ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝนถล่มพะเยาอ่วม อ.ดอกคำใต้ เจอนำ้ป่าบ้านพังนับร้อยหลัง เป็ดไก่หายไปกับน้ำ
    ชาวบ้านพะเยา อ่วมฝนตกหนัก น้ำป่าดินโคลนไหลหลากท่วมบ้านเรือนใน อ.ดอกคำใต้ เสียหายหลายร้อยหลังคาเรือน แถมพัดรถบรรทุกศพที่เตรียมใช้ในพิธีศพวันนี้เสียหาย ส่วน วัว เป็ดไก่ในเล้าก็หายไปกับน้ำป่า
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “เฟซบุ๊ก” ยอมติดแท็กเตือน “เนื้อหาอันตราย” ลดกระแสสปอนเซอร์รายใหญ่ถอนโฆษณา

    มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กเผยวานนี้ว่า เฟซบุ๊กจะเริ่มติดแท็ก “Harmful” เตือนโพสต์ที่มีเนื้อหาอันตราย ก่อให้เกิดความโกรธแค้น ซึ่งมีที่มาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และนักการเมืองรายอื่นๆ หลังจากที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐได้ระงับการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก เพื่อประท้วงกรณีที่เฟซบุ๊กไม่ได้ดำเนินการมากพอกับการโพสต์ข้อความที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง

    เฟซบุ๊กจะเริ่มปรับปรุงนโยบายต่อต้านการโพสต์ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง และข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หลังจากที่บริษัทกว่า 100 แห่งเข้าร่วมการคว่ำบาตรการโฆษณาสินค้าบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก

    ทั้งนี้มีบริษัทชั้นนำอย่าง ยูนิลีเวอร์, เวริซอน และเบนแอนด์เจอร์รีส์ ประกาศว่า จะยุติการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก อันเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ที่เรียกว่า “Stop Hate for Profit”

    มีรายงานว่า โคคา-โคล่า ได้ประกาศเมื่อวานนี้ว่า จะระงับการโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดียทั้งหมดทั่วโลกเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน โดยชี้แจงว่า บริษัทไม่ได้เข้าร่วมการบอยคอตอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด เป็นเพียงการหยุดโฆษณาชั่วคราวเท่านั้น

    นอกจากนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ ได้เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรเฟซบุ๊ก หลังจากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสี และได้เรียกร้องให้เฟซบุ๊กดำเนินการมากขึ้น เพื่อยับยั้งการโพสต์ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง และข้อมูลไม่ถูกต้องบนแพลตฟอร์ม

    The post “เฟซบุ๊ก” ยอมติดแท็กเตือน “เนื้อหาอันตราย” ลดกระแสสปอนเซอร์รายใหญ่ถอนโฆษณา appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระทึกคนร้ายไล่แทงคนใน รร.สกอตแลนด์ ก่อนถูกตำรวจวิสามัญฯ
    เกิดเหตุคนร้ายไล่แทงคนในเมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ เมื่อวันศุกร์ ก่อนที่ตำรวจจะวิสามัญฆาตกรรมคนร้าย โดยมีรายงานผู้บาดเจ็บ 6 ราย รวมถึงตำรวจ 1 นาย อาการสาหัส
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศักดิ์สยาม สั่งเฝ้าระวังฝนถล่ม-น้ำป่า ย้ำทางหลวงซ่อมเปิดใช้ใน 24 ชม.
    รมว.คมนาคม สั่งการกรมทางหลวง ซ่อมถนน-สะพาน กรณีเกิดเหตุถนนขาด-ดินสไลด์ให้กลับมาใช้งานโดยเร็วที่สุด เตรียม เครื่องจักรเข้าพื้นที่ได้ทันที โดยต้องซ่อมเปิดใช้งานให้ได้ภายใน 24 ชม.
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวบ้านปงถ้ำ เจอน้ำป่าถล่มบ้านพังกว่า 60 หลัง เผยหนักสุดในรอบ 50 ปี
    ฝนตกหนักที่ลำปาง ทำน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านปงถ้ำ ต.วังทอง อ.วังเหนือ บ้านเรือนเสียหายไป 60 หลัง ทรัพย์สินเสียหายเพราะขนย้ายขึ้นที่สูงหนีน้ำไม่ทัน ชาวบ้านเผยน้ำป่ามาแรงสุดในรอบ 50 ปี
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ร่างทรงยุค 5G
    ไล่ผีผ่านวิดีโอคอล
    .
    Cr : แม่ทัพลิง V2
    .
    #mgronline #ร่างทรง

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไมโครซอฟท์ ประกาศปิด ร้านค้าปลีก 100 สาขาทั่วโลก มุ่งหน้าสู่ การให้บริการ ผ่านระบบออนไลน์แบบเต็มตัว

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jun 27 , 2020 อินเดียยอดติดเชื้อโควิด 19 เกิน 5 แสนราย อยู่อันดับ 4 ของโลก พร้อมคาดว่าสิ้นเดือนก.ค.ยอดติดเชื้อสะสมจะพุ่งไปถึงหลักล้านราย
    .
    หน่วยงานด้านสาธารณสุขของอินเดียเปิดเผยว่า ในรอบ24ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหญ่กว่า 17,000 ราย ส่งผลให้ยอดตัวเลขสะสมทั้งประเทศอยู่ที่เกินกว่า 500,000 คน โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองสำคัญของประเทศ รวมถึงกรุงนิวเดลี เมืองหลวง ที่มีประชากรหนาแน่นอีกแห่งของประเทศ และมียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วประมาณ 80,000 คน
    .
    โดยอินเดียถือเป็นประเทศที่มียอดติดเชื้อโควิดสะสมสูงสุดอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐ บราซิล และรัสเซีย ด้วยจำนวนยอดติดเชื้อรายวันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 15,685 ราย เพิ่มขึ้น 385 คนใน 24 ชั่วโมง รักษาหาย 295,880 ราย
    .
    ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า สถานการณ์ไวรัสโควิดในอินเดียยังคงห่างไกลจากจุดพีคของการติดเชื้อ และคาดว่ายอดติดเชื้อสะสมทั้งประเทศอาจพุ่งแตะหลักล้านคนก่อนสิ้นเดือนก.ค. แม้ยอดติดเชื้อสะสมยังคงพุ่งสูงขึ้น แต่รัฐบาลท้องถิ่นบางรัฐของอินเดียได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมือง เพราะกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
    .
    #อินเดีย #ไวรัสโควิด19 #ติดเชื้อ #อันดับ4 #Misterban

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jun 27 , 2020 อินโดนีเซียติดโควิดวันเดียว 1,385 ราย พร้อมมียอดผู้เสียชีวิตรวม 2,720 ราย มากที่สุดในอาเซียน
    .
    กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียแถลงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศล่าสุดว่า อินโดนีเซียมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเดียวกันนี้ เพิ่มขึ้นมาอีก 1,385 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในวันเดียว ส่งผลให้อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 52,812 ราย
    .
    รวมถึงมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 37 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็น 2,720 ราย มากที่สุดเมื่อเทียบกับชาติในอาเซียนด้วยกัน
    .
    โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอินโดนีเซียเปิดเผยว่า มีผู้โดยสาร 9 คน บนเที่ยวบินที่บินออกจากอินโดนีเซียไปยังประเทศกัมพูชา มีผลตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงกัมพูชาแล้ว ในจำนวนนี้ 1 ราย เป็นชาวอินโดนีเซีย และ 8 คน เป็นชาวกัมพูชา
    .
    #อินโดนีเซีย #ไวรัสโควิด19 #ติดเชื้อ #Misterban

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีน : อี้ชาง มณฑลหูเป่ย
    น้ำยังท่วมหนัก น้ำป่าไหลท่วมเมืองแรงแบบตั้งตัวไม่ติด

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐ : บาร์ฮาร์เปอร์ ในรัฐมิชิแกน
    มีผู้ติดเชื้อจากการมาสังสรรค์เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนตอนนี้ตรวจพบเชื้อ 63 ราย

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเดีย : คุรุคราม เมืองอุตสาหกรรม ห่างจากกรุงนิวเดลี 30 กม. ฝูงตั๊กแตนบุกใจกลางเมืองวันนี้

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แหล่งข่าวความมั่นคงของเลบานอน เผย: ตุรกีเป็นผู้สนับสนุนด้านการเงินของกลุ่มก่อวินาศกรรมในเบรุต

    แหล่งข่าวความมั่นคงของเลบานอนประกาศในวันนี้ (วันเสาร์) ได้มีการจับกุมชาวเลบานอนและชาวอาหรับกว่า 40 คนในข้อหาเตรียมการสำหรับการก่อวินาศกรรมก่อวินาศกรรมและเหตุการณ์ความไม่สงบในเบรุต

    เว็บไซต์ของ Al-Mayadin อ้างจากแหล่งข่าวความมั่นคงว่า ผู้ถูกควบคุมตัวกำลังถูกสอบปากคำและได้รับสารภาพว่าได้รับเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเตรียมการก่อเหตุความไม่สงบในเบรุตซึ่งมีกำหนดจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 6 มิถุนายน

    ตามแหล่งข่าวความมั่นคง ระบุว่า ตุรกีเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนด้านการเงินของกลุ่มก่อวินาศกรรมในเบรุต

    Al-Mayadin กล่าวว่า ผู้ถูกควบคุมตัวเป็นชาวซูดาน ซีเรีย ปาเลสไตน์และเลบานอน

    ข่าวโลกที่3

    http://www.isna.ir/news/99040705312/منبع-امنیتی-لبنان-ترکیه-یکی-از-حامیان-مالی-گروه-های-خرابکار

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ศาลสหรัฐตัดสินทรัมพ์
    #ใช้งบกลาโหมสร้างกำแพงผิดกฏหมาย
    #กำแพงที่ข้ามไม่ได้ของทรัมพ์

    เมื่อวานนี้ มีข่าวว่าศาลของรัฐบาลกลางในแคลิฟอร์เนีย ได้พิจารณาการใช้อำนาจประธานาธิบดีของท่านเสี่่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ ที่สั่งให้เอางบจากกลาโหม เจียดไปสร้างกำแพงสหรัฐ-เม็กซิโก นั้นไม่ชอบด้วยกฏหมาย และผิดวัตถุประสงค์ของการใช้งบประมาณ

    เคราะห์ซ้ำ กรรมซัดอย่างต่อเนื่องจริงๆ สำหรับท่านเสี่ยทรัมพ์ กับปีสุดท้ายของรัฐบาลทรัมพ์ 1 มีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน รวมถีงปัญหานโยบายกำแพงเจ้าปัญหาของท่านเสี่ยด้วย

    มหากาพย์กำแพงของทรัมพ์ สร้างความฮือฮากับชาวอเมริกันอย่างมากมาย ตั้งแต่ท่านเสี่ยเริ่มประกาศนโยบายหาเสียงว่า หนึ่งในสิ่งที่จะทำถ้าเลือกเสี่ยมาเป็นเจ้าเมืองมะกันคือ การสร้างกำแพงแบ่งเขตแดนเม็กซิโก เพื่อป้องกันการลอบเข้าเมืองของชาวแม็กซิกันอย่างผิดกฏหมาย แล้วมาแย่งงานคนอเมริกัน

    โดยที่ท่านเสี่ยแกยืนยัน ฟังชัดหลายครั้งว่าชาวอเมริกันจะไม่ต้องเสียค่ากำแพงเลยแม้แต่บาทเดียว เพราะเม็กซิโกจะเป็นคนจ่าย

    ถึงแม้ว่า เอนริเก้ พีนา ประธานาธิบดีเม็กซิโก ออกมาย้ำชัดว่า "เม็กซิโกไม่ยอมจ่าย" และยังประกาศออกโทรทัศน์ให้ทราบทั่วกันว่า

    "I've said time and again; Mexico won't pay for any wall.

    ดังนั้นนโยบายสร้างกำแพง จึงเป็นที่จับตาอย่างมากของคนอเมริกัน ที่อยากจะรู้จริงๆว่า ทรัมพ์จะไปหางบสร้างกำแพงมาจากไหน จะไปบีบเม็กซิโกอย่างไร แต่ที่สำคัญ ต้องไม่ใช่ภาษีของชาวอเมริกัน เพราะท่านเสี่ยสัญญาแล้วนี่ว่าเราไม่ต้องจ่ายเอง

    อันที่จริง กำแพงระหว่างสหรัฐ - เม็กซิโก นั้น เคยมีอยู่แล้ว แต่ไม่ทั้งหมด เพราะ พรมแดนระหว่าง 2 ประเทศมันยาวมากกว่า 3,000 กิโลเมตร แต่มีกำแพงบ้าง รั้วบ้าง แผงกั้นบ้างเพียงแค่ 1000 กิโลเมตรเท่านั้น

    เรื่องราวประวัติการสร้างกำแพงเม็กซิโก เคยเขียนแชร์ไว้แล้ว ย้อนอ่านได้ที่นี่ค่ะ



    สำนักข่าว Washington Post เคยประเมินว่า ถ้าทรัมพ์ต้องการสร้างกำแพงที่เหลือตลอดแนว หรือในส่วนที่จำเป็น ต้องใช้ ต้องใช้งบอย่างน้อย 25,000 ล้านเหรียญ

    พอท่านเสี่ยเข้ามาเป็นประธานาธิบดีจริงๆ จากที่เคยหาเสียงเอามัน ก็เริ่มเลิ่กลั่ก จะหางบมาจากไหนหล่ะงานนี้

    จะเอางบภาษีเข้าเมืองของคนแม็กซิกันมาก็ไม่ได้ จะขึ้นภาษีขาเข้าสินค้าเม็กซิโก แล้วเอาเงินส่วนต่างมา สร้างกำแพง สุดท้ายก็เป็นคนอเมริกันที่ต้องมาจ่ายค่ากำแพงโดยทางอ้อม แถมต้องมาซื้อของแพงขึ้น เดือดร้อนคนอเมริกันอีก

    จนสุดท้าย หมดหนทางแล้ว ก็เลยต้องของบฯกันโต้งๆผ่านสภานี่แหล่ะ

    และแน่นอนว่า สภาล่างที่มี สส. เดโมแครต คุมไม่ยอมโหวตให้ผ่านได้ง่ายๆ ยื้อกันสุดฤทธิ์ สภาไม่ยอมผ่านงบสร้างกำแพงให้ทรัมพ์ และทรัมพ์ก็ไม่ยอมเซ็นผ่านงบประมาณทุกอย่าง ถ้าไม่มีงบสร้างกำแพงอยู่ด้วย

    จนเป็นเหตุให้เกิดภาวะติดล็อก ที่เรียกว่า Government Shutdown นานถึง 35 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2018 - 25 มกราคม 2019 นานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ

    เรื่องราวความวุ่นวายในสภา เกี่ยวกับงบสร้างกำแพงของท่านเสี่ยอ่าง มีเขียนไว้ที่แชร์นี้ค่ะ



    เรื่องราวครั้งนั้นทำให้คนอเมริกันหัวเสียพอสมควร เพราะทำให้ข้าราชการ และลูกจ้างของภาครัฐไม่มีเงินเดือนออกร่วม 2 เดือน เดือดร้อนกันไปหมด

    แต่สุดท้าย ท่านเสี่ยทรัมพ์ของเราก็หาทางออกด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติในเดือนมกราคม 2019 นั่นเอง ด้วยเหตุผลว่าจำเป็นต้องใช้งบสร้างกำแพง เพื่อความมั่นคงของประเทศ เจียดเงินงบกลาโหมรวมๆได้มาประมาณ 6 พันล้าน เอาไปสร้างกำแพงได้สมใจ

    นั่นคือเรื่องราวมหากาพย์อันแสนจะวุ่นวายของนโยบายกำแพงของทรัมพ์ ที่่มาวันนี้ ศาลสหรัฐวินิจฉัยว่า การใช้งบกลาโหมไปสร้างกำแพง ไม่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ เพราะบางส่วนของงบที่ทรัมพ์ใช้ ไปเจียดเอากับงบที่จะสร้างโรงเรียน และสวัสดิการของครอบครัวทหารอเมริกัน

    คำตัดสินออกมาหลังจากที่ท่านเสี่ยเพิ่งไปตรวจการสร้างกำแพงที่รัฐอริโซนา มาหมาดๆ สร้างไปแล้วหลายร้อยกิโลเมตร แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรต่อดี

    นับเป็นกำแพงนโยบายของทรัมพ์ ที่ก้าวไม่ข้ามสักที นี่ก็จะหมดสมัย 1 แล้ว

    แต่ท่านเสี่ยก็ต้องทำใจนิดนึง กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จแค่วันเดียว กำแพงเมืองจีนก็เช่นกัน ใช้เวลากว่า 200 ปีถึงสร้างเสร็จ นับประสาอะไรกับกำแพงเม็กซิโกของเสี่ยหล่ะค้า

    แต่ถ้าสมัยหน้าเกิดเสี่ยไม่ได้กลับมา ส่วนที่เหลือก็คงต้องทิ้งไว้ปลูกกระถินกินเล่นเป็นแน่แท้

    แหล่งข้อมูล

    https://thehill.com/homenews/admini...funds-for-us-mexico-border-wall-illegal-court

    https://edition.cnn.com/2020/06/23/politics/trump-us-mexico-border-wall/index.html



    https://en.wikipedia.org/wiki/2018–2019_United_States_federal_government_shutdown

    https://en.wikipedia.org/wiki/Trump_wall

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เจาะเบื้องหลังNew_Acropolis_Museum
    #พิพิธภัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทวงสมบัติชาติ

    หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ก็จะต้องแวะไปชม พาร์เธนอน วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ที่มีอายุมากกว่า 2,500 ปี ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอะโครโพลิซ สร้างไว้บูชาเทพีอาธีน่า ตามตำนานเทพปกรณัมของกรีกโบราณ ใครไม่ไปชม ถือว่ามาไม่ถึงกรีซทีเดียว

    วิหารพาร์เธนอนนี้แห่งนี้ จัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมไอคอนของอารยธรรมกรีก และได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ตัววิหารจะเก่ามาก และรัฐบาลกรีกก็กำลังบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่

    ส่วนงานศิลปะ รูปปั้น อันล้ำค่าภายในวิหาร ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทางรัฐบาลกรีกได้ขนย้ายไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อะโครโพลิส ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัววิหาร พาร์เธนอนมากนัก

    แต่ต่อมามีการค้นพบสมบัติโบราณในยุคกรีกมากขึ้น ทางรัฐบาลกรีกจึงต้องสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ และจำเป็นต้องสร้างให้ยิ่งใหญ่ อลังการ สมศักดิ์ศรี มากกว่าเก่าหลายเท่า เพื่อเตรียมไว้สำหรับจัดแสดงงานศิลปะล้ำค่า อันประเมินค่ามิได้ชิ้นหนึ่ง ที่เคยประดับอยู่ในวิหารพาร์เธนอน

    สิ่งนั้นก็คือ The Parthenon Frieze หรือแถบแกะสลักหินอ่อนภายในวิหาร ผลงานของ ฟิเดียส ช่างแกะสลักหินอ่อนมือหนึ่งแห่งยุคกรีก

    แถบแกะสลักแห่งวิหารพาร์เธนอน เคยมีความยาวถึง 160 เมตร นำเสนอเรื่องราวติดต่อกัน ตั้งแต่การต่อสู้ในตำนานกรีก เรื่องราวของเทพเจ้ากรีก และโลกมนุษย์ ไปจนถึงการสรรเสริญบูชาเทพีอาธีน่า

    แต่ทว่า แถบแกะสลักหินอ่อนนี้ หลงเหลืออยู่ในเอเธนส์ในปัจจุบันนี้เพียงแค่ไม่ถึง 1 ใน 3 เท่านั้น

    ส่วนที่เหลือ ถูกแกะออกไปจากวิหารพาร์เธนอน โดยผู้รุกราน และเจ้าอาณานิคม กระจายไปสู่ประเทศอื่น

    และผู้ที่ถือสิทธิ์ จัดการแงะแถบหินอ่อนแห่งพาร์เธนอน ออกไปโดยที่เจ้าของประเทศ(ตัวจริง) ไม่ได้อนุญาต ก็คือ อังกฤษนี่เอง

    แต่ก่อนที่แถบหินอ่อน และศิลปะบางส่วนจะถูกนำส่งไปที่อังกฤษ ตัววิหารพาร์เธนอนเอง ก็ผ่านร้อน ผ่านหนาว ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และไฟสงครามของมนุษย์มานับพันปี

    หลังจากที่ยุคอารยธรรมกรีกเสื่อมถอย และกรุงเอเธนส์ถูกครอบครองโดยอาณาจักรโรมัน วิหารแห่งนี้ ก็ถูกดัดแปลงมาใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของลัทธิเพแกน ของชาวโรมัน

    แต่ต่อมาในยุคคริสต์ วิหารแห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโบสถ์คริสต์ และเป็นจุดหมายของการแสวงบุญของผู้ศรัทธาชาวคริสเตียนในยุโรป

    แต่พอมีถึงยุคจักรวรรติออตโตมันเรืองอำนาจ ยกทัพมายึดกรุงเอเธนส์ วิหารพาร์เธนอน ก็ถูกใช้เป็นสุเหร่าของชาวมุสลิม

    เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาชาวเติร์ก แห่งออตโตมัน ยังเอาวิหารมาใช้เป็นคลังอาวุธ เก็บกระสุนเดินปืน เมื่อต้องทำสงครามกับพวกเวนิส ในปี 1687 แล้วก็เกิดระเบิดภายในวิหาร ความแรงของระเบิดทำให้ กำแพง และเพดานวิหารถล่มลงมาครึ่งหนึ่ง รูปปั้นแกะสลักภายในตัววิหารเสียหายหนักมาก และมีบันทึกว่า มีผู้เสียชีวิตภายในวิหารมากถึง 300 คน

    จนกระทั่งการมาถึงของท่านโธมัส บรูซ เอิร์ลที่ 7 แห่งตระกูลอิลกิน ที่เป็นเอกอัครราชฑูตอังกฤษ เดินทางไปกรุงเอเธนส์ ในปี 1798 เกิดสนใจแถบแกะสลักหินอ่อนแห่งพาร์เธนอนขึ้นมา เลยเดินเข้าไปเจรจาขอกับสุลต่านแห่งออตโตมัน ที่ปกครองเอเธนส์อยู่

    โดยท่านเอิร์ลอ้างว่า ได้รับอนุญาตจากสุลต่านแล้ว ก็จัดการถือวิสาสะเข้าไปแงะเอาผลงานแกะสลักหินอ่อนอันสุดยอดของ ฟิเดียส ชิ้นนี้ไปมากกว่าครึ่ง

    นอกจากจะเอาแถบหินอ่อนส่วนใหญ่ไปแล้ว ยังไปขนรูปแกะสลักชิ้นอื่นๆใน วิหารอิเลกเทียม และวิหาร อาธีนา ไนกี ด้วย

    โดยความตั้งใจแรกคือ จะเอาไปประดับตกแต่งในคฤหาสถ์ส่วนตัวหลังจากกลับไปอังกฤษแล้ว

    แต่ปรากฏว่า ค่าขนส่งจากเอเธนส์ ไปลอนดอน ราคาสูงมาก ท่านเอิร์ลจ่ายจนหมดตัว จึงจำเป็นต้องขายงานศิลปะทั้งหมดที่ขนมาให้แก่รัฐบาลอังกฤษ

    แล้วรัฐบาลอังกฤษก็นำงานศิลปะจากวิหารพาร์เธนอน ไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อังกฤษ หรือ British Museum ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แถมยังเรียกว่า "Elgin Marbles" หรือ งานหินอ่อนของตระกูลอิลกิน

    และอ้างสิทธิ์ว่า เก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัยในลอนดอน ดีกว่าจะทิ้งให้เสียหายยิ่งไปกว่านี้หากยังอยู่ในเอเธนส์ ที่ยังมีภัยสงคราม

    แต่พอเวลาผ่านเนิ่นนาน หลายร้อยปี จนสงครามโลก 1-2 ก็จบไปแล้ว อังกฤษก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคืนแถบหินอ่อนนี้ให้กับกรีซ

    และรัฐบาลของกรีซก็ทวงถามมาหลายสิบปี เพราะความตั้งใจของกรีซคือ ต้องการรวบรวมแถบหินอ่อนแห่งพาร์เธนอนนี้ ให้ครบเป็นงานผืนเดียวกันอีกครั้ง

    จากแถบหินอ่อนความยาวกว่า 160 เมตร
    - เหลืออยู่ในเอเธนส์ 50 เมตร
    - จัดโชว์อยู่ในบริติช มิวเซียมเต็มขนาดถึง 80 เมตร
    - 1 ท่อนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ที่ปารีส
    - อีกเสี้ยวกระจายอยู่หลายพิพิธภัณฑ์ ทั้งในอิตาลี เยอรมัน ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์

    ถ้าอังกฤษส่งคืนงานผืนใหญ่กว่า 80 เมตรมา ชิ้นส่วนย่อยๆ ก็จะตามได้ไม่ยาก

    แต่อังกฤษก็ยังไม่ยอมคืนให้กรีซ

    และหนึ่งในข้ออ้างที่อังกฤษยังเก็บแถบหินอ่อนแห่งพาร์เธนอนชิ้นใหญ่ไว้ เพราะกรีซยังไม่มีที่จัดแสดง ที่เหมาะสม เป็นเกียรติ เป็นศรี สมศักดิ์ศรีงานชิ้นเอกของโลก นี่เอง

    ดังนั้น รัฐบาลกรีซจึงไม่รอช้า ทุ่มงบสร้างพิพิธภัณฑ์ New Acropolis Museum แห่งนี้ จนเสร็จออกมาสวยงาม ยิ่งใหญ่สมใจ ในปี 2009

    แต่สร้างเสร็จมาก็ 10 กว่าปีแล้ว รัฐบาลกรีซก็ทวงแล้ว ทวงอีกกับทางรัฐบาลอังกฤษ ก็ไม่ยอมคืนให้ซักที

    โดยรัฐบาลอังกฤษได้ให้เหตุผลในความอิดออดนี้ว่า เอิ่ม! จะว่ายังไงดี คือศิลปะของโลก ก็เหมือนสมบัติผลัดกันชม เราควรเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกได้มีโอกาสเข้าถึง ชื่นชมได้ง่ายๆ

    อย่างบริติช มิวเซี่ยมของเรา ก็เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมาก รวบรวมงานศิลปะ และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ล้ำค่าจากทั่วโลก มาไว้ในที่เดียวกว่า 8 ล้านชิ้น ในแต่ละปีก็มีคนมาชมถึง 6 ล้านคน และเราเปิดให้ชมฟรี

    แล้วทางกรีซก็มีแถบหินอ่อนอยู่แล้วส่วนหนึ่ง ดังนั้นจะดีกว่าไหม ถ้าอังกฤษจะยังคงเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ให้คนมาชมได้อีก ดีกว่ารวบรวมไปไว้แค่เพียงที่เดียว ชาวโลกหลายคนก็อาจเสียโอกาสที่จะได้ชมงานศิลปะทางประวัติศาสตร์นี้

    เมื่อทางอังกฤษส่งสัญญาณตีมึน กรีซก็ไม่ยอมแพ้ ยืนยันว่าจะขอคืน เพราะแถบหินอ่อนชิ้นนี้ มันจะบอกเล่าเรื่องราวอย่างสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อต่อให้เป็นชิ้นเดียวกัน ถึงจะทรงคุณค่าสูงสุด

    และกรีซก็จะเดินหน้า ทวง ทวง และ ทวง ทุกปี ทุกรัฐบาล จนกว่าจะได้ เพราะมันเป็นสมบัติของกรีซ และควรได้กลับคืนสู่เอเธนส์

    ถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มมีหลายฝ่ายออกมากดดันให้รัฐบาลอังกฤษ คืนงานหินอ่อนแห่งพาร์เธนอนให้กรีซเขาได้แล้ว เพราะมันเป็นสมบัติชาติของกรีซ ไม่ใช่ของยูว์ แต่อังกฤษก็จำเป็นที่จะต้องมี "ความลีลา" นิดนึง

    เพราะอย่างที่เรารู้กันว่า ในบริติช มิวเซียม มีงานศิลปะของชาติอื่น ที่อังกฤษรับมาเป็นของตน ทั้งที่ขอ และ ไม่ได้ขอจากเจ้าของประเทศตัวจริงอยู่เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่สมัยล่าอาณานิคม

    ดังนั้น หากจะคืนให้ง่ายๆ คงไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะมีโจทก์อีกหลายประเทศ ตามมาขอทวงสมบัติชาติของเขาคืนบ้าง เดี๋ยวจะไม่เหลืออะไรให้จัดแสดง อีกหน่อยคงต้องยกสโตนเฮนจ์ ทั้งก้อน เข้ามาจัดแสดงแทนแน่ๆเลยค่า

    แหล่งข้อมูล

    https://www.theguardian.com/world/2...t-greece-urges-uk-to-return-parthenon-marbles

    https://www.theguardian.com/world/2...rlds-largest-receiver-of-stolen-goods-says-qc

    https://news.artnet.com/art-world/greece-parthenon-marbles-1870500

    http://www.parthenon.newmentor.net/museum.htm

    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Elgin_Marbles

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เปิดหีบลงประชามติในรัสเซีย
    #ชี้ชะตาปูตินสู่ตำแหน่งพระเจ้าซาร์

    รัสเซียเริ่มเปิดหีบลงประชามติทั่วประเทศแล้ว ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อดูความเห็นของชาวรัสเซียทีมีต่อการแก้รัฐธรรมนูญ เปิดช่องให้ป๋าปูตินของเรา ที่จะครบเทอมในปี 2024 กลับมาเป็นประธานาธิบดีต่อ จนถึงปี 2036 หรือไม่

    หลังจากที่ท่านป๋าปูตินของเรา สับขาหลอก ปรับคณะรัฐมนตรียกชุดครั้งใหญ่เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ โดยก่อนหน้านี้ป๋าเคยบอกว่า ไม่สนใจจะกลับมาเป็นคืนตำแหน่งแล้ว พอแล้ว อยู่บ้านเลี้ยงหลานดีกว่า

    แต่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าใจว่าแหล่ะ ว่าป๋าปูตินต้องการอะไรกันแน่ ก็จัดการแก้รัฐธรรมนูญให้ ต่อไปนี้ไม่ต้องมีจำกัดเทอม ไม่ต้องเว้นวรรค ให้เสียจังหวะแล้ว ท่านป๋าอยากเป็นประธานาธิบดีกี่สมัย กี่ครั้ง ก็เอาที่ป๋าสบายใจ

    แต่ทั้งนี้ จะประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่เลยทันที ก็จะดูไม่สง่างามในสายตาชาวโลก ดังนั้นจึงต้องทำประชามติ ฟังเสียงชาวรัสเซียเสียก่อน ว่าเขาพร้อมใจจะเนียนไปกับป๋าปูตินหรือเปล่า

    จริงๆแล้ว จะต้องมีการลงประชามติไปตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว แต่ว่าติดปัญหาเรื่องการระบาดของ Covid-19 ในรัสเซีย ที่กำลังเริ่มที่จะพีค เลยจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน

    จนมาเคาะฤกษ์ดี วันเปิดหีบเอาเมื่อวานนี้ 25 มิถุนายนนี่เอง และจะเปิดให้โหวตได้ถึง 1 สัปดาห์เต็ม สามารถมาลงคะแนนด้วยตัวเองตามจุดคูหาที่กำหนด หรือทางออนไลน์ก็ได้ เพื่อให้สามารถจัดการเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมได้

    โดยผู้ที่มีสิทธิ์ชาวรัสเซียจำนวนกว่า 110 ล้านคน ทั่วรัสเซีย ที่มีถึง 10 Time Zone เริ่มลงคะแนนกันได้แล้วตั้งแต่วันพฤหัสนี้ ไปจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม

    โดยการลงประชามติ ไม่ได้ถามเรื่องการโอกาสกลับคืนสู่ตำแหน่งอย่างเดียว แต่ยังรวมเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานของคนเพศเดียวกันด้วย เป็นแพคเกจรวมๆกันไป

    โดยคำตอบก็ง่ายมาก ให้เลือกระหว่าง Yes หรือ No แค่นั้นพอ

    ถ้าหากว่า ผลการลงคะแนนเสียงของชาวรัสเซียออกมาเป็นบวก หรือยอมรับร่างแก้รัฐธรรมนูญใหม่นี้ ก็เท่ากับเป็นบันได เปิดทางให้ป๋าปูติน ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ประหนึ่ง "พระเจ้าซาร์" ได้ง่ายขึ้น ตามลุงสี่ สี่ จิ้นผิง ไปติดๆ หลังจากที่จีน ได้เปิดทางให้ลุงสี่ กลายเป็นฮ่องเต้ไปแล้ว อยู่ในตำแหน่งผู้นำได้อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะเบื่อ หรือไม่ไหว

    แต่สถานการณ์ในรัสเซียช่วงนี้ ทำให้ป๋าปูตินของเรา อาจต้องมีลุ้นนิดหนึ่ง เพราะป๋าก็โดนกระแสลบจากเรื่องปัญหาไวรัสโคโรน่าไปหนักมาก ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งมาอยู่ที่ 3 ของโลก ติดเชื้อกันมากกว่า 6 แสนคน ทำให้คะแนนนิยมป๋าปูตินในช่วงนี้ เหลือแค่เพียง 59% ตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทีเดียว

    อย่างน้อยก็เป็นเครื่องเตือนสติให้ป๋าว่า เรื่องทุกอย่างก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด มีอำนาจสั่งการอย่างเดียวใช่จะสำเร็จทุกอย่าง ต้องมีทีมงาน และกลยุทธที่ดี มีผลงานด้วย

    มีนักข่าวไปถามป๋าให้แน่ใจว่า ตกลงป๋าจะกลับมาหลังปี 2024 นี้แน่นอนใช่ไหม?

    ป๋าปูตินยังสงวนท่าที ตอบเลี่ยงๆ ปฏิเสธพอกรุบกริบว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย ตอนนี้ทำแต่งาน

    แต่พอถามว่า ถ้าอย่างนั้น เริ่มมองหาผู้สืบทอดแล้วหรือยัง?

    ป๋าก็ตอบว่า ผู้สืบทอดจะมีได้ยังไง ในเมื่อป๋ายังทำงานอยู่

    ถ้างั้น ก็ชัดเจนหล่ะค่า ว่าป๋าปูอยู่ต่อ (ถ้ามีโอกาส)

    แต่ป๋าปูตินจะได้สิทธิ์นั้นหรือไม่ หลังวันที่ 1 กรกฎาคม รู้กันค่ะ

    แหล่งข้อมูล

    https://www.france24.com/en/20200625-russia-vladimir-putin-referendum-2036-term-plebiscite-covid-19

    https://www.themoscowtimes.com/2020...voting-for-in-putins-constitution-poll-a70692

    https://www.upi.com/Top_News/World-...tin-to-keep-power-gay-marriage/6941593088018/

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธปท.เริ่มทดสอบชำระเงิน 'บาทดิจิทัล' ภาคเอกชน ก.ค. 2563 นี้

    ธปท.ขยายโครงการพัฒนาระบบต้นแบบการชำระเงิน โดยใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางไปสู่ภาคธุรกิจเอกชนเป็นครั้งแรก เตรียมเริ่มต้นทดสอบในเดือน ก.ค.2563 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563

    https://www.tcijthai.com/news/2020/6/current/10563

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ อ่วม ติดโควิดทะลุ 2.5 ล้านราย 12 รัฐระงับคลายล็อกดาวน์
    ยอดสะสมของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ทะลุ 2.5 ล้านรายแล้ว ในขณะที่หลายรัฐทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น จนทางการต้องสั่งระงับแผนคลายล็อกดาวน์
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การเมืองโลกเรื่อง “วัคซีนโควิด-19”
    ประเทศ “รวย” ยิ่งมีโอกาสได้ใช้ก่อน
    .
    .
    แม้ประเทศที่มีการระบาดของโควิด – 19 จะน้อยลง และการ “ล็อคดาวน์” แบบเข้มข้นได้ผ่านไปแล้ว แต่ “อัตราเร่ง” ของยอดผู้ติดเชื้อกลับสูงขึ้น ผู้ป่วยใหม่รายวัน แข่งกันทำสถิติใหม่ ผู้ติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ก็เพิ่มมากขึ้นในหลักล้านคน ขณะเดียวกัน การเริ่มปะทุใหม่ของผู้ติดเชื้อในหลายประเทศที่คิดว่าจะจบแล้ว จัดการได้ดีแล้ว ทำให้ทั่วโลกยังตั้งการ์ดสูง ประมาณการณ์ในตอนแรกที่คิดว่าเรื่องนี้จะทุเลาขึ้นมากภายในสิ้นปี ไม่ได้จบง่ายอย่างนั้นอีกต่อไป...
    .
    นั่นทำให้เสียงเรียกร้องเรื่องการเร่งพัฒนา “วัคซีน” ซึ่งดูเหมือนเป็นหนทางเดียวในการจบเรื่องอันปั่นป่วน วุ่นวายนี้ หนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลทั่วโลกทุ่มเงิน ทุ่มสรรพกำลัง ลงไปที่การวิจัยและพัฒนาวัคซีน รวมถึงเตรียมสายการผลิตให้พร้อมเดินเครื่องได้ทันที รัฐบาลไทยประกาศเลื่อนเวลา “เดตไลน์” ของวัคซีนที่พัฒนาขึ้นเองในประเทศ จากปลายปี 2564 มาเป็นกลางปี เช่นเดียวกับรัฐบาลประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน หรือยุโรป
    .
    คำถามก็คือ แล้วความคืบหน้ามากที่สุดอยู่ที่ไหน? แล้วในที่สุด วัคซีน จะถูกส่งต่อไปครบทุกประเทศทั่วโลกจริงหรือไม่ หรือจะยังกระจุกเฉพาะในประเทศร่ำรวย ซึ่งบริษัทยาชั้นนำของโลกตั้งอยู่เท่านั้น?
    .
    ปัจจุบัน หนึ่งในวัคซีนที่มีความคืบหน้ามากที่สุดคือ วัคซีนจากความร่วมมือของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัท AstraZeneca ซึ่งตามแผน ระบุว่าพร้อมแจกจำหน่ายให้กับชาวอังกฤษภายในเดือน ก.ย. นี้ หรืออีกราว 2 เดือนข้างหน้า โดยรัฐบาลอังกฤษทำข้อตกลงกับผู้ผลิตว่าจะสามารถผลิตได้เบื้องต้น 30 ล้านโดส และอีก 70 ล้านโดส จะตามมาภายหลัง
    .
    ขณะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ก็ทำ “ดีล” ไว้กับวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัท Moderna กับสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ซึ่งกำลังเข้าสู่การทดลองเฟส 3 ในประชากรกว่า 3 หมื่นคน ในเดือน ก.ค. นี้ ว่าหากวัคซีนพร้อมใช้งานเมื่อไหร่ ผู้ผลิตจะต้องส่งวัคซีน 300 ล้านโดส ให้ชาวอเมริกันได้ใช้งานก่อน ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดหวังว่า วัคซีนจะเริ่มใช้ได้ทันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย. นี้
    .
    นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ ได้รวมตัวกันเป็น “พันธมิตร” ด้านวัคซีน โดยพร้อมสนับสนุนเงินทุนให้กับบริษัทที่ผลิตและพร้อมส่งวัคซีนล่วงหน้าให้กับประเทศในสหภาพยุโรปก่อน ส่วนแคนาดา บราซิล และ UAE ทำข้อตกลงกับบริษัทจีน 3 บริษัท ให้ทดลองวัคซีนเฟส 3 ในมนุษย์ ในประเทศของตัวเอง ภายใต้ข้อแลกเปลี่ยนว่า หากวัคซีนพร้อมใช้งานเมื่อไหร่ บริษัทเหล่านี้ จะพร้อมจัดจำหน่ายให้กับทั้ง 3 ประเทศเป็นลำดับแรกๆ
    .
    Cansino Biologics, Sinovac Biotech และ China National Biotec Group กำลังอยู่ระหว่างหาประเทศที่พร้อมจะทดลองวัคซีนเช่นเดียวกัน เนื่องจากในจีนนั้น กลุ่มตัวอย่างที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัส – 2019 นั้น มีน้อยเกินไปกว่าที่จะทดลองเป็นวงกว้าง จึงหาทางทำข้อตกลงกับประเทศในละตินอเมริกา หรือแอฟริกา ที่กำลังเป็นพื้นที่ระบาดหนักในขณะนี้ ให้เป็นพื้นที่ทดลองของวัคซีนเฟส 3 ในมนุษย์
    .
    ขณะที่ไทย ก็เช่นกัน กำลังแสวงหาความร่วมมือกับบริษัทวัคซีนในจีน และเร่งกระบวนการผลิตเอง เพื่อไม่ให้ “ตกขบวน” ในเวลาที่ประเทศอื่นทั่วโลก เริ่มใช้วัคซีนกันหมด..
    .
    จาง ลี ผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์นวัตกรรม ประจำ GAVI หรือ Global Alliance for Vaccines and Immunization องค์กรการกุศลด้านวัคซีนซึ่งก่อตั้งโดยมูลนิธิ บิล - เมลินดา เกตส์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว South China Morning Post ระบุว่า วัคซีนโควิด – 19 นั้น มีความซับซ้อนมากกว่าวัคซีนอื่น เพราะสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ เมื่อถึงจุดที่วัคซีนพัฒนาเสร็จ จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ชาตินิยม” ด้านวัคซีน ประเทศที่รายได้ต่ำ จะต้อง “รอคิว” จนกว่าประเทศร่ำรวย และประเทศที่ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทยา ได้ใช้วัคซีนที่ผลิตเสร็จก่อนใคร ทั้งที่ทั่วโลก ต่างก็ต้องการวัคซีนไม่แพ้กัน
    .
    ลี บอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ จะวางแผนการจัดการความต้องการของแต่ละประเทศอย่างไร และจะทำอย่างไรให้โรงงานวัคซีนทั่วโลกที่มีไม่มากนัก สามารถผลิตได้ในจำนวนที่เพียงพอ และแจกจ่ายไปในประเทศที่มีความต้องการมากกว่า โดยเฉพาะในประเทศยากจน ที่ระบบสาธารณสุขไม่ได้ดีมากนัก ซึ่งควรจะวางแผนกันในระดับโลก มากกว่าจะให้แต่ละประเทศไปดีลกับผู้ผลิตวัคซีนกันเอาเอง
    .
    ขณะที่ หลี่ หยีเนา ผู้อำนวยการมูลนิธิ บิล - เมลินดา เกตส์ ประจำจีน บอกว่า เทคโนโลยี อาจเป็นคำตอบในการแก้ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน และความต้องการวัคซีน ในแต่ละประเทศ เพื่อให้การแจกจ่ายเข้าถึงทุกคน และตรงกับความต้องการของแต่ละประเทศจริง โดยเฟสเริ่มแรกของวัคซีน ควรจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดคือเฉพาะ “กลุ่มเสี่ยง” อย่างบุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุก่อน มากกว่าจะหว่านไปทั่ว โดยที่ไม่มีจุดหมาย ไม่มียุทธศาสตร์
    .
    เพราะจนถึงวันนี้ ไม่มีใครที่จะมีภูมิคุ้มกันทันที ในเวลาไม่กี่วัน และก็ยังไม่มีใครรู้ว่าต้องรับวัคซีนคนละกี่โดส จนกว่าจะมีภูมิคุ้มกันจริงๆ
    .
    และหากยังปล่อยให้การเมืองนำวัคซีน แจกเฉพาะกลุ่มที่มีโอกาสเข้าถึงก่อน มีทรัพยากรมากกว่า สุดท้าย วัคซีนที่คาดหวังว่าจะเป็นคำตอบของการจัดการโรคนี้ อาจไม่ได้แก้ปัญหาอย่างที่คิด และอาจนำไปสู่ความ “ปั่นป่วน” ในขั้นตอนการแจกจ่ายวัคซีนก็เป็นได้
    #COVID19 #โควิด19 #วัคซีนโควิด

    อ้างอิงจาก
    https://www.scmp.com/news/china/soc...ccine-deals-lead-poorer-countries-missing-out
    https://www.scmp.com/news/world/afr...us-africa-risk-being-pushed-back-line-vaccine
    ขอบคุณภาพจาก AFP วัคซีนทดลองที่จะทดสอบให้กับผู้เข้าร่วมทดลองในโซเวโต ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันพุธที่ 24 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,654
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “จากญี่ปุ่น” วารสารจากสถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย เลยให้ความรู้เพิ่มเกี่ยวกับ “อาหารพื้นบ้านของกรุงโตเกียว” ที่คนไทยอาจไปเยือนหลายครั้ง หลายรอบ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์กับอาหารหน้าตาแปลกนี้ เพราะในแต่ละท้องถิ่นของญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการบริโภคที่หลากหลาย ด้วยวัตถุดิบที่ไม่เหมือนกัน ทำให้มีอาหารพื้นเมืองมากมาย ไม่ใช่มีแต่เพียงปลาดิบ ซูชิ ข้าวหน้าปลาไหล ชาบูชาบู ข้าวราดแกงกะหรี่ หรือเบนโตะทั่วไป

    ฟุกะงะวะเมชิ
    “ฟุกะงะวะเมชิ” เป็นอาหารประเภทข้าวที่ราดหรืออบกับหอยชนิดต่างๆ ด้วยในอดีตพื้นที่ทะเลบริเวณฟุกะงะวะ ปัจจุบันคือเขตการปกครองพิเศษโคโต ในกรุงโตเกียว สามารถจับหอยลายได้เป็นจำนวนมาก จึงนำมาปรุงอาหาร เช่น ต้มในซุปมิโซะ ต้มเคี่ยวกับโชยุและน้ำตาล (ทซึคุตะนิ) แต่เมนูที่ชาวประมงนิยมสุดคือ “ฟุกะงะวะเมชิ” ข้าวหน้าหอยลายแกะเปลือกที่นำมาต้มกับเครื่อง ปรุงรสต่างๆ ต้นกำเนิดมาจากการทำขึ้นง่ายๆ เพื่อประทังชีวิตบนเรือ มีทั้งแบบราดบนข้าว หรืออบไปพร้อมกับข้าว

    มงจะยะกิ
    “มงจะยะกิ” คนไทยรู้จัก “โคะโคะโนะมิยะกิ” อาหารพื้นบ้านของ จ.โอซากา กรุงโตเกียว ก็มีอาหารจำพวกแป้ง ที่มีแป้งสาลีเป็นวัตถุดิบหลักผสมกับน้ำ จากนั้นเพิ่มเติมส่วนผสมตามชอบ เช่น เนื้อหมู หรือกะหล่ำปลี วางบนกระทะจนสุก ใครไปก็อย่าลืมแวะได้ที่ย่าน “ทซึคิชิมะ” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “ถนนแห่งเมนูอาหารมงจะยะกิ” มีร้านขายเฉพาะมากถึง 60 ร้าน

    จังโกะนะเบะ
    “จังโกะนะเบะ” อาหารประเภทหม้อไฟที่นักกีฬาซูโม่รับประทานทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย ปกติแล้วมีวัตถุดิบหลักเป็นเนื้อไก่หรือเต้าหู้และผักต่างๆ ไปกรุงโตเกียวก็ต้องอย่าลืมพลาดแวะชิมหม้อไฟรสชาติต้นตำรับล่ะ

    ทซึคุดะนิ
    “ทซึคุดะนิ” คือการแปรรูปอาหารที่ใช้วัตถุดิบหลักจากท้องทะเล ต้มเคี่ยวกับน้ำซอสรสเค็มหวานที่ปรุงด้วย น้ำตาล โชยุ น้ำเชื่อม มิริน จนเข้าเนื้อ ที่เป็นการถนอมอาหารมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยทั่วไปทานร่วมกับข้าวปั้น หรือโอชาสึเกะ (ข้าวต้มน้ำชา) ชื่อเรียกนี้มาจากชื่อ “ทซึคุดะจิมะ” ย่านศูนย์กลางการประมงของเอโดะ ปัจจุบันเป็นเขตปกครองพิเศษชูโอ ต้นตำรับการทำทซึคุดะนิ

    นิงเงียวยะกิ
    “นิงเงียวยะกิ” ขนมอบในแม่พิมพ์ ส่วน ประกอบมีแป้งสาลี ไข่และน้ำตาล มีทั้งแบบใส่ไส้ที่ทำจากถั่วแดงกวน และแบบไม่มีไส้ แม่พิมพ์ที่ใช้ในการอบเป็นรูปทรงตัวละครในวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น ตัวละครในหุ่นกระบอกบุนระคุ หรือเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้งเจ็ด แล้วยังนำตัวการ์ตูนจากแอนิเมชันที่ได้รับความนิยม ชื่อขนมมาจากเมือง “นิงเงียว” เขตปกครองพิเศษชูโอ ซึ่งเป็นต้นตำรับของขนมนี้

    คะมินะริโอะโคะชิ
    “คะมินะริโอะโคะชิ” ขนมยอดนิยมที่ให้รสสัมผัสแบบกรุบกรอบ ทำจากข้าวพอง น้ำเชื่อม น้ำตาล ถั่วผสม-ผสานนวดจนแข็งเป็นก้อน ว่ากันว่า ร้านค้าแผงลอยใกล้ๆประตูคะมินะริของวัดอะซะคุซะ เริ่มนำมาขายในช่วงกลางสมัยเอโดะ ชื่อขนมก็มาจากประตู “คะมินะริ” รวมถึงความหมายมงคลแฝงแปลว่า “สร้างบ้าน สร้างชื่อเสียง”

    แล้วอย่าลืมทุกครั้งก่อนรับประทานตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นมีอยู่ 2 คำ คือ “อิตะดะคิมะสุ” ซึ่งเป็นคำที่คนโบราณของญี่ปุ่นพูดก่อนรับประทานของเซ่นไหว้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและขอบคุณต่อเทพเจ้า ซึ่งยังสะท้อนถึงการขอบคุณต่อผู้ที่สรรหาอาหารมาให้ และต่อชีวิตที่สูญเสียไปเพื่อมาเป็นอาหารให้เราได้รับประทาน ส่วนคำว่า “โกะจิโซซะมะ” ใช้พูดหลังอาหาร มาจากคำว่า “จิโซ” หมายถึง การวิ่งวุ่น ด้วยสมัยก่อนการจัดหาวัตถุดิบอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องขี่ม้าออกไปไกลให้แขกหรือลูกค้า จึงใช้คำเพื่อเป็นการขอบคุณต่อผู้ที่ต้องเหนื่อยยากในการเดินทางหาของมาทำเป็นอาหาร...

    @เจ๊หม่า

     

แชร์หน้านี้

Loading...