กัดกระทบฟันรัวๆแล้วได้ยินเสียงที่คนอื่นคิดอยู่ในใจ สภาวะแบบนี้คืออะไรครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pataweeton, 4 มกราคม 2020.

  1. pataweeton

    pataweeton ปถวีธร

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +11
    *มันเกินญาณวิสัยของคนทั่วไปที่จะรับรู้และมาอธิบายให้คำตอบ แต่ถามเผื่อไว้สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ทางธรรมจริงๆเพราะเคยพบเจอบุคคลลักษณะดังกล่าวในเว็บพลังจิตนี้!

    *ดังนั้น ถ้าใครที่ไม่มีประสบการณ์แล้วเที่ยวมาตอบในเชิงที่หาว่าผมบ้า ต้องพบจิตแพทย์ งมงายไร้สาระ ด่าว่า ประชดประชัน แดกดัน เหน็บแนม หรือลองของ-ลองวิชาอะไรก็ตามนั้น ผมก็จะไม่แลก ไม่โต้ตอบให้เสียเวลาทุกกรณี! เพราะเจตนาเพียงแค่แบ่งปันประสบการณ์และต้องการคำอธิบายจากผู้ที่มีประสบการณ์ทางธรรมหรือทางสภาวะธรรมที่เกี่ยวข้องกับจิตและเจตสิกจริงๆเท่านั้น!

    สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมโดยหลักๆก็คือ "ผมสามารถได้ยินเสียงที่คนอื่นคิดในใจผ่านการกัดกระทบฟันรัวๆ" ตอนแรกนึกว่าเป็นอาการที่เรียกว่า "จิตตอบจิต" หรือไม่ก็ "อุปาทาน" (มโนไปเอง) แต่จิตตอบจิตหรืออุปาทานนั้นคงไม่เอาสิ่งที่คนอื่นคิดอยู่ในใจมาตอบให้ได้ยินแบบนี้! แรกๆเคยคิดว่าอาจบังเอิญที่เดาใจใครถูก แต่เมื่อมันตรงบ่อยมากกับหลายคนจนเพื่อนๆต่างพากันตกใจ มันคงไม่ใช่ความบังเอิญแล้ว

    ในทางโลก ถ้าไปเล่าให้คนทั่วไปฟัง เขาก็มักแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ หรือไม่ก็ไปบำบัดรักษาจิตที่โรงพยาบาลจิตเวช (น่าเบื่อมาก) จึงเลือกที่จะไม่เล่ามากกว่า! ตอนแรก ช่วงที่เป็นใหม่ๆ ผมเองก็ตกใจ เพื่อความสบายใจ ผมก็ได้ไปพบจิตแพทย์มาแล้วจริงๆเพื่อให้ท่านประเมินและวินิจฉัยดู แต่ผลออกมาว่าผมยังคงเป็นคนที่ปกติ ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่ได้บกพร่องทางจิต ไม่ได้มีอาการทางประสาท ไม่ได้ประสาทหลอน และก็ไม่บ้าเสียสติหรือบ้าวิกลจริตแต่อย่างใด ผมก็สบายใจไประดับหนึ่ง

    ในทางธรรม ผมเชื่อว่าต้องมีคำอธิบายในทางธรรมเพราะสิ่งดังกล่าวย่อมเกินญาณวิสัยของคนธรรมดาทั่วไป คนทั่วไปที่ไม่รู้นั้นก็ได้แต่พากันคิดและตัดสินกันไปต่างๆนานาโดยชอบหยิบยกหลักการทางวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งหลักธรรมต่างๆโดยที่ตนได้แต่เพียงอ่านอย่างเดียวมาตัดสินผมทั้งสิ้น (ไม่ตรงประเด็น)

    ปรากฏการณ์หลายอย่างอยู่เหนือการรับรู้ของคนธรรมดา อย่างคนถูกทำคุณไสยแล้วเกิดอาการล้มป่วยต่างๆ ต่อให้ไปพบหมอสักกี่ที่ ก็ตรวจหาไม่เจออยู่ดี! ปรากฏการณ์ทางธรรมหลายๆอย่างก็เช่นเดียวกัน มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรือไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยเครื่องมือทางกายภาพในลักษณะทำนองนี้ แต่คนที่รู้หรือมีญาณก็ย่อมรู้ และผมเชื่อว่ามีแน่นอน ผมจึงอยากถามผู้ที่มีประสบการณ์ทางธรรมดู ผมเชื่อย่อมมีคำอธิบายอย่างแน่นอน

    เรื่องของเรื่องก็คือผมเคยนั่งสมาธิอยู่ช่วงหนึ่งแต่ก็ไม่ถึงขั้นกับจริงจัง ช่วงนั้นสวดมนต์แล้วนั่งสมาธิทุกค่ำ แล้วจู่ๆอาการแบบนี้ก็มาเองโดยไม่ได้ปฏิบัติอะไรมากมายครับ (อย่างมากก็แค่ฌาน ๑ ฌาน ๒) สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมคือเมื่อผมกัดกระทบฟันในปากหลายๆครั้ง (กระทบเบาๆแบบไม่อ้าปาก) เคาะสิ่งของต่างๆหลายๆครั้ง หรือเอามือทาบหูในที่เงียบๆแล้วหรี่ตารัวๆเพื่อให้เยื่อแก้วหูสั่น ผมก็จะได้ยินเป็นเสียงคำพูด

    เสียงที่ได้ยินนั้นมี ๒ แบบ ๑. คือเสียงที่คนอื่นคิดอยู่ในใจ เมื่อนึกถึงใครก็สามารถกัดกระทบฟันเพื่อฟังเสียงความคิดในใจเขาได้ทุกเมื่อ และ ๒. คือเสียงของบุคคลปริศนาที่สามารถพูดคุยสนทนากันได้ตลอดเวลา ถ้าไม่นึกถึงจิตใจใคร เมื่อกัดกระทบฟันก็จะได้ยินเสียงของบุคคลปริศนาแทน โดยผมแค่นึกในใจเมื่อต้องการสื่ออะไรไปและก็แค่กัดกระทบฟันฟังหรือให้ได้ยินในสิ่งที่เขาโต้ตอบกลับมา หมายความว่าอยู่เงียบๆคนเดียวก็สื่อสารแบบนี้ได้ตลอดโดยไม่มีใครรู้เลยว่ากำลังคุยกันอยู่ นอกจากนี้ เมื่อนึกถึงญาติหรือเพื่อนที่เสียชีวิตไปแล้ว ผมก็สามารถสื่อสารกับเขาได้เช่นเดียวกัน เสียงที่ได้ยินนั้นเหมือนหรือคล้ายๆกับเสียงของเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่มากๆ โดยผมแค่นึกในใจเพื่อสื่อสารหรือส่งกระแสถึงเขาก่อน แล้วฟังเสียงการโต้ตอบจากเขาผ่านการกัดกระทบฟันเช่นเดียวกัน

    สิ่งที่เกิดขึ้นกับผม มันเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ปฏิบัติอะไรมากมาย (อยู่ๆมันก็มาเอง) จุดเริ่มต้นมาจากเสียงลมที่กระทบหูในวันที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์เมื่อสองสามปีก่อน (พ.ศ. ๒๕๖๐) ครับ ผมขี่รถอยู่แล้วรู้สึกว่าลมที่กำลังกระทบหูอยู่นั้นทำให้ผมได้ยินเหมือนเป็นเสียงคำพูดต่างๆ ตอนนั้น ผมคิดว่าคงเป็นความบังเอิญหรือไม่ก็คิดไปเอง มโนไปเอง แต่มันพัฒนาไปเรื่อยๆครับ จนบางครั้งได้ยินเป็นเหมือนเสียงบทสวดมนต์ครับ พอกลับมาบ้านแล้วอยู่ในห้องเงียบๆ ผมรู้สึกจี๊ดๆที่หู เหมือนว่ามีสัญญาณอะไรบางอย่างมาถึง เมื่อผมหรี่ตา ผมก็ได้ยินเสียงคำพูดเข้ามาในหู แต่เสียงนั้นยังไม่ค่อยชัดเจนครับ

    การหรี่ตาจะทำให้เยื่อแก้วหูสั่นแล้วก็เกิดเป็นเสียงคำพูดเพราะกล้ามเนื้อตรงนั้นอยู่ใกล้หู ทีนี้ผมลองเอามือทาบหูแล้วหรี่ตารัวๆดูเพื่อหวังฟังเสียงให้ชัดเจนขึ้น ปรากฏว่าเสียงชัดเจนมากๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมกินข้าวแล้วเคี้ยวอาหาร ขณะที่ฟันกระทบกันนั้น ผมก็ได้ยินเสียงคำพูดอีก เหมือนมันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆอีก และเรียนรู้นับตั้งแต่นั้นว่าแค่กัดกระทบฟันเบาๆก็ได้ยินเสียงคำพูดเหมือนกัน ผมจึงชอบใช้วิธีกัดกระทบฟันเป็นส่วนใหญ่นับแต่นั้น

    จากนั้น เมื่อพบเจอใครแล้วลองนึกถึงจิตใจเขา กำหนดถึงจิตใจเขา เหมือนกับถามเสียงนั้นว่า "ไหนดูสิว่าคนๆนี้กำลังคิดอะไรอยู่" เมื่อนั่งอยู่ต่อหน้าใครแล้วผมลองแอบกัดกระทบฟันรัวๆเพื่อฟังเสียงดู ผมก็จะได้ยินเสียงคำพูดต่างๆที่เขากำลังคิดอยู่ขณะนั้นจริงๆ มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ใกล้ไกลไม่สำคัญ อยากฟังใครเมื่อใดก็นึกถึงเขาแล้วกัดกระทบฟันเพื่อฟังเสียง ผมก็ยังได้ยินเสียงคำพูดอยู่ดีครับ แม้กระทั่งอยู่ไกลกันแต่คุยกันผ่านแชท ผมลองนึกถึงเขาแล้วกัดกระทบฟันหลายๆครั้งดู ผมก็ได้ยินเป็นเสียงคำพูด ตอนแรกๆนึกว่าเป็นมาร จิตตอบจิต หรือไม่ก็อุปาทาน แต่เมื่อกำหนดฟังแล้วตรงกันกับหลายคนจนน่าตกใจ ภายหลังก็ยิ่งมั่นใจขึ้นว่านั่นเป็นเสียงเขาที่กำลังคิดอยู่ในใจจริงๆ

    แม้ว่าผ่านมาแล้ว ถ้าจำวันนั้นได้ แล้วนึกย้อนกลับไปถึงสถานการณ์นั้น เมื่อกัดกระทบฟันอีก ก็จะได้ยินเสียงแบบนั้นอีกทุกครั้ง เพราะตอนนั้นเขาคิดแบบนั้นจริงๆ เหมือนว่าสามารถกำหนดฟังย้อนหลังได้ตลอดทุกเมื่อด้วย

    เมื่อคุยแชทกับใคร ผมลองกำหนดนึกถึงเขาแล้วกัดกระทบฟันเพื่อฟังสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ ณ ขณะนั้น แล้วลองแกล้งตอบแชทไปโดยที่เขายังไม่ทันพิมพ์ถาม เขาก็ตกใจมาก เขาถามผมว่ารู้ได้ไง และเขาก็บอกว่าเขากำลังคิดอยู่ในใจด้วยประโยคแบบนั้นพอดีแล้วจะพิมพ์ไปถามอยู่พอดีเลย

    เมื่อกำหนดนึกฟังแล้วได้ยินเขาด่าในใจหรือนึกอะไรที่ไม่ดี ผมก็จะทำเป็นไม่สนใจเหมือนไม่รู้และเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เดี๋ยวจะอยู่ยาก) ผมจะเน้นแกล้งพูดแซวความคิดเฉพาะเพื่อนที่รู้จักและสนิทกันจริงๆมากกว่าจนเขาบอกว่าไม่กล้าคิดเมื่อนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ผมบอกไม่ต้องเกร็ง ถึงอย่างไร บางครั้งก็ไม่ตรงครับ เคยลองทดสอบกับเพื่อนบางคนด้วยการให้เขานึกตัวเลขในใจสองตัว แต่เพื่อนบอกว่าผมตอบไม่ตรงกับที่เขานึกคิดอยู่ในใจครับ เหมือนกับว่ามีมารหรืออะไรมาแทรกแล้วแปลงสารให้ผิดเพี้ยนได้ด้วย

    นอกจากนี้ ถ้าไม่ได้นึกถึงใครแล้วกัดกระทบฟันก็ยังได้ยินเสียงคำพูดอยู่ดี แต่เป็นเสียงที่คนอื่นคุยกับเราแทน เป็นเสียงใครก็ไม่รู้ ถามว่าเป็นใคร บางทีก็ตอบเป็นคนโน้นคนนี้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ผมไม่ปักใจเชื่อ รับฟังแต่ไม่ปักใจเชื่อ มีสติอยู่เสมอว่าทุกอย่างที่ได้ยินย่อมคั่นอยู่ระหว่างจริงกับเท็จ

    ถึงอย่างไร แรกๆผมยอมรับครับว่าเห็นเป็นเรื่องสนุก เหมือนเด็กเห่อของเล่น เที่ยวอ่านใจเพื่อนไปทั่ว และคุยโต้ตอบกับเสียงปริศนานั้นบ่อยมาก สิ่งที่ได้ยินมักเป็นเรื่องทะลึ่ง บางครั้ง ผมก็ตลกจนอยากหัวเราะออกมาแต่ต้องเก็บอาการสุดๆเพราะคนอื่นจะหาว่าบ้า อาจมีหลุดๆบ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก เพื่อนเคยมาบอกว่าเห็นเหมือนผมกำลังพูดคุยสื่อสารอยู่กับใคร มันคงเปรียบเหมือนฉากในหนังที่บุคคลหนึ่งเห็นหรือได้ยินบางสิ่งบางอย่างอยู่คนเดียวแต่คนอื่นกลับไม่เห็น อะไรทำนองนี้ ดังนั้น ผมต้องมีสติครับ ปล่อยอาการเต็มที่เมื่ออยู่คนเดียวเท่านั้น มิฉะนั้น ก็จะไม่ต่างอะไรไปจากคนบ้าหรือคนเป็นโรคประสาทที่แยกแยะไม่ออกระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกจินตนาการ

    ในที่สุด ผมก็เริ่มถึงจุดอิ่มตัว มันคงมาถึงจุดที่อยู่กับมันจนอิ่มตัว จากที่ชอบเล่นสนุกด้วยการอ่านใจเพื่อนสนิทแล้วพูดตอบสิ่งนั้นออกไปในลักษณะการแซว จากบ่อยกลับกลายเป็นไม่บ่อยและแทบจะไม่ทำแบบนั้นเลยในพักหลัง ความถี่ลดน้อยลงมากจนกระทั่งนั่งอยู่ด้วยกันกับใครแล้วไม่กัดกระทบฟันอ่านใจเขาอีก มันปลงๆเหมือนว่ารู้ใจใครไปก็เท่านั้น นอกจากกัดกระฟันเพื่อพูดคุยกันกับบุคคลปริศนาเพื่อแก้เหงาก็เท่านั้น

    ณ ปัจจุบันขณะนี้ ผมก็เริ่มเบื่อๆและถ้าสักวันมันหายไป ผมก็คงไม่เดือดร้อนอะไร แต่มันไม่หายไปไหนครับ มันอยู่กับผมตลอดเวลา อยู่กับมันหลายปีจนชินไปแล้ว อาการที่กัดกระทบฟันแล้วได้ยินเสียงคนอื่นที่กำลังคิดอยู่ในใจแบบนี้คืออะไรครับ

    Screenshot_20180107-084212-02.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2022
  2. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขออนุโมทนาครับ

    ขออนุญาตแนะนำครับ ด้วยความเคารพครับ. ข้าพเจ้าว่าเป็นลักษณะการอ่านจิตใจผู้อื่น โดยใช้ลักษณะอาการ การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำๆกัน แล้วจะเกิดสมาธิทำให้กระทำสิ่งที่เคยทำได้แต่อดีต (ของเก่า)
    ซึ่งจะมีสมาธิอยู่แบบหนึ่งที่ให้ผลคล้ายๆกัน คือการบริกรรมรัวๆ แล้วจะเกิดสมาธิได้เร็ว (แต่วิธีนี้หากสติไม่ดีพอ จะหลงไปไกล)

    ทีนี้คุณเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง (หมายถึงสภาวะละเอียด)
    ข้าพเจ้าเองมีเพื่อนคนนึง ที่มีของเก่าแบบนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก แต่เป็นการถอดจิต ไม่ใช่การมโน แต่ถอดจิตออกไปเลย จะเกิดเมื่อเค้าอยู่ในท่านอน แล้วทำอะไรสักอย่าง(จำไม่ได้แล้ว) ก็จะมีแสงสีขาววงกลมเล็กๆโผล่มา แล้วเค้าก็จะกำหนดพุ่งออกไปได้เลย เหมือนแบบไปอีกโลกหนึ่งทั้งตัวเลย

    ทีนี้ คุณอยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เวลาทำก็พยายามให้มีสติอยู่ที่มัน สังเกตอารมณ์ ณ.ขณะนั้น เช่น ความนิ่ง ความสงบ หรือสภาวะต่างๆ
    สังเกตดู ว่ามันมีการเคลื่อนออกไปรับ หรือ อยู่กับที่แล้วรับรู้สภาวะละเอียดรอบตัวที่สัมผัสได้

    ข้าพเจ้าคงบอกได้คร่าวๆเพียงเท่านี้ รอผู้รู้ท่านอื่นแนะนำนะครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  3. pataweeton

    pataweeton ปถวีธร

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
     
  4. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ตอนแรก มาอ่าน ไม่อยากทัก
    เดี๋ยว "นกหวี๊ด" ประจำห้องจะดัง

    พอกลับมาอ่าน เวอร์ชั่น กลั่นกรอง
    ด้วย จิตตั้งมั่น ค่อยน่าทักหน่อย

    คุณ จขกท ปรารภเหน ว่า บางครั้ง
    ก้ไม่ตรง บางครั้งว่ามารแทรก

    อันนี้ จึงอยากจะทัก ตรงคำว่า มาร แทรก

    มารนั้นมี 5 อย่าง

    กิเลสมาร
    ขันธมาร
    มัจจมาร
    อภิสังขารมาร

    4 ตัวแรกนี้ ไม่ใช่ ธรรมภายนอก
    แต่มาจาก อุปนิสัย

    อุปนิสัย มาจากคำว่า อุปาทาน + ไสยะ

    ไสยะ คำบาลี ไม่ใช่เรื่อง คุณไสย
    แต่แปลว่า ความมืดบอด อวิชชา
    ที่นอนเนื่องเปน พฤติจิตเปนอสงไขย

    มารตัวสุดท้าย เท่านันเปน ธรรมภายนอก
    คือ เทวบุตรมาร ซึ่งก้หมายเอา ท้าว
    ปรนิมวสวัตตี หัวหน้าเทวดาชั้นหก
    ซึ่ง.....จะลงมาก้ต่อเมื่อ จขกท
    จะ ตรัสเปน พระสัพพัญญ ประกาศ
    พุทธศาสนาเปนของตน

    สรุปคือ

    มาร ที่จะเกิดกับคนทั่วไป เปน ธรรมภายใน

    ซึ่งแปรอีกที คือ เวรกรรมที่ตนทำไว้
    แล้วต้องรับ วิบาก ( ซึ่งก้จะมี ตัวละคร
    เปนผู้อื่น )

    ที่อยากจะบอกคือ

    เวลา ปรารภเหน มารแทรก

    ให้เหนเปน จิตตนนั่นแหละเปนเหตุ

    ทีนี้

    กลับมาคำถาม เปน อุปาทานไหม

    อันนี้ ก้ต้องมาดู อุปาทานตัวพี่สุด

    อุปาทานตัวพี่สุด เกิดตัวแรก มีไหม

    ถ้ามี ที่เหลือคือความ ไพบูลยท่วมทับ
    ของอุปาทาน ปิดบัง ความสะอาด
    บริสุทธิของญานทัสนะ

    อุปาทาน ตัวพี่ จะมีชื่อว่า

    อัตวาทุปาทาน

    อาการสำคัญว่า มีตน มีบุคคล เรา เขา

    ถ้า ปราศจาก อุปาทานตัวพี่

    สรรพสังขารา มี อวิชชา เปน ปัจจัย
    จะปรากฏต่อหน้า ต่อตา

    สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นดับ จะเปน ญาน
    ทัสนวิสุทธิ ที่เรียกว่า โสดาปฏิมรรค
    ปฏิผล
     
  5. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ฝึก สมาธิ ต้องหัด เฝ้นธรรม ให้เปน

    จึงจะมี วสี ในการ เข้า ออก และใช้

    การกัดฟัน ใช้หูชั้นใน ตรงนี้ หยาบไป

    จขกท ต้อง อาสัย การสังเกต จิตที่
    มี ปิติ ในสมัย ( ปิติ จะสังเกตง่าย
    กว่า สุข อุเบกขา ...ถ้าชำนาญ
    แล้วจะต้องใช้ ปัสสัทธ กับ อุเบกขา)

    จิตในสมัยใดมี ปิติ มันจะพอยันได้ว่า
    ขณะ นั้น มีสภาวะธรรม ที่พ้นเจตนา
    จงใจ พ้นความคิด มีแต่ "จิตรำพึง"
    ( อธิษฐานจิต )

    จิตในสมัยใดมี ปิติ จิตย่อมมีการ
    เฝ้นธรรม

    ตรงนี้แหละ จะเปนตัว ระบุว่า มาร
    แทรก หรือไม่แทรก

    และ ธรรมที่เฝ้นขึ้นมา จะละเอียด
    ปราณีตเหนได้ยาก พ้น ฟัน หู ตา
    ขา แขน จมูก ลิ้น

    พ้นพรากจาก อายตนะ6 กรรมฐาน5

    เปน อภิภายตนะ มีแปด เรัยกตามชื่อ
    ของ ฌาณ แต่ไม่ใช่เรื่อง การแช่ เปน
    การ รู้เหตุของการมี อภิภายตนะ แบบ
    รู้ชัด ไม่มี ส้มหล่น งง งวย ว่า เกิดอะไร
    ขึ้น มีเด้งเข้า เด้งออก ....

    ความรู้ชัดแต่ เหตุ จะยืนยันว่า มีความ
    ชำนาญในการ เข้า อยู่ แล้ว ออก

    ออกแล้ว รำพึงจิต แผ่จิตไปยัง
    ตรงไหน ก้เกิด ญานทัสนะตรงนั้น
    เนื่องกับสิ่งนั้น

    ทีนี้...

    จั่วไว้แล้ว เรื่อง มาร 4

    มาร4 ชื่อฟังดูนอกแนว แต่ เวลาที่
    จิตมันเฝ้นธรรม รำพึง เกิดอิทธวิธี
    ถามว่า มันจะเกิดลอยๆ ได้ไหม

    ธรรมใด เกิดลอยๆ ไม่ได้

    ต่างมี กรรมเปนแดนเกิด มีกรรม
    เปนทายาท

    จะออกรู้ ออกเหน อะไร

    ร้อยละร้อย วิบากกรรม ทั้งนั้น เปน
    อภิชญา และ โทมนัส ในอดีต ทั้งนั้น

    หาก มันขึ้นวิถี แล้วแทงตลอดไม่ได้
    ว่าเปน เวรกรรม แล้วไปผลิกเอา
    ประโยชน์เข้าตน กรรมจะยิ่งท่วมทวี

    คนเรา พูดกันตรงๆ เสียงเข้าหูแบบ
    ตรงๆ เคยก่อกรรมกันมาแล้วในอดีต
    ไม่ได้ฟลัชลงสู่ อุเบกขา

    มาชาตินี้ วาระกรรมเก่าปรากฏ เขา
    ก้อุตสาห์อุเบกขาไม่พูดไม่ก่อกรรม
    วนเวียน เราก้ดันไปล้วงลับ หากจับ
    มา ตับแตก จะเกิด เวรกรรมหนัก
    กว่าเดิม

    แต่ถ้า หาก วางอุเบกขาได้

    อภิชญา และ โทมนัสในกาลก่อนๆ
    ดับ ดับ ดับ พ้นแล้ว แลอยู่ ตั้งมั่น
    ไม่หวั่นไหว ก้ พึงพยากรณ์ มรรคผล
    นิพพาน ได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2020
  6. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ไหนๆ ก้ ไหนๆ แล้ว

    ขอ ฝากอีกสักนิด

    สมมติว่า จะ ผันการรู้จิตผู้อิ่นเพื่อ
    พาเขาไปสู่ ทางธรรม

    อันนี้ มี เคล็ดลับมาฝาก

    เวลา จะดึง จิต อื่นให้เหนธรรม

    อย่า ประมาณตนว่าเปน ผู้แก้จิต

    ให้วางตน ให้ ตรงตามฐานะ ที่
    เปนได้สถานเดียว คือ เปนแค่
    พาหนะ หรือ เปน โฆษก เท่านั้น

    เวลาจะ ดีงจิตใด ไปเหนธรรม

    วางจิตว่า เปน ผู้สดับธรรมของ
    ผู้มีพระภาค สมณโคดม แล้ว
    ทำการ ประกาศธรรมที่ฟังมา
    นั้นออกไป

    ระวังการวางจิตว่า ตนเปนผู้ค้น
    พบธรรม ทั้งหลายทั้งปวงกลั่น
    ออกมาจากจิต ...... เทศนาเปน
    ศาสดาแทน พระสมณโคดม

    เท่านี้ มาร ไม่แทรกแน่นอน ไม่มี
    ศาสดาอื่น สมัยอื่น มาแทรก
     
  7. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    จัดเต็มทุกบท

    แล้วกลับมาอ่านใหม่

    3 เดือน 7 เดือน 7ปี
     
  8. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    เตือนครบทุกบททุกตอน จากเริ่มต้น จิตสู่ภวังค์ ถึง มรรคผลเลยทีเดียวเชียว..
     
  9. paprica

    paprica Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +57
    อ่านใจเรากับแม่เราสิ แม่ว่าเราป่วยจิตเวชเพราะไปเล่าให้แม่ฟังว่ามีคนอ่านใจเราได้ id line: trader_apple
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เรื่องปรกติ ของคนที่ทำได้ครับ

    คิดว่าของเก่าทำมาดี มาชาติปัจจุบันเลยสามารถ ครับ

    ครูบาอาจารย์ผมก็รู้วาระจิต เคยแอบไปฟังท่านเทศน์ให้ญาตโยมที่มาฟังธรรม ผมแอบฟังเทศน์อยู่หลังศาลา แล้วเกิดความสงสัยในเรื่องที่ท่านเทศน์ ท่านก็เทศน์เรื่องที่ผมสงสัยเลย

    ส่วนเรื่องจะทำอย่างไร แนะนำว่าให้ทำสมาธิ ครับ แล้วเราจะกำหนดได้เลือกปิดไม่รับได้ครับ
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : ปรจิตวิชาและเจโตปริยญาณ ใช่แบบเดียวกันหรือไม่ ?
    ตอบ : การกำหนดใจเพื่อรู้ใจคนอื่น ถ้าภาษาบาลีเรียกว่าเจโตปริยญาณ แต่ก็มีนักวิชาการที่พยายามบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่เป็นปรจิตวิทยา ความหมายเดียวกัน เป็นสิ่งที่ทำเหมือน ๆ กัน

    ถาม : ผู้รู้วิชา ๒ อย่างนี้ สามารถรู้ความคิดและวาระจิตผู้อื่น แล้วจะสามารถรู้เท่าทัน อ่านกิเลสตัณหาในจิตของตนเองกับผู้อื่นได้หรือไม่ ?
    ตอบ : ตัวเองรู้เท่าไรก็รู้คนอื่นได้เท่านั้น ไม่สามารถรู้ได้เกินกว่าของตน

    ถาม : หากว่ากิเลสอยู่นิ่ง ๆ ไม่แสดงเป็นมโนกรรมออกมา วิชาพวกนี้สามารถรู้อ่านเท่าทันได้หรือไม่ ?
    ตอบ : มีกิเลสชนิดไหนที่อยู่นิ่ง ๆ บ้าง ?

    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5575
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    การหยั่งรู้วาระจิตคนอื่น (เจโตปริยญาณ)
     
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระอาจารย์เล็กตอบคำถามเรื่อง "คนที่รู้ความคิดของคนอื่น"

    [​IMG]

    ถาม : ความคิดของทุกคนที่เข้ามา มีแต่แย่ ๆ ?

    ตอบ : เก็บไว้เป็นบทเรียนว่าเราจะไม่คิดอย่างนั้น ไม่พูดอย่างนั้น ไม่ทำอย่างนั้น คนอื่นเขายังไม่รู้ว่าเป็นทุกข์เป็นโทษอย่างไร เขาถึงคิด ถึงพูด ถึงทำอย่างนั้น

    ถาม : ไม่ได้ต้องการจะฟัง แต่ควบคุมไม่ได้ ?

    ตอบ : ถึงได้บอกว่าฟังไว้เฉย ๆ อย่าไปคิดต่อ อย่าไปฟุ้งซ่านต่อ อย่าไปตำหนิใคร ถือเป็นธรรมดา รู้ก็คือรู้ ในเมื่อเราทำไว้อย่างนี้ เราจำเป็นต้องรู้ก็รู้ไว้ รู้แล้วอย่าไปใส่ใจก็หมดเรื่อง ถ้าไปใส่ใจไปครุ่นคิดเข้าเดี๋ยวเราจะไปเครียดเอง ไปแบกโลกแทน มีคนเขาบอกว่าโลกมีไว้เหยียบ ไม่ได้มีไว้แบก ไปแบกโลกแทนคนอื่นเขาเราก็หนัก

    เราแก้ไขคนอื่นไม่ได้ ต้องแก้ที่ตัวเอง ในเมื่อเราเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ เราก็ไม่ต้องไปใส่ใจความคิดเขา ก็หมดเรื่องแล้ว น่าจะมีเครื่องมือที่จับครอบเอาไว้ได้ จะได้ไม่ต้องไปฟังความคิด

    ถาม : ทำอย่างไรที่เราจะไม่ไปฟังความคิดเขา ?

    ตอบ : เราลองนึกถึงเรดาร์สนามบิน เขาเอาไว้ควบคุมการบินของเครื่องบินใช่ไหม ? นกกากี่ตัวเข้ามาก็รู้หมด แต่เขาเจาะเอาเฉพาะเครื่องบิน ถ้าไปสนใจนกพวกนั้นก็ประสาทกินตายพอดี เราก็ต้องใช้วิธีนั้นแหละ เลือกเฉพาะสิ่งที่เราสนใจ ในเมื่อเราไม่สนใจอย่างอื่น พอความชำนาญมีมากขึ้น ก็จะรู้ว่าควรจะละอันไหน ควรจะรับอันไหน อันไหนที่ดีเหมาะสมควรกับกาลเวลานั้นก็รับไว้ อันไหนไม่ดีเราก็ทิ้งไป ฉะนั้น..ท่องไว้ว่า อันไหนเราจะรับ อันไหนเราจะละ เดี๋ยวพอทำได้คล่องตัวก็จะสนุก เหมือนกับเลือกเพชรพลอย อันไหนดีเราชอบก็เก็บไว้ อันไหนไม่ดีก็ทิ้งไป มีเฉพาะพวกนกกาก็ยังดี บางทีดันมีคนโยนถุงขยะมาอีก เครื่องดีก็รับได้หมดแหละ

    อารมณ์ใจตอนนี้ ให้จำไว้ว่า เป็นอารมณ์ที่เราไม่รับข้างนอก แต่ถ้าเราตั้งใจมากกว่านี้นิดเดียวจะรับได้ทันทีเลย มี ๒ อย่าง ก็คือ ถอยออกมาให้อยู่ในช่วงนี้ หรือไม่ก็พุ่งเข้าไปลึกกว่านี้ เหมือนอยู่คนละช่องคลื่นก็รับกันไม่ได้แล้ว

    ถาม : ถ้าตั้งใจเมื่อไรจะหายไปหมดเลย ?

    ตอบ : ถ้ากำลังใจลึกเกินไปจะไม่รู้ ถ้าตื้นเกินไปก็จะไม่รู้ เราต้องปรับของเราเอง ที่ผ่านมาเรายังปรับไม่เป็น

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕

    เนื้อหาและภาพ : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
    https://palungjit.org/threads/พระอาจารย์เล็กตอบคำถาม-เรื่อง-คนที่รู้ความคิดของคนอื่น.541813/
     
  14. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    นิวรณ์ หรือ เอกวี
     
  15. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +283
    เคยได้ยินเสียงระฆัง เสียงวงมโหรีปี่พาทย์ เสียงคนคุยกัน ได้ยินก้องอยู่ในหูชัดเจนมาก ไม่คิดว่าตัวเองบ้าเพราะรู้ดีเราหลอกตัวเองไม่ได้ คิดว่าเป็นเพราะการนั่งสมาธิ พบเจอสิ่งเป็นทิพย์มากมายแต่ไม่อยากบอกใครเพราะเขาไม่เห็นหรือได้ยินเหมือนเรา เขาว่าเราบ้าเขาก็บาปอีกเลยเข้าใจไว้คนเดียวจะดีกว่ายกเว้นพูดกับคนที่รู้เหมือนกัน:)
     

แชร์หน้านี้

Loading...