ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ขอบคุณค่ะ คุณ mead ที่กรุณานำข้อมูลที่น่าสนใจมาให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบกัน

พี่สุดใจก็คงมีข้อมูลเพิ่มเติม ในส่วนของภาพที่บันทึกได้ที่เขากะลา เป็นภาพการเดินทาง เข้า - ออกมิติ ของยานอวกาศจากต่างดาว ที่ใช้เส้นทางของการผ่านมิติเข้า - ออก ณ จุดประสานมิติที่เขากะลา ซึ่งเป็นภาพที่บันทึกไว้ได้และสามารถสนับสนุนข้อมูลที่คุณ mead ได้นำมากล่าวไว้ด้านบนค่ะ

ความจริงแล้วภาพดังที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นภาพที่บันทึกไว้ได้ด้วยกล้องวีดีโอ ยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนเท่าใดนัก มีเพียงผู้ที่เป็นสมาชิก และบุคคลสำคัญบางท่านเท่านั้น ซึ่งภาพดังกล่าวนี้เป็นภาพวีดีโอเคลื่อนไหว ซึ่งคุณ mead และคณะฯ ได้เคยรับชมมาก่อนแล้วที่นครสวรรค์ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อคุณ mead กรุณานำข้อมูลเรื่องของจุดประสานมิติมาให้ผู้สนใจได้รับทราบ และยืนยันว่าที่เขากะลาเป็นจุดประสานมิติจุดหนึ่งแน่นอนนั้น พี่สุดใจจึงขอนำภาพดังกล่าวนี้มาเปิดเผย ให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับชมกัน

ก็คงต้องขอบคุณ คุณ mead อีกครั้งค่ะ

 

<TABLE class=tborder id=post934215 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 10:17 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1020 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สุดใจเขากะลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_934215", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:03 AM
วันที่สมัคร: Aug 2007
อายุ: 49 ปี
ข้อความ: 323 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 5,662 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 7,144 ครั้ง ใน 328 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 747


</TD><TD class=alt1 id=td_post_934215 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ mead
"จุดประสานมิติสมบูรณ์" มีอยู่ทั้งหมดสี่จุดด้วยกัน
ซึ่งตัดผ่านโลกแห่งความเป็นจริงทุกโลก
ตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เธอรู้จัก
กล่าวได้ว่าจุดประสานมิติ เป็นต้นกำเนิดโบราณ
ดั้งเดิมของพลังงานอันน่าอัศจรรย์
และเป็นต้นกำเนิดของจุดประสานมิติหลัก
และจุดประสานมิติรองอีกมากมายเหลือคณานับ

สี่จุดหลัก และรองๆลงไป ที่ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง เดี๋ยวต้องไปค้นอีกที
ที่เขากะลา จ. นครสวรรค์นี่คงเป็นจุดประสานมิติจุดหนึ่งแน่นอนครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอบคุณค่ะ คุณ mead ที่กรุณานำข้อมูลที่น่าสนใจมาให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบกัน

พี่สุดใจก็คงมีข้อมูลเพิ่มเติม ในส่วนของภาพที่บันทึกได้ที่เขากะลา เป็นภาพการเดินทาง เข้า - ออกมิติ ของยานอวกาศจากต่างดาว ที่ใช้เส้นทางของการผ่านมิติเข้า - ออก ณ จุดประสานมิติที่เขากะลา ซึ่งเป็นภาพที่บันทึกไว้ได้และสามารถสนับสนุนข้อมูลที่คุณ mead ได้นำมากล่าวไว้ด้านบนค่ะ

ความจริงแล้วภาพดังที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นภาพที่บันทึกไว้ได้ด้วยกล้องวีดีโอ ยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนเท่าใดนัก มีเพียงผู้ที่เป็นสมาชิก และบุคคลสำคัญบางท่านเท่านั้น ซึ่งภาพดังกล่าวนี้เป็นภาพวีดีโอเคลื่อนไหว ซึ่งคุณ mead และคณะฯ ได้เคยรับชมมาก่อนแล้วที่นครสวรรค์ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อคุณ mead กรุณานำข้อมูลเรื่องของจุดประสานมิติมาให้ผู้สนใจได้รับทราบ และยืนยันว่าที่เขากะลาเป็นจุดประสานมิติจุดหนึ่งแน่นอนนั้น พี่สุดใจจึงขอนำภาพดังกล่าวนี้มาเปิดเผย ให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับชมกัน

ก็คงต้องขอบคุณ คุณ mead อีกครั้งค่ะ
</TD></TR></TBODY></TABLE>


ในวันที่ 6 ธันวาคม 2541 มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ กับบุตรสาว และ อีกท่านหนึ่งมาจากจังหวัดพิษณุโลก รวมทั้งหมด 3 ท่าน ได้เดินทางมาที่เขากะลา เพราะมีเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ เคยมาแล้วเห็น UFO ที่นี่ เป็นผู้บอกเพราะเห็นตนสนใจเรื่องนี้ ท่านจึงเดินทางมา

พี่สุดใจ คุณวาสนา คุณสมจิตร และสมาชิกอีก 2 - 3 คนได้พาขึ้นมาบนเขากะลา ประมาณ 19.00 นาฬิกา และได้เห็นวัตถุบินลักษณะแปลก ๆ ไม่มีเสียงบินผ่านไป ซึ่งก็ทำให้ท่านประทับใจ

และหลังจากนั่งรอเวลาอยู่นั้น ก็สนทนากันไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20.00 นาฬิกา มีกลมสีขาวดวงหนึ่ง จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้น เหนือสระน้ำข้างวัด ซึ่งตั้งแต่เราได้ขึ้นมาอยู่ไม่เคยมีดวงสีขาวดวงนี้ปรากฏมาก่อน

ตอนแรกคิดว่ามีบ้านไหนเปิดไฟ เพราะสีคล้ายกับแสงนีออน แต่สว่างกว่า และลักษณะกลม แต่ที่แปลกใจก็คือ ตรงจุดนี้ไม่มีบ้านคนอยู่ ตรงข้ามเป็นป่ามะพร้าว และดวงไฟก็สูงกว่าถนนมาก เมื่อเปิดสักพัก พี่สุดใจก็เลยไปหยิบกล้องวีดีโอมาบันทึกภาพ โดยมิได้ให้ความสนใจเท่าใดนัก จึงตั้งขากล้องเปิดบันทึกภาพไว้ แล้วมาสนทนากับผู้ที่มาจากกรุงเทพฯต่อ

พี่สุดใจก็ขอวาดภาพสถานที่ที่ปรากฏดวงกลมสีขาวนั้น เพื่อใช้เทียบเคียงกับ ภาพเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ได้ ซึ่งการถ่ายภาพวีดีโอนั้น ถ่ายลงมาจากเขากะลา จะเห็นสระน้ำ เห็นถนนผ่านสระน้ำ เห็นบ้านชั้นเดียวตรงข้ามสระน้ำ เห็นด้านหลังวัด ซึ่งเป็นภาพคร่าว ๆ จากการมองลงมาจากเขากะลา ซึ่งดวงสีขาวที่ปรากฏขึ้นนั้น จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในลำดับต่อไป

 

ภาพนี้ เป็นภาพที่บันทึกได้เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2541 ที่เขากะลา

ภาพบน - ( เป็นภาพวาด ) ที่แสดงถึงบริเวณที่ดวงกลมสีขาวสว่างปรากฏขึ้น

ภาพที่ 2 - เป็นภาพที่จะเห็นถนนที่มีไฟทางส่องสว่างเป็นแนวอยู่

ภาพที่ 3 - ภาพบ้านตรงข้ามสระน้ำเปิดไฟในบ้าน จึงเห็นแสงไฟจากหน้าต่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมสว่างขึ้น

ภาพชุดสุดท้าย - รถที่วิ่งผ่านถนนหน้าสระน้ำ จะเห็นว่ามีลำแสงของไฟรถ มีเงาของไฟรถสะท้อนลงน้ำ และ ดวงกลมสีขาวก็ลอยอยู่ด้านบนเหนือรถในระดับสูงด้วย

 

ไม่เห็นภาพขึ้นครับพี่สุดใจ

 

เนื่องจากภาพนี้ มีความยาวต่อเนื่องประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งพี่สุดใจเป็นคนบันทึกภาพนี้ได้เอง พร้อมพยานไม่ต่ำกว่า 8 ท่าน ซึ่งทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นั้น สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของวัตถุดังกล่าวด้วยตาเปล่าทุกท่าน ซึ่งท่านที่มาจากกรุงเทพฯ และพิษณุโลก ได้แสดงความตื่นเต้นที่ได้เห็นภาพนี้

การบันทึกภาพที่ต่อเนื่องจากวีดีโอนั้น ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายรูปแบบเกิดขึ้นจากดวงกลมดวงเดียวกัน พี่สุดใจจึงต้องหยุดภาพนิ่งแต่ละรูปแบบของการเปลี่ยนแปลง มาอธิบายเป็นช็อท ๆ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เพราะหากมีการลงภาพเคลื่อนไหวจากวีดีโอในโอกาสต่อไป ก็จะทำให้ท่านเข้าใจได้อย่างต่อเนื่องค่ะ

ภาพชุดแรก เป็นการนั่งสนทนากันอยู่บนลานดูดาว และปรากฏดวงกลมสีขาวขึ้นที่บริเวณด้านล่างเหนือสระน้ำ

1 - ครั้งแรกเป็นดวงกลมสีขาวดวงเดียว จึงบันทึกภาพไว้ ในขณะนั้น พี่สุดใจกำลังเล่าให้ท่านที่มาจากกรุงเทพฯ ทราบว่า เราไม่เคยเห็นดวงกลมสีขาวตรงจุดนี้มาก่อน แต่เราเคยเห็นสีส้มปรากฏอยู่ตรงจุดนี้ครั้งหนึ่ง วันนั้นคนขึ้นมาบนเขาหลายสิบคน ดวงสีส้มที่ปรากฏนั้นลอยอยู่ คณะของคุณอนุ ได้ขับรถลงไปด้านล่างเขาไปจอดบนถนนบริเวณสระน้ำนั้น แต่ไม่เห็นดวงไฟสีส้ม แต่คนที่อยู่บนเขาก็เห็นดวงไฟสีส้มลอยอยู่เหนือหลังคารถคันที่ลงไปจอดนั้น และคนที่อยู่ด้านล่างจะโทรมาถามคนด้านบนเขา ปรากฏว่าสัญญาณโทรศัพท์กลับไม่มีเลย ทั้ง ๆ ที่ปกติมีสัญญาณเต็มและโทรหากันเป็นปกติ
2 - ขณะที่พี่สุดใจเล่าให้ฟังว่าเคยเห็นแต่ดวงสีส้มที่จุดนี้ ดวงกลมสีขาวนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงทันที ปรากฏดวงสีส้มทับซ้อนออกมาจากดวงสีขาวนั้น ซึ่งเราทั้งหมดก็เลยลุกมายืนดูกัน และดวงสีส้มนั้นก็เคลื่อนออกไปจากดวงสีขาว แล้วหายไป ดังภาพ

ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เราคิด เราสงสัย เรากำลังสนทนากันอยู่นั้น มนุษย์ต่างดาวได้รับรู้โดยตลอด จึงสามารถที่จะกระทำในสิ่งนั้น ๆ ได้ในทันที

 

หลังจากนั้นเริ่มมีคลื่นพลังงานสีม่วง ใหลถ่ายเทออกมาจากดวงกลมสีขาวนั้น เป็นคลื่นพลังงานที่ถ่ายเทออกมาคล้ายหมอกสีขาว และมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จนกระทั่วคลุมดวงกลมสีขาวเดิมกลายไปเป็นสีม่วง

ภาพชุดบน - ความเปลี่ยนแปลงที่ค่อย ๆ มีกลุ่มพลังงานถ่ายเทออกมาคลุมดวงกลมสีขาวเดิม

ภาพล่างสุด เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างของดวงกลมสีขาวที่เกิดขึ้นแต่ทีแรก กับดวงกลมดวงเดียวกันที่ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มพลังงานสีม่วง

มนุษย์ต่างดาวบอกว่า การที่จะเดินทางเข้า - ออก มายังจักรวาลนี้ จะต้องมีการสร้างประตูมิติเชื่อมต่อกันกับจักรวาลของเราก่อน จึงจะเดินทางเข้ามาได้โดยไม่ใช้เวลามากนัก ซึ่งต่างประเทศที่ค้นคว้า อาจจะเรียกว่าเป็นอุโมงค์แสง หรือรูหนอนที่ย่นระยะทางก็ได้ แต่ที่เขากะลา มนุษย์ต่างดาวให้เรียกว่า ประตูมิติ

ดังนั้น ก่อนที่จะนำยานอวกาศเข้า - ออก ตรงจุดนี้ ก็จะต้องสร้างประตูเชื่อมต่อไปยังอีกจักรวาลหนึ่งก่อน ซึ่งเมื่อการสร้างประตูมิติเสร็จแล้ว จึงสามารถนำยานอวกาศเข้าออกไปยังจักรวาลอื่นได้

การสร้างอุโมงค์แสงเชื่อมต่อ ก่อนจะถูกสร้างขึ้นก็จะเกิดกลุ่มพลังงานกคล้ายหมอกมาปกคลุมยังบริเวณนั้นก่อน แล้วทำการเจาะทะลุไปยังจักรวาลอื่น

ซึ่งหากเราไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ก็อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น มนุษย์ต่างดาวจึงต้องให้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ในการกล่าวอ้างในอนาคตข้างหน้า

ซึ่งความจริงไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายท่านอาจเคยได้ยินกันมาแล้ว หรือได้อ่านจากหนังสือของต่างประเทศที่ว่า ตรงจุดที่มีการพบเห็นยานอวกาศ หรือจุดที่ก่อนยานอวกาศจะหายไป จะเกิดหมอกปกคลุมขึ้นบริเวณนั้น ซึ่งเรื่องต่าง ๆ จะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของกลุ่มพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสิ้น

 

เมื่อมีการเชื่อมต่ออุโมงค์ หรือประตูมิติเรียบร้อยแล้ว ก็จะมียานอวกาศปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า และลอยเข้ามาที่บริเวณหน้าประตูมิติที่ทำการเปิดแล้ว

ยานอวกาศลอยเข้าไปในประตูมิตินั้น เพื่อกลับไปยังจักรวาลของเขา

มนุษย์ต่างดาวจากโลกุกะตาปากะดิกอง ได้เคยสื่อสารกับ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ไว้เมื่อปี 2541 ว่า มนุษย์ต่างดาวที่มาประจำการเพื่อเตรียมการช่วยเหลือมนุษย์นั้น จะมีการสับเปลี่ยนกันมาเป็นประจำการ เมื่อครบกำหนดที่ต้องเตรียมงานบนโลกนี้แล้ว ก็จะเดินทางกลับไปพักที่ดาวของเขา และชุดใหม่ก็จะมารับหน้าที่แทน ซึ่งการเดินทางไป - กลับ ก็ต้องผ่านทางประตูมิตินี้ ดังนั้นการที่จะนำยานอวกาศที่เป็นวัตถุผ่านไป - มา จึงต้องสร้างอุโมงค์แสง หรือประตูมิติให้ยานอวกาศที่เป็นวัตถุเหล่านั้นผ่านเข้า -ออก

จะสร้างเป็นครั้ง ๆ ในช่วงที่ต้องนำยานอวกาศที่เป็นวัตถุ เดินทางไป - กลับ เท่านั้น

 

หลังจากมียานอวกาศลำหนึ่งได้เดินทางผ่านเข้าไปในประตูมิติแล้ว ก็ได้มียานอวกาศอีกลำ ได้เดินทางออกมาจากอุโมงค์แสงหรือประตูมิติด้วยเช่นกัน และมาจอดอยู่ด้านหน้าของประตูมิตินั้น

มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่านถนนหน้าสระน้ำนั้น จะเห็นได้ว่าลอดผ่านช่องอุโมงค์แสงหรือหน้าประตูมิตินั้น ซึ่งก็มีวัตถุเรืองแสงลำหนึ่งจอดลอยอยู่ด้วย

 

สวัสดีครับพี่สุดใจ
มา อับเดตข่าวคราว ครับ

 

เมื่อลองซูมเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเห็นว่า ด้านขวาของดวงกลมนั้นมีช่องทางสำหรับให้วัตถุผ่านเข้า - ออกได้

 

และสิ่งที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ มีร่างเรืองแสงสีเงิน แต่สว่างมากหลายร่าง เดินเรียงแถวจากบริเวณหน้าประตูมิติ แล้วเดินไปยังยานอวกาศที่จอดอยู่ด้านขวาสุด ซึ่งมีการเปิดไฟสว่างวาบเป็นสัญญาณให้เห็น

ร่างเรืองแสงทั้งหมดหลายร่าง เดินไปยังยานอวกาศลำที่จอดรออยู่นั้น เพื่อปฏิบัติภารกิจบนโลกนี้ต่อเนื่องจากชุดปฏิบัติการที่เดินทางกลับไปแล้ว

ร่างเรืองแสงทั้งหมด ผู้ที่เฝ้าดูอยู่บนเขากะลาสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

มนุษย์ต่างดาวที่เข้า - ออกมิติที่เขากะลานั้น มิได้หมายความว่าจะต้องสื่อสารกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ทุกดวงดาว แต่เพราะจุดที่เขากะลาแห่งนี้ เป็นจุดที่หลายดวงดาวต้องใช้เป็นที่ผ่านเข้า-ออกมิติกลับไปยังจักรวาลของเขา เราจึงไม่อาจทราบได้ว่าแต่ละดวงดาวนั้นมีภารกิจยังจุดใดบ้างบนโลกใบนี้

และแต่ละดวงดาวก็มีขนาดของร่างกายต่างกัน ร่างเล็กมาก ๆ ก็มี ร่างใหญ่มาก ๆ ก็มี ร่างขนาดมนุษย์ก็มี ดังนั้นขนาดของยานอวกาศจึงมีขนาดแตกต่างกันไปด้วย

มนุษย์ต่างดาวเรืองแสง ที่เดินไปขึ้นยานนั้น มีร่างกายสูงใหญ่ เป็นดาวที่ปฏิบัติภารกิจในอีกแถบหนึ่งของโลกเรา

แต่ดาวที่มากับยานลำที่จอดอยู่นั้น เป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีร่างกายเล็กมาก และยานลำที่จอดอยู่นั้นเป็นยานสำรวจ นั่งได้เพียง 1 คนเท่านั้น

ทั้ง 2 ดวงดาวที่ปรากฏให้เห็นนี้ มาปฏิบัติภารกิจบนโลกใบนี้ แต่ติดต่อกับกลุ่มอื่น ๆ เราจึงไม่ได้รับทราบรายละเอียดมากนัก แต่เขาได้ใช้สถานที่นี้เป็นการผ่านเข้า - ออกระหว่างจักรวาลของเขา และได้มีการมาแวะมาเยี่ยมเยียนมนุษย์ต่างดาวที่ปฏิบัติงานที่เขากะลาด้วย

เพราะเขากะลา ถูกตั้งให้เป็น "กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" บนโลกใบนี้นั่นเอง

 

หลังจากนั้น ดวงกลมเรืองแสงเริ่มเข้าสู่สภาพเดิม พลังงานสีม่วงที่คลุมอยู่เริ่มหายไป ประตูมิติได้ปิดแล้ว

ดวงกลมดังกล่าวจึงกลับมาเป็นดวงสีขาวเช่นเดิม และมียานอวกาศลำลูก ยังคงจอดอยู่ด้านหน้าดวงกลมนั้น และก็ยังลอยอยู่เหนือหลังคาบ้าน ซึ่งบ้านหลังนั้นมีการเปิดไฟภายในบ้าน จึงมีแสงไฟจากหน้าต่างลอดออกมาให้เห็น

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีแสงสว่างวาบใหญ่มากขึ้นเหนือหลังคาบ้านหลังนั้น และพร้อม ๆ กันนั้น ยานลำลูกที่จอดอยู่ด้านนอก ก็หายเข้าไปในดวงกลมสีขาวดวงนั้นด้วย

ทุกอย่างก็กลับมาเป็นดวงไฟสีขาวดวงเดิม เหมือนเมื่อครั้งที่ได้บันทึกได้แต่ครั้งแรก หลังจากนั้นได้มีรถแล่นผ่านสระน้ำอีกครั้ง ยังคงเห็นดวงกลมเรืองแสงลอยอยู่ ณ จุดเดิมเหมือนเมื่อครั้งบันทึกครั้งแรก

เวลาประมาณ 21.25.48 นาฬิกา ดวงกลมเรืองแสงนั้นก็ดับหายไป

ได้รออยู่จนกระทั่งเกือบ 22.00 นาฬิกา ไม่มีสิ่งใด ๆ เกิดขึ้นอีก จึงเดินทางลงจากเขากะลากัน และผู้ที่มาจากกรุงเทพฯ และพิษณุโลก ก็ได้เดินทางกลับในคืนนั้น

หลังจากวันนั้นมา ไม่เคยได้เห็นดวงไฟดังกล่าวเปิดขึ้นอีกเลย นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2541- จนถึงปัจจุบันนี้

ภาพทั้งหมด มีการบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องวีดีโอ พานาโซนิค ความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จะมีการนำมาเผยแพร่ในโอกาสต่อไป

 

ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตามอ่าน "ข้อความจากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)" อย่างต่อเนื่องตลอดมา ซี่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ เป็นการ "แจ้งเพื่อทราบ" เท่านั้น

เรื่องราวทั้งหมดที่กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา ) นำมาเสนอนั้น มิใช่เพียงแค่เห็นจานบิน เหมือนอย่างที่ต่างประเทศได้เห็น ได้ติดตามค้นหา และค้นคว้าเท่านั้น แต่ทางกลุ่มฯ ได้รับทราบเรื่องราวที่มากกว่านั้น ได้รับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ในเชิงลึกมากกว่านั้น ได้มีภาพที่อนุญาตให้เราได้บันทึกไว้ พร้อมทั้งเปิดเผยเรื่องราวต่าง ๆ มากมายหลายเรื่อง แต่มิอาจที่จะเปิดเผยได้ทั้งหมด แต่ขอให้มั่นใจว่า เขามานานแล้ว มากันมากมายหลายดวงดาว และมีการเตรียมการที่จะช่วยเหลือโลกใบนี้ในยามวิกฤตอย่างแน่นอน

พี่สุดใจก็เป็นเพียงผู้ถ่ายทอดข้อมูลที่ได้รับมาให้ท่านได้รับทราบเท่านั้น สำหรับการติดต่อสื่อสารลงมายังมนุษย์ท่านอื่น ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทางความฝัน ทางสมาธิ ทางความคิด หรือการนำยานอวกาศไปปรากฏให้ท่านได้เห็นนั้น เป็นหน้าที่ของมนุษย์ต่างดาวที่ต้องดำเนินการเอง

ขออนุโมทนากับคุณ mead ด้วยนะคะ ที่เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา มนุษย์ต่างดาวจึงได้อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนี้สู่สาธารณะ ผ่านทางกระทู้นี้ ในวันนี้

และขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดมา ขอบคุณค่ะ

 

ยินดีครับพี่สุดใจ..เรื่องราวตลอดช่วง 10 ปีมานี่มีเยอะมากๆ
จนลูกหลานพี่สุดใจตัวเล็กก็โตกันหมดแล้ว..เด็กๆเหล่านี้คงโยงสายสัมพันธ์ของเค้าด้วยไม่มากก็น้อยครับ และมีหน้าที่ในอนาคตเช่นกันแต่ตอนนี้คงยังไม่รู้ตัว ขอเอารูปน้องมิ๊นมาลงแนะนำตัวนะพี่ อนาคตของเขากะลาครับ อัทยาศัยดีและน่ารักจริงๆ ชื่นชมน่ะครับ และขอแสดงความยินดีด้วยครับที่ได้รับรางวัลในการประกวดนางนพมาศมาหมาดๆ
เปลี่ยนบรรยากาศหน่อยนะพี่ อิอิ

 

โห..คุณmead เดี๋ยวหัวบันไดบ้านพี่สมจิตรก็ไม่แห้งน่ะซิครับ เล่นเอารูปลูกสาวคนสวยเขามาลง..คริ..คริ

 

อยากดูรูป มนุษย์ต่างดาว ที่ลงมาเดินตามบ้าน คน
ดักถ่ายได้..เห็นตัวสว่าง มือยาว แบบ ดาบเจได ในหนังสตาร์วอร์
มือดาบมีพลังมาก...ถ่ายเป็น คลิ๊บเคลื่อนไหว..แต่เอาภาพมาเรียงให้ดู
ได้ เป็น ช่วงๆๆ...ของจริง..ดูได้จะ ได้ รู้ว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง..มีพลังจิตสูงมากๆๆ
ดูที่ one.pimolnews.net
เปิดที่ Power of Eyes หน้า 2 กระทู้ ที่ 000454
แล้วจะสะใจ..ที่อยากเห็นมานาน

 

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]

รูปที่หนึ่ง
แอบอยู่ทางขวาของขอบหน้าต่าง เริ่มขยับมือที่เป็นดาบเจไดออกมา สำรวจเบื้องต้นว่า มีอันตรายมั๊ย จากกล่องสีดำที่มีเสียง คลิกๆ ทุก 3 วินาที[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]

ภาพที่ 2
เริ่มยืดมือ ดาบเจได ลึกเข้ามาในกรอบหน้าต่าง เพื่อจะดูให้ชัดๆว่า กล่องดำ คืออะไร[/FONT]

 

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]
รูปที่ 3
ขยับเข้าใกล้ขอบหน้าต่างเข้ามาอีกนิด
ให้สังเกตุที่มือดาบเจได ที่เป็นแท่งยาวพอสมควร[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]

รูปที่ 4
เริ่มลดตัว
ก้มต่ำลงเล็กน้อย
จะเห็นว่าระดับมือของดาบเจได จะอยู่ในแนวเดียวกับ บ่า ของมนุษย์ เมื่อเทียบกับส่วนหัว[/FONT]



รูปที่ 5
ส่วนหัวค่อยๆโผล่ออกมา
พลังแสงเพิ่มมากขึ้น
ขอให้สังเกตุ เส้นคลื่นสีดำ ที่สาดกระจายออกไป
เป็นรัศมี โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ส่วนที่เป็นหัว

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]

รูปที่ 6

โผล่ออกมาแล้ว
ส่วนที่เป็นหัว
จะเห็นว่าตัวเขามีมวลสารน้อยมาก แต่เป็นกลุ่มแสงที่มีพลังมาก และเคลื่อนที่ได้ ไม่เห็นชัดเจนว่าใบหน้า มีปากจมูก เหมือนมนุษย์โลกหรือไม่
น่าคิดว่าไม่อวัยวะที่ว่า
เพราะมือดาบเจได คงจะทำหน้าที่ตา และมีประสิทธิภาพมาก ไม่เห็นปาก น่าจะใช้มือดาบเจไดดูดพลังงานเข้าเลี้ยงตัว เหมือนช้างที่ใช้งวงดูดเข้าปาก[/FONT]

 

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]

รูปที่ 7
คงจะรู้ว่าผิดท่า
ถูกหลอกอีกแล้ว
จึงรีบก้มส่วนที่เป็นหัวลง ให้ต่ำกว่าขอบหน้าต่าง
ให้สังเกตุในช่วงก้มลง
มีพลังแสงสาดออกมา เหมือนมี โมเมนตั๊ม (MOMENTUM]
เหวี่ยงกระจายเหมือนรถเวลาหักเลี้ยวโค้ง
แสดงว่ากลุ่มแสงนี้มีมวลอยู่ด้วยในระดับหนึ่ง
เพราะแสงปกติจะไม่ถูกเหวี่ยงโค้งหลุดออกไป[/FONT]

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]

ภาพที่ 8
ภาพสุดท้ายก่อนที่จะก้มหัวต่ำลงกว่าขอบหน้าต่าง ช่องที่แอบตั้งกล้องดักถ่ายไว้ ถ้าเเขไม่ระแวงว่าเราดักถ่าย ก็คงจะโผล่ออกมาให้เห็นทั้งตัว
คงจะน่าดูชม
โอกาสแบบนี้อาจไม่มีอีกแล้ว
เพราะเค้ารู้แล้วว่ากล่องดำที่มีเสียงคลิกๆ นี่ ท่าทางจะไม่ค่อยดี[/FONT]

โดยสุดหล่อ (กาหลิบ)

 

พี่สุดใจ วิดีโอเปิด ประตูมิติ ขอเป็นไฟล์แบบให้โหลดดูด้วยครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ