ไขปริศนา เงื่อนงำ ที่ตั้ง "ชมพูทวีป" และ "ลังกาทวีป" ตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 8 พฤษภาคม 2016.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เมื่อวาน (7 พ.ค.) ผมหยิบ DVD สารคดีตามรอยพระพุทธเจ้า มาดู โดย สุ่มหยิบ Disc4 มาเปิดดู เลือก ตอนสุดท้าย "ไขปริศนาการค้นพบอันยิ่งใหญ่"

    เปิดดูไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะ ออกบวช จนมาตรัสรู้ที่ พุทธคยา...ในสารคดี ทำภาพกราฟฟิก เส้นทางจากกบิลพัสดุ์ มาถึงพุทธคยา....โดยอธิบายว่า 2 จุดนี้ อยู่ห่างกัน 200 กิโลเมตร...

    ผมคิดว่า...นี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำ ความโง่ ของคนที่เชื่อตาม โดย ละทิ้งคำของ "พระพุทธเจ้า คำของพระอรหันต์ ที่ท่าน บอกเล่าและบันทึก ทั้งในพระไตรปิฎก และอรรถกถา"

    เพราะอะไร...ลองมาอ่าน สมมติฐานของผม และ "สิ่งที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก และอรรถกถา"

    คราวนี้ มาดู ข้อสมมติฐานของผม ครับ

    สมมติฐาน เส้นทางเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์จาก กบิลพัสดุ์ ถึง อนุปิยอัมพวัน แคว้นมัลละ แล้วเสด็จสู่พระนครราชคฤห์ จาก พระไตรปิฎกและอรรถกถา
    เวลาที่พระชนมายุ ๒๙ พรรษา พระมหาสัตว์ทรงทิ้งจักรวรรดิราชย์ที่ตกอยู่ในพระหัตถ์ ไม่ทรงเยื่อใยเหมือนก้อนเขฬะ เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์อันเป็นสิรินิวาสแห่งจักรพรรดิ เมื่อดาวนักษัตรอุตตราสาฬหะเพ็ญเดือนอาสาฬหะ เสด็จออกจากพระนคร ได้มีพระประสงค์จะทรงแลดูพระนคร ในลำดับแห่งความตรึกนั่นเอง ภูมิประเทศนั้นก็แปรเปลี่ยนไปเหมือนจักรแป้นหมุนทำภาชนะดินแก่พระองค์.
    พระมหาสัตว์ทรงยืนอยู่อย่างเดิม ทอดพระเนตรกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงกระตุ้นม้ากัณฐกะให้บ่ายหน้าไปตามทางที่พึงไป แสดงเจดียสถานชื่อกัณฐกนิวัตตนะ ที่ม้ากัณฐกะหันหน้ากลับ ณ ภูมิประเทศนั้น เสด็จไปด้วยสักการะยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุให้เกิดสิริอันโอฬาร.
    ครั้งนั้น เมื่อพระมหาสัตว์กำลังเสด็จไป เทวดาทั้งหลายชูคบเพลิงจำนวนหกล้านดวงข้างหน้าพระมหาสัตว์นั้น ข้างหลังก็หกล้านดวงเหมือนกัน ข้างขวาก็หกล้านดวง ข้างซ้ายก็เหมือนกัน เทวดาพวกอื่นๆ อีกก็สักการะด้วยพวงมาลัยดอกไม้หอม จุรณจันทน์ พัดจามรและธงผ้าห้อมล้อมไป สังคีตทิพย์และดนตรีเป็นอันมากก็บรรเลงได้เอง.
    พระโพธิสัตว์เสด็จไปด้วยเหตุที่ให้เกิดสิริอย่างนี้ เสด็จหนทาง ๓๐ โยชน์ผ่าน ๓ ราชอาณาจักร ราตรีเดียวเท่านั้นก็ถึงริมฝั่งแม่น้ำอโนมา.
    ...
    พระโพธิสัตว์ครั้นบวชแล้วทรงยับยั้งอยู่ในอนุปิยอัมพวันซึ่งมีอยู่ในประเทศนั้น ๗ วัน ด้วยความสุขอันเกิดจากบรรพชา แล้วเสด็จดำเนินด้วยพระบาทสิ้นหนทาง ๓๐ โยชน์โดยวันเดียวเท่านั้น ได้เสด็จเข้าไปยังกรุงราชคฤห์. ก็ครั้นเสด็จเข้าไปแล้ว ก็เสด็จเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอก.
    .......
    [๓๓๗] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ที่อนุปิยนิคม
    ของพวกเจ้ามัลละ ครั้งนั้น พวกศากยกุมารที่มีชื่อเสียงออกผนวชตามพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงผนวชแล้ว ฯ
    ...
    ลำดับนั้น พระเจ้าแผ่นดินแคว้นมคธพระนามว่าพิมพิสาร ผู้อันเหล่าพาลชนนึกถึงได้ยาก ผู้มีเขาพระเมรุและเขามันทาระเป็นสาระ ผู้ทรงเป็นแก่นสารแห่งสัตว์ ทรงมีความตื่นเต้นเพราะการเห็นที่เกิดเพราะได้สดับคุณของพระโพธิสัตว์เหล่านั้น ทรงรีบเสด็จออกจากพระนคร บ่ายพระพักตร์ตรงภูเขาปัณฑวะ เสด็จไปแล้วลงจากพระราชยาน เสด็จไปยังสำนักพระโพธิสัตว์ อันพระโพธิสัตว์ทรงอนุญาตแล้วประทับนั่งเหนือพื้นศิลา อันเย็นด้วยความรักของชนผู้เป็นพวกพ้องทรงเลื่อมใสในพระอิริยาบถของพระโพธิสัตว์ ทรงได้รับปฏิสันถารแล้ว ทรงถามถึงนามและโคตร ทรงมอบความเป็นใหญ่ทุกอย่างแด่พระโพธิสัตว์.
    พระโพธิสัตว์ตรัสว่า ข้าแต่พระมหาราช หม่อมฉันไม่ประสงค์ด้วยวัตถุกามหรือกิเลสกาม หม่อมฉันปรารถนาแต่พระปรมาภิสัมโพธิญาณ จึงออกบวช.
    พระราชาแม้ทรงอ้อนวอนหลายประการ ก็ไม่ได้น้ำพระหฤทัยของพระโพธิสัตว์ จึงตรัสว่า จักทรงเป็นพระพุทธเจ้าแน่ จึงทูลว่า ก็พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าแล้วโปรดเสด็จมาแคว้นของหม่อมฉันก่อน แล้วเสด็จเข้าสู่พระนคร.
    .....
    ระยะทางระหว่าง พระนครกบิลพัสดุ์ ถึง อนุปิยอัมพวัน 30 โยชน์ 480 กิโลเมตร
    ระยะทางระหว่าง อนุปิยอัมพวัน ถึงราชคฤห์ 30 โยชน์ 480 กิโลเมตร
    ระยะทางระหว่าง พระนครกบิลพัสดุ์ ถึงราชคฤห์ 60 โยชน์ 960 กิโลเมตร
    อนุปิยอัมพวัน เป็น สวนป่าไม้มะม่วง ของ พวกเจ้ามัลละ
    ข้อสมมติฐาน..คือ
    1. พระนครกบิลพัสดุ์ อยู่ที่ เมือง Thaton ประเทศเมียนมาร์
    2. อนุปิยอัมพวัน เป็น สวนป่าไม้มะม่วง อยู่ในพื้นที่ "อำเภอ ท่าม่วง" จังหวัดกาญจนบุรี
    3. แม่น้ำอโนมานที ก็คือ แม่น้ำแม่กลอง
    4. พระนครราชคฤห์ อยู่ที่ ในหุบเขา อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ในหุบเขา ที่ล้อมรอบอยู่
    เส้นทาง จึงเป็นดังที่จำลองขึ้น โดย กูเกิล แมพ ตามที่แสดงครับ

    https://www.facebook.com/thanabodee.tace/posts/932081806909262
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2016
  2. misu

    misu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +3,172
    เพ้อเจ้อ....แต่งหนังสือขาย...หลักฐานโบราณวัตถุอยู่ที่อินเดีย..
     
  3. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ไม่ขายแล้วนะครับ โหลดได้ฟรี..ที่

    ชุมนุมฟื้นธรรมฟื้นไทยแห่งยุคหลังกึ่งพุทธกาล

    พึงใช้ "ปัญญา" ครับ "โบราณวัตถุที่มี ใช่ว่า จะชี้ที่ไหนๆ แล้วกล่าวตู่ว่า เป็นโน่น เป็นนี่" โดย อยู่ไม่ถูกที่ ถูกทาง อย่างนั้น เขาเรียกว่า "มั่ว" ครับ..
     
  4. 12qv

    12qv Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +26
    ก็เป็นทฤษฎีของเอก กี่ปีๆก็ย่ำอยู่กับที่ นั่งทางในมั่ง เอามือไปแปะต้นโพธฺิ์แล้วร้องไห้มาบอกว่านี่ไงที่ตรัสรู้มั่ง หนักสุดคือบอกโบราณวัตถุจะโผล่มาเอง เอากะมัน ถ้านี่คือทางที่ใช้ปัญญาแล้ว ก็อย่างที่บอก เอาที่เอกสบายใจเลย
     
  5. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    แล้วไม่ลองใช้ "ปัญญา" พิจารณาตามที่ ฝรั่งบอกสิครับ ว่า เกิดอะไรขึ้น...เรื่องปีติเป็นเรื่องเฉพาะตนครับ แต่การค้นหา มีข้อมูลเรื่อง ทิศทาง ระยะทาง อ้างอิงจากพระไตรปิฎก และอรรถกถา ไม่ใช่จากการนั่งทางใน หลับฝัน แล้วไปตามหา ดังที่เข้าใจครับ...อยากเห็นสติ และปัญญา ของท่านในการพิจารณา มากกว่า ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2016
  6. 12qv

    12qv Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +26
    .....แล้วอาจารย์ก็ถามกลับมาที่ผม ถึงที่มาของการมาค้นหาต้นโพธิ์นี้ เมื่อมาถึงที่แล้วนี่ คิดว่า คงจะต้องบอกไปตามความจริงแล้วหล่ะคราวนี้ ?ที่มาหาต้นโพธิ์ที่นี่ ก็เพราะว่า คิดว่า บริเวณนี้ จะเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าครับ? ครั้งนี้ ท่านอาจารย์ ปราณีสมชื่อ คือไม่สั่งให้หยุดรถและขับกลับ แต่พูดขึ้นว่า ?เอ้อ ลองไปดู จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร?

    เมื่อเราไปถึงที่ต้นโพธิ์ ยังไม่ทันที่ลุงชุบจะได้ปูเสื่อเพื่อนั่งสวดมนต์ ท่านอาจารย์ปราณีก็ได้ใช้มโนมยิทธิถามตรงองค์เสด็จพ่อพระพุทธเจ้า แล้วก็บอกกับคณะที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันว่า ?ใช่แล้ว สถานที่นี้เป็นที่ที่พระสมณโคดม มาบำเพ็ญเพียรและตรัสรู้ที่นี่? ท่านอาจารย์พูดทั้งยังสงสัยว่า ไปบอกใครแล้วจะมีใครเขาจะเชื่อหรือเปล่า?....




    ข้างบนนั่นแหละ วิธีหาสถานที่ตรัสรู้แบบเอก 555
     
  7. 12qv

    12qv Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +26
    [​IMG]


    การใช้ปัญญาหาสังเวชนียสถานแบบเอก 5555 โคตรจะเก่งกว่าใครเลย เดี๋ยวโผล่มาเอง 555+
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lie.jpg
      lie.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.2 KB
      เปิดดู:
      2,274
  8. kasemsri

    kasemsri สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    รู้สึกจะเคยไปตั้งกระทู้ในพันทิป โดนต้อนจนหัวปั่นเรื่องที่ในพระไตรปิฎกมีหลายตอนเกี่ยวกับหิมะ และบางตอนก็เป็นฤดูเจาะจงซึ่งเมืองไทยไม่มี แกก็แถไปมา หนักเข้าแกบอกว่าไม่คุยด้วยแล้วเพราะคนคอมเม้นต์ตั้งชื่อแทนตัวไม่เป็นมงคล ผมยังขำไม่หาย แล้วนายนี่ก็โกรธแล้วไปฟลัดตั้งกระทู้รัวๆเป็นสิบได้ เดี๋ยวที่นี่คงได้เห็นการฟลัดตั้งกระทู้เป็นสิบแน่ๆ แกไปบอร์ดไหนก็ทำแบบนี้แหละ
     
  9. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    นั่นอาจจะเป็นเพราะ ในกระทู้นั้น ผมไม่ได้เขียนย้อน ย้อนไป ก่อน 5 มีนาคม 2547 และกระบวนการ ตั้งแต่ปลาย ปี 2546 จนถีง ต้นมีนาคม 2547 ที่ กระจัดกระจายใน กระทู้ หรือ ในข้อเขียนส่วนอื่นครับ เหตุการณ์ ในวันที่ 13 สิงหาคม 2550 เกิดขึ้น หลังจากที่เดินทางไปสืบค้น พิกัด เกือบ 3 ปี และเกิดขึ้น หลังจาก ที่ได้ไปทำพิธีบวงสรวงสมโภชน์หน่อโพธิ์ตรัสรู้ ในวันที่ 18 เมษายน 2547

    จึงขอ ถือโอกาสนี้ เรียนเพิ่มเติมครับ ว่า จุดเริ่มต้น เกิดจาก การตั้งสมมติฐานว่า ถ้า พระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี คือ "สถานที่ปรินิพพาน" ตามที่ บรรพชนของเรา บันทึกเอาไว้ เป็นจริง

    ผมจึงได้ใช้ ระยะทาง จากอรรถกถา คือเหตุการณ์ที่ พระเจ้าอชาตศัตรู อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากกุสินารา ไปสู่พระนครราชคฤห์ เป็นระยะทาง 25 โยชน์ 400 กิโลเมตร มาเป็นตัวกำหนดรัศมีหรือขอบเขตที่ตั้ง ของเขตพระนครราชคฤห์..

    และค้นความสัมพันธ์ ระยะทางระหว่างเมืองอื่นๆ อีก มาเพื่อมาค้นหา ความน่าจะเป็นของที่ตั้ง เมือง และสถานที่ต่างๆ

    ด้วยวิธีการนี้ นี่เอง ที่ทำให้ผมพบว่า ที่ตั้งของ เมือง สถานที่ ในอินเดีย-เนปาล มีความขัดแย้งกับพระไตรปิฎก และอรรถกถา...ครับ

    ดังตัวอย่างที่ยกมาตั้งกระทู้นี้ คือที่ตั้งของ กบิลพัสดุ์ กับ พุทธคยา ที่ ราชคฤห์ ซึ่ง มีข้อขัดแย้ง เป็นอย่างยิ่ง กับในพระไตรปิฎก และอรรถกถา นั่นเองครับ

    เพราะฉะนั้น ต่อให้ค้นพบ "โบราณวัตถุ" ในประเทศไทย-พม่า ต่อให้มีจารึกว่า สถานที่นั้น เป็นที่ประสูติ ที่ตรงนี้เป็นที่ตรัสรู้ แต่หากระยะทาง ทิศทาง ไม่สอดคล้องต้องตรงกับ พระไตรปิฎกและอรรถกถา ผมก็ไม่สามารถเชื่อตามจารึกนั้นได้ เพราะ อาจเป็นเพียงสถานที่จำลอง

    เช่นเดียวกับที่มีเพื่อนสมาชิก หลายท่าน พูดถึง "โบราณวัตถุ" ที่มีการค้นพบที่อินเดีย-เนปาล แล้ว "มีการตั้งสมมติฐาน" ว่า เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ "ม่ตรงกับ พระไตรปิฎกและอรรถกถา ผมก็ไม่สามารถเชื่อตามจารึกนั้นได้ เพราะ อาจเป็นเพียงสถานที่จำลอง เช่นกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2016
  10. บุรณัง

    บุรณัง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมจะเล่าเรื่องวงในเกี่ยวกับกลุ่มนี้ให้ฟัง ผมอยู่ในเหตุการด้วย เกิดมาสองสามปีได้มั้ง คือตัวใหญ่คนหนึ่งของกลุ่มนี้แหละไปพล่ามๆๆๆเรื่องพวกนี้ให้เพื่อนผมฟัง ผมก็ฟังมานานมากเลย ไม่ค่อยเชื่อหรอกแต่เห็นอายุมากกว่ามากเลยยอมๆไป
    แต่ไอ้เพื่อนผมนี้ก็ดันติดตามพันทิปและอยู่ในกลุ่มหว้ากอที่มีหมอแล้วก็พวกอาจารย์หลายคน ติดต่อจนเป็นเพื่อนกัน คุยไปมาเลยรู้ว่าคำแสลงของกลุ่มนี้มีสามคำ คือ หิมะ
    สิงโต แล้วก็อูฐ คือคำพวกนี้มันมีในพระไตรฯ เช่นหิมะก็มีเป็นฤดู มีตอนนึงคลุมพระพุทธเจ้าจนขาว, สิงโตก็ต้องมีชุกชุมในพุทธประวัติจนพระพุทธเจ้า
    บัญญัติไว้ว่าห้ามฉัน, อูฐก็มีใช้หลายแห่ง ยกตัวอย่างว่าเป็นคำด่าเลย เหมือนเราเรียกตามบ้านเราว่าไอ้ควาย สามคำนี้แหละในพระไตรฯของแสลงเลย คำอื่นมีเป็นล้านแปลได้ แต่พอมาถึง
    สามคำนี้ดันมีปัญหา คนกลุ่มนี้เลยพิรี้พิไรอ้างนั่นอ้างนี่

    มาว่ากันต่อ เพื่อนผมเลยบอกพี่คนนั้นไปว่า ตอนนี้มันว่างอยู่จะไปทำธุระ ชวนพี่คนนั้นไปด้วย แล้วมันก็ขับรถพาพี่คนนั้นไป ปรากฏว่ามันขับไปมหาธาตุวิทยาลัย วัดมหาธาตุแผนกบาลี
    ผมนี่นั่งขำเลย คือบ้ากับบ้าเจอกัน พี่นี่ก็หนีไม่ออกต้องตามมันไป แล้วมันก็ไปขอพบพระใหญ่สุดเลยของวันนั้น บอกเรื่องราวไปว่าแปลกันถูกมั้ย หิมะ
    สิงโต แล้วก็อูฐนี่ พระท่านก็บอกว่าหิมะนี่บางที่อาจจะใช้คำอื่นแทนได้ในตอนหนึ่ง แต่ตอนพระพุทธเจ้าโดนหิมะคลุม แล้วก็ตอนอื่นนี่ต้องหิมะแบบปุยๆแบบเมืองนอกอย่างเดียวเลย ส่วนสิงโตกับอูฐนี่แปลจากบาลี
    มาเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย มันบังคับอย่างชัดเจน พี่นี่ก็ออกอาการแถนั่นแถนี่ จนพระท่านบอกเลยว่ามันต้องแปลไปแบบนั้นแหละโยม พี่เค้าเลยยอม

    หลังจากนั้นมันก็บอกพี่คนนี้ไปว่า ผมให้พี่เลือกเลยว่าจะไปสถาบันไหนดีที่จะไปพบนักวิชาการที่จะให้ความจริงว่า เมื่อ2500กว่าปีก่อน ในประเทศไทยมีหรือไม่มี ไอ้อูฐแล้วก็สิงโตนี่ เพราะมันมั่นใจว่า
    ที่มันศึกษามาสิงโตจะมาอยู่เป็นฝูงๆในไทยไม่มี ซากอะไรก็ไม่มี งานวิชาการก็ไม่มี อูฐก็เหมือนกัน แต่ที่สถูปสาญจีมันไปเห็นมายังมีรูปคนขี่อูฐเลยขนาดตั้งสร้างมาเป็นพันสองพันปี มันไปอินเดียก็ยังเห็นอยู่
    ส่วนหิมะก็ไปกรมอุตุฯหรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้อง ไปพิสูจน์กัน ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตัดสินชี้ขาดตามหลักวิชาเฉพาะด้านของเขา เหมือนที่มาหาพระถามเรื่องคำบาลี

    พอดีตอนนั้นเย็นแล้ว เพื่อนผมเลยบอกว่าเดี๋ยวไปกันพรุ่งนี้ แล้วก็พาพี่ไปส่งที่รถของเขาแล้วพี่เขาก็ขับกลับบ้าน รุ่งขึ้นมันโทรไป พี่บอกติดธุระ โทรไปอีกวันบอกยังหาที่ๆจะไปไม่ได้ ตอนหลังโทรไปไม่รับเลยแต่ลองเปลี่ยนเบอร์อื่นโทร
    ดันรับแล้วก็เหมือนเดิม ติดนู่นติดนี่ ตอนปีใหม่ที่ผ่านมาเห็นผมแกเดินหายไปเลย ขนาดเพื่อนผมไม่ได้ไปด้วย

    คุณเอกอิสโรจะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะ พิสูจน์ให้หลุดจากสามคำนี่ก่อน เสียเวลาแป๊ปเดียว ไม่ต้องไปขุดอะไรให้ยุ่งยากด้วย ยังไงเดี่ยวจะไปบอกมันให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2016
  11. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    แป้บนึงนะครับ...จริงๆ อาจจะไม่ตรงกับ หัวข้อกระทู้ ที่ตั้งไว้ และอยากให้ช่วยกันวิเคราะห์ และพิจารณา

    แต่เมื่อ ยกเรื่อง หิมะ อูฐ ลา มา..เพื่อจะมาหักล้าง สมมติฐานกลับ...และผมก็ก็เคยถามกลับไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้คำตอบ..

    เรื่อง การแปล คำเฉพาะ หลากหลายคำ ที่ผมก็ถามกลับ ไปว่า ที่อินเดียมีมั๊ย แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบที่ชื่นใจ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ของกิน เครื่องใช้ เครื่องดนตรี มีมาก 3 คำ คือ หิมะ อูฐ ลา แน่

    แต่ เอา 3 คำ คือ หิมะ อูฐ ลา นี่ก่อน...รบกวนคุณบุรณัง นี่แร่ะ..ค้นในพระไตรปิฎกและอรรถกถาให้ผมหน่อยครับ

    ว่า หิมะ อูฐ ลา มีอยู่ในแว่นแคว้นใดบ้าง ในสมัยพุทธกาล ไม่เอาสมัยชาดก นะครับ เพราะ เพื่อจะได้มาเทียบไงครับว่า แคว้นที่ผม วางตำแหน่งไว้ จะมี หิมะ อูฐ ลา หรือไม่?

    บางอย่างที่เราไม่เห็นในปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าจะไม่มีครับ จังหวัดสิงห์บุรี ทำไมชื่อสิงห์บุรี...เป็นไปได้หรือครับ ที่คนโบราณเขาจะ แต่งนิทานพื้นบ้าน มาประกอบการตั้งชื่อเมือง โดยไม่เคยเห็นราชสีห์ มาก่อน???

    รบกวนด้วยนะครับ....เดี๋ยวปั่นรายงานการประชุมเสร็จ จะแวะมาอ่าน ความเห็นครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. บุรณัง

    บุรณัง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    เนี่ยๆๆๆ พี่เค้าพูดคล้ายๆแบบนี้เลย ผมอยู่ข้างเพื่อน รู้ฟังมาเต็มสองหู มันถึงให้พี่เค้าเลือกสถาบันมาเลย จะได้ให้ผู้เชี่ยวชาญเค้าชี้ขาด

    คุณเอกอิสโรเลือกสถาบันทางวิทยาศาสตร์มาเลยดีมั้ยครับ แล้วเดี๋ยวไปกัน ผมก็จะไปด้วย อยากรู้เหมือนกัน สิงโต อูฐ หิมะ ตอนนี้ที่อินเดียก็ยังมีแล้วเมืองไทยมันหายไปไหน

    เอาไปลงพันทิปก็ได้ครับว่าหน่วยงานไหนหรือสถาบันการศึกษาที่ควรไป แล้วเราไปกัน สะดวกช่วงไหนดีครับ
     
  13. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฝากคุณบุรณัง เป็นตัวอย่าง เรื่องพืชพรรณ ธัญญาหาร อาหารการกิน ที่ผม ไม่ไเคยได้รับคำตอบกลับมา เช่นเดียวกันครับ

    ในอรรถกถา มีตอนหนึ่ง กล่าวว่า

    พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์.
    เด็กเข็ญใจคนหนึ่งเฝ้านาข้าวเหนียว.
    วันหนึ่ง เขาได้ขนมสดอย่างหนึ่งสำหรับเป็นอาหารมื้อเช้า คิดว่าไปนาแล้วจึงจักกิน ถือขนมสดนั้นเดินไปนาข้าวเหนียว นั่งลงใกล้โคนไม้.
    ขณะนั้น พระเถระขีณาสพรูปหนึ่งเดินทางมาถึงที่นั้นในเวลากระชั้นชิด เข้าไปยังโคนไม้ที่เด็กเฝ้านาข้าวเหนียวนั่งอยู่. เด็กเฝ้านาข้าวเหนียวดูเวลาแล้วถามว่า ท่านได้อาหารแล้วหรือ ขอรับ. พระเถระก็นิ่ง.
    ...

    กับ..

    มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กรุงสาวัตถี พราหมณ์ผู้หนึ่งคิดว่า เราจักหว่านข้าวเหนียวใกล้ฝั่งแม่น้ำอจิรวดี ในระหว่างกรุงสาวัตถีและพระเชตวันมหาวิหาร จึงไถนา.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าแวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จเข้าไปบิณฑบาตเห็นพราหมณ์นั้นทรงรำพึงเห็นว่า ข้าวเหนียวของพราหมณ์นั้นจักเสียหาย จึงทรงรำพึงถึงอุปนิสัยสมบัติของพราหมณ์นั้นต่อไป ได้ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรคของพราหมณ์นั้น ทรงรำพึงว่าพราหมณ์นี้จักบรรลุเมื่อไร ได้ทรงเห็นว่า เมื่อข้าวกล้าเสียหาย พราหมณ์จะถูกความโศกครอบงำเพราะฟังพระธรรมเทศนา. ทรงดำริต่อไปว่า หากเราจักเข้าไปหาพราหมณ์ในตอนนั้น พราหมณ์จักไม่สำคัญโอวาทของเราที่ควรจะฟัง เพราะพราหมณ์ทั้งหลายมีความชอบต่างๆ กัน เอาเถิด เราจักสงเคราะห์ตั้งแต่บัดนี้ทีเดียว พราหมณ์มีจิตอ่อนในเราอย่างนี้ก็จักฟังโอวาทของเราในตอนนั้นแล้ว เสด็จเข้าไปหาพราหมณ์ตรัสถามว่า พราหมณ์ท่านทำอะไร.
    พราหมณ์คิดว่า พระสมณโคดมเป็นผู้มีตระกูลสูงยังทรงทำการปฏิสันถารกับเรา จึงมีจิตเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ทันใดนั้นเองกราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์กำลังไถนา จักหว่านข้าวเหนียว พระเจ้าข้า.

    คำถาม ทุกวันนี้ ในเขตเมืองราชคฤห์ เขตเมืองสาวัตถี มีปลูกข้าวเหนียวมั๊ย ย้อนไปเมื่อ 2500 ปี 3000 ปี มี ฟอสซิลข้าวเหนียวมั๊ย?

    แล้วก็ เรื่องขนม ที่เกี่ยวพันกับ "ข้าวเหนียว" ครับ ดังนี้

    [๑๓๒] ครั้งนั้น จิตตะคหบดีสั่งให้ตกแต่งขาทนียโภชนียาหารอันประณีต
    ถวายพระเถระทั้งหลายโดยผ่านราตรีนั้น จึงท่านพระสุธรรมคิดว่า ถ้ากระไร เรา
    พึงตรวจดูขาทนียโภชนียาหารที่จิตตะคหบดีตกแต่งถวายพระเถระทั้งหลาย ครั้นถึง
    เวลาเช้า นุ่งอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรจีวรเข้าไปสู่นิเวศน์ของจิตตะคหบดี แล้ว
    นั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวาย
    ทีนั้น จิตตะคหบดีเข้าไปหาท่านพระสุธรรม นมัสการแล้วนั่ง ณ ที่ควร
    ส่วนข้างหนึ่ง
    ท่านพระสุธรรมได้กล่าวคำนี้แก่จิตตะคหบดี ผู้นั่งเรียบร้อยแล้วว่า ท่าน
    คหบดี ขาทนียโภชนียาหารนี้ ท่านตกแต่งไว้มากนัก แต่ของสิ่งหนึ่ง ที่เขาเรียก
    ว่า ขนมแดกงา ไม่มีในจำนวนนี้
    จิตตะคหบดีกล่าวความตำหนิว่า ท่านเจ้าข้า เมื่อพระพุทธพจน์มากมายมี
    อยู่ แต่พระคุณเจ้าสุธรรมมากล่าวว่า ขนมแดกงา ซึ่งเป็นคำเล็กน้อย
    ...

    มีมั๊ยครับ "ขนมแดกงา" ที่ อินเดีย เพราะ ค้นดู ก็มีแต่ว่า เป็นขนมไทย หรือไม่ก็ขนมมอญ...ทำจากข้าวเหนียว..

    ช่วยสงเคราะห์ ผมหน่อย เพราะผมยังมีอีกหลาย สิบคำ ที่ หาในอินเดีย เนปาล ก็ไม่มีเช่นเดียวกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. jirong9

    jirong9 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอโทษครับ ขอแทรก ข้าวเหนียวมีครับที่อินเดีย เนื่องจากอินเดียมีพื้นที่ที่กว้างมากเรียกว่าอนุทวีป ข้าวเหนียวมีแน่ครับ

    อ้างอิง: https://en.wikipedia.org/wiki/Glutinous_rice#History
     
  15. jirong9

    jirong9 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมเคยเห็นคุณเอกอิสโรพูดเรื่องข้าวบ่อยๆ คนอินเดีย เนปาลก็บริโภคและปลูกข้าวครับ ข้าวของเราที่ปลูกกันก็พันธ์ indica มีรากศัพท์ว่ามาจากอินเดีย อาหารเนปาลดูผาดๆเหมือนอาหารไทยเลย
     
  16. jirong9

    jirong9 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    ขนมหวานที่ทำจากข้าวครับ เรียก Puttarisi/putarisi เอาไปgoogleได้เลยครับ

    ของหวานของอัสสัม Sticky rice, called bora saul is the core component of Assamese sweets, snacks and breakfast. They are widely used in every kind of traditional sweets of Assam which are very different from traditional sweets of India of which basic component is milk.

    ตรงประโยคสุดท้ายชวนให้คิดถึงข้าวมธุปายาส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2016
  17. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ขอเน้น ที่ ราชคฤห์ กับ สาวัตถี ครับ
     
  18. jirong9

    jirong9 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมเข้าใจว่าคุณเอกอิสโรต้องการระยะทางที่ถูกต้องแน่นอนมากๆเลย แต่จริงๆแล้ว 1โยชน์ที่ว่าเท่ากับ 16 กม.เป็นมาตราวัดของไทยครับ

    ตัวนี้ทำให้เข้าใจผิดบ่อยเป็นปกติ แม้แต่ผู้ทรงคุณวุฒิบางคนก็พลาด หรือพยายามบิดให้เข้ากับมาตราวัดของไทย

    1. มาตราวัดระยะ
    8 ปรมาณู เป็น 1 อณู
    5 อณู เป็น 1 ธุลี**
    8 เส้นผม เป็น 1 ไข่เหา
    8 ไข่เหา เป็น 1 ตัวเหา
    8 ตัวเหา เป็น 1 เม็ดข้าว
    8 เม็ดข้าว เป็น 1 นิ้ว
    12 นิ้ว เป็น 1 คืบ
    2 คืบ เป็น 1 ศอก
    4 ศอก เป็น 1 วา
    20 วา เป็น 1 เส้น
    400 เส้น เป็น 1 โยชน์
    **มาตราวัดระยะที่ยกมาจากวิทยานิพนธ์ข้างต้นนี้ ต่อจาก 5 อณู เป็น 1 ธุลีแล้ว น่าจะเป็น 8 ธุลี เป็น 1 เส้นผม จึงจะต่อด้วย 8 เส้นผม เป็น 1 ไข่เหา แต่ในที่นี้ได้คงไว้ตามต้นฉบับที่ยกมา]

    40เส้น=1.6กม. ดังนั้น 400เส้น(1โยชน์=16กม.)

    นิ้วในที่นี้ไม่เท่ากับนิ้วในระบบสมัยใหม่ โยชน์ก็ไม่ใช่ตามระบบอินเดียครับ เราหยิบยืมหน่วยมาใช้เท่านั้น เหมือนเรายืมคำว่าชั่งมา แต่ไม่เท่ากัน

    แล้วโยชน์(Yojana)ตามคติศาสนาหรือวรรณคดีของอินเดียมีระยะเท่าใดแน่ ถ้าเทียบตามระบบปัจจุบัน คำตอบคือเหล่านักวิชาการที่ศึกษาด้านนี้ก็ระบุไม่ได้ครับ ขึ้นกับระยะเวลาบันทึกของแต่ละช่วง มีตั้งแต่แค่ 1.6กม.ไปจนถึง13กม. มากกว่านี้ก็มี บางคนคำนวณจากบันทึกของหลวงจีนซ่วนหยางกับหลวงจีนฟาเหียน ก็ไม่เท่ากันอีกเพราะลี้ของหลวงจีนซ่วนหยางกับหลวงจีนฟาเหียนไม่เท่ากันตั้งแต่เริ่ม บางคนคำนวณจากในวรรณคดีที่กล่าวถึงระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ว่ามีกี่โยชน์(Yojana)แล้วใช้ค่าจริงคำนวณให้เข้ากับระบบปัจจุบัน อย่างนี้ก็มี

    อ้างอิง:https://en.wikipedia.org/wiki/Yojana
    https://sizes.com/units/yojana.htm
    history - Is 'yojana' a colloquial unit of measurement? - Hinduism Stack Exchange
     
  19. jirong9

    jirong9 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    ก็ยังมีอยู่ครับ ในปัจจุบันก็ยังมีครับ ข้าวเหนียวแถบนั้นเรียก Anadi chamalครับ
    ในสมัยโบราณก็คงมีการปลูกกันเป็นปกติ หลายๆพันธุ์ครับ ตอนนี้ก็มีปลูกครับ แต่ที่อินเดีย เนปาลใช้วัวไม่เหมือนบ้านเรา หลายที่ก็ไม่ปลูกแล้วเพราะเวลาเปลี่ยน เอาที่ดินไปทำอย่างอื่นแทน เหมือนพญาไทในกรุงเทพ สมัยก่อนใช้ไปปลูกข้าวก็มี แต่ตอนนี้นึกไม่ออกเลยครับว่าเคยใช้ทดลองปลูกข้าว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2016
  20. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    แล้วข้าวสาลี มีปลูกและบริโภคกันเป็นปกติใหมครับในแถบทางเรา
    เพราะในพระไตรปิฎกกล่าวใว้มากมาย จนเข้าใจได้ว่า ผู้คนแถบถิ่นนั้น
    กินเป็นอาหารหลัก
     

แชร์หน้านี้

Loading...