เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ขั้นตอนการเตรียมงานเททองครับ

( สำหรับพระกริ่งนี้นอกจากจะได้บรรจุเม็ดกริ่งที่ก้นตามพิธีกรรมแล้ว ผู้เขียน ยังได้กราบเรียนขออนุญาตบรรจุผง “ อิธเจ “ ซึ่งหลวงปู่ได้มีเมตตาลงให้และได้รับการปลุกเสกหลายครั้ง ก่อนที่จะนำมาปลุกเสกรวมกับแผ่นทองชนวนเป็นเวลาประมาณ ๒ เดือน พร้อมกันนั้นได้กราบเรียนขออนุญาตบรรจุเส้นเกศาของหลวงปู่ไว้ที่ในองค์พระกริ่งอีกด้วย ซึ่งเป็นที่รู้ดีในหมู่ศิษย์แม้ว่าจะมากราบนมัสการหลวงปู่บ่อยๆแต่การที่จะได้ครอบครองเส้นเกศาของหลวงปู่ไม่ใช่เรื่องง่ายนักนอกจากจะมีโชคเป็นจังหวะดีที่หลวงปู่จะปรงผม ส่วนพระชัยวัฒน์เนื่องจากมีขนาดเล็กจึงไม่สดวกที่จะเจาะก้นเพื่อใส่มวลสารได้ )



พวกช่างก็เริ่มขนของลงจากรถทั้งหมด




หลวงปู่ก็ลงมาสังเกตุการณ์น่ะครับ วันนี้เป็นวันก่อนวันงาน หรือ วันเทวันหนึ่ง ช่างมาเตรียมตั้งเตา เผาหุ่นพระ และต้มโลหะรอน่ะครับ ผมจึงรีบเข้าไปรายงานหลวงปู่ถึงความคืบหน้า



ผมก็ยืนสังเกตุการณ์อยู่ด้วย เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นตอนเช้าน่ะครับ



ต่อจากนั้นพวกช่างเริ่มก่อเตาครับ จะทำงานไปทั้งวันครับ

 

พระชุดแพโบถส์น้ำ ( ต่อ )





ผมพยายามกู้ ฮาร์ดดิส ในสมองย้อนไป สิบกว่าปีน่ะครับ รูปนี้จำได้ว่าเป็นเตาเผาหุ่นพระ ประธานและพระบูชา ช่างจะเผาหุ่นในเตานี้ก่อน เอาเทียนออกน่ะครับ การเผาต้องมีเทคนิค คุมไฟ ไม่ไห้หุ่นแตกร้าวเสียหายครับ ถ้าแตกร้าวมาก ก็จะต้องแต่งมาก




ส่วนเตานี้เป็นเตา ที่จะต้ม หลอม ทองเตาหนึ่งครับ ผมจำได้ว่า เตาหล่อทองพระประธานและพระบูชามีสี่เตาเพราะต้องใช้โลหะมากพอสมควร



ช่างช่วยกันตั้งพระประธาน โดยเอาเศียรลง เพื่อเผาเอาเทียนออก และเผาหุ่นให้อุ่นรอ เพื่อที่โดนน้ำทอง หุ่นจะไม่แตกร้าว จะหลอมทอง ลงทางด้านก้นน่ะครับ



พอก่อเตาพระประธานเสร็จ พวกเราก็ไปนิมนต์หลวงปู่มา ทำพิธีเปิดเตา ไหว้ครูเตาน่ะครับ จะได้เริ่มพิธี เผาหุ่นเอา เทียนออกน่ะครับ และเผาหุ่นให้ร้อนรอ






ที่จริงหลวงปู่ท่านนั่งรออยู่แล้ว งานนี้ท่านดีใจมาก และ ผมจะบอกว่าเป็นงานเดียวของท่านน่ะครับ ที่เคยเททอง เทพระบูชา และพระกริ่ง จะเรียกว่ารุ่นแรก ก็ไม่ผิดอันใด และ ผมอยากจะแถมว่าเป็นรุ่นปลดหนี้ด้วย เพราะหนี้สินจากหล่อพระซึ่งตอนนั้น ผมรับหน้าคนเดียว เคลีร์ยหนี้หมดทุกบาท ในวันปลุกเสกครั้งสุดท้าย

ในรูปนั้นมีผมที่กางร่มให้หลวงปู่อยู่ ในนั้นมีตัวละครสำคัญสองท่านน่ะครับ ที่คอยช่วยหลวงปู่จุดธูปเทียน บูชาพระรัตนตรัยและครูเตา ครูช่าง ทั้งสองท่านเป็นจอมคาถาทั้งคู่ เก่งอักขระเลขยันต์ คนหนึ่งคือเสี่ย ธ อีก ท่านเป็น รุ่นพี่ จาก องค์การ เภสัชฯ คนมีหนวด ผมลืมชื่อท่านซ่ะแล้ว ทั้งสองท่านนี่ ชอบสร้างพระ รูปแบบสวยๆ จินตนาการสูง แล้วแจกฟรีซ่ะส่วนใหญ่ซ่ะด้วย ผมได้ของฟรีมาจากพวกพี่ๆเขาหลายราบการ จะเปิดเผยต่อไปน่ะครับ เป็นของดี ที่หลวงปู่ปลุกเสกให้อย่างดี

ผมเองน่ะ พอจำได้ว่า ตอนนั้นตื่นเต้นมาก แม้จะไปช่วยคุณแม่หล่อพระ มาตั้งแต่เด็กๆ หลายครั้ง จำได้ว่ามีที่วัดป่าคลองกุ้ง วัดอโศการาม วัดปทุมวนาราม และมีอีกใน กทม ลืมชื่อวัดซ่ะ แต่แค่ไปเข้าพิธี เอาทองใส่เบ้าแต่ไม่เคยทำเองครับ ครั้งนี้ทำเอง เดิมพันสูง เงินเป็นหนี้เยอะ เพราะผมเป็นคนไปเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง และวางมัดจำ ดีว่าได้ อาจารย์ อนันต์ท่านมาช่วย แบบว่าเป็นผู้ใหญ่ เหมือนรับรองให้ว่าเป็นพระของท่านเอง ทำให้ทุกอย่างสำหรับผม ราบรื่นมาก ยังระลึกถึงท่านอยู่ เมื่อคืนก็โทรไปหาท่านว่าขอเรื่องเอามาเขียน จะมีการอ้างถึงท่าน เพราะบอกตามตรง พวกท่านดูรูปต่อๆ ไป จะเห็นว่า เป็นพระที่ท่านอาจารย์อำนวยการสร้างน่ะแหละครับ อาจารย์อนันต์ท่านยังจะแจกพระที่ปลุกเสกวัดพระแก้วรุ่นใหม่มาอีก กราบขอบคุณท่านอาจารย์อนันต์เป็นอย่างสูงที่ ช่วยให้งานสร้างโบถส์ และ หล่อพระเป็นไปโดยราบรื่นครับ

 

พี่ครับพระกริ่งและพระชัยฯ รุ่นนี้เนื้อเดียวกันใช่ไหมครับ

เป็นเนื้อเดียวจากทอง เบ้าพระกริ่งเดียวกันครับ แต่อยากจะบอกความจริงว่า เทที่วัดน่ะได้จำนวนประมาณครึ่งเดียว ที่เหลือต้องกลับไปเทที่โรงงาน และ แยกยากครับ ที่จริงพอแยกได้เหมือนกัน แต่การปลุกเสก เหมือนกันหมดครับ

และถ้าจะบอกแบบจะๆ พระชัยน่ะเทก่อนน่ะครับ เอาฤถษ์ เอาชัย แล้วจึงค่อยเทพระกริ่ง เพราะฉนั้น พระชัย น่าจะทอง คำเยอะกว่าพระกริ่งน่ะครับ และ ปลุกเสกเหมือนกัน เททอง สวยติดดี กว่าพระกริ่งซ่ะด้วยครับ เลี่ยมทองก็ประหยัด

 

ชายคนที่ยืน ซ้ายมือสุด ในภาพ คือ คุณ สมทรง ช่างปั้นพระ ที่ปั้น พระประธาน และ พระบูชา ครับ ต่อมาคือ พี่ที่องค์การ เภสัชฯ ท่านผู้นี้สร้างพระของหลวงปู่ไว้หลายรุ่นครับ พวกพี่ๆ องค์การเภสัชฯนี้นับถือหลวงปู่มากและไปหล่อ รูปหลวงปู่ นั่งบนเต่า ไว้ที่วัดคอกหมู กทม นี่ด้วยครับ แล้วต่อมาคือคุณ พลายงาม ช่างคนน้องที่เป็นผู้จัดการให้โรงหล่อ แก้ว มโนรมย์ ต่อมาคือ หลวงปู่ และ ผมคนยืนถือร่มน่ะครับ

ตรงหลังมือของหลวงปู่เป๊ะๆ จะเห็นศาลาไม้ที่มีศาลาต่อและมีกลองสองใบ ศาลานี้คือศาลารับแขกหลังเดิมของหลวงปู่ เป็นที่ๆ ท่านคุณแม่ประทุมมาพบหลวงปู่ และ กุฎิติดกันข้างๆขวามือ คือ กุฏิเก่าของหลวงปู่ ส่วนศาลาปูนในปัจจุบัน คณะศิษย์สร้างให้ใหม่ครับ

 

การเตรียมการเททอง ( ต่อ )


มาต่อน่ะครับ ผมบรรยายไปตามรูปภาพก็แล้วกัน หลวงปู่ท่านให้เตรียม ดอกไม้ธูปเทียน และถ้าท่านรู้จักหลวงปู่ค่อนข้างดีเอาสักหน่อยแล้ว การเตรียมดอกไม้ธูปเทียน ถือว่าเป็นพิธีใหญ่แบบเป็นทางการ เพราะปกติ จะ แค่ เสกให้ ทำให้ หรือ แค่เอาสายสิญญ์วงให้ แต่ถ้าบอกให้มีดอกไม้ธูปเทียน จุด เทียน จุดธูป แสดงว่าชุดใหญ่



และดอกไม้ธูปเทียนนี่ก็ไม่ใช่ ต้องเตรียมหามาราคาแพง หาเอาแถวนั้นกันแหละครับ ถึงจะเป็นเรื่องการเตรียมต่ออายุ ( ผมจะเล่าต่อไป หลวงปู่ จัดว่าเป็นเอกด้านต่อชะตาครับ เด็ดขาดมาก ต่อมาเพียบหลายคน ที่ต่อไม่ได้ก็จะบอกเลยว่า สงสัยจะไม่ได้ ผมจะกั้กเรื่องนี้ไว่ก่อน วิชานี้ไม่ได้สอนใครไว้น่ะครับ ไปกับท่าน เป็นบารมีส่วนตัวครับ ผมก็ไม่ถึงครับยังอีกไกล อดได้วิชาครับ)



จะเห็นดอกไม้ในรูปก็ดอกลั่นทม แถวๆนั้นแหละ ธูป เทียนก็ของวัด ...แหะๆ แต่วิธีนี้เป็นทางการครับ ผมเข้าใจเองว่า ท่านที่หลวงปู่เชิญต้องไม่ธรรมดาครับ ต้องเป็นพระชั้นสูงจึงเชิญด้วย ดอก ไม้ ธูปเทียนครับ ท่านเดาเอากันเองน่ะครับ


หลวงปู่ท่านก้มไปทำอะไร ผมพยายามนึก แต่นึกไม่ออก เพราะตอนนั้นแค่ฟัง เนื่องจากมี ช่างอาวุโส เก๋ากึ้ก อยู่สองท่านคือ พี่ สมทรง และ พี่พลายงาม มีจอมคาถาอยู่อีกสอง มีหลวงปู่ ผมเลยได้แค่เงียบคอยกางร่มให้หลวงปู่ไม่ให้แสงเข้าตาท่านน่ะครับ

การที่หลวงปู่เตรียมอะไรที่เตาเผาหุ่นพระประธานคงเตรียมพื้นที่ไว้ทำอะไรสักอย่างหรือเตรียมฟืนไว้เผาหุ่น ผมก็เดาไม่ออกครับลืมถามท่าน แต่เดาว่า ท่านที่ถูกเชิญลงมาเปิดเตาให้ คงใหญ่มากครับ...แหะๆ


ป้ายวัด ให้บูชา พระบูชา ราคา ๕๐๐๐ บาท ทำมา ๒๒๒ องค์ไม่มีเหลือ มีแต่พวกมาถามหลังจากนั้น ค่าจอง เอา ครึ่งราคา เพราะคนทำไม่มีตังค์ ทุนน่ะช่างเอา ๒๕๐๐ ขอจองราคาทุนพอดี แค่ค่าพระบูชาอยู่อย่างเดียว ทุนตก ๕๐๐,๐๐๐ กว่าบาทครับ รวมทั้งพระประธาน พระกริ่ง พระชัย ตก ร่วมๆเจ็ดแสนกว่าบาทครับ ไม่รวมค่าโลหะ ที่เราขนไปสมทบ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ โมทนาบุญในกิจอันเป็นกุศลที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลครับ สาธุ

 

อ่านแล้วสนุกมากครับ ยิ่งพูดถึงเรื่องพระประธานจำลอง ขนาด 9 นิ้ว ได้แต่ถอนใจครับ เกินวาสนา

 

วันเททอง ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๑


พวกช่างที่เอาของสัมภาระ วัสดุ มาตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ก็มาตั้ง เบ้า เตรียมของเตรียมเครื่องมือ และหลอมทองมาทั้งคืน ผมอยู่ด้วยทั้งคืน มาดูเขาต้มทอง จนดึกถึงเข้านอนที่ข้างล่างกุฏิหลวงปู่



ในตอนเช้า ตื่นแต่เช้ามืดมาช่วยช่างเตรียมงาน ทองจะถูกหลอมไว้ทั้งคืน





หลังจากนั้นก็เตรียมการ เตรียมความเรียบร้อย ผมเอาถาดเงิน และวัสดุ ต่างๆ เศษเหรียญเงิน เศษนาค ยกเว้นทองคำไปหลอมต่อ ช่างบอกพวก เงิน นาค โลหะพวกนี้หลอมง่ายเอามาใส่ตอนเช้าได้ อาจารย์อนันต์ก็ช่วยกันโยนเข้าเบ้าพระกริ่งน่ะครับ

เบ้านี้เป็นเบ้าที่ ๕ น่ะครับ เป็นเบ้าพระกริ่ง พวกนี้พึ่งนำมาติดตั้งตอนเช้า แต่เครื่องมือดี เร่งสูบลมไฟฟ้า ต้มทองจนละลาย ทองนี้เป็นทองที่เหลือจากโรงงานทำกุญแจหรือ เป็นพวกกุญแจที่ชำรุด เป็นกุญแจอันใหม่ๆที่ชำรุดจากโรงงาน พวกช่าง เขาไปเหมาซื้อมา ผมก็เอาพวก โลหะเงินไปใส่เพิ่ม ส่วนรูปที่เห็น เป็น เตาฝาเขียวๆ คือ ตัวหล่อเหวี่ยงน่ะครับ เมื่อ เททองเข้าเบ้า เขาจะยก เบ้าไปใส่ใน เตา แล้วหมุนเหวี่ยงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้ทองติดชัด เบ้านี่กลายเป็นเบ้าเอก เพราะเป็นเบ้าแรกที่เท และเป็นเบ้าที่เอาทองคำใส่จนหมดในเบ้านี้ แล้วตักทองไปใส่เบ้าพระประธานและ เบ้าพระบูชา ครับ



อาจารย์ อนันต์ท่านมาแต่เช้ามืด ท่านเมตตาพวกผม มาช่วยกำกับพวกช่างและดูแลความเรียบร้อบ ผมทราบว่าอาจารย์อนนันต์ท่านทำงานใหญ่ๆมาหลายงาน เป็นงานหลวงแบบฟอร์มยักษ์ งาน ของ CP แบบอภิมหายักษ์ แต่ไม่เคยเห็นเขาถ่ายรูปอาจารย์มาลงน่ะครับ เพราะท่านไม่ใช่ที่ ที่ใครมาใช้ท่านโฆษณาได้ แต่รูปที่ผมเอามาลงนี่ เป็นสิบกว่าปีให้หลัง จะว่าโฆษณาคงไม่ได้ เพราะของออกไปหมดแล้ว ไม่เหลือติดวัด และให้เห็น จะ จะ ว่า งานนี้ท่านอาจารย์อนันต์อำนวยการสร้างจริงๆ แทบจะทำเองทุกรายการ เกือบจะว่าเอง และผมขออนุญาตท่านมาแล้วครับ ที่จะเอารูปลงมาให้ดูครับ



ตอนเช้าก็มีเลี้ยงพระน่ะครับ ทางวัดจัดกันเอง ต้อนรับผู้มาร่วมทำบุญ เททองพระชุดแพโบสถ์น้ำน่ะครับ

 

ภาพบรรยากาศโดยรวมทั่วไป ทำบุญไหว้พระ เตรียม ไหว้ครู พานบายศรี สวยงามมากจากศิษย์ ท่านหนึ่ง เป็นสุภาพสตรีอยู่ในรูป

 

ในช่วงนี้ เมื่อ ทองเรียบร้อบ เบ้าต่างๆเรียบร้อย คนเรียบร้อย พวกเราก็จะเริ่มเข้าพิธีครับ ในรูปพวกช่างกำลังวางฝาไม้กระดานสำหรับยืนและเดิน เพื่อเททองพระประธาน

ตามรูปมีพี่พลายงามกำลังจะหลอมถาดเงิน ในเบ้าพระประธานน่ะครับ ผมใส่ไปหลายเบ้าเพราะถาดใหญ่ ที่จริงตอนนี้ถ้าทำใหม่ ผมจะตัดเป็นแผ่นเล็กๆกว่านี้ เพราะจะใส่เบ้าง่าย หลอมง่ายกว่า




และจากรูปที่เห็นท่านอาจารย์อนันต์ยืน ข้างหลังของท่านตอนขวามือเรา จะเห็นถังน้ำมันดีเซล การหลอมทองตอนนี้เขาไม่ใช้ถ่านอย่างเดียวแล้วน่ะครับ ถ่านแพงหายากด้วย ใช้เตาหัวฉีดน้ำมันดีเซล และ เตาเป่าลมไฟฟ้าครับ ส่วนถ่านจะใช้ตอนเผาหุ่นครับ

 

ช่วงเช้าก็มีการเตรียมเททอง เพราะงานใหญ่น่ะครับ หัวใจก็ใหญ่ เทกันหลายเบ้ามาก ทองที่หลอมก็หลายเบ้า คนเยอะ ต้องมีการเตรียมงาน ให้เททองได้ต่อเนื่องครับ



อาจารย์ อนันต์ท่านก็เมตตา ดูแลทุกขั้นตอน ให้อย่างใกล้ชิดครับ

 

ชนวนโลหะบ้างส่วนก็เริ่มใส่ให้ทองละลายน่ะครับ รอแต่ทองคำ ให้หลวงปู่เป็นคนใส่ครับ



อาจารย์อนันต์ท่านก็เมตตา ช่วยดูแล ให้งาน ให้พิธี เป็นไปโดยราบรื่น

 

( ต่อ)





เมื่อได้เวลาอันสมควรคณะช่างเททองนุ่งขาวห่มขาวอันประกอบด้วย ท่านอาจารย์ อนันต์ สวัสดิสวนีย์ เป็นหัวหน้า และครอบครัว คุณสำอางค์ และคุณพลายงาม แก้วมโนรมย์ และคณะศิษย์ทุกท่านที่ได้มาร่วมพิธีเป็นต้นว่า พ.ญ. สมหมาย ศรีงาม, ป้าอิ้ด จากสำนักแม่ชีประทุม, คุณ อนุพันธ์ บุนนาค, คุณ ประวิทย์ บัวสรวง, ป๋า โกศล กิจเจริญ, คุณ พรทิพย์ แฝงยงค์, คุณ ประสิทธ์ อำนวยรัตน์ ( โกป้าย ), คุณทนงศักดิ์ เอื้อรักสกุล, พ.ต.ท. อารยา โตมอญ, คุณ สืบวงศ์ โรจนรัต, คุณ .........., คุณ สุทิน บุญยะพุกะนะ, ร.ท. สันติ ศรีงาม และอีกหลายร้อยท่านที่เป็นทั้งหมู่ญาติ หรือ กัลยาณมิตรที่เปรียบเสมือนเป็นเจ้าภาพทุกท่านและไม่สามารถกล่าวนามให้หมดได้ในที่นี้ ได้เริ่มพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ด้วย บายศรีดอกไม้ชุดใหญ่ หัวหมู ๒ หัว ไก่ต้ม ๒ ตัว มะพร้าวอ่อน ๒ ลูก กล้วยน้ำว้า ๒ หวี เหล้าโรง ๒ ขวด บุหรี่ ๒ ซอง ธูป ๙ ดอก เทียน ๒ เล่ม ข้าวพล่าปลายำ ขนมต้มแดงต้มขาว และเงินบูชาครู ๑๑๒ บาท




ช่างสำอางค์เริ่มกล่าวสวดบวงสรวงชุมนุมเทวดาและบูชาครู ประมาณ ๘ โมง ๒๑ นาที




ผมสงสัยจะจำพลาดไปขอแก้น่ะครับ ช่างคนตัวดำๆ ที่เป็นช่างปั้นน่ะชื่อ พี่สำอางค์ ท่านเป็นคนสวดชุมนุมเทวดาและบวงสรวงครูของท่านตามโองการช่าง และครูท่านประทับลงน่ะครับ ช่างคนนี้เป็นคนมีของดีในตัวน่ะครับ ตอนทำงานปั้น อิน มากๆ ท่านข้าวปลาไม่กิน ไม่สนใจ สองวัน สามคืน...... ส่วนพี่สมทรงน่ะเป็นผู้หญิงนั่งอยู่ด้วยหัวแถว ถ้าจำไม่ผิดเป็นพี่ใหญ่ คณะช่างชุดนี้ดีมากครับ ดีที่สุดที่ผมเคยเจอช่างมา มีวินัยและมีศีลสัตย์ เหมาะกับการเททองวัตถุมงคลมากครับ ช่วงเวลานั้นผมไปอยู่กับหลวงปู่เลยไม่ได้เห็นครูท่านประทับลง แต่เอาไปบอกหลวงปู่ตอนไปนิมนต์ท่านมาเททอง ท่านสนใจ ผมยังจำได้ ว่า ท่านบอกว่าเหรอ ๆ ไหน ๆ แล้วยิ้มๆ

จะเห็นท่านอาจารย์อนันต์ พี่สม ภรรยาท่านอาจารย์อนันต์ และบุตรีท่าน นั่งบวงสรวงต่อมา บุตรีคนนี้ เป็นเด็กพิเศษน่ะครับ ท่านอาจารย์ไปขอหลวงพ่อเงิน บางคลานมาน่ะครับ ไม่ใช่เด็กธรรมดา ตกลงทั้งครอบครัว นั่งบวงสรวงครู กับคณะช่างครับ ผมเองรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ



ส่วนบายศรีน่ะ ถ้าผมจำไม่ผิดเป็นบายศรี เทพเก้าชั้น นอกนั้นยังมีบายศรีพรหม คนทำต้องมีความรู้เด้านบายศรีมาเป็นอย่างดีครับ เพราะบายศรีแต่ล่ะชนิดจะมีลักษรณะของเขา และเชื่อกันว่า พวกบายศรีเหล่า พวก พรหม เทพ เทวดา ครูฤาษี คนธรรพ์ พญานาคจะลง แม้หลังพิธียังต้องเก็บไว้จน เหี่ยวไปเอง เพราะครูท่านประทับอยู่ครับ และถ้าจำผิด กราบของประทานโทษ และมีศิษย์หลวงปู่คนสำคัญ คือ คุณ พรทิพย์ เป็นเจ้าภาพ ตามรูปน่ะครับ จะเห็นว่าสวยงามมาก ตอนปลุกเสกพระบนแพฯท่านผู้นี้ก็ทำมาแบบเดียวครับ ในพิธีปลุกเสก กลางแม่น้ำเจ้าพระยาครับ

ผมเอาชื่อบางท่านออก พ.ศ. นี้ เพราะไม่เจอกันนาน เลยไม่แน่ใจ แต่เป็นงานบุญที่ร่วมกันมา ขอให้โมทนาด้วยกันครับ พระยังอยู่ทั้งชุด ทั้งที่วัด และ ที่ บูชา แจกจ่ายกันไป เป็น อุเทสิกเจดีย์ มีคนกราบไหว้ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า มีอานิสงค์ มาตลอดทุกๆวันครับ

 

บรรยากาศก่อนเททอง

จำได้ว่าตอนเช้าน่ะครับ หรือ ถ้ารูปปนเพลเข้าไปด้วยขออภัย แต่ผมจำได้ว่า หลวงปู่ปกติ ไม่ฉันเพลน่ะครับ ยกเว้นกรณีพิเศษ



ในภาพเป็นโต้ะจองพระน่ะ มีพระจำหน่าย ซ่ะ ด้วย ผมก็ลืมซ่ะแล้วว่าพระอะไร และ มีภาพหลวงปู่ น่าจะเป็นตอนฉันเช้า มีการทำบุญเช้าด้วย ญาติโยมที่มาเช้ามาพร้อมเพรียงกัน



มีการจัดเตรียมบายศรี และดอกไม้ สำหรับงานเททองครับ โดยคณะคุณพรทิพย์



ในภาพน่าจะเป็นตอนพระสวดอยู่

 

จากนั้นคณะศิษย์ได้นิมนต์หลวงปู่พระครู บุญศรีอินฺทวณฺโณ มาหย่อนทองคำที่เตรียมไว้ทั้งหมดลงในเบ้า หลังจากรอให้ทองคำทั้งหมดหลอมละลาย ช่างได้ทำการกวนผสมและตักถ่ายเททองผสมให้เข้ากัน ทุกเบ้า ทั้ง ๕ เบ้า ( เบ้าใหญ่ ๑ เบ้า เบ้าเล็ก ๔ เบ้า ) ให้เข้าด้วยกัน เริ่มเทพระชัยวัฒน์ เป็นปฐมฤกษ์ ตามด้วยพระกริงและ เริ่มเทจากเบ้าใหญ่พระประธาน

มาต่อกันที่บรรยากาศในการเททองน่ะครับ

เรียกว่าบรรยายด้วยรูป ฝรั่งเขาถึงว่า เพียงหนึ่งรูปภาพดีกว่าพันคำบรรยาย เพราะบางรูปเห็นแล้วก็บางอ้อ บางที่เราได้ดูหน้าดูอารมณ์ติดมาในภาพ ผมขอย้อนเอารูปใส่ทองคำมาบรรยายซ้ำให้เห็นภาพไปตามขั้นตอนน่ะครับ


รูปบวงสรวงยังไม่ได้ลงรูปหนึ่งน่ะครับ







ภาพพวกนี้ผมบรรยายไปแล้ว แต่ที่เอามาลงเพราะมีภาพที่หลงยังไม่ได้ลง จะโชว์ในความเห็นต่อไป

เอาภาพมาลงให้เต็มเหยียด ว่า เอาทองคำใส่จริงๆ ถ่ายจาก สองกล้อง หลายมุม หลายเวลา

 

ภาพตอนหลวงปู่ หย่อนทองลงเบ้า

 

ดูหน้าหลวงปู่
ยิ้มมีความสุขมากเลย

 

ชุดต่อมาน่ะครับ





ภาพพวกนี้ถ่ายโดยกล้องสองกล้อง หลายมุม แต่พอจะให้เห็นบรรยากาศว่า มีทองเยอะ พอสมควร หลวงปู่หยิบทองคำในพานหลายครั้ง



ภาพนี้ที่หลงไปลืมเอาลง ในภาพมีคนเรียก ผมให้หันไปรับทองคำเพิ่ม ในรูปมีมือกำลังหย่อนแหวนทองคำ( เดาเอาน่ะครับ เพราะชักเลือนๆ ตอนนั้นชุลมุน ) ลงมาในพาน อีกสองคนเป็นผู้หญิง คนหนึ่งทำงานที่ ปตท สผ. อีกคนผมไม่เห็นหน้าท่านเลยไม่แน่ใจ และส่วนมือของอีกท่านผมลืมไปว่าใคร ที่นำมาโชว์ก็เพื่อพิสูจน์คำพูดของผมว่า มีคนเอาทองคำมาใส่เยอะ ที่บอก 6-70 บาทน่ะเป็นจำนวนที่พวกผมประมาณกัน จากที่เห็น เพราะไม่มีใครรู้จำนวน จริงๆ อาจจะมากกว่านี้ก็ได้น่ะครับ

ทองที่มาเพิ่มนี้ มีอีกหลายชุด เพราะคนไปอยู่ในที่นั้น พอเห็นงานพิธี เห็นหลวงปู่ เห็นเขาเอาทองใส่ ถ้ามีแหวน มีสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ก็ถอดใส่บ้าง เพราะทองไปหาอีกได้ แต่โอกาศแบบนี้หาไม่ได้ อาจจะไม่มีอีก บางท่านถวายให้หลวงปู่เองมาก่อน ยื่นให้หลวงปู่เองก็มี บางท่านหย่อนใส่ในพาน บางท่านโยนลงเบ้าเอง จัดว่าสนุกสนานมากครับ ทองทั้งหมดก็แปรสภาพไปเป็นพระทั้งนั้นครับ ได้บุญเต็มๆแน่นอนครับ

และบันทึกไว้อีกว่า ก่อนงาน หลวงปู่ชวนหลวงพี่หมูไปซื้อทองมาสองบาทมาร่วมงานครับ

ถ้านับราคาทองตอนนี้ เกินล้านบาทครับ ถ้าลงทุนไม่มีใครลงทุนทองคำขนาดนี้หรอกครับ สำหรับงานเล็กๆแบบนี้ ขายพระต้ององค์ล่ะเท่าไหร่จะคุ้มทุน



ภาพนี้ผมจำเป็นต้อง crop หน้าออกไปเพราะไม่ได้ขออนุญาตเขา...แหะๆ แต่ในตลับจะเห็นกำไลข้อเท้าเด็กเป็นทองคำหลายวง เป็นทองเก่าของตระกูลเขา รวมๆ นั่น น่าจะหนักหลายบาท ทองอันนี้ก็อยู่ในพานน่ะครับ



คนนี้น่าจะเป็นคนเดียวที่โชว์ทองแล้วผมหรือเพื่อนถ่ายไว้ได้น่ะครับ เห็นกำไล หลายวงนี่ก็ หลายบาทแล้วน่ะครับ นี่แค่คนเดียว และ หลายสาย ที่ไปรวบรวมกันมา ที่ผมพอจำได้ บางสายได้ ยี่สิบกว่าบาท ประมาณ สามสาย นี่รวมก็ประมาณ หกสิบบาทแล้ว ก็ประมาณ ๙๐๐ กว่ากรัม เอามาใส่เองอีก ไม่ได้จดไว้ ถ่ายไว้ เอามาโยนลงเบ้าเอง ( อาจจะกลัวช่างอม เอาให้เห็นกับตา ) น่าจะมีทองเป็นกิโลกรัมแน่นอนครับ เฉลี่ยไปยังเบ้าพระประธาน พระบูชา และ พระกริ่งน่ะครับ เบ้า แรกๆ ก็น่าจะทองเยอะหน่อยครับ ตอบไม่ได้ว่า องค์ไหนครับ อาจจะเป็นพระประธานเยอะก็ได้ครับ

 

เมื่อทองทุกเบ้าเข้าที่จึงได้เริ่มเททองพระประธาน เมื่อเวลาประมาณ ๙ โมง ๑๑ นาที และ ต่อมาเทพระบูชาจำลอง ๙ นิ้วเสร็จประมาณ ๙ โมง ๔๓ นาที และ จึงเริ่มเท พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ เป็นรายการสุดท้าย ถึงเวลาประมาณ ๑๐ โมง ๑๗ นาที ซึ่งหลวงปู่ได้มีเมตตากับคณะศิษย์นั่งจับสายสิณญ์ เพ่งกระแสจิตจนจบพิธีการเทและยังได้มีเมตตาถ่ายรูปร่วมกับคณะศิษย์ที่ได้มาร่วมเททองไว้เป็นที่ระลึกด้วย

ส่วนการเทพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ในช่วงสุดท้ายเนื่องจากเป็นการหล่อเหวี่ยงจึงใช้เวลาช้ากว่าการเทธรรมดา ซึ่งช่างได้ใช้เวลาเทต่อไปในวงสายสิญญ์จนถึงเวลาประมาณเที่ยงวันจึงแล้วเสร็จ







จริงๆน่ะ เมื่อหย่อนทองคำลงหมด และทองละลาย หลังจากตักน้ำทองในเบ้าพระกริ่งไปผสมทุกเบ้าอีกสี่เบ้าแล้ว เทพระชัยก่อนเพื่อนน่ะครับ และเทพระกริ่ง พระชัยช่อนั้น ผมโชว์รูปไปแล้ว พระกริ่งน่ะ ช่อแรกไม่ออกเป็นช่อ ผมเก็บไว้ และ หลังจากปลุกเสกเสร็จแจกไปหลายท่าน จะโชว์กันภาคพระเครื่องแหละครับ

หลังจากนั้น ก็ไปเททองพระประธาน หลวงปู่ท่านยืนเท แล้ว พวกผมไปหาเก้าอี้ให้ท่านนั่งเททองต่อ จนเกือบๆ เพลน่ะครับ พอจะจำได้ จึงนิมนต์ท่านขึ้น

อันนี้เป็น เบ้าพระกริ่ง พระชัย เทแบบหล่อเหวี่ยง ที่หน้างานเลยครับ แต่เพราะรีบเท จะมีที่ติดไม่ชัด มีรูพรุน ถ้าเจอแบบนั้นเป็นชุดที่เทที่ลานวัด หลวงปู่ จับสายสิญญ์เททองตลอดน่ะครับ ถ้าหล่อสวยๆ มีชุดที่ไปเทโรงงานต่อ เพราะ ทองเหลือ ผมให้เทพระจนหมด



หลวงปู่ และ อ. อนันต์ จับสายสิญญ์ เททองตลอด ตอนเทพระประธานและ พระพุทธรูป

 

เล่าด้วยภาพต่อเลยน่ะครับ ภาพอาจจะไม่เรียงตามเหตุการณ์ ผสมๆ กันมา แต่เหตุการณ์เดียวกันครับ


ภาพนี้เทพระบูชาแล้วครับ



เทพระประธานก่อน ทองน่าจะมา ที่นี่เยอะสุด เพราะทองละลายในเบ้าพระกริ่ง ก็ตักมาเท พระประธานเลยครับ



เบ้าพระบูชา ที่รอเท องค์หนึ่งจะมีสองเบ้า เพราะ เป็นแบบสองถอด องค์พระและ ฐาน หล่อยากครับ