ติดตามสถานะการณ์

21 มิถุนายนนี้! เปิดลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ 10,000 เหรียญฮ่องกง

รัฐมนตรีการคลัง Paul Chan Mo-po ได้เปิดเผยว่าชาวฮ่องกงสามารถลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 เหรียญฮ่องกงได้ในวันพ่อ วันที่ 21 มิถุนายนนี้ และสามารถเริ่มรับเงินได้ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคมเป็นต้นไป

โดยได้กำหนดผู้มีสิทธิ์รับเงินคือผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เมื่อนับถึงวันที่ 31 มีนาคม 2021

การลงทะเบียนออนไลน์นั้นสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน เวลา 7.00 น. ทางเว็บไซต์ www.cashpayout.gov.hk

นอกจากการลงทะเบียนออนไลน์แล้ว ประชาชนยังสามารถเลือกกรอกเอกสารได้ โดยสามารถพิมพ์แบบฟอร์มได้จากเว็บไซต์ หรือรับเอกสารได้ที่สำนักงานราชการกว่า 1,000 แห่งทั่วฮ่องกง โดยกำหนดให้ผู้ที่เกิดในปี 1955 หรือก่อนหน้านี้เริ่มยื่นเอกสารลงทะเบียนได้ในวันที่ 21 มิถุนายน ส่วนผู้ที่เกิดปี 1956-1970 ยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม และผู้ที่เกิดปี 1971-2002 ยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม และจะได้รับเงินในวันที่ 20 กรกฎาคม, 3 สิงหาคม, 17 สิงหาคม ตามลำดับ

ทั้งนี้นาย Paul ได้แนะนำให้ลงทะเบียนออนไลน์เนื่องจากมีความรวดเร็วและสะดวกกว่าและทำให้ได้รับเงินเร็วขึ้น

การลงทะเบียนจะเปิดไปจนถึง 31 ธันวาคม 2021 โดยรัฐบาลจะเก็บข้อมูลส่วนตัวไว้เป็นเวลา 7 ปี เพื่อใช้ในกรณีที่รัฐบาลมีการแจกเงินอีก

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***
https://www.facebook.com/119537452088669/posts/494989721210105/?d=n

Source : https://www.thestandard.com.hk/section-news/section/11/219799/Sign-up-for-$10,000-payday

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

ดาวโจนส์ดิ่งต่อเนื่อง ล่าสุดร่วงกว่า 200 จุด ก่อนเฟดเผยคาดการณ์เศรษฐกิจ,ดอกเบี้ยสหรัฐ : ดัชนีดาวโจนส์ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้
ณ เวลา 21.49 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,028.61 จุด ลบ 243.69 จุด หรือ 0.89%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันนี้ ขณะที่เฟดจะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยสหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หลังจากที่ได้ระงับการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค. ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้มีการปิดเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนั้น
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะจัดการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้ โดยคาดว่าเขาจะเน้นย้ำว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยไม่จำกัดวงเงินและเวลา เพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาด
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 96.0 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะมีถ้อยแถลงสกัดการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะออกมาตรการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนเพื่อชี้นำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลง และปัจจัยดังกล่าวได้กดดันดอลลาร์ในวันนี้
นักลงทุนคาดการณ์ในช่วงต้นเดือนนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน และหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ ดัชนี CPI ดิ่งลง 0.8% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในเดือนธ.ค.2551 หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทรงตัวในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายปี
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 หลังจากดิ่งลง 0.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2500
ทั้งนี้ ดัชนี CPI พื้นฐานลดลง 0.1% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2554 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนเม.ย.
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
เพิ่มเติม
- Dow falls more than 200 points ahead of Fed update, Boeing drops 6% : https://www.cnbc.com/2020/06/09/stock-market-futures-open-to-close-news.html
-ดอลลาร์ร่วงต่ำสุด 3 เดือน เก็งเฟดส่งสัญญาณสกัดบอนด์ยีลด์พุ่ง:https://www.ryt9.com/s/iq21/3132323

 

MisterBan

June 11, 2020 ตอกหมุดดอกเบี้ยสหรัฐตำ่ประวัติการณ์นาน 3 ปี เงินเฟ้อขุนไม่ขึ้น รับเศรษฐกิจตกต่ำระยะยาว ปีนี้ทรุดกว่า 6%
นายเจอร์โรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐในคืนที่ผ่านมาว่า มีมติตรึงดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 0-0.25% ต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเปิดมุมมองที่ขัดเจนว่า อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะอยู่ในระดับใกล้เคียง 0% จากนี้ไปถึงปี 2022 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อถึงช่วงสิ้นปี 2022 เฟดประเมินว่าภาวะการว่างงานจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากในปีนี้ที่ 9.3% เป็น 6.5% ในปี 64 และ 5.5% ในปี 65 จนถึงปี 66 จะอยู่ที่ 4.1% ส่วนเงินเฟ้อในสหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 1.7% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% เป็นสิ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวในระยะยาว
สำหรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หรือจีดีพีในปีนี้ เฟดประเมินอยู่ที่ -6.5% จากสาเหตุของภาคเศรษฐกิจสหรัฐปิดตัวจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แม่จะกลับมาเริ่ททยอยเปิดภาคเศรษฐกิจอีกครั้งก็ตาม ในปี 2564 เฟดคาดการณ์ว่าจะมีจีดีพีฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5% ปี 2565 จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.5% และปี 2566 จะลดลงอีกเหลือ 1.8% สะท้อนการฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจนในระยะยาว
ด้านมาตรการอัดฉีดฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ประธานธนาคารกลางสหรัฐ แถลงต่อไปว่า จะเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรในตลาดสหรัฐ ด้วยเป้าหมายที่เดือนละ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.56 ล้านล้านบาทต่อเดือน และตลาดสินเชื่อมีสินทรัพย์คำ้ประกันที่ระดับ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.28 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ เฟดเริ่มลดดอกเบี้ยระยะสั้นตั้งแต่เดือนมีนาคมในปีนี้ หลังจากเกิดภาวะโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐเป็นครั้งแรก

 

#ต่อเวลาอีกทีซิ ! FED ออกมายืนยันว่า จะคงดอกเบี้ยในอัตราที่ 0% - 0.25% และจะอัดฉีด QE ต่อไปเรื่อยๆจนถึงปี 2022 #เป็นอย่างน้อย !

ตลาดหุ้นและโลกแห่งความเป็นจริงอาจจะแยกตัวกันไปอีกซักพักใหญ่ๆ หากว่ารัฐบาลต่างๆ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการกลับมาเดินหน้าของเศรษฐกิจและฟื้นฟูรายได้ของคนในประเทศได้ เพราะหลังจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือ FOMC เมื่อคืนนี้ทางประธานธนาคารกลางสหรัฐนาย Jerome Powell ได้กล่าวว่า

"We're not thinking about rasing rates. We're not even thinking about thinking about raising rates !"

"พวกเราไม่ได้คิดเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเลย มิหนำซ้ำ #เรายังไม่ได้คิดถึงเรื่องการคิดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเลยด้วยซ้ำ !" Powell กล่าว

หัวหน้าธนาคารกลางพี่ใหญ่ของโลกยืนยันแล้วว่าสภาพคล่องจะต้องอยู่กับตลาดการเงินของโลกต่อไปเรื่อยๆอย่างน้อยอีก 2 ปีเพื่อคอยฟื้นฟูเศรษฐกิจ

FED ยอมรับว่าการอัดฉีดสภาพคล่องกำลังทำให้ ความแตกต่างระหว่างราคาของหุ้นทั่วโลกกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นจริงนั้นกำลังต่างกันขึ้นอย่างชัดเจน

Powell ยอมรับว่า FED อาจเป็นส่วนนึงที่กำลังทำให้ Gap ของ Wall Street (ตลาดหุ้น) และ Main Street (เศรษฐกิจจริงๆ) นั้นกว้างขึ้น ทาง FED นั้นทราบดีแต่ยืนยันว่าอย่างไรก็ตามสภาพคล่องทางการเงินนั้นจะต้องอยู่กับตลาดต่อไป เพราะว่าเศรษฐกิจสหรัฐเคยเจอบทเรียนที่แสนสาหัสมาแล้วในช่วง The Great Depression ที่เศรษฐกิจต้องถดถอยไปเป็นเวลาเกือบ 10 ปีเพราะ #ขาดสภาพคล่อง

อย่างไรก็ตามทาง FED จะพยายามอัดฉีดสภาพคล่องไปช่วยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและไม่สามารถได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลให้มากขึ้น เช่นเหล่าบริษัทขนาดกลางที่มีขนาดใหญ่เกิดไปที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล และก็ย้ำว่าการจะแก้ปัญหาเหล่านี้จะต้องมาจากด้าน Fiscal Policy หรือ นโยบายการคลังจากรัฐบาลประกอบกันไปด้วย

ทางด้านมุมมองของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น FED มองว่า

GDP สหรัฐจะหดตัวประมาณ -6.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะดีกลับเป็นโต +5% ในปีหน้า และอัตราการว่างงานที่ประกาศออกมาล่าสุดที่ 13.3% จะหดตัวลงไปเหลือ 9.3% ในช่วงสินปี ซึ่งถือว่ายังเป็นปัญหาใหญ่อยู่

ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้นจะอยู่ต่ำกว่า 2% ใน 2 ปีข้างหน้าซึ่งอยุ่ในเป้าที่ตั้งไว้ของทาง FED

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวและวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

ทันโลกกับ Trader KP

ช่วงนี้หลายท่านคงได้ยินถึงคำว่า "Disconnection Between Wall Street and Main Street" หรือความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างราคาของหุ้นทั่วโลกกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นจริง... และ Gap ที่กำลังกว้างขึ้นเหล่านี้ #กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ของโลกเรา
ถ้าให้ใครก็ตามดูราคาหุ้นทั่วโลกอย่างเดียว แล้วให้เขาทายว่าเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้... เชื่อเลยว่าพวกเขาจะไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่ากำลังมีคนตกงานมากขึ้นทั่วโลกอยู่หลายสิบล้านคน ! และ GDP โลกเตรียมที่จะติดลบ -6% ! ตัวเลขคาดการณ์ GDP นี้ทาง OECD เพิ่งปรับการคาดการณ์ลดลงเมื่อตอนเย็นนี้ และได้ออกมากล่าวเตือนด้วยว่ายังอาจมีบริษัทอีกมากมายที่จะล้มละลายมากกว่าที่เราคาด และผลกระทบต่อเศรษฐกินโลกนั้นจะสาหัส.. แต่อย่างไรก็ตาม... ตลาดหุ้นก็ยังคอยปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
แล้ว Gap ที่มันยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆนั้นเป็นความเสี่ยงอย่างไร ?
https://www.facebook.com/108586193028066/posts/561638054389542/?d=n

 

Jun 10 , 2020 รองผบ.ทบ.เตรียมเสนอทดลองยกเลิกเคอร์ฟิว 15 วันทั่วประเทศ แต่ยังบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมจะมีการสำรวจว่าประชาชนจะรับได้หรือไม่
.
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้ มาตรการในการป้องกันและยับยั้ง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เปิดเผยว่า ในส่วนของความมั่นคงเตรียมเสนอส่วนการทดลองยกเลิกการประกาศใช้เคอร์ฟิว
.
โดยจะเสนอให้ทดลองการยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศเป็นเวลา 15 วัน แต่ยังคงบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ เพื่อจะทดลองว่าประชาชนจะรับได้กับการมีพ.ร.ก ฉุกเฉิน แต่ยกเลิกเคอร์ฟิว และจะใช้ชีวิตได้ตามปกติหรือไม่ และจะไม่มีด่านความมั่นคง ไม่มีการกำหนดเวลาเข้าออกเคหสถาน เพราะต้องการให้ประชาชนให้เห็นว่าเมื่อมีมาตรการผ่อนคลายสูงสุดจะเป็นเช่นไร หลังจากนั้นก็จะฟังเสียงตอบรับจากประชาชนและสังคม
.
ส่วนสาเหตุที่คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะกฎหมายปกติไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการในเรื่องที่ฉุกเฉินหากมีการแพร่ระบาดของโรคได้ หากพ.ร.ก. ฉุกเฉินฯเข้าไปดำเนินการได้อย่างบูรณาการ มาตรการบางอย่างจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯต่อไปก่อน
.
ส่วนเรื่องสนามมวยที่ประชุมเตรียมไว้ 2 แนวทาง คือเสนอแนวทางที่จะให้เปิดสนามมวย แต่ไม่ให้มีคนเข้าไปชม กับการไม่อนุญาตให้เปิดสนามมวย ยอมรับว่าเห็นใจนักมวยที่ขาดรายได้และได้รับผลกระทบในหลายภาคส่วน แต่ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะตัดสินใจ
.
#ทหารบก #Misterban #ยกเลิก #เคอร์ฟิว #ฉุกเฉิน

 

น่านฟ้าอิรัก จะไม่ปลอดภัยสำหรับอเมริกาอีกต่อไป !!!

ฮุเซ็น ดาลีรียาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกัน ได้ออกแสดงปฏิกิริยา ด้วยการโพสต์บน ทวีตเตอร์ เกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายเครื่องบินรบของอเมริกาในอิรัก
เครื่องบินรบ C-130 ของอเมริกาที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อคืนนี้ ถือเป็นความพยายามของกลุ่มลึกลับ (อุศบะตุล ษาอีรียน์) เพื่อกำหนดเป้าหมายเครื่องบินลำดังกล่าว
จากนี้ไป น่านฟ้าอิรัก จะไม่ปลอดภัยสำหรับอเมริกาอีกต่อไป
ดูเหมือนว่า กลุ่มลึกลับในอิรักกำลังสร้างความไม่ปลอดภัยในน่านฟ้าของประเทศโดยกำหนดเป้าหมายสูงสุดไปที่อาวุธเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ทางทหารของกองทัพสหรัฐ
การบรรลุเป้าหมายนี้ จะควบคู่กับการปฏิบัติการภาคพื้นดิน ที่จะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงสำหรับอเมริกา และนำไปสู่การออกจากแผ่นดินอิรักอย่างอัปยศในที่สุด
ข่าวโลกที่3
https://www.mashreghnews.ir/news/1081432/آسمان-عراق-برای-آمریکایی-ها-نا-امن-شد

 

#เกาหลีเหนือตัดช่องทางการสื่อสารกับเกาหลีใต้

สำนักข่าวกลางของเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ตัดช่องทางการติดต่อระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันอังคารรวมถึงสายด่วนทางทหารรวมถึงสายด่วนระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศด้วย ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ยืนยันว่าได้มีการโทรสายด่วนไปเกาหลีเหนือแต่ไม่มีการตอบรับหลังผ่านเส้นตายที่กำหนด
.
มีรายงานว่า คิม โยจอง น้องสาวของคิมจองอึนผู้นำสูงสุดเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ร่วมกับคิม ยองชอลรองประธานพรรคแรงงานของเกาหลีเหนือซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่าน้องสาวของคิมจองอึนเริ่มมีอิทิพลทางการเมืองมากขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอได้ออกแถลงการณ์ขู่ที่จะยกเลิกข้อตกลงทางทหารกับเกาหลีใต้และปิดสำนักงานประสานงานหลังจากที่กิจกรรมต่างๆต้องระงับจากการแพร่ระบาดของโควิด19มาหลายเดือน
.
นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นการส่งสัญญาณถึงยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือที่ต้องการกดดันเกาหลีใต้ว่าอย่าเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องความช่วยเหลือทางการเงินแบบให้เปล่า
.
เมื่อเดือนที่แล้วได้เกิดเหตุยิงกันในเขตปลอดอาวุธที่เกาหลีใต้พยายามย้ำว่าเป็นอุบัติเหตุซึ่งนนักวิเคราะห์มองว่าเกาหลีเหนือพยายามสร้างสถานการณ์ยั่วยุและอาจจะไม่หยุดแค่เกาหลีใต้แต่อาจจะขยายไปถึงสหรัฐด้วย
ที่มา...www.bbc.com
#ย่อโลก

 

ผลประโยชน์ที่ เศรษฐกิจไทย และเวียดนาม ได้จากโควิด 19



ไฟแนนเชียลไทมส์ สำนักข่าวเศรษฐกิจ สำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน เผยแพร่บทวิเคราะห์ เศรษฐกิจไทย และเวียดนาม หลังโควิด 19 ระบุ กรุงเทพฯ ฮานอย และโฮจิมินห์ กำลังกลับมามีชีวิตชีวา และโควิด 19 ก็ยังมีด้านบวก
บทความโดย จอห์น รีด ผู้สื่อข่าวเอเชียตะวันออกเฉียงไต้ กล่าวถึงไทยและเวียดนาม ว่ากำลังเข้าสู่ “ชีวิตวิถีใหม่” (New Normal) ที่ดูไม่ค่อยต่างจากวิถีเดิมเท่าไหร่
ชายหาดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเต็มไปด้วยผู้คน ในขณะที่เวียดนามอนุญาตให้ โรงเรียน ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และไนต์คลับกลับมาเปิดอีกครั้ง หรือแม้แต่สนามกีฬา และข่าวรายงานว่า คนเวียดนามส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยใส่หน้ากากแล้ว
การระบาดระลอกสองมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่รีดวิเคราะห์ว่า การตัดสินใจของทางการไทยและเวียดนาม มาจากอัตราการติดเชื้อในประเทศที่เป็นศูนย์ในสัปดาห์หลังๆ นี้
การรับมือของไทยและเวียดนาม
ในขณะที่ประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังคงดิ้นรนกับการควบคุมการระบาด แต่คำถามที่ไทยและเวียดนามมี กลับเป็นประเด็นที่ไม่ใช่แค่ว่าจะฟื้นฟูกลับมาเมื่อไหร่ แต่คำถามคือ การกลับสู่ชีวิตวิถีใหม่อย่างรวดเร็ว จะนำมาซึ่งผลประโยชน์จากโควิด 19 หรือไม่ คือในรูปแบบของการลงทุนหรือคำสั่งสินค้าที่มากขึ้น
ประเทศไทยและเวียดนาม เป็นสองประเทศแรกๆ ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นอกประเทศจีน และตอนนี้ก็เป็นสองประเทศแรกๆ ที่กำลังเดินออกมาจากจุดพีคของวิกฤต
รีดระบุว่า ประเทศไทยเริ่มต้นการรับมือแบบไม่ค่อยดีนัก แต่รัฐบาลก็ใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาด มีการปิดร้านอาหาร บาร์ สวนสาธารณะ และพื้นที่สาธารณะต่างๆ พร้อมทั้งห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และประกาศใช้เคอร์ฟิว แต่ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ก็ยังเปิดทำการได้ แต่ต้องมีมาตรการรักษาระยะห่าง
นอกจากนี้ รีดยังระบุถึงที่นายกรัฐมนตรีไทย ได้เอ่ยปากขอความสนับสนุนจากครอบครัวนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ และก็มีบางรายที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะด้านอุปกรณ์การแพทย์ หรือการจ้างงาน
ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการบริษัท บี กริมม กล่าวว่า ประเทศไทยมีระบบบริการสุขภาพที่ดีมาก และรัฐบาลก็รับฟังคนจาก 2 กลุ่ม คือ แพทย์ และ พวกหอการค้า สมาคมธนาคาร และภาคเอกชน เพื่อที่จะทำให้มาตรการล็อกดาวน์ทำให้ทุกอย่างชะงักน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ “โรงงานยังคงดำเนินการ ซุปเปอร์มาร์เก็ตยังเปิดอยู่ คนก็ยังมีอะไรกิน มีงานทำ
ขณะที่เวียดนามเอง เมืองใหญ่ 2 เมืองได้บังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างที่เข้มงวดเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในเดือนเมษายน แต่บริษัทส่วนใหญ่ก็ยังเปิดทำการ รีดระบุว่า ทางการเวียดนามใช้นโยบายการติดตามตัวที่เข้มงวดที่สุดในโลก หาพิกัดไม่ใช่แค่ตัวคนที่มีความใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโดยตรง แต่ติดตามกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ ที่ติดต่อกับผู้ใกล้ชิดคนที่ติดเชื้อด้วย และทุกคนจะถูกบังคับให้กักกันตัวเอง ถ้าไม่ที่บ้าน ก็ที่ที่ทางการจัดไว้
เปิดเศรษฐกิจ
ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อกว่า 3 พันราย ขณะที่เวียดนามพบผู้ติดเชื้อกว่า 300 ราย แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ต่ำ อาจมีผลมาจากจำนวนการตรวจที่ไม่สูงเท่าเกาหลีใต้ หรือเยอรมนี แต่รีดวิเคราะห์ว่า ก็ไม่มีปัจจัยบ่งชี้ว่ามีการปิดบังข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อ และตอนนี้ ทั้งสองประเทศกำลังถกเรื่องการเปิดชายแดนให้กับเที่ยวบินพาณิชย์ พร้อมมาตรการป้องกัน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การฟื้นตัวของเวียดนามดูจะเป็นอนาคตที่สดใส พรรคคอมมิวนิสต์คาดตัวเลขเติบโตปีนี้ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ เศรษฐกิจไทย นั้นพึ่งพาการท่องเที่ยว คาดการณ์การเติบโตจะหดตัว 5-6 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นตัวเลขที่แย่ที่สุดในรอบ 22 ปี
ผลประโยชน์จากโควิด 19
ก่อนสถานการณ์ระบาด ทั้งสองประเทศกำลังได้รับการลงทุนด้านการผลิตจากบริษัทนานาชาติ รวมทั้งกลุ่มธุรกิจจากจีน ที่กำลังมองหาแผนสำรองเพราะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
โควิด 19 กลายเป็นตัวเร่งกระบวนการ เผยให้เห็นความอ่อนแอของการที่พึ่งพาซัพพลายเออร์หรือผู้บริโภคจีนมากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสินทรัพย์ถาวรชาวเวียดนาม ต๊วน เล อัญ ระบุว่า คนกำลังคาดการณ์ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะเข้มข้นขึ้น “ความรู้สึกผมคือ เวียดนามจะได้ประโยชน์”
บริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งได้ย้ายการผลิตบางส่วนมาเวียดนามแล้ว ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิ้ล นินเทนโด หรือกูเกิ้ล การตัดสินใจเกิดขึ้นก่อนโควิด 19 แต่สถานการณ์ตอนนี้ ก็น่าจะทำให้มีบริษัทอื่นย้ายตามอีกไม่น้อย
รัฐบาลเวียดนาม ได้เร่งอนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นทางหลวงเหนือ-ใต้ รถไฟสองสาย และสนามบินในโฮจิมินห์
“(สิ่งเหล่านี้) จะปลดล็อกเวียดนาม” ต๊วนเชื่อว่าจะกระตุ้นการเติบโตโดยการผ่อนคลายระเบียบโลจิสติกที่ทำให้ธุรกิจเชื่องช้า สัปดาห์นี้ สภาเวียดนามก็เพิ่งอนุมัติข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป
ประเทศไทยรับมือโควิด 19 ด้วยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่จัดว่าใหญ่สำหรับเอเชีย สินค้าจากไทยอย่าง ข้าว ผลไม้ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ก็มีส่วนช่วยพยุงการส่งออก แม้ว่าทั้งโลกจะชัตดาวน์
แต่ประเทศไทยก็ยังพึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และความไม่แน่นอนก็ยังรออยู่ ไทยกำลังวางแผนเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นไปได้ว่าจากประเทศที่มีระดับการติดเชื้อโควิด-19 ต่ำ หรือศัพท์ที่เราได้ยินกันหลังๆ นี้ว่า “Travel Bubble” คือการเดินทางกันเองในกลุ่มประเทศที่รับมือโควิด 19 ได้ดี
หลังจากสถานการณ์ระบาดนี้ รีดคาดว่า การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ของไทย จะเป็นภาคที่เติบโตได้ดี และเมื่อเปิดรับเที่ยวบินพาณิชย์ นักท่องเที่ยวจีนก็คงจะกลับมาเที่ยวจำนวนเป็นล้านคน แต่ผลประโยชน์ที่ เศรษฐกิจไทย จะได้รับจากโควิด 19 ก็เป็นสิ่งที่ต้องรอดูในระยะยาว
ธนาคารโลกเตือนให้เตรียมรับ ปัญหาเศรษฐกิจ ตกต่ำรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี
โควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ที่ตามมาได้ส่งผลกระทบกับ เศรษฐกิจโลก แม้ว่าประเทศต่างๆ จะเริ่มคลายมาตรการ แต่ธนาคารโลกก็คาดการณ์ว่า ปัญหาเศรษฐกิจ จะตกต่ำรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี
ชะตากรรม เศรษฐกิจโลก ขึ้นอยู่กับนักวิทยาศาสตร์ และการค้นพบวัคซีน
นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ระบุ การฟื้นฟู เศรษฐกิจโลก อย่างสมบูรณ์ ต้องพึ่งพานักวิทยาศาสตร์ในการค้นพบวัคซีน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่าจะต้องใช้เวลาอีกนาน …
ส่องที่สุดของ มาตรการเยียวยา โควิด 19 ในต่างประเทศ
มาตรการเยียวยา เป็นสิ่งที่ทั่วโลกหวังว่าจะช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจาก โควิด 19 แต่ละประเทศมีวิธีที่แตกต่างกันไป และมีความเป็นที่สุดในด้านแตกต่างกัน
The post ผลประโยชน์ที่ เศรษฐกิจไทย และเวียดนาม ได้จากโควิด 19 appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

https://www.springnews.co.th/economics/677330

 

ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อช่วยเกษตรกรรับมือภัยแล้ง รายละไม่เกิน 50,000 ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก



ภัยแล้ง เฟซบุ๊กเพจ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 7 กรมประชาสัมพันธ์ ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง 3 โครงการ ทั้งสินเชื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน รายละไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก
สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนการผลิตดอกเบี้ย MRR-2 และสินเชื่อพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรดอกเบี้ย 0% ใน 2 ปีแรกเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในภาวะวิกฤต รวมวงเงินกว่า 20,000 ล้านบาท
โดยช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงภัยแล้งไปแล้วกว่า 30,000 ราย วงเงินกว่า 4,600 ล้านบาท
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นทั่วประเทศซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา ทำให้หลายพื้นที่ประสบปัญหา ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร
โดยมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพของเกษตรกร นำไปสู่ปัญหาการก่อหนี้นอกระบบ
ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. จึงได้จัดทำโครงการสนับสนุนสินเชื่อ เงื่อนไขและดอกเบี้ยผ่อนปรน จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย
1) สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือฉุกเฉินจำเป็นในครัวเรือนของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ประสบภัยในเขตพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
เช่น ค่าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ค่าซ่อมแซมบ้านเรือน เครื่องมือ/อุปกรณ์การเกษตร เป็นต้น วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี ในช่วง 6 เดือนแรก และตั้งแต่เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ร้อยละ 6.50 ต่อปี) กำหนดชำระคืนไม่เกิน 3 ปี นับจากวันกู้
2) สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าลงทุนฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหาย หรือเป็นค่าลงทุนสร้างหรือซ่อมแซมโรงเรือนการเกษตร/เครื่องมือ/เครื่องจักรการเกษตร ที่ได้รับ ความเสียหาย ในเขตพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2 (ร้อยละ 4.50 ต่อปี) ชำระคืนไม่เกิน 15 ปี นับแต่วันกู้
3) สินเชื่อเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุนในการจัดหา สร้าง/พัฒนา และปรับปรุงแหล่งน้ำไว้ใช้ในยามวิกฤต และลดผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง
วงเงินกู้รายละไม่เกิน 200,000 บาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 – 2 ร้อยละ 0 ต่อปี และตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR-2 (ร้อยละ 4.50 ต่อปี) ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ถึง 31 ธันวาคม 2563
The post ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อช่วยเกษตรกรรับมือภัยแล้ง รายละไม่เกิน 50,000 ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

https://www.springnews.co.th/thailand/677481

 

Jun 11 , 2020 เช็ครายชื่อกิจการผ่อนปรนระยะ 4 ก่อนที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่อนุมัติพรุ่งนี้
.
#ศบค. #ผ่อนปรน #คลายล็อก #Misterban

 

Jun 11 , 2020 ญี่ปุ่นเตรียมเปิดรับนักธุรกิจ-วิศวกรไทย เข้าประเทศ 250 คน/วัน
.
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าทางการญี่ปุ่นเตรียมอนุญาตให้นักธุรกิจที่เป็นผู้บริหารหรือวิศวกรจาก 4 ประเทศ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม และไทย สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้โดยจำกัดวันละ 250 ราย คาดว่าเริ่มภายในเดือนมิ.ย.-ส.ค. ซึ่งจากการระบาดโควิด19 ญี่ปุ่นได้ขึ้นบัญชีห้ามนักเดินทางจากบางชาติเข้าประเทศ
.
สำหรับผู้ที่สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นจะต้องได้เข้ารับการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด 2 ครั้งก่อนเดินทางออกจากประเทศเเละตรวจอีกครั้งเมื่อถึงญี่ปุ่น เเละจะต้องมีหนังสือรับรองเเนบมาด้วย โดยการเปิดให้เดินทางเข้านี้จะเริ่มจากให้ภาคธุรกิจเเละวิศวกรได้เดินทางเข้าก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวยังคงต้องรอมาตราการเพิ่มเติมต่อไป
.
ส่วนเหตุผลที่ให้ 4 ชาติเป็นกลุ่มแรกเข้าประเทศได้ เนื่องจากมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิด ทั้งยังเป็นประเทศสามารถควบคุมการระบาดของโควิดได้ดี ซึ่งปัจจุบันญี่ปุ่นมีการขึ้นทะเบียนห้ามพลเมืองจาก 111 ประเทศเดินทางเข้าญี่ปุ่น รวมถึงนักเดินทางผู้ที่มีประวัติเคยพำนักอยู่ในประเทศนั้นๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่มาจากต่างชาติ เเละรัฐอาจขยายมาตรการนี้ให้กับประเทศอื่นๆ อีกเช่นกัน
.
#ญี่ปุ่น #วิศวกรไทย #นักธุรกิจ #Misterban

 

Jun 11 , 2020 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอ 2 มาตรการแจกเงินกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เข้าที่ประชุมศบค. ชุดใหญ่พรุ่งนี้
.
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ จะนำแพ็คเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ หารือในที่ประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน ระหว่างเดือนก.ค.-ต.ค. 2563 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯเสนอ
.
1.แพ็คเกจกำลังใจเพื่อตอบแทนบุคลากรที่ปฏิบัติงานแนวหน้าในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 1.2 ล้านคน โดยสนับสนุนงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงาน แบบอบรมสัมมนา โดยผ่านบริษัทนำเที่ยวในประเทศ โดยแพ็คเกจกำลังใจ จะใช้เงินประมาณ 2,400 ล้านบาท หรือรัฐบาลจะจ่ายเงินให้ประมาณ 2,000 บาท/คน ส่วนหัวข้ออบรม สัมมนา กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นหน่วยงานที่คิด
.
2.แพ็คเกจเที่ยวปันสุข เป็นการส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวข้ามจังหวัด จำนวน 4 ล้านคน โดยแจกบัตรกำนัล หรือ วอยเชอร์ ผ่านแอพเป๋าตุงของธนาคารกรุงไทยเมื่อมีการเช็คอินห้องพัก รัฐบาลจะโอนเงินคืนให้กับประชาชน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้จ่ายในโรงแรม เช่น ห้องพัก ห้องอาหาร สปา และ ร้านขายสินค้าที่ระลึกต่อไป โดยแพ็คเกจนี้รัฐบาลจะให้เงินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวประมาณ 2,000-3,000 บาท/คน
.
ส่วนตัวเลขการชดเชยเงินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวจะเป็น 2,000 บาท หรือ 3,000 บาท ที่ประชุม ศบค. จะสรุปว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยเงินเท่าไหร่ ถ้าให้ 2,000 บาทต่อคน ก็จะใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท แต่หาก ศบค.สรุปให้เงิน 3,000 บาทต่อคนก็จะใช้เงินประมาณ 12,000 ล้านบาท
.
นอกจากนี้ยังทำการเปิดท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทางเฉพาะประเทศที่ควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ Travel Bubble เข้าที่ประชุม ศบค.พิจารณาด้วย โดยคาดว่าจะสามารถอนุญาตให้ต่างประเทศกลุ่มนี้เข้ามาเมืองไทยได้ตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้ หลังมีการเปิดน่านฟ้า
.
เบื้องต้นจะอนุญาตให้กลุ่มนักธุรกิจ ที่มีบริษัทในประเทศไทย หรือจำเป็นต้องเดินทางมาทำงานในประเทศไทย ที่ต้องมีเอกสารรับรองจากสำนักงานใหญ่ หรือหน่วยงานที่เชิญมาทำงาน ให้ทำหนังสือรับรอง เพื่อรับผิดชอบว่านักธุรกิจคนนั้นต้องเดินทาง และต้องทำงานจริง มีหลักแหล่งที่ตรวจสอบได้
.
#ศบค #ไวรัสโควิด19 #ท่องเที่ยว #Misterban

 

Jun 11 , 2020 Zara เตรียมปิดร้านค้า 1,200 สาขาทั่วโลก หลังยอดขายตกกว่า 44% จากวิกฤตโควิด-19
.
Inditex บริษัทใหญ่ของแบรนด์เสื้อผ้า Zara ได้ประกาศปิดร้านค้า Zara ถึง 1,200 สาขาทั่วโลก เนื่องจากบริษัทได้เปลี่ยนไปขายทางออนไลน์ในช่วงวิกฤตการระบาดของโควิด-19 เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ซึ่งสาขาที่คาดว่าจะปิดตัวจะเป็นสาขาใน เอเชียและยุโรปเป็นหลัก เเต่ยกเว้น 107 สาขาในสหราชอาณาจักร
.
โดยจำนวนพนักงานยังคงเท่าเดิม เเต่จะถูกปรับบทบาทไปทำส่วนที่เป็นการขายออนไลน์เเทน เเละร้านค้าทั้งหมดจาก 7,412 สาขาจะเหลือเพียง 6,700-6,900 สาขา ซึ่งหลังจากปรับโครงสร้างองค์กร จะมีการเปิดสาขาใหม่ 450 สาขา ซึ่งทางบริษัทมีแผนที่จะลงทุนประมาณ 35,000 ล้านบาท ในแผนการขายออนไลน์ และอีกประมาณ 60,000 ล้านบาท สำหรับหน้าร้านค้าเพราะช่วงการระบาดโควิด19 ทำให้ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงไตรมาสเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 95% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนเมษายน
.
#Zara #Misterban #ปิดสาขา #วรัสโควิด19

 

Jun 11 , 2020 ฮ่องกงครองแชมป์ค่าครองชีพแพงที่สุด 3 ปีติดต่อกัน ส่วนกรุงเทพขยับขึ้น 5 อันดับ เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดเป็นอันดับที่ 35 ของโลก
.
เมอร์เซอร์ (Mercer) บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ เปิดเผยในรายงานประจำปี ว่า ฮ่องกงยังคงอยู่ในอันดับ 1 จาก 209 เมืองที่มีการจัดอันดับเรื่องค่าครองชีพแพงที่สุดสำหรับชาวต่างชาติ และครองแชมป์เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
.
โดยทวีปเอเชียมีเมืองที่ติดอันดับ 1 ใน 10 อยู่ถึง 6 เมือง โดยกรุงอาชกาบัต ของเติร์กเมนิสถาน แซงหน้ากรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเป็นอันดับ 2
.
ขณะที่เมืองในสวิตเซอร์แลนด์ ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกถึง 3 เมือง ได้แก่ นครซูริค อยู่อันดับ 4 // กรุงเบิร์น อันดับ 8 และนครเจนีวา อันดับ 9 ขณะที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ ขยับจากอันดับ 9 เมื่อปีที่แล้ว ขึ้นมาอยู่อันดับ 6 และเป็นเมืองในสหรัฐเพียงแห่งเดียวที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของการสำรวจในปีนี้
.
สำหรับสิงคโปร์ ร่วงจากอันดับ 3 มาอยู่อันดับ 5 ส่วนนครเซี่ยงไฮ้และกรุงปักกิ่งของจีน อยู่อันดับ 7 และ 10 ตามลำดับ
.
ส่วน กรุงเทพมหานครของไทย ขยับจากอันดับ 40 ในปีที่แล้ว มาอยู่ที่อันดับ 35 ในปีนี้ ซึ่งผลสำรวจนี้ประเมินจากค่าครองชีพกว่า 200 รายการในแต่ละเมือง รวมถึงค่าที่อยู่อาศัย ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า สินค้าในครัวเรือน และความบันเทิง
.
ส่วนเมืองในยุโรป กรุงลอนดอนของอังกฤษ ขยับขึ้นมา 4 อันดับมาอยู่ในอันดับที่ 19 ขณะที่กรุงปารีส ร่วงจากอันดับที่ 47 ไปอยู่อันดับที่ 50 ขณะที่เมืองที่มีค่าครองชีพต่ำที่สุดสำหรับชาวต่างชาติคือ กรุงตูนิสของตูนิเซีย
.
#ค่าครองชีพ #ไทย #Misterban #อันดับ35

 

Jun 11 , 2020 ไทย ไลอ้อน แอร์เปิดทุกเส้นทางบินในประเทศตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายนนี้
.
สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เปิดเผยว่า พร้อมบินทุกเส้นทางบินในประเทศตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป โดยก่อนหน้านี้ทำเริ่มการบิน 5 เส้นทางบินในประเทศ และเปิดเพิ่มอีก 8 เส้นทางบิน รวมเป็น 13 เส้นทางบินแบ่งเป็น 12 เส้นทางบิน พร้อม 1 เส้นทางบินข้ามภูมิภาค
.
โดยเส้นทางบินภายในประเทศ บินตรงจากกรุงเทพ (ดอนเมือง) ไปเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก อุดรธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น ภูเก็ต หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง และเส้นทางบินข้ามภูมิภาค จากสนามบินอู่ตะเภา-เชียงใหม่
.
#ไลอ้อนแอร์ #เปิดเส้นทางบิน #ในประเทศ #Misterban

 

Jun 11 , 2020 การบินไทยงดบินต่างประเทศอีก 1 เดือน พร้อมเริ่มกลับมาบิน 1 ส.ค.นี้
.
รายงานจากการบินไทยเปิดเผยว่า ได้ทำการปรับแผนการบินใหม่อีกครั้ง โดยเลื่อนการเปิดทำการบินในเส้นทางระหว่างประเทศออกไปอีก 1 เดือน โดยจะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่1 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป และแบ่งออกเป็น 3 ช่วงในวันที่ 1 ส.ค. // 2 ส.ค. และ 3 ส.ค
.
โดยเส้นทางที่การบินไทยจะเริ่มบิน 1 ส.ค. มีจำนวน 26 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางลอนดอน วันละ 1 เที่ยวบิน // ปารีส สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน // โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก วันละ 1 เที่ยวบิน // นิวเดลี วันละ 1 เที่ยวบิน // เดนปาซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน // ธากา ประเทศบังกลาเทศ สัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน // แฟรงก์เฟิร์ต วันละ 1 เที่ยวบิน
.
เส้นทางกวางโจว สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน // ฮานอย วันละ 1 เที่ยวบิน // โฮจิมินห์ วันละ 1 เที่ยวบิน // ฮ่องกง วันละ 1 เที่ยวบิน // อิสลามาบัด สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน // การาจี สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน // ละฮอร์ ปากีสถาน สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน // เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย สัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน // มิวนิก สัปดาห์ละ 5-6 เที่ยวบิน
.
เส้นทางนาโงย่า สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน // โอซาก้า สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน // พนมเปญ วันละ 1 เที่ยวบิน // โซล สัปดาห์ละ 6 เที่ยวบิน // ซิดนีย์ สัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน // ไทเป วันละ 1 เที่ยวบิน// โตเกียว (สนามบินฮาเนะดะ) สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน,โตเกียว (สนามบินนาริตะ) สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน,เวียงจันทน์ วันละ 1 เที่ยวบิน,ย่างกุ้ง วันละ 1 เที่ยวบิน
.
ส่วนเส้นทางเริ่มบินตั้งแต่ 2 ส.ค.มี 9 เส้นทาง ได้แก่ ปักกิ่ง สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน //บริสเบน ออสเตรเลีย สัปดาห์ละ2เที่ยวบิน // บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน // กัวลาลัมเปอร์ สัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน // มะนิลา สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน // เพิร์ธ ออสเตรเลีย สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน // เซี่ยงไฮ้ สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน // สิงคโปร์ สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบินและซูริก สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน
.
ด้านเส้นทางบินที่จะเริ่มบิน 3 ส.ค. จำนวน 2 เส้นทาง คือ โอ๊กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบินและจาการ์ตา สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน
.
ส่วนเส้นทางที่ยังไม่กลับมาทำการบินได้แก่ มิลาน และโรม อิตาลี, มอสโก รัสเซีย , เวียนนา ออสเตรีย , สตอกโฮล์ม สวีเดน, ซัปโปโร, ฟุกุโอกะ, เซนได, กาฐมาณฑุ, ออสโล นอร์เวย์, โคลัมโบ ศรีลังกา เป็นต้น
.
#Misterban #การบินไทย #หยุดบิน #ต่างประเทศ #1เดือน

 

June 11, 2020 มาแล้วโควิด-19 รอบ 2 เจอพุ่งในสหรัฐ ยอดติดโควิด-19 ย้อนพุ่งสูงขึ้นใน 4 รัฐใหญ่ มากที่สุดตั้งแต่เริ่มรายงานการติดเชื้อในสหรัฐ เจ้าหน้าที่ควบคุมม๊อบต้านเหยียดผิวสีเจอติดโควิด-19

รัฐแคลิฟอร์เนีย รายงานว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายใหม่ และผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาล กลับมามีจำนวนเพิ่มขึ้นครั้งใหม่ในหลายพื้นที่ของรัฐดังกล่าว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องติดตาม 9 ชุมชนเมือง เช่น ลอส แองเจลิส ซานตา คลาร่า และเฟรสโน่ ที่มีจำนวนตัวเลขเพิ่มขึ้น เนื่องจาก มีจำนวนประชากรที่อยู่ใน 9 ชุมชนเมืองดังกล่าวรวมกัน 18 ล้านคนจากประชากรในรัฐแคลิฟอร์เนียทั้งหมดมากกว่า 39 ล้านคน อาจส่งผลให้ต้องใช้มาตรการชะลอการเปิดภาคธุรกิจ หรือลดจำนวนการเปิดภาคธุรกิจ

สถานการณ์ในรัฐแอริโซน่า พบว่าจำนวนผู้คิดโรคโควิด-19 กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันพุ่งสูงเฉลี่ย 1,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นมา และมีจำนวนพุ่งขึ้นไปแตะที่ 1,168 คนในวันที่ 2 มิถุนายน ส่งผลให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขรัฐแอริโซน่า ต้องส่งจดหมายไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งให้ปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินทันที เพื่อให้มั่นใจว่าโรงพยาบาลทุกแห่งสามารถบริหารจัดการจำนวนผู้ป่วย จำนวนเตียง และเครื่องมือการแพทย์อื่นๆ ล่าสุดพบว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มีจำนวนพุ่งขึ้น 4 เท่า นับตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นมา

ด้านรัฐเท็กซัส พบจำนวนผู้ป่วยและจำนวนผู้เสียชีวิตโรคโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นใน 2 วันติดกัน ทำสถิติมากที่สุดครั้งใหม่ โดยมีจำนวนผู้ป่วยพุ่งขึ้นในวันจันทร์ 1,935 ราย และในวันอังคารพุ่งขึ้น 2,056 ราย รวม 2 วันติดกันมีจำนวนพุ่งเกือบ 4,000 คนที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยายาลทั่วรัฐเท็กซัส สาเหตุจากการทยอยเปิดภาคเศรษฐกิจและภาคสังคม ซึ่งรัฐเท็กซัสเป็นรัฐแรกๆในสหรัฐที่ผ่อนคลายมาตรการให้อยู่บ้านนับตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน และกลับมาเปิดภาคธุรกิจครั้งใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ขณะที่รัฐฟลอริด้า พบจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นครั้งใหม่ มีจำนวน 1,400 ราย ทำสถิติจำนวนพุ่งสูงขึ้นใน 1 วันมากที่สุดนับตั้งแต่รัฐฟลอริด้าเริ่มทำการตรวจและติดตามผู้ติดโรคโควิด-19 ในช่วงกลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา หรือในรอบเกือบ 3 เดือน ส่งผลให้จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันในรัฐฟลอริด้าอยู่ที่เฉลี่ย 1,000 คนนับตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนเป็นต้นมา หลังจากทยอยเปิดภาคเศรษฐกิจและธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการรัฐฟลอริด้า นายรอน เดแซนติส ยังคงเดินหน้าเปิดภาคธุรกิจในระยะที่ 2 ได้แก่ ธุรกิจร้านค้า บาร์ และโรงภาพยนตร์ ทั้งนี้ นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในรัฐเท็กซัส มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 66,000 ราย และเสียชีวิตอย่างน้อย 2,765 ราย

ทั้งนี้ สถานการณ์ติดโรคโควิด-19 ในพื้นที่การชุมนุมประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวในสหรัฐ ได้ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายโรคโควิด-19 ขึ้นมาแล้ว พบว่าเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติสหรัฐ ติดโรคโควิด-19 จากการเข้าประจำการควบคุมฝูงชนในการชุมนุมต่อต้านการเหยียดผิวในหลายแห่งของสหรัฐ

#โควิด19 #โควิด19รอบสอง #สหรัฐ #misterban #covid19

 

June 11, 2020 โรคระบาดโควิด-19 รอบ 2 ในสหรัฐเขย่าตลาดหุ้น กดดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 280 จุด ราคาน้ำมันดิบขยับเกือบ 2% ส่งราคาไนเม็กซ์ปิดใกล้ 40 ดอลลาร์ ราคาทองคำล่วงหน้าตลาดโลกเงียบเหงา

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 26,989 จุด -282 จุด หรือ -1.04% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,190 จุด -17 จุด หรือ -0.53% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,020 จุด +66 จุด หรือ +0.67% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดเหนือ 10,000 จุดเป็นครั้งประวัติศาสตร์ ทะยานขึ้น 8 วันติดต่อกัน และพุ่งทะยานเกือบ 10% ตั้งแต่ต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเทขายทำกำไรจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดโรคโควิด-19 รอบที่ 2 ในสหรัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐมีมติตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นต่ำเป็นประวัติการณ์อีกถึง 2 ปี พร้อมลดเป้าจีดีพีเศรษฐกิจสหรัฐติดลบมากกว่า 6%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 39.60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.70% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 41.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.44 ดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐพุ่งสูงขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้สต๊อคน้ำมันดิบในสหรัฐมีปริมาณสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 538,100 ล้านบาร์เรล สะท้อนภาวะการใช้น้ำมันที่ยังไม่ฟื้นกลับมาท่ามกลางการกลับมาเปิดภาคเศรษฐกิจในสหรัฐ

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,720.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -1.20ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สวนทางราคาทองคำส่งมอบทันทีปิดที่ 1,728.76 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.8% สาเหตุจากธนาคารกลางสหรัฐส่งสสัญญาณชัดเจนที่จะใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รับสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่ตกต่ำในระยะยาว

#ลงทุน #สตาร์ทอัพ #การเงิน #หุ้น #ทองคำ #น้ำมัน #ตลาดหุ้น #เล่นทอง #ราคาทอง #ดิจิทัล #markets #business #stock #gold #oil #investment #misterban #เศรษฐกิจ #เล่นหุ้น #btimes

 

June 10, 2020 แบรนด์เสื้อผ้าดังระดับโลกซาราในเครืออินดิเท็กซ์ ขาดทุนครั้งแรกรอบ 19 ปี ทะลุเกือบ 15,000 ล้านบาท รับโควิด-19

กลุ่มบริษัท อินดิเท็กซ์ ซึ่งมีแบรนด์เสื้อผ้า และเครื่องหนังชื่อดังหลานยยี่ห้อ หนึ่งในนั้นคือ ซาร่า แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังระดับโลก เปิดเผยผลประกอบการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนปีนี้ พบว่า มีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 409 ล้านเหรียญยูโร หรือ 465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 14,880 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 ที่มีผลกำไรสุทธิ 734 ล้านเหรียญยูโร หรือราว 26,424 ล้านบาท ผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในครั้งนี้ ทำสถิติขาดทุนครั้งแรกในรอบ 19 ปี หรือตั้งแต่ปี 2001 ด้านยอดขายของกลุ่มบริษัทดังกล่าวตกต่ำลงมาแตะที่ 3,300 ล้านยูโร หรือ 118,800 ล้านบาท จากที่เคยมียอดขายในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสูงเกือบ 6,000 ล้านยูโร หรือเกือบ 216,000 ล้านบาท

สาเหตุมาจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้ร้านสาขาของแบรนด์ต่างๆในกลุ่มบริษัทดังกล่าวนั้นต้องปิดตัวเป็นเวลานาน อินดิเท็กซ์ต้องปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก เมื่อสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น มีเปิดเพียง 965 แห่ง ซึ่งกระจายอยู่ใน 27 ประเทศทั่วโลก อินดิเท็กซ์มีร้านสาขาของทุกแบรนด์รวมกันจำนวนทั้งสิ้น 7,469 แห่งทั่วโลก (ตัวเลขเมื่อ 31 ธันวาคม 2562) นั่นหมายถึงมีร้านสาขาที่ปิดตัวลงถึง 87% ของทั้งหมด การปิดร้านสาขาส่งผลให้สินค้าขายไม่ได้เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ อินดิเท็กซ์ เปิดเผยต่อไปว่า ยอดขายผ่านระบบออนไลน์ในไตรมาสที่ 1 มีจำนวนสูงถึง 50% โดยเฉพาะการขายผ่านออนไลน์ในเดือนเมษายนทำได้ถึง 95% จากสถานการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้ยอดขายออนไลน์จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่า 25% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2022 ซึ่งสิ้นสุดปี 2562 ยอดขายออนไลน์ซาร่าอยู่ที่ 14% ของยอดขายทั้งหมด

#ซารา #ซาร่า #โควิด19 #zara #covid19 #misterban