เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    2วันก่อน ฝันว่าไปดูหนัง ไปบอกพนักงานขายซื้อตั๋ว 2 ที่ ถามราคา มีพนักงานวิ่งเอาบิลมาให้ บอกว่า 13,000 บาทวันที่ 30 คุณจะจ่ายไหม ดิฉันตอบว่า ขอเป็นเดือนหน้าแทน ตืนขึ้นมา ทำไฮไลท์ไว้ตรง วันที่ 30 และ เดือนหน้า พร้อมความรู้สึกที่เกิดขึ้นในฝัน ผิดหวัง เมื่อวานได้รับเมล อาจารย์ขอเลื่อนนัดสอนจากวันที่ 30 เป็นเดือนหน้าแทน ทำให้จินตวดีผิดหวังมาก AMAZING
     
  2. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    ได้อ่านพบข้อความหนึ่งน่าสนใจมาก
    เป็นการคุยกันระหว่าง ไซม่อน กับ อ๊อก แมนดิโน่
    เรื่อง หัตถ์ของพระเจ้า

    นำมาฝากชาวห้องวิทย์ครับ

    ..........ในความเป็นจริงแล้วทุกชั่วอายุคนที่ผ่านมา พระเจ้าได้ส่งบุคคลพิเศษลงมาให้พวกเรา บุคคลผู้มีอัจฉริยะ บุคคลผู้มีความฉลาดปราดเปรื่องเหนือมนุษย์ธรรมดา ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีที่จะสื่อความเข้าใจไปในรูปแบบที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ของตน.....

    สิ่งนี้ย่อมหมายความว่า แม้ในปัจจุบันสมัยนี้ มนุษย์แต่ละคนย่อมมีความสามารถที่จะสร้างปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นในโลกได้ แต่สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดมันอยู่ที่ว่า คนส่วนมากไม่สามารถจะแปรความหมาย หรือทำความเข้าใจ
    กับข่าวสารที่พระเจ้าส่งมาผ่านอัจฉริยะบุคคลเหล่านั้นได้เลย

    ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความมืดมนแห่งปัญญาหรืออวิชชา ที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้ตาบอดจนมองไม่เห็นความสำคัญของสิ่งนั้น และเพราะพวกเขาหลงไหลอยู่กับความสำเร็จทางวัตถุ การเสพสุข และความสะดวกสบายของอารยธรรมทางวัตถุที่เป็นแบบลัทธิบริโภคนิยมนั่นเอง..............
     
  3. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    หลังๆเวลาอ่านหนังสือชุดนี้แล้วรู้สึกว่ากลางหน้าผากกระตุกๆถึงขั้นปวดเสียวเลยอ่ะครับ วันนี้นอนกลางวันไปสามชั่วโมงกว่าเพราะกลางคืนไม่ได้นอนเท่าไหร่ เท่าที่จำได้ฝันไป 6 ความฝัน พอตื่นขึ้นมารู้สึกว่าจากโลกใบนี้ไปนาน...ยังไงหว่า
     
  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-ของความฝัน

    คุณ VeggieGuy e-mail มาทวงถามพี่นักเขียนว่า ได้อ่านหนังสือ Conversation With God แล้วหรือยัง มีความเห็นอย่างไรบ้าง และขอให้ post ที่ห้องวิทย์ฯหน่อย

    วันนี้เลยต้องมาสารภาพว่า เพิ่งทำการบ้านอ่านหนังสือไปได้เพียงแค่ครึ่งเล่มเท่านั้นค่ะ เพราะกำลังติดงานวาดภาพสำหรับ artshow เดือนกุมภาพันธ์ที่จะมาถึงนี้จนหัวฟู(อีกแล้ว) คุณ VeggieGuy ก็แสนจะใจดี ไม่ได้ตัดคะแนนการบ้านพี่นักเขียนค่ะ แถมยังปลอบใจอีกว่า บางคนเวลาทานก๋วยเตี๋ยว จะทานเส้นจนหมดก่อน เก็บลูกช้ิน-ของดีไว้ทานทีหลัง

    ช่วงนี้พี่นักเขียนก็คงจะต้องรับประทานแต่เส้นก๋วยเตี๋ยวไปก่อน จนกว่าจะเสร็จ artshow เดือนกุมภาพันธ์ จึงค่อยหันไปรับประทานลูกชิ้น กว่าจะถึงวันนั้นอาจต้องเปลี่ยนชื่อไปเป็น NoodleGal ผู้รับมอบการบ้านให้อ่านหนังสือ Conversation With God มาจาก VeggieGuy

    วันนี้เท่าที่พอจะกล่าวถึงหนังสือ Conversation With God ได้และอยากจะเล่าให้พวกเราฟัง ไม่ได้เกี่ยวกับสาระในหนังสือ แต่เกี่ยวกับวิธีการที่นักเขียนคือ Neale D. Walsch ได้ข้อมูลมาเขียนหนังสือ

    วันแรกที่พี่นักเขียนเปิดหนังสือ Conversation with God อ่านไปได้ไม่กี่ประโยค ก็ระลึกถึงความฝันเก่าแก่ 5 ปีขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน ทำให้ขนลุกและเข้าใจถึงความสัมพันธ์บางอย่าง และเมื่ออ่านต่อไปก็ยิ่งขนลุก และยิ่งเข้าใจประสบการณ์ความฝัน ตลอดจนประสบการณ์ที่ตนเองได้ download ข้อมูลความรู้จากท่านอาจารย์อนาลัยมาได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก ตั้งใจว่าจะเล่าให้พวกเราฟังตั้งแต่วันแรกที่อ่านหนังสือ แต่หาบันทึกความฝันที่ว่ายังไม่พบ หามาเรื่อยๆเพราะมีบันทึกทั้งหมดหลายสิบเล่ม เพิ่งจะหาพบเมื่อเช้านี้เอง จังหวะพอดีคุณ VeggieGuy e-mail
    มาทวงถาม เป็นความบังเอิญที่มีความหมาย-อีกครั้ง

    พี่นักเขียนได้จดบันทึกความฝันนี้ไว้เมื่อ February 8, 2003 และได้ sketch ภาพประกอบไว้ด้วย เพราะว่าฝันซับซ้อนจนไม่อาจบันทึกเป็นคำพูดไว้ได้ทั้งหมด วันนี้เลย scan ภาพ sketch มาให้พวกเราดูด้วยค่ะ

    [​IMG]
    ความฝันเก่าแก่นี้เกิดขึ้นในช่วงที่พี่นักเขียนกำลัง download ข้อมูลจากความฝันมาจดบันทึกไว้มากมาย คืนนั้นพี่นักเขียนได้ตั้งจิตก่อนเข้านอนว่า ขอฝันเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริง ของโลกหรือมิติของความฝัน (I asked for a dream that explains to me about the various dimensions of the dream reality.)

    ลองดูภาพ sketch ประกอบไปด้วยนะคะ
    พี่นักเขียนฝัน(อย่างมีสติ) และตระหนักว่าตนเองกำลังนอนหลับอยู่ ณ โลกก่อนเข้านอน ณ จุดล่างสุดซ้ายมือในภาพ ซึ่งขอเรียกว่าโลกยามตื่นมิติที่ 1

    [​IMG]
    จากนั้นเห็นตนเองก้าวล่วงเข้าไปสู่โลกของความฝันมิติ A - เผชิญกับประสบการณ์อีกชุดหนึ่ง
    จากนั้นเห็นตนเองตื่นขึ้นในโลกยามตื่นมิติที่ 2 - เผชิญกับประสบการณ์อีกชุดหนึ่ง

    จากนัน้เห็นตนเองก้าวล่วงเข้าไปสู่โลกของความฝันมิติ B - เผชิญกับประสบการณ์อีกชุดหนึ่ง
    จากนั้นเห็นตนเองตื่นขึ้นในโลกยามตื่นมิติที่ 3 - เผชิญกับประสบการณ์อีกชุดหนึ่ง


    จากนั้นเห็นตนเองก้าวล่วงเข้าไปสู่โลกของความฝันมิติ c - เผชิญกับประสบการณ์อีกชุดหนึ่ง
    จากนั้นทุกมิติที่ตนได้ก้าวล่วงเข้าไป ก็ปรากฎมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมด 6 มิติ
    เหมือนดูหนัง 6 เรื่อง 6 จอพร้อมกันหมด

    เหตุการณ์ในแต่ละจอหรือมิติส่งผลกระทบจออื่นๆมิติอื่นๆอย่างฉับพลัน ไม่มีคำว่าก่อน-หลัง อธิบายตามความรู้สึกในขณะนั้นได้ว่า เมื่อมองเห็น 6 มิติ พร้อมกันหมด ตระหนักได้ว่า ตัวตนในแต่ละมิติ มีตัวตนในมิติอื่นๆเป็นตัวตนในความฝัน และเป็นตัวตนในประวัติศาสตร์ หรือตัวตนในอดีตและอนาคตพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    ไม่ว่าสติสัมปัชัญญะยามตื่นจะย้ายฐานไปจดจ่ออยู่ ณ จุดใด มิติใด ก็จะเห็นตัวตนอื่นๆมิติอื่นๆเป็นตัวตนในความฝัน ตัวตนในประวัติศาสตร์ ตัวตนในอดีตและอนาคตของตัวตนมิตินั้นๆที่จดจ่ออยู่ กล่าวได้ว่าทุกตัวตนในทุกมิติ เป็นอดีตและอนาคตของกันและกัน มีความจำหลายชุดที่ระลึกได้ถึงความหลัง และตระหนักถึงอนาคตข้างหน้า

    ประสบการณ์ความฝันครั้งนี้ เป็นที่มาของข้อมูลความรู้ที่ว่า
    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด
    จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นๆ
    พร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้น


    ซึ่งในที่นี้ จิตวิญญาณของพี่นักเขียนได้จดจ่อกับภาวะของการเป็นบุคคลตัวตนในมิติต่างๆ จดจ่อกับมิติใด ก็เป็นบุคคลผู้นั้น ซึ่งอาจเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ในอดีต หรือ ในอนาคต ในชาติภพใดๆพร้อมกันหมด

    ต้องขอย่นย่อนะคะเพราะว่าบันทึกความฝันคืนนี้ยาวกว่า 10 หน้า และส่วนอื่นๆของความฝันไม่เกี่ยวกับประเด็นที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ (ข้อมูลความรู้ที่ได้จากความฝันครั้งนี้ปรากฎในหนังสือโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ)

    ตัวตนในโลกยามตื่นมิติที่ 3 มองเห็นโลกของความฝันมิติ C (มิติที่พี่นักเขียนตีกรอบสีแดงไว้)
    ซึ่งมีชายชาวตะวันตก มีหนวดมีเคราสีเทาอ่อน มีลักษณะค่อนข้างจะเป็น country guy หรือ cowboy กำลังสัมภาษณ์บุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตนอยู่ บุคลิกภาพที่ถูกสัมภาษณ์ไม่มีรูปกายที่แน่ชัด เหมือนไม่มีตัวตน-แต่ก็เป็นได้สารพัดตัวตน ไม่มีเสียงพูด-แต่ก็ตอบทุกคำถาม ไม่ว่าชายมีเคราจะถามอะไร บุคลิกภาพที่ไม่มีตัวตนก็ถ่ายทอดคำตอบมาให้มากมาย

    พี่นักเขียนได้ยินการสัมภาษณ์ทั้งหมดชัดเจนเหมือนฟังวิทยุ หรือดู TV มีเสียงกีต้า สลับการสัมภาษณ์เป็นช่วง เพลงที่ได้ยินนั้นไพเราะมาก พี่นักเขียนเฝ้าดูการสัมภาษณ์นั้นแล้วตั้งคำถามขึ้นมาว่า ตนเองกำลังสังเกตการณ์และรู้เห็นความเป็นไปของใครอยู่ และทำไมจึงต้องรู้เห็น เมื่อตั้งคำถามก็ได้คำตอบทันทีว่า เราคือเขา เขาคือเรา ด้วยการก้าวล่วงเข้าไปเป็นชายมีเคราผู้นั้นในบัดดล

    รับรู้อย่างฉับพลันว่า เมื่อพี่นักเขียนอยู่ในโลกยามตื่นมิติที่ 1, 2 หรือ 3 และโลกของความฝันมิติ AหรือB ก็จะได้ยิน ได้รู้เห็นการสัมภาษณ์นี้ได้เสมอ และในขณะเดียวกันชายมีเคราก็รู้เห็นข้อมูลทั้งหมดที่พี่นักเขียนรับจากความฝันมาจดบันทึก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า พี่นักเขียนเอาบทสนทนาการสัมภาษณ์มาจดบันทึกความฝัน และในขณะเดียวกันบันทึกความฝันของพี่นักเขียนก็คิือบทสัมภาษณ์ของชายมีเคราและคำตอบที่เขาได้รับ

    เมื่อฝันเช่นนั้น พี่นักเขียนก็รับทราบและยอมรับโดยอัตโนมัติว่า เรามีตัวตนที่เป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติ หรือ จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดีตหรืออนาคต ที่เป็นชายผิวขาวมีหนวดมีเคราผู้นั้น ไม่ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ในขณะนั้นหรือไม่ก็ตาม เขาก็รับรู้ข้อมูลความรู้มากมายจากตัวตนที่ปราศจากร่างที่เขาไปสัมภาษณ์และถ่ายทอดมาสู่เรา ส่วนตัวเราก็รับรู้ข้อมูลความรู้มากมายจากตัวตนที่ปราศจากร่างในมิติอื่นๆและถ่ายทอดไปสู่เขา

    ในขณะที่มีความฝันชุดนี้ 6 มิติ พบว่าบุคลิกภาพที่ปรากฏในมิติต่างๆเหล่านี้มีหลายชาติภาษา
    การสื่อสารเป็นไปหลายภาษาพร้อมกันหมด โดยปราศจากอุปสรรคหรือกำแพงของภาษา ไม่ว่าจะใช้ภาษาใดก็สื่อสารกันได้หมดโดยอัตโนมัติ

    พี่นักเขียนต้องขอออกตัวว่า พี่นักเขียนไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่ วินิจฉัย หรือตีความหมายของพระเจ้าในนัยของคัมภีร์ศาสนาใดๆ แต่กำลังกล่าวถึง God ในนัยของ Walsch ซึ่งหมายถึงบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายที่เราทั้งหลายสามารถติดต่อสื่อสาร และรับถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากท่านได้ตลอดวันเวลา ซึ่งเป็นบุคลิกภาพที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับบุคลิกภาพที่พี่นักเขียนเรียกว่า ท่านอาจารย์อนาลัย

    พี่นักเขียนเชื่อว่า Neale D. Walsch ได้รับข้อมูลมาจากต้นกำเนิดเดียวกันกับพี่นักเขียน ไม่ว่าเราจะเรียกชืิ่อบุคลิกภาพที่สื่อสารกับเราว่าอะไรก็ตาม แท้จริงแล้วบุคลิกภาพนั้นๆก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นองค์ความรู้ ที่มีคำตอบสำหรับคำถามทุกคำถามที่เราหาคำตอบไม่ได้จากภายนอก

    เช้านี้พอค้นพบบันทึกความฝัน ก็เลยเข้า internet เพื่อหาภาพถ่ายของ Neale D. Walsch เพราะหนังสือที่ซื้อมาไม่มีรูปของเขา ก็ได้หน้าตาอย่างที่เห้นนี่แหละค่ะ
    [​IMG]

    วันก่อนนี้พี่นักเขียนได้แนะนำการจดบันทึกความฝันอย่างเป็นระบบไว้ให้พวกเราลองนำไปใช้ดู คุณ zip มาช่วยให้ idea เพิ่มเติมถึงการระบายสีซึ่งแสดงออกถึงอารมณ์ที่บรรยายไม่ได้ด้วยคำพูด ทำให้สามารถบันทึกความฝัน หรือบันทึกอารมณ์ได้อีกรูปแบบหนึ่ง เพราะความฝันเป็นโลกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และมีความซับซ้อนหลากมิติ จนภาษาพูดในโลกไม่อาจจะบัญญัติคำศัพท์ได้มากพอที่จะอธิบายความเป็นไปในโลกเหล่านั้นได้

    พี่นักเขียนได้อ่าน Conversation With God เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อนวัน Christmas เพิ่งได้รับหนังสือที่สั่งซื้อทาง internet จาก mail box หน้าบ้าน เลยหยิบติดมือไปเพราะจะเอารถไปตรวจสภาพที่ Kansas City และกะว่าจะไปอ่านในช่วงเวลาที่ต้องนั่งคอย พออ่านไปได้เพียง 2-3 ประโยคก็ฉุกคิดถึงความฝันและบันทึกพร้อมกับภาพ sketch นี้ได้อย่างคมชัด

    กลับมาบ้านต้องใช้เวลาค้นนานมากกว่าจะพบบันทึกหน้านี้ จำได้แต่ว่าฝันเมื่อยังอยู่บ้านหลังเก่า ประมาณได้ว่าเป็นช่วงระหว่างปี 2001-2003 แต่ก็ไม่ได้รู้วันเดือนปี วันนี้เลยต้องขอแนะนำผู้ที่จดความฝันเพิ่มอีกข้อว่า หากทำสารบัญไว้ในบันทึกหน้าหนึ่ง แล้ว hi-light ความฝันที่พิเศษๆไว้ด้วย พร้อมกับจดไว้บนหน้าปกว่าเล่มนั้นๆมีอะไรพิเศษบ้าง หรือเอาริบบิ้นหรือ book mark ทำเครื่องหมายไว้บ้าง ก็คงจะค้นได้สะดวกขึ้นมากทีเดียว หากค้นไม่พบ อาจทำให้พลาดข้อมูลบางอย่างไปได้อย่างน่าเสียดาย

    ใครยังไม่ได้เริ่มจดบันทึกความฝัน พี่นักเขียนขอเชิญชวนค่ะ
    คุณ Obniti เล่าให้พวกเราฟังว่าคุณพ่อของคุณ Obniti ได้จดบันทึกความฝันไว้มากมาย แต่ไม่ได้นำไปใช้อย่างได้ผล ไม่ทราบว่าคุณ Obnitit ยังเก็บบันทึกของท่านไว้เป็นที่ระลึกหรือเปล่า? หากยังเก็บไว้ และคุณ Obniti ลองจดบ้าง หากเรียนรู้วิธีการนำความฝันไปใช้ให้ได้ประโยชน์ แล้วกลับไปอ่านบันทึกของท่าน อาจพบว่าท่านได้ทิ้งสมบัติล้ำค่าไว้ให้ได้ศึกษามากมายก็เป็นได้นะคะ

    ที่กล่าวเช่นนี้เพราะเผชิญกับเหตุการณ์นี้ด้วยตนเองค่ะ คุณพ่อของพี่นักเขียนได้จดบันทึกไว้มากมาย และเก็บไว้ในห้องสมุดของท่าน ไม่มีใครสนใจจะนำไปอ่านเพราะเป็นเสมือนบันทึกส่วนตัวที่มีแต่ความหลัง แต่เมื่อคุณพ่อเสีย พี่นักเขียนอยากจะเก็บบางสิ่งบางอย่างที่ personal ไว้เป็นที่ระลึก จึงเลือกเก็บบันทึกและหนังสือทุกเล่มที่ท่านรัก ตลอดจน dictionary และ thesaurus ทุกเล่มที่ท่านใช้เป็นประจำทุกวันบนโต๊ะทำงานมาใช้ต่อ

    ปรากฏว่าตั้งแต่ได้อ่านบันทึกของท่าน ทำให้มีความสนใจใฝ่รู้เกี่ยวกับธรรมชาติของจิตวิญญาณ และรู้สึกกระหายที่จะอ่านหนังสือเป็นอันมาก ทั้งที่ไม่ใช่บุคลิกภาพดั้งเดิมของตนเองเลย พี่นักเขียนเป็นคนไม่รักอ่านหนังสือมาแต่เด็กๆ ชอบเล่นชิงช้า ถีบรถจักรยาน พายเรือ และเล่นอะไรก็ได้ที่ได้ตากแดดจนตัวดำปี๋ แต่หลังจากได้อ่านบันทึกและเก็บเอาหนังสือที่คุณพ่อใช้เป็นประจำมาใช้ต่อ พี่นักเขียนกลายเป็นคนรักอ่านเหมือนคุณพ่อ กลายเป็นคนช่างจดเหมือนคุณพ่อ และในทึ่สุดก็กลายนักเขียนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แหละค่ะ ซึ่งเป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณพ่อ ก่อนที่ท่านจะจากไป

    ท่านได้เขียนและแปลหนังสือตำราทางสาขาวิชาการของท่านไว้มากมาย และอยากจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับการฝีกสมาธิและจิตวิญญาณอีกเป็นเล่มสุดท้าย แต่แล้วท่านก็ไม่ได้เขียน ผู้ที่สนิทและคุ้นเคยกับงานเขียนของคุณพ่อ บอกกับพี่นักเขียนว่า พี่นักเขียนเขียนหนังสือสำนวนเหมือนคุณพ่อราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ทั้งที่พี่นักเขียนไม่ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเหล่านั้นของท่านเลยเพราะไม่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับท่านตั้งแต่เล็กๆ และเป็นหนังสือวิชาการที่พี่นักเขียนไม่ได้อยู่ในสายนั้นเลย

    ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ พี่นักเขียนเชื่อว่าเป็นการถ่ายทอดจิตวิญญาณอีกทางหนึ่ง โดยไม่ต้องถ่ายทอดหรือรับมาเช่นการรับบริจาคอวัยวะ หรือการถ่ายเลือด แต่ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดทางใดก็ตาม การถ่ายทอดจิตวิญญาณก็คือ การถ่ายทอดข้อมูลความรู้ และความทรงจำข้ามชาติภพ ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเสมอ(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  5. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ไปเดินร้านหนังสือ ทำไมไม่พบหนังสือ conversation with god ต้องไปหาที่ไหนคะ
     
  6. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ที่ร้านซีเอ็ดมีขายค่ะพี่จินต์ เอ..หรือพี่จิตดีน๊า...อิอิ ณ.ไปซื้อมาเมื่อตอนก่อนปีใหม่ค่ะ ลองสอบถามดู แต่ถ้าหนังสือหมดก็สั่งไว้ก่อนได้ ประมาณ7-15 วันก็จะได้รับหนังสือค่ะ แต่ต้องไปจองที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะ จ่ายค่าจอง 50% ค่ะ
     
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    สามสี่วันก่อนไปเดินที่ร้าน คิโนคุนิยะ สยามพารากอน ก็เห็นหนังสือเล่มนี้ แต่เล่มสองนะ อยู่ตรงหมวดศาสนาคริสต์

    ถ้าไปร้านนี้ สาขานี้ลองไปเดินดูหมวด new age ตรงหนังสือภาษาอังกฤษนะ จะมีหนังสือแนวจิตวิญญาณเพียบเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  8. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    ผมเคยเห็นที่ร้านหนังสือ แพร่พิทยา เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น 3 ครับ
    น่าจะมีหลงเหลืออยู่ แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะนานมาแล้วครับ
     
  9. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    HBD ย้อนหลังนะพี่mead
    ขอให้มีความสุขสุด ๆ ไปเลย
    คิดอะไรก็ได้ดั่งใจทุกสิ่งนะ (good)
     
  10. akara26

    akara26 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +33
    Moon Sign โหราศาสตร์ลึกลับที่ถูกถ่ายทอดมากว่าพันปี โดยพราหมณ์จากอินเดีย

    ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจในศาสตร์เล้นลับ
    เชิญท่านมาพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง สุดยอดโหราศาสตร์ Moon sign จากอินเดีย ที่สืบทอดมาเป็นพันปี ที่ไม่สามารถหาดูได้ในประเทศไทย โดยพราหมณ์ตัวจริง เสียงจริง จากอินเดียที่จะมาไขความลับให้ท่านได้รู้ถึงอนาคต และปัญหาชีวิตต่างๆ ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเคราะห์กรรม มีบุตรยาก ความรัก การงาน การเงิน และอื่นๆ ด้วยวิถีการแก้กรรมจากศาสตร์ moon sign ที่จะทำให้ท่านพลิกชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข
    ทำไมบางคนดิ้นทั้งชีวิตแล้วยังไม่รวย??? ทำไมบางคนถึงไม่มีลูก ?? ทำไมบางคนที่เกิดมามีแต่ทุกข์??? ทำไมบางคนถึงพ่ายให้แก่ความรัก

    รับปรึกษาอาทิตย์ละ 1 วันเท่านั้น ค่าดูตามจิตศรัทธา รายได้จากการดูดวงชะตาจะนำไปทำบุญสร้างวัด จองคิว โทร Khun akara 086 600 9965<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  11. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความสามารถอันลึกลับของจิตวิญญาณ

    ต้นกำเนิดของความคิดสร้างสรรค์มักมาจากโลกแห่งความเป็นจริงหลายโลก และมักจะแต้มสีด้วยความหลากหลายของโลกนั้น หนังสือชุดนี้ของฉันเป็นตัวอย่างของผลงานสร้างสรรค์ของนักเขียน ตั้งแต่ภาพวาดที่ปรากฏบนหน้าปกหนังสือ ตลอดจนสาระของข้อมูลความรู้ที่ปรากฏในหน้าหนังสือชุดนี้ ล้วนเป็นการส้รางสรรค์ที่เกิดจากระบบประสานงาน ซึ่งทำให้นักเขียนสัมผัสกับกระแสจิตในชาติภพอื่นๆ มิติอื่นๆ และเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น และถ่ายทอดเอาข้อมูลความรู้และความสามารถจากตัวตนอื่นๆของเขา ซึ่งคือตัวตนอันปราศจากรูปกายของฉัน-มาสู่เขา และเขาก็ทำหน้าที่ล่ามและเลขาผู้แปล และถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านี้มาสู่เธอผู้อ่านที่รักทั้งหลายอีกต่อหนึ่ง

    ความคิดสร้างสรรค์มักยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่ปรากฏให้เธอเห็นในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ ผลงานสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากสิ่งที่เธอเรียกว่าเป็น
     
  12. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำค่ะ คงต้องอาศํยวิธีสั่งซื้อที่ร้านเอาน่ะค่ะ เสียดายร้านหนังสือที่แนะนำอยู่กรุงเทพ ฯ จินตวดีไม่ค่อยมีเวลาไปค่ะ ไปแต่ละครั้งหนักเรื่องงานส่วนมาก เสริจงานก็กลับเลย เลยไม่ค่อยมีเวลาเดินดูอะไรเท่าไร

    ตั้งใจจะอ่านหนังสือชุดนี้ที่เหลืออีก 3 เล่มให้จบก่อน อ่านกลางคืนทีไรถ้าไม่หลับก่อน ก็มักไม่อยากหลับทุกครั้ง (พอหลับก็มักฝันว่าไปอ่านต่อในฝันทุกทีเลย) ตั้งปฏิธานไว้เลยต้องอ่านให้จบ ถ้าไม่จบจะไม่เข้ามา
     
  13. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ลืมไปเลย ตอนที่ไปเดินคิโนคุนิยะ เห็นหนังสือ the secret of the Secret ด้วย คงเป็นชื่อไทยประมาณว่า ความลับของหนังสือ The secret แต่หนังสือห่อพลาสติกไว้ เลยไม่ได้หยิบมาเปิดดู

    [​IMG]
    http://www.sassybean.com/index.php/blog/article/the_secret_of_the_secret_by_karen_kelly/karenkelly
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  14. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ความมุ่งมั่นสุดยอดเลยค่ะพี่จิต นี่ขนาดว่าไม่ค่อยมีเวลานะคะเนี่ย เคยไปหยิบ conversation with god มาดูเหมือนกันค่ะ หนังสือเค้าเล่มโตเหมือนกันแฮะ แต่หนังสือที่จ่อคิวให้อ่านนี่ยาวเฟ้ยเลยค่ะ นี่ยังนั่งมองกองเอกสารที่คุณ Figgi ทำให้อีก 100 กว่าหน้าก็ยังไม่ได้อ่านเลย โอ้ย.. หัวโตเลยค่ะงานนี้.. อิอิ.. เอาน่ะสู้ตายค๊า..
    (smile) (smile) (smile)
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    โห...ขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณขจรวรรณ..
    เมื่อก่อนไม่ค่อยรู้อะไรหรอกครับพลังก็ไม่มีครับ..พอมาเรียนเรื่องจิตวิญญาณก็เริ่มเห็นและเข้าใจอะไรมากขึ้นครับ 0-0 เน้นหาความรู้มากกว่าครับ ผลพลอยได้คือทำให้ฉลาดขึ้น รู้หน้าที่บนโลกของตัวเองและเรื่องสติปัญญาครับอันนี้ที่สำคัญที่สุด บางคนที่เค้าปฎิบัติสมาธิจริงจัง (อย่างคุณขจรวรรณ) คงสัมผัสอะไรได้มากมายกว่าผมเยอะ ผมเน้นเรียนรู้และเอามาประยุตกต์ใช้งานครับ:-

    น้องนกมา HBD ย้อนหลังขอบคุณมากครับ เกิดเมื่อไหร่กับบ้างล่ะ
    จะได้เตรียมทำเค๊กล่วงหน้าครับ+

    ช่วงนี้งานเข้ามาอีกแล้ว บ้านเมืองคงจะเข้าที่ไปอีกระยะนึง
    หนังสือยังไม่ค่อยได้อ่านมาก..แต่หยิบมาอ่านที่ไรก็จะมีคำตอบให้ทุกที
    พี่นักเขียนก็ต้องเร่งวาดรูปให้ทันงานนะครับ เอาใจช่วยครับ

    (good)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  16. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    บันทึกที่มาที่ไปของการได้มาซึ่งหนังสือดีๆ

    วันนี้พี่นักเขียนได้นำเสนอบันทึกส่วนตัวเกี่ยวกับประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ เลยขอถือโอกาสนำเสนอบ้าง แต่ก็ไม่ใช่การบันทึกในสมุดเหมือนพี่นักเขียน
    เป็นบันทึกในไฟล์คอมพิวเตอร์เฉพาะเรื่องที่น่าสนใจ และบางส่วนก็บันทึกไว้ในความจำ
    ผมเป็นคนที่ชอบซื้อและอ่านหนังสือแนวธรรมะ และจิตวิญญาณเป็นส่วนใหญ่
    และหนังสือที่ซื้อส่วนใหญ่ที่ซื้อก็ล้วนมีความเป็นมาของแรงบันดาลใจในการซื้อแตกต่างกันไป ขอหยิบมาเล่า 2 เล่มก่อนนะครับ
    1. สนทนากับพระเจ้า
    บ่ายๆ ของวันหยุดอันสุดเซ็ง หลังจากไปช่วยเพื่อนหาหอพักเสร็จ ก็ให้เพื่อนปล่อยลงไว้ที่ป้ายรถเมล์ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน แล้วก็เดินขึ้นรถเมล์ (ยังไม่รู้อีกเหมือนกันว่าจะไปไหน) จนรถวิ่งเข้าไปในตัวเมือง ผ่านร้านหนังสือ ก็ตัดสินใจลง (ตอนนี้รู้แล้วว่าจะเข้าร้านหนังสือ) แต่ช่วงขณะนั้นมีความรู้สึกว่ามึนๆ เดินแบบลอยๆ ผสมกับความรู้สึกเหมือนคนจะอาเจียร แต่ก็พยายามประคับประคองตัวเอง แล้วก็เดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านหนังสือ ณ ริมสุดของชั้นหนังสือที่ยาวเหยียดมีหนังสือเล่มหนึ่งที่สะดุดตาเข้าอย่างจัง "Conversations with god สนทนากับพระเจ้า" อะไรกันนี่ พลันหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านหน้าคำนำและปกหลัง จากนั้นก็เดินถือหนังสือออกมาชำระเงินโดยไม่คิดจะสนใจหนังสือเล่มใดอีกแล้ว จ่ายเงินเสร็จก็นั่งรถเมล์กลับที่พัก แล้วก็นั่งอ่านด้วยอารมณ์บรรเจิด (เตลิดเปิดเปิง) 5 ทุ่มกว่าๆ ก็จบเล่ม รู้สึกหัวใจพองโต และเหมือนได้เจออะไรที่ไม่ธรรมดาเข้าให้อีกแล้ว
    ตอนก่อนจะเจอหนังสือเล่มนี้ผมก็ไม่ได้คิดฆ่าตัวตายเหมือนคนเขียนนะครับ แต่โหยหา อยากรู้จักพระเจ้าที่แท้จริง เหตุการณ์นี้จึงขอคิดเข้าข้างตัวเองซะหน่อยเถอะว่าไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ
    2. หนังสือชุดของอาจารย์โนวา อนาลัย
    หลังจากที่อ่านหนังสือสนทนาฯ แล้ว ก็รู้สึกว่าหนังสือทั้งหลายที่มีอยู่ในร้านหนังสือไม่ค่อยมีความน่าสนใจ รู้สึกว่ามันพื้นๆ พูดถึงแต่เรื่องเดิมๆ เหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ บางคนก็ใช้วิธีตั้งชื่อหนังสือให้ดึงดูดใจคนอ่าน (สุดขีด)
    แต่เนื้อหาก็ไม่มีอะไรใหม่ๆ (แต่ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีประโยชน์นะครับ)
    จนกระทั่งวันหนึ่งก็ไปสะดุดหนังสือชุดนี้เข้า เปิดดูเนื้อหาผ่านๆ รู้สึกว่ามันมีอะไรคล้ายเรื่องสนทนาฯ แต่คำถามคือ มีตั้งหลายเล่ม แล้วจะอ่านเล่มไหนก่อน (วะ) นี่ หนังสือก็ไม่บอกลำดับที่ พลันก็เปิดไปหน้าคำนำ แล้วก็พบข้อความ
    "เธอจะศึกษาเล่มใดก่อนก็ย่อมได้ ยกเว้นเล่มที่มีภาคต้นและภาคปลายเป็นลำดับ เพราะข้อมูลทั้งหมดประกอบกันขึ้นเป็นกุญแจที่จะเปิดประตูสู่ธรรมชาติของโลกแห่งความเป็นจริงของจิตวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้ของเธอทั้งหลาย ผู้ที่ศึกษาจะเข้าใจในสาระเหล่านี้ย่อมจะมีความปรารถนาที่จะถ่ายทอดให้กับผู้อื่นเสมอ" โอ เหมือนเป็นการตอบคำถามแบบฉับพลัน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเริ่มต้น และหนังสือเล่มนี้ก็ไม่น่าใช่ความบังเอิญเช่นเดียวกัน
     
  17. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    ตัวอย่างเปรียบเทียบ สนทนาฯ กับ โนวา อนาลัย

    ได้บอกพี่นักเขียนไปว่าจะลอง quoat เปรียบเทียบประเด็นที่คล้ายคลึงกันระหว่างสาร์นจากหนังสือสนทนาฯ กับ หนังสือของพี่นักเขียนจากอาจารย์โนวา อนาลัย สำหรับผมแล้ว ความน่าสนใจไม่ใช่อยู่ที่ว่าเนื้อหาคล้ายคลึงกัน แต่อยู่ที่ว่า พี่นักเขียนเองยังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนั้นต่างหาก อันนี้เป็นตัวอย่างบางประเด็นเท่านั้นครับ

    เกี่ยวกับพระเจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2008
  18. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ประกาศผลสอบของตนเองค่ะ

    สั่นกระดิ่ง ประกาศผลสอบของตนเองค่ะ(rose)
    [​IMG]

    ประมวลผลพัฒนาการสมองซึกขวา
    (พัฒนาการรู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายใน)


    ให้ทุกท่านที่ร่วมวาดภาพ นำภาพทั้งหมดตั้งแต่ภาพแรกสุด มา post เรียงตามลำดับ แล้วตอบคำถามต่อไปนี้

    1. รู้สึกอย่างไรเมื่อมองดูภาพแรกสุดกับภาพสุดท้ายที่คุณวาด

    2. ในขณะที่วาดภาพแรกสุด มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอย่างไร และ
    ในขณะที่วาดภาพสุดท้าย มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอย่างไร

    4. คุณมองเห็นพัฒนาการบางอย่างในตนเองหรือไม่ อย่างไร และพัฒนาการเหล่านั้นคืออะไร (ให้อธิบายถึงพัฒนาการทางด้านอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่เกิดขึ้นเมื่อคุณมองดูภาพต้นฉับบ แล้ววาดภาพเหมือน ให้พิจารณาว่าอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเมื่อแรกเริ่ม กับ ณ วันนี้ หรือ เมื่อวาดภาพสุดท้าย เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เช่น ทำให้เรามีมุมมอง หรือทัศนคติเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่วินิจฉัยคุณภาพของภาพวาด แต่วินิจฉัยคุณภาพของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของตนเอง)

    5. คุณค้นพบคุณสมบัติอะไรในตนเองบ้างจากหลังจากได้ฝึกฝนวาดภาพ ซึ่งคุณไม่เคยพบมาก่อน

    6. คุณรู้สึกว่าตนเองได้รับพร หรือมีพรสวรรค์บ้างไหม เมื่อมองเห็นภาพวาดเหล่านี้

    7. คุณสามารถนำเอาอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คุณใช้ในการวาดภาพ ไปใช้เป็นอารมณ์ที่ตั้งอยู่ ณ ขณะจิตอื่นๆ เมื่อเผชิญกับประสบการณ์อื่นๆในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ ? อย่างไร ?

    8. กระบวนการวาดภาพด้วยสมองซีกขวาให้อะไรใหม่กับคุณบ้าง ?

    9. การวาดภาพจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม หรือความสามารถที่คุณจะใช้ต่อไปหรือไม่? รู้สึกอย่างไรกับความสามารถนี้?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  19. easymz3

    easymz3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +180
    สวัสดีครับพี่นักเขียนและเพื่อนๆทั้งหลาย
    แอบอ่านกระทู้มาได้ 2-3 วัน เริ่มตั้งแต่หน้าแรก จนถึงหน้า สิบกว่าๆทนไม่ได้ที่จะต้องคอยให้อ่านจนถึง
    กระทู้ปัจจุบันก็เลยต้องลักไก่มากล่าวคำสวัสดีกับทุกท่านก่อน
    บังเอิญจริงๆครับที่ปกติผมจะเข้าไปอ่านกระทู้ในที่แห่งหนึ่งและพบLink มาที่นี่ี้และตามไปจนถึงWeb ของพี่นักเขียน หลังจากได้อ่านอยู่ประมาณ 1วันทนไม่ไหวต้องรีบไปหาหนังสือมาอ่าน แปลกนะครับยิ่งอ่านยิ่งติด เพราะโดยปกติแล้วผมมักจะชอบการเรียนรู้ทางภาพและเสียงมากกว่าการอ่าน
    เข้ามาอ่านกระทู้แรกๆเห็นเพื่อนๆบางคนฝันแบบนู้นบ้างแบบนี้บ้าง ก็เลยอยากฝันบ้างเพราะปกติเป็นคนที่
    ไม่ค่อยฝันเท่าไรจะนอนหลับยาวๆสนิดทุกคืน เมื่อคืนก็เลยกำหนดจิตและลองดูแต่กว่าจะมีสมาธิได้ก็ต้อง
    รบกับเจ้าหมาตัวน้อยของผมจนเหนื่อยนึกอยู่ในใจว่าไม่น่าพาเข้ามานอนด้วยเลยจริงซิซนเป็นบ้าเลยครับ
    พอตืนเช้าขึ้นมาปรากฏว่าจำได้อยู่อย่างเดียวคือเห็นเด็กผู้ชายใส่เสื้อสีน้ำเงินยืนถือเต่าตัวใหญ่มากและที่สำคัญ
    ยืนยิ้มอีกต่างหาก แต่ในความรู้สึกคิดว่าเป็นตัวเรานะครับ พอสายๆกลับมีภาพภาพหนึ่งผุดเข้ามาในความคิดและในความคิดนั้นก็ดันบอกกับเราว่าเป็นความฝันของเราเมื่อคืน
    ยิ่งเล่าก็ยิ่งงงตัวเอง ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ผมบอกว่าผมไม่เคยฝันนั้นมันไม่เป็นความจริง จริงๆแล้วผมอาจจะฝันทุกคืนแต่ผมไม่สามารถจัับอารมณ์หรือเห็นภาพนั้นได้จริงหรือเปล่าครับ?
    ขอถามพี่นักเขียนและเพื่อนอีกข้อนะครับ คือช่วงนี้ผมไม่รู้เป็นอะไรผมมีความรู้่สึกว่าจิตมันนิ่งๆไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดความอยากได้เลยเช่นลองถาม
    ตัวเองว่าวันนี้อยากกินอะไรก็ไม่มีคำตอบ เห็นสาวๆหุ่นดีๆเดินผ่านก็ไม่ยักจะรู้สึกอะไรมันเฉยไปซะทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของการอ่านหนังสือกับอ่านกระทู้
    เหมือนจิตอยู่ในภวังตลอด(แอบนึกอยู่ในใจเราจะบ้าหรือเปล่าวะเนี่ย) หาคำตอบไม่เจอทั้งๆที่มีความรู้สึกว่าคำตอบมันอยู่แค่ปลายจมูก อีกนิดนะครับ ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนว่าตัวเองต้องค้นหาอะไรบางอย่างที่มันยิ่งใหญ่กว่าการปกครองประเทศยิ่งใหญ่ว่าทุกเรื่อง
    ที่เราเคยรู้สึกมาและก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ช่วยๆตอบผมทีนะครับ จะได้รู้ว่าไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว
    วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ กระทู้แรก ก็เล่นซะยาวเชียว ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นน้องใหม่ด้วยนะครับ
     
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    นักเรียนเก่าแต่ไม่แก่

    เมื่อวานนี้ พี่นักเขียนได้รับโทรศัพท์จากนักเรียนสมาธิ ซึ่งเคยมาเรียนสมาธิกับพี่นักเขียนเมื่อ 5 ปีมาแล้ว เขาเป็นชายชาวอเมริกันชื่อ Ben เป็นครูสอน Martial Art หรือศิลปะป้องกันตัว เขามาเรียนสมาธิบนเบาะกับพี่นักเขียน เพื่อจะนำไปใช้ฝึกสมาธินอกเบาะในการเคลื่อนไหวด้วยศิลปะการป้องกันตัว และถ่ายทอดการทำสมาธินี้ให้กับนักเรียนของเขาอีกทีหนึ่ง

    Ben ย้ายจาก Kansas ไปเปิดโรงเรียนสอน Martial Art ที่รัฐ Utah หลายปีมาแล้ว และไม่ได้มีโอกาสติดต่อกับพี่นักเขียนเลย เมื่อวานนี้เขากำลังเดินทางแล้วแวะเปลี่่่ยนเครื่องที่ Kansas City airport ซึ่งมีเวลาคอยประมาณสิบห้านาที เขาบอกว่าอยู่ๆก็คิดถึงพี่นักเขียนขึ้นมา จนต้องวิ่งไปใช้ internet station ใน airport เพื่อค้นหาเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรมาหาพี่นักเขียนทันที

    หลังจากที่ได้สนทนาทักทายสารทุกข์สุกดิบและแลกเปลี่่ยนข่าวสารว่าแต่ละคนได้ทำอะไรบ้างในช่วงหลายปีที่ไม่ได้พบกัน พี่นักเขียนก็บอกว่าจะส่ง weblink ไปให้เขาไปชม gallery ภาพวาด และไปฟังเพลงของพี่นักเขียนบ้าง เพราะเป็นเพียงสองอย่างที่เขาจะชมและฟังได้จาก website ภาษาไทย เขาทิ้งท้ายไว้ว่า ดีใจที่หาครูพบอีกครั้งหนึ่ง ต่อไปนี้จะขอเขียน e-mail มาหาอีกเมื่อกลับไปถึงบ้านแล้ว

    วันนี้พี่นักเขียนยังไม่ทันจะ check e-mail ก็ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจาก Ben บอกว่าส่ง e-mail มาให้แล้ว แต่เกรงว่าเขียนยาวเกินไปและทำให้พี่นักเขียนต้องเสียเวลามากที่จะต้องตอบเขา หลังจากที่เขาส่ง e-mail มาได้ประมาณ? 20 วินาทีก็เลยตัดสิินใจโทรทางไกลจาก Utah มาหา

    Ben ยังไม่เคยอ่าน Conversation With God และพี่นักเขียนก็เพิ่งจะแนะนำให้เขาอ่านบ้างตามคำแนะนำของคุณ VeggieGuy เพราะหนังสือชุดของท่านอาจารย์โนวา อนาลัยยังไม่มีภาคภาษาอังกฤษ พี่นักเขียนเคยแต่ถ่ายทอดให้นักเรียนที่มาเรียนสมาธิด้วยการ lecture ให้เขาจดเท่านั้น ช่วงนี้ก็ได้รับการสนับสนุนให้แปล ซึ่งวันนี้ก็ได้รับการคะยั้นคะยอจากนักเรียนเก่าผู้นี้อีกรายว่าให้เร่งเขียนฉบับภาษาอังกฤษให้เสร็จเร็วๆ

    พี่นักเขียนขอ Ben นำมา post เพราะเห็นว่าเป็นสาระที่พี่นักเขียนกำลังได้รับจากผู้อ่านจำนวนมาก ประเด็นหลัก หรือ ปรากฏการณ์หลักที่หลายๆคนได้รับคล้ายคลึงกัน และเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องเขียนมาหาพี่นักเขียนคือ ไม่สามารถจะเล่าประสบการณ์ให้ใครฟังและมั่นใจได้ว่า จะได้รับคำตอบที่ไม่เลวร้ายไปกว่าการถูกตำหนิว่า เป็นคนประหลาด แต่ทั้ง Ben และผู้อ่านจำนวนมากบอกว่า แม้จะถูกตำหนิ ก็ไม่อาจทำให้ปฏิเสธประสบการณ์เหล่านี้ได้ และตระหนักว่า นอกจากจะมีความหมายอย่างลึกซึ้งแล้ว ยังเป็นความจริงที่ไม่มีสิ่งใดมาลบล้างได้

    พี่นักเขียนอยากจะชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าเราทั้งหลายจะมีเชื้อชาติภาษาใด เติบโตในวัฒนธรรมใด นับถือศาสนาหรือลัทธิความเชื่อใด เราสามารถเข้าถึงธรรมชาติของความเป็นจริงอันเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณได้ด้วยการแสวงหาความรู้จากภายใน เมื่อเราพบแล้ว เราจะปฏิเสธไม่ได้ และเราจะพบว่า ความแตกต่างของเรานั้นอยู่เพียงแค่เปลือกนอก และความเชื่ออันเปราะบาง ซึ่งร่วงหล่นไปได้เสมอเสมือนใบไม้ร่วง เมื่อใดก็ตามที่ความเชื่อที่ถูกครอบงำด้วยข้อจำกัดต่างๆของสังคม วัฒนธรรม ศาสนาหรือลิทธิความเชื่อร่วงหล่นไป สิ่งที่เหลืออยู่จะเป็นเพียงความรู้ที่มั่นคงถาวร และเต็มไปด้วยอิสระภาพอันปราศจากขีดจำกัด(rose)

    [​IMG]

    Forwarded message from Ben Morris <bmorris1969@hotmail.com>
    Hi Teacher,
    Amazing is all I can say about what I'm feeling right now. You are helping me experience the force, energy, power, love, and compassion of the universe all at once right now as I write and it is experienced as JOY! Let me explain. I just went through your gallery and my experience as I was looking at them was as if I was holding my beautiful baby daughters for the first time. My heart felt amazement of the power of the universe. Then I began to listen to your compositions and that same feeling in my heart continued. I'm listening to them as I write this to you. The only way I can relate to your miracle of your recent talents is what I've recently experienced with martial arts.

    You wrote "I suddenly downloaded them through an expansive state of consciousness, while I was having conscious dreams." I use the same word "download" to explain the sudden feeling of "knowing" of things I never knew before. I say it's been downloaded from the universe. Information, knowledge or as I call it TRUTH, is being unveiled to me daily, not monthly or yearly like it used to in the past. It's a constant stream now. So that awareness has lead me to conclude and realize that I am the Universe. Another way to put it is that I am GOD. Not the Christian God perspective where God is a separate entity, but God in the sense that God is an energy just like "I" am so therefore, we are the same. We are the same because there is not a beginning or and end to God. Where does God end and I begin or where do I end and God begin? What I believe is that I am also the alpha and the omega as the bible describes "GOD." About 9 years ago I had that realization that I am a God and I wrote in my journal at that exact moment when that truth was being downloaded. I guess now I shouldn't even use the word download just because even that word represents a separateness of me from the universe. If I realize I am the universe and there is never a disconnection from it, then I can never talk or view myself in any other way but one with the universe. These words that I write are from my heart where I think the feeling of higher consciousness are realized. I "feel" my higher consciousness if you will. Wow, it really is difficult to write and say these experiences. Maybe another form of communication is coming to help people "feel" consciousness. I think maybe other languages convey feeling or experiences better. Or maybe it is through sound as in music or movement of the body as in dancing and martial arts that convey consciousness better than words. I aquired a guitar a couple years ago and I've really had the itch lately to learn to play it to give me another form of expression.

    You wrote: "You mentioned being in the state of "being" and mentioned that you have
    gone past the believing stage an on to "knowing" the infinite
    possibilities of the universe. Please share with me more about it. I'm
    certain that you contact me for a very important message, and reason."
    I am experiencing this life more and more in the state of being as the days go on. As the universe moves with ease through it's life, so am I as I move through and navigate through my life. The universe is just "being" what it is and as I realize more and more how similar I am to the universe, I am also becoming more and more in the the state of "being" as is the universe. Wow, your music really is a miracle. I see everything as a miracle now. I'm still listening to your music. Anyway, got sidetracked by your music in the background. Through my whole life, I have been given limits, parameters, and walls to my box where my life contained. Not to anyone's fault, but that is the condition almost all of us are born into. What I realize now, is my own limitations that is keeping me from being as the universe is being. There is a limitation there and this is where I may be coming to you for guidance in freeing me up from the belief that there are limitation. The infinite possibilities that is contained in the universe should be a reality to me. I feel those possibilities being revealed to me more and more everyday, but I'm still not free and I see that there is a limiting belief. For the first time in a very long time, I see "the" limitation that will keep me in my box. I know the box is bigger than it used to be, but now I've come to the very edge of my massive box and now I feel I'm ready to deal with this limitation to free myself and fully become one with the universe/God. I want to be as endless as the universe. I just want to "be."

    So, I am asking you to look at what I've written, what I've been experiencing lately and maybe tell me if there is something you can advise me to do to help me break through or just tell me that I'm on the right path and I will break through my limitation by just being on the path that I am on. Does that make sense? I'm headed towards a place I've never been, but the universal intelligence tells me that it is all possible. The place I'm going does not make me feel fear, it's just telling me to free myself of all limitations whether they are of the physical, mental or the spiritual nature. I have a thought that tells me that I must know what the limiting factor is before I can be free, but I don't know if that is true. I have that thought because I'm going where I've never been before and I don't know what is required. I've never tried to expand myself to this level. Recently I've had glimpses of what total freedom must feel like, so I know I'm heading in the right direction, but I also know that for me to fully be free and just be, I'm going to have to face something in a way that I've never deal with before. Does all this sound ambiguous to you? That's the way it sounds to me.

    There you go, I went on a bit longer this time. I think you're as amazing as the universe is and your talents have already moved me in a way that miracles move us. How I can tell you all these things so easily when I hadn't talked to you in years. Next time, transcending time and space. :)

    Thank you for being a place where I can plug into.

    Ben
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • races.jpg
      races.jpg
      ขนาดไฟล์:
      278.9 KB
      เปิดดู:
      76

แชร์หน้านี้

Loading...