ได้ยินแต่เสียงทิพย์ทั้งวันทั้งคืน

มีใครฝึกสมาธิแล้วได้ยินเสียงทิพย์ทั้งวันทั้งคืนบ้างไหมครับ แต่ไม่ได้เป็นเสียงอะไรน่ากลัว เป็นเสียงแนวกุศล เพราะมากด้วย เหมือนอยู่ในวัดตลอดเวลา บางทีดังจนแบบไม่อยากจะเชื่อว่าคนอื่นเขาไม่ได้ยินด้วย

 

เสียงสวดมนต์เป็นกลุ่ม ตอนเด็กๆ
แต่ไม่ขนาดแบบได้ยินทั้งวันทั้งคืนครับ

ถามทำไมหรือครับ

 

อย่าไป สังเกต แค่ เสียงทิพย์ หรือ อะไรสุดละเอีบด

ให้ เพิ่ม การสังเกตว่า เหน นิพพานไหม

เข้าถึง นิพพาน ด้วยหรือเปล่า

หรือ ยังชอบกล้วยไข่ เหมือนเดิม

กล้วยหักมุข เผาสุกกินดี

กล้วยบวชชี อยู่สิงห์บุรีมั้ง

แต่ ยังชอบ กล้วย....ไข่

.....

กิเลส บางที ยังคด
อยู่ในข้อ

งอในกระดูก....

กระดูก

กระดู๊ก



พอสังเกตได้แบบนี้ ก้ตะได้
ทางเข้า วิปัสสนาอ่อนๆ

เหมือน ได้ลงนวม ไม่อ่อนซ้อม อะฮับ

 

สวัสดีตอนเช้า ถ้าอายุ30+จะได้ยินบ่อยครับ...

 

เล่าให้ฟังเล่นๆครับ

ถ้าจะพัฒนาไปถึงระดับที่มีความ
สามารถพิเศษทางด้านหูนั้น
ทั่วไป จะต้องได้ยินคลื่นเสียงผีคุย
กันได้เหมือนได้ยินคนทั่วไปพูดกัน
ในเวลาปกติ และความสามารถ
แบบนี้มักจะมาพร้อมกับตาพิเศษ


และทิศทางของคลื่นเสียงที่เข้ามา
ทางกาย ทิศทางที่เข้ามายังพอบอกระดับ
กำลังคลื่นเสียงนั้นๆได้
เช่น มาทางหูซ้ายไม่ชัด หูขวาชัดเจน กลางรูหูขวาเสียงปกติ มุมบนขวาสูง หลังศรีษะ ข้างแกนกลางกระโหลก กลางลิ้นปี่ แกนกลางกระโหลก เสียงคลื่นมาเป็นเส้นทางหูขวา ไกลไร้ตำแหน่ง การกระทบกันของอวัยวะสัตว์แล้วแปลเป็นภาษากลาง เสียงหูอื้อที่ออกจากแกนกลางกระโหลกขึ้นไปเหนือศีรษะ เสียงคล้ายระเบิดออกจากกลางศรีษะ เสียงปลีกแมลงดังเหมือนผึ้งบินมาทั้งฝูง รวมทั้งสวดมนต์เป็นกลุ่ม หรือ เหลือสวดเดี่ยวจากสวดกลุ่ม(กรณีถ้าบันทึกเสียงไว้) เป็นต้น พวกนี้เป็นแค่กิริยานามธรรมปกติ ไม่ได้ถือว่ามีความสามารถทางด้านหูอะไร สามารถรับรู้ได้เพียงแค่จิตสงบ
แต่ก็พอบอกอะไรๆได้เท่านั้น


ส่วนคลื่นเสียงหูอื้อออกข้างเดียว สองข้างแต่ไม่ขึ้นบนศรีษะ เสียงวนในศรีษะ เสียงวิ้งๆ ที่มาพร้อมกับอาการ ได้เสียงไม่เท่ากันของหูสองด้าน(ทดสอบเอาช้อนเคาะกันข้างหูดูได้) ตลอดจนอาการ หลงระดับความสูงในการเดิน
พวกนี้เป็นปัญหาสุขภาพทางหูครับ

ที่เล่ามาถ้าไปยึด หรือไม่แก้ไข
จะกลายเป็นปัญหาสุขภาพทางจิตได้

ปล สังเกตุนะครับจะใช้คำว่า คลื่นเสียง

 

กระทู้นี้ไม่น่าสนใจ อาตมาขอผ่าน..

ไม่ใช่ทางที่เป็นไปเพื่อสิ้นตัณหา..

อาตมา ไม่ขอตอบคำถามตามชื่อกระทู้ นะ โยม นะ..

 

ขอตอบเป็น สาระบ้างละกันครับ
ปฎิบัติธรรมแล้ว มีอะไรดีๆเกิดขึ้น
อย่าเอาเข้าตัว ประมาณว่า เพราะเราดีเราเก่ง เราจึงได้พบเจอเรื่องประหลาดมหัศจรรย์..
.แต่ ต้อง คิดว่าเป็นเพราะอะไรทำให้เราได้สิ่งเหล่านี้ ..
ระรึึึึึกได้ ก็อาจเรียกว่าถึงพระรัตนไตร..
เห็นธรรม เห็นพระพุทธเจ้า ครับ
เพราะบางที่ สิ่งที่เรสพบเห็น อาจไม่ใช่เพราะเก่ง เราจึงเห็น แต่อาจเป็นเพราะ .ครูบาอาจารย์...ท่านทำให้เห็นก็ได้นะครับ
แล้วเเดี๋ยว มันก็จะต้องดับไปแน่นอน...

 

พวกนี้ อยู่ในโหมดสมถะอยู่ เป็นแค่ผล แค่กิริยาระหว่างทางที่เกิดขึ้นได้ปกติ
ไม่ได้มีอะไรพิศดารเลย.. คนไม่ฝึกสมาธิอะไรเลยก็รับรู้สัมผัสได้
บางคนเกิดมาก็มีความสามารถด้านนี้เลย นั่นเพราะตัวจิตเค้าชอบ
ส่วนคนที่ฝึกมา ก็อาจจะรับรู้ได้ละเอียดขึ้นมากน้อย แล้วแต่ระดับสมาธิที่ตนเองเข้าถึง
แต่ส่วนมากยังไม่อยู่ในระดับที่ใช้งานได้เท่านั้นเอง มักจะไปหลงในกิริยานามธรรม
ระหว่างทางกันซะส่วนมาก เลยแอบคิดลึกๆว่าตนเองไม่ใช่ธรรมดา
กิริยาพวกนี้ถ้าพูดง่ายๆ ถ้ายึดก็จะกลายเป็น ปรุงให้เราหลงตัวเองเล่นๆได้
ยกเว้นบางท่าน ที่ใช้ประโยชน์กับเรื่องทำนองนี้ ก็พอมีอยู่บ้าง
โดยเฉพาะพระเกจิทั้งหลาย....

ส่วนฆารวาส
ยกเว้นว่าใครจะพลิกไปทางวิปัสสนาได้ พอมีประโยชน์อยู่
ก็ถือว่า ยังอยู่ในแนวทาง ปัญหาคือ จะพลิกไปวิปัสสนาอย่างไรนั่นแระ
จะแนะนำได้ไหม

ปล. ห้องอภิญญา-สมาธิ นะครับ
ลืมอะไรหรือเปล่า....

ไม่ใช่ห้องนิพพาน ห้องปัญญาญาน ห้องปัญญา นะครับ
ที่ถามอะไรมาเกี่ยวกับ สมาธิ ถามเกี่ยวกับกิริยาระหว่างทาง
ถามเกี่ยวกับสัมผัสทางนามธรรม แล้วจะต้องจัดแบบให้ไม่มีกิเลสเลย
นั่นมันระดับ อรหันต์ ก็ไม่ต้องมาเล่น มาถามอะไรแล้วครับ

หากมีคน มาถามอะไรที่เกี่ยวข้องกับ สมาธิมาถ้าเราคิดว่าเรามีประสบการณ์
มีองค์ความรู้พอ ถ้าแนะนำได้ก็แนะนำไปเหอะ
ให้ผู้อ่านไปพิจารณาเอาเองครับ

เพียงแต่ต้องไม่ลืมว่า พุทธศาสนาเน้นอะไรนั่นเอง
แทรกๆไปบ้าง ไม่มีอะไรหรอกครับ

และที่สำคัญก็คือ อย่าไป ข่ม ไปด่า ไปตำหนิ
ไปว่า คนที่มาถาม และอย่าพยายามยกตน
อวดตน ข่มผู้แนะนำ มีอะไรก็บอกกันดีๆได้
เพราะถ้าเค้ารู้ เค้าไม่มาถามหรอก
บางคนก็ไม่ได้อยากรู้คำตอบ
เพียงแค่อยากแบ่งปันประสบการณ์บ้าง
ทุกคน เริ่มต้นจากคลานทั้งนั้นหละครับ

ไม่มีใครเกิดมา แล้ววิ่งได้ บรรลุธรรมได้เลยหรอกครับ
ทุกคนก็รู้ ในมุมที่ตนเองเข้าถึงทั้งนั้นแระครับ
อย่าไปคิดว่า มุมที่ตนเองรู้คือที่สุด
แล้วต้อง ยัดเยียดให้ทุกคนต้องคล้อยตาม
แบบนี้ เค้าเรียกว่า อัตตาตัวตนครับ

เครเนาะ...

 

+++ อย่าเพิ่งใช้คำว่า "เสียงทิพย์" อย่างง่าย ๆ เวลาได้ยินเสียง "ให้ทำดังนี้"

+++ 1. ทำความรู้สึกที่ "ใบหู + ข้างในรูหู ทั้งสองข้าง" แล้วให้ "รู้สึก อยู่อย่างนั้น"
+++ 2. ปรับความรู้สึก "ข้างใน รูหูทั้งสองข้าง ให้เท่ากัน" (เพื่อปรับ สติ บางส่วน)
+++ 3. ปล่อยให้ "เสียง" มันเป็นไปเอง จนกว่า "เสียงจะออกไปอยู่ ข้างนอก"
+++ 4. หากมันเป็น "ที่หมอเรียกว่า ทินไนตัส (Tinnitus)"
*** รายละเอียดอยู่ที่นี่ https://eartone.co.th/เสียงในหู.html
+++ 5. หากเป็น Tinnitus โดยที่เรา "ไม่ปล่อยอารมณ์ ให้เคลิ้มไปกับมัน"
+++ มันจะกลับกลายมาเป็น "คลื่นความถี่สูง" เฉย ๆ

+++ เรื่องของ "ความจำ" โดยไม่ใช้ "ความคิด" เข้าเจือปน (บทพิสูจน์ "เสียงทิพย์")

+++ 1. ให้ "นึก" ถึง เพลงที่ชอบแบบ "ติดใจ" ในอดีต
+++ 2. ให้เริ่มตั้งแต่ "ต้นเพลง" แล้ว "ปล่อย" ให้เพลงแทรกซึมเข้ามา
+++ 3. ห้าม ร้องหรือฮัมเพลง ตามเสียงหรือทำนอง ที่จำเข้ามานั้น (ห้ามแทรกแซง)
+++ 4. ปล่อย ให้ ท่วงทำนองและจังหวะต่าง ๆ แทรกซึมเข้ามาเอง
+++ 5. จนกว่า เสียงจาก "วงดนตรีทั้งวง" ตั้งอยู่แบบ "รายล้อม ข้างนอก ตัวเรา"
+++ 6. แล้วกลายเป็น "เสียงมิติ" ของ เครื่องดนตรีแต่ละชิ้น "แยกออกจากกัน"
+++ 7. ตรงนี้ จะเป็น "เสียงทิพย์" ที่เกิดจาก "ความจำ" โดยไม่มี "ความคิด" เข้าผสม

+++ หาก "ตัด" เรื่องของ "Tinnitus + เสียงจากความจำ" ออกไปได้
+++ แล้วจึงค่อย สรุป ได้ว่า "เสียง" นั้น ๆ เป็น "เสียงทิพย์" จากจิตอื่น ได้
+++ ไม่ต้องรีบ "ด่วนสรุป" ว่าเป็น "เสียงทิพย์" จนกว่าจะ พิสูจน์ได้ว่า "ไม่ใช่ตน"
+++ ไม่ว่าจะเป็น "เสียงสวดมนต์ ดนตรีไทยดั้งเดิม หรือ อื่น ๆ"

+++ ลองทำเรื่อง บทพิสูจน์ "เสียงทิพย์" ดูสัก 4-5 รอบ
+++ ต่อไปก็จะ "จำแนกเสียงต่าง ๆ ได้เอง" ตามความเป็นจริง นะครับ

 

อยากหูดีแบบเข้ามั้ง
จะขอเพลงร็อก

 

ถ้าจะไปทางวิปัสสนานะครับ
ฝากข้อความไว้พิจารณานะครับ

"ได้ยินเสียงคลื่นวิทยุ
จะไม่ได้ยินเสียงแมลง"

"ช่วงว่างที่ไม่มีเสียงคลื่นวิทยุ
ไปฟังเสียงแมลง
ก็จะได้ยินแต่เสียงแมลง
แม้เสียงคลื่นวิทยุจะกลับมา"

 

+++ จิงป่าวง่ะ...
+++ ลองทำดูตามข้อ 1-7 ก็จะรู้เองว่า "หู" ไม่เกี่ยว
+++ จิง ๆ ไม่อยากใช้ ภาษาที่ฟังแล้ว "มึน"
+++ แต่ความจริง คือ นั่นเป็นวิธี "แยก สัญญา ออกจาก สังขาร"
+++ แต่ใช้คำพูดง่าย ๆ คือ "ไม่เอาความคิดเข้าไป แทรกแซง ความจำ"
+++ เมื่อ "ทำได้จริง" เมื่อไร ก็จะรู้จัก "สัญญาบริสุทธิ์ ที่ไร้สังขาร"
+++ และ "สัญญาบริสุทธิ์ เท่านั้น สามารถ ระลึกย้อนกลับได้"
+++ และสามารถ "ย้อนกลับจนถึงชาติที่ ตน เริ่มมี สติ"
+++ เห็นมีแต่พูดว่า "รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ"
+++ แต่เอาเข้าให้จริง ๆ เคย "แยก" มันออกจากกันได้ป่าว...
+++ แยกได้จริง ทำได้จริง จึงรู้จักภาษาที่เรียกว่า "ทิพย์" ได้จริง

+++ ถ้าทำได้ตามที่บอก สิ่งที่เรียกว่า "วิชชา 3" จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
+++ อธิบายไป ก็ เสียเวลาเปล่า ก้าวแรกยังไม่ได้เดิน ก็เท่านั้นแล...

+++ ใช้ "สัญญาบริสุทธิ์" นั่งท่ามกลาง "ร็อกทั้งวง" กระหึ่มไปทั้งโลกา
+++ ถ้า "ทำไม่ได้" ก็ On The Rock ไปสักหลาย ๆ แก้ว
+++ เด๋วก็ ร็อกออกมาเอง 555 .......

 

ส่วนมากมันวางใจให้กลางไม่ได้ถ้าเป็นเรื่องตัวเอง
ชอบไปปรุ่งแต่ง

 

อยากฟังต้องหาเปิดฟังเอง55
ดีหน่อยตรงเลือกเพลงได้

 

เจ้าของกระทู้มาตั้งกระทู้แล้วหายไปเลย "ละแมะ ละแมะ ละไม่ว่างจริงๆ อะหรือ อะหรือ หรือว่าต้องการคำตอบอื่น"555