก
    สมองซีกขวาแค่แง้มๆ ยังฝืดอยู่ ต้องหาน้ำมันมาหยอดบ้าง
    กว่าจะได้แบบที่เห็น
    ก็ยังดีนะ ที่วาดแล้วหล่อกว่าตัวจริง
    จะพยามฝึกบ่อยๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG.jpg
      IMG.jpg
      ขนาดไฟล์:
      377.7 KB
      เปิดดู:
      43
    • IMG_0001.jpg
      IMG_0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      348.1 KB
      เปิดดู:
      55
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    หล่อลากดินเลยครับพี่เหลย เหมือนนักบวช+ท่านอ๋อง
    แถมที่คิ้วเหมือนจะขยับได้เลยครับ ดูเคลื่อนไหวนะ
    สัดส่วนเส้นสายดูดีกว่ารูปก่อนเยอะเลยครับ

    (||)(||)(||)
     
  15. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอบคุณครับที่ให้กำลังใจ
    จะวาดรูปนี้ให้เหมือนให้ได้
    ไม่ยอมแพ้ครับ
     
  16. tenis

    tenis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,228
    สวัสดีคะ ทุกท่าน

    พอดีซื้อหนังสือชุดนี้ไว้แล้ว เพราะอยากฝึกทำแบบฝึกหัดนะคะ
    อ่านเล่มแรกจนจะจบ (อ่าน ๆ หลับ ๆ ไปหลายเดือน) ก็ยังไม่เจอแบบฝึกหัดเลย

    ช่วยชี้แนะหรือว่ากรุณาแจ้งให้ทราบหน่อยคะว่ามีตรงไหน หน้าไหน บทไหนบ้างคะ
    พอดีไม่ถนัดอ่านหนังสืออภิปรัชญาแบบนี้ (แต่อยากฝึกทักษะทางจิตบ้างคะ)

    ขอบคุณคะ
     
  17. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ทำงัยดี ที่จะได้ฝันบ้าง???
    เลยไม่มีเรื่องเล่า เลย
    หรือจำไม่ได้ ก็ไม่รู้
    (tm-love) (tm-love)
     
  18. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ทำอย่างไรจึงจะฝัน? ทำอย่างไรจึงจะจดจำความฝันได้?

    ทำอย่างไรจึงจะฝัน? ทำอย่างไรจึงจะจดจำความฝันได้?

    คำถามนี้เป็นคำถามที่พี่นักเขียนได้รับ e-mail จากท่านผู้อ่านบ่อยที่สุด และวันนี้คุณ yutkanlaya ก็นำมา post พี่นักเขียนจึงขอตอบหลายๆท่านไปพร้อมๆกันนะคะ

    ความฝันคือการที่จิตวิญญาณของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อจากมิติของโลกแห่งความเป็นจริงอันเป็นโลกทางกายภาพที่เรารู้จัก ไปสู่มิติอื่น-โลกอืิ่นที่มีสภาพแวดล้อมเป็นโลกทางกายภาพ ทางจินตภาพและทางจิตวิญญาณ เราไม่ต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะฝัน เพราะทุกคนฝันอยู่แล้วเป็นประจำตามธรรมชาติทุกคืน กล่าวได้ว่า-หากจิตวิญญาณไม่เปลี่ยนวิถีการจดจ่อจากมิติของโลกแห่งความเป็นจริง อันเป็นโลกทางกายภาพที่เรารู้จัก-ไปสู่มิติอื่น-โลกอืิ่น เราก็หลับไม่ได้ เพราะสติสัมปชัญญะของเรายังจดจ่ออยู่กับโลกยามตื่น แต่ถ้าหากเราจดจำความฝันไม่ได้เลย เรามักจะเชื่อว่าเราไม่ได้ฝัน

    เราจะจดจำความฝันได้ก็ต่อเมื่อเรามีสติสัมปชัญญะที่ติดตามไปรู้เห็นประสบการณ์ในมิติอื่น-โลกอืิ่น อันเป็นโลกของความฝัน เรารู้เห็นสิ่งต่างๆยามตื่นตามปกติและจดจำได้ ก็เพราะเราใช้สติสัมปชัญญะติดตามรู้เห็นประสบการณ์เหล่านั้น ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น เราต้องฝึกฝนที่จะใช้สติสัมปชัญญะในความฝัน ในลักษณะเดียวกัน เราจึงจะจดจำประสบการณ์ในความฝันได้

    ความแตกต่างของประสบการณ์ยามตื่น กับ ประสบการณ์ในยามฝัน-อยู่ที่การรู้เห็น

    ยามตื่นเรารู้เห็นได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า เราจึงจดจำสิ่งต่างที่รู้เห็นเป็นรูป เป็นรส เป็นกลิ่น เป็นเสียง เป็นสัมผัส

    ยามฝันเรารู้เห็นได้ด้วยประสาทสัมผัสภายใน หรือประสาทสัมผัสที่หก ซึ่งก็คือ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

    หากเราจะพยายามระลึกหรือทบทวนความจำ จากประสบการณ์ยามตื่น เรามักทบทวนด้วยการย้อนคิดถึงรูป รส กลิ่น เสียง หรือสัมผัส

    โดยมากแล้ว เมื่อเราพยายามระลึกหรือทบทวนความจำ จากประสบการณ์ความฝัน เรามักจะใช้วิธีการเดียวกันนี้ และเราก็มักจะพบว่าความฝันช่างสับสนปนเป บางครั้งแทบจะลำดับเหตุการณ์ไม่ได้เลยว่าอะไรเกิดขึ้นก่อน-หลัง และหลายๆประสบการณ์แทบจะไม่อาจกล่าวเป็นคำพูดได้ เพราะมันไม่ได้เป็นไปตามเหตุผลทางกายภาพที่สามารถทดแทนหรือกล่าวอ้างได้ด้วยรูป รส กลิ่น เสียง หรือสัมผัส

    หากเราปราศจากความรู้เหล่่านี้ แม้เราจะเผชิญกับประสบการณ์ความฝัน มันอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของโลกยามตื่นทั้งหมด มันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามที่จะบันทึกเหตุการณ์ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่สอดคล้องกับประสบการณ์ เช่น เราไม่อาจบันทึกเสียงได้จากประสบการณ์ที่มีแต่ภาพ เราไม่อาจบันทึกภาพได้จากเหตุการณ์ที่มีแต่เสียง เป็นต้น

    ตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว เหตุการณ์ในความฝันปราศจากรูป รส กลิ่น เสียง หรือสัมผัสที่เป็นกายภาพเช่นโลกยามตื่น แม้เราจะเห็น ลิ้มรส ได้กลิ่น ได้ยิน หรือสัมผัส มันก็ล้วนเป็นภาวะทางจินตภาพทั้งสิ้น ภาพที่เราเห็นจึงอาจจะคมชัด หรือมีสีสันแปลกตาไปกว่าที่เราเคยเห็นด้วยดวงตา

    การจดจำความฝัน คือการจดจำอารมณ์-ด้วยจินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
    ไม่ใช่จดจำรูป รส กลิ่น เสียง หรือสัมผัส


    เมื่อพี่นักเขียนกล่าวว่า จดจำอารมณ์ พวกเราคงพอจะตระหนักได้ว่า เราสามารถทบทวนอารมณ์ที่หลงเหลือมาจากความฝันได้ไม่มากก็น้อยเสมอๆเมื่อเราลืมตาตื่นขึ้น
    จากนั้นเราก็จะสามารถจดจำความรู้สึกนึกคิดที่สัมพันธ์กับอารมณ์ๆเหล่านั้น

    แต่เมื่อพี่นักเขียนกล่าวว่าเราจดจำจินตนาการ หลายคนคงจะข้องใจว่า จินตนาการจะเป็นส่วนหนึ่งของความจำได้อย่างไร เพราะจินตนาการในความหมายที่เรารู้จักมักจะเป็นสิ่งที่เราคิดหรือสร้างภาพขึ้นเอง ไร้สาระ ไร้ความหมาย ไร้ความเป็นจริง จะนำมันมาใช้จดจำ ก็ฟังดูราวกับว่าเป็นสิ่งที่ไร้ความเป็นจริงอย่างยิ่ง

    จินตนาการมีความหมาย มีความเป็นจริงยิ่งกว่าที่เราให้ความหมายมันมากนัก ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า จินตนาการเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นจริงทั้งหมด

    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกยามตืิ่นของเรา มีต้นกำเนิดมาจากจินตนาการ เช่นเดียวกับปิรามิดของคุณ Mead อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในโลก รวมถึงทารกน้อยๆ-ชายหญิง ต้นไม้ที่เราปลูกกับมือ อาหารที่เราทำ งานศิลปะที่เราสร้างสรรค์ ตลอดจนงานทุกชนิดในโลก เราใช้จินตนาการก่อนที่เราจะสามารถลงมือทำให้มันเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นได้เสมอ ไม่มีสิ่งใดในโลกเกิดขึ้นโดยปราศจากจินตนาการ

    ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น โลกของความฝันเกิดขึ้นด้วยปัจจัยของจินตนาการไม่น้อยไปกว่าอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในโลก หากเราทบทวนอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่หลงเหลือมาจากความฝันได้ เราจะพบด้วยว่า เราสามารถทบทวนจินตนาการที่เกิดขึ้นในโลกของความฝัน เสมือนการทบทวนเห็นแบบพิมพ์เขียว ก่อนที่เราจะสร้างอาคารจริงขึ้นมา

    บางคนที่ติดตามความฝันด้วยสติสัมปชัญญะที่คมชัดพอ อาจค้นพบว่า บางขณะเราเผชิญกับสถานการณ์ความฝันที่เราตระหนักว่า เราคือผู้สร้างสถานการณ์ทั้งหมด เราเลือก และเราก็เหนี่ยวนำให้สิ่งต่างๆเป็นไปได้อย่างฉับพลันในความฝัน

    หากเราเผชิญกับประสบการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา และเรามีสติสัมปชัญญะที่คมชัดพอ เราจะพบว่า เราสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น บอกกับตนเองว่า ตื่นดีกว่า-จะได้ยุติประสบการณ์เหล่านี้ หรือ เปลี่ยนสถานการณ์ไปในทิศทางอื่นดีกว่า โดยตระหนักได้ว่าเราสามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ความฝันได้ด้วยความคิด

    หากเรามีสติสัมปชัญญะที่คมชัด เราจะพบว่า บางประสบการณ์ในความฝัน เราปรากฏเป็นผู้สังเกตการณ์ประสบการณ์หนึ่งๆ และบางประสบการณ์เราก็เป็นผู้ร่วมในประสบการณ์หนึ่งๆ

    ด้วยสติสัมปชัญญะที่คมชัด เราจะพบว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงบทบาทของตนเองได้เสมอ จากผู้ร่วมประสบการณ์กลายเป็นผู้สังเกตการณ์ จากผู้สังเกตการณ์กลายเป็นผู้ร่วมประสบการณ์ และในอีกระดับหนึ่ง เราสามารถกลายเป็นผู้กำกับประสบการณ์ความฝัน เป็นผู้ควบคุมและกำหนดให้ประสบการณ์เหล่านั้นเป็นไปได้ดังปรารถนาอีกด้วย

    ดังนั้นเมื่อพี่นักเขียนกล่าวว่า ให้พวกเราทบทวนความฝันด้วยการจดจำจินตนาการ จึงเป็นสิ่งที่ทำได้จริง จากประสบการณ์ความฝันที่เราพบว่า เราคือผู้กำกับหรือผู้ควบคุมประสบการณ์ความฝัน เราจะพบว่าเราสามารถจดจำขณะจิตที่เราใช้จินตนาการกำหนดหรือสร้างสรรค์ความฝันให้เป็นไป ทำให้เราระลึกได้หรือจดจำความฝันได้ บางขณะจิตเราจะพบว่า เราเลือกว่าจะให้ความฝันหนึ่งๆดำเนินต่อไปอย่างไรดี และบางขณะจิตเราก็อาจพบว่า เราเลือกว่่าเราจะจดจำความฝันเหล่านั้นดีหรือไม่ ไม่ต่างไปจากการตัดสินใจเลือกยามตื่นว่า เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับประสบการณ์หนึ่งๆ ต้องการจดจำมัน หรือต้องการปลิดมันทิ้งไป

    ก่อนที่เราจะล้มตัวลงนอนหลับและฝัน เราต้องตั้งจิตว่า เราจะนำสติสัมปชัญญะติดตัวไปรู้เห็นและจดจำความฝัน การตั้งจิตอย่างแน่วแน่เปรียบเสมือนการนำกล้องถ่ายภาพ Auto-focus ติดตัวไป เราไม่ได้จะต้องทำอะไร นอกจากหยิบกล้องติดมือไปและตระหนักว่าเรามีอุปกรณ์บันทึกภาพที่ใช้การได้เสมอ

    ดังนั้นการที่เราจะเรียกว่า ฝึกฝันอย่างมีสติ หรือฝึกจดจำความฝัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องใช้เวลายาวนานเพื่อฝึกฝน หากมันเป็นส่ิงที่ต้องใช้เวลายาวนานในการฝึกฝน ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เมื่อฝึกได้แล้ว ย่อมต้องมีทักษะติดตัวตลอดเวลาเช่นเดียวกับการว่ายน้ำ หรือถีบรถจักรยาน

    แต่ทักษะการจดจำความฝันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทักษะการจดจำความฝัน หรือฝันอย่างมีสติ ไม่ได้เกิดจากการฝึกฝนแรมปี หากแต่เกิดจากการตั้งจิตอย่างแน่วแน่ก่อนที่เราจะหลับและฝัน และหากเราตั้งจิตอย่างแน่วแน่ก่อนนอนได้อย่างสม่ำเสมอ เราก็มีทักษะที่จะตั้งจิต ไม่ใช่ทักษะที่จะจดจำ

    การจดจำได้ไม่ใช่ทักษะที่ต้องฝึกฝนยาวนานหลายปี แต่การตั้งจิตอย่างแน่วแน่ก่อนนอนได้อย่างสม่ำเสมอต่างหาก เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนยาวนานแรมปี จนในที่สุดกลายเป็นนิสัย หากมีทักษะในการตั้งจิตจนเป็นนิสัยแล้ว การจดจำแทบจะกลายเป็นอัตโนมัติ เช่นเดียวกับการพกกล้องติดตัวไปไหนๆจนเป็นนิสััย โอกาสที่เราจะทำการบันทึกภาพก็แทบจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ อย่างเป็นอัตโนมัติ

    แม้แต่พี่นักเขียนซึ่งฝึกฝนทักษะที่จะตั้งจิตเสมอๆจนกลายเป็นนิสัยแล้ว หากคืนใดเข้านอนด้วยความเมื่อยล้าอันเกิดจากงานที่ทำบางวัน และต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยไม่ได้ต้องการจะจดจำความฝัน หรือไม่ได้ต้ังจิตว่าจะไปเรียนรู้หรือรู้เห็นประสบการณ์ใด ก็จะตื่นขึ้นมาด้วยความว่าง คือจดจำความฝันไม่ได้เสมือนไม่ได้ฝัน แต่การไม่ได้จดจำความฝันนี้ก็เกิดจากการตั้งจิต หรือกำหนดว่าจะไม่จดจำความฝัน เช่นเดียวกันบุคคลที่ทำบางสิ่งบางอย่างจนเป็นนิสัย หากวันใดอยากจะเว้นไม่ทำ ก็เกิดจากการเลือก กำหนดหรือตั้งใจว่าจะไม่ทำเช่นเคย เพราะหากไม่ได้เลือกหรือกำหนด ก็จะเผลอทำไปตามนิสัย
    [​IMG]
    การนำข้อมูลความรู้จำเพาะติดสติสัมปชัญญะไปสู่โลกของความฝัน อันได้แก่ข้อมูลความรู้ที่ว่า :
    1. โลกของความฝันอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา
    2. จิตวิญญาณจดจ่ออยู่กับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้น พร้อมด้วยรูปกายตัวตนที่คล้องจองกับภาวะนั้นๆ
    3. อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน


    ความรู้เหล่านี้จะทำให้สติสัมปชัญญะของเรามีความพร้อมที่จะรู้เห็นประสบการณ์ทั้งหลาย และเข้าใจประสบการณ์เหล่านั้นได้ในอีกระดับหนึ่ง ความสับสนที่มีต่อประสบการณ์จะลดลง และทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ตลอดจนความหมายของความฝันได้ดีขึ้น

    แม้ว่าเราจะไม่ได้รู้เห็นประสบการณ์ความฝันด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่สติสัมปชัญญะยามตื่นก็จำเป็นต้องแปลงข้อมูลทั้งหมดที่เรารู้เห็นด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดเหล่านั้น ออกมาเป็นสัญญลักษณ์ทางกายภาพ คือแปลงเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เพื่อที่เราจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวจากมิติของความฝัน มาสู่มิติของโลกทางกายภาพยามตื่นได้

    การทบทวนความฝันด้วยการทบทวน อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด เปรียบเสมือนการย้อนกลับไปสู่ต้นกำเนิดของความฝัน ซึ่งจะช่วยทำให้เราสามารถทบทวนและจดจำความฝันได้แม่นยำกว่า หากเราทบทวนประสบการณ์ความฝันเช่นเดียวกับการทบทวนประสบการณ์อื่นๆในชีวิตประจำวันยามตื่น อย่างมากที่สุดที่เราจะเข้าถึงได้ก็คือ เข้าถึงสัญญลักษณ์ทางกายภาพที่ได้ถูกแปลงมาแล้ว ทำให้เราไม่อาจเข้าถึงสาระที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำ และทำให้เราถ่ายทอดความฝันผิดเพี้ยนไป

    สิ่งแรกที่เราควรจะทำเมื่อตื่นขึ้นยามเช้า คือทบทวนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ก่อนที่เราจะขยับตัว หรือทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าตื่นตัว เพราะภาวะแรกสุดก่อนที่เราจะตื่นอย่างเต็มที่ เป็นภาวะที่สติสัมปชัญญะยังจดจ่อคาบอยู่ระหว่างมิติ เรายังไม่ได้จดจ่อกับมิติของโลกยามตื่น ยังไม่ได้รับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าอย่างเต็มที่ และเราก็ยังไม่ได้เลิกจดจ่อกับมิติของโลกแห่งความฝัน ยังคงรับรู้บางส่วนด้วยประสาทสัมผัสภายใน

    ภาวะดังกล่าวจึงเป็นภาวะที่เราสามารถผ่องถ่ายข้อมูลและความจำจากประสบการณ์ความฝัน มาสู่สติสัมปชัญญะยามตื่นได้แม่นยำที่สุด (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2008
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    วาดภาพตามที่เห็น

    พวกเราวาดภาพได้เก่งขึ้นผิดตาไปมากเลยค่ะ ขอให้พวกเราใช้วิธีตีกรอบ ลากเส้นแกน X-X' Y-Y' ตั้งฉากกัน หาระยะและจับสัดส่วนของตา จมูก ปากด้วยการวัดระยะจากกรอบของภาพ และวัดระยะจากเส้นแกน X-X' Y-Y' เป็นหลัก เพราะจะช่วยให้เราจับระยะและสัดส่วนได้แม่นยำและง่ายดายขึ้นมาก ต่อไปแทนที่จะวาดภาพทันทีให้ ขอให้ฝึกการมองเห็นส่วนต่างๆของภาพตามหลักการที่พี่นักเขียนให้ไว้แล้วอีก 4 ข้อ โดยไม่ต้องใช้ความคิดว่า เปลือกตาควรจะเป็นเส้นโค้งมากหรือน้อย รูจมูกควรจะวงกลมหรือวงรี ฯลฯ เพราะคำพูดเหล่านี้เป็นการใช้สมองซึกซ้ายคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล แต่มันปราศจากทักษะในการวาดภาพ

    แต่ให้เราใช้ความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริง คิดถึงความสำคัญของขอบเขตของชิ้นส่วนต่างๆ พื้นที่ว่าง ตลอดจนคุณค่าของแสงและเงาในเชิงธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่พี่นักเขียนรวบรวมมาให้ในวันนี้
    การวาดภาพโดยปราศจากการวินิจฉัยภาพ แต่ใช้ความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงเหล่านี้ จะทำให้เรามองผ่านภาวะทางกายภาพของเส้นสายที่เรากำลังวาด ทำให้เราสามารถปิดการทำงานของสมองซึกซ้ายได้ และมองเห็นภาพวาดด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สีกนึกคิดแทน คือมองเห็นภาพตรงหน้าด้วยจิตวิญญาณ หรือด้วยประสาทสัมผัสที่หก

    ภาพลายเส้นกลับหัวที่พวกเราวาดไปล่าสุด เป็นแบบฝึกหัดที่พิสูจน์ให้พวกเราเห็นว่า เราสามารถวาดภาพหน้าคนได้ โดยที่เราไม่ต้องมองเห็นเป็นหน้าคน แต่มองเห็นเส้นสาย ก็วาดตามที่เห็นอย่างตรงไปตรงมา

    ขอให้ใช้หลักการที่พี่นักเขียนแนะนำเพิ่มเติมอีก 4 ข้อ แต่ให้วาดภาพตามที่เห็นอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องคิดเกี่ยวกับภาพวาด แต่หากความคิดจะผุดขึ้นมาก ก็ให้เปลี่ยนไปคิดถึงธรรมชาติความเป็นไปของจิตวิญญาณแทน ภาวะดังกล่าวนี้จะเหนี่ยวนำให้เราเปลี่ยนไปใช้สมองซึกขวาซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดแทน

    1.การมองเห็นริมหรือขอบของส่วนต่างๆของภาพ
    ริมหรือขอบของช้ินส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดวงตา คิ้ว ริมฝีปาก จมูก รูจมูก เงาบนโหนกแก้ม ใต้คาง หรือหน้าผาก ล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีขอบเขตแน่นอน มีรูปทรงและขนาดจำเพาะ หากเรามองไม่เห็นริมหรือขอบของสิ่งเหล่านี้ เราจะมองข้ามรูปทรงมากมายที่ปรากฎบนใบหน้า ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ของเรา ทำให้ไม่สามารถวาดภาพเหมือนจริงได้

    การมองเห็นริมหรือขอบของชิ้นส่วนต่างๆของภาพ ไม่ต่างไปจากการเรียนรู้ที่จะมองเห็นความสำคัญของสรรพสิ่งทั้งหลายในสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวันของเรา เราจะพบว่าเราจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้ เพราะทุกสิ่งมีความสำคัญ และมีส่วนสนับสนุนการเป็นตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ของเราไม่น้อยไปกว่ากัน ไม่ว่าสิ่งนั้นๆหรือบุคคลนั้นๆจะดูเสมือนจิบจ้อย มีขอบเขตเพียงเล็กๆ แต่ทุกชิ้นส่วนก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

    ไม่ต่างไปจากบุคคลทั้งหลาย ประสบการณ์ใหญ่น้อย และสรรพสิ่งทั้งหลายในชีวิต ล้วนมีความสำคัญต่อการถือกำเนิดเป็นบุคคลตัวตนของเรา ทำให้เราได้เผชิญกับประสบการณ์อันท้าทาย ณ มุมมองและจุดยืนที่เราเป็นอยู่นี้ มีส่วนทำให้เรา-เป็นเรา-ณ จุดยืนและมุมมองนี้ ณ เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนี้

    ตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว หากส่วนใดส่วนหนึ่งขาดหายไป จุดยืน มุมมองและความเชื่อของเราย่อมเปลี่ยนไป การเป็นบุคคลตัวตนของเราย่อมเปลี่ยนแปลงไปด้วย หรือก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น ที่เรากลายเป็นบุคคลที่แปลกเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับภาพวาดที่มีบางชิ้นส่วนขาดหายไป ภาพนั้นก็ย่อมแตกต่่างไปด้วย
    -------------------------
    2.การมองเห็นพื้นที่ว่าง
    พื้นที่ว่างกับชิ้นส่วนในภาพวาดมีค่าและความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ชีวิตที่เราเรียกว่า การได้มี ได้เป็น ได้ทำ หรือ การไม่ได้มี ไม่ได้เป็น ไม่ได้ทำ ทุกประสบการณ์ล้วนมีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ากัน แม้ว่าสังคมมนุษย์โลกจะตีความหมายความสำเร็จไปในทิศทางที่ว่า ผู้ที่ได้มี ได้เป็น ได้ทำ มากกว่า คือผู้ที่มีความสำเร็จสูงกว่าผู้ที่ได้มี ได้เป็น ได้ทำ น้อยกว่า

    แต่โดยธรรมชาติของจิตวิญญาณแล้ว จิตวิญญาณประสานกันเป็นระบบเครือข่าย เป้าหมายของจิตวิญญาณในการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์เป็นเป้าหมายรวม ซึ่งหมายความว่า จิตวิญญาณของเราทั้งหลายร่วมกันบรรลุเป้าหมายอันสูงสุด เราไม่ได้มาถือกำเนิดเพื่อแข่งขัน แก่งแย่งชิงดี แต่เรามาถือกำเนิดเพื่อสนับสนุน เกื้อกูลซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับชิ้นส่วนและพื้นที่ว่างที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน และทำให้เกิดภาพรวมที่สมบูรณ์
    -------------------------
    3.การมองเห็นความสัมพันธ์ของชิ้นส่วนต่างๆ
    ช้ินส่วนต่างๆของภาพมีทิศทางการทำองศา และทิศทางของตำแหน่งที่ตั้งของมันสัมพันธ์กันเสมอ แต่ละชิ้นส่งผลกระทบต่อชิ้นส่วนอื่นๆเสมอ

    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า เราทุกคนมีความสัมพันธ์กับสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราส่งผลกระทบต่อสรรพสิ่งทั้งหลาย แม้แต่สภาพลมฟ้าอากาศ ความผันแปรทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ก็ล้วนแต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของส่วนรวม

    เราแต่ละคนคือส่วนย่อยของตัวตนรวมซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน

    การตระหนักได้ว่า เราทุกคนคือชิ้นส่วนที่สำคัญของครอบครัว ของสังคม ของโลก ของจักรวาล และจิตวิญญาณรวม จะทำให้เราตระหนักในหน้าที่และความสำคัญอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา ไม่ว่าเราจะมีวิถีทางดำเนินชีวิตอย่างไร วิถีทางของเราแต่ละคนส่งผลกระทบต่อหน่วยย่อยสุดได้แก่ครอบครัว แต่ละครอบครัวส่งผลกระทบต่อสังคม แต่ละสังคมส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ และสังคมโลก ตามลำดับ

    ไม่มีบุคคลใด สังคมใด ประเทศใด เป็นเอกเทศ โดดเดีี่ยว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อหน่วยย่อยอื่นๆในโลกและจักรวาล
    -------------------------
    4. การมองเห็นน้ำหนักของแสงและเงา
    น้ำหนักของแสงและเงาในภาพวาด ทำให้เกิดมิติและความลุ่มลึกของภาพวาด

    ภาวะของความสุขซึ่งเปรียบได้กับภาวะอันเต็มไปด้วยแสงสว่าง กับภาวะของความทุกข์ซึ่งเปรียบได้กับภาวะอันเต็มไปด้วยความมืดมน ล้วนเป็นส่วนประกอบของชีวิต ที่ทำให้เราตระหนักถึงความหมายอันลุ่มลึกของคุณค่าชีวิตได้ หากปราศจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราจะตระหนักถึงความเป็นจริงเหล่านี้ไม่ได้ เช่นเดียวกับที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า หากปราศจากการกล่าวโทษ เราจะไม่รู้จักการให้อภัย และหากปราศจากความเกลียด เราจะไม่รู้จักคุณค่าของความรัก
    -------------------------

    การบ้านภาพต่อไป วาดภาพเหมือนของตนเองหรือของใครก็ได้ค่ะ ที่เรามองดูแล้วรู้สึกประทับใจอยากจะวาด

    ต้องขอบคุณ คุณ Mead กับคุณน้อง soul2006 ที่วาดภาพพี่นักเขียนยิ้มแป้นกันคนละแบบ พี่นักเขียนขอจับประเด็นมาเอ่ยถึงนิดนึง เพราะเคยวาดภาพที่ต้นฉบับมัวๆไม่ชัดเจนอยู่เหมือนกัน เป็นภาพ Pope องค์ก่อนคือ Pope John Paul พี่นักเขียนพบว่า เราจะต้องวาดให้ได้ภาพที่มัวๆเหมือนต้นฉบับ อย่าพยายามจับ detail ที่เรามองเห็นไม่ชัด เพราะจะทำให้ภาพบิดเบือนจากความเป็นจริงได้มากค่ะ ซึ่งกลับมาเข้าประเด็นวาดภาพด้วยสมองซีกขวาคือ วาดไปตามที่เรา"เห็น" ไม่ใช่วาดไปตามที่เรา "คิดว่าเห็น"

    ภาพวาดของคุณ Mead กับคุณน้อง soul2006 เป็นหลักฐานให้เราเห็นความเป็นจริงอีกว่า ไม่ว่าเราจะวาดภาพใคร แม้เราจะวาดภาพจากต้นฉบับเดียวกันก็ตาม แต่ภาพที่ได้ก็สะท้อนให้เห็นอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของผู้วาดในขณะนั้นๆได้เสมอ(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Mead_ca.jpg
      Mead_ca.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.3 KB
      เปิดดู:
      48
    • soul2006_ca.jpg
      soul2006_ca.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8 KB
      เปิดดู:
      49
    • PopeJohnPaul.jpg
      PopeJohnPaul.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.3 KB
      เปิดดู:
      48
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Hello คุณ axzon47 แวะมาพอดีพวกเรามี Art Show เชิญมาร่วมสนุกกันหน่อยค่ะ(rose)


    ภาพวาดลายเส้นกลับหัวของพวกเราพิสูจน์ให้เห็นว่า สมองซึกขวาวาดภาพได้โดยไม่ต้องทราบว่า กำลังวาดภาพอะไร และภาพนั้นเป็นอย่างไร แต่สมองซีกขวาวาดไปตามที่เห็นเท่านั้น ให้พยายามใช้ mode นี้วาดภาพกันต่อไปค่ะ วาดตามที่เห็น ไม่ใช่วาดตามที่คิดว่าเห็น

    ต่อไปเมื่อเราคุ้นเคยกับการวาดภาพด้วยสมองซึกขวามากขึ้น พร้อมกับนำเทคนิกทั้งหลายมาใช้ เราจะพบกับผลงานที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก อย่าเพิ่งกลับไปเปิดดูผลงานชิ้นแรกปฐมฤกษ์นะคะ

    พี่นักเขียนเอาใจช่วยทุกคนค่ะ เห็นได้ว่าวาดภาพกันแปลกตาและใกล้เคียงภาพต้นฉบับมากขึ้นแล้ว พี่นักเขียนจะรอรวบรวมจากทุกท่านก่อนนะคะ ชื่นชมผลงานของทุกท่านมากค่ะ(rose)
    (good)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...