นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

.... ในช่วงเวลาประมาณ ปี 2552 เช่นกัน ผมได้รับการแนะนำจากพระเกจิ กับ หลวงพี่ที่มอบพระวังหน้าให้กับผม ว่ามียอดเกจิอาจารย์ผู้เก่งกล้าท่านหนึ่ง เป็นศิษย์หลวงปู่สรวง คือเคยไปอยู่กับหลวงปู่สรวง อยู่หลายเดือน

.... ครูบาอาจารย์ท่านนี้เอ่ยนามท่านได้ เพราะท่านมรณภาพแล้ว คือ หลวงปู่ผ่าน วัดป่าโพธิ์แก้ว 2 ปราจีนบุรี

....หลวงพี่ที่มอบพระวังหน้าให้ผม ไปหาท่านบ่อย รวมทั้งพระเก่ง ๆ หลายท่าน ด้วยเหตุที่ ท่านมีวิชาลงทอง 9 กษัตริย์... คือ ลงทอง 9 ครั้งจะอยู่ได้ตลอดชีวิต

....โดยปกติท่านจะรับแขกลงทอง เฉพาะเสาร์ อาทิตย์แน่นอนครับ คนมากันเต็มรถจอดกันเต็ม

...ผมก็ได้ลงทองจนครบ ซึ่งก็ได้ผลด้านการฝึกจิตเป็นอย่างมาก

...ครั้งหนึ่งผมได้ถอดพระวังหน้าขอหลวงปู่ผ่าน ท่านลงเสกเพิ่ม ท่านเห็นปุ๊ป ท่านทักเลย "หลวงปู่ใหญ่" แล้วท่าน ยกมือพนมจรดหน้าผากท่านเลย ผมถาม"หลวงปู่รู้จักเหรอครับ" "รู้จัก" "เคยพบท่านไหม" "เคย"

หลวงปู่ผ่านนี้ ท่านเก่งมาก ตรวจพลังพระแม่น ผมพาไปตรวจบ่อย 555 เก่งขนาดพระเกจิ พระเก่ง ๆ ไปหากันมาก

ช่วงหลัง ๆ ท่านดังมาก ดังจนที่วัดเริ่มวุ่นวาย ผมเลยไม่ค่อยไป รวมทั้งพระที่ผมรู้จักก็เริ่มห่าง ๆ ด้วย เพราะคนมากปัญหาเยอะ ไปก็รอนานไม่ค่อยได้คุยส่วนตัว

 

ครั้งหนึ่ง ที่ปรึกษา กับพระเพื่อนท่าน เดินทางมา กทม. ผมก็ได้รับอาสาพาทัวร์ ซึ่งก็ได้พาไปที่ พระพุทธบาท สระบุรี

ไปกราบหลวงปู่พิมพ์ วัดพระพุทธบาท (มรณภาพแล้ว)

และพาไปกราบหลวงปู่โสฬส แต่ไม่พบท่านเข้า โรงพยาบาล (ต่อมามรณภาพแล้ว)

และพาไปกราบหลวงปู่ผ่าน ด้วย ที่ปรึกษาชื่นชม หลวงปู่ผ่านมาก ว่าเก่ง แม่นในหลาย ๆ เรื่อง..

มีโอกาส ส่วนตัวผมได้สอบถามหลวงปู่ผ่านหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่กล่าวว่า ส่วนใหญ่ท่านมาสอนธรรม... ส่วนประวัติความเป็นมาหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่ผ่านกล่าวว่าเราไม่รู้ท่านหรอกเรื่องนี้ ท่านไม่เคยเล่า...

 

สาธุ

 

เรื่องเล่าของหลวงปู่เทพโลกอุดร จากสายหลวงปู่โน

...พูดถึงเรื่องหลวงปู่โน หากค้นจากเน็ต อาจไม่พบเลย ผมน่าจะเป็นผู้มาเผยแพร่แรก ๆ

จุดเริ่มต้น ที่ผมรู้จักหลวงปู่โน ก็จากคุณแม่ผมละครับ
คุณแม่ผมเป็นคน อีสาน อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี

ชีวิต ชาวชนบท ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับภูตผีปีศาจ แม่เอง สมัยเด็ก ๆ อยู่กับตาของแม่(ทวดผม) ที่ขอนแก่น ทวดของผมเคยบวชพระ และสึกมาเป็นฆราวาสครองเรือน แต่ก็ใจบุญสุนทาน และรักษาคนป่วยด้านภูติผีปีศาจตลอด แม่เห็นเสมอตอนเด็ก ๆ รักษาด้วยวิชาอาคม และได้ผลเป็นที่นับถือแก่ชาวบ้านแถวนั้น ต่อมาทวดผมได้เสียชีวิต ก็มอบร่างกายให้ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น ซึ่งแม่ไม่ได้รับสืบทอดด้านนี้ เพราะกลัวถือเคล็ดเขาไม่ได้

ประมาณ ปี 2544-2545 คนในครอบครัวไปบวชเป็นพระภิกษุ ที่ บ้านตายาย อุดรธานี แม่เล่าให้ฟังว่าเขาไปปฏิบัตธรรมกับเจ้าอาวาสที่่ สกลนคร กลับมา ก็มีอาการแปลก ๆ เผาตำราเอกสารทิ้ง นั่งเหม่อลอย ก็รักษาด้านพระ ก็ไม่หาย พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอก็วินิจฉัยว่าเป็นโรคประสาท ให้ยามามากมาย ก็ไม่หาย สุดท้ายต้องลาสิกขา แล้วนำมาอยู่ที่อยุธยา ผมก็ได้เห็นเขาตอนนั้น มีอาการเหม่อลอย จำผมก็ไม่ได้ พาไปหาพระสงฆ์ที่ว่าเก่งๆ หลายที่ก็บอกเป็นโรคประสาท โรคกรรมมั่ง ผมยังคิดว่าเขาเป็นโรคประสาท

สมัยนั้นชื่อเสียงหลวงปู่ธรรมโน(พระองค์ใดเก่งกล้ามากชาวบ้านจะเรียกท่านว่าธรรมนำหน้าชื่อ) ท่านโด่งดังมาก เพราะในหมู่บ้าน ที่แม่อยู่ มีบ่อยครั้งที่มีคนถูกผีเข้า ผีปอบมีมาก ญาติของหลวงปู่ธรรมโน ก็อยู่ในหมู่บ้าน จนเป็นคำขวัญว่า "หลวงปู่ธรรมโน กระเดื่องดัง เหยียบแผ่นดินสะเทือน"ลูกชายหลวงปู่ สมัยเป็นฆราวาส จะเป็นผู้มารักษาและหายทุกราย

สุด ท้ายแม่ไม่เชื่อเรื่องคนในครอบครัวเป็นโรคประสาท ก็ ดั้นด้น พา ไปหาหลวงปู่ธรรมโน(ทางอีสานพระที่แก่กล้าด้านธรรมจะมีคำว่า "ธรรม" นำหน้าชื่อ) กับยาย ซึ่งแม่ได้พบกับหลวงปู่ธรรมโน ที่วัดเดิมท่าน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ไล่สายเครือญาติกันพบว่า หลวงปู่กับ ทวดผม เป็นเพื่อนกัน (ภาษาอีสานเรียกเป็นเสี่ยว) คือหลวงปู่บอก บวชมาด้วยกัน แต่เรียนคนละสาย ลูกชายหลวงปู่ ชื่อปู่หยัด รักษาจนหายขาด ทุกวันนี้ทำงานเรียนหนังสือได้ดี

ต่อ มาผมทราบจากแม่ว่าหลวงปู่ธรรมโน ได้มรณภาพ ทราบภายหลังจากปู่หยัด ว่าท่านแจ้งวัน เวลาล่วงหน้า ในการมรณภาพของท่าน สมศักดิ์ศรี พระอริยอภิญญา

ทราบ ประวัติหลวงปู่ธรรมโน ได้ว่า ท่านเป็นลูกศิษย์สำเร็จลุนแห่งนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว และเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สำลี เมืองพล ขอนแก่น โดยหลวงปู่สำลี ก็เป็นศิษย์สำเร็จลุน

 

ปัจจุบันหลวงปู่ประหยัด ละสังขารมาหลายเดือนแล้วครับ จึงเล่าเรื่องเหล่านี้ได้

ปี 2554 ประมาณ เมษายน ผมได้เดินทางไปไหว้ครูที่บ้านปู่หยัด ซึ่งท่านได้บอกว่า เดือนพฤษภาคม ท่านจะไปบวชเป็นพระภิกษุอีกครั้งหลังจากช่วยคนมามาก (สมัยก่อนท่านเคยบวชเป็นพระภิกษุ แต่ ต่อมาหลวงปู่ธรรมโน สั่งให้ลาสิกขามาช่วยคน เนื่องจากเป็นพระภิกษุ ไม่เหมาะมารักษาคนด้านนี้) ผมได้ขอถ่ายรูปหลวงปู่ธรรมโน จากรูปที่ปู่หยัดมี

มีเรื่องแปลกอย่างตอนผมนอนบ้านท่าน ยาย(ภรรยาท่านสมัยเป็นฆราวาส) เล่าว่ามีหลายคนมาขอเรียนวิชาคาถาอาคมจากท่าน ท่านก็ให้ไปบ้าง ผมก็แซว ๆ เดี๋ยวขอมั่ง จนกลางคืน ๆ นั้น ทำพิธีเชิญหลวงปู่โน มาบอกกล่าว ปู่หยัดบอกว่า หลวงปู่โนบอกปู่หยัดให้สอนคาถาผมด้วยไว้คุ้มตัว (ยายรีบมาแซวใหญ่ว่า หลวงปู่ท่านรับรู้แล้ว เพราะ ยายไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ปู่หยัดฟังเลย และได้รับคำชี้แนะหลายประการ)

เช้ามา ปู่หยัดนำตำราที่มา มาให้เลือกจดในบางบทสำคัญ ๆ (หลายอย่างเห็นท่านบอกสอนไม่ได้)



ทราบภายหลังท่านบวชว่า ท่านได้ไปอยู่ที่ บึงกาฬกับ ศิษย์หลวงปู่โนด้วยกัน

จวบจน ประมาณปี 2556 หลังทราบว่าท่านได้ไปสร้างที่พักสงฆ์ขึ้นมาที่หนองบัวลำภู แถวบ้านสมัยท่านเป็นฆราวาส ผมจึงได้ทำพิธียกครูโดยถูกต้อง และได้รับ คำสอนในความรู้ทั้งหมด

เรื่องยกครู นี่มีเรื่องตลก หลังผมได้พบพรรคพวกหลายๆ คนจากการเล่นเว็บพลังจิตนี่ละครับ จนได้พาคนไปรักษาโรคประหลาด ตอนนั้นไม่ได้ระวังเรื่องการคบคน หลายคนเห็นความอัศจรรย์ ก็อยากยกครูบ้าง ผมก็เตือนแล้วว่าเขาไม่ได้สอนกันง่าย ๆ

คนที่ได้ร่ำเรียนในศาสตร์นี้คงทราบ ซึ่งภายหลังก็ ผูกโยงมากับที่ปรึกษาด้วย เพราะเรียนมาคล้าย ๆ กัน (หลายวิชามีรูปแบบ คาถา เคล็ดคล้ายกัน)

ผมจะเล่าภายหลังว่า ที่ปรึกษาเกี่ยวข้อกับหลวงปู่โน เช่นใด

ตอนนั้น ที่จำได้ มี 2 คนสมมติชื่อ ปลิงเผา กับอ้วนแสบ 2 คนนี้เป็น สหายรักกัน (ปัจจุบันแตกคอกันแล้ว) ก็อยากไปยกครูบ้าง ผมก็บอกทางไป

ยายมาเล่าภายหลังว่า ยายนิมิต แต่คืนก่อน 2 สหายนี่เดินทางแล้ว ยายบรรยายลักษณะ 2 คนนี่ได้มาเป๊ะ ๆ (การมีจิตสัมผัสเป็นเรื่องปกติของคนในสำนัก 555)

จนภายหลัง ปลิงเผา อ้วนแสบมาเล่าว่ายกครู ได้ตำรามาแล้ว อ้วนแสบ มาฟ้องภายหลังว่าปลิงเผา ทำลักษณะเช่นใด ไปตื้อจนสำเร็จ ซึ่งหลวงปู่บอก ให้มาถามผม เพราะผมเรียนจบหมดแล้ว

ผมได้โทรสอบถามปู่หยัด ท่านบอก "ยก ๆ ไปงั้นละไม่ได้เต็มใจเลย เห็นว่ารู้จักกับผม" ผมถามแล้วจะให้สอนอย่างไร ท่านกล่าวว่า "แล้วแต่ผมเลย"

"งั้นผมสอนผิด ๆ ไปเลยนะ 55" "เอาเลยแล้วแต่ผมเลย"

จวบจนทราบจากหลวงปู่ 2 คนนี้ต้องธรณีสารไปเรียบร้อยแล้ว....

 

การไปเรียนวิชานี่ฟังมามาก หลายคนอยากไปเรียน

ซึ่งผมเองไปนอนค้างที่พักสงฆ์คุยกับปู่หยัดดึกดื่น 2 ต่อ 2 หลายครั้ง

ท่านก็บอก "ผมถือว่าเป็นหลานหลวงปู่โน เพราะทวดผมเป็นเพื่อนกับหลวงปู่โน"

หลวงปู่ประหยัดเล่า หลวงปู่โน ดุมาก แรก ๆ ไม่ยอมสอนวิชาให้เลย แม้จะเป็นลูกชายแท้ ๆ

ปู่หยัดอาศัยติดตามปู่โน สมัยเป็นฆราวาสไปรักษาคน (รักษาโรคประหลาด) และฟังคาถาที่หลวงปู่โน สวดจนจำขึ้นใจ (แบบโบราณต้องบอกปากต่อปาก)

ในตำรา ปู่หยัดพึ่งได้ภายหลังก็ไม่ทราบใครจดมา ผมเองก็ได้ เห็นจาก ศิษย์ปู่โนผู้อื่นมาบ้าง( พระที่ไปช่วยปู่หยัดแรก ๆ ) หลายอย่างก็ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง

จนผมถามปู่หยัด อีกครั้งทำไมตำรามีจด ไม่ตรงกับใช้งานจริง บางอย่าก็มีผิด

ปู่หยัดบอก "เขาซ่อนกล เคล็ดลับไว้ กันคนนำไปใช้ผิด ๆ " ปู่หยัดยึดตามหลวงปู่โน บอกมา จำจากที่หลวงปู่โน สวด ท่อง จนจำขึ้นใน (และผมเองก็ใช้เคล็ดนี้ต่อมา)

อ้าว ตรงกับที่ปรึกษาบอกเลย 555 เรื่องนอกตำรามีมาก


ปี 2555 ผมได้รู้จัก ที่ปรึกษา จากการเล่นเว็บพลังจิตนี่ละครับ เห็นพระเครื่องของครูบาข่าย จึงโทรไปขอบูชาหลายอย่าง ผมได้ ขึ้นไป จ.ลำพูน ที่วัดหลายครั้ง จนค่อนข้างสนิทกัน (ปัจจุบันยิ่งกว่าสนิทอีก)

ตอนนั้นต่อมา ผมเดินทางไป หาหลวงปู่หยัด ที่ปากคาด จ.บึงกาฬ ได้ภาพ 1 นิ้วของท่านมา ก็เห็นท่านเป่า พ้วงเดียว จึงไม่ค่อยสนใจนัก

เมื่อครั้ง ที่ปรึกษา เดินทางมารับปริญญา ที่ มจร.วังน้อย จึงให้ท่านดู ท่านบอกพุทธคุณแรง จึงขอไป ผมก็ให้ไป เพราะคิดในใจ จะเอาใหม่เมื่อไรก็ได้

ที่ปรึกษา มีความสามารถในการตรวจสอบพุทธคุณพระเครื่อง ตามที่เรียนมาจากครูบาอาจารย์ หากติดขัดสงสัยไร จะไปหาครูบาสุข ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์อีกท่านที่ครูบาข่ายรับรอง ให้ไปหาหลังจากท่าน มรณภาพ

ที่ปรึกษา บอกว่า พลังของหลวงปู่หยัดแปลกมาก แม้เป็นรูป 1 นิ้วพลังเพิ่มขึ้นทุก ๆ วันตามตบะท่าน

 

ต่อมาไม่นานนัก ที่ปรึกษา แจ้งว่า มีโรคประหลาด มีอาการปวดท้อง น่าจะจากอาหาร ผมจึง ได้ส่งเหรียญหลวงปู่ธรรมโน ไปให้ ซึ่ง ที่ปรึกษา ตกใจมาก เพราะตรวจสอบพุทธคุณแล้วบอกว่า

"เกิดมาพึ่งเคยเจอ พระเครื่องที่แรงขนาดนี้ พลังเย็นแบบค่อย ๆ เย็นไม่สิ้นสุด" จึงแจ้งที่มาไป ทราบมาว่า เหรียญนี้หลังหลวงปู่ธรรมโนมรณภาพ บล็อคยังไม่ทำลาย ศิษย์ไม่ดีเอาไปปั๊มขาย 55 ไม่แนะนำให้เช่าหา แต่ประสบการณ์มากมาย เช่น พระศิษย์ท่าน เหยียบขวดแก้วไม่เข้า แม้น้องชายผม ล้มมอไซด์กลางถนน กระเด็นไปคนละทางกับรถ ก็แค่ช้ำนิด ๆ ไม่มีแผล

หลวงพี่ นำไปอาราธนาทำน้ำมนต์ ร้องจ๊ากในห้องน้ำ จนศิษย์ตกใจมาเคาะประตูเรียก หายจากโรคประหลาด และโยมพ่อท่านมาเห็นทัก ราศีผุดผ่อง

 

ต่อมาผมได้ส่งจีวรหลวงปู่หยัดและอัดภาพหลวงปู่ธรรมโนรอบ 2 ให้ที่ปรึกษา

แรงมาก อาตมาดูไม่ได้เลย ท่านรับจากหลวงปู่ธรรมโน มาหมด ท่านปิดไว้หมด

จึงคิดว่า นำไปให้ครูบาอภิญญาใหญ่ วัดป่า.... ดูดีกว่า ระดับพระอรหันต์อย่างครูบาน่าจะตรวจได้ หลวงพี่บี จึงเดินทางไป

พวกมึงเอามาให้กูดูทำไม

หลวงตาองค์นี้วิชาแก่กล้ามาก ท่านอธิษฐานปิดไว้ ถ้ากูดู กูก็จะผิด

หลวงตาองค์นี้ ตั้งความปรารถนาเป็นอรหันต์ไว้ เป็นคนดื้อ ยอมหักไม่ยอมงอ

สุดท้าย ก็โดนครูบาอภิญญาใหญ่ท่านดุ ตามระเบียบ แต่ก็ปลื้มใจครับ

อภินิหารจีวร .....

เจ้าบิ๊ก ศิษย์วัยเด็กที่ปรึกษา เจอดี

หลัง จากนั้นไม่นาน ที่ปรึกษา แจ้งว่า เจ้าบิ๊กศิษย์ท่าน เจอผีมาแกล้ง มีอาการปวดขา เดินไม่ได้ เหม่อลอย พยายามหลายทาง ก็ไม่หาย ไปหาหมอโรงพยาบาล ก็ไม่หาย

ที่ปรึกษาแน่ใจว่า เจอผี เพราะเคยพกมีดหมอที่ครูบา.....มอบให้ไปรักษา ก็หาย พอกลับวัด ก็เป็นต่อ จึงนำเจ้าบิ๊กมาพักในกุฏิที่วัด กลางดึกทุกคืนก็ร้องโวยวาย ช่วงประมาณ ตี 2-3

ทุกวัน จนที่ปรึกษา ย่ำแย่ พักผ่อนน้อย ที่ปรึกษาแจ้งว่า ครูบา.....มานิมิต บอกเป็นกรรมของเด็ก

ผมบอกว่า หลวงปู่หยัดเคยบอก กรรมไม่กรรมไม่รู้ แต่หากเจอท่าน หายหมด

เช้าวันหนึ่งที่ปรึกษา แจ้งว่าให้โทรกลับ จึงโทรไป ท่านว่าแจ้งว่าเมื่อคืนเจอดี

กลาง ดึก ตี 2 กว่า ๆ เจ้าบิ๊ก ร้องโหยหวน ที่ปรึกษา จึงตื่นมา ดูอาการ เสกเป่าตามเรื่องสุดท้าย เหนื่อย ท้อ ที่รักษาศิษย์ตัวเองไม่หาย นึกได้ ว่า ผมเคยบอกมีอะไรให้บอกกล่าวรูปหลวงปู่ธรรมโน กับจีวร จึงไปบอกกล่าวท่าน ว่าไม่ไหวช่วย ขอบารมีท่านช่วยหน่อย

ซักพักเจ้าบิ๊ก ลุกขึ้นมา บอกหายแล้ว ก็งง มาก เลย มองที่รูปกับจีวรหลวงปู่หยัด ปรากฎว่าเห็นแสงสีทองพุ่งออกมาจากรูปและจีวร มีรัศมีประกายสีขาว จึงตกใจกลัวรีบกราบขอบคุณท่าน

คุยโทรศัพท์กับผมที่ปรึกษา พร่ำบ่น "นี่อาตมาบ้าหรือเปล่า โยม " ผมก็ว่าดีแล้วซักพัก ท่านบอก ...ปลั๊กไฟระเบิด

อาตมากลัว มาอย่างนี้เขาเรียกมาดุ

คืน ต่อมาที่ปรึกษา ฝัน ว่าหลวงปู่ธรรมโน เดินมากับครูบา.....ในฝัน แล้วนั่ง ครูบา......เงียบ ไม่พูดอะไร หลวงปู่ธรรมโน บอกในฝัน เรื่องภูตผี อะไร รักษาให้แล้ว เดี๋ยวส่งหมอดี มารักษา เช้ามา แม่เจ้าบิ๊กโทรมาบอก ได้เปลี่ยนโรงพยาบาลแล้ว ปกติ จะเปลี่ยนยาก หลังจากนั้น เจ้าบิ๊กหายดี

ที่ปรึกษาพาไปหาครูบาสุข ขอท่านผูกแขน ครูบาท่านยิ้มบอก "ครูบาอาจารย์ช่วยแล้ว ไม่ต้องผูกก็ได้มั้ง"

หลังจากนั้น ซักพัก ท่านเล่า คืนนึง เคยทำน้ำเปื้อนรูปหลวงปู่ธรรมโน จึงเช็ดแล้วคว่ำรูปไว้

ตก ดึก รู้สึกมีมือ มากดศรีษะท่านติดหมอน ตกใจดิ้น ภาวนาคาถาทั้งหมด ก็ยังโดนกดศรีษะ จึงนึกได้คาถาใช้ไม่ได้ผล น่าจะเป็นครูบาอาจารย์จึงแว๊บ สะดุ้งร้อง หลวงปู่ธรรมโน ลุกจากหมอนได้ จึงรีบขอขมา ยกรูปมาวางตามเดิม

 

ผูกโยงเรื่องราวหลวงปู่โน หลวงปู่ประหยัดมานาน อาจสงสัย เกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ได้อย่างไร

หลวงปู่ประหยัดท่านได้เล่า ว่า เกี่ยวสิ เกี่ยวมากด้วย เพราะ ได้นิมิต พบหลวงปู่ใหญ่บ่อยครั้ง

ท่านเล่าบางครั้งหลวงปู่ใหญ่ มา ในร่างพระแก่ ถือไม้เท้ากายสิทธิ์มา ซึ่ง ภายหลังผมได้ ไปสอบถามพระที่ถือว่า เข้าถึงหลวงปู่ ก็ตรงลักษณะเป๊ะ ๆ

ในการอธิษฐานจิตปลุกเสกสำคัญ ๆ หลวงปู่ประหยัด ก็จะเชิญหลวงปู่ใหญ่มาอธิษฐานจิตให้ด้วย ผมได้นำไปขอพระที่ผมไปบวชด้วยตรวจกระแส ก็มีกระแสท่านจริง ๆ

ส่วนประวัติเรื่องราวหลวงปู่ใหญ่ บางอย่างก็ไม่อาจเล่าได้เดี๋ยวคนไม่เชื่อจะปรามาสเอา แต่หลัก ๆ หลวงปู่ประหยัดก็ตอบเช่นเดียวกับหลวงปู่ผ่านคือ "เรื่องราวของระดับท่านเราไม่อาจรู้ได้หรอก"

 

คาย (เครื่องบูชาครู) ที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้พิธีรักษาคน

ทุกอย่างมีปริศนาแฝงไว้ว่าจะวางอย่างไรแบบใด....

 

ผู้ที่ได้พบกับหลวงปู่ประหยัดมาแล้ว ยิ่งช่วงท่าน ฟิต ๆ ไม่มีแขกมาก คงทราบว่า ท่าน ทรงอภิญญาเพียงใด แบบถามอะไรตอบได้หมด แม้ไม่ได้ถาม บางทีท่านก็ตอบ

ตอนผมไป แน่นอน ท่านเช็คพลังพระแม่นมาก เอาไปเช็คบ่อย 555

หลวงปู่เหิร ท่านก็ ได้พบหลวงปู่ประหยัด ทางจิต มาแล้ว ก็ยังฝากผมไปชม ....

ในช่วงนึง ผมได้มีโอกาสเจอ ฆราวาสผู้ทรงจิตท่านหนึ่ง ซึ่งสามารถสื่อกับหลวงปู่เทพโลกอุดรได้ และผมได้ นำของที่ฆราวาสท่านนี้ เสก ไปขอพระเกจิ ตรวจก็มีกระแสหลวงปู่ใหญ่จริง

ตอนที่ได้พบฆราวาสท่านนี้ ก็ได้พบ พระสายหลวงปู่ใหญ่ท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาที่บ้านฆราวาสท่านนี้ด้วย ตอนกลับผมได้ ขับรถไปส่งท่านช่วงนึงก่อนศิษย์ท่านจะมารับ ก็ได้ทราบเรื่องราวหลวงปู่ใหญ่มาอีก และพระท่านนี้ก็รับรองว่าฆราวาสท่านนี้สื่อกับหลวงปู่ใหญ่ได้จริง

แต่ภายหลังชักเริ่มแปลก ๆ เริ่มไม่ค่อยแม่นในหลายเรื่อง

จวบจนภายหลังผมได้พบหลวงปู่ประหยัดก็ได้ถาม ทำไมอาจารย์คนนี้หลัง ๆ ไม่ค่อยแม่นแล้ว แรก ๆ แม่นอยู่

หลวงปู่ประหยัดตอบว่า "เขาได้กระแสบารมีหลวงปู่ใหญ่มาจริงแรก ๆ ช่วงหลังเขาอวด หลวงปู่ก็ดึงพลังกลับไปสิ"

จึงนับเป็นบทเรียนอย่างหนึ่ง ของนักปฏิบัติที่สื่อกับครูบาอาจารย์ได้ หาก เกิดการหลง อวด กระแสพลังครูบาอาจารย์อาจไม่มาโปรดแล้วก็ได้ ... ซึ่งจะตรงกับเรื่องราวที่ผมได้ทราบล่าสุดไม่นานนี้.... ขอเล่าภายหลัง...

 

ภายหลัง ได้ ทบทวน แลกเปลี่ยนกับที่ปรึกษา ในสายวิชา เคล็ดลับคาถาหลายอย่างมีคล้ายกัน ผมยังแซว ๆ กับที่ปรึกษา

"หลวงปู่โน กับครูบาข่ายคงสนิทกัน ถูกคอกันแล้วมั่ง"

และผมยังได้เล่าเรื่องนี้ให้หลวงปู่ประหยัดฟัง ท่านกล่าวว่า

"ว่าไม่ได้ ท่านก็ชอบเที่ยวเหมือนกันนะ "

 

มวลสารพึ่งได้มา จากพรรคพวกไปอินเดีย ดิน 4 สังเวชนียสถาน บูชาจากวัด เลย ผ่านพิธีมาแล้ว

 

ชอบครับ รออ่านตอนต่อไป

 

ดินจาก 4 สังเวชนียสถานในภาพ จะไม่ผสมใส่ไปมากนะครับ เพราะชุดก่อนที่เคยสร้างปี 2552 ใส่ไปมากไป จนพลังไม่สมบูรณ์เลยครับ (ไม่สมบูรณ์ดูจากผลของการห้อยบูชานะครับ คือคุ้มครองสุดยอด แต่ขอพรทางโลกมักไม่ได้ หรือได้เป็นคราว ๆ ...)

ชุดนี้แรงกว่าที่เคยได้อาจเพราะผ่านพิธีใหญ่มาจริงดังผู้ให้มอบมา ซึ่งก็แบ่งให้ QC ไปบูชาด้วยแล้ว

เหตุที่ไม่ใส่ไปมาก ก็มาจากผลที่เกิดขึ้นและทราบจากที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญพลัง ว่า มวลสารที่เกี่ยวกับธรรม จะไม่เหมาะกับการสร้างวัตถุมงคลที่่ใช้ในทางโลก ถึงบอก ต้องจำแนกพลัง จัดมวลสารให้เป็น มวลสารเกี่ยวกับธรรมก็ดังเช่น อังคารธาตุพระอริยเจ้า หรือพระธาตุ ซึ่งชุดก่อน ๆ ที่เคยสร้างใส่ไปมาก (มีเพียบ) หรือเคยเช่าบูชามา ก็เห็นผลเช่นนั้นจริง ๆ จับทำสมาธิภาวนาดีมาก พอใช้ด้านเทา ๆ ในทางโลก มักจะไม่ได้ผล ขอแล้วเงียบ ห้อยเหมือนไม่ห้อย 55 แต่ด้านคุ้มครองป้องกันสุดยอดครับ (คุ้มครองอุบัติเหตุนะ ส่วนโรคประหลาด ป้องกันไหมอันนี้ต้องลองเองครับ 55)

หากเป็นหลักวิชาฮวงจุ้ย ก็คือ การเลือกที่อยู่อาศัยหรือร้านค้าละครับ ต้องมีพลังหยาง หรือพลังเอี๊ยงให้มาก เพื่อให้มีชีวิตชีวา

หากเป็นใกล้วัด โบสถ์ ก็จะไม่เหมาะอยู่อาศัยหรือเปิดร้านค้า เพราะมีพลังอิม หรือพลังหยิน ที่มาก ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่ไม่เหมาะ เพราะพลังอิม หรือพลังหยินเป็นความสงบ... เหมาะสวดมนต์ภาวนาซะมากกว่า

 

ครั้งหนึ่ง ก่อนที่หลวงปู่เหิร จะประกาศเลิกดูพระ ดูอะไรให้ ในวันหนึ่ง ผมพกพระวังหน้าไปด้วย ช่วงคุย ๆ เห็นหลวงปู่ อารมณ์ดี ก็หยิบให้ท่านชม

บอกท่านว่า นี่พระหลวงปู่เทพโลกอุดรครับ เขาว่าท่านมีจริง ไม่ทราบว่ามีจริงไหม

หลวงปู่หลับตาจับซักครู่ แล้วกล่าวว่า "ถูกต้องแล้ว" (เสียงท่านเปลี่ยนเป็นเสียงพระแก่ ๆ เลย) ก็รู้เลย ครูบาอาจารย์ท่านมาแฝงตอบมา

"พระนี้พุทธคุณสูงมาก ๆ ดีแล้ว ที่ได้ของดีอยู่กับคนดี"

ผมได้โอกาสเหมาะเลยสอบถามเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดรเลยครับ ... ส่วนจะเป็นเช่นใด รอตอนท้ายจะเฉลย มาให้ชม มาเล่า ทันทีเดี๋ยวหมดมุก...

 

...จากนี้ไปผมจะเข้าสาระสำคัญแล้วนะครับ เหตุที่เล่ามายืดยาว เพราะจะได้เห็นว่า ช่วงนึงเคยท้อว่า มีพระวังหน้า มีของดีแต่ พอมีเรื่องเดือดร้อนท่านก็ไม่ได้มาช่วยตลอด มีครูบาอาจารย์อื่นมาช่วยดังเช่น หลวงปู่โน... แต่มาทราบภายหลังว่า ก็สายเดียวกันละครับ จนช่วงนึงได้สนทนากับ พระที่ผมไปบวชด้วย ซึ่งเข้าถึงหลวงปู่ใหญ่

"ก็เหมือนบริษัท มีประธานบริษัท แต่ไม่ใช่ว่า ประธานบริษัทจะต้องทำงานทุกอย่าง บางอย่างอาจส่งหัวหน้าแผนกไป หรือ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไป"

และการเล่าเรื่องต่อไป ก็จะค่อยๆ เล่าตามประสบการณ์ที่พบมา ตั้งแต่ ปี 2543 ที่ได้พระวังหน้ามา ซึ่ง เกือบ 18 ปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่สงสัยจะค่อย ๆ เฉลยออกมา ตามประสบการณ์ที่พบ และเป็นการยืนยันด้วยว่า อะไรคือของจริง อะไรคือจริงปนไม่จริง(คำสอนหลวงปู่เหิร)

ถามว่า ผมรู้ได้ไง ว่าอะไรคือจริง และจริงที่สุด ก็ คือการได้ผงตามในภาพ... ซึ่งผมตามหามา เกือบ 10 ปี จริง ๆ สมัยก่อนเคยมีครับ แต่ถวายครูบาอาจารย์ไปสร้างวัตถุมงคล จนเกือบหมด คือเก็บไว้นิดหน่อย และก็ได้ใช้สร้างล็อคเก็ตไปจนหมด เพราะคิดว่าจะหาใหม่เมื่อใดก็ได้

แต่พอหาจริง ๆ กลับไม่ได้เลย ไปถามหาจากผู้เคยได้ไปด้วยกัน ก็หาไม่พบ หรือพบบางคน บอกจะให้ ก็ไม่ให้ ซะงั้น

ไปตามหาจากพระที่มอบผงให้ ท่านก็ย้ายไปอยู่วัดอื่น พอน้ำท่วมใหญ่ผงหายไปหมดเลย ไปตามหาหลายๆ ที่ที่เคยมีก็ไม่มี

ผงนี้เกริ่นๆ ว่าได้จากในถ้ำ ก็นานมากโข หลังท่านได้มาหินก็หล่นปิดปากถ้ำไปแล้ว (ผมรับฟังมาปี 2544 ก็หินหล่นปิดปากถ้ำไปแล้ว) เรียกว่า หาโคตรยากที่สุดเลย

และล่าสุด ก็ได้มอบให้ผู้ที่ขอมาท่านหนึ่ง มาทราบภายหลังผู้ได้ไป ไปถวายพระท่านหนึ่ง กลายเป็นว่า พระที่ได้ไป ก็รอคอยกระแสหลวงปู่ใหญ่มา 7 ปี คือยืนยันความเป็นของแท้ของผงนี้...


ท่านใดสัมผัสกระแสจากภาพได้เชิญเลยครับ ผมทราบมีจอมยุทธ์มาอ่านอยู่ 55

 

...ตามหลักคำสอนในพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเกิดมา ความทุกข์ก็ติดตามเรามาแล้ว ทุกข์เพราะต้องทำมาหากินเลี้ยงร่างกาย ทุกข์เพราะ เจ็บไข้ได้ป่วย

...บางท่านสั่งสมบุญ บารมีมามาก เรียกว่าแทบไม่เคยเจอความทุกข์เลย แต่ทุกสิ่งย่อมเป็นอนิจจัง แม้ไม่ทุกข์เรื่องตนเอง ก็ทุกข์เพราะเรื่องของคนอื่น

...ใน หมู่พระสงฆ์ก็เช่นเดียวกัน หลายท่านคงทราบดีว่า เป็นพระสงฆ์ในยุคปัจจุบันไม่ใช่ว่าจะ เช้าเอน เพลนอน บ่ายจำวัด นั่งกินนอนกินได้ หากมีความรู้ หรือยังหนุ่มก็ย่อมต้อง ทำงานของพระ เช่นงานคณะสงฆ์ หรือมีตำแหน่งรองเจ้าอาวาส หรือเป็นเจ้าอาวาส ยิ่งไปกันใหญ่ ไหนจะประชุม ไหนจะงานเอกสาร ต่าง ๆ นอกจากไป อยู่วัดสายพระป่า อาจดีขึ้นหน่อย ก็อยู่วัดป่า ก็ต้องปฏิบัติธรรม หากไม่ทำตาม กฎ ก็คงอยู่ไม่ได้

...ผมเห็นจากที่ปรึกษาละครับ มีภาระการงานมาก ไม่ใช่ว่า อยากคุย ก็ได้คุย ท่านบอก พระเดี๋ยวนี้ต้องพัฒนาวัดนะ หากไม่พัฒนา ก็อยู่ยาก

...การมีเครื่องรางของขลัง หรือมีวิชาอาคมมาก หรือมีของดีมาก ก็ใช่ว่าจะมีความสุข ราบรื่น สมหวังดังต้องการเสมอไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมไม่เหนือกว่า คำสอนพระพุทธเจ้า คือ กรรมเป็นตัวกำหนด

...แต่ ที่พบ ผู้รู้วิชาจริง หรือ ปรมาจารย์จริง จะมี กลวิธี การเบี่ยงกรรม หลบเลี่ยง ซึ่งวิชาเหล่านี้ สายฤาษีจะมี ดังที่ ที่ปรึกษาสอนว่า "ผู้มีปัญญาจะพึงใช้"

...และแน่นอน แม้ ได้ชื่อว่า เข้าถึงหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่เทพโลกอุดร ก็ใช่ว่า อะไร ๆ จะราบรื่น สมหวังไปตลอด เพราะผู้เข้าถึงก็ สอนผมอยู่ การเข้าถึงก็แล้วแต่ระดับ พระพุทธเจ้าท่านสอนมาแล้ว มี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์
หากอยู่ระดับล่าง ๆ ย่อมสื่อ หรือเข้าถึงท่านผิดพลาด

..แม้ ผู้เล่าให้ผมฟัง ก็ยอมรับว่ายังไม่ถึงระดับ อริย มีกิเลส มีการปรุงแต่ง แต่ทีนี้ ผู้ที่ถึงระดับสูง มักจะปิดตน ไม่เล่าเรานะสิครับ ผู้ที่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ระดับสูงมาคงทราบ ว่า "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง"

 

...หลังผมได้พระวังหน้า เดือนตุลาคม 2543 และได้พบอภินิหารมากมาย แม้นำพระไปขอผู้มีจิตสัมผัส ก็ไม่ผิดหวัง

... และแน่นอนสิ่งที่ไม่อยากพบ ไม่อยากเจอ ก็มา คือ ความทุกข์ ในหลาย ๆเรื่อง จนผมได้โทรคุยกับ ผู้ร่วมทัวร์บุญคราวนั้นทราบว่า หลวงพี่ที่มอบพระวังหน้าให้เรา (การมอบ คือพาไปหาเจ้าของกรุพระวังหน้านะครับ เป็นฆราวาส ส่วนเขาจะได้มาเช่นใดจะเล่าให้ฟังอีกที เขาได้พบหลวงปู่ใหญ่ด้วย) ท่านอยู่วัดใด ก็ไปตามหาเลย

...ผมนั่งรถตู้ ต่อ 2 แถวไปจนได้พบท่านอีกครั้งในต้นปี 2544 วัดนั้นมีอดีตพระอริยเจ้า ผู้ทรงจิตขั้นสูงอยู่ ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว คือ หลวงปู่เลิศ ผมก็ได้พบหลวงปู่เลิศด้วย 2 ครั้ง ครั้งแรกที่วัด ครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาล ต่อมาท่านก็ละสังขารนิพพาน

..หลวงพี่ท่านเล่าให้ฟัง ว่าหลวงปู่เลิศ คือพระอุปัชฌาย์ ซึ่งปิดตนอย่างมาก ศิษย์เอกท่านซึ่งเป็นรองเจ้าอาวาสขอเปิดเผยเรื่องท่านนับสิบ ๆ ปี กว่าท่านจะอนุญาต ก็ช่วงใกล้มรณภาพแล้ว

...จากการไปคลุกคลี ไปนอนวัด บ่อยครั้งที่กุฏิหลวงพี่ท่าน ก็ได้ทราบเรื่องราวมหัศจรรย์มากมาย ช่วงนั้นท่านเป็นพระลูกวัดธรรมดา ภาระการงานยังไม่มาก จึงได้ทราบความอัศจรรย์หลายเรื่องดังนี้

1. ในวัดนั้นตามเล่า พรรคพวกท่าน รองเจ้าอาวาสก็มีวิชาอาคมดี เป็นพระเกจิอาจารย์เลย มีนิมนต์ปลุกเสก เพราะมีอาจารย์ดี คือหลวงปู่เลิศ หลวงตาลาภ และ ก็แสวงหาครูบาอาจารย์ดี ๆ ตลอด เรียกว่า องค์ไหนดังเก่ง นิมนต์มาที่วัดเลย และมีการสร้างวัตถุมงคล ปั๊มพระตลอด 555 ผมยังไปยืนดูเลย และมีการ ไปช่วยครูบาอาจารย์ต่าง ๆ สร้างวัตถุมงคล ภายหลังเจ้าอาวาสไม่ชอบ เลยย้าย คลังสมบัติ ไปที่พักสงฆ์ที่ดงพญาเย็น ละครับ มวลสารต่าง ๆ ผมก็ได้จากที่นี่ ไปเลือกหยิบได้เลย

หลายคนอาจสงสัยทำไมผมรู้จักพระดี พระเก่งมาก ผมก็ได้ข้อมูลจากสายนี้ละครับ ปัจจุบัน เลิกแล้วครับ แม้โดน ยุแหย่ ว่ามี หลวงปู่องค์นี้สุดยอดนะ อยู่นี่นะ ผมก็พยายามหักห้ามใจไม่ไปแสวงหาแล้ว...

2. หลวงพี่ ท่านนี้ ได้แนะนำให้รู้จักครูบาอาจาย์มากมาย มีการจัดทัวร์บุญด้วย และได้แนะนำให้รู้จัก พระเกจิ ที่นำพาผมไปหาหลวงปู่ดิ่งละครับ

....จำได้ วันนึงไปหาหลวงพี่ท่าน ท่านบอก หลวงตา...เจ้าอาวาส วัดนี้มาที่นี่ สมัยนั้น ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดดังวัดหนึ่ง ซึ่งหากเอ่ยชื่อทุกคนต้องร้องอ๋อรู้จัก เพราะ ก่อนหน้านั้น มียอดเกจิอาจารย์ ท่านหนึ่งดังมาก ๆ อยู่วัดนี้ หลวงตาท่านนี้ ก็ เป็นญาติกับยอดเกจิอาจารย์ท่านนั้นด้วย..

...ภายหลัง การเป็นเจ้าอาวาส ปัญหามาก ท่านเลยลาออก และท่องเที่ยวไปเรื่อย จนได้มาสนิท ไปเที่ยวกับผมบ่อยละครับ (เป็นฝ่าย QC)

...การพบกันครั้งแรกของผม กับพระเกจิ หลวงตาที่ว่า หลวงพี่บอก หลวงตาท่านนี้ไม่ธรรมดา จนท่านยังชมว่าน่าจะได้ โสดาบันแล้ว ซึ่งการไปคุย ผมก็สังเกตุในหลาย ๆเรื่อง ยังแอบถามเรื่องอนาคตของผมเลย ก็ตรงครับ เลยยิ่งชอบใจใหญ่ ...

3. การไปคลุกคลี บ่อย ๆ ยังได้ทราบว่า หลวงพี่ท่านนี้มีความสามารถพิเศษหลาย ๆ อย่าง เช่น การดูพลังพระ 555 แม่นมาก และการหยั่งรู้อนาคต หยั่งรู้ในหลาย ๆ เรื่อง สมัยนั้น เป๊ะมาก เรียกว่าเรื่องไร้สาระ ไม่ต้องถาม บอกมาเลย

ตอนนั้นชนิดที่ว่า ได้ของดีมา รีบไปหาให้ท่านตรวจพลังให้เลย (ฝ่าย QCท่านแรกของผม)

อย่าถามนะครับ ตอนนี้ท่านอยู่วัดไหน ที่ใด ความสามารถเหล่านี้ ถอยลงไปมากแล้วครับ ด้วยภาระการงานมาก อย่างที่บอก เป็นพระเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ เช้าเอน เพลนอน บ่ายจำวัดนะครับ....

ผม คบกับท่านมาแต่ปี 2544 ปัจจุบันกี่ปีแล้วนับดูครับ เรียกว่าไปบวชอยู่ด้วยเลย

และท่านนี้ละครับ ทำให้ผมได้ทราบเรื่องราว หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งต่อมา ท่านได้ชี้แนะให้ไปพบ ศิษย์พี่ท่าน ซึ่งอดีตอยู่วัดนี้ด้วยกัน ภายหลัง ได้ไปพัฒนาอีกวัดหนึ่ง และเป็นวัดที่ผมไปบวชด้วย....

 

...หลังรู้จักกันมาแต่ปี 2544 จนปี 2549 เรียกว่า ผมไม่ไปที่อื่นเลย เพราะ ท่านเป๊ะ แม่น เฉียบขาด ชนิดที่แม่ของเพื่อนผมที่ภูเก็ต สมัยนั้น แม่่ของเพื่อนไปอยู่กับพระเกจิอาจารย์ดัง ชนิดที่เอ่ยชื่อ ทุกคนต้อง รู้จัก ยังขึ้นเครื่องบินจากใต้ มาถามหลวงพี่ท่านนี้ในหลาย ๆ เรื่อง

...เรียกว่า เฉียบขาด ไม่พลาด จนทุกวันนี้ผมเสียดายความเก่งเหล่านั้น เพราะ อย่างที่บอก เมื่อยังไม่เข้าอริยเจ้า ย่อมถอยลงได้ตามภาระการงาน

...ในปี 2549 ปลายปี ตอนผมไปบวช เลยได้คุยกันบ่อย ผมยังถามตรง ๆ ทำไม หลวงพี่กับ อาจารย์ (ศิษย์พี่ท่าน) แม่นเป๊ะ เว่อ ขนาดนี้ ท่านบอกว่า เขาเรียกว่า

...สัมผัสที่ 7 คือ การสัมผัสกับครูบาอาจารย์ ภาษาท่านเรียกว่า ครูบาอาจารย์เปิดให้ คือ สื่อมา มีข้อจำกัดคือ หากครูบาอาจารย์ไม่เปิด ก็จะไม่รู้ เรียกว่าเราไปโกหก ท่าน ท่านก็ไม่ทราบ....

หลังท่าน มีภาระมาก เริ่มไม่แม่น ผมก็ได้พบความสามารถนี้กับหลวงปู่ประหยัดละครับ ในช่วงที่ท่าน แม่นๆ นะ คือ โทรไปถามรู้เลย ...

แต่ เหมือนโชคชะตาเล่นตลก พอมีเรื่องเดือดร้อนมาก ๆ ต้องการความแม่น อะไร ๆ ก็ไม่ชัดเจน คือ ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ผมต้องระวัง เพราะอาจเจอแบบ ตอบให้กำลังใจ.....

ครั้งหนึ่งเคยพบเหตุการณ์นี้ ผมหาข้อยุติ ขับรถไปหนองบัวลำภูเลย ขอ ยายทำคายใหญ่ ตามภาพ เชิญหลวงปู่โน มาถามเลยครับ ได้ข้อยุติ เวลาผ่านมา ก็ตรง เป๊ะ ไม่คลาดเคลื่อน

ปัจจุบันหลวงปู่ประหยัดมรณภาพแล้ว จะหาใครทำได้แบบนี้อีกละครับ....