ความจริงเกี่ยวกับ ตรีมูรติ

คุณ วิมุตติ

ผมนะเป็นคนมีศาสนา แต่ไม่เคยดูถูกเหยีดหยามศาสนาตนเองและศาสนาอื่นเหมือนพวกแก่ ที่คอยจะยกหางตัวเองว่าเป็นผู้ประเสริฐ แล้วเที่ยวสำรอกธรรมอันต้อยติ่งให้กับผู้ที่โง่เขลางมงาย พวกที่ทำลายศาสนาพุทธนะก็คือพวกแก่นี้แหละ ตัวดีนะ สันดานถ่อย คอยปรุงแต่งให้ไปตามจริตตัวเอง เที่ยวยกพุทธพจน์มากล่าวอ้าง หัวข้อกระทู้ก็ช่างปัญญาอ่อน มีแต่อคติ ดูถูกและทำลายศาสนาอื่น นี้นะหรือพุทธแท้ พุทธจอมปลอมในคราบสัตว์นรกเสียมากกว่า

 

ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูป ก็ล้วนแล้วแต่แฝงไปด้วยปรัชญาและหลักธรรมทั้งสิ้น เพียงแต่มนุษย์มีจิตปรารถนาที่จะบรรลุสมหวังในถิวีแห่งการดำเนินชีวิตของตนเสียส่วนใหญ่ ลองทบทวนดูว่าคนส่วนใหญ่เวลากราบไหว้พระ มักจะขออะไร มีสักกี่คนที่กราบไหว้พระ แล้วขอหลุดพ้นในชาติปัจจุบันนี้เทอญฯ หัดคิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะไม่ได้หลงงมงาย เที่ยวไปดูแคลนใครเขาอีก

 

มาเป็นชุดเลย เอาเถิด เอ๊ดดี้ กลับไปพิจารณาก่อนแล้วกัน สงบใจแล้วค่อยมาคุยกันใหม่นะ
เดี๋ยวจะฟุ้งเสียก่อน ก่อนจะได้ธรรม
เรื่อง สองวัดนั้น ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ทางผม จะไปทางไหนก็เป็นไปสิ แต่ไม่ใช่ทาง เพราะทางของผม คือ สายพระอาจารย์มั่น หลวงตามหาบัว ดูจิตนี้ ไม่ใช่ไปดูนรกสวรรค์ ไปดูนิพพาน นั่นไม่ใช่ทางผม
พูดแบบนี้ มันไปดูถูกดูแคลนอะไร

ส่วนเรื่องวิทยานิพนธ์ ปริญญาโท คุณ ยกมา มันก็ไม่เข้าท่า จะให้บอกว่าอย่างไร จะให้บอกว่า ดีหรือ แล้วคนมันจะรู้ไหมว่า มันไม่เข้าท่า
ผมขี้เกียจจะตอบมากกว่านี้นะ เดี๋ยวเอ็ดดี้จะสติแตกเสียก่อน
ก็ เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง

 

คุณเป็นคนมีศาสนาหรือครับ แล้วข้อความข้างล่าง หมาตัวไหนเขียนไว้ครับ ช่วยบอกที

จะพูดจาอะไร ให้มันสอดคล้องกันหน่อยสิครับ อย่าออกอาการแต๊วแตก กลับกลอก ตอแหล แบบนี้สิครับ มันทุเรศ...!!!

 

คุณวิมุตติ

แก่นั่นแหละ แต๊วแตก ตอแหล เที่ยวจับผิดไปทั่ว มีก็คือไม่มี ไม่มีก็คือมี ไม่เห็นจะหนักหัวแก่ แก่มันก็แค่คนบัดซบ ทีตัวเองผิด ไม่รู้จักดู คนลวงโลก ตอแหลชะมัดญาต ....ดูความเลวทีมันทำ....

แน่จริงก็ประกาศตัวตนตามอ้างมาซิ

 

ใจเย็นๆ กันหน่อยครับ อย่าเพิ่งด่ากัน
ต้องรักกันไว้ คนไทยด้วยกัน

 

ใครเขาอ่านก็เห็นว่า

เอ็ดดี้ ทีแรก บอกว่า ไม่มีศาสนา อยู่ในกระทู้เกี่ยวกับ ร่างทรง
ในกระทู้นี้ บอกว่า มีศาสนา

ดูสิว่า มันจะเอายังไง พูดจากลับกลอก ตอแหล เห็นๆ

แล้วเอาข้อความผมมาลง

ทีแรก ผมก็บอกว่า ปี 2540 ผมเรียนอยู่ ม 5
ต่อมา ผมก็บอกว่า ปี 2540 ผมก็เรียนอยู่ ม 5 ซึ่งก็ตรงกัน
แต่ที่ต้องเอามาพูดซ้ำ เพราะ เอ็ดดี้ ปัญญาอ่อน ฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด เพราะอ่านแล้ว เข้าใจผิดไปเอง

ใครอ่านหนังสือออก ก็น่าจะเข้าใจ

เอ็ดดี้ ไม่น่าแสดงความโง่ ของตัวเอง ออกมาเลย ควายเรียกพ่อจริงๆ แบบนี้ ยังจะหน้าด้านหน้าทน ตอบกลับมาอีกไหมเนี่ย

แล้วคำพูดของ เอ็ดดี้ ต่อไปจะเชื่อถือได้ไหมเนี่ย พูดจากลับกลอกแบบเนี้ย ปัญญาอ่อน โคตรๆ เลย...เฮ้ออออ

 

คือ ตอนนี้ เอ็ดดี้ โดนจับโกหกได้ แต่ไม่ยอมรับ เลยใช้วิธีสิ้นคิด โดยการด่ากลับ แล้วพยายามจะแสดงให้เห็นว่า ผมก็พูดจาไม่ตรงกันเหมือนกับมัน แต่จริงๆแล้ว ผมพูดจาตรงกันตลอด ใครที่อ่านก็น่าจะทราบดี

ก็พิจารณากันเองแล้วกัน...

 

คุณวิมุตติ

คุณไม่ต้องเฉไฉให้เสียกาล ประกาศมาเลยชื่อเสียงเรียงนาม ตามที่กล่าวอ้างสรรพคุณมา ไม่ต้องทำหัวตกหางจุกตูดให้เสียห.....า

 

ขออนุญาติเล่านิทานขั้นรายการ

นานมาแล้วหลายอสงไขยมหากัป มีสหาย 3 คน รักใคร่ผูกพันกันมา ไม่ว่า
ไปชาติไหนๆ ก้มักจะได้มาเจอกันเสมอ เพราะกรรมที่เคยเกื้อหนุนกันไม่ทางใด
ก็ทางหนึ่ง ภาษาที่สื่อกันก็ดูเหมือนรุนแรง แต่ไม่ติดใจ

คนหนึ่งนั้นรักการเป็นผู้กล้า เป็นสัตตบุรุษ เห็นสภาพทุกข์ของคน เพราะการ
ขาดผู้นำ ดังนั้นไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อุทิศตนเป็นแนวหน้า เวียนว่ายอยู่ในภพ
ภูมิมากมาย แต่มักพักสบายที่ สวรรค์ชั้นยามา

อีกคนหนึ่งนั้นรักการสอน เห็นสภาพทุกข์ของคน เพราะการขาดความรู้ศาสตร์
และศิลป ดังนั้นไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อุทิศตนเป็นครู เวียนว่ายอยู่ในภพ
ภูมิมากมาย แต่มักพักสบายที่ สวรรค์ชั้นดุสิต

อีกคนหนึ่งนั้นรักการยุติ เห็นสภาพทุกข์ของคน เพราะการขาดการรู้จักยุติ
ดีก็ไม่ถือ ชั่วก็ไม่ถือ ขอให้เพียงยุติ ดังนั้นไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อุทิศตนเป็นผู้ห้าม
เวียนว่ายอยู่ในภพภูมิมากมาย แต่มักพักสบายที่ นิรบาลเทพในนรกภูมิ

มีอยู่ชาติหนึ่ง สามสหายได้เกิดในเขตสัมมาทิฏฐิ เริ่มเห็นสภาพทุกข์ที่แท้
ไม่ใช่ลำพังแต่ที่เคยเห็น เคยปักใจ และเห็นการปล่อยวางที่ถูกที่ควรนั้นคือ
ที่พ้นสภาพแห่งทุกข์ จึงเริ่มเก็บบารมี วาสนามาแต่กาลนั้น ได้มากน้อยแล้ว
แต่ศรัทธา แล้วบารมีที่รู้จักกับคำว่า ว่าง แต่ดูเหมือคนที่สาม จะมีทิฏฐิเดิม
เป็นข่ายเหนียวแน่น ยากจะแกะตัวเองออกจากการเกี่ยวพัน จึงยังยึดมั่นได้
แค่เพียงได้ยินคำว่า ว่าง ศรัทธา แต่ยังไม่น้อมความเข้าใจ จึงกึ่งเคารพ และ
ไม่เคารพ

แต่ทั้งสามก็ห่วงใยกันเป็นมั่น ความกรุณา เมตตา มุทิตา จึงมีมาก ไม่อาจวาง
อุเบกขาให้กันและกันได้ เพราะกลัวอีกฝ่ายเห็นผิด ก็ยื้อยุดกันไปมา

ทั้งสามยังคนเดินหน้า เดินความสัมพันธ์ แต่ก็ห่วงกัน เลยไม่ไปไหน ยังคอยฉุด
กันอยู่ทุกวัน คนที่ใกล้ฝั่งทั้งสองก็กลัวคนไกลฝั่งจะมาไม่ทัน ก็ยิ่งกรุณา

คนไกลฝั่งเห็นคนใกล้ฝั่งห่างไปไกล ก็ยิ่งกรุณา

หลังจากผ่านภพนี้ไปอีกภพหนึ่ง ถ้าทั้งสามยังห่วงกันอยู่อย่างนี้ ก็คงเวียนว่าย
ไปพักในภูมิเดิม

จบนิทาน

 

คุณขันธ์

ขอบคุณมากที่ตักเตือน อารมณ์ดีขึ้นแล้ว พอดีไปเล่นกับห..าเข้า ห..าเลย เลีย ตูด ซวยจริงๆ

 

คุณเล่าปัง

ช่างเปรียบเปรยเสียจริง ขอให้เหล่าสามทหารเสือจงยืนหยัดต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นไว้อย่าได้เลือนหายไปจากใจ

เมื่อไรจะรามือกันเสียที ต่างคนต่างไป จะได้ไม่ต้องผูกกรรมกัน เบื่อจริงๆ

 

ประกาศไปแล้วได้อะไร ใครเฉไฉ กันแน่ล่ะเนี่ย หุๆๆๆ

งั้น ต่างคนต่างไปเนอะ อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก...

 

ได้รู้ความโง่บัดซบของแก่ไง !!!!!!!!!!

 

ประกาศชื่อเสียงเรียงนาม แล้วรู้ความโง่บัดซบได้ยังไงล่ะเนี่ย เหอๆๆๆๆๆ นี่มันโทสะบังตา ชัดๆ เลย

ท่านทั้งหลายครับ ตอนนี้ผมเจริญสติอยู่นะครับ ฟิวยังไม่ขาด เหอๆๆๆๆ

 

จะบ้าเอ่ย เพิ่งจะได้สติหรือเหนี้ย ด่าทอกันตั้งนานกาเล ตามจิตหน่อย ๆ อย่าวือหวาตามสังขาร

 

ความจริงเกี่ยวกับ ตรีมูรติ (10 คน กำลังดูอยู่) ( 1 2 3 4 5 6 7)

มันส์เหมือนกันนะนี้

ไม่ใช่ทะเลาะนะ แต่เป็นเรื่องการสอนกันและกันตามประสาพี่น้อง

คุณวิมุตติ บอกว่าดูจิตอยู่

คุณ Eddy เตือนว่า ดูจิตเฉยๆไม่ได้ ต้องรู้จักเจริญศีล เดี๋ยวกิเลสเอาไปกิน
จะกลายเป็น ศีลลัพตปรามาส

คุณ ขันท์ พี่ใหญ่ ยังหาทางเข้าอยู่ หนักใจเพราะเป็นเจ้าของกระทู้ เลยต้อง
หาทางลงแบบไม่ลำเอียง

ส่วนคนดู ก็กดเข้ามาดูกันเป็น 10

เราเหรอ ....เจ๋อ ครับ มาซุ่มดู

ก็เห็นนะว่า Eddy ก็ดูจิตเป็น แต่ไม่ศรัทธา เลยใช้ศัพท์นอกๆ
แต่ทั้งสามก็อยู่ในการปฏิบัติดูจิตนะ เพราะนักดูจิตเขาจะปล่อย
ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีการจงใจดัดแปลงวิถีชีวิต
ไม่เอาเรื่องนั่งนิ่งๆ สงบๆ เพราะมันจะไม่เห็น ธรรมชาติแบบนี้ดี
จะไม่การประครอง และไม่มีการเพ่ง แต่ก็ต้องหมั่นตรวจทาน
ศีลที่พร่องไประหว่างวัน ต้องทบทวนตามหลัง ถ้ายังดูจิตได้แบบ
ปฏิโลม ยังไม่อาจดูได้แบบอนุโลม(เป็นปัจจุบัน) ถ้าดูได้อย่างอนุโลม
มรรค8 จะสัมปยุตหมด

* * * * * *

อะไรจะเกิดขึ้น พุทธะสาธุชน ต้องมองแต่ส่วนดี

 

แล้วเมื่อไรคุณขันธ์ มาช่วยลบกระทู้ที่ตั้งนี้ไว้สักทีละ จะได้อนุโมทนา สาธุ จบๆ กันไป แต่ก็ขออย่าได้ไปตั้งกระทู้ที่มันหมิ่นเม่เช่นนี้ ก็แล้วกัน บ๊าย บาย

 

ที่ว่าท่านขันน่าจะตอบได้ดีกว่านี้ นั้นหมายถึง

ท่านขันตอบดีแล้วตามความรู้ของท่าน
แต่ ผมประเมินท่านขันสูงไปหน่อย
พอเห็นคำตอบจากสมองท่าน ผมเลยอึ้ง เผล่ออุทานออกมาดังๆว่า

ท่านขันน่าจะตอบได้ดีกว่านี้ ถ้าเป็นคนอื่น ตอบแบบไหนก็ไม่อึ้งหรอกครับ
แต่ระดับนี้แล้ว ไม่น่าจะเข้าตาจลง่ายๆนะครับ

 

ครับ...ผมว่าเราควรหยุดยั้งจิตใจของตัวเองกันก็ดีนะครับ ใครก็ได้ครับที่เริ่มหยุด เพราะการหยุดไม่ใช่การ
แพ้ แต่เป็นการชนะใจตัวเองได้ก่อนต่างหากครับ ปล่อยให้คำตอบที่แท้จริงบังเกิดขึ้นแก่ตัวของบุคคลนั้น ๆ ดีกว่านะครับ การถกเถียงมันเลยเถิดเกินกระทู้ไปพอสมควรแล้ว...อโหสิกรรมกันไปในชาตินี้
เถอะนะครับ....อนุโมทนาทุกท่าน ผมขอนุญาติปิดให้ก็ได้ถ้าไม่เป็นการขัดข้องขุ่นใจท่านใด

ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ