ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

ถามอากู๋ง่ายกว่าฮับ

 

คำว่า.. "ตถาคต" ...ถ้ากล่าวถึงสภาวะจะหมายถึงความว่าง_อนัตตา_ศูนยตา....ถ้ากล่าวถึงบุคคลจะแปลว่า..ผู้เป็นบรมครู_เป็นผู้ดำเนินไปเป็นคนแรก...คือพระพุทธเจ้านั่นเอง
...ตถาคตมาจากการรวมคำ2คำเข้าด้วยกัน...ตถา+คติ

 

ตถ คตา คติ .... ทางไปเช่นนั้นเอง....

เปน สภาวะ

ไม่ใช่ บุคคลาธิษฐาน

เวลา เข้าสู่ ปุถุชน จึง เคลื่อนเปน บุคคล

พอเปนบุคคล คนชี้ทาง จะมี ตัวเองเปนศาสดา
สอนชี้ทาง สิ้นกิเลส

ขี่คอ ศาสดา ทันที

 

มรรคสมังคี คือ อาการของจิตรวมลงเป็นสมาธิโดยมีสติสัมปชัญญะครบสมบูรณ์บริบูรณ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน...จะเกิดเป็นปัญญาญาณ

เจตสิก คือ ธรรมารมณ์นั่นเอง..โดยการรวมความหมายจากคำว่า...เจตนา+สิกขา

 

เราก็บูชาตถาคตหรือบูชาพระพุทธเจ้าไว้เหนือเศียรเกล้าอยู่เสมอไม่มีกาลไม่มีเวลานี่...เรามีพระพุทธเจ้าเป็นบรมครู

 

คนมีความ กตัญญูต้องมี สำนึก

ภาษาพูดของพระศาสดา ต้องรักษา

ไวยากรณ์ วิธีการแปล ผสมคำ ต้องทราบหลัก

เดาเอาเอง ไม่ได้....

อกตัญญู ไม่ได้

 

ถ้าระลึกได้แล้ว
เพียรชำเลืองความว่างที่แทรกอยู่
ระหว่างมวลความคิดสาระพัดได้บ่อยๆ
ก็จะมีโอกาสเข้าถึงสัจจะ
เพราะปัญญาจากความว่างเท่านั้น
ที่จะ
รู้ความจริง
ที่เหนือสมมุติ

 

ปัญญาท่านยังไม่พร้อมปฏิบัติ...หลายปีที่ผ่านมาท่านเผลอไปปรามาสอริยบุคคลไปแล้วตั้งมากมาย...เพราะท่านรู้จากตำราอย่างเดียว...ถ้าท่านอยากจะปฏิบัติให้ก้าวหน้า...ให้ท่านขออโหสิกรรมกับความไม่รู้ของตนเสียก่อน...สำหรับเรานั้นท่านไม่ต้องขออโหสิกรรม...เพราะเราไม่มีตัวตน...เพราะเราไม่เคยให้โทษแก่ใคร...เราไม่มีโทษต่อผู้ใด

 

ความว่าง ที่เพิกสมมติ เปนเพียง การคิดให้ว่าง
แล้วเกิดอาการ สำคัญว่า เท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า
เปน อุปทานขันธ์ต้อยรัด แน่นหนา ปักใจเชือ
ยิ่งทำ ยิ่งเครียด ใครย้อนแย้ง.กอลัมเรียกพี่

ส่วน การปรารภ อาสัยสมมติ(แสดงไตรลักษณ์)
จึงเกิด ความเบื่อหน่าย เพราะ ประจักษอริยสัจจ
เนืองๆ จึงเกิด ตถาตา ตถาคต ตรงหน้า....พ้น
อยาตนะ โดยที่ยังมี อยาตนะอยู่ ...ไม่ต้องเคลื่อน
จิตไปในอุปาธิใดๆ ไม่มีความประมาท ปักใจเชื่อ



.

 

ภาษานั้นมันก็ต้องเปลี่ยนไปตาม
ยุคนั้นๆ..ถ้ายกเอาคำศาสดามาทั้งหมดคนยุคนี้ไม่อาจทำความเข้าใจได้...การแนะนำคนอื่นจะติดอยู่ที่วิธีการหรือภาษาพูดทำไม...มันได้ประโยชน์น้อยกว่าความต้องการของตถาคตที่ปรารถนาจะรื้อขนสัตว์ออกจากวัฏฏะสงสาร

 

มีโทษแง๋ๆ
ถ้าหงบเป็นอริยะบุคคลจริง ต้องเกิดโทษ
ต่อผู้ปรามาสอยู่แล้วฮับ
และหากท่านมีคุณธรรมสูงจริง
คงไม่ทำกิริยาใดๆ
ให้ผู้อื่นหลงเข้าใจหงบผิด
เพราะความเมตตาและความรู้พร้อม
ในตัวหงบเองฮับ

 

พระไตรปิฏก ชื่อว่า พิชัยสงคราม

ผู้มุ่งทำลายสัทธรรม ย่อมหวั่นเกรง พระไตรปิฏก

กล่าวอ้างว่า การปรากฏ เปนอันตรายต่อ
มรรคผลนิพพาน

 

เราก็บอกอยู่ว่า..พระไตรปิฏกคือลายแทงที่จะนำไปให้ถึงขุมทรัพย์...ส่วนขุมทรัพย์นั้นคือกาย_ใจ นี้แหละ...ผู้มีปัญญาย่อมเอาตำรามาเป็นแนวทางปฏิบัติของตนเพื่อให้รู้เห็นตามจริง...อันไม่ใช่สมมุติ...ส่วนตำรานั้นยังเป็นสมมุติอยู่นะท่านเล่าปัง

 

เราอโหสิกรรมให้กับทุกคนตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามาใน
เวปนี้แล้วล่ะ...ไม่ต้องสนใจเรา...เราไม่มีค่าอะไร...เราไม่มีตัวตน...ส่วนใครที่เอาคำแนะนำของเราไปปฏิบัติ...ไม่ต้องมาขอบคุณเรา...ให้ไปขอบคุณพระรัตนตรัย..ไปขอบคุณพระพุทธเจ้า...ไปบูชาคุณพระพุทธเจ้าและบูชาคุณพระรัตนตรัย...

 

บุคคลที่ ใช้แผนที่เปน จนเหนผล

ย่อม สอนผู้อื่นให้ใช้ แผนที่ ได้

การที่บอก หากใช้แผนที่ แล้ว จะปิดบัง มรรคผล

ย่อมเปน เฮีย!! ส่งมาเกิด สถานเดียว

 

เราย้ายห้องแล้วนะ..ไปห้องแม่ชีดีกว่า

 

ก็มายกเอาร่างกายจิตใจนี้แหละเป็นแผนที่เป็นลายแทงในชั้นปฏิบัติ..ท่านยังไม่เข้าใจอยู่อีกหรือ...นี้แหละที่เรากล่าวว่า..ท่านยังปัญญาน้อยอยู่..เพราะความไม่รู้ของท่าน..มันปิดบังใจ..ปิดบังชั้นการปฏิบัติ

 

เมียริยำชนมาหน้าแดงใส่เหย็งๆ
โอ๋เมียหน่อยฮับหงบ

 

เมียหงบถามใครว่าด่าทำไม??
ทีเมียหงบด่าเจ้ายังโง้นยังงี้ ไม่เห็นเจ้ามาถาม
ซักคำ เอ้อ

 

เดี๋ยวเมียเก่าก็ตามไปหึงอีก