กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,220
    ค่าพลัง:
    +10,114
    สงสัยหนุ่มนาคาจะหวง สาวมนุษย์อย่างแรง 555+
     
  2. Aun_patcha

    Aun_patcha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +40
    งื้อๆทั้งดีใจและเสียใจเลยค่ะ ดีใจที่ยังมีอีกคนรักเรา เสียใจที่เราไม่สมหวังในความรักในภพชาติปัจจุบันได้, 555
     
  3. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,220
    ค่าพลัง:
    +10,114
    คงคล้ายๆๆผม ไม่สมหวังเรื่องความรัก เพิ่งเลิกกับแฟน 555+
    ไม่รู้ใครตามไหม แต่การเป็นคนดีไม่ตอบโจทย์ความรัก คงเป็นมีเวรกรรมในอดีตเลยทำให้ไม่สมหวังในความรัก แต่ผมรู้สึกกับแฟนคนนี้ก่อนเลิกว่าต้องมาชดใช้เค้า (รู้สึก)
     
  4. Aun_patcha

    Aun_patcha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +40
    ใช่คะเหมือนกันเลย ชดใช้กรรมหมดแล้วสบายใจค่ะ
     
  5. ทิพย์นารา

    ทิพย์นารา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +49
    วันนี้อ่านกระทู้หลายหน้าเลยค่ะ เพลิดเพลินดีแท้ ช่วงว่างจากการงานค่ะ
    อยากถามพี่นพถึงวิถีรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตว่าบริหารจัดการอย่างไรคะ
    จริงๆเหมือนเราทำใจยอมรับได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น
    แต่มักจะมีความคิดเรื่องนั้นๆผุดถึงบ่อยๆ ทำให้รู้สึกสะเทือนจิตใจ
    แม้ที่เราคิดว่าเราจัดการปัญหานั้นๆจบแล้ว เป็นๆหายๆ บางครั้งเป็นนานเพราะแช่ในอารมย์ บางครั้งก็หายไว ทำให้ทราบว่าจริงๆเรานั้นปลงยังไม่ลง 5555 ยากแท้หนอ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    443BB521-987A-4704-9C6D-1A2DB592264F.jpeg เรื่องภาพดูเพื่อความบันเทิง
    เพราะไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้ครับ


    เรื่องพลังงานนั้นมีอยู่ปกติ เช่นแรงดึงดูดเราถึงอยู่บนโลกนี้ได้ ไม่งั้นคงลอยไปแล้ว
    แรงโน้มถ่วงเราจึงเห็นการหมุนรอบ
    ของดวงดาวหรือรู้จักคำว่า วงโคจร
    ในระบบกาแลคซี่นี้
    แต่แรงพวกนี้กลับมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
    แต่เรารู้ว่ามันมีอยู่

    แรงแม่เหล็กไฟฟ้า ปัจจุบันใช้กันทั่วโลก
    แรงนิวเคลียร์แบบเข้มและอ่อน
    ทำให้ค้นพบการกำเนิดของสะสารและแรงที่แทรกอยู่ เป็นที่มาของวัตถุต่างๆบนโลก นอกโลก ในระดับอะตอม อนุภาค รวมทั้งการอยู่ร่วมกันได้ของสะสารต่างๆ ที่กล่าวมาล้วนเป็นเรื่องของแรง เป็นพลังงานทั้งสิ้น

    เราจะพบว่า เราเรียกมันต่างกันเพราะ
    เอกลักษณ์ อนันตกิริยาของมันแตกต่าง
    กันนั่นเองครับ


    ดังนั้นเมื่อจิตเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง
    และก็อยู่ภายแรงโน้มถ่วง และดึงดูด
    เดียวกัน แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคียร์เข้มอ่อนเหมือนกัน
    จึงมีความเป็นไปได้ตามหลักเหตุและผลในการตรวจค้นพบแรงต่างๆด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ว่ามีอยู่จริง
    เพียงแต่ปกติมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
    นั่นแลครับ

    เพื่อให้ง่ายในความเข้าใจ พลังงานหรือแรง
    เหล่านี้จึงพูด เป็นภาษาง่ายๆ ว่า ภพภูมิ
    บ้างเรียกว่า ผี บ้างเรียกดวงจิต ดวงวิญญาน

    ด้วยเอกลักษณะทาง
    อนัตตกิริยาที่ต่างกัน ที่ทำให้เราแบ่งแยกเรียกชื่อได้นั้น

    เพื่อให้ง่ายในความเข้าใจอีก
    เราเลยรู้จักคำว่า ผีโน้นนี่นั้น
    เทวดานี้ เทพนั้น ระดับโน้นนี่นั่นนั่นเอง

    ** อย่าลืมว่า ในระดับอะตอมมี
    อนุภาคที่เป็น ๑.องค์ประกอบสะสาร
    และ ๒. สื่อนำแรง และ ๒ แทรกใน ๑ ปกติ ทั้ง ๒ ตัวนี่หละ
    ที่ก่อนจะมาเป็นวัตถุต่างๆรวมทั้งร่างกายเรา


    แรงตัวที่ ๒ นี่เองที่เอกลักษณะในการเพิ่ม
    รวมกันได้เป็นล้านๆแรง ด้วยที่ ไม่อาศัยพื้นที่
    เมื่อไม่มีพื้นที่ มันจึงไม่มีระยะทางเช่น กว้าง ยาว เมื่อไม่มีระยะทาง มันจึงไม่อิงเวลาที่ต้องใช้เดินทาง ในขอบ กว้าง ยาวนั้น จึง กลายเป็นคำว่า เหนือกาล เหนือเวลา เราเรียกง่ายๆว่า อดีต อนาคต
    นั่นแล และด้วยไม่มีระยะทางมาเกี่ยว
    เราเลยรู้ คำว่า จิตหรือแรง เดินทางได้เร็ว
    เร็วแค่ไหน ก็เร็วกว่า แสงหรือเสียงตามแต่ที่จะหาคำมาเปรียบได้

    ทางวิทย์ จะบอกว่า
    เร็วเท่าที่มันจะเร็วได้นั่นเอง

    ดังนั้น มองจิต ในเชิง
    นามธรรมต่างๆ
    ในมุมของแรง
    เราจะเห็นความหนาแน่นของแรงนั้นๆ

    แล้วมองเอกลักษณะของแรง ในเรื่อง
    ๑การเพิ่มของแรง ๒การดึงดูดของแรง ๓การสร้างอนันตกิริยาต่างๆเฉพาะ
    เราก็จะเริ่มเข้าใจอะไรง่ายขึ้น กว่าคำว่า
    มีไหม ทำไมเป็นแบบนี้ แบบโน้น



    แรงเพิ่มเพราะอะไร ลดเพราะอะไรมาเพิ่ม
    หรือลดเพราะอะไรออกไป


    ดึงดูดเพราะอะไร ไม่ดึงดูดเพราะอะไร
    ดึงดูดน้อยเพราะอะไร ดึงดูดมากเพราะอะไร

    อนันตกิริยาต่างๆ เปลี่ยนเป็นแบบนี้เพราะอะไร เป็นแบบนั้นเพราะอะไร

    เปลี่ยนทางที่ดีกว่าเพราะอะไร
    ไม่มีเพราะอะไร


    หลังจากนั้นถึงเป็นที่มาของภาษาสมมุติ
    ต่างๆนั่นเองครับ


    พอขำๆ



    ปล ภาพวัดป่า สำราญธรรม ปักธงชัย โคราช
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ตามสเต๊ปก่อนที่จิตจะวางได้ของมันเอง
    ก็เป็นแบบนี้หละ
    ๑. เหมือนๆเรายอมรับได้ว่าวางได้
    เพราะได้ยิน ได้อ่าน ได้เคยฟังมา
    ๒. แล้วอยู่ดีๆมันผุดขึ้นมาเอง ไม่เลือกที่เลือกเวลา ทำให้เรางงเล่นๆ ทั้งๆที่ผ่านเทคนิคข้อ ๑ มาแล้ว ความคิดที่ดูเหมือนผุดขึ้นมานี่หละ
    เค้าเรียกว่า ขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม หรือ วิบาก หรือกะแส หรือวิบากกรรม หรือกะแสที่จรเข้ามา เรียกอะไรได้หมด เพราะในทางด้านแรงมันคือตัวเดียวกัน
    ๓. ที่รู้สึกว่าหายไว มี สองกรณี คือ หนึ่งจิตไปคิดเรื่องอื่น สองมันเคยมีความรู้สึกแบบนี้มาแล้วก่อนหน้านี้แล้วหลายครั้ง แต่เรารู้สึกเฉยๆ และไม่ได้คิดปรุงอะไร ตรงนี้ เรียกว่า ตัวจิตได้รับรู้อารมย์ตามความเป็นจริงมาแล้ว จนมันรู้สึกว่า เป็นทุกข์ มันเลยไม่สนใจ ความรู้สึกทั่วไป คือ มาไว้ไปไว้.
    ๔.ที่เป็นนาน เพราะเราไม่ได้แค่ปล่อยให้รู้สึกอย่างไร แต่เราไปคิด ไปมีเรื่องราวร่วมกับความรู้สึกนั้น มันเลยนาน ตรงนี้เป็นเรื่องปกติ อยู่ที่กำลังสติตอนนั้นๆ
    ๕. ผ่าน ๔ ขั้นตอนที่ว่าไปก่อน เรื่อยๆ แบบแค่รู้สึก
    ตัวอย่าง เราถูกไฟล๊วก แค่รู้สึกว่า พอถูกล๊วกแล้ว ผิวรู้สึกอย่างไร ก็รู้อย่างนั้น แต่อย่าไป บ่นว่า ร้อน ว่าทำไมไม่ระวัง ทำไมถึงไปโดน ทำไมโน้นนี่นั้น หรือ ปรุงต่อไปว่า ต่อไปจะระวัง โน้นนี่นั้น ฯลฯ นี่คือ ตัวอย่างแค่รู้สึก เพราะในขณะที่มันกำลังรู้สึก แล้วเราไม่ได้ไปสนใจอะไร. บางสายเรียกว่า ดูมันไป. ขณะนี้ ตัวสติกำลังควบคุมจิตให้เฉยๆ เพื่อให้จิตมันรับรู้ความรู้สึกตรงนี้อยู่
    ความรู้สึกทางโลกคือ เหมือนเราไม่สนใจนั่นหละ พอเรื่องนี้หายไป แสดงว่า จิตภายใต้สติมันรับรู้แล้ว......เพียงแต่แบบนี้ มันจะต้องเกิดหลายครั้งหน่อย เท่านั้นเอง


    ๖. เด่วต่อไป มันก็จะวางได้ของมันเอง ตามธรรมชาติ ในเรื่องนั้นๆ นั่นหละ. ขั้นตอนก่อนที่จิตจะวางได้ เรื่องใดเรื่องหนึ่งประมาณนี้หละ. พอวางได้แล้ว หลักสังเกตุคือ มันจะนึกไม่ออก หรือ ถ้าเจอเหตุการณ์ แบบที่ทำให้เกิดความรู้สึกเดียวกัน ต่อไปข้างหน้าเราจะรู้สึก เฉยๆได้เองนั่นแล....


    ๗. ทุกๆเรื่อง ในการวาง ขั้นตอนจะคล้ายๆกัน. ช่วงกิริยาก่อนที่จะวางทั้งหมด เรียกว่า การเดินปัญญา ยังไม่ต้องไปพิจารณาอะไรหรอก ปล่อยให้จิตมันรับรู้ไป(อาการที่เราเฉยๆ ช่างมัน)เด่วมันจะพิจารณาอะไรได้ของมันเอง. อาการที่ตามมาของเรา
    ก็คือ คำอุทาน ว่า '' อ้ออออ ''

    ปล. การไปพิจารณาอะไรก็ตาม ตัวจิตจะต้องเป็นกลางจริงๆ
    มันถึงจะได้ผล. แม้ว่าจะพิจารณาด้วย คำสอน คำพูด การได้ยินมา. เป็นเพียงแนวทาง ยังเป็นสัญญาทางโลกที่ประกอบด้วยจิตและความคิดที่เป็นสัญญาอยู่. แต่ไม่ใช่ไม่ดี แต่มัน
    เป็นเพียงอุบาย
    เพื่อเอาไว้ให้จิต ไว้ใช้สำหรับ กิริยาในขณะที่จิตมันเดินปัญญาอยู่ ซึ่งมันจะเป็นไปของมันเอง นั่นแล.

    เป็นอย่างนี้ ถือว่า ดีแล้ว แสดงว่า จิตเริ่มเดินปัญญาได้แล้ว

    นอกจาก คำว่า อ้อ. ต่อไป จะเข้าใจกิริยา คำว่า จิตเบาสบายได้เองในภายภาคหน้า เริ่มจาก. หลักวินาที เป็นต้นไป
    และทุกคน ก็เริ่มจากวินาที ก่อนทั้งนั้น....เครเนาะ
     
  8. ทิพย์นารา

    ทิพย์นารา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +49
    ขอบคุณมากค่า หนูชอบตามอ่านที่พี่ตอบในพลังจิตค่ะ ^_^ บางเรื่องก็ไม่คิดว่าจะคิดจบหาอุบายทางลงได้ไว เพียงแต่มันมีอาการตามที่พี่บอกค่ะ พอคิดร่วมทีนานเป็นชั่วโมง 555 มันทุกข์น้อ กว่าจะรู้ตัวอ่านะ ขอบคุณมากนะคะ
     
  9. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,720

    555....
    ...แต่ยามนี้ผมมิได้สงสัยตามที่ว่าข้างบนเลย

    เพราะเชื่อแน่ๆว่า.....
    หนุ่มมนุษย์จะหวงสาวมนุษย์อย่างแรงมากกว่า

    ก้อ...ขอให้เอกสมหวังในรักแท้ต่อไป
    "ภาวนา"
     
  10. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,720

    ความรักจากพ่อและแม่
    คือรักแท้อันแน่นอน
    เป็นความสมหวังที่สุดในจักรวาล

    "ให้กำลังใจครับ"
     
  11. Aun_patcha

    Aun_patcha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +40
    ขอบคุณมากค่ะ ใช่ที่สุด
     
  12. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,720

    แค่เข้ามาบอกว่า....
    ชอบประโยคนี้ครับ
    "....บางครั้งเป็นนานเพราะแช่ในอารมย์"

    ...แต่ก่อนเป็นคนหนึ่งที่เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
    ....ดีที่ปัจจุบันนี้เริ่มหายไปแล้ว
     
  13. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,720



    (อจ.นพ)
    "๖.....หลักสังเกตุคือ มันจะนึกไม่ออก
    หรือ ถ้าเจอเหตุการณ์ แบบที่ทำให้เกิดความรู้สึกเดียวกัน
    ต่อไปข้างหน้าเราจะรู้สึก เฉยๆได้เองนั่นแล"


    ข้างบนนี้เป็นประสบการณ์โดยตรงของเก้า...
    เพราะเมื่อปล่อยวางเรื่องราวได้แล้ว...
    จะเป็นไปตามข้อ๖ นี่จริงๆ"
     
  14. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,720


    พลังงานที่อจ.นพอธิบายมาทั้งหมด
    ไม่ทราบว่า...
    แตกต่างกับพลังงานจากการสวดมนต์
    เพื่อส่งบุญ...ที่ว่า.....
    "....ให้กำหนดเป็นภาพพลังงานบุญ
    แผ่ออกมาจากกายหลวงปู่
    ส่งผ่านมาที่ตัวผู้สวด(ตัวเรา)
    แล้วให้เราน้อมจิตแผ่บุญนั้นออกไป
    ...ยังเป้าหมายที่เราต้องการ"

    ก้อยังคาใจอยู่ว่า...
    คนที่ไม่ได้ผ่านการฝึกกรรมฐานมาระดับหนึ่ง
    จะสามารถทำได้ทุกคนหรือไม่

    แต่คงแค่คิดเอง...เออเองว่า...
    "ถ้าทำไปซ้ำๆทุกวันๆ...เด๋วจะได้เอง"
     
  15. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,720
    วัดป่าสำราญธรรม ปักธงชัย โคราช
    น่าจะเป็นที่ประดิษฐาน"องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม"

    ถ้าใช่....งานคืบหน้าไปเร็วมาก

    ขอโมทนา สาธุ
    443BB521-987A-4704-9C6D-1A2DB592264F.jpeg
     
  16. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,220
    ค่าพลัง:
    +10,114
    อย่างที่อ.นพกล่าว ผมตอนนี้วางได้แหละ ตอนนี้เป็นกัลยาณมิตรกับแฟนเก่าไปแหละ
    ดีที่เลิกกันแล้วไม่เกลียดกัน
     
  17. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,220
    ค่าพลัง:
    +10,114
    ขอบคุณท่าน9 มากนะครับ ตอนนี้กลับมาสวดมนต์ ปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจังแล้วครับ
     
  18. ทิพย์นารา

    ทิพย์นารา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +49
    รู้ตัวถึงเลิกแช่ค่ะ 555 อารมย์มาแบบเต็ม กว่าจะรู้ตัวเนี่ย หลังๆมานี้ จะเป็นอารมย์โกรธว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเรา บางครั้งนี่ถึงกับแช่งกันเลยที เดียว อ้างบุญบารมีที่เคยสร้างเอามาแช่งเป็นเจ๊โหดขึ้นมาเลยทีเดียวค่ะ 555 แต่ปกติไม่ใช่พวกแช่งใครนะคะ แต่รู้ตัวก็หายค่ะ อารมย์แบบนั้นเป็นทุกข์ภัยแก่ตัวเราเอง สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นหลังจากเราให้อภัยแล้วนะคะ แค่มันยังคงวนเวียนผุดขึ้นมาอยู่บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2019
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    หลักๆแล้ว ณ เวลานี้ มีอยู่ ๔ แรงครับคือ
    ๑.แรงโน้มถ่วง ๒.แรงดึงดูด ๓.แรงแม่เหล็กไฟฟ้า
    ๔.แรงนิวเคลียร์แบบเข้มและแบบอ่อน

    พลังงานที่กล่าวมาเป็นภาพรวมของพลังงานกลาง
    ทั้งหมด ที่สามารถค้นพบด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
    เท่าที่โลกนี้จะค้นพบ ณ เวลานี้ครับ
    ฝรั่งเค้าจะใช้เครื่องตรวจจับอนุภาคครับ

    สมมุติว่า แรงทั้งหมดเป็น มหาวิทยาลัย
    แรงต่างๆ ก็เหมือน คณะต่างๆในมหาวิทยาลัย
    ที่ทยอยเปิดขึ้นมาเรื่อยๆ


    ในส่วนพลังงานอื่นๆ เช่น ออร่า ที่เป็นสีต่างๆ
    ก็ใช้เครื่องตรวจจับออร่า อะไรนั่นหละครับ
    หรือเครื่องมืออื่นๆ เช่น เครื่องตรวจจับคลื่นความถี่ของเสียง
    แล้วแปลมาเป็นภาษาพูด
    หรือใช้เครื่องมือทางด้าน สำรวจ แล้วแปลง
    มาเป็นเครื่องจับกระแสพลังงานวิญญานเหมือนราย
    กายช่องส่องผี ประมาณนี้
    หรือแรงของต้นบุญ แรงกระแสบาป แรงพวกธาตุต่างๆ
    ที่กล่าวมานี้ ก็จะอยู่ ภายใต้

    แรงหลักๆทั้ง ๔ แรงนั่นหละครับ

    แต่สิ่งที่เหมือนกัน
    ๑.เป็นนามธรรม
    ๒.เวลาปกติไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
    ๓.ดึงดูดกันได้ เพิ่มได้ ลดได้ สร้างเป็นอนันตกิริยา(ทางวิทยฯเรียก)อื่นๆได้
    ๔.อยู่เหนือกฏของคำว่า พื้นที่ ระยะทาง และเวลา


    การอุทิศส่วนกุศลต่างๆ ก็มีเทคนิควิธีการเข้ามาเกี่ยวข้อง
    ประเด็นหลักๆ ก็คือ การเข้าถึงต้นกระแส และ การนำไปใช้งาน

    การเข้าถึงต้นกระแส(ของพระพุทธฯ ของท่านอื่นๆ ฯลฯ)
    ก็อยู่ในส่วนภายใต้ แรงดึงดูด แรงโน้นถ่วง
    การนำไปใช้งาน ก็อยู่ในส่วน การเพิ่มแรง เป็นแรงแม่เหล็กไฟฟ้าส่วนหนึ่ง
    และอยู่ในส่วนของแรงนิวเคียร์แบบเข้ม(การเปลี่ยนแปลงอนุภาค)
    ทั้งสองส่วนนี้สร้างเป็นอนันตกิริยาอื่นๆได้
    เราเรียกง่ายๆ ของการสร้างอนันตกิริยาอื่นๆ
    การอุทิศส่วนกุศล การอุทิศบุญ การแผ่เมตตา
    อะไรนั่นหละครับ


    ต้นกระแสเป็นแรงชนิดหนึ่ง
    ที่ยังไม่ได้มีการใช้เครื่องตรวจจับอนุภาค
    เหมือนแรงหลักทั้ง ๔ ที่ได้ค้นพบ
    จนกระทั่งทราบว่า มีการใช้ชื่อเรียก
    ตัวยึดระหว่างอนุภาคของแรง ว่า
    กาวิตรอน ฮิกต์ กูออน อะไรประมานนี้


    แต่เรารู้ และเรียกง่ายๆว่า
    '' ระลึกถึง" แทนตัวยึดระหว่างอนุภาคแรงต่างๆ
    ''พระพุทธฯ ท่านอื่นๆ ฯลฯ'' ก็เป็นต้นกำเนิดแรง เป็นแรงชนิดหนึ่ง
    แต่เรา แปลง ต้นแรงนี้ มาอยู่ในภาษาพูดว่า " บริสุทธิ์ พ้นแล้ว ฯลฯ''

    ที่พูดพยายาม ให้เห็นในภาพรวมๆ.....

    ดั้งนั้น สรุปว่า มีแรงหลักๆ ที่ค้นพบทางวิทย์ฯลฯ ๔ แรง
    ต้นกำเนิดแรง หรือ แรงอื่นๆ จะอยู่ภายใต้แรงทั้ง ๔ ทั้งสิ้น
    เพียงแต่ จะเป็นแรง ชนิดไหน เรียกเป็นภาษาพูดว่าอย่างไร

    ดังนั้น หากเรายังอยู่ บนโลก ก็แสดงว่า เราอยู่ภายใต้แรง
    เหล่านี้เป็นปกตินั่นเอง......
    ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับว่า จะมีความสามารถทางด้านกรรมฐาน
    มากน้อยเท่าไหร่เป็นเกณฑ์ เพราะแรงเหล่านี้
    ไม่ได้เลือก บุคคล เหมือนแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้เลือก
    ส่องแสงสว่างเฉพาะใคร.......

    ดังนั้นการเข้าถึงแรง จึงๆเหมือนๆกันได้ ขอเพียงแต่อยู่บนโลกนี้
    แต่ กรรมฐาน หรือ อื่นๆ การสะสมบุญ การสร้างความดี
    ใจที่เคารพ ช่วยในเรื่อง การเพิ่มแรง การนำไปใช้งาน
    ที่แตกต่างกันเท่านั้นเองครับ..
    เราเรียก ส่วนนี้ง่ายๆ ว่า บารมี นั่นหละครับ
     
  20. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,342
    ค่าพลัง:
    +4,818
    อ่านแล้วตรงใจพอดี ตอนนี้กำลังมีปัญหาอยู่เลย ขออ่านทำความเข้าใจแบบ ปัญญา หมาน้อยไปก่อนล่ะกันฮะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...