เรื่องเด่น อานิสงส์ และอำนาจของการสวดมนต์ (เรื่องเล่าจาก สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมวิวัฒน์, 2 เมษายน 2018.

  1. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,441
    cover02.png

    "คุณไสยแพ้ สามประโยคสั้นๆ"


    สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

    วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

    อาตมา (สมเด็จโต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนตร์ด้วยตัวอาตมาเอง

    ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี

    โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ

    ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร

    ในสมัยนั้นเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูตผีวิญญาณ ตลอดจนชาวบ้าน

    ที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น

    อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง

    ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนตร์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง

    พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง


    อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใดก็จะกล่าวเพียงคำนี้

    ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม

    ในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย

    อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน

    มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้

    เมื่อเห็นมีพระภิกษุมาปักกลดในที่แห่งนั้น

    อาตมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นระยะเวลาหลายปี

    และ ณ ที่แห่งนั้น อาตมาจึงได้พบคุณวิเศษแห่งการสวดมนต์

    มีชาวบ้านผู้หนึ่งได้เข้ามาสนทนากับอาตมาหลังจากได้ถวายอาหารแล้ว

    ชาวบ้านผู้นั้นอาตมาทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายผล นายผล

    ได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เขาเป็นผู้ฝึกเวทมนตร์คาถาอาคมเล่าเรียน

    จนมีญาณแก่กล้า และมักจะทดสอบเวทมนตร์คาถาอาคม

    แก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปักกลด ณ บริเวณนี้เป็นประจำ

    เขาเล่าให้อาตมาฟังว่าเขาได้ส่งอำนาจคุณไสยเข้ามาทำร้ายอาตมาทุกคืน แต่ไม่ได้หวังทำร้ายเป็นบาปเป็นกรรมถึงตาย

    เพียงแต่ต้องการทดสอบดูว่าภิกษุรูปนั้น จะมีวิชาอาคมแก่กล้าสามารถ

    ที่จะต่อสู้กับคุณไสยเขาได้หรือไม่

    นายผลก็ได้ทำคุณไสยใส่อาตมาถึง 7 วัน เต็มๆ

    ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยควายธนู หรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ

    ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้ายอาตมา

    แต่ปรากฏสิ่งที่ปล่อยมา ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายอาตมาได้เลย

    วันนี้จึงได้มากราบเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับอาตมา

    อาตมาจึงได้บอกว่าตัวอาตมาเองไม่ได้ศึกษาพระเวทมนตร์คาถา

    หรือคุณไสยใด นายผลก็ไม่ยอมเชื่อหาว่าอาตมาโกหก

    ถ้าหากไม่มีของดีแล้วไซร้ไฉนอำนาจคุณไสยดำที่เขาส่งมา

    จึงกลับมายังเขา ซึ่งเป็นผู้กระทำ

    ไม่สามารถทำร้ายอาตมาได้อาตมาก็พยายามชี้แจงให้เขารู้ว่า

    อาตมาไม่มีวิชาเหล่านี้จริง ๆ ทำให้นายผลสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดอาตมา

    จึงไม่ได้รับภัยอันตรายจากอำนาจเวทมนตร์คุณไสยดำที่เขาส่งมาทำร้ายได้ อาตมาได้บอกกล่าวแก่เขาว่า

    เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย

    จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลยอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

    อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

    และอาตมาก็จำวัดนอนเป็นปกติ


    นายผล เมื่อได้ฟังดังนั้น จึงได้บอกแก่อาตมาว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์

    ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านในวันนี้

    ก่อนที่ท่านจะจำวัดจงหยุดการสวดมนต์สัก 1 คืนได้หรือไม่

    ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่าการสวดมนตร์ของท่านเช่นนี้

    จะเป็นเกราะคุ้มครองภัยท่านหรือเป็นเพราะอำนาจเวทมนตร์คาถา

    ในภูตผีปิศาจ ของข้าพเจ้าเสื่อมกันแน่ ข้าพเจ้าขอรับรองว่า

    จะไม่ทำอันตรายแก่ท่านอาจารย์อย่างเด็ดขาด

    เพียงแต่ต้องการที่จะทดสอบให้ความรู้แจ้งเห็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

    อาตมาก็ตกลงรับปากแก่นายผลว่า คืนนี้จะไม่ทำการสวดมนต์

    นายผลจึงได้ลากลับไป

    ครั้นถึงเวลาพลบค่ำอาตมาก็นอนโดยมิได้ทำการสวดมนตร์

    ตามที่ได้ปฎิบัติเป็นปกติ เมื่ออาตมานอนหลับไป

    อาตมารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าอาตมาได้ยินเสียง

    กุกกัก กุกกัก ดังขึ้นมา จึงได้จุดเที่ยนและพบตะขาบใหญ่

    ยาวเท่าขาของอาตมากำลังเลื้อยเข้ามาอยู่ใกล้ตัว

    ของอาตมามาก อาตมารู้สึกตกใจถึงหน้าถอดสี

    และด้วยสัญชาติญาณจึ่งกล่าวคำสวดมนต์

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ด้วยจิตยึดมั่นในพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้

    เสียงกุกกักและตะขาบที่อยู่ข้างหน้าก็อันตรธานหายไป

    จากนั้นอาตมาจึงได้จำวัดนอนเป็นปกติ

    ในวันรุ่งขึ้น นายผลก็มาหาอาตมาและได้กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้า

    ได้ปล่อยตะขาบเข้าไปในกลดที่ท่านพักพำนักอยู่

    อาตมาบอกว่าอาตมาได้ตื่นมาและตกใจ

    จึงได้สวดมนต์ภาวนา ตะขาบตัวนั้น ก็อันตรธานหายไป

    นายผลจึงได้ยกมือพนมขึ้น แล้วกล่าวว่า

    บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า อำนาจเวทมนตร์คาถา และคุณไสยใดๆ

    ของข้าพเจ้ามิอาจทำร้ายท่านได้

    ก็เพราะอำนาจแก่การสวดมนตร์ภาวนาของท่าน

    เป็นเกราะคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ได้

    ที่อาตมา (สมเด็จโต) ได้เล่าให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ได้ฟังกัน

    เพื่อให้เป็นอานิสงส์ของการสวดมนตร์ว่า

    เหล่าพรหมเทพได้มาฟังการสวดมนตร์จริงดังที่อาตมาได้เทศน์ไว้

    เพราะถ้าไม่ใช่เหล่าพวกพรหมเทพแล้วไซร้

    ก็คงไม่สามารถที่จะขับไล่สิ่งที่เกิดจากอำนาจคุณไสย

    ที่นายผลส่งมาเล่นงานอาตมาได้อย่างแน่นอน

    ท่านเจ้าพระยา และ อุบาสก อุบาสิกา ในที่นั้น เมื่อได้ฟังคำเทศนาแล้ว

    ต่างก็ยกมือขึ้นสาธุว่า อานิสงส์ของการสวดมนตร์มีคุณค่าสูงส่งยิ่งนัก

    “ เรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์ ”

    เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี

    ดังปรากฏในงานของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี

    จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จโต

    มาเทศน์ที่บ้านครั้นพลบค่ำ

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตพร้อมลูกศิษย์ได้เดินทางจากวัดระฆัง

    มายังบ้านของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี

    ซึ่งในขณะนั้นมีอุบาสก อุบาสิกา นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันเป็นจำนวนมาก

    ด้วยต้องการสดับรับฟังการเทศน์ของท่านเจ้าประคุณ

    ณ ที่เรือนของท่านเจ้าพระยา

    เจ้าประคุณสมเด็จโต ได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    จึงกล่าวบูชาพระรัตนตรัย เมื่อจบแล้ว ท่านจึงเทศน์

    “ เรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์ ”

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้กล่าวว่ายังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า

    การสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามากหรือฟังไม่รู้เรื่อง

    ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมากมาย

    เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดี

    ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านมีคุณวิเศษอย่างไร

    พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร

    และพระสงฆ์อรหันต์อริยะเจ้ามีคุณเช่นไร

    การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณา

    จนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ

    ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล

    จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์

    ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า

    โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มี 5 โอกาสด้วยกันคือ

    • เมื่อฟังธรรม

    • เมื่อแสดงธรรม

    • เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์

    • เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น

    • เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ

    การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา

    ตั้งแต่สมัยพุทธกาล

    พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย

    ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น 2 เวลา

    นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม

    ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม

    การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไป

    เพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน

    การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่น คือ

    • กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม

    • ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย

    • วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐ ในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมา ในการผิดพลาด

    หากมีและกล่าวสักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็น

    การสร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดที่เดียวอาตมาภาพ

    ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า

    ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว

    บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน

    การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดับพอสมควร

    ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่น

    *ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอก

    ไม่ให้เข้ามารบกวนจิต

    ก็จะทำให้เกิดความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้น ๆ

    ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด

    *ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดมนต์จะพลอย

    ได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย

    ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้ทานโดยทางเสียง

    เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการสวดมนต์ มีอยู่จำนวนมาก

    ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย

    เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น

    ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผู้สวดมนต์ได้

    ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์

    ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดา ทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตราย

    ได้อย่างดีเยี่ยม

    ดูก่อน.. ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาในที่นี้

    การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

    เมื่อจิตมีที่พึ่งคือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี

    และความขนพองสยองเกล้าก็ดี ภัยอันตรายใด ๆ ก็ดี

    จะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั่นแล.

    ที่มา http://www.lookmhee.com/news/112959
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2018
  2. frank0826

    frank0826 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +737
    สาธุ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...