ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เรื่องแขนกระตุกเมื่อ "แช่กาย 100" นี้ ให้สังเกตุดูว่า มักจะเป็นในขณะ "เคลิ้ม ๆ" ที่ กายจิต เริ่มเข้ามาแทรก แล้วกายเวทนาลดลงเหลือประมาณ 20 พอ "กายจิต" ขยับ มันจะดึง กายเวทนาแล้ว กายเวทนาก็จะดึงกายเนื้อไปด้วยกัน ส่วนกายธรรมารมณ์จะยัง "แช่คาอยู่" ในระดับความฉ่ำเย็น ให้สังเกตุดี ๆ ก็จะเข้าใจได้

    +++ จริง ๆ มันจะเท่ากับ "ลูกตา" (หลายคนเรียกมันว่า ตาที่ 3) การจะเอามันออก ต้องทำมันให้ "ถูกรู้" เสียก่อน

    +++ จากนั้น เราก็กลับมา "อยู่และเป็น สภาวะรู้" มันก็จะ "แยกและหลุด (วิมุติ)" ออกไปเองตามธรรมชาติของ สรรพเพธรรมมาอนัตตา นั่นเอง

    +++ ถูกแล้ว เพราะตรงนี้เป็น "วิญญาณะ ปัจจยา นามะรูปัง" ที่เป็น "วิญญาณ เกิดก่อน นามรูป" โดยที่สภาวะของ "วิญญาณขันธ์" ยังอยู่ในสภาพที่เป็น "พลังงาน" ก่อนที่ "รูปธรรม" จะเกิดขึ้นมาได้

    +++ ดังนั้น ในบริเวณนี้จะมีแต่ "นามธรรม ที่เป็น พลังงานล้วน ๆ" เท่านั้น
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    yimmyimmyimm
     
  3. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    มีอยู่วันนึงอ่านเรื่อง กายเนื้อ กายเวทนา กายจิต กายธรรมารมณ์ ก็อยากรู้ว่ากายทั้ง 4 นี้ ใช้งานในลักษณะ
    แบบใดได้อีกบ้าง วิธีเข้าตรงๆง่ายๆ.....

    คืนนั้นด้วยความที่นอนน้อยติดต่อมาหลายวัน ตกกลางคืนฝัน
    เหมือนมีพระหนุ่มๆขาวๆ มานั่งสอน โดยมีกายทั้ง 4 นั่งเป็นวงกลม แต่ด้วยความที่อดนอน ง่วงมาก จำวิธีไม่ได้ พอจะนึก
    ทวนว่าอย่างไร ก็ตื่นขึ้นมาซะก่อน เลยลุกไปห้องน้ำกลับมานอนต่อ ปรากฏว่าฝันต่อได้อีกเห็น กาย 4 กาย นั่งเป็นวงกลม
    เห็นกายโปร่งๆใสๆแล้วก็หลับ 555 อดเลย
    สงสัยสติอ่อน อ่อนกว่าความง่วงมากมาย.....


    เลยอยากให้อาจาร์ยสอนค่ะ เรื่องกายจิต กายธรรมารมณ์
    ตรงนี้อาจาร์ยกล่าวถึงไม่บ่อยเท่า กายเวทนา....นำไปใช้
    ในเรื่องอะไรได้อีก ทางวิชชา 3 อภิญญา 6 แบบนี้ค่ะ

    แต่อภิญญา 17 ไม่เอาค่ะ มีแล้ว ตัวกลมๆด้วย ^ ^
     
  4. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    พระทั้งสี่ น่าจะหมายถึง หลวงป้าดาว หลวงป้านัน หลวงน้องเจต หลวงน้องจ๋อมป่าว ต้องไปฝึกร่วมกันอีก
     
  5. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    ลอกมาจากเวปนี้ พิมานอากาศ: อธิบายสวรรค์ 6 ชั้น และ พรหมโลก 20 ชั้น


    พวกเราเล่นกัน ถึงสภาวะตรงนี้ ใครที่เล่นอรูป ก็กะเอาเลย จะอายุสักกี่มหากัป
    ส่วนสภาวะรู้แล้วนั้น ......ยิ่งกว่านับไม่ได้


    อรูปพรหม

    อรูปพรหม หรือ อรูปาวจรภูมิ สมัยที่โลกยังว่างจากพระพุทธศาสนา บรรดาโยคี ฤๅษี ชีไพรดาบส ที่บำเพ็ญตบะเดชะภาวนา รำพึงว่าอันว่าตัวตน กล่าวคืออัตภาพร่างกายนี้ไม่ดีเป็นนักหนา กอปรไปด้วย ทุกข์โทษหาประมาณมิได้ ควรที่ตูจะปรารถนากระทำตัว ให้หายไปเสียเถิด แล้วก็เกิดความพอใจเป็นนักหนา ในภาวะที่ไม่มีตัวตนไม่มีรูปกาย ปรารถนาอยู่แต่ในความไม่มีรูป

    อรูปภูมิมี 4 ชั้น คือ อากาสานัญจายตนภูมิ วิญญาณัญจายตนภูมิ อากิญจัญญายตนภูมิ และ เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ พรหมในชั้นนี้ไม่มีรูปร่าง มีแต่จิตเจตสิก เพราะเห็นว่าหากมีร่างกายอยู่นั้นจะมีแต่โทษ อาจจะไปทำร้ายซึ่งกันและกันได้ จึงบริกรรมด้วยความว่างเปล่า ยึดเอาอากาศซึ่งเป็นความว่างเปล่าเป็นอารมณ์ จนได้ฌานที่มีอากาศเป็นอารมณ์เรียกว่า อากาสานัญจายตนภูมิ ซึ่งมีอายุอยู่ได้สองหมื่นกัปป์ จากนั้นก็อาจภาวนาเพื่อจะได้ไปอยู่ในพรหมโลกขั้นสูงต่อไปอีกได้ อายุของพรหมเหล่านี้จะยืนอยู่ได้สี่หมื่น หกหมื่น และแปดหมื่นสี่พันกัปป์ ตามลำดับ

    ชั้นที่ 17 อากาสานัญจายตนภูมิ
    ชั้นที่ทรงอากาศไม่มีที่สิ้นสุด ที่สถิตแห่งพระพรหมผู้ได้ยึดเอา อากาศ เป็นอารมณ์ เป็นที่ตั้งอยู่แห่งพระพรหม ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยอากาสบัญญัติ ไม่มีที่สุดเป็นอารมณ์ ตั้งอยู่พ้นจากอกนิฏฐสุทธาวาสพรหมโลกไปอีก 5 ล้าน 5 แสน 8 พันโยชน์ มีอายุแห่งพรหมประมาณ 20000 มหากัป

    ชั้นที่ 18 วิญญาณัญจายตนภูมิ
    ชั้นที่ทรงภาวะวิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด ที่สถิตแห่งพระพรหมผู้ได้ยึด วิญญาณ เป็นอารมณ์ พ้นจากอากาสัญจายตนภูมิขึ้นไปอีก 5 ล้าน 5 แสน 8 พันโยชน์ วิญญาณัญจายตนภูมิ เป็นที่อยู่ แห่งพระพรหมผู้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัย วิญญาณบัญญัติ พระพรหมผู้วิเศษไม่มีรูป และปฏิสนธิด้วยวิญญาณัญจายตนวิบากจิต มีอายุแห่งพรหมประมาณ 40000 มหากัป

    ชั้นที่ 19 อากิญจัญญายตนภูมิ
    ชั้นที่ทรงภาวะไม่มีอะไรเลย ที่สถิตแห่งพระพรหมผู้ได้ยึดเอาความไม่มีอะไรเลย เป็นอารมณ์ เป็นที่อยู่แห่งพระพรหมผู้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัย นัตถิภาวบัญญัติเป็นอารมณ์ พระพรหมผู้วิเศษไม่มีรูป และปฏิสนธิด้วยอากิญจัญญายตนวิบากจิตพ้นจากวิญญานัญจายตนภูมิขึ้นไปอีก 5 ล้าน 5 แสน 8 พันโยชน์ มีอายุแห่งพรหมประมาณ 60000 มหากัป

    ชั้นที่ 20 เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
    ชั้นที่ทรงภาวะที่มีสัญญาไม่ปรากฏชัด ที่สถิตแห่งพระพรหมผู้ได้เข้าถึงภาวะมี สัญญา ก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ เป็นที่อยู่แห่งพระพรหมผู้เกิดจากฌานที่อาศัย ความประณีตเป็นอย่างยิ่ง พระพรหมวิเศษแต่ละองค์ในชั้นสูงสุดนี้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่ได้สำเร็จยอดแห่งอรูปฌาน คืออรูปฌานที่ 4 มาแล้ว มีอายุยืนนานเป็นที่สุดด้วยอำนาจแห่ง อรูปฌานกุศลอันสูงสุดที่ตนได้บำเพ็ญมา เพราะเหตุที่ตนปฏิสนธิด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนวิบากจิตทั้ง อยู่พ้นจากอากิญจัญญายตนภูมิขึ้นไปอีก 5 ล้าน 5 แสน 8 พันโยชน์ มีอายุแห่งพรหมประมาณ 84000 มหากัป
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ให้เข้าใจแบบง่าย ๆ เอาไว้ก่อนว่า กายทั้งหมด (ความเป็น ตนหรืออัตตา เรียกว่า ตัวดู) เป็นเรื่องของ รูป-นาม เท่านั้น

    +++ รูป-นาม แบ่งเป็น รูปหยาบ-ละเอียด และ นามหยาบ-ละเอียด เลยออกมาเป็น 4 ประการ และฝึกให้รู้และเข้าใจด้วย "มหาสติปัฏฐาน 4 ประการ" เช่นกัน

    +++ กายทั้ง 4 นั่งเป็นวงกลมนั้น ถูกแล้ว เพราะกายทั้ง 4 นี้ "เป็นวงจรเดียวกัน" และยามใดที่ "เป็นรู้" ยามนั้นก็จะ "รู้กายทั้ง 4 พร้อมกัน"

    +++ ที่ไม่กล่าวถึงบ่อย เพราะ กายจิต กับ กายธรรมารมณ์ นั้น "ต้องมี ฐานสมถะฌาน มาจาก กายเวทนา" เสียก่อน และเมื่อฝึกกายเวทนาได้แล้ว ก็จะได้ กายจิต และ กายธรรมารมณ์ มาเอง ดังนี้

    +++ ในขณะที่เข้า กาย100 ตรงนี้เป็น กายเวทนา ฌาน 1 โดยมี กิริยาแห่งการปรับกายเป็น "วิตก" การเปลี่ยนแปลงของกายเป็น "วิจารณ์" มี กายเวทนา เป็นลักษณะเด่น

    +++ ในขณะที่เข้า เพลิน ตรงนี้เป็น กายเวทนา50 กายจิต50 เป็น ฌาน 2 โดยมี รูปกายแห่งความเพลิน เป็น "ปิติ" เป็น "รอยต่อ" ระหว่าง กายจิต กับ กายเวทนา เป็นลักษณะเด่น

    +++ ในขณะที่เข้า สบาย ตรงนี้เป็น กายเวทนา10 กายจิต80 กายธรรมารมณ์20 เป็น ฌาน 3 โดยมี รูปกายแห่งความสุข เป็น "รูปกายสุข" มีกายจิต เป็นลักษณะเด่น

    +++ ในขณะที่เข้า เฉย ตรงนี้เป็น กายจิต80 กายธรรมารมณ์20 เป็น ฌาน 4 โดยมี รูปกายจิตแห่งเฉย เป็นลักษณะเด่น และเริ่ม "วางรูปกาย" ไปเรื่อย ๆ

    +++ ในขณะที่เข้า รู้-ว่าง แล้วกลับมา เฉย อีกที ตรงนี้เป็น กายธรรมารมณ์100 ความเป็น "กายจิตหายไป" เป็น อรูปฌาน โดยเหลือแต่ "สภาวะ" เป็นลักษณะเด่น ก่อนเข้าสู่สภาวะ "จิตเปล่งรังสี"

    +++ ให้สังเกตุว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของการใช้ กายเนื้อ สู่ กายเวทนา สู่ กายจิต และ กายธรรมารมณ์ (ตัวดู) นั่นเอง

    +++ วิชชา 3 มีต้นกำเนิดที่ เจโตปริยะญาณ คือ "รู้จิต (รูปที่ปรากฏเป็นภพ)" และรู้ "อารมณ์ของจิตนั้น (อารมณ์ที่ปรากฏเป็นภูมิ)" จากนั้นจึง "ตรึง หรือ map" จิตนั้นเพื่อรู้รายละเอียด การทำงานตรงนี้เป็นเรื่องของ กายจิต

    +++ อภิญญา 6 มีต้นกำเนิดที่ กายเวทนา หากชำนาญแล้วก็ใช้ ตัวดู (กายธรรมารมณ์) ทำ teleport ไปมาได้ และจะสะดวกกว่าอภิญญา 6 มากและรวดเร็วกว่าด้วย เพราะทั้งหมด สามารถเสร็จงานได้ภายในไม่กี่วาระจิตเท่านั้น การใช้ "ตัวดู" เป็นการทำงานของ กายธรรมารมณ์

    +++ หากใช้ "ตัวดู" เป็น จะใช้อภิญญา 170 ก็ได้ แถม "ตาปูดุ๊กดิ๊ก" ให้อีกคู่หนึ่ง แบบ แถมแจกฟรี ไม่อั้น นะครับ:p;)
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ นี่...นี่... จะขนของเล่นจนหมดร้านเลยเหรอ:p:p:p
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ โห... ยาวนิ เนวสัญญา 84000 "มหากัป" เอา จิตเปล่งรังสีดีก่านะ ข้าม "อสงไขย และ ประลัยกัลป์" ไปโลด...:cool::cool::cool:
     
  9. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    ละอย่างหนึ่งติดอีกอย่างหนึ่ง

    ลูกศิษย์ฝ่ายคฤหัสถ์ผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เข้านมัสการหลวงปู่ รายงานผลการปฏิบัติให้หลวงปู่ฟังด้วยความภาคภูมิใจว่า ปลื้มใจอย่างยิ่งที่ได้พบหลวงปู่วันนี้

    ด้วยกระผมปฏิบัติตามที่หลวงปู่แนะนำก็ได้ผลไปตามลำดับคือ เมื่อลงมือนั่งภาวนาก็เริ่มละสัญญาอารมณ์ภายนอกหมด จิตก็หมดความวุ่น จิตรวม จิตสงบ จิตดิ่งสู่สมาธิ หมดอารมณ์อื่น เหลือแต่ความสุข สุขอย่างยิ่ง เย็นสบาย แม้จะให้อยู่ตรงนี้นานเท่าไรก็ได้

    หลวงปู่ยิ้มแล้วพูด

    “เออ ก็ดีแล้วที่ได้ผล พูดถึงความสุขในสมาธิมันก็สุขจริงๆ จะเอาอะไรมาเปรียบไม่ได้ แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้น มันก็ได้แค่นั้นแหละ ยังไม่เกิดปัญญาอริยมรรคที่จะตัด ภพ ชาติ ตัณหา อุปาทานได้ ให้ละสุขนั้นเสียก่อน แล้วพิจารณาขันธ์ห้าให้แจ่มแจ้งต่อไป”

    .............................................................................................

    ปรารภธรรมเปรียบเทียบ

    จิตของพระอริยเจ้าชั้นโลกุตตระนั้น แม้จะยังอยู่ในโลก คลุกคลีกับสิ่งแวดล้อมโดยสถานใด ก็ไม่อาจจูงจิตของท่านให้ไขว้เขวเจือปนกับสิ่งเหล่านั้นได้คือ โลกธรรมไม่อาจครอบงำจิตได้เลยคือ จิตไม่กลับกลายไปเป็นจิตปุถุชนได้อีก ไม่อาจกลับไปอยู่ใต้อำนาจของกิเลสตัณหาได้อีก

    “เปรียบเหมือนกะทิมะพร้าวที่คั้นออกมาแล้ว เอาไปสำรอก หรือเคี่ยวด้วยความร้อนจนเป็นน้ำมันออกมาได้แล้ว ย่อมไม่กลับกลายไปเป็นกะทิเหมือนเดิมอีก แม้จะเอาไปปะปนระคนกับกะทิอย่างไร ก็ไม่อาจทำให้น้ำมันนั้นกลายเป็นกะทิเหมือนเดิมได้”

    .............................................................................................

    ตัวอย่างเปรียบเทียบ

    มรรคผลนิพพาน เป็นสิ่งปัจจัตตัง คือ รู้เห็นได้จำเพาะตนโดยแท้ ผู้ใดปฏิบัติเข้าถึง ผู้นั้นเห็นเอง แจ่มแจ้งเอง หมดสงสัยในพระศาสนาได้โดยสิ้นเชิง มิฉะนั้นแล้วจะต้องเดาเอาอยู่ร่ำไป แม้จะมีผู้สามารถอธิบายให้ลึกซึ้งอย่างไร ก็รู้ได้แบบเดา สิ่งใดยังเดาอยู่ สิ่งนั้นก็ยังไม่แน่นอน

    ยกตัวอย่างเช่น เต่ากับปลา เต่าอยู่ได้สองโลกคือ โลกบนบกกับโลกในน้ำ ส่วนปลาอยู่ได้โลกเดียวคือ ในน้ำ ขืนมาบนบกก็ตายหมด

    วันหนึ่ง เต่าลงไปในน้ำแล้ว ก็พรรณนาความสุขสบายบนบกให้ปลาฟัง ว่ามันมีแต่ความสุขสบาย แสงสีสวยงาม ไม่ต้องลำบากเหมือนอยู่ในน้ำ

    ปลาพากันฟังด้วยความสนใจ และอยากเห็นบก จึงถามเต่าว่า บนบกนั้นลึกมากไหม เต่า มันจะลึกอะไร ก็มันบก

    เอ บนบกนั้นมีคลื่นมากไหม มันจะคลื่นอะไร ก็มันบก

    เอ บนบกนั้นมีเปือกตมมากไหม มันจะมีอะไร ก็มันบก

    ให้สังเกตดูคำที่ปลาถาม เอาแต่ความรู้ที่มีอยู่ในน้ำมาถามเต่า เต่าก็ได้แต่ปฏิเสธ

    “จิตปุถุชนที่เดามรรคผลนิพพาน ก็ไม่ต่างอะไรกับปลา”

    .............................................................................................

    ภายนอกกับภายใน

    เมื่อเย็นวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๔ หลังจากหลวงปู่กลับจากราชพิธีในพระราชวัง กำลังพักผ่อนอยู่ที่พระตำหนักทรงพรต วัดบวรนิเวศฯ

    มีท่านเจ้าคุณซึ่งเป็นนักปฏิบัติภาวนาองค์หนึ่งเข้าไปเยี่ยมสนทนาธรรมกับหลวงปู่ ขึ้นต้นด้วยคำถามว่า เขาว่าคนที่เป็นยักษ์ในชาติปางก่อน กลับมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้นั้น เรียนคาถาอาคมอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์ไปทุกอย่าง เป็นความจริงแค่ไหนครับผม

    หลวงปู่ลุกขึ้นนั่งฉับไว แล้วตอบว่า

    “ผมไม่เคยได้สนใจเรื่องอย่างนี้เลย ท่านเจ้าคุณเคยภาวนาถึงตรงนี้ไหม หสิตุปบาทคือกิริยาที่จิตยิ้มเอง โดยปราศจากเจตนาที่จะยิ้ม เกิดในจิตของเหล่าพระอริยเจ้าเท่านั้นไม่มีในสามัญชน เพราะพ้นเหตุปัจจัยแห่งการปรุงแต่งแล้ว เป็นอิสระด้วยตัวมันเอง”

    กราบนอบน้อมธรรมะพ่อแม่ครูบาอาจาร์ยหลวงปู่ดุลย์ค่ะ....


    + อภิญญา 6 มีต้นกำเนิดที่ กายเวทนา หากชำนาญแล้วก็ใช้ ตัวดู (กายธรรมารมณ์) ทำ teleport ไปมาได้ และจะสะดวกกว่าอภิญญา 6 มากและรวดเร็วกว่าด้วย เพราะทั้งหมด สามารถเสร็จงานได้ภายในไม่กี่วาระจิตเท่านั้น การใช้ "ตัวดู" เป็นการทำงานของ กายธรรมารมณ์

    หากใช้ตัวดูเป็น.........

    ทำอย่างไรคะ
    แล้วถ้าเราอยากให้ ตัวดู ตัวจิตส่งออก ตัวฌาน
    กายธรรมารมณ์ ตัวพลังจิต .....มีพลังมากๆ ควรฝึกเพิ่มตรงไหน ลดอะไร

    เพราะเมื่อคืนปลีกตัวไปนั่งข้างนอก มีจิ้งจกร้อง 3ทิศ แล้ววน
    มาที่ตัวที่ 1 ร้องอีกรอบ จึงหยุด .....ระยะห่าง4-5 เมตร แต่ไม่เห็นตัว จะเกี่ยวกับกาย 4 กายหรือเปล่าน๊า.....
     
  10. ธรรมอยู่

    ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    อาจารย์คะถ้าหนูจะบริจาคเลือดให้คนจะเป็นยังไงคะ ปกติถ้าเจอที่เค้ารับจะเข้าไปทันทีค่ะ ถ้าสุขภาพพร้อม ตอบทาง pm ก็ได้ค่ะอาจารย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มีนาคม 2015
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ "ตัวดู ตัวจิตส่งออก ตัวฌาน กายธรรมารมณ์ ตัวพลังจิต" ทุกตัวที่กล่าวมานี้ คือ "ตัวเดียวกันทั้งหมด" เพียงแต่ แยกอธิบายตามอาการ ตามความเหมาะสม เท่านั้น

    +++ "ตัวดูจางคลาย ขยายตัว กลายเป็น กายเวทนา" จากนั้น เร่งให้เป็น "กาย100" ตรงนี้ จะมีพลังมากที่สุด และจะมีขนาดใหญกว่าขณะที่เป็น ตัวดู มาก

    +++ ให้ค่อย ๆ สังเกตุดูจากการทำ "จิ้มรู้" แล้วปล่อยให้ตัวดูเกิด จากนั้น "ขยายตัวดู ให้เป็น กายเวทนา แล้ว เร่ง 100" ก็จะชัดเจนได้เอง นะครับ

    +++ ให้สังเกตุจุดของการร้อง หากสมมุติว่า ร้องด้านหน้าก่อน แล้ว วนไปด้านขวาของเรา แล้วไปด้านหลัง แล้ว ไปด้านซ้าย อาการตรงนี้คือ "การทำทักษิณาวัตร" ต้องสังเกตุให้ดี แต่ตรงนี้ ไม่เกี่ยวกับ 4 กาย ให้สังเกตุให้รอบคอบ นะครับ
     
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ให้บริจาคได้ตามปกติ นะครับ
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เมื่อวานมีคน "จบ" อีก 1 ราย เป็นคนนอกเวปพลังจิต ใช้เวลา 1 ช.ม. เท่านั้น คนนี้ได้กายเวทนามาก่อนแล้ว 6 เดือน พอมาถึงก็ไล่เรียง วสี 5 พอได้ก็เข้า "สรรพเพธรรมาอนัตตา" จากนั้นก็ "เป็นรู้" ได้เลย ปีนี้รวมรายสุดท้ายก็เป็น 5 รายแล้ว นะครับ
     
  14. ธรรมอยู่

    ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    ใครคะอาจารย์หนูรู้จักไหม :cool:
     
  15. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    "ที่จริงพระอรหันต์ทั้งหลายท่านไม่ได้รู้อะไรมากมายเลย เพียงแต่เจริญจิตให้รู้แจ้งใน ขันธ์๕, แทงตลอดในปฏิจจสมุปบาท, หยุดการปรุงแต่ง, หยุดการแสวงหา, หยุดกริยาจิต มันก็จบแค่นี้ เหลือแต่ บริสุทธิ์ สะอาด สว่าง ว่าง มหาสุญตา ว่างมหาศาล"

    หลวงปู่ดุลย์ :))) จิตยิ้ม
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ไม่รู้จักหรอก ผมเองก็เพิ่งพบครั้งแรก โบทพามา ก็เลยลองไล่ กายเวทนา ดูปรากฏว่าทำได้ ก็เลยเพิ่มวสี 5 ก็ทำได้เลย จากนั้นก็เลยทำ สรรพเพธรรมาอนัตตา แล้วก็เป็น "รู้" ไปเลย สรุปคือ "ม้วนเดียวจบ" เท่านั้นเอง
     
  17. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    ฝึกภาคสนาม กายส่วนกาย รู้ส่วนรู้

    ฝึกภาคเคลื่อนไหว ไม่ได้นั่งหลับตาปี๋น่ะ

    วิ่งค่ะ ประสบการณ์การวิ่งของดาวที่ฟิตเนส สมัยก่อน วิ่ง 20 นาที ต้องมีหอบแฮ่กๆ แล้ว วิ่งสลับเดินอีก หายใจทางปากไม่ทัน (tm-love)(tm-love)(tm-love) หัวใจเต้นแบบแทบกระโดดได้

    วันนี้ กำหนด รู้อยู่ ที่กายวิ่งและหูฟัง พยามยามให้รู้อยู่แค่นั้น คราวนี้กลายเป็นว่า วิ่งได้ 55 นาที ความเร็ว 5.9 ของเครื่องวิ่ง การวิ่งเสถียรมาก แบบว่า ตัววิ่งไป แล้วรู้อยู่ที่วิ่ง หัวใจเต้นระดับปกติ ลมหายใจระดับเบา ไม่มีอาการฟืดฟาด หมาหอบแดด แต่อย่างใด ลงจากลู่วิ่ง ตัวเบามาก อาการเบาเดินเหมือนลอยได้ สังเกตุว่าไม่มีอารมณ์ไหนเข้ามากระทบใด ความเบื่อ ความเหนื่อย ต่างๆ ไม่มี แค่ รู้อยู่ กับ กายมันทำงาน แยกกัน

    ต่อไปจะทุบสถิติของการวิ่งใหม่


    ใครอยากลองบ้าง กีฬาสมาบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2015
  18. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    พึ่งนึกได้ เคล็ดลับวิชานี้เคยเห็นมาก่อนกับตา


    หลับส่วนหลับ กรน ส่วน กรม รู้อยู่ ว่าหลับ รู้อยู่ว่า กรน รู้อีกด้วยใครคุยกัน มีคนถามก็กรนไปด้วย ตอบไปด้วยได้อีก รู้อีกว่าในใจชาวบ้านคิดอะไรในใจด้วย
    :cool:
    :cool::cool::cool::cool::cool:

    :cool:
     
  19. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    หลับส่วนหลับ กรน ส่วน กรม รู้อยู่ ว่าหลับ รู้อยู่ว่า กรน รู้อีกด้วยใครคุยกัน มีคนถามก็กรนไปด้วย ตอบไปด้วยได้อีก รู้อีกว่าในใจชาวบ้านคิดอะไรในใจด้วย

    ^ ^

    คุ้นๆ นะคะ........อาการนี้

    ^ ^
     
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ คราวหน้าใช้ "จิ้มรู้" ขณะวิ่ง แล้วเปรียบเทียบดู ว่าจะมี "ความแตกต่างกันอย่างไร" ในขณะที่มัน "สว่างแบบสุด ๆ" แล้วสังเกตุ "ความเบาของร่าง" ประกอบกันไปเป็นระยะ ๆ

    +++ ให้ลองทั้ง 3 แบบ คือ

    1. เป็นกาย 0
    2. เป็นรู้ เฉย ๆ
    3. ขณะจิ้มรู้

    +++ คราวหน้าจะส่งไป "โอลิมปิกนิก" นะ หย่อยดี (||)(||)(||)
     

แชร์หน้านี้

Loading...