พระเครื่องบ้านๆ ราคาเบาๆครับ ภาค 3 ส่งฟรีทุกรายการ (สารบัญพระอยู่หน้าแรกนะครับ)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 9 พฤษภาคม 2018.

  1. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการที่ 693 (คุณ สักการะ บูชาแล้วครับ)
    พระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น ปรมัตถบารมี ปิดทอง
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    ?temp_hash=0cca04464c042e9f7e8f256a55e34c01.jpg


    เป็นพระผงที่ใช้ระยะในการทำที่ยาวนานกว่า 30 ปี ในการทำ นั่นคือ เริ่มหาวิธีสร้างในปี 2516 จนมาสำเร็จในปี 2546 เพราะหาวิธีการนำผ้าสังฆาฏิของพระอริยะสงฆ์สุปฏิปันโน มาบดเป็นผงเพื่อนำมาเป็นมวลสารในการสร้าง

    เข้าพิธีพุทธาภิเษกด้วยกัน 3 ครั้ง :

    ครั้งที่ 1 หลวงพ่อแขก วัดบางระกำ จ.พิษณุโลก ทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2546

    ครั้งที่ 2 นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ในวันที่ 1 ธันวาคม 2546 ซึ่งเป็นพิธีสำหรับการพุทธาภิเษกพระเครื่องต่างๆ รุ่น สธ. ในวโรกาสเจริญพระชนม์พรรษาครบรอบ 48 ปี ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี

    ครั้งที่ 3 นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ในพิธีเสาร์ 5 วันที่ 18 กันยายน 2547

    ซึ่งสังฆาฏิที่นำมาบดเป็นผงเพื่อเป็นมวลสร้างในการจัดสร้าง ประกอบไปด้วย สังฆาฏิของ

    1.สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวัฑฒโน) องค์ที่ 19 วัดบวรนิเวศร กรุงเทพมหานคร
    2.หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    3.ครูบาพรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.เชียงใหม่
    4.ครูบาอินทจักโก วัดน้ำบ่อหลวง จ.เชียงใหม่
    5.ครูบาคำแสน (หลวงปู่คำแสนใหญ่) วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่
    6.ครูบาคำแสน (หลวงปู่คำแสนเล็ก) วัดดอนมูล จ.เชียงใหม่
    7.ครูบาทิม พรหมเสโน วัดจามเทวี จ.ลำพูน
    8.ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน
    9.ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่
    10.หลวงปู่หล้า ตาทิตย์ วัดป่าตึง จ.เชียงใหม่
    11.ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่
    12.ครูบาชัยยะวงศา วัดนาเลียง จ.เชียงใหม่
    13.หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรี จ.สิงห์บุรี
    14.หลวงปู่สี ฉันทศิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค จ.นครสวรรค์
    15.หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
    16.หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่
    17.หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    18.ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร
    19.หลวงพ่อแช่ม วัดตากล้อง จ.นครปฐม
    20.หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี
    21.ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
    22.ท่านอาจารย์โกวิน วัดไผ่รื่นรมย์ จ.นครปฐม

    ?temp_hash=0cca04464c042e9f7e8f256a55e34c01.jpg

    ขนาดขององค์พระ กว้าง 2.1 ซม. สูง 2.9 ซม.

    แบ่งบูชา 349 บาท
    ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2020
  2. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการที่ 694 (คุณ lookpras บูชาแล้วครับ)
    พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ เนื้อขาว พ.ศ.2545 (องค์ที่ 2)
    รุ่น 214 ปี ชาติกาล สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ


    ?temp_hash=079bceffb3d9c6558bfe4286ab6f7ebf.jpg

    ในช่วงปีพุทธศักราช 2543 คณะสงฆ์และคณะกรรมการวัดระฆังฯ ขณะนั้น ได้ทำการปรึกษาหารือในการเตรียมการจัดสร้างพระเครื่องสมเด็จวัดระฆังฯ หลังจากว่างเว้นไปหลายปี นับจากการสร้างสมเด็จวัดระฆัง รุ่นเสาร์ 5 ปี 2539 อีกครั้งโดยลงมติความเห็นกันว่า พระเครื่องชุดนี้จะจัดสร้างในวาระทำบุญครบรอบในงานบุญ “ชาตกาล” ประจำปี หรือที่เรียกว่างานบุญปีเกิด “สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี” เมื่อได้ขอสรุปในครั้งนั้น ท่านพระครูปลัดสมคิด สิริวัฒฑโณ เป็นผู้ดำเนินการ จึงปรึกษาเรื่อง แม่พิมพ์พระสมเด็จจากท่าน พระครูวินัยธรเข็ม ขนฺติพโล ว่าพอมีแม่พิมพ์หรือต้นแบบพิมพ์ในการจัดสร้างพระในครั้งนี้หรือไม่ ประจวบเหมาะว่าท่านพระครูเข็มได้ทำสมเด็จหล่อโบราณไว้รุ่นหนึ่ง เป็นลักษณะพระสมเด็จอกร่องเกศทะลุซุ้ม ซึ่งเมื่อพระครูปลัดสมคิด สิริวัฒฑโณ ได้พินิจพิจารณาดูพระสมเด็จหล่อโบราณดูแล้วเห็นว่าสวยดีและเหมาะสมอย่างยิ่งในการที่จะนำมาเป็นแบบในการจัดสร้างพระผง 214 ชาตกาลพิมพ์เกศทะลุซุ้ม

    ตามคำบอกเล่าของท่านพระครูเข็มกล่าวว่า พระสมเด็จเกศทะลุซุ้มนี้ ตั้งใจแกะขึ้นมาเพื่อหล่อเป็นพระสมเด็จหล่อโบราณซึ่งตั้งใจหล่อไว้ 85 องค์ตามอายุของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เนื่องจากว่าพระครูเข็มเองก็อุปสมบท ณ วัดระฆังมาแล้วร่วม 38 พรรษา จึงตั้งใจสร้างพระสมเด็จเกศทะลุซุ้มหล่อโบราณ เพื่อเป็นกตัญญูธรรมถวายแด่สมเด็จพุฒาจารย์โต ต่อมาในช่วงต้นปี 2543 ช่างขุน ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายของพระครูเข็ม ได้เป็นผู้จัดสร้าง พระเครื่องหลวงปู่หมุน รุ่นเสาร์ 5 บูชาครู ซึ่งพระครูเข็มเห็นว่า หลวงปู่หมุนเป็นพระเถราจารย์ผู้สูงส่งด้วยอภิญญาญาณสมาบัติ จึงมีความตั้งใจว่าจะนำพระกริ่งพรหมรังสีและพระสมเด็จหล่อโบราญ ที่จัดสร้างไว้แล้วนี้ เข้าพิธี รุ่นเสาร์ 5 บูชาครู ให้หลวงปู่หมุนได้ปลุกเสกด้วย จึงให้ช่างขุน เอาพระเครื่องชุดนี้ไปตอกโค๊ต ที่เป็นสัญลักษณ์ขององค์หลวงปู่หมุน เพิ่มอีก 1 ตัว เพื่อให้รู้ว่ามีหลวงปู่หมุนเสกด้วย(โดยช่างชุนได้เลือกโค๊ตเฑาะห์ ที่กำลังตอกในรุ่น เสาร์5บูชาครู) ขณะเดียวกันนั้น ก่อนจะมีพิธีพุทธาภิเษกรุ่นเสาร์ 5 บูชาครู อาจารย์ตั้ว วัดซับลำไย ได้เข้ามาติดต่อช่างขุน ให้เป็นผู้ร่วมสร้างพระเครื่องหลวงปู่หมุน ในรุ่นมหาสมปรารถนา และได้เข้ามาปรึกษากับพระครูเข็ม เรื่องจะขอนำรุ่นมหาสมปรารถนา มาพุทธาภิเษกที่วัดระฆังโฆษิตารามในปลายปีด้วย พร้อมกับขอให้พระครูเข็มสร้างพระสมเด็จหลังลายเซ็นเพิ่มในรุ่นสมปรารถนา (พระสมเด็จหลังลายเซ็นจึงเป็นพระเครื่องนอกรายการในใบชัวร์สั่งจองของรุ่นมหาสมปรารถนาเพราะทางวัดซับลำไยได้สั่งพิมพ์รายการเป็นโบชัวร์ไปแล้ว) ซึ่งพระครูเข็มเห็นว่า ไหนๆหลวงปู่หมุน จะต้องมาปลุกเสกที่วัดระฆังโฆษิตาราม จึงไม่นำพระกริ่งพรหมรังสีและพระสมเด็จหล่อโบราญ เข้าพิธีเสาร์ 5 บูชาครู ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก โดยเก็บไว้รอเข้า"พิธีมหาสมปรารถนา" ที่วัดระฆังโฆษิตารามในปลายปีทีเดียว ที่กล่าวมานี้จึงเป็นที่มาของแม่พิมพ์ต้นแบบของพระผงสมเด็จเกศทะลุซุ้มรุ่น 214 ชาตกาล ไม่เพียงแต่พิมพ์สมเด็จเกศทะลุซุ้มเพียงแบบเดียวเท่านั้น ยังมีพิมพ์สมเด็จพระประธานอีกหนึ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นแม่พิมพ์ที่ หม่อมเนื่องพร สุทัศน์ ณ อยุธยา ได้เคยได้สั่งช่างแกะแม่พิมพ์ไว้ในคราวจัดสร้างพระสมเด็จรุ่นอนุสรณ์ 100 ปี วัดระฆังเมื่อปี พ.ศ.2515 แต่ไม่ได้นำไปสร้าง ทางคณะกรรมการผู้จัดสร้างรุ่น 214 ชาตกาล จึงเห็นว่า เพื่อเป็นการระลึกถึง หม่อมท่าน จึงได้นำพิมพ์นี้มาเป็นแบบในการจัดสร้างพระสมเด็จ 214 ชาตกาลอีกพิมพ์หนึ่ง โดยพิมพ์สมเด็จพระประธานนี้จัดสร้างจำนวน 150,000 องค์ พิมพ์เกศทะลุซุ้ม 300,000 องค์

    ?temp_hash=079bceffb3d9c6558bfe4286ab6f7ebf.jpg

    ในส่วนของวัตถุมวลสารโดยหลักแล้วมวลสารพระสมเด็จรุ่น 214 ชาตกาล ท่านพระครูเข็มจะเป็นผู้เสาะแสวงหาเป็นหลัก มวลสารพระเครื่องชุดนี้คือ ผงเก่าสมเด็จปิลันทน์ ชานหมากหลวงปู่หมุน ผงธูปหลวงปู่หมุน กระเบื้องหลังพระคาอุโบสถวัดระฆังฯ ช่อฟ้าวิหารบูรพจารย์ รักดำในเสมาวัดระฆัง ผงเก่าพระเครื่องของวัดระฆังตั้งแต่รุ่นอนุสรณ์ 100 108 118 122 ปี ผงเก่า พระผงรุ่นเสาร์ 5 ปี 2536 และ 2539 เป็นต้น ในช่วงแรกของการจัดสร้างพระผงสมเด็จ ท่านพระครูเข็มได้นำน้ำผึ้งเก่าที่เก็บรักษาไว้จำนวนหนึ่งลังให้ช่างผู้กดแม่พิมพ์พระเอาไปเป็นส่วนผสมด้วย แต่เนื่องจากน้ำผึ้งที่มีเพียงหนึ่งลังจึงผสมกดพระได้เพียง 30,000-50,000 องค์เท่านั้น น้ำผึ้งก็หมดโดยความพิเศษและแตกต่างของพระสมเด็จที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งผสมนั้นลักษณะเนื้อพระจะมีความฉ่ำความเหนียวของน้ำผึ้ง มีลักษณะคล้ายกับเนื้อผงน้ำมันมีลักษณะเป็นสีเทา สีน้ำตาลเข็ม-อ่อน และเหลืองนวล หากสังเกตพระผงชุดแรกที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งนั้นเมื่อเทียบกับกลุ่มพระเนื้อขาวที่ไม่ได้ผสมกับน้ำผึ้ง จะสังเกตได้พระพระผงชุดแรกที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งนั้นจะมวลสารกระจุกหนาแน่นในแต่ละองค์กระจายตามองค์พระเป็นจำนวนมาก จึงบอกได้มากพระชุดที่มีน้ำผึ้งเก่าผสมอยู่นั้นเป็นชุดพระที่แก่ผงมวลสารมากกว่าพระผงกลุ่มเนื้อสีขาว เมื่อถึงคราวพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องรุ่น 214 ชาตกาลในวันพุทธที่ เมษายน พ.ศ.2545 ได้นิมนต์พระเถราจารย์ 108 รูป ทั่วประเทศไทยมาอธิษฐานจิต ณ พระอุโบสถวัดระฆังฯ ตั้งแต่เวลาเวลาเช้าของวันที่ 17 จนถึงเวลารุ่งเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 18 ของอีกวันหนึ่ง โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 9.00 น. ของวันที่ 17 เป็นต้นไป โดยแบ่งเป็นรอบละสี่รูปตามฎีกาอาราธนานิมนต์ จนถึงรอบสุดท้ายคือเวลา 05.45 น. ของวันที่ 18 โดยพระเถราจารย์ในยุคนั้น อาธิหลวงปู่หมุน, หลวงพ่ออุตมะ, หลวงพ่อลำไย, หลวงพ่อรวย, หลวงปู้แย้ม, หลวงปู่อั๊บ, หลวงปู่เพิ่ม, หลวงพ่อพูล เป็นต้น จึงนับได้ว่าพระเครื่องรุ่น 214 ชาตกาล พ.ศ. 2545 เป็นการจัดสร้างพระเครื่องที่ยิ่งใหญ่ของวัดอีกรุ่นหนึ่งและนับจากครั้งนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน(2559) วัดระฆังฯ ก็ยังไม่ได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นใดมาอีกเลย

    พระสมเด็จเนื้อผงพิมพ์ทรงนิยม รุ่น 214 ปีเกิดสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) มีชนวนมวลสารในการจัดสร้าง ที่สุดยอดกว่า พระพิมพ์สมเด็จเนื้อผงทั้งหมดที่เคยจัดสร้างในนามวัดระฆังฯ มาแล้วทั้งหมด เนื่องจากเป็นการนำมวลสารเก่าของพระพิมพ์สมเด็จทุกรุ่นที่วัดระฆังฯเคยจัดสร้าง มาบดรวมกันเป็นชนวนมวลสารของพระพิมพ์สมเด็จรุ่นนี้(มีรุ่นนี้รุ่นเดียว=ได้พุทธคุณครอบคลุมครบทุกรุ่นของวัดระฆังฯ)

    ปัจจุบันพระเครื่องแทบทุกรุ่นของหลวงปู่หมุน ฮิตติดลมบนราคาทะลุเมฆไปแล้วครับ สมัยนี้ใครงบน้อยจึงต้องอาศัยหาพระที่หลวงปู่หมุนท่านไปร่วมพิธีปลุกเสกมาใช้แทน ต้องยอมรับว่าบารมีหลวงปู่หมุนสุดยอดจริงๆ ใครที่คิดจะมาตามเก็บตอนนี้ก็อาจจะบอกได้ว่าสายไปเสียแล้วเพราะพระท่านแพงจริงๆ ก็ยังคงพอมีเหลือพระสมเด็จรุ่นนี้แหละครับ ที่มีจำนวนการจัดสร้างเยอะพอสมควร เก็บไว้เผื่ออนาคตหรือเอามาแขวนบูชาติดตัวไว้สื่อถึงหลวงปู่ครับ ตอนนี้ราคาขยับเรื่อยๆแล้วครับ

    ?temp_hash=079bceffb3d9c6558bfe4286ab6f7ebf.jpg


    แบ่งบูชา 249 บาท
    ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2022
  3. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,896
    ค่าพลัง:
    +5,717
    จอง693ครับ
     
  4. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รับทราบการจอง ขอบคุณครับผม :)
     
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการที่ 695 (ปิดรายการ)
    รูปหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้า เนื้อชนวนหมื่นยันต์ พ.ศ.2562
    ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน

    ?temp_hash=b61b469fc1303a0a6ee707ffe20e7e4a.jpg
    ?temp_hash=b61b469fc1303a0a6ee707ffe20e7e4a.jpg


    รูปหล่อพระปัจเจก รุ่น จตรุพิธพรชัย ปี ๒๕๖๒ นี้ จัดสร้างและอธิฐานจิตโดย ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง โดยท่านเททองด้วยตนเอง วัตถุประสงค์เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนงานก่อสร้างศาสนสถานภายในวัดสันพระเจ้าแดง โดยพระปัจเจกที่ท่านครูบาสร้างนี้ คือ องค์พระเจ้าแดงซึ่งเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าพระพุทธรูปเก่าแก่ประจำวัดสันพระเจ้าแดง และเป็นที่นับถือกันว่ามีพุทธคุณโดดเด่นทางโชคลาภโภคทรัพย์เป็นอย่างมาก

    (พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยพูดถึงพระปัจเจกพระพุทธเจ้าว่า พระปัจเจกฯท่านมีอานุภาพมาก การบูชาท่านยังให้อานิสงส์แก่ผู้บูชามาก เว้นเพียงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีผู้ใดประเสริญเท่าพระปัจเจกพุทธเจ้า)

    ** รายละเอียดการจัดสร้าง : รูปหล่อพระปัจเจก รุ่น จตรุพิธพรชัย แบ่งออกเป็น :
    ๑. รูปหล่อพระปัจเจก เนื้อทองคำ จำนวนสร้าง ๙ องค์
    ๒. รูปหล่อพระปัจเจก เนื้อเงิน จำนวนสร้าง ๓๔๓ องค์
    ๓. รูปหล่อพระปัจเจก เนื้อชนวน (หมื่นยันต์ทองเหลือล้น) จำนวนสร้าง ๕,๒๘๕ องค์
    - มีตอกเลขและโค๊ดกำกับทุกองค์

    ถือเป็นอีกรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมครับ ตอนเศรษฐกิจดีเคยพุ่งไปราว 2,500 บ+ ใครสายป่านยาวเก็บสะสมไว้ยาวๆมีมูลค่าแน่นอนครับ พระสวยงามน่าสะสมต้องแย่งกันจองนะครับรุ่นนี้แปปเดียวหมดวัด

    ?temp_hash=b61b469fc1303a0a6ee707ffe20e7e4a.jpg
    ?temp_hash=b61b469fc1303a0a6ee707ffe20e7e4a.jpg


    องค์นี้หมายเลข ๒๐๘๙ กล่องมีรอยร้าวนิดหน่อยครับ พระสภาพสมบูรณ์
    แบ่งบูชา 2,299 บาท
    ส่งฟรีแบบ EMS
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2020
  6. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการที่ 696
    เหรียญพระชัยหลังช้าง หลัง ภปร พ.ศ.2530

    ?temp_hash=3c1d6c6f62a1639062f4e9c2205e46af.jpg
    ?temp_hash=3c1d6c6f62a1639062f4e9c2205e46af.jpg


    เหรียญดังพิธีดีอีกเหรียญหนึ่งที่หยิบยกมากล่าวถึง เป็นเหรียญที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แห่งวัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร ในนามคณะสงฆ์ได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น สืบเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ในปี พ.ศ.2530 เป็นเหรียญปั๊มด้านหน้าเป็นรูปพระชัยวัฒน์ที่เรียกกันว่า "พระชัยหลังช้าง" ด้านหลังเป็นพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร." มีอักษรปรากฏบนเหรียญว่า "5 ธันวาคม 2530" และ "คณะสงฆ์สร้างในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ"

    เหรียญพระชัยหลังช้าง เป็นเหรียญดีเพราะพิธีการจัดสร้างเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเจตนาการจัดสร้างเพื่อนำรายได้จากการบริจาคบูชานั้น ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530 ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระเกจิอาจารย์ดังปลุกเสกมากมาย ประการสำคัญยิ่ง เหรียญพระชัยหลังช้าง มีสมเด็จพระสังฆราชถึง 2 พระองค์ ปลุกเสก นั้นคือ สมเด็จพระสังฆราช (วาส) วัดราชบพิธฯ และสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร ที่ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ.2532 และ เหรียญพระชัยหลังช้าง มีสมเด็จพระราชาคณะที่ร่วมปลุกเสกอีก คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา สมเด็จพระวันรัต วัดโสมนัสวิหาร สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ เมื่อครั้งยังเป็นที่พระพรหมคุณาภรณ์ แล้วยังมีพระเกจิอาจารย์ดังแห่งยุคนั้น อาทิ

    - หลวงพ่อแพ แห่งวัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี
    - พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง
    - หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    - พระครูสันติวรญาณ (หลวงปู่สิม) วัดถ้ำผาปล่อง
    - พระอุดมสังวรเถร (อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี
    - พระครูฐาปนกิจสุนทร (เปิ่น) วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม
    - หลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก จังหวัดชลบุรี
    - พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม) วัดดอนยายหอม
    - พระครูปริมานุรักษ์ (พูล) วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม

    ที่สำคัญ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง ท่านเคยกล่าวไว้กับลูกศิษย์ของท่านว่า เหรียญพระชัยหลังช้าง นี้เป็นเหรียญที่มีพุทธานุภาพดีมากๆ กล่าวสำหรับพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลปัจจุบันนี้ มีความเป็นมาสืบเนื่องจากราชประเพณีหล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล เริ่มเมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระราชดำริว่า พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำพระองค์ที่เชิญไปในราชการศึกสงคราม ซึ่งเรียกกันว่า "พระชัยหลังช้าง" นั้น ได้เชิญไปประดิษฐานหน้าพุทธบัลลังก์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพราะเป็นพระพุทธรูปคู่บารมีมาด้วยกัน จึงขาดพระพุทธปฏิมาสำหรับถวายสักการะ ณ พระราชมณเฑียร จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ขึ้นแทน ถวายพระนามว่า พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล

    ?temp_hash=3c1d6c6f62a1639062f4e9c2205e46af.jpg

    ในรัชกาลต่อมา เมื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ถือเป็นราชประเพณีที่จะต้องหล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์สืบมาทุกรัชกาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 ยังไม่ได้สร้างพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาล ในการพระราชพิธีจึงต้องเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช เป็นพระพุทธรูปประธานในงานพระราชพิธี ครั้น พ.ศ.2495 เสด็จพระราชดำเนินกลับจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาประทับพระนคร พ.ศ.2506 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาลตามราชประเพณี และโปรดเกล้าฯ ให้ นายพิมาน มูลประมุข เป็นช่างปั้นหุ่นพระพุทธรูป

    พระเครื่องและเหรียญที่ระลึกที่มีพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร" ประดิษฐานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง ถือว่าเป็นสิ่งมงคลที่น่าเก็บสะสมบูชาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหรียญพระพุทธรูปของ วัดต่างๆ ที่มีตรา ภปร.ประดิษฐานอยู่ด้านหลังนั้นมีอยู่จำนวนมากเช่นกัน หลายๆ รุ่นมีพิธีการสร้างที่เข้มขลัง และมีพุทธศิลป์ที่งดงามอย่างยิ่ง ดั่งเช่นเหรียญพระพุทธ หรือเหรียญพุทธคุณ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร.ที่เรียกขานกันว่า "เหรียญพระชัยหลังช้าง" สร้างโดยคณะสงฆ์ทั้ง 2 นิกายในปีมหามงคลเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธ.ค.2530 เหรียญพระชัยหลังช้าง มีเนื้อทองคำ, เนื้อเงิน, เนื้อกะไหล่ทอง มูลเหตุที่นำรูป พระชัยหลังช้างมาจัดสร้างเพื่อเทิดพระเกียรติล้นเกล้าทั้งสอง พระองค์ ด้วยเห็นว่าพระชัย (หลังช้าง) เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง คู่บุญญาบารมีของปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ ควรที่ประชาชนจะมีไว้สักการบูชา เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในพระองค์ ดังเช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพฯ ได้ลิขิตไว้ว่า เหรียญพระชัยหลังช้าง "หากอยู่กับบ้านก็คุ้มบ้าน หากอยู่กับตัวก็คุ้มตัว" และเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดดังกล่าว ท่านจึงได้จัดพิมพ์หนังสือเรื่อง "ปรากฏการณ์อันน่าพิศวงเกี่ยวด้วย เหรียญพระชัย (หลังช้าง)" ขึ้น โดยรวบรวมเรื่องราวจากผู้ที่ได้รับประสบการณ์จากเหรียญนี้มากมายหลายท่าน

    เหรียญพระชัยหลังช้าง ความเป็นมาของ "พระชัยวัฒน์" เดิมมีพระนามว่า "พระชัย" หรือ "พระไชย" ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ออกพระนามเพิ่มว่า "พระไชยวัฒน์" และได้เปลี่ยนพระนามมาเป็น "พระชัยวัฒน์" ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลปัจจุบัน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร มีฉัตรปรุ 5 ชั้นปักกั้น หน้าตักกว้าง 7 นิ้ว สูงจากทับเกษตรถึงยอดพระรัศมี 9 นิ้ว มีพัดแฉกหล่อด้วยเงินปักข้างหน้า ที่ฐานมีคำจารึก ซึ่งเป็นต้นแบบในการนำมาสร้าง เหรียญพระชัยหลังช้าง


    หลัง ภปร หายากกว่าหลัง สก นะครับ เข้าพิธีเยอะกว่าด้วย
    แบ่งบูชา 199 บาท
    ส่งฟรีแบบลงทะเบียน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2021
  7. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,896
    ค่าพลัง:
    +5,717
    โอนแล้วครับ วันนี้ เวลา 11.15am จำนวน 648 บาท ผ่าน KTB
    ขอฝากเอาไว้ก่อนนะครับ
     
  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รับทราบการโอนครับผม พร้อมส่งทุกเมื่อครับ ขอบคุณครับ :)
     
  9. yaboyabo

    yaboyabo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +506
    วันนี้เวลา 13.33 น.ได้โอนรายการที่ 690 (คุณ yaboyabo จองแล้วครับ)
    บ่วงนาคบาศก์ฝังลูกแก้วสารพัดนึก (องค์ที่ 2)
    หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ ที่จัดส่ง PM ครับ
     
  10. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    ขอบคุณมากครับ จัดส่งให้พรุ่งนี้ครับผม :)
     
  11. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการจัดส่งพระวันนี้
    20/06/2563


    - คุณ ประพัฒน์ RU917125260TH

    ขอบคุณครับผม
     
  12. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการจัดส่งพระวันนี้
    22/06/2563


    - คุณ นวิศรา ED078730988TH

    ขอบคุณครับผม
     
  13. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    ปิดรายการนี้ให้สมาชิกจากเกาะฮ่องกงครับ ขอบคุณครับ :)

     
  14. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการที่ 697 (คุณ shaj บูชาแล้วครับ)
    พระเหนือพรหม เนื้อผง
    หลวงปู่วาส วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี

    ?temp_hash=d61cbb344b8e38697220a8959078f68f.jpg
    ?temp_hash=d61cbb344b8e38697220a8959078f68f.jpg


    หลวงปู่วาส เป็นพระเกจิชื่อดังของวัดสะพานสูง เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่กลิ่น อดีตเจ้าอาวาสวัดสะพานสูง ต่อจากหลวงปู่เอี่ยม ทำเครื่องรางของขลัง อาทิ ตะกรุด ลูกอมผงลอดกระดาน พระปิดตาและหนุมานแกะสลัก และยังร่วมปลุกเสกพระเครื่องในพิธีใหญ่หลายพิธี โดยตะกรุดโสฬสและพระปิดตาเนื้อผงจะได้รับความนิยมกันมาก เนื่องจากหลวงปู่วาสได้นำผงมวลสารเก่ามาผสมและสร้างตามแบบฉบับของหลวงปู่เอี่ยม

    หลวงปู่วาส สีลเตโช พระเกจิชื่อดังแห่งวัดสะพานสูง ละสังขารสิริรวมอายุ 101 ปี ที่ รพ.กรุงไทย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2559 และเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่วัดสะพานสูง ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้จัดงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่วาส สีลเตโช อายุ 101 ปี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งภายในบริเวณวัด มีศิษยานุศิษย์ และชาวบ้านที่เลื่อมใส เดินทางมาร่วมพิธีกว่า 3 พันคน

    วัตถุมงคลชุดนี้หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย ได้ขออนญาตจัดสร้างขึ้นแล้วนำมาถวายหลวงปู่วาส วัดสะพานสูง ให้ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกให้ วัตถุมงคลในพิธีนี้มีหลายแบบ เพื่อให้วัดไทรน้อย ออกให้บูชาหาทุนบูรณะวัดในส่วนต่างๆ พิธีปลุกเสก โดยหลวงปู่วาส วัดสะพานสูง ในปี 2550

    ?temp_hash=d61cbb344b8e38697220a8959078f68f.jpg

    พระเหนือพรหม นั้นอ้างถึงชัยชนะตอนที่พระพุทธเจ้า ทรงโปรดท้าวพกาพรหม ซึ่งในอดีตเป็นมารดาของพระพุทธเจ้าในสมัยที่พระองค์ยังเสวยพระชาติเป็นพระกาเผือก เนื่องจากท้าวผกาพรหม ได้จุติเป็นพรหมอยู่เป็นเวลานานมากๆ เลยเกิดมิจฉาทิฏฐิ และคิดว่าตัวเองมีฤทธิ์มากไม่มีใครเทียบ ด้วยเข้าใจว่าพรหมคือสิ่งสูงสุดที่เป็นอัตตา พระพุทธเจ้า ทรงเสด็จขึ้นไปยังพรหมโลกและทรงปราบพยศท้าวพกาพรหมให้สามารถลดทิฏฐิมานะลงได้ เมื่อท้าวพกาพรหมลดมานะลงแล้วพระองค์ได้แสดงธรรม จนต่อมาได้ดวงตาเห็นธรรมได้เป็นพระอริยบุคคล เข้าใจว่าท่านยังบำเพ็ญบารมีอยู่เพื่อเข้าสู่พระนิพพานโดยไม่ลงมาจุติในโลกมนุษย์อีกแล้ว

    กล่องเดิมๆ
    แบ่งบูชา 99 บาท
    ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • collage.jpg
      collage.jpg
      ขนาดไฟล์:
      849.6 KB
      เปิดดู:
      44
    • unnamed (1).jpg
      unnamed (1).jpg
      ขนาดไฟล์:
      28 KB
      เปิดดู:
      47
    • unnamed.jpg
      unnamed.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.6 KB
      เปิดดู:
      44
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2020
  15. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,330
    ค่าพลัง:
    +6,396
    ขอจองครับ
     
  16. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการที่ 698 (คุณ ก ฯลฯ ฮ บูชาแล้วครับ)
    เหรียญกินบ่เสี้ยง เนื้อทองทิพย์ พ.ศ.2559
    หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ จ.พิจิตร

    ?temp_hash=20b0203c9f4ccfd4387eee51a2f6befa.jpg
    ?temp_hash=20b0203c9f4ccfd4387eee51a2f6befa.jpg


    “พระครูพิพิธธรรมาทร” หรือ “หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต” เจ้าอาวาสวัดคลองคูณ ต.คลองคูณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ปัจจุบันแม้สังขารจะล่วงเลยเข้าร่วมศตวรรษแล้วก็ตาม แต่หากมีพิธีพุทธาภิเษกในเขต จ.พิจิตร ตลอดจนย่านใกล้เคียงในละแวกนี้จะต้องมีนามของหลวงพ่อหวั่น ร่วมในพิธีอยู่ด้วยเสมอทุกครั้งไป

    ครูบาอาจารย์ในสายอาคมของท่านที่ไม่กล่าวถึงเลยไม่ได้ บิดาของหลวงพ่อหวั่น เป็นนักเล่นอาคม นับว่าเป็นผู้ขมังเวทย์อีกคนหนึ่งในย่านคลองคูณ เพราะหมอหมึก โยมบิดาของท่านเป็นหมอแผนโบราณที่ชอบและฝักใฝ่ในเรื่องคาถาอาคมจนถือกันว่าขึ้นชั้นระดับแถวหน้าของชาวบ้านย่านคลองคูณ เพราะเมื่อ ๕-๖๐ปีก่อน นอกจากนี้แล้ว หลวงพ่อหวั่นได้เรียนวิชาจากตำราของหลวงพ่อโพธิ์ วัดคลองหมาเน่า ซึ่งหลวงพ่อโพธิ์ท่านเป็นพระมอญที่ไปจาก จ.ปทุมธานี มีความเชี่ยวชาญในการลงตะกรุดคงกระพัน รวมทั้งพระอาจารย์รอด และหลวงพ่อจันทร์ วัดคลองคูณพระเกจิอาจารย์นามอุโฆษในอดีต

    เมื่อศึกษามาก็ฝึกปรือจนแน่ใจว่าใช้ได้ในเรื่องพุทธคุณไม่ขาดไม่เกินความสามารถที่หลวงพ่อหวั่นท่านได้เรียนมาก็มอบให้ญาติโยมซึ่งเดินทางมาจากที่ต่างๆ ทั้งใกล้และไกลเมื่อมีประสบการณ์ต่างบอกกล่าวเล่าต่อๆ กันไป กระทั่งท่านนั่งต้อนรับญาติที่ต่างดั้นด้นมาหาท่าน แม้ในขณะนั้นบางคนต้องเดินเท้ามานานนับชั่วโมงโดยมิย่อท้อ เดินทางมาเพื่อให้พบพระอาจารย์หนุ่มท่านนี้ให้จงได้ ด้วยเหตุที่หลวงพ่อหวั่นเป็นผู้มีเมตตาสูงใครไปใครมาขอเมตตาอะไรจากท่านก็ล้วนแต่สำเร็จจากปากสู่หูที่บอกเล่ากล่าวต่อกันไป ชื่อเสียงของท่านหอมกระจายไปในทุกสารทิศ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕ หลวงพ่อหวั่นได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระครูชั้นเอกและฉลองพัดยศในวนที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖

    หลวงพ่อหวั่นเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังมากๆ ในเรื่องตะกรุดสาลิกา และตะกรุดมหาอุด ท่านทำตะกรุดตั้งแต่พรรษายังไม่มาก เมื่อลงตะกรุดแรกๆ ก็แจกให้ญาติพี่น้องกันก่อน ปรากฏว่าเกิดประสบการณ์ต่างๆ ในด้านเมตตา โชคลาภ ตลอดจนคงกระพันชาตรี ตะกรุดของท่านจึงขยายวงกว้างแห่งความศรัทธาสู่ญาติโยมไปทั่ว ด้วยความศรัทธาในบารมีความเข้มขลังของหลวงพ่อหวั่น จึงมีการขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคลของท่านหลายรุ่นทั้งที่ออกในนามวัดคลองคูณโดยตรงและคณะศิษยานุศิษย์จัดสร้าง ซึ่งทุกรุ่นล้วนเป็นที่นิยมและมีประสบการณ์ให้กล่าวขานมากมาย


    ?temp_hash=20b0203c9f4ccfd4387eee51a2f6befa.jpg

    แบ่งบูชา 99 บาท
    ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • collage2.jpg
      collage2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      867.9 KB
      เปิดดู:
      37
    • 1y9z7v.jpg
      1y9z7v.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.6 KB
      เปิดดู:
      37
    • get_auc3_img.jpg
      get_auc3_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.2 KB
      เปิดดู:
      39
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2023
  17. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รับทราบการจอง ขอบคุณครับผม
     
  18. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการที่ 699 (ปิดรายการ)
    โคนนทสูร (วัวเทพ) เนื้อชนวน (ตนที่ 3)
    หลวงพ่อขันติ ขันติธโร วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ จ.เชียงราย

    ?temp_hash=ae22ff9c0113da4602283c5817fd27ec.jpg
    ?temp_hash=ae22ff9c0113da4602283c5817fd27ec.jpg

    หลวงพ่อขันติ ขันติธโร ชื่อนี้ในวงการพระคงไม่รู้จักท่าน แต่ตอนนี้ท่านเริ่มมีชื่อเสียงในแถบภาคเหนือตอนบนแล้วครับโดยเฉพาะในพื้นที่นิยมมากออกพระมากี่รุ่นก็หมดไวมาก ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้จักท่านแต่ก็ตระเวณทำบุญตามวัดต่างๆไปเรื่อย จนไปพบท่านที่วัดสิริพัฒนาราม ซึ่งลูกศิษย์ทางสายครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน แนะนำให้ไปกราบ พอไปกราบท่านก็ประทับใจในความเรียบง่ายของท่าน และท่านมีความตั้งใจที่จะสร้างวัดสิริพัฒนารามให้สำเร็จ จึงได้เฝ้าติดตามท่านเรื่อยมาตามงานบุญต่างๆ ซึ่งท่านก็มีนิสัยชอบจัดสร้างพระเครื่องมาตั้งแต่สมัยเป็นฆารวาส พระทุกรุ่นทุกพิมพ์ที่ท่านจัดสร้างนั้นมีความละเอียดมากในแง่ของพิธีกรรม การปลุกเสกตามฤกษ์ยาม ตั้งแต่เกิดมาผมพึ่งเคยพบพระที่ท่านเคร่งครัดเรื่องพิธีกรรมก็องค์นี้แหละครับ เท่าที่ทราบคร่าวๆคือท่านเรียนวิชาหมอมาตั้งแต่หนุ่มๆอายุ 18 ปี จากพันโท อุ้ม แสงปัญญา และเริ่มเรียนวิชาอาคมไสยเวทย์ตั้งแต่อายุ 29 ปี มาจากทาง ครูกู้ ยะโหนด วัดป้อมวิเชียรฯ มหาชัย มาตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส ซึ่งครูกู้ ท่านเรียนมาจาก ครูอำนวย ศิมาลัย ครูอำนวยท่านเรียนจากหลวงพ่อโสก พระอุปัชฌา หลวงพ่อสี พระกรรมวาจา วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี ท่านบอกสิ่งที่เรียนจากครูแทบครบและใช้ได้จริงทุกด้าน แก้ของ ถอนของ เมตตา เสน่ห์ กันของ สะท้อนกลับ เสริมดวง ต่ออายุ ฯลฯ ขาดแต่ทางเหนียว คงกระพันชาตรี ที่ไม่ทันได้เรียน

    ?temp_hash=ae22ff9c0113da4602283c5817fd27ec.jpg
    ?temp_hash=ae22ff9c0113da4602283c5817fd27ec.jpg

    นนทสูร (วัวเทพ) หรือ โคนนทิ ตามประวัติในการกวนเกษียรสมุทร ครั้งยิ่งใหญ่ของทวยเทพทั้งปวงนั้น ก็ได้มีสิ่งวิเศษเกิดขึ้นมากมายหลายสิ่งด้วยกัน และ นางโคสุรภี ก็เป็นของของวิเศษอีกสิ่งหนึ่ง ที่ได้จุติขึ้นมาจากการกวนเกษียรสมุทรครั้งนั้น : พระกัศยปะจึงได้นิรมิตกายเป็นพ่อโคตัวผู้ แล้วก็ไปผสมพันธุ์สมสู่กับนางโคสุรภี จนกระทั่งแม่โคตั้งครรภ์และ ให้กำเนิดลูกออกมาเป็นโคเพศผู้สีขาวบริสุทธิ์ และมีลักษณะดีตั้งตรงตำราเป็นพิเศษ พระกัศยปะจึงได้ประทานนามให้กับโคเผือกที่เป็นโอรสนั้นว่า นนทิ หรือ นันทิ และได้ถวายให้เป็น พาหนะประจำองค์ คอยติดตามรับใช้พระศิวะมหาเทพสืบต่อมา : ซึ่งเป็นโคศักดิ์สิทธิ์ ตามเทวาลัยหลายๆ แห่งของลัทธิไศวนิกาย ก็จะปรากฏว่ามีการสร้างรูปเคารพของวัวนนทิไว้ให้ชาวบ้านชาวเมืองได้มาสักการะบูชาด้วย

    โคนนทสูร ของทางวัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ จัดสร้างด้วยเนื้อชนวนโลหะต่างๆที่ผ่านพิธีมาแล้วมากมาย และชนวนหลักคือชนวนจากองค์พระประธานของวัดซึ่งท่านได้เก็บรวบรวมไว้และนำมาหล่อเป็นวัตถุมงคลต่างๆ นนทสูรหลวงพ่อปลุกเสกในพรรษาปี พ.ศ.2560 เป็นระยะเวลา 3 เดือน และปลุกเสกในฤกษ์เสาร์ ๕ ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2561 ด้วย ศิษย์ใกล้ชิดของท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อนั่งเขียนเบิกตาที่สามวัวนนทสูร ไปทีละองค์ พอหลวงพ่อหยุดเขียน ได้พูดขึ้นว่า "วัวเทพขององค์อิศวร ใครจะไปสู้กะเขา ครูผมถึงบอกผมว่าอย่าไปเรียนกะใคร คอยดูวัวนี้จะเป็นที่เล่าขาน"

    ?temp_hash=ae22ff9c0113da4602283c5817fd27ec.jpg

    โยม :โคนนทสูร คืออะไรครับ
    ลพ. : เทพบุตรผู้แปลงกายเป็นโค และเป็นสื่อถึงมหาเทพ
    โยม : แล้วต้องเลี้ยงด้วยอะไรครับ
    ลพ. : บุญอย่างเดียว อย่างอื่นเทวดากินไม่ได้
    โยม : บูชาอย่างไร
    ลพ. : ตามแต่อธิฐานขอไม่เกินกำลังมากเกินที่จะเป็นไปได้ เช่นขอให้ธุรกิจดี เจรจาสำเร็จ ป้องกันภัย เรื่องการเงินฯลฯ ไม่ใช่ขอเป็นนายกรัฐมนตรี
    โยม : ควรบูชาที่บ้านหรือติดตัวดีกว่ากัน
    ลพ. : บูชาที่บ้าน ที่รถก็ได้ ถ้าติดตัวดีที่สุด
    โยม : แขวญกะพวกกุญแจได้ใหม
    ลพ. : ไม่เหมาะเพราะเราขอเขา เขาไม่ได้ขอเรา อีกอย่างเขาเป็นเทวดา เหน็บกระเป๋าเสื้อ หรือคอเสื้อก็ได้ ลองดูนะไม่แพ้เบี้ยแก้


    ตอกโค๊ด 2 จุด และหลวงพ่อจารเบิกเนตรให้เรียบร้อย
    จำนวนจัดสร้างเนื้อชนวน 1,900 องค์ เนื้อเงิน 156 องค์
    แบ่งบูชา 349 บาท
    ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2022
  19. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,348
    รายการที่ 700 (คุณ songsakth บูชาแล้วครับ)
    พระเจ้าห้าพระองค์ เนื้ออิฐฐานเจดีย์ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ (องค์ที่ 2)
    ที่ระลึกกฐินวัดสันพระเจ้าแดง ๕ พ.ย.๕๙
    ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน

    ?temp_hash=409970e71d2f19d1c16900b842437814.jpg

    ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ (ภัทรกัปนี้) ด้านหลังเป็นยันต์พระพุทธเจ้าชนะมาร

    มีศิษย์ครูบากฤษดา 3 คนเล่าว่า
    1. ครูบามอบให้ตอนไปกราบลาหลังวันกฐิน แล้วท่านบอกว่า " ดีมากๆ" ย้ำอยู่ 3 รอบ
    2. คนที่สอง เล่าคล้ายกัน ว่าครูบาให้แล้วบอกว่า " ดีมากๆ " 3 รอบ (ต่างวาระกันกับคนแรก)
    3. คนที่สาม เล่าว่าได้ยินครูบาบอกเพื่อน " นี่หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเงินจริงๆนะให้ไปห้อย "

    มีสายตาในรายงานว่า (โปรดใช้วิจารณญาณ) ห้อยแล้ว เหมือนมีหลวงพ่อเงินคลุมตัวอยู่จริงๆ
    ตรวจพลังแล้ว แรงมากๆ คุ้มครองนำสไตล์หลวงพ่อเงิน (คงกระพัน แคล้วคลาด มหาอุด) อย่างอื่นก็มีครบ มีบารมีของหลวงพ่อเงิน และพระบารมีของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์สถิตย์อยู่จริง
    สมกับทื่พระรุ่นนี้ ชื่อ "พระเจ้าห้าพระองค์ เนื้ออิฐฐานเจดีย์ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ "

    โยม : ครูบาครับ พระเจ้า 5 พระองค์ สวยๆแนวโบราณดูเข้มขลังมากๆครับ เวลาพกพารู้สึกเย็นใจดี ครูบาเสกบทไหนครับ
    ครูบา : เราไม่เคยเสกพระท่าน มีแต่ขอบารมีท่านช่วย ผงพระเจ้า 5 พระองค์ เราแค่สวดมนต์สรรเสริญพระฤทธิ์แห่งพระรัตนตรัย กับหลวงพ่อเงิน ท่านเท่านั้น ของๆท่าน เราไม่ทับรอยเท้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ บารมีของท่านเต็มท้องฟ้าแล้วล่ะหลวงพ่อเงิน

    ?temp_hash=409970e71d2f19d1c16900b842437814.jpg

    ท่านสุวิทย์ ชอบใช้ ประธานสภาเทศบาลเมืองบางมูลนาก เล่าเกี่ยวกับการได้มาซึ่งอิฐนี้ว่า :

    ท่านครูบากฤษดาเคยมากราบพระประธานในอุโบสถวัดห้วยเขน คงจะเป็นเพราะหลวงปู่ทองดำซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของหลวงพ่อเงินได้ยืนยันว่า หลวงพ่อเงิน ท่านขี่ช้างมาสร้างโบสถ์วัดห้วยเขนจริงและหลวงปู่ทองดำก็เล่าว่าท่านก็ได้ติดตามหลวงพ่อเงินมาที่วัดห้วยเขนด้วยครับ จะเห็นได้ว่าโบสถ์วัดห้วยเขนเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อเงินโดยตรง

    ท่านครูบากฤษดาได้ไปยืนอธิษฐานกับพระประธานอยู่นานซึ่งผมก็ไม่กล้ากราบเรียนถามอะไรท่านครับ หลังจากท่านครูบากฤษดาไปวัดห้วยเขนไม่นาน ทางกรมศิลปากรก็ได้ให้ผู้รับเหมาเขาไปซ่อมบูรณะอุโบสถเนื่องจากบริเวณกำแพงแก้วในอุโบสถถูกน้ำท่วมและซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถ ผมก็ได้นำกราบเรียนถึงข่าวดีนี้ให้ท่านครูบากฤษดาได้รับทราบ อุโบสถหลังนี้คุณหมอฟอร์ดประธานชมรมคนรักหลวงปู่ทวดและเพื่อนๆอาจารย์จากลาดกระบังได้เคยมาชมและยืนยันว่าดูจากหลักฐานที่ปรากฏรับรองได้ว่าเป็นอุโบสถที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับกรมหลวงชุมพรแน่นอนเพราะเหมือนกับที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าที่กรมหลวงขุมพรสร้างถวายหลวงปู่ศุขมาก ช่างน่าจะเป็นคนเดียวกันด้วยโดยสร้างให้หลวงปู่ศุขแล้วก็มาสร้างให้หลวงพ่อเงินต่อ

    ผมจึงนำเรื่องนี้กราบเรียนให้ฯพณฯองคมนตรีและฯพณฯรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมได้ทราบถึงข้อสันนิษฐานของคณะของคุณหมอฟอร์ด ฯพณฯองคมนตรีกรุณาให้ความสนใจและขอให้ท่านอาจารย์ชัยสิทธิ์ อดีตเลขานุการของท่านผู้ว่าสมัคร สุนทรเวชเป็นที่ปรึกษาเพื่อหาข้อมูลของโบสถ์หลังนี้ ผมจึงต้องพาทีมงานที่จะทำหนังสือของดีเมืองพิจิตรเข้าไปที่โบสถ์วัดห้วยเขนเพื่อบันทึกภาพ ปรากฏว่าวันที่เข้าไปจะเป็นด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านดลบันดาลหรือด้วยเหตุอะไรก็เกินที่จะคาดเดาได้ครับ วันที่ผมเข้าไปช่างที่กำลังซ่อมพื้นอยู่ได้สกัดอิฐฐานเจดีย์ของหลวงพ่อเงินที่เอียงเนื่องจากถูกน้ำท่วมออกมาบางส่วนเพื่อที่จะเทปูนไว้ใต้ฐานเจดีย์ ผมเห็นเศษอิฐวางอยู่จึงถามช่างว่านี่อิฐจากเจดีย์ใช่ไหม? ช่างบอกว่าใช่เป็นอิฐที่เจดีย์ ผมตกใจว่าได้เจอของดีที่สุดเข้าแล้วจึงถามช่างว่าจะเอาอิฐไปทำอะไรต่อ? ช่างบอกว่าสกัดออกมาแล้วก็ไม่ได้เอาไปทำอะไรได้เเล้วก็จะเอาไปวางไว้ข้างนอก ผมจึงคิดว่าถ้าขืนปล่อยให้อิฐนี้วางไว้ข้างนอกก็จะกลายเป็นของที่ไม่มีที่มาที่ไปทันทีเพราะจะกลายเป็นเศษอิฐธรรมดาๆที่ไม่มีใครรู้

    ?temp_hash=409970e71d2f19d1c16900b842437814.jpg

    ผมจึงบอกช่าวว่าถ้าจะทิ้งแล้วผมจะขอนะ แล้วผมก็บอกกับผู้ปกครองท้องที่และมอบเงินเพื่อชำระหนี้สงฆ์และนำอิฐนั้นออกมาเก็บก่อน ผมได้รีบกราบเรียนข่าวดีนี้ให้ท่านครูบากฤษดาได้ทราบทันทีเพราะไม่ใข่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน และผมได้กราบเรียนท่านครูบากฤษดาว่าจะขออนุญาติส่งอิฐนี้ไปให้ท่านครูบากฤษดาเพราะผมเขื่อว่าท่านครูบาคงจะอธิษฐานอะไรไว้ ท่านครูบาก็อนุโมทนา หลังจากท่านครูบากฤษดานำอิฐหลวงพ่อเงินไปอธิษฐานจิตได้เป็นระยะเวลานานหลายเดือนท่านครูบากฤษดาก็มีดำริให้นำอิฐนี้มาบดเพื่อสร้างเป็นพระเจ้าห้าพระองค์ตามแบบที่หลวงพ่อเงินได้เคยสร้างไว้ครับ ผมเชื่อว่าท่านครูบากฤษดาคงจะได้อธิษฐานอะไรไว้เมื่อคราวที่ท่านไปกราบพระประธานที่หลวงพ่อเงินสร้าง จึงได้อิฐของหลวงพ่อเงินมาสร้างพระเจ้าห้าพระองค์ครับ ขอขอบพระคุณท่านพี่สุวิทย์ ชอบใช้เป็นอย่างสูงนะครับที่กรุณาเสียสละเวลาพิมพ์ข้อมูลอย่างละเอียด และขออนุโมทนากับพี่ด้วยนะครับที่เป็นต้นกำเนิดต้นคิดที่ทำให้มีพระรุ่นนี้ถวายอิฐหลวงพ่อเงินให้กับครูบา ไม่งั้นพวกเราก็ไม่มีพระรุ่นนี้บูชาแน่นอน เป็นเรื่องที่เเปลกจริงๆครับ

    วันที่ฯพณฯองคมนตรีส่งข้อความมาเรื่องนี้ว่าให้ผมไปดำเนินการดูเรื่องวัดห้วยเขนได้แล้ว ผมก็รีบชวนเพื่อนจากบ.อมรินทร์พริ้นทร์ติังไปวัดในวันนั้นทันที จังหวะเพื่อนอยู่บางมูลนากพอดีครับ และก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ช่างได้สกัดเอาอิฐฐานเจดีย์ออกมาพอดีเหมือนกันครับ ถ้าไม่ได้จังหวะเเบบนี้ขืนเราไปเอาอิฐจากโบราณสถานที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนไว้ออกมาเองคงจะติดคุกและตกนรกแน่ๆครับ เมื่อเอาอิฐออกมาแล้วก็รีบกราบเรียนและรีบส่งไปให้ท่านครูบากฤษดาทันทีครับ เพราะท่านครูบามีบุญบารมีสูงเเละเกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อเงินท่านเหมาะสมที่จะนำเอาอิฐของหลวงพ่อเงินไปดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับพระพุทธศาสนาและเป็นโชควาสนาจริงๆครับที่ท่านครูบากฤษดาได้นำอิฐหลวงพ่อเงินมาสร้างเป็นพระเจ้าห้าพระองค์เพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีพระเจ้าห้าพระองค์มาบูชาแทนพระเจ้าห้าพระองค์ของหลวงพ่อเงินครับ มวลสารแบบนี้ไม่มีทางได้อีกแล้วครับ อิฐฐานเจดีย์ของหลวงพ่อเงินที่ช่างสกัดออกมาบางส่วนเพื่อเทปูนรองรับใต้เจดีย์ครับ อิฐเอามาแค่ส่วนฐานใต้เจดีย์เท่านั้นครับ ส่วนที่อยู่บนพื้นไม่แตะต้องเลยครับ ถ้าหาพระเจ้าห้าพระองค์รุ่นเก่าของหลวงพ่อเงินแท้ๆไม่ได้ ก็หาพระเจ้าห้าพระองค์ของวัดสันพระเจ้าแดงครับ


    สร้าง 4,000 องค์ พร้อมกล่องเดิมๆ
    แบ่งบูชา 599 บาท
    ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2020
  20. songsakth

    songsakth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1,956
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +2,656
    ขอจอง รายการที่ 700
    พระเจ้าห้าพระองค์ เนื้ออิฐฐานเจดีย์ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ (องค์ที่ 2)
    ที่ระลึกกฐินวัดสันพระเจ้าแดง ๕ พ.ย.๕๙
    ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน
     

แชร์หน้านี้

Loading...