มีใครเคยเจอแบบนี้ม่างครับ

คนแต่ละคนนะ ใครทำอย่างไรก็ได้รับผลอย่างนั้น ก็ไม่พ้นแม้แต่ตัวเราเอง
ส่วนคนอื่น หรือใครทำอย่างไรไว้ เราไม่รู้ไม่เห็น จะไปทับถมเขาไม่ได้หรอก
ถ้ามันจริงก็เป็นกรรมของแต่ละคนนะ

 

ประเด็นคือ.....ที่คุณห้ามใจไม่ได้น่ะ....อะไรเป็นตัวไปกระทำ..ต่างหาก

 

ท่านทั้งสองคนเข้ากันเป็นปลี่ เป็นขลุ่ยเลยนะ พอข้าพเจ้าถามทางโทรศัพท์
มีอะไรจะแนะนำบ้าง ก็บอกดีทุกอย่าง ไม่เห็นบอกข้อเสียให้ปฏิบัติเลย
ท่านนพกานต์ นะคะ สาเหตุไม่แนะนำ แล้วเอามาประจานทางเน็ตจะให้คิดอย่างไร
เราถามท่านทุกอย่างหรือไม่

 

คุณก็รู้ท่านศรีอารย์ ว่าเราปราถนาอะไรอยู่
คุณก็รู้ว่าเราคิดว่าสิ่งนั้นคือะไร
คุณก็รู้นี่คะว่า เราทำอย่างไรหากเราเดินสายนี้เราจะไม่ตกเป็นทาสของมัน
หากเราไม่กำหนดฝึกเรียนรู้ ให้เห็น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คุณจะละมันเมื่อ
มันต้องการได้หรือ ในเมื่อใครหรือคุณ จะเดินทางสายนี้

 

อย่ารีบมโนคับผมไม่ได้พูดถึงคุณพี่คับ จริงๆข้อเสียนะคับ ผมบอกไปหมดแล้วคับ. ปัญหาคือคุณพี่จำไม่ได้เองคับ.
ผมก็บอกทุกคนแระคับ จะระลึกได้เป่าเป็นอีกเรื่องครับ
เรื่องอะไรถ้าไม่เกี่ยวกับเราก็อย่าส่งจิตไปร่วมครับขี้เกียจมาพิมพ์อธิบาย
เอาความเร็วในการมโนปรุงแต่งเองแบบนี้มาจับพวกกระแสที่มัน
คอยแหย่จิตเราจะเป็นประโยชน์มากกว่าครับ

 

ปล่อยไปก่อนท่าน ยายนี่เรื่องมโนไปเองนี่ มันถนัดนัก มันหยุดตัวเองไม่ได้หรอก อิอิ..มันมีเชื้อน่ะ

 

คุณนพกานต์เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่าคะ ขอโทษนะที่พูดตรง
ว่าจะไม่ใช้สันดานเดิมแล้วนะ แค่เมื่อวานจะจำไม่ได้เชียวหรือคะ

เราไม่อยากใช้คำรุนแรงเลยสันดานเราไม่ดี เพียงแต่ว่าเราไม่รู
จะพูดอย่างไร ถ้าอย่างนั้น ท่านก็ว่าเราปลิ้นปล้อนซิคะ

ให้ใครก็ได้นะที่มีตาทิพย์ ย้อนไปดูนิสัยเกี่ยวกับการพูด การตร
ความจริงของเราก็ได้ ว่าเราขั้นไหนนะคะ

 

ติงต๊องหว่ะ......แก
ไปอยู่กับ จาวาเถอะไป๊...ชิ้วๆ

 

เวลาใช้สันดานเดิม ให้รู้ทัน การใช้มั่งนะ....อย่าเพลิน

 

ไงท่านนพ กสิณไฟ กับ กสิณน้ำแข็ง ของผม พอใช้ได้มั้ยครับ อิอิ
ตอนนี้ กสิณน้ำแข็งอยู่ ก่อนหน้านี้ กสิณไฟ...ทดสอบๆ

 

นี่แหละท่าน สุภาษิตว่าไว้ ทำได้ อย่าอวดเก่ง อย่าทำตัวเด่น จะเป็นภัย
ข้าพเจ้าเพิ่งรู้ความจริง

ทุกอย่างต้องจบด้วยความจริง และเหตุผลคะ มาคุยกันเลยคะ
ดิฉันจะได้รู้เสียทีว่าตัวเองเลวอย่างไร จะได้ปรับปรุง

ถามว่าณ ขณะนี้ใครเป็นคนเริ่มต้นก่อน ถ้าดิฉันไม่มาตอบแล้วจะคิดอย่างไร

ถ้าปราถนาดีจริงจึงไม่แนะนำทางโทรศัพท์ เพราะจะถามทุกครั้งเสมอ

 

ไม่ต้องมาไล่หรอกคะท่าน เราจะอยู่กับใครก็เป็นสิทธิ์ของ
เราเคยพูดเสมอว่า ต่อให้ดับเบิ้ลสุดยอดแค่ไหน ก็ไร้ซึ่งความหมาย
หากไร้ซึ่งความจริงใจแล้ว สามารถที่จะฆ่ามิตรได้เสมอ
หากเพียงแค่เข้าในผิด แล้วผลมันจะเป็นอย่างไรต่อไป
แค่นี้เราก็เข้าใจแล้ว

 

มันเริ่มมั่วละ...คำว่าอวดเก่ง....ไม่ได้หมายถึง เลว..แต่มันแปลเองเรียบร้อย..เนี่ย คนโง่มันจะเป็นแบบนี้แหล่ะ.....มันมโนเอาเองทั้งนั้น.....ดูต่อไปๆอิอิ

 

อยากรู้ไปส่องกระจกดูเอาเองนะ....ไม่มีมิตรๆ มีแต่คนบ้า คนอวดดี คนขันแตก

อิอิ

 

เนี่ย พูดผิดเข้าข้างตนเองแล้ว...แกจะไปอยู่กับใคร มันเป็นของแก ตั้งแต่เมื่อไหร่

ถามคนที่แกจะไปอยู่กับเขาหรือยัง ว่าเขาอยากให้แกอยู่ด้วยมั้ย

 

เนี้ยะท่านก็มโนเอาเอง ไม่ตอบอย่างนี้จะให้ตอบอย่างไรละคะท่าน

ข้าพเจ้าจะไม่ต่อความยาวสาวความยืดแล้วละคะ

เพียงปกป้องสิทธิของตนเอง

ข้าพเจ้าถามตนเองว่าข้าพเจ้าเป็นมารไหม

ข้าพเจ้าคิดทำร้ายคนอื่นหรือไม่

ที่ผ่านมาข้าพเจ้ามีปัญหาขัดแย้ง

กับท่านอื่นเพราะคิดว่าข้าพเจ้าอวดเก่งกว่าเขา

ขออภัยและอโหสิกรรมทั้งสองท่าน

อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

ข้าพเจ้าคิดเสียว่า เราต่างให้บททดสอบแก่กันก็แล้วกัน

เรื่องนี้มันจะไม่ค้างคาใจของข้าพเจ้าแน่นอน

 

อ้าวประกาศตัวเป็นพระเอก ซะงั้น....ผมมันดาวร้ายเว้ย

 

คือความเชื่อเดิมของ เรา ของผมเนียะ
บางที่เราจะเริ่มอยากจะออกไปนอกเหนือ นอกขอบเขตความเชื่อเดิม
ที่เราเคยเชื่อ ว่านี่คืออรหันต์ นี่คือ มรรค คือผล คือนิพพาน
เหมือนกะว่าเราทำอยู่นี่ทู่ซี้และงมงาย

ทางแรกคนก็จะให้ เราทู่ซี้ทนเชื่อแบบเดิม ต่อไปห้ามเปลี่ยน

สำหรับผมเสนอ ให้ไปเอาความเชื่อเดิมออก
ประมาณว่าไปคืนขันธ์
หลายท่านในนี่เวลาบอกธรมนี่เหมือนปล่อยแสงเฮ้าก่วงได้
แบบว่าสว่างอย่างกะพระมาโปรด แต่พอมาอารมณืใจ ที่เรายึดเอาไว้ จะเป็ฯต้องยึดว่าคือเรา
โหย.... เจ้าตัวก็รู้ตัว ทำไมเรามีวุฒิภาวะทางอารมณืต่ำนักหว่า

ผมขอเสนอ เหตุผลอย่างนี้ๆๆ ถือว่าด้นเดา
บุคลิกที่ สามารถรับความคาดหวังที่สูงเยี่ยมนั้นๆ เราก็ได้ยึดเอาว่าคือเรา
และบุคลิกที่ไม่สามารถรับความคาดหวัง เริ่มรับไม่ไหวแล้ว เราก็ยึดว่าคือเรา

เราต้องให้บุคลิกใดบุคลิกหนึ่งของเรา ในนี่คือผู้ชนะ

เราต้องเลือกหนึ่งในบุคลิกของเราเป็ฯประธานหนะ เป็ฯคนกำหนดแทน
อย่าไปให้พระผู้เป็นเจ้าอะไรกำหนด มันแบกรับความคาดหวัง ที่ต้องเหาะเหินเดินอากาศ เดินบนน้ำ

ไม่มีใครรับไหว

ขันธ์ที่อย่างผมเคยไปรับมา จะทำให้ฝันชัด ฝันแม่น
เวลาโดนของ โดนไสยะ บางที่จะแช่ม..... ชื่น.... โปร่งซะงั้น

มันกลับด้านหนะ ไปรับขันธ์มาเหมือนเราเป็ฯกระเป๋า
แล้วปลิ้นเอาด้านในออกมา
เวลาผัสสะอะไรมันก็จะ ระบุพิกัด กลับด้านกะคนอื่นเสมอ

เหมือนกะมีคนสองคนในร่างเดียว
อีกคนหนึ่งเขียนหนังสือ ผ่านการมองกระจก
อีกคนหนึ่งอ่าน หนังสือกลับด้าน
แล้ว เราและเราสองคนต้องคุยกัน
เพราะสำนักที่ฝึกกรรมฐาน บังคับเราและเรา
มีสติ เราและเราต้อง ชี้อุปปาทานให้กันและกัน

เหนื่อยฉิบ

 

คือเช่น
ผมเนียะมีประมาณสองบุคลิก
บุคลิกหนึ่ง ต้องการับความคาดหวังได้ ปราถนาว่า คนอื่นๆคาดหวังว่าเราจะต้องบินได้ อะไรงี้

อีกบุคลิกหนึ่ง ก็คือคนธรรมดา มันคือไอ้คนบ้านๆเลวๆธรรมดานี้เอง

เราและเรา
แต่ละบุคลิกก็จะเห็ฯว่าอีกบุคลิกหนึ่งคือ ดารานักแสดง

ถ้าเราไปรับขันธ์
จะมีหนึ่งในบุคลิกนี่ มีลักษณะพิเศาตาม สำนัก ขันธ์ที่เราไปรับ

เวลาเราต้องคุยกะเรา เพราะสำนักกรรมฐาน บังคับนี่นา
ให้เราต้องไปคุยกะเรามา
เราเริ่มสับสน
เพราะว่าสำนักกรรมฐานคาดหวังไว้ว่าเราและเรา ต้องคุญกันเรื่องนี้ๆๆๆๆๆๆๆ
นั้นๆๆๆๆๆ

เท่านั้น

ถ้าโดนบังคับอย่างนี้
ต้องให้บุคลิกใดๆๆๆ หนึ่งๆๆๆ ในนั้น
เป็ฯคนกำหนด ให้หมด
ปรกติบุคลิกที่ไปรับขันธ์มาจะพ่อใหญ่ พ่อรวย เมิงรู้มะว่ากูลูกใคร

 

เนียะๆๆ
ผมก็กำลังคุญกะอีกบุคลิกของผมอยู่
ผมก็พยายามดน้น น้าว ให้มันเห็ฯตรงตามผม

ซึ่งมันก็ทำอย่างนั้นกะผมเช่นกัน

ก็กลายเป็นเราและเราเหนี่ยวกัน
ตามหลักที่ว่า เราและเราต้องเตือนกัน ตามหลัการของการฝึกสติ

เธอเนียะเล่นบทพ่อพระเธอมีอุปปาทาน เพราะเกิดจากตัญหาประกอบกันเกินสองชิ้นนะ

ไอ้ตัวพ่อพระก็บอกลงมาว่าไอ้คนเลว เธอก็คิดว่าตัวเองเลว มีความสุขความเจริญกะความเลว
เพราะคิดไปเองนะ

ไรงี้
ถ้าเรามีบุคลิกแบ ไปโดน สิ่งแปลกปลอมภายนอก บงการซะรุนแรงมาก

ก็จะมีปรกติคุยกันไม่ได้อยู่แล้ว
แถมยังต้องมานั่นสอบอารมณืกรรมฐานกันอีก

จะเอามรคผลนิพพานอีก