อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๗ : ลิงลม

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 17 กรกฎาคม 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    17.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๗ : ลิงลม


    ลิงลมที่กล่าวถึงในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเจ้าตัวน้อยตาโตแสนจะขี้อายนั่นหรอก หากแต่หมายถึงวิชาไสยศาสตร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้คาถาหัวใจลิงลมปลุกตัวเองขึ้นมา หรือให้ครูบาอาจารย์ที่ชำนาญในคาถานี้ ทำการสักอักขระหรือรูปลิงลมแล้วปลุกเสกให้...

    วิชาประเภทนี้ต้องหมั่นปลุกตัวเองอยู่เสมอ หาไม่แล้วเวลาฉุกเฉินขึ้นมา มักถูกเขาเหยียบอานเพราะของดันไม่ขึ้น ทีตอนไม่ต้องการให้ขึ้นกลับขึ้นได้ขึ้นดี อาตมาเองอยากรู้อยากเห็นมากว่า เวลาของขึ้นแล้วมันจะแน่จริงซักแค่ไหน...!

    นิสัยเชื่อยากแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก กว่าจะยอมเชื่ออะไรซักทีต้องลองแล้วลองอีก ถ้าไปเจอที่เขาดีจริงก็เสมอตัว ถ้าเจอพวกดีแต่คุยโม้ เราไม่ติดคุกก็ได้ศัตรูเพิ่มขึ้น การทดลองบางทีก็เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง พลาดพลั้งขึ้นมาตายโหงเอาง่าย...!

    เช่น "หลวงพ่อ" บอกว่า ข้าวตอกพระร่วงมีอานุภาพกันงูได้ อาตมาเชื่อน่ะเชื่ออยู่ แต่ก็ขอลองให้หายคันหัวใจหน่อย คว้าคองูเขียวหางไหม้ตัวเบ้อเริ่ม ปรากฏว่ามันไม่กัดจริง ๆ ตั้งแต่นั้นมางูอะไรเจออาตมาเป็นเผ่นกระเจิง เพราะถูกไล่จับเล่นเป็นของสนุกไปเลย...!

    เมื่อขึ้นเปลี่ยนกำลังพลที่ฐานหน้าตาพระยา ผบ.ร้อยสั่งทหารทุกนายว่า "อย่ารับของกินของใช้ทุกอย่างจากชาวบ้านที่นี่ พวกนี้เลี้ยงผีและเล่นไสยศาสตร์กันทุกบ้าน...!" อาตมารับทราบแต่ไม่รับปฏิบัติ ก็มันไม่เชื่อนี่ครับ...!

    ด้วยบารมี "หลวงพ่อ" คุ้มหัว ทำให้อาตมารอดจากยาพิษ ยาสั่ง และอาถรรพ์มืด ที่หมอผีพวกนี้ตั้งใจจัดการกับอาตมา เหตุเพราะนำกำลังพลไปปิดตลาดมืด ทำให้พวกเขาหมดทางทำกิน จึงมีหนี้แค้นที่ต้องชำระกัน และทหารโดนเวทย์มนต์ลี้ลับเล่นงานปางตายไปหลายคน...

    เมื่อเข้าเวรดึกอาตมาและเพื่อน ๆ ได้ยินเสียงหวืดหวือเหมือนกับมีตัวแมลงขนาดใหญ่ บินฉวัดเฉวียนไปมารอบฐาน พอมองไปยังต้นเสียง ทั้งที่มืดสนิทก็ยังมองเห็นวัวขี้ผึ้งตัวเล็ก ๆ ควบตะบึงอยู่บนอากาศอย่างคึกคะนอง...!

    อาตมาพกธงมหาพิชัยสงครามของ "หลวงพ่อ" จึงไม่ได้หวั่นเกรงเจ้าวัวอาคมแม้แต่น้อย เพียงแต่บอกเพื่อน ๆ ว่า "อย่าทัก" เจ้าวัวร้ายก็หมดช่องทางทำอันตราย ต้องย้อนกลับไปหาเจ้าของในที่สุด...

    อีกคราวหนึ่ง...ทหารยามของร้อย ร.๙๑๐๒ เข้าเวรดึกเช่นกัน... เห็นนกประหลาดตัวมหึมาบินพึ่บพั่บมาจับยอดไม้ข้างฐาน ด้วยความกลัวสุดขีดเลยซัดด้วยปืนกล ๙๓ เป็นชุด เจ้านกยักษ์ตกพลั่กลงมา ผบ.ร้อยและเพื่อนทหารที่ตกใจตื่น แห่กันไปดูแล้วก็พบกับสิ่งสยองขวัญ...!

    เป็นร่างของชายฉกรรจ์ที่มีร่างกายท่อนบนกำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ อย่างกับนักมวยปล้ำ ท่อนล่างตั้งแต่หัวเข่าลงไป ถูกมัดติดกันจนเล็กลีบนิดเดียว หน้าตาเหี้ยมแสยะอย่างกับยักษ์มาร แขนสองข้างคล้องกระด้งที่ใช้เป็นปีก... "ผีกระหัง"...!

    แม่นแล้ว...ผีกระหังที่เขาเล่าลือกันนั่นแหละ เห็นแล้วต้องยอมเชื่อว่ามันบินด้วยกระด้งได้จริง ๆ ก็แขนมันแข็งแกร่งออกปานนั้น คว้าคอใครเข้าคงหักทันที ร่างกายมันไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย แต่โดนแรงปะทะของกระสุนปืนกระแทกจนกระดูกป่นไปทั้งตัว...!

    จบภารกิจจากแนวหน้ากลับมาพักผ่อนยังที่ตั้งปกติที่ส่วนหลัง เนื่องจากการรบติดพันทำให้ทหารเกณฑ์ผลัดที่ ๒ ปี ๒๕๒๒ ค้างปลดเป็นเวลาสามเดือน อาตมาที่เข้าเวรอยู่จึงผ่อนผันให้พวกเขาหาความสำราญกันได้ อย่าให้มีเรื่องเดือดร้อนก็แล้วกัน...

    อาตมานั่งคิดเบี้ยเลี้ยง ขณะที่ทหารตั้งวงชนแก้วกัน กำลังลงบัญชีเพลิน ๆ เสียงตึงตังโครมคราม และเสียงเอะอะโวยวายไม่ได้ศัพท์ อาตมาพรวดเข้าไปจะห้ามทัพเพราะคิดว่ามีการเมาแล้วตีกัน กลับเห็นพวกเขาล้อมวงดูอะไรบางอย่าง...!

    ที่กลางวงนั่นเอง...พลทหารสมศักดิ์ หกคะเมนตีลังกาอย่างคล่องแคล่ว บางทีก็หงายหลังเอาหัวชนส้นเท้า แต่มันกลับเดินได้ ปากก็ร้องว่า "อาจารย์...อย่าทำผม...อย่าทำผม" ถามดูจึงรู้ว่าเขาสักลิงลม และฝืนคำครูกินเหล้าเหลือเดนคนอื่น เลยถูกครูเล่นงาน...!

    วิธีแก้ง่ายมาก แค่ตบบ้องหูผัวะเดียวก็หายแล้ว พรรคพวกมันมัวแต่กลัวกันอยู่ ส่วนอาตมานั้นอยากลองดูกับของอย่างนี้มานานแล้ว เลยโดดเข้าล็อคคอ แบกเจ้าตัวดีลอยขึ้นมาทั้งตัว คิดว่าขาพ้นพื้นจะใช้แรงไม่ได้ มันกลับดิ้นตูมเดียวกระเด็นไปคนละทิศละทาง...!

    ฮ่า...แบบนี้ก็มันสิขอรับ...! ตามปล้ำตามฟัดกันแทบกองร้อยถล่ม พวกทหารเห็นดังนั้นก็เอาด้วย ช่วยกันจับช่วยกันคว้า แต่พ่อเจ้าประคุณเอาแรงบ้ามาจากไหนไม่รู้ เหวี่ยงเอาออกหัวออกก้อยไปตาม ๆ กัน พลทหารถวิลโมโหเข้าเอาน้ำสาดโครม ลิงลมหายจ้อยเลย...!

    รุ่งขึ้น...อาตมาระบมอย่างกับชกมวยไทยมาห้ายก แต่เจ้าตัวแสบไม่เป็นอะไรเลย บอกแค่ว่า "เมื่อคืนผมคงเมามาก หลับไปตอนไหนไม่รู้ตัวเลย..." เออ...ฝากไว้ก่อนเถอะน่า...ของขึ้นอีกเมื่อไหร่เจอกัน...อูย...ระบมทั้งตัวเลยเรา...!

    เครื่องรางของขลังทุกชนิดเป็นที่พึ่งชั่วคราวเท่านั้น ที่พึ่งแท้จริงของเราคือ ทาน ศีล ภาวนา เร่งใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความทุกข์ ความตั้งอยู่ไม่ได้ของร่างกายนี้ ถอนความพอใจในมันเสีย ตั้งใจไปนิพพานกันดีกว่า...!

    ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...